Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เอ.พี.ฮอนด้า เปิดตัวแคมเปญ Zero Accident ปี 5 รับเทศกาลปีใหม่ชูคอนเซปต์ “ดื่มไม่ขี่” ให้บริการตรวจรถฟรี 10 รายการ พร้อมเปิดจุดพักรถพิเศษสำหรับผู้เดินทางไกล



เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกการขับขี่อย่าง ปลอดภัยรับเทศกาลปีใหม่ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศุนย์ เริ่มที่ตัวคุณ” ปืที่ 5 หลังจากที่ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 และประสบความสำเร็จด้วยเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนล่าสุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ได้เน้นไปที่การลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนพร้อมสร้างการรับรู้และเตือนสติกลุ่มเป้าหมายคนวัยทำงานและวัยรุ่นทั่วไปให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุด “ดื่มไม่ขี่” ออกอากาศทางฟรีทีวีและเคเบิลทีวีพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป อีกทั้งยังผนึกกำลังร่วมกับเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศจัดโครงการFree Service บริการตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ฮอนด้าฟรีถึง 10 รายการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพียง 30 บาท และมอบส่วนลดพิเศษอีกถึง 30 % สำหรับยางและแบตเตอรี่ระหว่างวันที่ 19-21 ธันวาคม 2556 ตามด้วยการเปิดจุดพักรถพิเศษให้บริการฟรีเครื่องดื่มและสปานวดเท้า สำหรับผู้ที่เดินทางไกลด้วยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบนเส้นทางหลวงขึ้นสู่ภาคเหนือตั้งแต่ 27 ธันวาคม – 2 มกราคม 2557 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.aphonda.co.th

นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหารส่วนงานส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด และผู้อำนวยการศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า “จากแนวคิดการรณรงค์ให้มีการขับขี่อย่างปลอดภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ทาง เอ.พี.ฮอนด้าได้ริเริ่มโครงการ Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศูนย์เริ่มที่ตัวคุณ มาตั้งแต่ปี 2553 ด้วยคำพูดบอกเล่าผ่านศิลปินที่เป็นพรีเซนเตอร์ของฮอนด้าในช่วงแรก และมีการสานต่อมาโดยตลอด จนมาถึงการร่วมมือกับนักเตะชื่อดังจากทีมแมนฯยูฯและลิเวอร์พูลในช่วงต้นปี 2556 เพื่อตอกย้ำถึงแมสเสจต่างๆของ Zero Accident ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากจุดประสงค์ในการสร้างจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนให้รู้จักลดอุบัติเหตุด้วยการเริ่มที่ตัวเอง จนได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆของทั้งภาครัฐและเอกชนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดของกรมการขนส่งทางบกทำให้เราได้ทราบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในลำดับต้น
ๆยังคงมาจากการดื่มสุราแล้วขับขี่ ดังนั้น ในการเข้าสู่ปี 2557 ซึ่งจะเป็นปีที่ 5 ของโครงการ Zero accident นี้ เราจึงให้ความสำคัญไปที่การรณรงค์ไม่ให้มีการดื่มแล้วขี่ กลายเป็นเป็นที่มาของการสร้างภาพยนตร์โฆษณาชุดดื่มไม่ขี่ ทั้งนี้ก็เพื่อเตือนสติให้ผู้บริโภคได้ฉุกคิดถึงครอบครัวและคนที่รักทุกครั้งก่อนออกสตาร์ทรถ ว่าถ้าหากเลือกที่จะดื่ม ก็ไม่ควรที่จะขับขี่ หรือหากทราบว่าจะต้องขับขี่ก็ไม่ควรดื่มตั้งแต่แรก เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเราเชื่อว่าภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้จะช่วยปลูกจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ตระหนักในการดื่มไม่ขี่มากขึ้น เพื่อให้เทศกาลปีใหม่นี้เป็นเทศกาลของความสุขสำหรับคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง”

สำหรับภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของโครงการ Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศูนย์เริ่มที่ตัวคุณ ชุดดื่มไม่ขี่มีแนวทางการสื่อสารอยู่ที่การสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชม ในเสี้ยวขณะที่ทุกคนกำลังจะไปมีความสุขในโอกาสต่างๆโดยลืมที่จะนึกถึงครอบครัวและคนรักที่รออยู่ โดยนำเสนอเป็น 3 เวอร์ชัน จากเรื่องราวของคุณพ่อในวัยทำงานกับครอบครัว และบันฑิตหนุ่มจบใหม่กับคุณแม่ เวอร์ชันละ 30 วินาที และเวอร์ชันเต็มความยาว 60 วินาที ทั้งนี้ เอ.พี.ฮอนด้า จะเริ่มออกอากาศภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆทั่วประเทศ

นอกจากการรณรงค์ให้มีการขับขี่อย่างปลอดภัยผ่านโฆษณาชุดใหม่แล้ว เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้ร่วมกับเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศจัดโครงการ Free Service ในช่วงปีใหม่
มอบบริการตรวจเช็คสภาพสำหรบผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าฟรีถึง 10 รายการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในราคาพิเศษเพียง 30 บาทเท่านั้น และยังมอบส่วนลดพิเศษอีก 30% สำหรับยางอะไหล่และแบตเตอรี่ ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 ธันวาคม 2556 ตามด้วยการเปิดจุดพักรถพิเศษให้บริการฟรีเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นรวมถึงของว่าง พร้อมบริการสปานวดเท้า

สำหรับผู้ที่เดินทางไกลด้วยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบนเส้นทางหลวงขึ้นสู่ภาคเหนือสายชัยนาทสรรพยาตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2556 ถึง 2 มกราคม 2557 ผู้สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.aphonda.co.th

นิสสัน เปิดตัว “นิสสัน จู๊ค” รถสปอร์ตครอสโอเวอร์ โดดเด่น มีเอกลักษณ์


  • -ผู้นำรถยนต์ประเภทคอมแพค สปอร์ตครอสโอเวอร์ ครั้งแรกในเมืองไทย
  • -สัมผัสประสบการณ์สมรรถนะการขับขี่ กับระบบ I-Con และ I-Connect
  • -เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจวัยมันส์ “พีช พชร จิราธิวัฒน์”

กรุงเทพฯ – 26 พฤศจิกายน 2556 – บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้นเร้าใจ ประกาศเปิดตัวรถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์คันแรกในไทย “นิสสัน จู๊ค” ฉีกกฏรถยนต์ประเภทแฮทช์แบคอย่างสิ้นเชิง

ด้วยยอดขายมากกว่า 680,000 คันทั่วโลกนับตั้งแต่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2553 จู๊ค ถ่ายทอดความแตกต่างอย่างมีสไตล์ บังคับควบคุมได้อย่างคล่องแคล่ว ขับสนุก และเทคโนโลยีที่ใช้ได้ง่าย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของรถประเภทครอสโอเวอร์ ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก

“ด้วยจำนวนของรถยนต์ประเภทสปอร์ตครอสโอเวอร์ที่เพิ่มมากขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เราได้เล็งเห็นโอกาสที่จะแนะนำรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย” นายทาคายูกิ คิมูระ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและเสริมว่า “เนื่องจาก นิสสัน จู๊ค มีสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมที่ดีในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือนอกเมือง ผมมั่นใจจู๊คจะกลายเป็นรถที่มีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นบนท้องถนนเมืองไทย”

ภายใต้แนวคิด “Born to excite” จู๊ค มีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ดุดันและกลมกลืน มีเอกลักษณ์ สะดุดทุกสายตาด้วยไฟหน้าและไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง ผสานสไตล์รถคูเป้ ให้อารมณ์สปอร์ต ด้วยเส้นด้านข้างแบบ high waistline และโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ช่วยเสริมสมรรถนะการทรงตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน

นอกจากนี้ องค์กรที่มีชื่อเสียงด้านการสำรวจและวิจัยตลาด เจ ดี พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิค ได้ประกาศว่า นิสสัน จู๊ค ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ของรูปลักษณ์ภายนอกของกลุ่มรถยนต์ประเภทคอมแพค และอยู่ในระดับที่ดีมากของในประเภทการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์
นอกเหนือจากดีไซน์โฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ จู๊ค ยังมาพร้อมกับ ระบบควบคุมการทำงานอัจฉริยะ I-Con (Integrated-Control System) ที่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร (Climate Mode) และโหมดควบคุมรูปแบบการขับขี่ (Drive Mode) ที่เลือกปรับได้ 3 รูปแบบ ทั้งโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) เน้นขับสนุกเต็มสปีด เร่งแซง ได้รวดเร็วทันใจ และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Eco Mode) เน้นการขับขี่ที่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด

นิสสัน จู๊ค ยังจัดเต็มเทคโนโลยีสุดล้ำเติมอารมณ์การขับขี่ให้สนุกมากขึ้น ด้วยระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและความบันเทิง I-Connect บนหน้าจอสัมผัสแบบพกพาขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถอดออกจากแผงหน้าจอหลักได้เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วยสัญญาณ WIFI ผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS หรือแอนดรอยด์  สามารถชมและแชร์ไฟล์ภาพ เพลง วิดีโอได้อย่างไร้ขีดจำกัดบนหน้าจอเมื่อใช้ Micro SD Card/USB หรือเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการ iOS หรือแอนดรอยด์ผ่านระบบ DLNA พร้อมฟังเพลงหรือโทรออก-รับสายเรียกเข้าได้อย่างปลอดภัยขณะขับรถเมื่อเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ สะดวกสบายทุกการใช้งานด้วยระบบสั่งการเมนูหลักด้วยเสียง Voice Recognition พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

และเพื่อสะท้อนความเป็น จู๊ค ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นิสสัน เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจวัยมันส์ “พีช พชร จิราธิวัฒน์” พร้อมกับกลยุทธ์ Entertainment Marketing โดยกำหนดทิศทางสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด “Born to excite” ครอบคลุมสื่อมัลติมีเดียเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทุกรูปแบบ อาทิ บทเพลงจากศิลปินสุดฮอต “Getsunova” มิวสิควิดีโอ หนังสั้นโดยผู้กำกับฝีมือเยี่ยมที่มีผลงานกระแทกใจวัยรุ่น “ปวีณ ภูริจิตปัญญา” สติ๊กเกอร์ LINE และภาพยนตร์โฆษณา

นิสสัน จู๊ค ขับเคลื่อนปราดเปรียวด้วยเครื่องยนต์สุดล้ำ HR16 ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบหัวฉีดคู่ (Dual Injector System) ผสานกับระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin C-VTC และระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะ XTRONIC CVT สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่ 154 นิวตัน-เมตร (15.7 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (พีเอส) ที่ 5,600 รอบต่อนาที  เผาไหม้เชื้อเพลิงหมดจด ประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม มั่นใจในสมรรถนะการเกาะถนนด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง มีจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 1.6E และรุ่น1.6V มีให้เลือก 6 สี คือ สีแดงเบิร์นนิ่งเรด สีน้ำเงินแปซิฟิคบลู  สีดำแบล็คโซลิด  สีขาวไวท์โซลิด  สีเทาทไวไลท์เกรย์  และสีเงินบริลเลียนท์ซิลเวอร์

“เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย ตอบสนองเพื่อให้ประสบการณ์ขับขี่ที่สนุก เร้าใจ จู๊ค คือสิ่งที่แบรนด์ นิสสัน ยืนหยัด ซึ่งก็คือ นวัตกรรมที่สร้างความเร้าใจให้กับทุกคน  การเปิดตัว จู๊ค อยู่ในแผนงานที่เราต้องการมอบรถยนต์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้า เราเชื่อมั่นว่า จู๊ค จะเปิดกลุ่มรถยนต์สายพันธุ์ใหม่ที่จะดึงดูดใจลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน”นายคิมูระ กล่าว

“MOTOR EXPO 2013” ยอดจองรถ 41,083 คัน ยอดผู้ชมกว่า1.36 ล้านคน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ปิดฉากยิ่งใหญ่


ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการเมือง แต่ผู้ชมกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง ระดับ B+ ถึง A ยังจองรถใหม่คับคั่ง ส่งผลให้รถยนต์นั่งขนาดกลางและรถประเภทเอสยูวี ขายดี ดันราคารถเฉลี่ยในงานทะลุหลักล้าน สร้างเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า46,000ล้านบาท

 ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” “ถึงแม้ว่าช่วงเวลาจัดงานจะมีการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อแต่ถือว่ายังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดี จำนวนผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,367,357 คน ลดลง 14.5% จากยอดประเมินเดิม 1.6 ล้านคน โดยมียอดจองรถตลอดทั้ง 12 วัน รวม 41,083 คัน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานได้กว่า 46,000ล้านบาท (รวมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ รถมือสอง ค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน 5 อันดับแรก

อันดับ 1 โตโยตา มียอดจองทั้งสิ้น 9,075 คัน 
อันดับ 2 ฮอนดา 6,099 คัน 
อันดับ 3 นิสสัน 4,007 คัน
อันดับ 4 อีซูซุ 3,753 คัน และ 
อันดับ 5 มิตซูบิชิ 3,689 คัน

 ส่วนรถเก๋งหรู นำโดยเมร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจอง 1,227 คัน ตามด้วยบีเอมดับเบิลยู 763 คัน 

 “ผู้จัดได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ร่วมรายการซื้อรถ ชิงรถ ปีนี้ พบว่า รถเก๋ง มียอดจองคิดเป็นสัดส่วน 51.4% ของยอดจองทั้งหมดในงานรถเอสยูวี 26.8% รถกระบะ 14.6% และรถประเภทอื่น 7.2%” ที่น่าสนใจคือราคาเฉลี่ยรถในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,046,457 บาท จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800,000 บาท 

เนื่องจากความต้องการซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (อีโคคาร์) ลดลงจากเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งมีนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล

โดยปีนี้ผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถเอสยูด้านรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม มียอดจองรวม 2,104 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.6% โดยฮอนดาขายได้ 1,001 คัน คาวาซากิ 254 คัน และเบเนลี 222 คัน ตามลำดับ



donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved