Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

ยางนิตโตะ เปิดเกมรุกไตรมาส 2 ปล่อยยางรหัสร้อน “NT860 นุ่ม..เงียบ สบายทุกเส้นทาง” ลงสู่ศึก กวาดตลาดยางทดแทน


                ยางนิตโตะ ยางนำเข้าจากต่างประเทศ 100% เปิดตัวยางรถยนต์ Ultra High Performance รหัสร้อน รุ่นใหม่ล่าสุด NT860 พร้อมลุยตลาดยางรถยนต์ทดแทน ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของยางนิตโตะ ด้วยผนังร่องดอกยาง DUAL QUIET SERRATION เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการลดเสียงรบกวน จากยางรถยนต์ขณะวิ่ง ที่ให้ความมั่นใจในความนุ่ม เงียบ ยึดเกาะถนน แบบยางสปอร์ต ไว้ครบถ้วนในเส้นเดียว ครอบคลุมทุกขนาดของยางรถยนต์ ตั้งแต่ล้อขอบ 14 นิ้ว – 18 นิ้ว พร้อมเดินหน้าลุยตลาด กวาดส่วนแบ่งทางการตลาดแบบครบทุกเซคเมนท์
นายอภิชัย  ตั้งวงศ์ศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยางนิตโตะ ยางนำเข้าจากต่างประเทศ 100% เผยถึงผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รุ่นใหม่รหัสร้อน NT860 นี้ว่า “สำหรับผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ตัวใหม่ NT860 เป็นการต่อยอด จากความสำเร็จของยางรถยนต์ รุ่น NT830 ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับจากร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด นับตั้งแต่ได้มีการออกวางจำหน่ายสู่ท้องตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการยางนุ่ม เงียบ แต่เกาะถนนเหมือนยางสปอร์ต ซึ่งเป็นจุดเด่นของยางนิตโตะ NT830 ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการยางทดแทน ตั้งแต่ไซส์ยางรถยนต์ขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในเมืองไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ยางนิตโตะ NT830 ยังไม่มีขอบยางขนาดดังกล่าวมารองรับผู้บริโภคกลุ่มนี้
ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ยางนิตโตะจึงได้มีการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ได้ยางรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพนุ่ม..เงียบ ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ ให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเพิ่มมากขึ้น มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “นุ่ม เงียบ สบายทุกเส้นทาง” ซึ่งเหมาะกับรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์การใช้งานที่ต้องการความนุ่มนวล แต่มั่นใจในประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน
NITTO NT860 ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิตรุ่นใหม่ แบบอะตอม เพื่อโครงสร้างของยางที่ออกแบบให้สามารถดูดซับแรงกระแทก บนทุกพื้นผิวถนนได้เป็นอย่างดี และเทคโนโลยีร่องดอกยางเก็บเสียงแบบใหม่ล่าสุด “DUAL QUIET SERRATION” ที่ลดเสียงรบกวนจากยางรถยนต์ขณะขับขี่ได้สูงสุด อีกทั้งยังมีบล็อกดอกยางรูปตัว “F” ที่ช่วยปรับสมดุลประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และ ความนุ่มนวลของการขับขี่ ให้ได้สมรรถนะควบคู่กันสูงสุด พร้อมการออกแบบร่องดอกยาง และ Dots บนหน้ายาง ที่ช่วยปรับหน้าสัมผัสของดอกยางให้อยู่ในระนาบเดียวกับพื้นถนนทั้งในขณะรถวิ่ง และเบรก จึงช่วยให้ดอกยางสึกเรียบ คุ้ม..ทน วิ่งได้ไกลกว่า จึงทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากยิ่งขึ้น คุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน ด้วยส่วนผสมของสารซิลิกาสูตรใหม่ ช่วยให้ยาง NITTO NT860 ลดแรงต้านทานการหมุนของยางขณะรถวิ่ง ช่วยลดภาระของเครื่องยนต์ ประหยัดน้ำมันมากกว่า ผ่านการรับรองมาตรฐาน ECE-R117 Stage 2 S2WR2 ให้คุณมั่นใจในการขับขี่ตลอดการเดินทาง
ยางนิตโตะ NT860 พร้อมให้ทุกท่านเป็นเจ้าของแล้ว ในขนาดที่หลากหลายทั้งหมด 36 ไซส์ ตั้งแต่ขอบ 14 นิ้ว – 18 นิ้ว ราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ 2,000 – 6,000 บาท ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยางนิตโตะ กว่า 400 ร้านค้าทั่วประเทศ พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันที่ 1พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป ซึ่งยางนิตโตะ NT860 นี้ยังคงมาพร้อมการรับประกันคุณภาพสินค้าจากการผลิต ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของทางบริษัทฯ และมีเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทย ตนจึงเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รหัสร้อนตัวใหม่นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีเฉกเช่น ยางนิตโตะ NT830” นายอภิชัย กล่าวปิดท้าย

บริดจสโตนคว้ารางวัลยอดเยี่ยม “2014 Regional Supplier Overall Outstanding Performance Award” จาก โตโยต้า



สิงคโปร์ ( 28 เมษายน 2558) – บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิก จำกัด นำโดย มร.ชินอิจิ ฮานาชิ ประธานกรรมการบริหาร ร่วมงาน “Toyota Motors Asia Pacific Engineering and Manufacturing Annual Supplier Conference” ซึ่งจัดเมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ณ เดอะเบอร์เคลีย์ โฮเต็ล กรุงเทพ โดยผู้ร่วมงานประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ได้รับรางวัล “2014 Regional Supplier Overall Outstanding Performance Award” จาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแเฟคเจอริ่ง จำกัด

รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จในความทุ่มเทของบริดจสโตนในฐานะซัพพลายเออร์หลัก เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโตโยต้าในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในด้านความปลอดภัย คุณภาพ การจัดการด้านราคา การจัดส่ง วิศวกรรม รวมถึง การบริหารและการจัดการ โดยได้รับเกียรติจาก มร. ฮิสะยูกิ อิโนะอุเอะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท      โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแเฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้มอบรางวัล
มร.ชินอิจิ ฮานาชิ กล่าวว่า บริดจสโตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งในโลกธุรกิจ เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับฟัง “เสียงของลูกค้า” เพื่อให้สามารถรับรู้ทั้งความต้องการและเสียงตอบรับด้านต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จของบริดจสโตนในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงในตลาดยางรถยนต์ และเหนืออื่นใดรางวัลนี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้เราในฐานะผู้ผลิตต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาทั้งคุณภาพและการบริการ เพื่อก้าวสู่การเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริงของโตโยต้า ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยจุดหมายเดียวกันคือ “สร้างสุดยอดยนตรกรรม” นั่นเอง     

ออดี้ ทีที คูเป้: ไอคอนใหม่หัวใจสปอร์ต


ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อน 4 ล้อ “ควอทโทร” ลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวของออดี้และสุดยอดนวัตกรรมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 TFSI ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 230 แรงม้าที่    4,500 – 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,300 รอบต่อนาทีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่นพร้อมวาล์วแปรผัน AVS (AUDI Valve lift System) เกียร์อัตโนมัติ        S-Tronic 6 สปีด สนนราคา 3.99 ล้านบาท


เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค สานต่อการรุกตลาดรถสปอร์ตประกาศแนะนำยนตกรรมระดับพรีเมียม ออดี้ ทีที คูเป้    โฉมใหม่ (The all-new Audi TT 2.0 TFSI) สู่ตลาดเมืองไทยพร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่สายพันธุ์สปอร์ต พร้อมส่งมอบยนตกรรมสปอร์ตไอคอนล่าสุดสิ้นเดือนเมษายน 2558 นี้


นางสาวธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหารบริษัท เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย    ยนตกรรมพรีเมียมแบรนด์ออดี้ (AUDI) อย่างเป็นทางการเปิดเผยว่า ทันทีที่ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่ปรากฏตัว        สู่สาธารณชนในงานแสดงรถยนต์ระดับโลก เจนีวา มอเตอร์โชว์ (Geneva Motor Show) ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ออดี้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีชั้นสูงภายใต้การออกแบบเส้นแนวนอนและพื้นผิวที่เรียบตรง แต่กลับให้ความรู้สึกปราดเปรียว แข็งแกร่ง และล้ำสมัย ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่สื่อให้เห็นถึงความสวยงามแบบไดนามิค การออกแบบในเฟรมเดียวให้ความรู้สึกถึงความกลมกลืนและความสวยงามไปพร้อมกัน ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่ได้รับการยอมรับกันว่าเป็นที่สุดของความทันสมัย ซึ่งวันนี้เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค พร้อมส่งมอบความท้าทายใหม่นี้ให้กับลูกค้าผู้รักรถสปอร์ตอย่างแท้จริง


ออดี้ ทีที คูเป้ ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์ เช่น แผงหน้าจอดิจิตอล Audi virtual cockpit หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 12.3 นิ้วมีความละเอียดสูงที่ 1,440 x 540 pixels พร้อมหน้าปัดข้อมูลความเร็วและรอบเครื่องยนต์ทรงกลมคลาสสิก 2 วงพวงมาลัยเป็นแบบ “มัลติฟังก์ชั่น” ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสามารถรับคำสั่งและตอบสนองอย่างรวดเร็ว


ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา “ควอทโทร” (quattro) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี        การขับเคลื่อนที่ได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงให้แก่ออดี้ด้านความมีเสถียรภาพและการยึดเกาะถนนมาอย่างยาวนาน ควอทโทรสามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานผสานกับระบบความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ได้   อย่างลงตัว ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันตรัท (MacPherson Strut) พัฒนาใหม่เพื่อช่วยลดน้ำหนักโดยรวมผ่านโครงสร้างอลูมิเนียมชนิดพิเศษ Audi space frame ระบบกันสะเทือนหลังแบบโฟล์ลิ้ง (4-Link) พร้อมระบบควบคุมการขับขี่ ออดี้ ไดร์ฟ ซีเลค (Audi Drive Select) ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อตอบสนองการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ เช่น comfort, auto, dynamic, efficiency


ออดี้ ทีที คูเป้ ยังเป็นรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐาน EU6 จากการใช้งานประจำวันเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 2.0 ลิตร ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 150 กรัม/กม. อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย (ในเมือง-นอกเมือง) 15.6 กม./ลิตร ซึ่งจัดเป็นรถสปอร์ตขนาดกลางที่ยังคงให้สมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่โดดเด่นและประหยัดน้ำมันที่สุด สำหรับออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่นี้กำหนดราคาค่าตัวที่คันละ 3.99 ล้านบาท  


นางสาวธันยนันท์ กล่าวถึง แนวโน้มของตลาดรถกลุ่มพรีเมียมในปี 2558 ว่า ตลาดรถกลุ่มพรีเมียมในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจของไทยในเวลานี้ที่ตลาดรถยนต์นั่งโดยรวมชะลอตัวกว่า 40% และภาวะการแข่งขันของตลาดไม่สูงมากนักแตกต่างไปจากตลาดรถทั่วไปที่มีการแข่งขันรุนแรงในปี 2557 ตลาดรถพรีเมียมมียอดขายรวมราว 2 หมื่นคัน มีอัตราการเติบโตประมาณ 5.2%* เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนในปีนี้คาดว่าตลาดรวมของรถยนต์พรีเมียมยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีคือ 8-10% หรือมีตลาดรวมราว 2.1-2.2 หมื่นคัน
“ตลาดรถยนต์พรีเมียมมีปัจจัยหลักที่ทำให้มีการเติบโตสวนทางเศรษฐกิจคือ การที่มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ยังคงมีรายได้สูงประกอบกับในปีนี้ค่ายรถหลักของตลาดมีแผนแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทยอยออกสู่ตลาดตลอดทั้งนี้เชื่อว่ารถโฉมใหม่มีส่วนอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ในส่วนของการจัดระเบียบภาครัฐที่มีความชัดเจนในเรื่องภาษีและขั้นตอนการจัดเก็บภาษีนำเข้าของภาครัฐก็มีส่วนส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างคล่องตัว” นางสาวธันยนันท์ กล่าว


ทางด้านผลการดำเนินงานของออดี้ในประเทศไทยในปี 2557 ที่ผ่านมา ถือว่าออดี้ยังคงทำได้ตามเป้าหมาย ทั้งในด้านการสร้างการรับรู้ในแบรนด์และการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้า จากการเริ่มขยายไลน์สินค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และจะยังคงส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของออดี้ต่อเนื่องในปีนี้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยของออดี้ในปีที่ผ่านมา ยอดส่งมอบรถมีอัตราการเติบโตประมาณ 11% เป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ “ทั้งนี้การเปิดจำหน่ายของออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่บริษัทฯ เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีความทันสมัย รูปทรงที่ปราดเปรียวของออดี้ ทีที คูเป้ จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ดีไซน์การออกแบบ และสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ซึ่งออดี้ ทีที คูเป้ ใหม่ล่าสุดจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้ออดี้สร้างอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมายในปีนี้”  


*ยอดตลาดรถพรีเมี่ยม เฉพาะ 6 แบรนด์หลักในตลาด
***********************************************************

เกี่ยวกับออดี้ เอจี (Audi AG)
ออดี้ (Audi) มีฐานการผลิตที่เมืองอิงโกลสตัดช์ แล เนคกาซูลม (เยอรมนี), เกเยอร์ (ฮังการี), ชางชุน (จีน) และบรัสเซลส์ (เบลเยี่ยม) มีการทำการตลาดกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยออดี้ เอจี (Audi AG) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ออดี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในเครือได้แก่ บริษัท Lamborghini S.p.A ในเมือง Sant’Agata Bolognese อิตาลี

สำหรับประเทศไทย ออดี้ ทำตลาดประเทศไทยมายาวนานกว่า 20 ปี ภายใต้การทำตลาดของบริษัท เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค จำกัดในเครือยนตรกิจ คอปอร์เรชั่น ปัจจุบันออดี้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ รถยนต์ซีดาน เอ 3 ลิมูซีน (Audi A3 Limousine) ออดี้ เอ4 (Audi A4), ออดี้ เอ6 (Audi A6), ออดี้ เอ8 แอล ไฮบริด รถยนต์เอนกประสงค์ (SUV) ได้แก่ ออดี้ คิว3 (Audi Q3), ออดี้ คิว5 (Audi Q5), ออดี้ คิว7 (Audi Q7) และรถยนต์สปอร์ต ได้แก่ ออดี้ เอ5 (Audi A5) และออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่ (Audi TT Coupe)

ไฟร์สโตน รุกต่อเนื่อง ส่งผลิตภัณฑ์หลากหลายสู่ตลาด ปักหมุดตำแหน่ง ยางที่ลงตัวกับทุกคำตอบ สนองความต้องการอย่างครอบคลุมมากขึ้น



[กรุงเทพฯ] (23 เมษายน 2558) – ไฟร์สโตนตอกย้ำความสำเร็จผลิตภัณฑ์ ภายใต้ สโลแกน “ยาง...ที่ลงตัวกับทุกคำตอบ” (FIRESTONE, TIRE THAT MAKES SENSE) ที่แนะนำสู่ตลาด เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี   
มร.โทมิโอะ ฟุกุสุมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไฟร์สโตนไปก่อนหน้านี้ นับว่าประสบความสำเร็จ มีกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมและเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายขึ้นจึงแนะนำผลิตภัณฑ์เพิ่มอีกหลายรุ่น อาทิ  Firestone DESTINATION A/T” ลุยได้ทุกจุดหมาย นุ่มสบายทุกเส้นทาง ยาง All Terrain สำหรับรถยนต์เอนกประสงค์ (SUV)  และ ปิคอัพเอนกประสงค์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มขนาดยางอีก 6 ขนาดสำหรับ “Firestone F-01 Fuel Fighter”สำหรับรถยนต์นั่ง ซึ่งได้แนะนำสู่ตลาดก่อนหน้านี้ ทำให้ปัจจุบันมีให้เลือกถึง 18 ขนาด เพื่อตอบสนองและรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย

นอกจากนี้ยังตอกย้ำด้วยกลยุทธ์การสื่อสารผ่านช่องทางอันหลากหลาย อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนสื่อกลางแจ้งตามสถานที่ยอดนิยมต่างๆ  และ สังคมออนไลน์  อีกมากมาย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รุ่น ได้ที่ แผนกลูกค้าสัมพันธ์โทรศัพท์ 02-636-1555 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) หรือ 1800-259-537(ต่างจังหวัดโทรฟรี)  หรือ www.bridgestone.co.th

มาสด้าเผยโฉมงานดีไซน์ จักรยานและโซฟาภายใต้ธีมดีไซน์ใหม่


  • มาสด้าดีไซน์: งานนิทรรศการ Mazda Design: The Car as Art กลางกรุงมิลานมาในแนวคิด RIN และ EN
กรุงมิลาน ประเทศอิตาลีมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ได้เผยโฉมผลงานด้านศิลปะชิ้นเอกประติมากรรมล่าสุดของมาสด้า รวมถึง “จักรยาน” และ “โซฟา” ภายใต้การออกแบบ”โคโดะ” ในคืนก่อนวันเปิดงานนิทรรศการ “มาสด้าดีไซน์: รถยนต์คือศิลปะ” (“Mazda Design: The Car as Art”) ใจกลางเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมามาสด้าได้ให้ความสำคัญกับการแสดงออกถึงการเคลื่อนไหวอันปราดเปรียวรวดเร็วและทรงพลังผ่านรูปลักษณ์การออกแบบรถยนต์มาโดยตลอด ด้วยแนวคิดการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ ส่งให้ยนตกรรมเจนเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้าทุกรุ่นจึงมีบุคลิกที่แสดงออกถึงการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วและทรงพลัง เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาเฉกเช่นเดียวกับสัตว์ป่าในธรรมชาติ
การจัดงานนิทรรศการมาสด้าดีไซน์: รถยนต์ คือ ศิลปะ มาสด้ามีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับการแสดงออกถึงการเคลื่อนไหวให้พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยการสื่อสารถึงบุคลิก 2 อารมณ์ อันเป็นรากฐานของสุนทรียภาพในงานศิลปะของชาวญี่ปุ่น ได้แก่ ริน (RIN) อันหมายถึงความงามอันสง่า เยือกเย็น เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี และ เอน (EN) ความสดใส น่าหลงใหล เปล่งประกายเร้าประสาทสัมผัส
“จักรยาน” ภายใต้แนวคิดโคโดะดีไซน์ ที่สร้างขึ้นนี้เป็นจักรยานความเร็วสูงอันมีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงออกถึงความสง่างามแก่นแท้ของจักรยาน โครงสร้างแบบมินิมัลของจักรยานนี้ประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ให้น้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โครงของจักรยานนั้นได้รับการขึ้นโครงจากแผ่นโลหะเพียงแผ่นเดียวด้วยการตีอย่างอุตสาหะ อานที่ใช้วัสดุหนังสีดำนั้นเย็บด้วยมือปักด้วยด้ายสีแดงอย่างปราณีตและใช้ดีไซน์เดียวกับใน All-New Mazda MX-5 ส่วนผสมที่ลงตัวของพละกำลังและเสน่ห์ของจักรยานนั้นชวนให้นึกถึงรูปลักษณ์ของ Mazda MX-5


จักรยาน ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์





โซฟา ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์


“โซฟา” ภายใต้แนวคิดโคโดะ ดีไซน์  เป็นผลงานการรังสรรค์ร่วมกันระหว่างนักออกแบบมาสด้าและผู้ผลิตเครื่องเรือนชาวอิตาเลียน โดยโซฟาตัวนี้แสดงออกถึงการผสมผสานอันงดงามของงานออกแบบสไตล์มาสด้าที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันประณีตและงานฝีมือชั้นสูงสไตล์อิตาเลียน ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในการออกแบบเครื่องเรือน รูปทรงของโซฟาตัวนี้ให้ความเฉียบคมเช่นเดียวกับรูปทรงของ Mazda CX-3 และชวนให้นึกถึงรากฐานอันแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของยนตกรรมมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่
ในงานนิทรรศการเดียวกันนี้ยังมีผลงานอีกมากมายของช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นที่นำมาร่วมจัดแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาการออกแบบของมาสด้า นั่นคือ โคโดะ ดีไซน์ — จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม โดยผลงานชิ้นเด่นๆ สำคัญๆ ได้แก่ “โคโดะคิ KODOKI” อันเป็นถังแช่ไวน์ที่ทำจากทองแดงสึอิคิ (Tsuiki)  โดยการขึ้นรูปจากทองแดงเพียงแผ่นเดียว ผลงานนี้ถูกรังสรรค์โดยสตูดิโอเกียวคุเซนโด (Gyokusendo) อันเป็นศูนย์กลางงานโลหะที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และอีกหนึ่งผลงานคือ “ชิระอิโตะ SHIRAITO” ซึ่งเป็นกล่องไม้เคลือบด้วยแลคเกอร์ตามแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น รังสรรค์ขึ้นโดย คินโจะ-อิคโคะคุไซ ผลงานนี้เป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์จากปรากฏการณ์ธรรมชาติสื่อสารผ่านทางชั้นสีของแลคเกอร์ที่เคลือบทับกันและเปลือกไข่ที่ประดับอย่างสวยงาม

“ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ การออกแบบได้กลายเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์แบรนด์และช่วยเพิ่มคุณค่าทางด้านศิลปะและคุณค่าที่ได้รับกับประสบการณ์จากแบรนด์มาสด้าโดยรวม” มร. มาซาฮิโระ โมโร เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของมาสด้ารับผิดชอบงานด้านการตลาดระดับโลก นวัตกรรมการบริการลูกค้าและการขาย กล่าว “ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่เราได้เปิดตัวแนะนำงานออกแบบของเราใจกลางเมืองมิลาน อันเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางการออกแบบของโลก ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ของมาสด้า ซึ่งในอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้ไป เราจะสร้างโอกาสอันดีให้ลูกค้าทุกคนได้ทำความคุ้นเคยกับมาสด้าและงานออกแบบของมาสด้าให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์และเสริมสร้างสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับลูกค้าในขณะเดียวกัน”

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เผย 'เรนจ์โรเวอร์ อีโวค' คว้ายอดจำหน่ายสูงสุดของแบรนด์ ในงาน Bangkok International Motor show 2015


 

กรุงเทพฯ – ซิตี้ ออโต้โมบิล ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทำยอดขายถล่มทลายกว่า 199 ล้านบาทจากงาน Bangkok International Motor show 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2558 ณ อิมแพคเมืองทองธานี โดยบูธของสองแบรนด์ดังได้ยกขบวนสุดยอดรถสปอร์ต สปอร์ตซีดาน และเอสยูวีสุดหรูที่มาพร้อมนวัตกรรมเพื่อการขับขี่แรงเต็มขั้นหลากหลายรุ่น อาทิ จากัวร์เอฟ – ไทป์ (F-TYPE)จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF)จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รวมไปถึง เรนจ์โรเวอร์ อีโวค (Range Rover Evoque)เรนจ์โรเวอร์ โวค (Range Rover Voque)แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ (Land Rover Defender) และ ฟรีแลนเดอร์ (Freelander) โดยรุ่นที่สร้างกระแสฮือฮามากที่สุดในหมู่ผู้เข้าชมงาน คือ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค รถเอสยูวีระดับหรูจากอังกฤษ เช่นเดียวกับสุดยอดยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบจากจากัวร์ อย่าง จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ สปอร์ตซาลูนสมรรถนะสูง ที่ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะปรากฏโฉมให้เห็นกันมากยิ่งขึ้นบนท้องถนนในประเทศไทย

ซิตี้ ออโต้โมบิล ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าที่สั่งจองรถภายในงาน อาทิ การรับประกันตัวถังมาตรฐานนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรีตลอด 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี และส่วนลด 15% เมื่อซื้อชิ้นส่วนประดับยนต์ของแท้ พร้อมบริการติดตั้งและซ่อมบำรุงโดยช่างผู้ชำนาญงานของ ซิตี้ ออโต้โมบิล ที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานของจากัวร์แลนด์โรเวอร์ นอกจากนี้ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จัดจำหน่ายภายในงานเพื่อขอทดสอบสมรรถนะยานยนต์ (สำหรับรุ่นจากัวร์เอฟ-ไทป์ คอนเวอร์ทิเบิลจากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ), จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF), และ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค) โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งภายในงาน และหลังจากงาน

มร.ริชาร์ด เฮก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “ผมต้องขอขอบคุณทีมงานฝ่ายขายทุกท่านจากตัวแทนจำหน่ายของเรา ที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำรถยนต์จากทั้งสองแบรนด์แก่ผู้ซื้ออย่างดีเยี่ยมในงาน Bangkok International Motor show ครั้งนี้ โดยทุกท่านแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและองค์ความรู้ของบุคคลากรของเราในการต้อนรับลูกค้ารายใหม่เข้าสู่ครอบครัวจากัวร์แลนด์โรเวอร์อย่างอบอุ่น ในงานจัดแสดงยานยนต์ครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ยิ่งใหญ่ของเรา โดยบริษัทได้มีแผนที่จะเปิดตัวแฟล็กชิพโชว์รูมและศูนย์บริการที่ทันสมัยครบวงจรบนถนนพระราม 4 เพื่อเป็นการขยายเครือข่ายศูนย์บริการของเราให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเราบริหารโชว์รูมและศูนย์บริการ 3 แห่ง ได้แก่ เพรสทีจ มอเตอร์ คาร์ส ถนนวิทยุจีที คาร์ส ถนนเพชรบุรี และ จีบี ออโต้โมบิลส์ ในจังหวัดภูเก็ต เรายังมีแผนการลงทุนจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีและขยายเครือข่ายบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่มีต่อรถยนต์จากัวร์แลนด์โรเวอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ผ่านการนำเสนอบริการทั้งก่อนและหลังการขายชั้นเลิศระดับเวิลด์คลาสแก่ลูกค้าในประเทศไทย

ท่านสามารถค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับยานยนต์และข้อมูลเชิงเทคนิคได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com  และ www.jaguarthailand.com 

ปอร์เช่ โร้ดสเตอร์ (Roadster) ใหม่ล่าสุด



เปิดตัว บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) อย่างเป็นทางการ ณ มหกรรมยานยนต์
New York International Auto Show 2015

สตุ๊ดการ์ท. ปอร์เช่เปิดตัวบ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) อย่างเป็นทางการเพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นของรถเปิดประทุนในปี 2015 ณ มหกรรมยานยนต์ New York International Auto Show โดยรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้ยังคงเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครไว้ได้อย่างโดดเด่น เช่นการใช้หลังคาผ้าใบที่เปิดปิดด้วยมือ และมีเพียงระบบเกียร์ธรรมดาเท่านั้นที่สามารถติดตั้งกับรถคันนี้ได้

ด้วยการที่เป็นโร้ดสเตอร์ (Roadster) อย่างแท้จริงทำให้ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ส่งผ่านประสบการณ์การขับขี่แบบรถสปอร์ตพร้อมด้วยสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถที่ทันสมัยให้ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่ ด้วยระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตมีความแข็งแกร่งสูงและสามารถลดระดับความสูงได้ถึง 20 มิลลิเมตร ระบบเบรกนำมาจากรุ่น
911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ที่ให้ความแม่นยำต่อการตอบสนองมากขึ้น เครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร 6 สูบ มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุดที่ 375 แรงม้า (276 กิโลวัตต์) ซึ่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์ความเป็นรถสปอร์อย่างแท้จริง รวมถึงความคล่องตัวในการขับขี่ของบ็อกซเตอร์ (Boxster) ที่มีน้ำหนักเบาแต่ให้ประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม โดยอัตราเร่งของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 290 กิโลเมตร/ชั่วโมง และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามวงจรการขับขี่แบบ NEDC ต่ำเพียง 9.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.10 กิโลเมตร/ลิตร) เท่านั้น

การออกแบบที่โดดเด่นของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานของรถสปอร์ตและรถแข่งจากปอร์เช่เช่นรุ่น 718 สไปเดอร์ (718 Spyder) ในช่วงทศวรรษ 1960 โดยนำรูปแบบมาใช้ในการสรรสร้างชิ้นส่วนฝากระโปรงทางด้านหลัง และพนักพิงศรีษะแบบ 2 ชิ้น ส่วนการทำงานของหลังคาสามารถเปิดปิดบางส่วนด้วยมือ การใช้ชิ้นส่วนด้านบนที่มีน้ำหนักเบาทำให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นการระลึกถึงโร้ดสเตอร์ (Roadster) ในวันวานอีกด้วย แน่นอนการออกแบบครีบตัวรถที่ยาวถึงด้านหลังได้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxter Spyder) ไปแล้ว ส่วนทางด้านหน้าและด้านหลังรถได้นำการออกแบบของเคย์แมน GT4 (Cayman GT4) มาเสริมความโดดเด่นให้มากขึ้น

ภายในห้องโดยสารของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) สามารถสัมผัสถึงความสุนทรีย์ในการขับขี่ซึ่งมากกว่ารุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster) อื่นๆ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะนั่งอยู่บนเบาะ Bucket seats ที่มีน้ำหนักเบาและมาพร้อมกับเบาะหนุนด้านข้างขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น ในขณะที่พวงมาลัยโฉมใหม่ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร ช่วยให้โร้ดสเตอร์ (Roadster) เครื่องยนต์วางกลางคันนี้สามารถขับขี่ได้แม่นยำและมั่นคงมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้สอดคล้องกับการออกแบบที่พิถีพิถัน จึงทำให้วิทยุและระบบเครื่องปรับอากาศไม่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเป็นการลดน้ำหนักของรถ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ระบบสามารถสั่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากต้องการติดตั้งระบบเครื่องเสียงหรือระบบให้ความบันเทิงอื่นๆ ให้กับบ็อกซเตอร์ (Boxster) ท่านสามารถเลือกติดตั้งได้เช่นกันโดยมีค่าใช้จ่าย เช่นระบบ Porsche Communication Management (PCM) เป็นต้น

บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในเมือง 14.2 ลิตร/100 กิโลเมตร;
(7.04 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมือง 7.5 ลิตร/100 กิโลเมตร; (13.33 กิโลเมตร/ลิตร) แบบเฉลี่ย 9.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (10.10 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 230 กรัม/กิโลเมตร;

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า  “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท เผยแผนการตลาด 2558 งัดหมัดเด็ดตีตลาด Grey market อันดับ 1 ของเมืองไทย



กรุงเทพมหานคร, 8 เมษายน 2558: สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท ศูนย์รวมยนตรกรรมรถนำเข้าจากยุโรป ที่มีความทันสมัยแบบครบวงจร  แถลงถึงแผนการตลาดปี 2558 งัดหมัดเด็ดปีนี้รุกหนักตลาดรถนำเข้าอิสระ(Grey market) วิเคราะห์ภาพรวมของตลาด รวมถึงเปิดเผยโปรโมชั่นเด็ดสุดคุ้ม 2 โปรโมชั่นต้อนรับซัมเมอร์อยู่ในขณะนี้
นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท  จำกัด เปิดเผยว่า ทางโชว์รูมของเรามีรถนำเข้าหลายรุ่น อาทิ porsche , Mercedes-Benz, BMW, AUDI, Toyota  โดยเราเริ่มทำจากการทำเล็กๆ สั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 5 ปี ซึ่งตอนนี้ถือว่ามีความพร้อมแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบุคคลากรเฉพาะทางชำนาญนับสิบปี,ความพร้อมของสถานที่ Facilities, เครื่องมืออุปกรณ์ครบครัน ทันสมัย โดยเฉพาะเครื่องมือ Software Piwis IIที่วิเคราะห์ความผิดพลาดของระบบเครื่องยนต์ Porsche อันนี้เป็นจุดขายของเรา,มีบริการครบวงจร ,ดีลกับบริษัทประกันภัยชั้นนำ,ราคาสมเหตุสมผล รวมถึงอะไหล่แท้ ที่ได้มารวดเร็ว เพราะเราสั่งตรงนำเข้าจากต่างประเทศ สำหรับแผนการตลาดทางเรามีการระดมความคิดทุกวัน วางแผนออกกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อรับมือคู่แข่ง และกับสภาพตลาดที่ผันผวนตลอด อาจจะต้องมีการคาดคะเนล่วงหน้า โดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด และปีนี้จะมีรถรุ่นใหม่ๆออกมาเยอะ เราหวังบุกตลาดหนักในปีนี้ จุดขายเราจะเน้นที่โปรโมชั่นจะมีแคมเปญใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้มีโปรโมชั่นเด็ด 2 โปรโมชั่น โดยโปรโมชั่นแรกเมื่อออกรถ Porsche ให้วารันตี 9 ปี/100,000 .. และโปรโมชั่นต่อมาเมื่อออกรถโตโยต้า Vellfire, Alphard, Harrier ให้วารันตี  5 ปี/100,000 .. ซึ่งโปรโมชั่นนี้น่าจะถูกใจลูกค้าอย่างมาก ส่วนภาพรวมของวงการตลาดนำเข้าอิสระ(Grey market)ในตอนนี้มีการหดตัวมากกว่า 2-3 ปีก่อน กว่า 50% แต่ก็แลกมากับการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งหากจะมองว่าดีก็ดี เป็นตัวคัดกรองและตอกย้ำว่าผู้ประกอบการตัวจริงเท่านั้นที่จะอยู่รอดในตลาดนี้ได้ เรื่องมูลค่าธุรกิจตอนนี้เราใช้เงินหมุนเวียนประมาณ 200 ล้านบาท งบการตลาดอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท เน้นรถนำเข้ายุโรป 70% รถญี่ปุ่น 30% รายได้รวมแบ่งเป็น ยูนีควัน (เลือกสเปคตามที่ลูกค้าต้องการ) 40% ,รถในสต็อคมีสินค้าเลย 40%,ศูนย์เซอร์วิสซ่อมบริการหลังการขาย 20%  ฐานลูกค้าอยู่ที่ 1,500 ราย ช่วงต้นปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วงขาขึ้น ค่อยๆ ดีขึ้นไม่ได้แบบก้าวกระโดด แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจประเทศโดยรวมเป็นหลักนายจักรกฤติ กล่าวทิ้งท้าย

สแกนเนีย สยาม เปิดบ้านต้อนรับคณะทำงาน บริษัท ขนส่ง จำกัด และ บริษัท บัส คาร์เร้นท์ กรุ๊ป จำกัด เข้าเยี่ยมชมศูนย์บริการฯ สำนักงานใหญ่





นายบันเทิง เจาะปาด ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค  บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัดเป็นตัวแทนต้อนรับคณะทำงานหน่วยงานซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) บริษัท ขนส่ง จำกัด และ บริษัท บัส คาร์เร้นท์ กรุ๊ป จำกัดเพื่อให้ความรู้ด้านนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัย การประหยัดพลังงาน และนำชมความพร้อมในการให้บริการดูแลและซ่อมบำรุงรถบัสโดยสารและรถบรรทุกณ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้


“Rabbit Auto Craft” เหยียบคันเร่งเจาะเทรนโลก นำเข้าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าแรกในประเทศไทย





“แรบบิท ออโต้ คราฟท์” ทุ่มงบกว่า 7 หลัก ทำฝันคนรุ่นใหม่รักสิ่งแวดล้อมให้เป็นจริง นำเข้ารถยนต์ไฮบริดคลาสหรูและเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป ช่วยลดมลพิษทางถนนและประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างล้ำหน้าของโชว์รูมรถนำเข้า และสุดยอดรถสปอร์ต ตั้งเป้าติดเครื่องชาร์จตามสถานที่สำคัญให้คนไทยได้เป็นผู้นำการใช้รถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริดระดับ AEC พร้อมฉลองครบรอบ 3 ปี จัดงาน ” The First, The Fastest, The Smartest Electric Cars and Charger” พร้อมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Porsche Panamera S E-hybrid 2015, Porsche Cayenne S E-hybrid 2015, BMW i8, BMW i3 อัดโปรโมชั่นรับสิทธิพิเศษมากถึง 3 ต่อ มูลค่ากว่า 1,000,000 บาท ฟรีประกัน    2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ต่อที่ 1 : ลดราคารถยนต์สูงสุด 800,000 บาท ต่อที่ 2 : ฟรี เครื่องชาร์จไฟฟ้า KEBA จากยุโรป คุณภาพระดับโลก มูลค่า 100,000 บาท ต่อที่ 3 : ลุ้นไปเที่ยวเยอรมัน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Porsche มูลค่า 100,000 บาท ตั้งเป้าจำหน่ายเครื่องชาร์ตไฟฟ้า 100 เครื่องต่อปี

นายกล้ายุทธ จินตนะกุล หนึ่งในคณะกรรมการผู้จัดการบริษัท แรบบิท ออโต้ คราฟท์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราการใช้พลังงานของคนไทยนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ทรัพยากรธรรมชาติมีปริมาณลดลง และผลจากการใช้พลังงานบางส่วนยังก่อให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ขณะนี้การพัฒนาของเทคโนโลยีด้านการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลายและขณะนี้เป็นไปได้จริงแล้ว ไม่ใช่ภาพที่ฝันไว้อีกต่อไป ที่ผ่านมาผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะต้องไปชาร์จไฟที่ปั้มเติมพลังงานไฟฟ้าที่มีไม่มากในประเทศเท่านั้น แรบบิท ออโต้ คราฟท์ จึงนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและมีคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก และได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท เคบ้า (Keba) ในการนำเข้าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศออสเตรีย ตรงตามมาตรฐาน IEC 62196 มีคุณภาพสูงและอายุการใช้ยาวถึง 25 ปี ทำให้คนไทยได้มีทางเลือกในใช้รถยนต์ไฟฟ้าทัดเทียมมาตรฐานโลก สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เองที่บ้านหรือที่ทำงาน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษทางอากาศอย่างยาวนาน
เครื่องใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีระบบ m10 ในการอัพเดทข้อมูลการชาร์จรถและเพื่อการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ เช่น การสร้างเครือข่ายรถไฟฟ้า และยังมีระบบข้อมูลในหัวชาร์จรถเพื่อที่จะปล่อยกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสมกับรถแต่รถรุ่น มีหลายแบบให้เลือกสรร เช่น ชนิดเล็ก 10 amp ใช้สำหรับชาร์จข้ามคืน ใช้เวลาชาร์จประมาณ 8ชม. ราคาเริ่มต้น 59,000 บาท ขนาดกลาง 32 amp ใช้เวลาในการชาร์จ 1-2 ชม. ราคาเริ่มต้น 79,000 บาท สามารถติดตั้งในที่ทำงาน ร้านกาแฟ  และที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ มีความมสะดวกในการชาร์จมาก  และขนาดใหญ่ 400 ampใช้เวลาชาร์จ 15-20 นาที เหมาะกับการตั้งเป็นสเตชั่นหรือปั้มรถยนต์ไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท

นอกจากนี้ Rabbit Auto Craft ยังได้ฉลองครบรอบ 3 ปี” จึงได้จัดงาน The First, The Fastest, The Smartest Electric Cars and Chargerพร้อมโปรโมชั่นรับสิทธิพิเศษมากถึง 3 ต่อ มูลค่ากว่า 1,000,000 บาท ฟรีประกัน 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ต่อที่ 1 : ลดราคารถยนต์สูงสุด 800,000 บาท ต่อที่ 2 : ฟรี เครื่องชาร์จไฟฟ้า KEBA จากยุโรป คุณภาพระดับโลก มูลค่า 100,000 บาท ต่อที่ 3 : ลุ้นไปเที่ยวเยอรมัน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Porsche มูลค่า 100,000 บาท

ที่จริงแล้วการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับและใช้อย่างแพร่หลายในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นประเทศในทวีปยุโรป ประเทศญี่ปุ่น และสหัรัฐอเมริกา แรบบิทมีเป้าหมายจะติดตั้งเครื่องนี้ที่ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ราชการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ในอนาคต เป็นที่แน่ชัดว่าระบบไฟฟ้าจะเข้ามาแทนระบบน้ำมันจึงอยากเชิญชวนให้คนไทยเห็นความสำคัญและพิจารณาการใช้รถยนต์ทางเลือกเพื่อความเป็นอยู่ทีดีของคนไทย นายกล้ายุทธ กล่าว

รุ่นรถยนต์ที่สามารถใช้เครื่องชาร์จไฟฟ้าได้ขณะนี้เช่น Chevrolet Volt, Ford Focus electric, Mia electric, Mitsubishi i-MiEV, Nissan Leaf, Toyota Prius Plug-in Hybrid, Volvo C30 electric drive, BMW i3, Mercedes SLS AMG ED, Porsche Panamera S E-Hybrid,Porsche Cayenne S E-Hybrid,Tesla Model S, Volkswagen e-Up และ Volvo V60 Plug-in Hybrid

ปัจจุบัน ประเทศไทยยังถือเป็นจุดเริ่มต้น ปีนี้เองที่เริ่มมีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ในต่างประเทศได้หันมาให้ความสนใจในการขายรถยนต์ประเภทนี้เป็นอย่างมาก ทำให้เราเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นในประเทศอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และทวีปยุโรป ซึ่งมีการใช้รถประเภทนี้อย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ โดยในปี 2557 ที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 69% หรือกว่า 300,000คัน ในประเทศจีนมีตัวเลขการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 120% หรือกว่า 100,000 คัน รองลงมาคือประเทศญี่ปุ่นมียอดเติบโตมากถึง 45% หรือกว่า 110,000 คัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน แรบบิท ออโต้ คราฟท์ มองว่าคนไทยควรได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีระดับโลกเช่นกัน
นายกล้ายุทธ กล่าวต่อไปว่า Rabbit Auto Craft คือผู้นำเข้ารถยนต์อิสระพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานที่ถูกต้องตามกฎหมายรถยนต์ทุกคันได้รับการจดทะเบียนที่ถูกต้อง จุดมุ่งหมายคือการเป็นโชว์รูมที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการคัดสรรยานยนต์ระดับโลกที่เป็นที่นิยมทุกยี่ห้อ รวมถึงการรับสั่งรถยนต์ที่มีออพชั่นพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าได้ขับขี่ยานพาหนะคู่ใจอย่างโดดเด่นและแตกต่างในสไตล์ของตนเอง มากไปกว่านั้น Rabbit Auto Craft มีศูนย์บริการครบวงจรและมีมาตรฐาน ดำเนินการโดยผู้บริหารและทีมช่างที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี พร้อมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษต่างๆใน การตรวจเช็คสำหรับรถยนต์ทุกรุ่น รวมถึงการตรวจเช็ครถยนต์ตามระยะหรือการซ่อมแซม อีกทั้งอะไหล่ทุกชิ้นที่ใช้กับรถของลูกค้าคืออะไหล่แท้และสั่งจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบัน Rabbit มียอดขายสำหรับรถซูเปอร์คาร์ประมาณ 200 คัน และตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าโดยตั้งเป้าไว้สำหรับปีหน้าประมาณ 200 คัน รวมแล้วประมาณ 400 คันต่อปี และตั้งเป้ายอดขายเครื่องชาร์ตไฟฟ้าในปีแรกไว้ประมาณ 100 เครื่อง

นอกจากนี้ เรามุ่งเน้นการบริการหลังการขายแบบ exclusive ผ่านเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมงที่จะคอยดูแลให้ท่านใช้รถยนต์คันโปรดได้อย่างสบายใจไร้กังวล ตัวอย่างการบริการเลขาส่วนตัวเช่น เมื่อรถท่านเกิดอุบัติเหตุ ส่วนมากมักเป็นเรื่องระหว่างลูกค้ากับประกันภัยเท่านั้น แต่ที่แรบบิท ออโต้ คราฟท์ เลขาส่วนตัวจะเป็นผู้ช่วยติดต่อประสานงานตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่ท่านยกสายหาเลขาส่วนตัว ปัญหาทุกอย่างก็จะถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็ว

สนใจสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ชาร์จได้ที่ บริษัท แรบบิท ออโต้ คราฟท์ จำกัด เบอร์ 089-425-2222 หรือ 092-259-8998

เอ.พี.ฮอนด้าคว้ารางวัลสุดยอดองค์กรแห่งปี Thailand Top Company Awards 2015


นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล Thailand Top Company Awards 2015 ในฐานะองค์กรธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรีให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัล ณ ห้องเบญจสิริบอลรูม โรงแรมแมริออท สุขุมวิท กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้
สำหรับรางวัล Thailand Top Company Awards ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2013 โดยความร่วมมือระหว่างนิตยสาร Business+ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อเป็นรางวัลอันทรงเกียรติมอบให้แก่องค์กรธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน การบริหารจัดการที่โดดเด่น รวมถึงจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ผ่านกระบวนการพิจารณาตัดสินอย่างรอบคอบและเป็นธรรม เพื่อให้เป็นองค์กรตัวอย่างสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
ทั้งนี้ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ถือเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ที่ได้รับรางวัลนี้

The 36th Bangkok International Motor Show สร้างเงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้านบาท ยอดจอง 37,027 คัน ผู้เข้าชม 1.7 ล้านคน


กรุงเทพฯ - บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 36” ประกาศความสำเร็จอย่างสวยหรู สร้างเงินสะพัดกว่า หมื่นล้านบาท จากยอดจองรถยนต์ 37,027 คัน ด้วยเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทั้งในด้านมูลค่ารวม หรือเทียบมูลค่าต่อหน่วย มีผู้ชมงานกว่า 1.7 ล้านคน ปลุกอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยไม่มีแรงกระตุ้นจากนโยบายรถคันแรก หรือการเปิดตัว อีโคคาร์รุ่นใหม่ๆ เหมือนในช่วงเกือบ ปีที่ผ่านมา นับเป็นความสำเร็จตลอดการจัดงานทั้ง 12 วัน
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานฯเผยว่า “งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 36 จัดขึ้นระหว่าง 25 มีนาคม ถึง 5 เมษายน 2558 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี เป็นความสำเร็จของคนไทยทุกๆ คน ภายในงานมีการจัดแสดงพร้อมจำหน่ายรถยนต์หรือจักรยานยนต์หลายรุ่น ครบทุกเซ็กเมนต์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าชมงานได้ครอบคลุม”
“มีการจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยในคอนเซ็ปต์คาร์ หรือได้รับการติดตั้งในรถรุ่นใหม่พร้อมจำหน่าย ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ในปีนี้มีผู้เข้าชมงานจำนวนสูงถึง 1.7 ล้านคน นับเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า  งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ คืองานแสดงยานยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ ของไทย และกลายเป็นไอคอนของอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับโลก”
ทางด้าน นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธานจัดงานฯ เปิดเผยถึงภาพรวมในปีนี้ว่า “งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 36 มีการเปิดตัวรถยนต์ใหม่หลายรุ่น รวมไปถึงการจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัย มีผู้สนใจเข้าชมตลอดการจัดงาน 12 วัน รวมมากกว่า 1.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน และให้ความสนใจรถยนต์ในระดับราคา 7 แสนบาทขึ้นไป ขณะที่รถยนต์ในกลุ่มราคา 2 ล้านบาท ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน”
“สำหรับการจัดงานในปีนี้ มียอดจองรถยนต์รวม 37,027 คัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยยอดจองรถยนต์ใกล้เคียงกับจำนวนที่ทางผู้จัดได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า แต่ด้วยมูลค่ารวมที่เกิดจากการจองรถเพียงอย่างเดียว มียอดทะลุถึง หมื่นล้านบาท นับเป็นจำนวนที่เกินความคาดหมาย และมีมูลค่าสูงเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้พอสมควร”
“จากการพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ ปัจจัยบางส่วนมีสาเหตุมาจากบริษัทรถยนต์ยังไม่มีการเปิดตัว “อีโคคาร์ เฟส 2” ในช่วงนี้ เพราะหลายค่ายต่างรอข้อสรุปที่ชัดเจน ทำให้อีโคคาร์ราคาประมาณ 3-4 แสนบาท ไม่เกิดยอดจำหน่ายขึ้น ผู้บริโภคจึงหันมาให้ความสนใจกับรถยนต์รุ่นที่จำหน่ายราคาตั้งแต่ แสนบาทขึ้นไป รวมไปถึงในรุ่นที่มีระดับราคาประมาณ 2 ล้านบาท ต่างมียอดจำหน่ายมากขึ้น เมื่อนับเฉพาะแค่ยอดจองรถเพียงอย่างเดียว มีมูลค่าเงินสะพัดกว่า หมื่นล้านบาท นับเป็นความสำเร็จในเชิงมูลค่า ไม่ใช่เชิงปริมาณเหมือนในช่วง ปีที่ผ่านมา”
นายจาตุรนต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จจากการจัดงานในปีนี้ ผมขอขอบคุณคนไทยทุกๆ คน ที่ให้การสนับสนุนงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ด้วยดีเสมอมา และขอขอบคุณบริษัทรถยนต์ ผู้บริหาร พนักงาน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุ่มเทให้กับการทำงานมาโดยตลอด ทุกคนเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของเราในครั้งนี้”
สำหรับรถยนต์แบรนด์หลักในตลาด มียอดจองเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้านกลุ่ม “ลักชัวรี่คาร์” มียอดจองเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ในส่วนค่ายรถพรีเมียมแบรนด์ “โรลส์-รอยซ์” หรือกลุ่มซูเปอร์คาร์ เช่น แอสตัน มาร์ติน, เบนท์ลีย์ และลัมบอร์กินี มีผู้บริโภคให้ความสนใจ พร้อมสั่งจองในงานเป็นจำนวนมากเช่นกัน
สรุปยอดจองรถยนต์ตลอดการจัดงานทั้ง 12 วัน มีจำนวนทั้งหมด 37,027 คัน โดยค่ายที่ครองแชมป์ยอดจองสูงสุด คือ โตโยต้า มียอดจอง 6,144 คันฮอนด้า 5,069 คัน,มาสด้า 4,584 คัน, อีซูซุ 4,485 คัน และนิสสัน 4,042 คัน
ด้านค่ายจักรยานยนต์ มียอดจองรวมทั้งหมด 1,898 คัน (ไม่นับเคทีเอ็ม) หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท โดยค่ายคาวาซากิ มียอดจอง 370 คัน, ยามาฮ่า มียอดจอง 333 คัน และฮอนด้า มียอดจอง 306 คัน
ภายหลังเสร็จสิ้นการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 36 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ค่าย “กรังด์ปรีซ์กรุ๊ป” ยังมีอีก โปรเจ็กต์ใหญ่รออยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับ “มหกรรมยานยนต์นำเข้าและรถมือสอง ครั้งที่ 7” (The 7th Bangkok Imported car & Used car Show) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะถึงนี้
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved