![](https://2.bp.blogspot.com/-G6WFQHllw8w/Wh1G3wY9fYI/AAAAAAAAiWw/Dy9P7DX4tikFqV6DIVb35QuBjNwN6fubwCLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-21-41.jpg)
โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เน้นความสปอร์ตผสมผสานกับความหรูหราตามตำแหน่งการตลาด “สปอร์ต+พรีเมียม” มือจับเปิดประตูด้านท้ายซ่อนอยู่บริเวณเสาหลังคาหลังเพื่อให้ตัวรถดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น อ็อปชั่นตัวท็อปค่อนข้างครบครันอย่างมาก แต่เราขอนำเสนอรุ่นล่างสุดคือรหัส S ที่ถูกตัดทอนอุปกรณ์หลายชิ้นไป
เอชอาร์-วี รุ่น S ไม่มีหลังคาซันรูฟ ไฟหน้าเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไม่มีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ไฟท้ายเป็นแอลอีดี มีระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไม่มีไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยใช้ขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับมีสปอยเลอร์หลัง
![](https://3.bp.blogspot.com/-GvihOCowR8s/Wh1H8W6K5KI/AAAAAAAAiXA/z8FIJQDHL0AVEYsUMQ830ooEv7jhYltXACLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-26-20.jpg)
เครื่องยนต์มีขนาดใหญ่พอตัว บล็อกเบนซิน 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1.8 ลิตรแบบเดียวกับฮอนด้า ซีวิค ให้พละกำลัง 141 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร ประกบกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อมโหมด Paddle Shift 7 สปีด รองรับน้ำมัน E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า
สำหรับราคาจำหน่าย รุ่นเริ่มต้น S อยู่ที่ 9.33 แสนบาท รุ่น E ราคา 9.99 แสนบาท รุ่น E Limited ราคา 1.05 ล้านบาท และรุ่นท็อปไลน์ EL ค่าตัว 1.099 ล้านบาท
Mazda CX-3
![](https://2.bp.blogspot.com/-Z-Z3leaZoIU/Wh1IGj9CYhI/AAAAAAAAiXE/KFWqAveZhKwjZQPeL_haeDdHV6qXhq6agCLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-27-05.jpg)
สำหรับซีเอ็กซ์-3 รุ่นเริ่มต้นใช้รหัส 2.0 E ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ไม่มีทั้งไฟตัดหมอกและเดย์ไลท์ บั้นท้ายมีสปอยเลอร์ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมปลายท่อโครเมียม
![](https://3.bp.blogspot.com/-iQvK0oXkUCs/Wh1ISA0AliI/AAAAAAAAiXI/cNNSHMvmggs0wEHOJ3Uj60NvLSyZlHX7gCLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-27-49.jpg)
ระบบความปลอดภัยในรุ่น 2.0 อีนั้นถูกตัดออกไปเกือบทั้งหมด แต่ก็ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
![](https://4.bp.blogspot.com/-Q3DvFccF3v0/Wh1IdeSU3cI/AAAAAAAAiXQ/N3sESxVsoQEqkQ36k1gThGncm2UoFleDgCLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-28-34.jpg)
ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.0 E ราคา 8.35 แสนบาท รุ่น 2.0 C ราคา 9.1 แสนบาท รุ่น 2.0 S ค่าตัว 9.75 แสนบาท รุ่น 2.0 SP ราคา 1.083 ล้านบาท และตัวท็อป 1.5 XDL เคาะราคาที่ 1.193 ล้านบาท
MG ZS
![](https://3.bp.blogspot.com/-WIpgmhZvdFU/Wh1It0HJtDI/AAAAAAAAiXU/LQi47BRgY8gBze1bZsBYCgRiqllO2r0PgCLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-29-40.jpg)
เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาด้วยราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายเกินคาด มาพร้อมแนวคิดสมาร์ทเอสยูวีด้วยระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ เทคโนโลยีไอสมาร์ท (i-SMART) สามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยครั้งแรกของโลก เอ็ทจี แซดเอสถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มการใช้งานในเมือง และพร้อมรองรับการใช้งานนอกเมืองได้อย่างสบาย
ด้วยรราคาจำหน่ายที่ย่อมเยา เราจึงหยิบแซดเอส ตัวท็อปไลน์รหัส X มาเปรียบเทียบให้เห็นกับคู่แข่ง ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีไฟเดย์ไลท์ แหงนมองหลังคามีซันรูฟแบบพาโนรามา มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ไฟท้ายแอลอีดี และไฟเบรกดวงที่สามแบบแอลอีดี กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว มีสปอยเลอร์หลังและราวหลัง
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีน้ำตาลและดำ วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์แบบซอฟต์ทัชให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เบาะพับได้ 60:40 มีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล และปุ่มสตาร์ท
![](https://3.bp.blogspot.com/-eWUykAQp-Lo/Wh1I3iu-8WI/AAAAAAAAiXY/QUcUPQtSRY8_B9Q3jFzVXmI3nW4NgbWTACLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-30-21.jpg)
ระบบความปลอดภัยเริ่มจากระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการเบรกในโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย เรียกว่าแซดเอสมาพร้อมอ็อปชั่นครบครันกว่าใครเพื่อน
![](https://2.bp.blogspot.com/-jF3RbWmsrCo/Wh1JAoQcBrI/AAAAAAAAiXg/Ift0KqRa50Enh44_LWjfMpFPlCdpGkkLwCLcBGAs/s640/28-11-2560%2B18-30-58.jpg)
ราคาจำหน่ายของ MG ZS เริ่มต้นรุ่น C ราคา 6.79 แสนบาท รุ่นกลาง D ราคา 7.29 แสนบาท และรุ่นสูงสุด X ราคา 7.89 แสนบาท