Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เกร็ดความรู้เรื่อง ระบบไฟที่สงสัยกัน

เป็นปัญหาเหมือนกันนะครับว่า สงสัยจริงว่าใส่แบต 2 ลูกจะช่วยให้ไฟเพียงพอจริงหรือ (ใช้วิทช์,ลงเครื่องเสียงตึบๆ)...ลองอ่านแล้ววิเคราะห์ตามดูนะครับ....บท ความนี้ก็คัดลอกต่อกันมาเห็นว่ามีประโยชน์ (ต้องขออภัยเจ้าของบทความนะครับ แบบว่าcopy มา save เก็บไว้อ่านเป็น knowledge เอาไว้นานแล้ว...)
โดยปกติอุปกรณ์จำเป็นมาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถยนต์นั้น มีอัตราการกินกระแสที่เป็นสัดส่วน

ดังต่อไปนี้ (เป็นอัตราเฉลี่ยในรถขนาดแตกต่างกัน ถ้ารถขนาดใหญ่ก็อาจกินกระแสมากกว่ารถ
ขนาดเล็ก)
- ไฟหน้าใหญ่ 15-20 A
- ไฟป้อนเข้าระบบจุดระเบิดเครื่องยนต์ 10 A
- ไฟสำหรับที่ปัดน้ำฝน 15-20 A
- ไฟดวงต่างๆ 1 A ต่อหลอด
- ไฟสำหรับระบบปรับอากาศ 25-35 A
ถ้าเราเป็นนักสังเกตบ้างเล็กน้อยเมื่อถอยรถออกจากโชว์รูม จะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่ที่ติดตั้งมา
กับรถนั้น มีขนาดแค่พอเหมาะประมาณ 35-45 แอมแปร์ นั่นก็เพราะเขาคิดมาตรฐานเอาจากค่า
การใช้กระแสมาตรฐานจากไฟหน้า, ไฟระบบเครื่องยนต์ และไฟอื่นๆ โดยบางครั้งยังไม่นับรวมถึง
ไฟที่ใช้สำหรับระบบปรับอากาศด้วยซ้ำไป
เวลาใช้รถตอนกลางคืนที่ฝนตกหนักๆ แค่เปิดไฟหน้าและที่ปรับน้ำฝนพร้อมกับระบบปรับ
อากาศ จะสังเกตเห็นไฟหรี่ภายในรถมีอาการวูบวาบแล้ว บางท่านที่พอรู้เรื่องรู้ราวบ้างก็จัดการ
เปลี่ยนแบตเตอรี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 50-65 แอมแปร์ อาการดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
การเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นอาจถูกต้องในบางเรื่องแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจะต้องคำนึงถึง
‘ไดชาร์จ’ หรืออัลเตอเนเตอร์ด้วย ถ้าไดชาร์จมีขนาดแรงดันกระแสขาออกแค่เพียง 35 A
โดยทางทฤษฎีมันจะมีความเหมาะสมเพื่อใช้กับแบตเตอรี่ขนาด 35 A เท่านั้น ถ้าใช้แบตเตอรี่
เพิ่ม เป็นขนาด 50 A ไดชาร์จจะต้องทำอย่างหนักเพื่อพยายามเติมไฟให้เต็มแบตเตอรี่ 50 A โดยไม่มีการเรียกใช้ไฟจากระบบไฟรถยนต์เลยถ้ายังต้องเปิดไฟหน้า หรือเปิดเครื่อง
ปรับอากาศในระหว่างที่ไดชาร์จกำลังเติมไฟให้แบตเตอรี่ กระแสไฟที่แบตเตอรี่ก็จะไม่มี
วัน เต็มได้เลยถ้าคิดอัตราเฉลี่ยในการเติมไฟแบตเตอรี่ของไดชาร์จโดยไม่มีการโหลด จากระบบไฟรถยนต์ ไดชาร์จขนาด 35 A จะเติมไฟให้เต็มแบตเตอรี่ขนาด 50 A ได้ในเวลาเกือบๆ
2 ชั่วโมง
ซึ่งแน่นอนว่าขณะที่ทำการปั่นไดชาร์จ ด้วยเครื่องยนต์เพื่อเติมไฟให้เต็มแบตเตอรี่ระบบเครื่องยนต์ก็จะกินไฟ 10 A อยู่ตลอดเวลา ระยะเวลาจึงยิ่งนานเข้าไปอีก ยิ่งถ้ามีการเปิดระบบปรับอากาศด้วยก็ยิ่งนานขึ้นอีกในปัจจุบันเทคโนโลยีด้าน ระบบเสียงรถยนต์มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมากจากกำลังขยายเพียงแค่ไม่กี่ วัตต์ในสมัยก่อน กลายมาเป็นกำลังขยายในระดับพัน-สองพันวัตต์ในปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ผู้คนทั้งหลายต่างมองข้ามกันไปก็คงเป็นเรื่องของ ‘กำลังไฟ’ ที่จะป้อนจ่ายให้กับอุปกรณ์ระบบเสียงหลายท่านไม่ทราบว่าจะต้องคำนวณการกิน กระแสของระบบได้อย่างไร

การเพิ่มขนาดของแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช้ทางแก้ปัญหา การเรียกกำลังไฟจากรถยนต์ที่ถูกต้องโดยปกติเราต้องใช้ไดชาร์จที่มีขนาดกระแสขาออกได้มากกว่าความต้องการของ
กระแสรวมประมาณ 20% และ 40-50% ถ้าค่ากระแสขาออกนั้นบอกมาในหน่วย Cold152
1. สายไฟแรงดันที่ขั้วบวก หรือขั้วลบที่ลงกราวน์ อาจมีขนาดเล็กเกินไปเมื่อ
เทียบกับจำนวนของกระแสที่ไหลผ่าน
2. เกิดอิมพีแดนซ์อย่างรุนแรงในจุดต่อยึดบางจุดของสายไฟแรงดัน/หรือขั้วกราวน์ อาทิ ขั้วแบตเตอรี่เสื่อม, มีการต่อสายไฟแรงดันอย่างหลวมๆ ไม่บัดกรี, ขันหัว
ขั้วแบตเตอรี่ไม่แน่น, ยึดหัวขั้วไฟกราวน์ไม่แน่น, ไม่ขูดสีตัวถังให้สะอาด หรือกราวน์ไม่
สมบูรณ์
3. ขนาดของแบตเตอรี่ไม่เพียงพอที่จะจ่ายกระแสไฟให้กับระบบเสียง หรือมีความจะของกระแสที่แบตเตอรี่น้อยเกินไป
4. แบตเตอรี่มีการคายประจุที่เร็วมาก (ผิดปกติ) หรือไม่ก็แผ่นแซลในแบตเตอรี่เกิดความเสียหาย (เปลี่ยนใหม่)แล้วเช็คด้วย VOM อีกครั้ง
5. แบตเตอรี่มีขนาดพอเพียงกับการจ่ายกระแส แต่ว่าตัว ‘ไดชาร์จ’ ให้ขนาดกระแสขาออกน้อยเกินไป หรือไม่สามารถจ่ายกระแสได้มาพอต่อการประจุแบตเตอรี่ให้เต็มได้ กรณีแบบนี้ค่าแรงดันที่วัดได้จากแบตเตอรี่จะต่ำกว่า 12 โวลท์ เมื่อทำการตรวจวัดในขณะดับเครื่องยนต์

จึงอาจต้องระวังเรื่องนี้ในการสับเปลี่ยนไดชาร์จ นอกจากนั้นยังพบว่าไดชาร์จและ
การประจุกำลังไฟของรถยนต์มีความแตกต่างกันในรถแต่ละคัน บางระบบสามารถจ่าย
กระแสออกมาได้เต็มที่เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่บางระบบจะจ่ายกระแสก็ต่อเมื่อ
เครื่อง ยนต์มีรอบปั่นสูงๆ ซึ่งความแตกต่างนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พึงระวังโดยหลักการแล้วไดชาร์จถูกคิด ค้นและสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ
1. เพื่อผลิตและแจกจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ เมื่อเครื่องยนต์
เริ่มทำงาน
2. เพื่อจ่ายกระแสไฟไปกักเก็บเอาไว้ที่แบตเตอรี่ เพื่อนำก

Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้าไทยแล้ว 2.85 ล้าน

Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้าไทยแล้ว 2.85 ล้าน

พอพูดถึงรถไฟฟ้า เราจะเห็นได้ว่าหลายๆคนเริ่มไม่ตื่นเต้นกันเพราะเคยได้ยินมามาก แต่ที่จริงแล้วรถไฟฟ้าที่ออกข่าวมาส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงรถต้นแบบและติดปัญหาในการใช้งานจริง หรือการรับรองในการใช้งานต่อนานาชาติ Nissan Leaf คือรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ผลิตเป็นจำนวนมาก และสามารถใช้งานได้ทั่วไป และคนธรรมดาสามารถเป็นเจ้าของได้คันแรกของโลก มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิงและคนอายุน้อย ถือเป็นนวตกรรมระดับโลก ผ่านการเมืองมาอย่างโชกโชน มีความยิ่งใหญ่ในวงการรถยนต์จนทำให้บริษัท Nissan คือบริษัทรถยนต์หนึ่งเดียวที่ติดอันดับบริษัท TOP innovation ระดับโลกร่วมกับ Apple, facebook twitter และ Google ภายในทันสมัย ภายในทันสมัย รถคันนี้ไม่มีไอเสียออกมาเลย ไม่มีความสั่นสะเทือน ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง Nissan บอกว่ามันให้อารมณ์ราบเรียบเหมือนกับการ “ส่งเอกสารด้วยนกพิราบ” แต่ยังคงขับสนุกตามสไตล์นิสสัน ความยิ่งใหญ่ของการผลักดันรถไฟฟ้า 100% Carlos Ghosn CEO และ Chairman Nissan Carlos Ghosn CEO และ Chairman Nissan

การใช้พลังงานฟอสซิล และน้ำมัน คือผลประโยชน์และการเมืองระดับโลกที่ทำให้รถไฟฟ้าไม่พัฒนา และทำให้รัฐบาลในหลายประเทศยังลังเลที่จะสนับสนุนรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำให้ไม่เกิด Station การเติมไฟฟ้าเร่งด่วนสักที แต่นิสสันได้มุ่งมั่นและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆซึ่งต้องนับถือจิตใจที่เข้มแข็งของเหล่าผู้บริหาร Nissan Leaf สามารถที่จะเสียบปลั๊กไฟในบ้านได้เลยโดยไม่ต้องการสถานีเติมไฟเร่งด่วนแต่อย่างใด Spec และการใช้งานของ Nissan Leaf เปิดจมูกด้านหน้า Leaf ชาร์ทไฟได้

เปิดจมูกด้านหน้า Leaf ชาร์ทไฟได้ - รถยนต์คันนี้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 145 km/h ความเร็วบนทางด่วน 100-130 ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทาง - มีแรงม้าประมาณ 80 แรงม้า - มีแรงบิด 207 ปอนด์ฟุต - มีระบบ ABS EDB ถุงลม - ใช้เวลาชาร์จ 8 ชั่วโมงจากระบบไฟบ้านปกติ - สามารถ Quick charge โดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ได้ไฟ 80% ของแบ็ตเตอรี่ (พักรถที่ปั๊มเวลาเดินทางได้) - ไฟเต็ม 100% สามารถเดินทางได้ 200km - มีระบบ regenerate เบรค สร้างไฟฟ้ากลับคืน เหมือนรถไฮบิริจทั่วไป - ใช้แบ็ตเตอรี่ลิเทียมไอออน - ดีไซน์ลักษณะเหมือนรถอนาคต น่ารักทันสมัย - มีมาตรวัดไฟฟ้าแทนน้ำมัน - การสตาร์ทแทนที่จะเป็นเสียงเครื่องยนต์ เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงน่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่นแทน - หัวเกียร์มีรูปร่างคล้ายเมาส์ มีโหมด P N D และ Eco - ปุ่มสตาร์ท keyless go ไม่ต้องใช้กุญแจตามสมัยนิยม - ความรู้สึกในการขับเร่งได้แรงเหมือนรถ 1.5 - ไม่มีท่อไอเสีย สำหรับผู้ที่นำเข้าตอนนี้ลองไปเซิร์ทหาดูกันได้ ขณะที่เขียนนี้มีอยู่ 6 คัน 6 สี มีการรับประกันแบ็ตเตอรี่ยาวนานจนไม่ต้องกังวล สำหรับราคา 2.85 ล้านนั้นถือว่าค่อนข้างสูงเนื่องจากยังเป็นสินค้า innovation ที่มีผู้ใช้น้อยและมีอัตราภาษีนำเข้า แต่ถ้าเทียบกับรถราคาเท่าๆกันคันอื่น (เช่น Camry 3.5 หรือ Mini หรือ BMW series3) ก็ยังถือว่าน่าใช้ และเป็นกิมมิคที่ผู้ใช้จะได้พูดคุยกับคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีทีเดียว แถมเนื่องจากรถไฟฟ้าในไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ดังนั้นคุณเองอาจไปขอชาร์จที่โรงแรมที่คุณเดินทางไปพักได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ

โตโยต้า จับมือ ททท. จัดกิจกรรมแรลลี่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ “e-toyotaclub Go Green Rally” ปีที่ 2



นาย วิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด พร้อมด้วย นาย ธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการ การท่องเที่ยวประเทศไทย ด้านตลาดในประเทศ ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรมแรลลี่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “e-toyotaclub Go Green Rally” ปีที่ 2 พร้อมด้วยสมาชิกเว็บไซด์ www.e-toyotaclub.com และกลุ่มสมาชิกคาร์คลับผู้ใช้รถโตโยต้ารุ่นต่างๆ ในเส้นทาง กรุงเทพฯ – เพชรบุรี – ชะอํา ในระหว่างวันที่ 28 – 29 เมษายนศกนี้ โดยมีรถโตโยต้า เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 130 คน ซึ่งมุ่งหวังสร้างจิตสํานึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผ่านทางกิจกรรมเกมส์ต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้ให้ทุกท่านตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ทางโตำยต้าได้นําเทคโนโลยีใหม่ “Toyota smart G-BOOK” แอพพิเคชั่นอัจฉริยะ ที่ผสานทุกเทคโนโลยีการเดินทางไว้ในหนึ่งเดียวผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวความคิด “Fun to Drive” หรือ การสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้รถรู้สึกสนุกและเป็นอิสระในการเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมแรลลี่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก จํานวน 50 คน ซึ่งเป็นงานแรลลี่ที่ใช้นาวิเกเตอร์เป็นตัวนําทางเป็นครั้งแรก และด้วยบริการ Smart G-BOOK Call  Center ที่ช่วยเติมความสนุกให้ทุกการขับขี่ จะช่วยให้การเดินทางสนุก ง่าย สดวกสบาย และปลอดภัยยิ่งขึ้น
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.e-toyotaclub.com ชุมชนออนไลท์ที่ใหญ่ที่สุดเพื่อคนรักโตโยต้า

N.K. เปิดตัว เบนซ์ B-CLASS ใหม่ และ M-CLASS ใหม่ ที่แรกในไทย


เอ็น.เคออโต้อิมพอร์ต  จำกัด  เผยขณะนี้บริษัทได้นำเข้ายนตรกรรมเอนกประสงค์สุดหรู 2 รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นที่แรกในเมืองไทย ได้แก่ Mercedes Benz All New B-Class 2012 เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการรถที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวพร้อมตอบสนองการใช้ชีวิตในแบบ Urban Lifestyle และ Mercedes Benz All New M-Class  เหนือกว่าทุกสัมผัสกับเวอร์ชั่นแต่งพิเศษ AMG Sport Package เพื่อเอาใจคนรักรถสปอร์ตเอนกประสงค์ที่พิสมัยรูปลักษณ์ดุดันสไตล์ AMG โดยเฉพาะ พร้อมอวดโฉมรถคันจริงให้ลูกค้าได้สัมผัสทั้ง 2 รุ่น ที่โชว์รูม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายพิตินันทน์   กฤษดาธานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น.เคออโตอิมพอร์ต จำกัด   เปิดเผยว่า All New B-Class 2012 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยรูปลักษณ์การดีไซน์ระดับมาสเตอร์พีซ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบอากาศพลศาสตร์ของรุ่นใหญ่อย่าง CLSซึ่งจุดเริ่มต้นของ B-Class เป็นการอัพสเกลตลาดให้กับ A-Class ด้วยตัวถังที่มีความอเนกประสงค์มากกว่า และคล่องตัวกว่าสำหรับการใช้งานในเมือง
สำหรับ B-Class ที่ เอ็น.เค.ฯ   ได้นำเข้ามาจำหน่ายเป็นรุ่น B180 CGI SPORT LINE เป็นรุ่นท็อปสุดของโมเดล โดยมาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ไฟหน้าอัจฉริยะแบบ ILS ( Intelligent Light System ) พร้อมไฟ Daylight L.E.D ล้อแม็กดีไซน์สปอร์ตรุ่นใหม่ขอบ 18 นิ้ว แบบ Bi-Color  (ตัวก้านแม็กเป็นสีเงิน   สันด้านในเป็นสีดำ ) ช่วงล่างแบบ Sport Suspension ตัวรถต่ำลง 15มมไฟท้ายใหม่แบบ L.E.D พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้านพร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์แบบแพดเดิ้ลชิฟหลังพวงมาลัย จอ Command รุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อม กล้องถอยหลังขณะจอด เบาะไฟฟ้าเต็มตัวพร้อมระบบความจำ 3 จุด เรียกว่า เป็นรุ่นท็อปฟูลออปชั่น ซึ่งคาดว่าจะตรงใจและโดนใจลูกค้
B-Class ใหม่มาพร้อมกับเกียร์ 7G-TRONIC DCT โดยย้ายตำแหน่งเกียร์มาอยู่บริเวณคอพวงมาลัยเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในขณะขับขี่โดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย ระบบความปลอดภัย  Adaptive Headlamp Assist, Attention Assist , Speed Limit Assist Active Parking Assist (ระบบช่วยจอดอัจฉริยะที่จะคอยช่วยนำทางในการเข้าที่จอดรถในบริเวณที่แคบ ), Brake Hold function และ Hill Hold function
B-Class 2012 ยังมีระบบ Pre-Safe ช่วยปกป้องคนขับมากที่สุดในยามเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการปรับตำแหน่งที่นั่งให้เหมาะสมพร้อมปิดกระจกไฟฟ้าและหลังคาไฟฟ้าด้วยการทำงานเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเกิดการชน ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่ทำให้ B-Class เทียบชั้นรถซีดานหรูรุ่นใหญ่ได้ทีเดียว
ภายในห้องโดยสารของ Mercedes Benz B-Class 2012 ตอบสนองการใช้งานได้เอนกประสงค์ยิ่งขึ้น พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบายมากขึ้นด้วยฟังชั่น EASY-VARIO-PLUS สามารถปรับเบาะหลังให้เลื่อนได้ 140 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้เพิ่มความจุของที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นอีก 178 ลิตร

 ขุมพลัง ของ B-Class 2012 เป็นเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ตอบสนองประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันกับเครื่องยนต์ สูบแถวเรียง ขุมพลัง 1.6 ลิตร รหัส M207 ไดเร็คท์-อินเจ็คท์ชั่นบล็อกใหม่ล่าสุด ให้กำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร
นายพิตินันทน์ เปิดเผยด้วยว่า  บริษัทเอ็น.เคฯ ยังได้ นำเข้ารถยนต์เอนกประสงค์แบบสปอร์ต SUV รุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อตอบสนองคนรัก Benz ในสไตล์ Urban Sport SUV นั่นคือ All New M-Class 2012 ซึ่งถูกออกแบบสำหรับการใช้ชีวิตครบทุกไลฟ์สไตล์ ในการใช้งานแบบอเนกประสงค์ และความสปอร์ตดุดัน ครอบคลุมทุกความต้องการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวัน รวมถึงวันสบายในยามพักผ่อน
สำหรับ ML250 CDI ที่ทาง N.K. นำเข้ามาจำหน่าย จะเป็นเวอร์ชั่นพิเศษแบบ AMG Sport Package รวมถึงมีการสั่งออปชั่นมาแบบเต็มสุดๆ โดยสำหรับรุ่นท็อปสุด มาพร้อมกบระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ILS (Intelligent Light System) ชุดแอโรพาร์ทที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดุดันสะใจสาวก M-Class ระดับฮาร์ดคอร์ตำรับ AMG ขนานแท้ โดยมาพร้อมกับช่วงล่างถุงลมแบบ Air Suspension (สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำและความนิ่มของระบบกันสะเทือนพร้อมล้อแม็ก AMG ขอบ 21 นิ้ว จอ Command Onlineรุ่นใหม่ล่าสุด
3 จอ (บริเวณคอนโซลด้านหน้าและ 2จอด้านหลังสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ผ่านระบบ Bluetooth พร้อม TV Tuner และ DVD, เครื่องเสียง Harman Kardon, หลังคา Sunroof, กล้องถอยหลัง, Ambient Lighting (ไฟ L.E.D. เรืองแสงล้อมลายไม้),เบาะไฟฟ้าพร้อม Memory 3 จุด

All new M-Class ใช้รหัสตัวถัง W166 มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี 204 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 - 1,800 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. เพียง 9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กม./ชม. ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ตำรับ Mercedes สำหรับการใช้งานในแบบออฟโรดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยสูงสุด ใน M-Classมาพร้อมกับระบบ Active Safetyและ Passive Safety
สำหรับ 2 สุดยอดยนตรกรรมใหม่ล่าสุด ที่บริษัทเอ็น.เคได้นำเข้ามาและพร้อมให้ลูกค้าได้เข้าชมและสัมผัสคันจริงก่อนใครเฉพาะที่โชว์รูม N.K. แล้วนั้น ใน All New B-Class 2012 รุ่นท็อปสุด Sport Line Full Option จะมีให้เลือก 3 สีเทรนด์ใหม่ล่าสุดคือ สีขาวCirrus White, สีดำ Cosmos Black, สีแดง Jupiter Red ซึ่งทั้ง 3 สีถือเป็นเฉดสีใหม่ล่าสุดโดยเฉพาะรุ่น B-Class เท่านั้น พร้อมให้คุณโดดเด่นก่อนใครในาราคาเริ่มต้นเพียง 2.599 ล้านบาทเท่านั้น ส่วน All New M-Class AMG Sport Package ราคาเริ่มต้นเพียง 4.99ล้านบาทเท่านั้น  ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถดูแคตตาล็อคออนไลน์ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.benznk.com

บทสรุปแห่งความสำเร็จและก้าวย่างครั้งสำคัญจากความ เชื่อมั่นคุณภาพรถยนต์มาสด้าส่งยอดจองท่วมท้น 4.1 พันคัน


กรุงเทพ, ประเทศไทย  12 มีนาคม 2555 - บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดรถยนต์ไทย ที่หลายค่ายต่างโหมกระหน่ำส่งรถรุ่นใหม่ๆ ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวของรถยนต์อีโค่คาร์ แน่นอนรถยนต์ที่มีระดับราคาใกล้เคียงกันถูกจับมาประกบเพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในทันที และหนึ่งในนั้น คือ มาสด้า2 สปอร์ตซิตี้คาร์ ซึ่งเป็นรถในเซ็กเม้นต์ บี-คาร์ แท้ๆ แต่ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย และเหนือกว่าในหลายๆ ด้าน ทั้งสมรรถนะ เครื่องยนต์ อุปกรณ์ความปลอดภัย ความคุ้มค่าคุ้มราคา รวมถึงสิทธิพิเศษของโครงการรถคันแรกที่สามารถรับสิทธิคืนเงินเต็ม 100,000 บาท ทำให้ลูกค้าไม่ลังเลกับการตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าสามารถคว้ายอดจองในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 33 ที่ผ่านมา เกินเป้าหมายที่วางไว้ถึง 52เปอร์เซ็นต์
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดจองรถยนต์มาสด้าจากงานมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการที่มาสด้าพยายามสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมาโดยตลอด บรรยากาศในงานตลอด 12 วันที่ผ่านมา มีลูกค้าให้ความสนใจเดินทางมาจองรถกันอย่างต่อเนื่อง และชมรถแน่นบูธตลอดทุกวัน นับตั้งแต่วันเปิดจนวันสิ้นสุดงานจึงได้รับยอดจองสูงถึง 4,118 คัน มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ก่อนงานเริ่มเกือบ 52% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตซิตี้คาร์ มาสด้า2 ที่ได้รับความนิยมสูงสุดถึง 2,996 คัน ทั้งรุ่นสปอร์ต ประตู และเอลิแกนซ์  ประตู นอกจากนี้ รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 2.0ลิตรใหม่ ก็ได้รับความนิยมสูงสุดเช่นเดียวกัน มียอดจองสูงถึง 188 คัน และที่น่าประทับใจคือปิกอัพฮีโร่สไตล์เก๋ง All New Mazda BT-50 PRO มียอดจองสูงถึง 931 คัน นอกจากนี้ ในส่วนของรถยนต์กลุ่มพรีเมียม ทั้งสปอร์ตโรดสเตอร์Mazda MX-5 และรถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู ที่นั่ง Mazda CX-9 ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกันมียอดจองเข้ามาถึง คัน ซึ่งมาสด้าจะเร่งเดินหน้าส่งมอบให้เร็วที่สุด
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับยอดจองรถยนต์มาสด้าในงานที่เพิ่งผ่านไป รถยนต์มาสด้าได้รับความสนใจและไว้วางใจจากลูกค้าอย่างสูง รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มาสด้าจัดมาอย่างหลากหลายสร้างความคึกคักตลอดงาน โดยเฉพาะการนำเอาพรีเซนเตอร์มาสด้าเอลิแกนซ์ อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ มาร่วมงาน ต้องบอกว่างานนี้บูธมาสด้าแทบแตกด้วยด้วยคลื่นมหาชนและแฟนคลับล้นทะลัก ตามมาด้วย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ขวัญใจเด็กแนว พรีเซ็นเตอร์มาสด้าสปอร์ต ที่ทำให้ผู้ชมอึ้งทึ่งกับบทเพลงสุดมันส์ ผู้พันเบิร์ด พันโท วันชนะ สวัสดี พรีเซ็นเตอร์มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ 
และแขกรับเชิญพิเศษอีกหนึ่งท่าน คือ พีท ทองเจือ ที่บอกเล่าเรื่องราวความประทับใจในการนำเอารถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ไปสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกของประเทศไทยกับสนามแข่งสุดหินของโลก นูเบิร์กริง ประเทศเยอรมัน และ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่บูธมาสด้าแทบแตก เนื่องจากการหลั่งไหลเบียดเสียดเข้ามาให้กำลังใจของบรรดาเหล่าแฟนคลับของพระเอกทั้ง คน นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นฮีโร่ให้กับ All New Mazda BT-50 PRO ว่าคุณ หรือ ใคร ก็เป็นฮีโร่ได้ ด้วยการนำบรรดาคอสเพลย์ซูเปอร์ฮีโร่ จากภาพยนตร์เรื่อง The Avengers ที่กำลังจะเข้าฉายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้

“ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” หรือ “Skill Driving Experience”


หากถามคนในประเทศไทยว่า “ขับรถได้หรือไม่” เชื่อว่าจะสามารถหาคำตอบได้ไม่ยาก โดยดูจากปริมาณรถบนท้องถนนในปัจจุบัน แต่หากถามว่า “ขับอย่างไรให้ปลอดภัย” เชื่อว่ามีเพียงไม่กี่คนที่สามรถตอบคำถามนี้ได้ว่าขับรถอย่างไร เรียกว่าขับปลอดภัย และลดโอกาสเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด

ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ “ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” หรือ “Skill Driving Experience” กล่าวว่า “ อุบัติเหตุบนท้องถนนล้วนสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ขับขี่ขาดทักษะการควบคุมรถกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินโครงการ “ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” จึงเข้ามาช่วยลดปัญหาดังกล่าวด้วยการอบรมความรู้เกี่ยวกับการขับรถที่ถูกต้อง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างถูกวิธี ซึ่งปีนี้โครงการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว และที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากสมาชิกนิตยสารในเครือสื่อสากล รวมถึงลูกค้าที่ซื้อรถภายในงาน MOTOR EXPO ตลอดจนบุคคลทั่วไป โดยมีผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วประมาณ 200 คน “


              ผู้เข้าอบรมในโครงการปีนี้ยังคงได้รับการถ่ายทอดความรู้จากครูฝึกมืออาชีพ อาทิ ณัฐวุฒิ เจริญสุขขะวัฒนะ สิรคุปต์ เมทะนี และวุฒินันท์ สภาวสุ ซึ่งมีเทคนิคการสอนที่เข้าใจง่าย ส่วนรถที่ใช้ในการอบรมมี 3 ประเภท ได้แก่ รถขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ
โดยโครงการ ฯ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพันธมิตร ได้แก่ บริษัท มอเตอร์อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รวมถึสนามทดสอบไทยบริดสโตน ที่เปิดให้ใช้เป็นสถานที่จัดฝึกอบรม

การฝึกอบรมมีทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ เพื่อเรียนรู้ถึงระบบการขับเคลื่อนของรถ ระบบเบร การปรับเบาะ และท่านั่งที่ถูกต้อง วิธีจับพวงมาลัย ส่วนภาคปฏิบัติจะมี 3 สถานการณ์ให้ได้เรียนรู้จริงคือ 1. การแก้ไขอาการหลุดโค้งหรือรถหมุนในโค้ง (Over / Under-steering) 2. การเบรคแบบฉุกเฉิน (Emergency Brake) และ 3. การเปลี่ยนเลนกะทันหันแล้วต้องหยุดรถ (Emergency Handling) และปิดท้ายด้วยการแข่งสลาลอมแบบจิมคาน่า เพื่อทบทวนบทเรียนที่ได้ฝึกอบรมมา โดยผู้ที่ใช้เวลาน้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ และได้รับโล่รางวัลของโครงการด้วย
.
ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/skilldriving หรือ สมัครเข้าร่วมอบรม เพียงดาวน์โหลดและกรอกใบสมัครจาก www.skilldriving-imc.com จากนั้นส่งแฟกซ์กลับมาที่บริษัท สื่อสากล จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 0-2641-8444 ต่อ Skill Driving

มาสด้าครองแชมป์รถยอดเยี่ยม 5 รางวัล มาสด้า2 สุดยอดซิตี้คาร์ คว้าตำแหน่ง 3 ปีซ้อน บีที-50 โปร ยังแรงได้อีกปีแรกกวาดรวดเดียว 2รางวัล



กรุงเทพ-ประเทศไทย - กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 30 มีนาคม 2555  นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สุดปลื้มยิ้มแก้มปริ หลังขึ้นรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยม Thailand Car of the Year 2012 


ซึ่งในปีนี้รถยนต์มาสด้าสามารถิชิตรางวัลมาได้ถึง รางวัล โดยเฉพาะรถปิกอัพมาสด้า บีท-50 โปร ที่กำลังร้อนแรงสุดขีดสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้มาครองได้ถึง รางวัล ในประเภทรถปิกอัพขับเคลื่อน ล้อ แบบยกสูง และประเภทรถปิกอัพสมรรถนะยอดเยี่ยม ที่สำคัญรถสปอร์ตซิตี้คาร์อย่างมาสด้า2 สปอร์ต 5 ประตู 


ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ มาแรงแซงโค้งขึ้นแท่นรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี ประเภทรถยนต์นั่งแฮตช์แบคไม่เกิน 1500 ซีซี. ที่ได้รับรางวัลนี้มาครองเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันตามความคาดหมาย หลังจากที่เคยคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกมาแล้ว พร้อมกับควงคู่มากับรุ่นเอลิแกนซ์ 4 ประตู ที่สามารถคว้ารางวัลจากการโวทต์ของผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ พิสูจน์คุณภาพรถซิตี้คาร์ที่สมรรถนะเกินตัว 


แถมควงสปอร์ตรุ่นพี่อย่างมาสด้า3 2.0ลิตรใหม่ หลังจากที่โมเดลเช้นจ์ใหม่ก็สามารถกลับมาผงาดคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประเภทรถยนต์นั่งแฮตช์แบคไม่เกิน 2000 ซีซี. ได้อีกครั้งหลังจากรุ่นที่แล้วเคยคว้ามาได้ถึง ปีติดต่อกัน นับว่าปีนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยม รูปลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่น และความพิถีพิถันใส่ใจในทุกราย ละเอียดของมาสด้า ทำให้สามารถครองใจคนทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าชาวไทยมาอย่างยาวนาน

สยามมิชลินจับมือ 2 พระจอมฯ

30 มี.ค.2555 ณ โรงแรม Pullman Bangkok King Power บริษัท สยามมิชลิน จำกัด โดย Mr.Herve Le Gavrian Mananging Director Asia Oceania ทำบันทึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)  และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในโครงการสหกิจศึกษาวิศวกรรมศาสตร์  ซึ่งเป็นระบบการศึกษาที่เน้นการปฏิบัติงานในสถานประการอย่างมีระบบ โดยนำนักศึกษาจาก 2 สถาบันเข้าฝึกงานในบริษัท สยามมิชลิน จำกัด รุ่นแรกจำนวน 14 คน เป็นระยะเวลา 10 เดือน
(จากซ้ายไปขวา  รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, Mr.Herve Le Gavrian Mananging Director Asia Oceania ,นายเสกสรร ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด (ประเทศไทย) และรศ.ดร.วิบูลย์ ชื่นแขก  คณะบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ)
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved