Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เครื่องยนต์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เครื่องยนต์ แสดงบทความทั้งหมด

เปิดตัว MG ZS ท้าดวลครอสโอเวอร์ Honda HR-V และ Mazda CX-3

เมื่อ MG เปิดตัว ZS รถเอสยูวีรุ่นใหม่ออกทำตลาดด้วยราคาค่าตัวที่น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าที่มองหารถอเนกประสงค์ได้มีทางเลือกเพิ่มเติมขึ้นมาทันที
ถึงแม้ MG ZS จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าคู่แข่ง แต่ด้วยราคาจำหน่ายที่ย่อมเยากว่าอย่างชัดเจน ทำให้คนที่กำลังตัดสินใจเลือกรถเอสยูวีขนาดเล็กสักคันย่อมต้องเกิดอาการลังเล เราขอรวบรวมข้อมูลของรถในกลุ่มนี้ทั้ง MG ZS, Honda HR-V และ Mazda CX-3 มาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ

Honda HR-V


โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เน้นความสปอร์ตผสมผสานกับความหรูหราตามตำแหน่งการตลาด “สปอร์ต+พรีเมียม” มือจับเปิดประตูด้านท้ายซ่อนอยู่บริเวณเสาหลังคาหลังเพื่อให้ตัวรถดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น อ็อปชั่นตัวท็อปค่อนข้างครบครันอย่างมาก แต่เราขอนำเสนอรุ่นล่างสุดคือรหัส S ที่ถูกตัดทอนอุปกรณ์หลายชิ้นไป

เอชอาร์-วี รุ่น S ไม่มีหลังคาซันรูฟ ไฟหน้าเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไม่มีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ไฟท้ายเป็นแอลอีดี มีระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไม่มีไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยใช้ขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับมีสปอยเลอร์หลัง


โครงสร้างภายในโดยรวมคล้ายกับฮอนด้า แจ๊ส ตกแต่งด้วยสีดำ แผงคอนโซลเอียงเข้าหาคนขับซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถฮอนด้าเกือบทุกรุ่น ใช้วัสดุผ้าสลับกับหนังสังเคราะห์ มีระบบตาร์ทเครื่องยนต์แบบปุ่มสตาร์ท ระบบฮอนด้า สมาร์ท คีย์ ระบบปรับอากาศควบคุมด้วยการสัมผัส เบาะที่นั่งปรับมือ เครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธตามสมัยนิยม มีลำโพง 4 ตัว ระบบความปลอดภัยครบครันพอตัวเหมือนกับรุ่นท็อป แต่ขาดถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะและม่านนิรภัยซึ่งมีเฉพาะในรุ่นที่สูงกว่า

เครื่องยนต์มีขนาดใหญ่พอตัว บล็อกเบนซิน 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1.8 ลิตรแบบเดียวกับฮอนด้า ซีวิค ให้พละกำลัง 141 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร ประกบกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อมโหมด Paddle Shift 7 สปีด รองรับน้ำมัน E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า

สำหรับราคาจำหน่าย รุ่นเริ่มต้น S อยู่ที่ 9.33 แสนบาท รุ่น E ราคา 9.99 แสนบาท รุ่น E Limited ราคา 1.05 ล้านบาท และรุ่นท็อปไลน์ EL ค่าตัว 1.099 ล้านบาท

Mazda CX-3


มาพร้อมแนวคิด “ฟรีสไตล์ ครอสโอเวอร์” มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม “YUCCIES” หรือ Young Urban Creatives ทั้งในและนอกเมือง การออกแบบภายนอกสะดุดตาด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์โคโดะ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว คนที่ชื่นชอบเส้นสายพลิ้วปราดเปรียวแบบสปอร์ตย่อมถูกอกถูกใจเจ้าซีเอ็กซ์-3 แน่นอน

สำหรับซีเอ็กซ์-3 รุ่นเริ่มต้นใช้รหัส 2.0 E ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ไม่มีทั้งไฟตัดหมอกและเดย์ไลท์ บั้นท้ายมีสปอยเลอร์ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมปลายท่อโครเมียม

ภายในห้องโดยสาร ไม่มีระบบสมาร์คีย์ แต่มีปุ่มสตาร์ทเช่นกัน การตกแต่งใช้ผ้าสีดำทั้งหมด ส่วนวัสดุหุ้มเบาะที่นั่งเป็นสีดำสลับกับสีเทา วัสดุหุ้มพวงมาลัยเป็นยูริเทนเหมือนกับเอชอาร์-วี เบาะพับแยกส่วน 60:40 เช่นกัน มีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบสั่งการด้วยเสียง เครื่องเสียงตามมาตรฐานพร้อมลำโพงติดตั้งมาให้ 4 ตัวเหมือนกับคู่แข่งจากฮอนด้า

ระบบความปลอดภัยในรุ่น 2.0 อีนั้นถูกตัดออกไปเกือบทั้งหมด แต่ก็ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่หน้า


เครื่องยนต์ของรุ่นเริ่มต้นเป็นบล็อกเบนซิน สกายแอคทีฟ-จี ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตันเมตร อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 16.4 กม./ลิตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ 6 สปีด

ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.0 E ราคา 8.35 แสนบาท รุ่น 2.0 C ราคา 9.1 แสนบาท รุ่น 2.0 S ค่าตัว 9.75 แสนบาท รุ่น 2.0 SP ราคา 1.083 ล้านบาท และตัวท็อป 1.5 XDL เคาะราคาที่ 1.193 ล้านบาท

MG ZS


เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาด้วยราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายเกินคาด มาพร้อมแนวคิดสมาร์ทเอสยูวีด้วยระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ เทคโนโลยีไอสมาร์ท (i-SMART) สามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยครั้งแรกของโลก เอ็ทจี แซดเอสถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มการใช้งานในเมือง และพร้อมรองรับการใช้งานนอกเมืองได้อย่างสบาย

ด้วยรราคาจำหน่ายที่ย่อมเยา เราจึงหยิบแซดเอส ตัวท็อปไลน์รหัส X มาเปรียบเทียบให้เห็นกับคู่แข่ง ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีไฟเดย์ไลท์ แหงนมองหลังคามีซันรูฟแบบพาโนรามา มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ไฟท้ายแอลอีดี และไฟเบรกดวงที่สามแบบแอลอีดี กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว มีสปอยเลอร์หลังและราวหลัง

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีน้ำตาลและดำ วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์แบบซอฟต์ทัชให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เบาะพับได้ 60:40 มีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล และปุ่มสตาร์ท

ไฮไลท์อยู่ที่ระบบไอสมาร์ทที่สามารถสั่งการตัวรถได้ด้วยการออกเสียงภาษาไทย ทั้งซันรูฟ การใช้โทรศัพท์ พร้อมกับสามารถใช้หน้าจอสั่งการระบบนำทางและระบบเลขาส่วนตัว ผู้ใช้งานยังสามารถใช้โทรศัพท์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนในการสั่งการเปิดระบบแอร์ การล็อกประตู วางแผนการเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย

ระบบความปลอดภัยเริ่มจากระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการเบรกในโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย เรียกว่าแซดเอสมาพร้อมอ็อปชั่นครบครันกว่าใครเพื่อน


แต่จุดด้อยของรถยนต์สัญชาติอังกฤษรุ่นนี้คือ เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อน บล็อกเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังแรงม้าที่ 114 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Maunal Mode

ราคาจำหน่ายของ MG ZS เริ่มต้นรุ่น C ราคา 6.79 แสนบาท รุ่นกลาง D ราคา 7.29 แสนบาท และรุ่นสูงสุด X ราคา 7.89 แสนบาท

ที่มา : www.autospinn.com

Ford ติดตั้งระบบ “สตาร์ทเงียบ” ไว้ใน Mustang ไม่รบกวนชาวบ้านอีกต่อไป



ฟอร์ดอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการออกไปทำงานแต่เช้า (หรือพ่อบ้านใจกล้าที่จะหนีเที่ยว) ด้วยการติดตั้งระบบท่อไอเสียแบบแอคทีฟที่ทำงานเงียบเชียบไว้ในมัสแตง จีที รุ่นใหม่

ระบบดังกล่าวมีชื่อว่า Quiet Start ซึ่งช่วยให้มัสแตง จีทีที่มาพร้อมขุมพลังวี8 มีเสียงขณะสตาร์ทเครื่องยนต์และจอดนิ่งที่เงียบเชียบกว่าปกติ โดยสามารถปรับตั้งเวลาให้ระบบนี้ทำงานได้ อาทิช่วง 2 ทุ่มไปจนถึง 7 โมงเช้าเป็นต้นเพื่อที่จะไม่รบกวนชาวบ้านข้างเคียง

สตีฟ ฟอน โฟสเตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดกล่าวว่า “ผมชื่นชอบเสียงขุมพลังวี8 แต่บางครั้งมันอาจดังเกินไปและทำให้เพื่อบ้านรำคาญได้ เราจึงทำการติดตั้งระบบควบคุมเสียงเครื่องยนต์ให้ผู้ขับขี่ปรับได้ตามใจชอบ”

โฟสเตอร์ระบุว่า การพัฒนาระบบ Quiet Start เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรง เมื่อเพื่อนบ้านของเขาโทรแจ้งตำรวจว่าท่อไอเสียดังของเชลบี้ จีที350 ของเขามีเสียงดังเกินไปขณะสตาร์ทและถอยออกจากโรงจอดรถในบ้าน

ระบบ Quiet Start สามารถปรับตั้งได้ทั้งจากพวงมาลัยและบนหน้าจอบนคอนโซล ทางฟอร์ดระบุว่าที่เป็นครั้งแรกที่ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งเสียงท่อไอเสียและเลือกช่วงเวลาได้อย่างยืดหยุ่น

ที่มา : www.autospinn.com

2018 Mazda CX-5 เปิดตัวพร้อมระบบหยุดการทำงานของลูกสูบ




สำหรับซีเอ็กซ์-5 รุ่นเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาจะมีไฟหน้าแอลอีดี ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนท์รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ สตรีมมิ่ง และอื่นๆ มาสด้ายังแนะนำแพ็คเกจ i-Activesense ที่มีระบบควบคุมไฟหน้า ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบรักษาช่องจราจร ระบบครูสคอนโทรลแบบเรดาร์ ระบบช่วยเบรก ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ

เครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ-จียังคงเป็นบล็อกเดิม มีพละกำลัง 187 แรงม้า แรงบิด 186 ฟุตปอนด์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ

มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ปี 2018 จะถูกส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงปลายเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 24,150 เหรียญสหรัฐ

ที่มา : Autospinn.com

วิธีการโมเครื่องยนต์ในแรงสมใจ

วิธีการโมดิฟายปรับพื้นผิวของช่องดูดอากาศไอดีและไอเสียที่ฝาสูบของเครื่องยนต์ด้วยเครื่อง CNC 5 axis Porting and CNC Engine Block เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์สำหรับรถแข่งแรงกว่าเดิม

สาธิตเทคนิคการประกอบแหวนลูกสูบเครื่องยนต์ | How To Install Piston Rings


สอนวิธีการใส่แหวนลูกสูบด้วยเทคนิคง่ายๆ ใครๆก็ทำได้ ถ้าคุณทำตามอย่างถูกต้อง เวลาประกอบแหวนลูกสูบของเครื่องยนต์อย่างไรไม่ทำให้แหวนหักได้


กรรมวิธีการผลิตก้านสูบ | Connecting rod manufacturing for re-engineered


หลักการทำงานของ VGT VNT Turbochargers ในเครื่องยนต์

แสดงหลักการทำงานของระบบ VGT VNT Turbochargers เทอร์ชาร์จเจอร์ของเครื่องยนต์ ด้วยรูปแบบแอนิเมชั่น3มิติ

วิธีโมดิฟายเครื่องยนต์ด้วยการขัดเงาห้องเผาไหม้ที่ฝาสูบของเครื่องยนต์ | Cylinder head modify

สาธิตขั้นตอนการขัดเงาผิวของบริเวณห้องเผาไหม้หัวลูกสูบและช่องผ่านอากาศวาล์วไอดีไอเสียที่ฝาสูบของเครื่องยนต์  Cylinder Head Porting Polishing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น


การปาดลูกสูบเพื่อโมดิฟายเครื่องยนต์ | Piston Modify Engine

สาธิตเทคนิคการใช้เครื่องMilling สำหรับปรับลดขนาดของความสูงของหัวลูกสูบเครื่องยนต์ ในมีขนาดที่พอดีกับปริมาตรของการอัดอากาศและส่วนผสมในห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์ 


วิธีการคืนสภาพของไดร์สตาร์ทรถยนต์ ให้กลับมาดีเหมือนใหม่



ขั้นตอนการผลิตเพลาข้อเหวี่ยง สำหรับเครื่องยนต์ ด้วยกรรมวิธีทางเครื่องจักรกลอัตโนมัติ



น้ำมันเบนซิน คือ อะไร ? | คุณสมบัติของน้ำมันเบนซิน


น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงยานยนต์ 1 ในจำนวน 2 ชนิด ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ น้ำมันเบนซินเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ซึ่งสัดส่วนของน้ำมันเบนซินที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบอยู่ในช่วงร้อยละ 2-25 ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม กระบวนการกลั่นน้ำมันในโรงกลั่นมีความซับซ้อนมากไม่ว่าน้ำมันดิบจะมาจาก แหล่งใดก็ตาม น้ำมันเบนซินเป็นสารผสมที่ประกอบด้วยสารไฮโดรคาร์บอนมากถึงประมาณ 400 ชนิด โดนสามารถแบ่งออกเป็นตระกูลใหญ่ๆได้ คือ ฟาราฟฟีนส์ ไซโคลฟาราฟฟีนส์ โอเลฟีนส์ อะโรแมติก นอกจากนั้น ยังมีสารอื่นๆอีก ได้แก่ สารออกซิเจนเนต ตะกั่ว ฟอสฟอรัส กำมะถัน ฯลฯ การที่จะทำให้น้ำมันเบนซินมีคุณสมบัติตอบสนองการใช้งานได้ดีในทุก สภาพการทำงานของยานยนต์ พร้อมทั้งไม่ก่อให้เกิดสารมลพิษมากด้วยนั้น จำเป็นที่จะต้องระบุข้อกำหนดในการผลิตน้ำมันเบนซินไว้หลายประการ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติที่สำคัญมาก ๒ ประการของน้ำมันเบนซิน คือ ความสามารถในการระเหย และค่าเลขออกเทนสูง น้ำมันเบนซิน ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เรียกว่า แก๊สโซลีน ( gasoline หรือ gas) ในประเทศเครือจักรภพอังกฤษเรียกว่า เพทรอล (petrol ย่อมาจาก petroleum spirit) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ชนิดเบนซิน แก๊สโซลีนได้มาจากการนำน้ำมันองค์ประกอบ ที่ได้จากจากกระบวนการกลั่นน้ำมัน นำมาผสมสารเพิ่มคุณภาพ และสารเติมแต่ง เช่น MTBE, เอทานอล และสีย้อม การวัดคุณภาพของน้ำมันเบนซิน ใช้ค่าออกเทน ซึ่งในสมัยก่อนใช้วิธีเติมตะกั่วลงไปเพื่อปรับค่าออกเทน แต่ต่อมาได้วิจัยพบว่าเป็นอันตรายต่อระบบประสาทของมนุษย์ ปัจจุบันจึงได้ใช้สาร MTBE (Metyl Tertiary Butyl Ether) แทน และมีชื่อเรียกในประเทศไทยว่า น้ำมันไร้สารตะกั่ว ในประเทศไทย เรียกน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนี้ว่าเบนซิน (Benzin, Bensin) ตามอย่างประเทศแถบยุโรป เช่น สแกนดิเนเวีย เยอรมนี น้ำมันเบนซิน (gasoline) ส่วนประกอบ paraffin, aromatic, olefins และ ส่วนผสมจากกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ ได้แก่ - LSR - Catalytic reformat - Catalytic cracked gasoline - Thermally cracked gasoline - Hydro cracked gasoline - Alkylate - Polymerized gasoline - Isomerizes gasoline สารเติมแต่งที่สำหรับ gasoline - Antiknock compound ใส่เพื่อเพิ่มค่าออกเทน ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้สารพวกตะกั่วแต่ปัจจุบันยกเลิกแล้ว จึงหันมาใช้พวก organo-manganese compound แทน - Anti- Oxidant ใส่เพื่อป้องกันการเกิดยางเหนียว - Oxygenates จะช่วยลดปริมาณคาร์บอนและช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำมัน นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มค่าออกเทน - Paint ใส่เพื่อช่วยแยกเกรดของน้ำมัน - Detergent และ Dispersant จะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ซึ่งจะเป็นสารพอลิเมอร์ชนิดวัตถุพิเศษ น้ำมันเบนซินหรือก๊าซโซลีน (Gasoline) เป็นเชื้อเพลิงที่ระเหยได้ง่าย ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบในโรงกลั่น โดยกลั่น หรือ ตัดเอาส่วนที่เบาพอเหมาะจากส่วนต่างๆ ในกรรมวิธีการกลั่น แล้วเอามาผสมกันและปรุงแต่งด้วยสารเพิ่มคุณภาพต่างๆไม่ว่าจะเป็น แนฟธา (Naphtha), Isomerate, Reformate และสารเติมแต่ง (Additives) เช่น MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether), เอทานอล เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมแก่การใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์เบนซินชนิดสันดาปภายในโดยมีหัวเทียนเป็นเครื่องจุดระเบิด (Spark Ignition Internal Combustion Engine) ความสามารถในการระเหยน้ำมันต้องพอเหมาะกับการเผาไหม้ในกระบอกสูบและต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง

เครื่องยนต์แต่ละชนิดมีความต้องการออกเทนสูงไม่เท่ากัน รัฐบาลจึงแบ่งน้ำมันเบนซินออกเป็น 2 ชนิด ตามค่าออกเทนนัมเบอร์ ดังนี้

1. น้ำมันเบนซินพิเศษ (PREMIUM MOTOR GASOLINE) มีค่าออกเทนนัมเบอร์95 สีเหลืองอ่อน เหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงกว่า 8:1 ขึ้นไปซึ่งได้แก่ รถยนต์นั่งทั่วไป รถบรรทุกเล็ก (เครื่องยนต์เบนซิน)

2. น้ำมันเบนซินธรรมดา (REGULAR MOTOR GASOLINE) มีเลขจำนวนออกเทน 91สีแดง ใช้กับน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนกำลังอัดต่ำกว่า 8:1 ซึ่งได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องปั่นไฟ, รถตัดหญ้า หรือ ปั๊มน้ำขนาดเล็ก

น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในเครื่องยนต์ มีอะไรบ้าง ? | ประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิง

ปัจจุบันน้ำมันในไทยมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้รถและความต้องการของผู้ใช้น้ำมันเบนซิน หรือแก๊สโซลีน ผลิตมาจากน้ำมันดิบ (crude oil) ที่ถูกดูดขึ้นมาจากพื้นโลก มีลักษณะเป็นของเหลวสีดำ เรียกว่า ปิโตรเลียม (Petroleum)

น้ำมันเบนซิน เป็นเพียงส่วนผสมปริมาณเล็กน้อยที่อยู่ในน้ำมัน โดยจะมีผลกับค่าออกเทน ซึ่งค่าออกเทนจะเป็นตัวบอกคุณภาพของน้ำมันเบนซิน ถ้าตัวเลขสูงหมายถึงความสามารถของน้ำมันต่อการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น

สำหรับน้ำมันเบนซินที่ขายอยู่ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล
สามารถจำแนกน้ำมันที่ขายตามท้องตลาดได้ ประมาณ 7 ประเภท ประกอบด้วย
1.น้ำมันเบนซินธรรมดา (regular) หรือน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 ประกอบด้วยส่วนผสมจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว และค่าออกเทน 91

2.น้ำมันเบนซินพิเศษ (premium) หรือน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 95 ประกอบด้วยส่วนผสมจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว และค่าออกเทน 95 ปัจจุบันน้ำมันประเภทนี้ยกเลิกการจำหน่ายไปแล้วหลายแห่ง

3.น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนด และสามารถใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน 91 ธรรมดา ได้ โดยมีส่วนผสมระหว่างเอทานอลหรือเอทิล แอลกอฮอล์ มีความบริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 91 ในอัตรา ส่วน น้ำมัน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน

ผลดีต่อเครื่องยนต์ ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถนะเครื่องยนต์ และอัตราการเร่ง ไม่แตกต่างจากน้ำมันเบนซิน 91 สามารถเติมผสมกับน้ำมันเบนซินที่อยู่ในถังได้เลย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์

4.น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนด และสามารถใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน 95 ธรรมดาได้

มีส่วนผสมระหว่างเอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์มีความบริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซิน 95 ในอัตรา ส่วน น้ำมัน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 แตกต่างจากน้ำมันเบนซิน 95 โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ผลิตจากน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ผสมกับเอทานอลซึ่งเป็นตัวเพิ่มค่าออกเทน ทำให้ได้แก๊สโซฮอล์ที่มีออกเทนเท่ากับน้ำมันเบนซิน 95 ที่ใช้สาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) เป็นสารเพิ่มค่าออกเทน

แต่สาร MTBE มีข้อเสียคือ ทำให้เกิดการปนเปื้อนกับน้ำใต้ดินและน้ำดื่ม

5.น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 คือ นํ้ามันที่มีส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอ ฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซิน 15% ต่อเอทา นอล 85% ได้เป็นน้ำมัน

6.น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 นํ้ามันที่มีส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซิน 80% ต่อเอทานอล 20%

7.ไบโอดีเซล คือ น้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ รวมทั้งน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหารนำมาทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแอลกอฮอล์ เรียกอีกอย่างว่าสารเอสเตอร์ มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลมาก

หากเลือกใช้น้ำมันให้ถูกประเภท ก็จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้

ข้อควรระวัง ในการใช้ อินเตอร์คูลเลอร์

        การติดตั้งต้องอยู่ในจุดที่รับลมมาระบายความร้อนได้ดีที่สุด ถ้าอยู่ในจุดที่ไม่ดีจะมีผลกลับกัน ทำให้ความร้อนไอดีสูงขึ้นกลายเป็นอินเตอร์ฮีทเตอร์ได้ ต้องไม่ไปบังการระบายความร้อนของหม้อน้ำอาจทำให้ความร้อนขึ้น ท่อยางและเหล็กรัดควรใช้อย่างดีที่ออกแบบมาเพื่อท่อเทอร์โบ ที่ต้องทนแรงดันและความร้อน เพราะถ้ามีการรั่วอาจทำให้ หรือรถจะวิ่งไม่ออกเครื่องสะดุด ถ้าแตกอาจทำให้ เครื่องดับ สตาร์ทไม่ติด


ข้อดีของอินเตอร์คูลเลอร์ (Advantages of Intercooler)

ช่วยระบายความร้อนให้กับไอดี ให้มีอุณหภูมิลดลง แรงม้าสูงขึ้นลดอุณหภูมิของเครื่องยนต์และไอเสีย เทอร์โบทนทานขึ้น ลดอาการน็อคในการสันดาปเนื่องมาจากการชิงจุดระเบิด

แสดงการไหลของอากาศผ่านอินเตอร์คูลเลอร์

แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ คืออาศัยอากาศที่ผ่านมาปะทะตัวอินเตอร์เพื่อระบายความร้อน เหมาะกับเมืองร้อนที่ต้องการอุณหภูมิต่ำ

การทำงานของอินเตอร์คูลเลอร์




การทำงานของอินเตอร์คูลเลอร์

เมื่ออากาศร้อนที่ถูกอัดมาจากเทอร์โบชาร์จเจอร์ไหลผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มีอากาศจากภายนอกซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าไหลมาปะทะกับรถยนต์ผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร้อน จนอุณหภูมิของอากาศร้อนที่จะเข้าห้องเผาไหม้นั้นลดต่ำลง มีมวลอากาศหนาแน่นมากขึ้น และมีปริมาณของออกซิเจนมากขึ้นด้วย ส่งผลให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ


ชนิดของอินเตอร์คูเลอร์ มี กี่แบบ ?




ชนิดของอินเตอร์คูเลอร์ มี 2 แบบคือ

1. แบบถ่ายเทความร้อนด้วยน้ำ จะอาศัยน้ำหล่อเย็นจากตัวหม้อน้ำเครื่องยนต์ หรือมีหม้อน้ำแยกโดยมีปั้มน้ำทำหน้าที่ปั้มน้ำจากหม้อหล่อเย็นมาระบายความร้อนที่อินเตอร์ อินเตอร์แบบนี้เหมาะกับประเทศเมืองหนาวที่ไม่ต้องการให้อุณหภูมิการเผาไหม้เย็นเท่าไหร่ และในรถแข่งขันระยะสั้นที่ใช้วิธีเอาน้ำเย็นหรือน้ำแข็งเติมลงไปในอินเตอร์คูเลอร์เลย

2. แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ คืออาศัยอากาศที่ผ่านมาปะทะตัวอินเตอร์เพื่อระบายความร้อน เหมาะกับเมืองร้อนที่ต้องการอุณหภูมิต่ำ

อินเตอร์คูลเลอร์ (Intercooler) คือ อะไร ? | หน้าที่และการทำงาน

อินเตอร์คูลเลอร์( INTER COOLER ) หรือ อัฟเตอร์คูลเลอร์ ( AFTER COOLER ) หรือ HEAT EXCHANGER แปลว่า ตัวแลกเปลี่ยนความร้อน หน้าที่คือ ระบายความร้อนของไอดีที่ถูกอัดมาจาก เทอร์โบชารจ์เจอร์ซึ่งมีความร้อนสูงให้เย็นตัวลง อากาศที่มีความร้อนสูงตามหลักฟิสิกส์ จะมีมวลอากาศน้อยความหนาแน่นต่ำ อากาศเย็นมวลอากาศมากความหนาแน่นสูงกว่า สังเกตจากเวลาอากาศเย็น รถจะวิ่งดีขึ้น อินเตอร์คูลเลอร์จะคอยระบายความร้อน ของไอดีอุณหภูมิสูงให้ลดลงมวลไอดี จะมีความหนาแน่นขึ้น การเผาไหม้ดีขึ้น เครื่องยนต์พลังแรงขึ้น

อากาศที่ถูกอัดจากเทอร์โบจะมีความร้อนสูงเนื่องมาจาก โมเลกุลของอากาศผ่านการเสียดสีกับกังหันเทอร์โบด้วยความเร็วสูงเมื่ออัดเข้าสู่ท่อไอดีแรงดันของอากาศจะทำให้โมเลกุลเกิดการกระทบกันอีกความร้อนจะเพิ่มสูงมาก จากอุณหภูมิปกติ 35 – 45 องศาจะสูงขึ้นเป็น 90 – 120 องศา และทุกๆ 1องศาของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น จะมีผลทำให้อุณหภูมิไอเสียเพิ่มขึ้นอีก 3 องศา ดังนั้นอินเตอร์คูเลอร์จะทำหน้าที่ลดความร้อนไอดีให้กลับมาที่อุณหภูมิปกติ ในอินเตอร์ที่ดีน่าจะลดความร้อนให้กลับมาอยู่ที่ 20- 50 องศาการลดความร้อนที่ดีขึ้นอยู่กับ การเลือกใช้อินเตอร์ การติดตั้ง และคุณภาพของอินเตอร์ที่นำมาติดตั้ง

ข้อดีและช้อเสียของเทอร์โบแปรผัน




ข้อดีของเทอร์โบแปรผัน

1. ลดอาการ Turbo lag หรืออาการรอรอบ ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิด และแรงม้าดีขึ้นตั่งแต่รอบต่ำ
2. ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น จากการสร้างแรงบิดได้ตั่งแต่รอบต่ำ เครื่องยนต์จึงอาศัยอัตราเร่งน้อยกว่า
3.ลดมลพิษ ไม่มีไอเสียที่เหลือปล่อยทิ้งทางเวสเกต ทำให้ฝุ่นละอองไนโตรเจนลดลง

ข้อเสียของเทอร์โบแปรผัน

1. ราคาสูงกว่าเทอร์โบธรรมดาทั่วๆไปเพราะใช้อุปกรณ์มากกว่า
2. การดูแลรักษายาก คราบเขม่าไอเสียอาจจับตัวกับอุปกรณ์ภายใน จนเกิดการติดขัด เสียหายได้
3. ยากในการปรับแต่ง เช่นในการเพิ่มบูชแรงดันอากาศ การติดตั้งเวสเกตแยก จึงไม่เหมาะกับรถที่ใช้ในการแข่งขันหลายร้อยแรงม้า
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved