Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

กรังด์ปรีซ์ฯทุ่มงบรางวัลกว่า 1 ล้านบาท ประเดิมศักราชใหม่ ในกิจกรรม “มิสมอเตอร์โชว์ 2013” พร้อมเปิดรับสมัครสาวมั่น วัยใส ตั้งแต่วันนี้ – 2 กุมภาพันธ์ 2556


 บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเดิมกิจกรรมแรกของปีอย่างเป็นทางการด้วยการเปิดรับสมัคร หญิงสาวที่มีความโดดเด่น กล้าแสดงออก มั่นใจ มีปฏิภาณไหวพริบ เฉลียวฉลาด และเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าร่วมการประกวดชิงตำแหน่ง “มิสมอเตอร์โชว์ 2013” เพื่อเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” งานระดับชาติ ที่รู้จักกันทั่วโลก โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2556 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอล อิมแพค เมืองทองธานี

หลังจากห่างหายกันมา 1 ปีกับเวทีการประกวด “มิสมอเตอร์โชว์” ด้วยเหตุอุทกภัยน้ำท่วมจนบิ๊กบอส ค่ายกรังด์ปรีซ์ฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้งดการประกวดที่ต้องมีขึ้นในปี 2555 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้น้องๆ มุ่งเน้นหนักกับการศึกษา หลังจากที่สูญเสียโอกาสไป จากเหตุน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา

สำหรับปี 2556 ที่จะถึงนี้ เวทีแห่งมิตรภาพ สื่อกลางแห่งการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ พร้อมโอกาสก้าวสู่วงการบันเทิง ในกิจกรรม “มิสมอเตอร์โชว์ 2013” เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ - 2 กุมภาพันธ์ 2556 เพียงแค่สาวใดมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1. เพศหญิง อายุระหว่าง 16-22 ปี 
2. ส่วนสูง 165 ซม. ขึ้นไป
3. การศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าขึ้นไป
4. บุคลิกภาพดี กล้าแสดงออก

เตรียมเอกสารมาสมัครด่วน

1. รูปถ่ายเต็มตัวขนาด 6 x 4 นิ้ว 1 รูป
2. รูปถ่ายขนาดหน้าตรง 6 x 4 นิ้ว 1 รูป
3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
4. สำเนาบัตรประจำตัวนักศึกษา
5. ค่าสมัคร 400 บาท 

ด้านนายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และรองประธานจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” กล่าวว่า “งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ซึ่ง ถือเป็นงานมอเตอร์โชว์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียและยังได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติอีกด้วย ส่งเสริมชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนการประกวดมิสมอเตอร์โชว์เองก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สร้างสีสันได้อย่างมากควบคู่กับการจัดงาน “มอเตอร์โชว์” มาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องโดยปีนี้เป็นปีที่ 18 แล้ว ไม่นับรวมที่งดการประกวดจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่ได้รับตำแหน่ง มิสมอเตอร์โชว์ นั้นจะทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์พิเศษ ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร เกี่ยวกับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2013” และเวทีแห่งนี้เป็นเวทีที่เปิดกว้างทั่วประเทศ เพื่อคัดสรร น้องๆมาดำรงตำแหน่งอันทรงเกีรยตินี้ ผมในฐานะรองประธานการจัดงานฯ จึงอยากขอเชิญน้องๆ มาสมัครร่วมประกวด มิสมอเตอร์โชว์ 2013 เพื่อจะได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ของน้องๆอย่างมีคุณค่า และยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งเป็นการสร้างชื่อเสียงมาสู่รั้วสถาบัน และครอบครัว ในระดับประเทศอีกด้วยครับ”


สำหรับสาวสวยที่สนใจสามารถสมัครด้วยตนเองได้ที่ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ (ประกวดมิสมอเตอร์โชว์ 2013) วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 9.00 – 17.00 น. ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556 หรือ ส่งคลิปวีดีโอแนะนำตัว ความยาวไม่เกิน 40 วินาที มาที่อีเมล์ missmotorshow@gmail.com โดยดูรายละเอียดการส่งคลิปวีดีโอได้ที่www.missmotorshowthailand.com ทุกคลิปลุ้นสิทธิ์เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประจำ ตลอด 14 วันของงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-971-6450, 02-522-1731-8 (ต่อ 204, 467) หรือ 091-494-2998

มาสด้าเน้นบริการหลังการขาย ส่งรถโมบายด์เซอร์วิส 70 คันออกให้ความช่วยเหลือลูกค้าสร้างความอุ่นใจตลอดการเดินทาง

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 21 ธันวาคม 2555 – นายเฉลิมพร เบญจาธิกุล ผู้อำนวยการส่วนบริการหลังการขาย บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมปล่อยขบวนรถปิกอัพ Mazda Mobile Service จำนวนทั้งสิ้นถึง 70 คัน ที่ผลิตขึ้นพิเศษเพื่อส่งไปยังผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ สำหรับทีมงานบริการหลังการขายและช่างเทคนิค เพื่อออกให้ความช่วยเหลือลูกค้ามาสด้าทั่วประเทศ หลังจากที่ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากมาสด้าได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั้งการขายและบริการหลังการขาย ด้วยการเร่งมืออย่างเต็มที่เพื่อขยายเครือข่ายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว มาสด้ายังส่งหน่วยบริการนอกสถานที่สำหรับช่วยเหลือลูกค้าในต่างจังหวัด และมีเซอร์วิส เอ็กซ์เพรส หรือ หน่วยเคลื่อนที่เร็ว สำหรับเขตกรุงเทพฯ เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้รวดเร็วทันที นอกจากนี้มาสด้ายังมีบริการที่สร้างความอุ่นใจตลอดการเดินทางนั่นคือ บริการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง สามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 1-800-33-000 นอกจากมาสด้าจะผลิตรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและคุณภาพอันยอดเยี่ยมแล้ว รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังให้การรับประกันด้านคุณภาพนานถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร การรับประกันอะไหล่แท้ หรือ Mazda Quality Genuine Parts และบริการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ผ่านทางมาสด้า สปีดไลน์ ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล โทร 02-664-4888 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-226-408 เพื่อสร้างความอุ่นใจตลอดการเดินทางโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว

เวสป้า ส่งสีใหม่ Vespa LX 150ie สี Brown Onix (สีน้ำตาลประกายทอง) ต้อนรับปีใหม่

กรุงเทพฯ  – 21 ธันวาคม 2555, บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้ารถสกู๊ตเตอร์เวสป้าและพิอาจิโอ ส่งสีใหม่ในรุ่น  Vespa LX 150ie สี Brown Onix (สีน้ำตาลประกายทอง) บ่งบอกความภูมิฐาน ทุกการขับขี่ ซึ่งเป็นสีน้ำตาลใหม่ต้อนรับปี 2013 จากเวสป้า บ่งบอกถึงความหรูหรา ดูดี มีสไตล์ สะท้อนถึงความภูมิฐานของผู้ขับขี่  ผสมผสานกับไฟหน้ากลมมนสุดคลาสสิกแบบฉบับเวสป้า พร้อมเบาะนั่งสีน้ำตาลเบจ ที่ทรงกำลังด้วยเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด150 ซีซี ลดอัตราการสิ้นเปลือง ส่งกำลังต่อเนื่อง และระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอิเล็คทรอนิครุ่นใหม่เพื่อให้เครื่องยนต์ครองการทำงานที่สะอาดขึ้นยังผลเป็นอัตราสิ้นเปลืองที่ต่ำลงส่งกำลังต่อเนื่องช่วยเสริมอรรถรสและสมรรถนะในการขับขี่นับว่าเป็นสไตล์ที่ลงตัวด้วยสีและรูปทรงบนตัวรถ Vespa LX 150ie

ซันยองจบงาน Motor Expo ครั้งที่ 29 สวยหรู รับจอง New Stavic SV 200 เกินคาดหมาย


 จากการที่ซันยองประเทศไทย ได้เข้าร่วมงาน Motor Expo ครั้งที่ 29 ที่จัดขึ้นที่ระหว่าง 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 โดยทางซันยองได้นำ New Stavic SV 200 เข้ามานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่นิยมชมชอบรถเอนกประสงค์ โดยถือเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่จะก้าวสู่ปีที่ 10 ในการทำตลาดในประเทศไทยด้วย 


ซึ่งปรากฏว่า ภายในงาน Motor Expo คราวนี้ ลูกค้าที่ชื่นชมในรถแบบ MPV หรู ได้แวะเวียนเข้าเยี่ยมชม New Stavic SV 200 กันอย่างล้นหลาม และบริษัทฯ สามารถรับจองรถยนต์รุ่นนี้ได้กว่า 80 คัน ซึ่งเกินจากโควต้าที่บริษัทฯ ได้รับการจัดสรรมาจาก ซันยอง เกาหลี 

คุณวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริษัท ซันยองประเทศไทย ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว “สำหรับยอดจองที่บริษัทฯ ได้รับเกินมา ทางเราคงต้องเร่งเจรจาขอให้ทางโรงงานเพิ่มการผลิตให้กับประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาน้ำใจที่ผู้บริโภคมีให้กับซันยอง ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหามาก”


นอกเหนือจากNew Stavic SV 200 แล้ว รถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่นำเข้าไปแสดงต่างก็ได้รับความสนใจอย่างมากมาย โดยรวมแล้วถือว่าการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของซันยองในประเทศไทย ที่สามารถทำยอดจองได้ถึง 125 คัน โดยรถส่วนใหญ่บริษัทฯ จะสามารถทำการส่งมอบได้เกือบทั้งหมดภายในเดือนมกราคม ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการเตรียมการสั่งรถไว้ล่วงหน้าและรถจำนวนนี้ก็กำลังทยอยกันเข้ามาถึงท่าเรือ 

ซันยองประเทศไทย ต้องถือโอกาสนี้ ขอบคุณต่อลูกค้าที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ มาด้วยดี 

“ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” เร่งเครื่องโชว์สมรรถนะในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012

ทีซี ซูบารุ จัดกิจกรรมแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 เพื่อแสดงให้เห็นถึงสุดยอดสมรรถนะของรถยนต์ซูบารุที่โดดเด่นเหนือระดับ ทั้งด้านกำลังเครื่องยนต์ การเกาะถนน การทรงตัว ผ่านการแสดงผาดโผนของรัสส์ สวิฟท์ พร้อมเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่วันที่ 8-10 ธันวาคม 2555 ณ ลานจอดรถ P9 อิมแพค เมืองทองธานี

นายเกลน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มตันจง ประเทศไทย บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล  จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก      “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” มาเปิดการแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29  “The 29th Thailand International Motor Expo2012” หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ที่บริเวณลานจอดรถ P9อิมแพ็ค เมืองทองธานี 
“การแสดงรถยนต์ผาดโผน “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012”  จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 4 เพื่อแสดงให้เห็นถึงสุดยอดสมรรถนะของรถยนต์ซูบารุที่โดดเด่นเหนือระดับ และระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งผู้ที่เข้าชมจะเห็นถึงความเหนือระดับอย่างแตกต่างของรถยนต์ซูบารุในด้านของกำลังเครื่องยนต์ การเกาะถนน การทรงตัว ซึ่งรถที่ใช้แสดงเป็นรถมาตรฐานโชว์รูมที่จำหน่ายในท้องตลาด  โดยกิจกรรม“ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012”   เป็นการบ่งบอกถึงสมรรถนะการขับเคลื่อนความปลอดภัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสามารถนำความโดดเด่นดังกล่าวของรถยนต์มาใช้งานได้อย่างเต็มที”นายเกลน ตัน กล่าว
 สำหรับ “รัสส์ สวิฟท์” สุดยอดสตันท์ไดรฟ์เวอร์ เป็นนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก และเจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ถึง 3 สถิติ ประกอบด้วย  1. การทำโดนัท (
Doughnut) 10 รอบ ด้วยระยะเวลา 16.07 วินาที ซึ่งเป็นเวลาน้อยที่สุดของโลกในการทำโดนัท 2.การเข้าจอดระหว่างรถสองคัน โดยการสไลต์รถ หรือ  “พาราเรล พาร์คกิ้ง” (Parallel Parking) ในพื้นที่ที่ยาวกว่ารถเพียง 33 เซนติเมตร และ 3.การกลับรถแบบ เจ – เทิร์น ( J – Turn) หรือ การถอยหลังแล้วกลับรถ 180 องศา โดยใช้พื้นที่แคบสุดเพียง 172 เซนติเมตร
ทั้งนี้ การแสดงขับรถยนต์ผาดโผน “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” จะมาโชว์ความตื่นเต้นเร้าใจและอวดความแม่นยำติดต่อกันเป็นปีที่ 4 กับการขับรถยนต์ผาดโผนแบบรีเวิร์ส ปาร์คกิ้ง (Reverse Parking)  แฮนด์เบรค ปาร์คกิ้ง (Handbrake Parking)  ดริฟท์ติ้ง (Drifting)และการขับแบบทำโดนัท (Donut)   สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมและสัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจกับการแสดงดังกล่าวได้ที่ลานจอดรถ P9    อิมแพ็ค เมืองทองธานี  ระหว่างวันที่ 8-10  ธันวาคม 2555  โดยมี 4 รอบต่อวัน เวลา 13.00 น. / 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น.

“MOTOR EXPO 2012” ยอดจองรถรวม 85,904 คัน ยอดผู้ชมกว่า 1.65 ล้านคน


 “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” ปิดฉากยิ่งใหญ่ ยอดจองล้นหลาม สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 76,000 ล้านบาท

  ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” เปิดเผยว่า “งานปีนี้ประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย จำนวนผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,650,124 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25.6% โดยมียอดจองรถตลอดทั้ง 12 วัน รวม 85,904 คัน (ตั้งเป้าไว้ 50,000 คัน) สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานได้กว่า 76,000 ล้านบาท (รวมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ รถมือสอง และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง)

ค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน 5 อันดับแรก อันดับ 1 ฮอนดา มียอดจองทั้งสิ้น 19,299 คัน อันดับ 2 โตโยตา มียอดจองทั้งสิ้น 18,878 คัน อันดับ 3 นิสสัน มียอดจองทั้งสิ้น 8,819 คัน อันดับ 4 อีซูซุ 6,448 คัน และอันดับ 5 มาซดา 6,155 คัน ส่วนรถเก๋งหรู นำโดยเมร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจอง 1,580 คัน ตามด้วยบีเอมดับเบิลยู 1,299 คัน ขณะที่รถหรูซึ่งนำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระ มียอดจองรวม 242 คัน

    “ผู้จัดได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ร่วมรายการซื้อรถ ชิงรถ ปีนี้ พบว่า รถเก๋ง มียอดจองคิดเป็นสัดส่วน 74.0% ของยอดจองทั้งหมดในงาน รถกระบะ 14.1% และรถประเภทอื่น 11.9%

ที่น่าสนใจคือ จากยอดจองทั้งหมดเป็นยอดจองรถที่ได้สิทธิ์คืนภาษีรถคันแรกถึง 75.1% และรถรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ฮอนดา ซิที, ซูซูกิ สวิฟท์ และนิสสัน อัลเมรา


ด้านจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม  มียอดจองรวม 1,805 คัน โดยคาวาซากิ ขายได้ 498 คัน ฮอนดา 431 คัน และดูคาติ 319 คัน ตามลำดับ

Lamborghini Aventador LP700-4 Roadster




 ในวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2555 ทางบริษัท นิช คาร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Pagani, Lamborghini, Lotus, Hummer, และ Lorinserแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยได้จัดงานแถลงข่าวการเปิดตัวซุปเปอร์สปอร์ตคาร์สายพันธุ์กระทิงดุรุ่นใหม่ล่าสุดแห่งตระกูล Aventador นั่นก็คือ Lamborghini Aventador LP700-4 Roadster ซุปเปอร์สปอร์ตคาร์เปิดประทุนสุดหรูหราและร้อนแรงแห่งปี
เนื่องจากทางแลมโบกินิเล็งเห็นถึงความสำคัญของตลาดในประเทศไทยที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ทางแลมโบกินีเลือกประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเซียที่ได้รับเกียตริให้เปิดตัวรถ Aventador Roadster รุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งในวันที่ 29 พฤษศิกายน 2555 เวลา 13.00 น. ณ โชว์รูมแลมโบกีนีศูนย์การค้าสยาม พารากอน ได้จัดการเปิดตัว Lamborghini Aventador LP700-4 Roadster ในรอบสื่อมวลชน โดยทั้งนี้ทางบริษัท นิช คาร์ จำกัดได้รับเกียรติจากท่านสื่อมวลชนเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยในงาน คุณวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ   บริษัท นิช คาร์ จำกัด ได้เป็นผู้กล่าวเปิดงานแถลงพร้อมทั้งบอกถึงการวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ โดยมี Mr.Andrea Baldi (Sales Manager) ตัวแทนจาก Lamborghini South East Asia Pacific เป็นผู้อธิบายรายละเอียดของตัวรถ Aventador LP700-4 Roadsterตั้งแต่การออกแบบรวมถึงสมรรถนะ พร้อมทั้งตอบคำถามของนักข่าวอย่างใกล้ชิด สุดท้ายนี้ Mr Andrea ยังมั่นใจว่า Aventador LP 7000-4Roadster จะเป็นรถซุปเปอร์สปอร์ตคาร์ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกๆท่าน


เอกลักษณ์พิเศษของ Aventador Roadster คันนี้คือ หลังคาประทุนาจากวัสดุน้ำหนักเบาคาร์บอน ไฟเบอร์ โดยสามารถถอดเก็บไว้ในที่เก็บสัมภาระบริเวณฝากระโปรงด้านหน้าตัวรถในเวลาเพียงไม่ กี่วินาที และ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Aventador Roadster นี้คือ Start & Stop System และ Cylinder Deactivation System

Aventador LP700 - 4 Roadster มาพร้อมกับสมรรถนะที่ร้อนแรงด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ที่ 3 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 6.5 ลิตร V12 สูบ ให้กำลัง 700 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ ISR 7 สปีด ระบบช่วงล่างแบบรถแข่ง push – rod องค์ประกอบเหล่านี้ส่งผลให้ Aventador LP700 - 4 Roadster ขึ้นเป็นหนึ่งเดียวของรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์โรดสเตอร์ ซึ่งยังไม่มีรถรุ่นไหนมาเทียบเคียงได้


ราคาขายเริ่มต้นที่ 39.5 ล้านบาท สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายขาย บริษัท นิช คาร์ :
สยามพารากอน 02 610 9922-5 และที่ศรีนครินทร์ 02 379 4422, 02 379 5111

ทีเอสแอล เผยโฉม ยนตรกรรมระดับพรีเมียมที่สุดของเทคโนโลยีจากโลกอนาคต พร้อมเปิดตัว 2 ชุดแต่งชื่อดังสัญชาติเยอรมันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 29




·       ครั้งแรกในประเทศไทยกับการเปิดตัว VÄTH สุดยอดชุดแต่งสำหรับ Mercedes-Benz ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และปรับโฉมให้สปอร์ตมากยิ่งขึ้น
·       พร้อมการอวดโฉมของ BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8 Convertible ที่สุดของยนตรกรรมที่น่าหลงใหล
·       พบกับโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะภายในงาน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสุดยอดยนตรกรรมแห่งปี
·       นำเสนอพาหนะพลังงานทางเลือก “YIKEBIKE” รถจักรยานไฟฟ้าสุดล้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้าสานต่อความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของกลุ่มธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระ เผยโฉมยนตรกรรมระดับพรีเมียมพร้อมกันถึง 19 รุ่น รวมทั้งการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัวชุดแต่งVÄTH และ LUMMA Design จากประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือThailand International Motor Expo 2012 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2555 ณ อาคาร            ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นางสาวสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยนตรกรรมชั้นนำจากต่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า “ทีเอสแอล ยังคงมุ่งมั่นในการรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระในประเทศไทยที่มีการเติบโตสูงสุด ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการและตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ในปีนี้ ทีเอสแอลได้จัดเตรียมพื้นที่กว่า 880 ตร.ม.เพื่อจัดแสดงยนตรกรรมระดับพรีเมียมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ จากทั่วโลกไว้อย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา”
สำหรับรูปแบบของบูธ “ทีเอสแอล พาวิลเลียน” ในปีนี้เลือกใช้โทนสีขาวเป็นหลัก เพราะนอกจากสีขาวจะเป็นสีที่ดูโดดเด่นสะดุดตาแล้ว สีขาวยังช่วยให้พื้นที่ดูโล่งและกว้างขวางขึ้น รวมทั้งยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับนิยามของความเป็นทีเอสแอลที่ว่า “The Endless Road…อิสระเกินใคร ไกลเกินจินตนาการ    ที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีที่สิ้นสุดของความผูกพันอันบริสุทธิ์ระหว่างทีเอสแอลกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาในการดำเนินธุรกิจ แสดงให้เห็นว่า ทีเอสแอลได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า จนกลายเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระของประเทศไทย และนำมาซึ่งข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้าทุกท่านที่ทีเอสแอลให้อิสระในการเลือกซื้อรถที่ถูกใจ พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ไม่เคยมีที่ใดทำมาก่อน
“ไฮไลท์พิเศษของทีเอสแอลในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 นี้คือ การเปิดตัว VÄTH ชุดแต่งสำหรับ Mercedes-Benz ที่นำมาท้าชนด้วยกันถึง รุ่น พร้อมด้วยชุดแต่ง LUMMA Design อีกหนึ่งสำนักแต่งชื่อดังจากประเทศเยอรมนีที่มาช่วยเพิ่มสมรรถนะและปรับลุคให้กับ Porsche Cayenne S Hybrid โดยงานมหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยของทั้ง ชุดแต่ง” นางสาวสุรีย์ภรณ์ กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ทีเอสแอลยังได้นำเสนอยนตรกรรมระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกที่ถูกถ่ายทอดลงสู่ท้องถนนหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Porsche Panamera Diesel, Porsche Boxster S, Porsche Cayenne Diesel, Porsche Carrera S, Prado 3.0 Diesel (LC5), Landcruiser V8 4.5 D4D, Estima Hybrid 2.4 Sport Minor Change และ Cube 1.5G Minor Change เป็นต้น
โดยไฮไลท์เด่นของทีเอสแอลในงานนี้คือ ยนตรกรรมที่ผสมผสานระหว่างนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำกับศิลปกรรมจากงานฝีมือชั้นเยี่ยม เป็นศิลปะชิ้นเอกจากประเทศอังกฤษอย่าง BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8 Convertible ยนตรกรรมที่รวบรวมเอาเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ และความพิถีพิถันของรถซูเปอร์คาร์เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซินอันทรงพลัง twin turbocharged V8ขนาด 4,000 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดถึง 500 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตรที่ 1,700 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 301 กม./ชม. ทำอัตราเร่งจาก  0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 5 วินาที และส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น โดยทำงานควบคู่กับระบบการจัดการเครื่องยนต์อัจฉริยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct injection) แบบ High Pressure แบริ่งแรงเสียดทานต่ำ ระบบจัดการอุณหภูมิ ระบบนำพลังงานมาใช้ใหม่ และระบบจัดการ
ลูกสูบแบบแปรผัน Variable Displacement ที่จะเปลี่ยนการทำงานจากเครื่องยนต์ 8 สูบไปเป็นการทำงานแบบเครื่องยนต์ 4 สูบระหว่างที่การขับขี่ใช้กำลังของเครื่องยนต์น้อย เพื่อการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย ทั้งนี้ เพื่อควบคุมฝูงม้ากว่า 500 ตัว จึงได้มีการติดตั้งระบบเบรกและระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) ซึ่งถือเป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานจากโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเบนท์ลีย์
ด้านการดีไซน์ Bentley New Continental GTC V8 Convertible ถูกออกแบบเรื่องการจัดวางไว้ได้อย่างลงตัว รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยหลังคาเปิดประทุนที่มีน้ำหนักเบา สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบอัตโนมัติ กระจังหน้าแบบตาข่ายสีดำวาวที่มีกรอบและแถบกลางแนวตั้งสีโครเมี่ยมดูดุดัน และมีโลโก้ Bentley แบบตัวอักษร “B” ประทับอยู่เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ ผนวกกับไฟหน้าแบบวงแหวน ไฟท้าย LED ที่เหลี่ยมคม และท่อไอเสียคู่แบบเลขแปดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงการจัดวางตำแหน่งถังน้ำมันรูปแบบพิเศษใต้พื้นที่ห้องโดยสารที่ช่วยให้ห้องโดยสารกว้างขวางและโอ่อ่ามากขึ้น ตอกย้ำความมั่นใจในทุกวินาทีของการเดินทาง 
นอกจากการดีไซน์ที่พิถีพิถันแล้ว Bentley New Continental GTC V8 Convertible ยังมีระบบอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน อาทิ ระบบ Keyless entry ระบบปรับอากาศแบบ Multi-Zone automatic climate control เบาะหนังพรีเมียมคู่หน้าที่สามารถปรับอุณหภูมิไฟฟ้าได้ถึง 14 ทิศทาง พร้อมด้วยระบบ Lumbar Support และหน่วยความจำที่นั่ง รวมไปถึงเทคโนโลยีการสื่อสารแบบInfotainment หน้าจอขนาด นิ้ว นับเป็นสุดยอดงานฝีมือและศิลปะชิ้นเอกที่ถูกถ่ายทอดลงสู่ท้องถนน ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองความรู้สึกภาคภูมิใจในการครอบครองยนตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซคันนี้ ราคาจำหน่าย 19,000,000 บาท

โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29
นอกจากกองทัพยนตรกรรมสุดหรูมากมายที่ทีเอสแอลนำมาจัดแสดงภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ทีเอสแอลยังได้จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นแก่บริษัท ดังนี้
1.      ข้อเสนอพิเศษ รับส่วนลดสูงสุดถึง ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการครอบครอง BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8Convertible ทุกคัน
2.      ข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 60 เดือนหรือภายใน 3-5 ปี สำหรับรถยนต์ทุกรุ่นที่จัดแสดงภายในงาน
3.      ข้อเสนอพิเศษ การ Warrantee แบบไม่จำกัดระยะทางนาน ปี สำหรับรถยนต์ Mercedes-Benz ทุกรุ่น
4.      ข้อเสนอพิเศษ การ Maintenance นาน ปี สำหรับรถยนต์ Toyota และ Mercedes-Benz ทุกรุ่นที่จัดแสดงภายในงาน
5.      สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ Porsche ทุกรุ่น ทุกคัน รับทันที “YIKEBIKE” รถจักรยานไฟฟ้าสุดล้ำ มูลค่ากว่า 98,000 บาท (ตรวจสอบเงื่อนไข ณ จุดขาย)

YIKEBIKE : รถจักรยานไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ดีไซน์สุดล้ำ สัญชาตินิวซีแลนด์
Yikebike รถจักรยานไฟฟ้าที่คิดค้นและออกแบบโดย ดร.แกรนท์ ไรอัน กับ ปีเตอร์ ฮิกกิ้นส์ วิศวกรชาวนิวซีแลนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งพวกเขาใช้เวลาในการประดิษฐ์คิดค้น Yikebike คันนี้นานกว่า 5 ปีจึงประสบความสำเร็จ จากรูปลักษณ์ภายนอกจะเห็นได้ว่า Yikebike มีความแตกต่างจากรถจักรยานไฟฟ้าทั่วไป โดย Yikebike คันนี้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของรถจักรยานโบราณสมัยวิคตอเรีย เป็นจักรยานชนิดที่มีล้อใหญ่กับล้อเล็กอย่างละ 1 ล้อ หรือที่รู้จักกันในนามของ “จักรยานเหรียญบาทและเหรียญสลึง” (The penny-farthing wheels) ซึ่งนอกจากจะเป็นรถจักรยานไฟฟ้าที่มีขนาดย่อส่วน (mini-farthing) แล้วยังเป็นรถจักรยานที่สามารถพับได้อีกด้วย
ขณะที่ตัวเครื่องผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแกร่งและทนทานสูง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 1.2 กิโลวัตต์ อัตราความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 23 กม./ชม. โดยด้านหลังของเบาะนั่งคนขับเป็นแฮนด์บังคับทิศทาง และตัวเครื่องสามารถพับเก็บได้ในขนาดที่เท่ากับล้อหน้า สะดวกต่อการพกพาไปในที่ต่างๆ มีน้ำหนักเพียง 10.8 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเป็นพาหนะชนิดพกพาที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
รถจักรยานไฟฟ้าสุดล้ำคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ความเร็วได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชนหรือการกระแทกใดๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติการเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดพกพาชิ้นแรกของโลกที่ห่วงใยเรื่องความปลอดภัย ซึ่งได้ติดตั้งระบบเบรกป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (anti-skid) ทำให้ง่ายต่อการบังคับรถ และล้อหน้าขนาดใหญ่ 20 นิ้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว ฟุต หนาเพียงครึ่งฟุต สามารถรองรับน้ำหนักผู้ขับขี่ได้ถึง 100 กิโลกรัม รวมทั้งยังมีระบบไฟ LED รอบคัน ไม่ว่าจะเป็น ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟท้าย และไฟฉุกเฉินYikebike สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ภายในเวลา 55 นาที และการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งจะสามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 10กิโลเมตร
นอกเหนือจากคุณสมบัติพิเศษที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว หัวใจสำคัญของรถจักรยานไฟฟ้าคันนี้ก็คือ การเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้ Yikebike แทนการขับขี่รถยนต์ก็มีส่วนช่วยในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในอากาศ และยังช่วยในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เฉลี่ยประมาณ บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ทีเอสแอล ขอเชิญทุกท่านพบกับความอลังการจากกองทัพยนตรกรรมระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์แห่งโลกอนาคต และโปรโมชั่นสุดพิเศษทั้งหมดนี้ได้ที่บูธ “ทีเอสแอล พาวิลเลียน”


เกี่ยวกับทีเอสแอล
บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คือหนึ่งในผู้นำเข้าและจำหน่ายยนตรกรรมระดับหรูชั้นนำจากทั่วโลกของประเทศไทย พร้อมด้วยศูนย์บริการหลังการขายมาตรฐานแบบครบวงจรในชื่อ SMRT ที่ให้บริการโดยผู้ชำนาญการเฉพาะรถยนต์นำเข้าทุกรุ่นด้วยประสบการณ์การให้บริการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์-เครื่องมือวิเคราะห์รุ่นล่าสุดจากต่างประเทศ ซึ่งมีจุดให้บริการถึง 4 ศูนย์ทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ สำนักงานใหญ่แจ้งวัฒนะสาทร, ทองหล่อ (สุขุมวิท55) และภูเก็ต เพื่อตอบสนองรสนิยมที่เหนือกว่าของคนที่มีไลฟ์สไตล์เหนือระดับเช่นคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมของทีเอสแอลทั้ง 4 สาขา หรือ TSL Call Center 02-269-9999 หรือเว็บไซต์ www.tsl.co.th

“ซูบารุ”เดินหน้าลุยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ขนทัพรถหรูเปิดตัวพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ


 ซูบารุ เดินหน้าลุยงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่  29 ขนทัพรถหรูอวดโฉมพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจลูกค้าที่จองรถในงาน  คาดยอดขายตลอดงานไม่ต่ำกว่า 300   คัน ขณะเดียวกันเตรียมจัดกิจกรรมแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” ระหว่างวันที่ 8-10        ธันวาคม 2555 ณ ลานกิจกรรม P9 เมืองทองธานี
นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ   เปิดเผยว่า บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัท มอเตอร์อิมเมจ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อจากบริษัท มอเตอร์ อิมเมจ (ประเทศไทย) จำกัด เป็น บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากต้องการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ให้เห็นถึงการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ (บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วย Brand ชั้นนำต่างๆ  เช่น  SUBARU, FUSO, MAN ,FOTON, CHANGAN, TCIS เป็นต้น)

พร้อมกันนี้ บริษัท ฯ ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์  ครั้งที่ 29 หรือ “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ  A02 ชาเลนเจอร์ฮอล์ 1   ซึ่งในงานนี้บริษัทฯ      ได้เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี  โดยได้นำรถหรูรุ่นใหม่มาเปิดตัวและรับจองเอาใจบรรดาคนรักรถให้เลือกกันในงานหลายรุ่น  ซึ่งโปรดักซ์ไฮไลท์ในปีนี้คือ   SUBARU XV 2.0i PREMIUM รถครอสส์โอเวอร์เจเนอเรชันใหม่  ราคา 1,350,000 บาท รวมทั้งสุดยอดรถสปอร์ตที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากทั่วโลกอย่าง SUBARU BRZ 2.0 Premium ราคา 2,760,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี  Subaru รุ่น Forester 2.0XS ราคา 1,890,000 บาท, Outback 2.5i ราคา  2,590,000 บาท, Legacy 2.5GT Sedan ราคา 3,950,000 บาท, WRX STI 2.5 ราคา 3,950,000 บาท จัดแสดงและจำหน่ายภายในงานอีกด้วย
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสุดให้กับลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นภายในงานนี้เท่านั้น คาดว่ายอดจองรถยนต์จะสูงถึง 300 คัน  โดยเฉพาะ SUBARU XV 2.0i PREMIUM เนื่องจากเป็นโปรดักซ์ไฮไลท์ที่มีลูกค้าสอบถามเข้ามาเป็นอย่างต่อเนื่อง
  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” โดยนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก เจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ถึง 3 สถิติ “ รัสส์ สวิฟท์” ที่บินตรงมาโชว์การแสดงระดับโลก  โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมและสัมผัสความเร้าใจกับการแสดงดังกล่าวได้ ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม 2555 โดยมี 4 รอบต่อวัน เวลา 13.00 น. / 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น. ณ ลาน P9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
พิเศษ บริษัทฯ ได้ร่วมกับคณะผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่  29 ในการจัดกิจกรรม “ซื้อรถชิงรถ”  โดยประชาชนที่จอง หรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน และร่วมลงทะเบียน จะได้หมายเลขชิงรางวัล เพื่อร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ รถยนต์ SUBARU XV 2.0i PREMIUM มูลค่า 1,350,000 บาท จำนวน 1 คัน

“ซันยองฉลองยิ่งใหญ่ ขึ้นปีที่ 10 เปิดตัว SSANGYONG STAVIC SV-2.0 ด้วยราคาแนะนำสุดเร้าใจ



 ซันยองฉลองก้าวสู่ปีที่  10 ในการทำตลาดในประเทศไทยด้วยการแนะนำสุดยอดรถ MPV หรู 11 ที่นั่ง โดยนำ New Stavic SV-2.0” สรวมใส่หัวใจใหม่ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดที่ 155 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 360 นิวตันเมตร ที่ซันยองพัฒนาขึ้นใหม่ตามมาตรฐาน Euro 5 ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะในการขับขี่ทั้งการใช้งานภายในเมือง หรือเมื่อต้องเดินทางไกล นอกจากนี้เครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ยังให้ความประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยที่เครื่องยนต์เผาไหม้หมดจดมากกว่า ทำให้สามารถลดมลพิษลงได้มากขึ้น โดยมีค่า COเพียง 157 กรัมต่อกิโลเมตร เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์อเนกประสงค์

นายวิรัตน์  ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2555 บริษัทฯ จะเข้าร่วมงาน Thailand International Motor Expo 2012 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี ครั้งนี้บริษัทฯ ทุ่มงบประมาณสำหรับงานนี้กว่า 20  ล้านบาทในการสร้างสรรค์พื้นที่ภายในงานเพื่อนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ และการแสดงที่ยิ่งใหญ่ ตอบสนองต่อความสนใจของลูกค้าและผู้เข้าเยี่ยมชมงาน

และเพื่อเป็นการฉลองที่บริษัทซันยอง เข้าสู่ปีที่ 10 ทางบริษัทฯ ได้นำเข้ารถยนต์ นิวสตาวิค เครื่องยนต์ใหม่ เพื่อให้แฟนคลับซันยอง มีโอกาสเลือกใช้รถยนต์แบบ MPV หรูที่ยังคงเพียบพร้อมด้วย สมรรถนะที่ทรงประสิทธิภาพและคงไว้ซึ่งความประหยัด เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่คุ้มค่า โดย มีให้เลือก 2 แบบ ด้วยกัน

New Stavic SV 2.0 Entry Version มาพร้อมเบาะหนังแท้โทนสีเข้มควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ล้อแม็กขอบ 16 นิ้ว ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ ราคาแนะนำเฉพาะในงานเพียง  1,290,000  บาท


New Stavic Standard Version มาพร้อมเบาะหนังแท้โทนสีเข้มควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งชุดเครื่องเสียง จอเพดาน ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ และกล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง ราคาแนะนำ ในงานเพียง1,580,000  บาท


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำรถซันยอง “New Rexton W” รถ SUV ระดับหรูโฉมใหม่เข้ามาเปิดตัวเพื่อให้ได้ยลโฉมภายในงานนี้เป็นครั้งแรก
New Rexton W เป็นรถแบบ SUV ขนาด 7 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคอมมอลเรลขนาด 2.7 ลิตรที่ให้พละกำลังมหาศาลถึง 186 แรงม้าและแรงบิด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic 5 จังหวะจาก Mercedes-Benz ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ภายในเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายครบถ้วนตามสไตล์รถหรูมาตรฐานยุโรป

ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 บริษัทฯ ยังได้นำรถยนต์ซันยองครบทุกรุ่นทุกแบบที่มีจำหน่ายเข้าร่วมจัดแสดงในครั้งนี้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ACTYON, KYRON และ KORANDO

ทั้งนี้ภายในงานบริษัทฯ ยังได้จัดการแสดงโชว์สุดพิเศษในวันเปิดงาน เพื่อเพิ่มสีสันให้มีความตื่นตาตื่นใจ พบการแสดงโชว์สุดอลังการ และชมนวัตกรรมใหม่ ๆ จากบูธรถยนต์ซันยอง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.  – 10 ธ.ค 2555 นี้ ที่บูธ A17 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี

ในโอกาสนี้  บริษัทฯ ซันยองประเทศไทย ขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนทุกท่าน ร่วมพิธีแถลงข่าวของบูธ SSANGYONG  ในวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา 17.45 น. ซึ่งท่านจะได้พบกับโชว์สุดอลังการจากทีมนักแสดงมืออาชีพที่ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วจากหลายสถาบันที่จะมาให้ความบันเทิงแก่ท่าน

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ อวดโฉมในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29


 ประเทศไทย 28 พฤศจิกายน 2555 – แลนด์โรเวอร์ เปิดตัว “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ (The All-New Range Rover)” ยอดยนตกรรมสมรรถนะเหนือชั้นภายใต้รูปลักษณ์ที่ภูมิฐานสง่างาม เป็นครั้งแรกในเอเชีย ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ณ พื้นที่จัดแสดงของแลนด์โรเวอร์ หมายเลข B01 ในเวลาประมาณ 12.30 น. 

ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกไปแล้วที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ยานยนต์รุ่นที่ 4 จากเรนจ์โรเวอร์ ได้โอกาสอวดโฉมแก่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญ และนักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทย รวมถึง นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย โดยงานออกแบบครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมอย่างเหนือชั้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ตลอด 40 ปี ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เป็นสุดยอดงานออกแบบแห่งแบรนด์ผู้นำยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู จาก แลนด์โรเวอร์

ภายในพื้นที่จัดแสดง B01 ของแลนด์โรเวอร์ นำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเรนจ์โรเวอร์ ซึ่งมีทั้งส่วนนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ การจัดแสดงเทคโนโลยีส่งกำลังและชิ้นส่วนอะไหล่ ตลอดจนการออกแบบตกแต่งภายนอกและห้องโดยสารภายในที่หรูหรา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความประณีตสวยงามจากแลนด์โรเวอร์ 
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ คืออีกหนึ่งหลักชัยของแลนด์โรเวอร์ ที่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากการทุ่มงบประมาณลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะยานยนต์รุ่น Autobiography 4.4-litre SDV8 ซึ่งมาพร้อมที่นั่งด้านหลังแบบเอ็กเซกคูทีฟ คลาส สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายที่เหนือระดับ รวมถึงหลังคาแบบพานอรามิก ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติวิธีการออกแบบครั้งสำคัญแห่งวงการยานยนต์อเนกประสงค์ระดับโลกอย่างแท้จริง 
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังเป็นยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ตัวถังแบบโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเสถียรภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูงขึ้นในทุกสภาพถนน โดยยังคงประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ 
มร. เดล โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเราถามลูกค้าว่า ท่านต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งใด คำตอบที่ได้รับคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นเท่านั้น” 

เราไม่เพียงต้องการสร้างยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น หากเรายังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยานพาหนะระดับหรูที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งความทุ่มเททั้งหมดของเราได้ถูกนำเสนอผ่านยนตกรรม ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา” 


เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะอย่างเข้มข้น ร่วมกับการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลากหลายรูปแบบ

วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจองแล้วอย่างเป็นทางการ และกำหนดจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2555 ในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,499,000 บาท โดย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งได้ลงทุนกว่า 370 ล้านยูโร ในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้ 
ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรู และสง่างามในทุกมุมมอง

รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ

ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่แลดูคล้ายคลึงกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34

การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังยังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด

นอกจากนี้ ยังนำเสนอออพชั่นการตกแต่งอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด

รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์ 

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศอันล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา

หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response® รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดและขรุขระที่สุด

เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Transfer Box) แบบ 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงเชิงกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม

สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึก จาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน 
เรนจ์โรเวอร์     รุ่นใหม่ทุกคัน ยังต้องผ่านการพัฒนาและทดสอบสมรรถนะอันหนักหน่วง ร่วมกันยานยนต์เพื่อการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลายรูปแบบ เพื่อรับประกันถึงความทนทานและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เป็นเยี่ยม

ประสบการณ์การขับขี่แสนสบายที่เหนือกว่า

เรนจ์โรเวอร์ โดดเด่นในด้านการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และปราศจากสิ่งรบกวนที่วุ่นวายจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานความหรูหราให้สูงกว่าเดิม

วิศวกรผู้ออกแบบ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อการขจัดเสียงไม่พึงประสงค์จากภายนอกให้มากที่สุด นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างตัวถัง การเสริมชั้นกระจกตัดเสียงของประตูข้าง ตลอดจนการใช้แท่นเครื่องคู่แบบแยกชิ้น ซึ่งทำให้ลดเสียงรบกวนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ใช้โครงตัวถังแบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุมอันล้ำสมัย เพื่อเสริมเสถียรภาพในการควบคุมและความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ฉับไวกว่า ทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน

ลูกค้าสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์กับ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ทั้งรุ่นเบนซิน 510PS LR-V8 Supercharged และรุ่นดีเซล 2 แบบ ได้แก่ 3.0-litre 258PS TDV6 และ 4.4-litre 339PS SDV8 โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นให้แรงบิดสูง พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 8 สปีด

การให้ความสำคัญกับตำแหน่งของผู้ขับที่เหมาะสมคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ซึ่ง ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Command Driving Position เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับอย่างเหมาะสม ซึ่งจะอยู่สูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูอื่นๆ 90 มม. ทำให้รู้สึกได้ถึงการควบคุมและความมั่นใจที่เหนือกว่า
โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อสมรรถนะและความมั่นคงที่เหนือชั้น

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ปฏิวัติวงการด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเบากว่าถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้ตัวถังเหล็ก

แลนด์โรเวอร์ คือหนึ่งในผู้นำด้านการใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยานเพื่อการเสริมสมรรถนะการขับขี่ และด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่นี้ จึงทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์

เมื่อพิจารณารวมกับน้ำหนักที่เบากว่าทั้งจากโครงรถและระบบการขับเคลื่อน พบว่าโครงสร้างน้ำหนักเบาสามารถลดภาระเครื่องได้ถึง 350 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาด

การลดภาระเครื่องช่วยให้ เรนจ์โรเวอร์ นำเสนอการขับขี่ที่ผ่อนคลาย หากยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์รุ่น 510PS LR-V8 Supercharged สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นในปัจจุบัน 0.8 วินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงถึง 9%

เทคโนโลยีโครงสร้างน้ำหนักเบา ยังทำให้ เรนจ์โรเวอร์ สามารถนำเสนอเครื่องยนต์รุ่น 3.0-litre TDV6 ให้เป็นหนึ่งในทางเลือก ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ซึ่งแม้จะขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าถึง 420 กก. แต่มีกำลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์รุ่น 4.4-litre TDV8 ทั้งยังลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 22% ที่อัตรา 37.7 เมตร/แกลลอน และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 196 กรัม/กม.

พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ เรนจ์โรเวอร์ จะเป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อ เรนจ์โรเวอร์ กำหนดเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดจ์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงปลายปี 2556 (เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 169 กรัม/กม.)
เทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมจาก เรนจ์โรเวอร์

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับสูงใหม่ล่าสุด สมบูรณ์แบบด้วยโครงรถอันล้ำสมัยและระบบสนับสนุนการขับขี่ที่มั่นใจได้ รวมทั้งการตกแต่งภายในอันหรูหราที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งผู้นำของคุณ

การออกแบบห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง มอบความรู้สึกภูมิฐานและโดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงสมัยใหม่ครบครัน ซึ่งได้แก่:

• ความสะดวกสบาย – การออกแบบระดับพรีเมี่ยม นำเสนอ กุญแจรีโมท, ระบบปิดประตูแบบนุ่มนวลและล็อคไฟฟ้า, ระบบประตูหลังไฟฟ้าทั้งด้านบนและล่าง, ช่องเก็บของเย็น, ตะขอลากระบบไฟฟ้า

• เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ – ระบบเสียงดนตรีรอบทิศทางจาก Meridian เพื่อคุณภาพเสียงชั้นเยี่ยม

• จอแสดงผล – จอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมช่องเชื่อมต่อแบบดิจิตัล จอสัมผัสขนาด 8 นิ้วและฟังก์ชั่น Dual-View

• ระบบควบคุมเสียงและการเชื่อมต่อ – ช่องเชื่อมต่อสำหรับอุปกร์สื่อสารเคลื่อนที่อันทันสมัย

• การควบคุมระบบปรับอากาศ – ด้วยการควบคุมระบบปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในคลาส มีทั้งการควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซนแบบพรีเมี่ยม และฟังก์ชั่นตั้งเวลาควบคุมแบบ Park Heater

• เบาะที่นั่งระดับหรู – เบาะนั่งอัพเกรดใหม่และฟังก์ชั่นเพิ่มความสบายขณะโดยสาร อาทิ ระบบนวดมัลติโหมด รวมถึงแพ็คเกจการตกแต่งเบาะหลังแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ใหม่ล่าสุด

• ระบบแสงสว่างภายในห้องโดยสาร – ระบบไฟแบบ LED ล่าสุด เพื่อมอบบรรยากาศที่หรูหรา นุ่มนวล ทั้งยังมีฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีของหลอดไฟให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่

เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ผสมผสานการใช้โครงรถแบบใหม่เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาวะตามหลักกลศาสตร์ และเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและไร้ความกังวลตลอดเส้นทาง โดยระบบใหม่ที่ติดตั้งใน ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้แก่:

• ระบบควบคุมการเอียงด้วย Dynamic Response แบบสองทาง และระบบ Adaptive Dynamics ด้วยการหน่วงเครื่องแบบแปรผันต่อเนื่อง

• ระบบเลี้ยวแบบ Electric Power Assisted Steering ในฟังก์ชั่น Park Assist เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้สามารถเข้าจอดในที่จอดรถแคบๆ ของเขตเมืองได้

• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Queue Assist ช่วยในการชะลอและหยุดรถได้อย่างแม่นยำ

• ระบบเบรกอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (รวมถึง Advanced Emergency Brake Assist) –เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหันหรือมีรถคันอื่นพุ่งเข้ามาในเส้นทาง

• ระบบตรวจจับจุดบอด Blind Spot Monitoring – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Closing Vehicle Sensing เพื่อการตรวจจับรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลังจากระยะไกล

• ระบบตรวจจับด้านหลัง Reverse Traffic Detection – เตือนผู้ขับให้ระวังการปะทะในขณะถอยรถ

• ระบบกล้องโทรทัศน์รอบด้าน Surround Camera System – ทำงานด้วยมุมมองแบบ T Junction, ระบบนำทางแบบ Trailer reverse park guidance, และ Trailer hitch guidance.
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved