Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เอสยูวีสุดฮิตของคนทั่วโลก มียอดการผลิตทะลุหนึ่งล้านคันแล้ว

ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ ว่ารถสปอร์ต อเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้าทั่วโลก โดยมียอดการผลิตทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคันแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปี 5 เดือน นับตั้งแต่เริ่มสายการผลิตในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ซึ่งทำให้มาสด้า CX-5 กลายเป็นรถยนต์จากมาสด้าที่มียอดการผลิตทะลุ 1 ล้านคันอย่างรวดเร็ว และเป็นอันดับสองรองจากรถยนต์นั่งมาสด้า 3 ไปแล้ว
รถสปอร์ตอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 นับเป็นรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดและเป็นรถยนต์รุ่นแรกของมาสด้าที่ใช้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ และแนวคิดการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว โดยเริ่มสายการผลิตขึ้นครั้งแรกที่โรงงานยูจินา ในเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ต่อจากนั้นก็ได้มีการขยายฐานการผลิตไปสู่ ฉางอัน มาสด้า ออโต้โมบิล ในประเทศจีน และมีการขึ้นไลน์ประกอบที่ประเทศรัสเซีย ณ มาสด้า โซลเลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง, มาสด้า มาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย และ วินา มาสด้า ออโต้โมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศเวียดนาม*1
รถอเนกประสงค์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เปิดตัวสู่ตลาดครอสโอเวอร์ เอสยูวี ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 นับตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้เป็นต้นมา มาสด้า CX-5 ได้รับรางวัลไปแล้วกว่า 60 รางวัลทั่วโลก*2 รวมถึงรางวัลอันทรงเกียรติ  นั่นคือ รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีประเทศญี่ปุ่น ปี 2555-2556 ( Japan Car of the Year 2012-2013) มาสด้า CX-5 ได้กลายเป็นรถยนต์รุ่นหลักของมาสด้าทั่วโลกและเป็นรถ SUV ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นในปี 2555-2556 *3
นายมาซาชิ โอสึกะ ผู้จัดการโครงการมาสด้า CX-5 กล่าวว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นมาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จ มียอดการผลิตทะลุ 1 ล้านคัน ภายในเวลาระยะเพียง 3 ปี 5 เดือน หลังจากเริ่มต้นเปิดสายการผลิต ผมขอขอบคุณลูกค้าจากทั่วโลกเป็นอย่างสูงที่เห็นคุณค่าของมาสด้า CX-5 และให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี พวกเรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคตเพื่อให้ CX-5 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่ง และยังดึงดูดลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต”
ในอนาคตข้างหน้านี้ มาสด้ายังคงพัฒนารถยนต์ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ควบคู่ไปกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความปลอดภัยเป็นเลิศ ด้วยเป้าหมายที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้คนและกลายเป็นแบรนด์ที่มีสายสัมพันธ์พิเศษกับลูกค้าเป็นสำคัญ

ยางคึมโฮ บุกสนามระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สู้ศึก Honda Jazz One Make Race สนามที่ 2



คุณเอกพงษ์ ลิมปวรกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์คึมโฮ ไทร์ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล ร่วมให้กำลังใจนักแข่ง รุ่น Honda Jazz One Make Race รายการ Grand Prix Racing League 2015 สนามที่ 2 เรซ 3-4 ของฤดูกาล แบบติดขอบสนาม ปิดสนามดวลความเร็วกันที่ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ด้วยความเร็วและมันส์แบบจัดเต็มของขาซิ่งทั้งหน้าเก่า และใหม่ ซึ่งต่างประทับใจในประสิทธิภาพยางคึมโฮ V720พร้อมเสียงเชียร์ของเหล่าแฟนๆ และผู้ที่รักความเร็ว ไม่หวั่นแม้สภาพอากาศที่แดดร้อนจ้า ที่ต่างร่วมลุ้นกันแบบไม่ติดเก้าอี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เอ.พี.ฮอนด้า เปิดศึก CBR300R Thailand Dream Cup เอเชีย เรซซิ่ง ทีม คว้าชัยสนามแรกที่ ไทยแลนด์ เซอร์กิต



บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้นำแห่งวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย เปิดศึกดวลความเร็วรายการชิงแชมป์ประเทศไทย CBR300R Thailand Dream Cup สานฝันผู้ใช้รถจักรยานยนต์รุ่นซูเปอร์ไบค์ ได้บิดรถคู่ใจลงแข่งบนสนามจริงเหมือนเวทีระดับโลก โดยแชมป์สนามแรกประเดิมฤดูกาลที่สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี ตกเป็นของนักแข่งจาก เอเชีย เรซซิ่ง ทีม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2558

ศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย CBR300R Thailand Dream Cup รายการใหญ่ที่ทาง บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปที่มีความฝันอยากประลองความเร็วได้บนแทร็กอย่างมืออาชีพ แต่ไม่มีเวทีให้ลงแข่งขันได้วัดความเร็วกัน โดยได้เปิดศึกทำการแข่งขันสนามแรกไปแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ สนาม ไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี

บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีทีมแข่งเข้าร่วมประชันเป็นจำนวนมากถึง 28 ทีม ประกอบด้วยทีมจากร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า 20 ทีม, ทีมแข่งอิสระจากร้านแต่งรถจักรยานยนต์ 7 ทีม และทีมจากฮอนด้าบิ๊กวิง 1 ทีม ซึ่งนักแข่งแต่ละทีมล้วนเป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปไม่เคยมีประสบการณ์ลงแข่งหรือได้แชมป์ระดับอาชีพและสมัครเล่นมาก่อน พร้อมทีมงานแบ่งเป็นทีมช่างเทคนิค 2 คน, ผู้จัดการทีม 1 คน และผู้ประสานงาน 1 คน เรียกว่าจำลองการทำทีมแบบเดียวกับการแข่งระดับโลก

ขณะเดียวกัน ภายในงานก็มีกิจกรรมมากมายให้ผู้เข้าชมการแข่งขันได้ร่วมสนุกกัน รวมถึงกิจกรรมการประกวด “เรซ ควีน” หาสาวสวยริมแทร็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในงาน สร้างสีสันให้กับคนดูในสนามได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากการชิงชัยความเร็วของทีมแข่งทั้งหมด 28 ทีม ซึ่งหมายมั่นปั้นมือเก็บชัยชนะสนามแรกเอาฤกษ์เอาชัยก่อนลุยต่ออีก 6 สนามที่เหลือของรายการ ภายใต้รถจักรยานยนต์รุ่น Honda CBR300R ที่เป็นรถพื้นฐาน แต่สามารถปรับแต่งได้เต็มที่ภายใต้กติกาที่กำหนด

สำหรับผลการควอลิฟายจัดกริดสตาร์ทให้กับนักแข่งเมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทีม NUI Racing Project Team ตัวแทนจากจังหวัดกรุงเทพฯ (ราษฏร์บูรณะ) ที่ส่ง นาย ชนะชล ภูพันนา ลงทำการแข่งขัน คว้าตำแหน่งโพล โพซิชั่น มาครองด้วยเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุด 1 นาที 36.301 วินาที ขณะที่อันดับ 2 มาจากทีม Asia Racing Team คือนาย อัครเดช อารยะสัจพงษ์ เวลาตามหลัง 0.315 วินาที ส่วนอันดับ 3 คือนาย ศิริพจน์ พราหมณ์โสภณ จาก พรนุภาพทีม เวลาตามหลัง 0.837 วินาที

ขณะที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม ทั้งหมด 12 รอบ ปรากฏว่าแชมป์สนามแรกตกเป็นของทีมAsia Racing Team ที่ส่ง อัครเดช อารยะสัจพงษ์ นักแข่งวัย 17 ปี ลงแข่งขัน โดยช่วงออกสตาร์ท อัครเดช บิดคันเร่งออกจากกริดอันดับ 2 แต่ออกตัวได้ดีแซงขึ้นนำเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่รอบแรก ก่อนวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 19 นาที 19.288 วินาที ส่วนอันดับ 2 และอันดับ 3 เป็นของ ชนะชล ภูพันนา จากทีม NUI Racing Project Team และ ณรงค์ศักดิ์ อิทธิพล จาก Sinthanee LG Racing Team

หลังจบการแข่งขัน “น้องกาย” อัครเดช อารยะสัจพงษ์ ผู้ชนะสนามแรก กล่าวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับบรรยากาศที่สนาม เนื่องจากมีคนดูเป็นจำนวนมากทำให้รู้สึกกดดันพอสมควร แถมยังเป็นการลงแข่งขันรายการแรกในชีวิตด้วย พร้อมกันนี้ยังรู้สึกดีใจมากที่ได้แชมป์มาครองเพราะการออกตัวที่ดีตั้งแต่เริ่ม สุดท้ายเจ้าตัวตั้งเป้าจะเก็บชัยชนะให้ได้อีก 6 สนามที่เหลือ เพื่อสร้างชื่อเป็นแชมป์คนแรกของรายการนี้

ขณะเดียวกัน นักบิดวัย 17 ปี จากโครงการ ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล ที่เก็บ 20 คะแนนแรกเข้ากระเป๋า และเป็นผู้นำบนตารางเวลานี้ ก็ได้กล่าวขอบคุณ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ที่เปิดโอกาสให้ตนและเพื่อนๆที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแข่งแต่ไม่มีประสบการณ์และเวทีให้ลงแข่งขันในเมืองไทย ได้สัมผัสประสบการณ์แข่งและการทำงานแบบมืออาชีพอีกด้วย

สำหรับการแข่งขัน CBR300R Thailand Dream Cup สนามถัดไปจะลงแข่งกันที่สนามพีระ เซอร์กิต เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 27-28 มิถุนายน นี้

สแกนเนีย คัด 16 สุดยอดนักขับรถขนส่ง เตรียมชิงชัย สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 การแข่งขันทักษะการขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสาร รายการใหญ่ของไทย ชิงรางวัลรวมกว่า 1,900,000 บาท




สแกนเนีย เปิดศูนย์บริการเชียงใหม่เป็นสนามแข่ง  สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 การแข่งขันทักษะการขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารรายการใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของไทย เพื่อคัด 16 สุดยอดนักขับรถขนส่งจากทั่วประเทศเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่ กรุงเทพฯ ชิงรางวัลรวมกว่า 1,900,000 บาท

นายภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการประจำภูมิภาค บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของตลาดรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ในภาคเหนือและการจัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า  สแกนเนีย มองตลาดรถขนส่งและรถโดยสารในภาคเหนือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยในกลุ่มรถขนส่งสินค้าสามารถวิ่งในเส้นทางที่เชื่อต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้หลายประเทศ ซึ่งหลังจากการเปิด AEC อย่างเป็นทางการจะทำให้การขนส่งในภาคเหนือมีความคึกคักและปริมาณมากขึ้น ส่วนในกลุ่มรถโดยสารนั้น เชียงใหม่นับเป็นจังหวัดสำคัญของการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากปริมาณของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณสูงขึ้นทุกปี จึงทำให้ตลาดรถโดยสารมีการเติบโตขึ้นตามไปด้วย จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้เชียงใหม่เป็นจังหวัดศูนย์กลางการขนส่งของภาคเหนืออย่างแท้จริง การจัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ที่ศูนย์บริการ สแกนเนีย ที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นเหมือนการที่ สแกนเนีย เปิดประตูบ้านสร้างความสัมพันธ์เพื่อตอนรับกลุ่มลูกค้าจากภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ให้มีความใกล้ชิดกับเรามากขึ้น และ ยังเป็นการแสดงถึงความจริงใจและความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคเหนือให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและร่วมผลักดันให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางในการขนส่งทางภาคเหนือของไทยอย่างแท้จริง

ด้าน นางสาวทัศนันท์ ปิยะอักษรศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและการตลาด บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงการจัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ซึ่งเป็นการแข่งขันทักษะการขับขี่รถบรรทุกและรถโดยสารรายการใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของไทยว่า การแข่งขันรายการนี้เป็นการแข่งขันด้านทักษะความสามารถในการขับขี่ที่เน้นเรื่องความปลอดภัย การใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการขับแบบลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ในทวีปยุโรปได้มีการจัดการแข่งขันนี้มาอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ซึ่งในปีนี้มีประเทศที่เข้าร่วมการจัดการแข่งขันรายการนี้ถึง 50 ประเทศ และมีผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันรวมกว่า 2 แสนคน

สำหรับประเทศไทยการจัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ครั้งที่ 3ได้รับการสนับสนุนจากกรมการขนส่งทางบก สถาบันยานยนต์ กองทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี บริษัท มิชลินสยาม จำกัด และ สถาบันสอนขับรถไอดี ไดร์ฟเวอร์  ซึ่งใช้มาตรฐานการแข่งขัน กฎและกติกาเดียวกับที่จัดในทวีปยุโรป โดย สแกนเนีย สยาม ตั้งใจพร้อมทุ่มงบประมาณในการจัดการแข่งขันกว่า 10 ล้านบาท เพื่อให้การแข่งขันรายการนี้มีความยิ่งใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมา เพื่อดึงดูดและคัดเลือกสุดยอดนักขับรถขนส่งมืออาชีพ ทั้งประเภทนักขับรถบัสโดยสารและนักขับรถบรรทุกที่มีความสามารถเข้ามาร่วมการแข่งขัน และ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1,900,000 บาท สำหรับผลตอบรับในการรับสมัครถือว่าประสบความสำเร็จและน่าพอใจเป็นอย่างมากเพราะมีผู้นักขับรถขนส่งใบสมัครเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 1,500 คน และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ 64 คน ซึ่งการแข่งขันจัดขึ้น ณ ศูนย์บริการ สแกนเนีย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 เพื่อคัด 16 สุดยอดนักขับมืออาชีพ โดยแบ่งเป็นประเภทนักขับรถโดยสาร 8 คน และ นักขับรถบรรทุก 8 คน และ ทั้งหมดจะต้องเข้าชิงชัยรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 13 มิถุนายน 2558 ต่อไป ณ เมโทร ไลฟ์ ปาร์ค (ถนนพระราม9) กรุงเทพฯ

บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค เทคนิคอล เซ็นเตอร์ เปิดศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่อย่ างเป็นทางการ


สิงคโปร์ (18 พฤษภาคม 2558); บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค จำกัด แถลงข่าวการเปิดศูนย์ปฏิบัติการ แห่งใหม่ของบริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค เทคนิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดปทุมธานี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ของบริดจสโตน เพื่อตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทั้งภูมิภาค
 
บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค เทคนิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด ในชื่อย่อ APTC เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2556 โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคในภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิค ทั้งการสนับสนุนในด้านเทคนิค การวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านการสำรวจข้อมูลและศึกษาในด้านต่างๆของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยนำมาซึ่งการพัฒนาด้านการออกแบบรวมทั้งองค์ประกอบ ของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ เพื่อตอบสนองในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความทนทาน  และทั้งหมดนี้คือศักยภาพของ APTC ที่มีครบทั้งการบริหารคุณภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ การพัฒนาด้านกระบวนการจัดสรรวัตถุดิบและการจัดซื้อ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต
ปัจจุบัน APTC มีพนักงาน 90 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่างๆ ประกอบด้วยอินเดีย, อินโดนีเซีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น และประเทศไทยทำงานร่วมกัน ซึ่งการย้ายสำนักงานสู่ศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถติดตั้งเครื่องจักรใหม่ๆ ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยส่งเสริมศัยภาพการเป็นผู้นำในตลาดยางรถยนต์ของบริดจสโตนในตลาดเอเชีย แปซิฟิค
 
มร. ฮิเดกิ โคมัทซึ, รองประธานและเจ้าหน้าที่อาวุโส ด้านนวัตกรรมจากบริดจสโตนคอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวถึงความสำคัญของ APTC ว่า “บริดจสโตน เชื่อมั่นว่า APTC จะสร้างความแข็งแกร่งในการปฏิบัติงานทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคอันหลากหลายได้อย่างตรงความต้องการที่สุด ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิค ที่มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
มร. นาโอโตะ ยามากิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิค เทคนิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า "จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับตลาดในภูมิภาค APTC จะช่วยให้บริดจสโตนสามารถเข้าถึงผู้บริโภคและสะท้อนความต้องการอันหลากหลาย และนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา เป้าหมายที่สำคัญของ APTC คือการเป็น “ศูนย์กลางทางด้านเทคนิคอย่างแท้จริง” ของภูมิภาคนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับสูงทั้งคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อสร้างความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างสูงสุด”
กลุ่มบริดจสโตนได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ ในการเสริมสร้างศักยภาพในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ผ่านการค้นคว้า วิจัย เทคโนโลยีและพัฒนาตั้งแต่การจัดการด้านวัตถุดิบ กระบวนการผลิตที่ทันสมัย รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เปี่ยมคุณภาพ ด้วยหลักปรัชญาของบริดจสโตนที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก คือ “รับใช้สังคมด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า” 

มาสด้าส่งมาสด้า2 สกายแอคทีฟ เครื่องยนต์คลีนดีเซล ลงพิสูจน์ความแรงบนสนามแข่ง


กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 15 พฤษภาคม 2558บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าลุยสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง เตรียมประกาศศักดาบนสนามแข่งรถยนต์ทางเรียบอีกครั้ง ด้วยการเนรมิตรถยนต์นั่งสปอร์ตตัวจี๊ด all-new Mazda2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ก้าวเข้าสู่วงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทยอย่างเต็มภาคภูมิ ตอกย้ำรถยนต์ที่ให้ทั้งความแรงและการประหยัดน้ำมัน ลงประเดิมชิงชัยสนามแรกที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซี่รี่ส์ รายการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่และได้รับความสนใจที่มากสุดของประเทศไทย
สำหรับทีม Mazda Innovation Motorsports เป็นทีมแข่งที่รวบรวมเอาบุคลากรและทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ของมอเตอร์สปอร์ตมาร่วมกันพัฒนารถแข่งเพื่อลงทำการแข่งขันจำนวน 2 คัน ได้แก่ รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 สปอร์ต รุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมเครื่องยนต์คลีนดีเซล สกายแอคทีฟ-ดี ขนาด 1500 ซีซี หมายเลข 55 ซึ่งขับขี่โดย มร. ไมค์ ฟรีแมน ซึ่งเป็นนักขับมากประสบการณ์ และในปีนี้ทางทีมมีสมาชิกน้องใหม่ น้องพลอย ธัชพรรณ วิจิตรานนท์ สาวน้อยอายุเพียง 17 ปี ที่จะนั่งควบรถยนต์นั่งสปอร์ต มาสด้า2 เอลิแกนซ์ ซีดาน 4 ประตู หมายเลข 44 สำหรับรถแข่งมาสด้า2 ทั้ง 2 รุ่น จะลงทำการแข่งขันในรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ ในประเภท Super Production ทั้ง 8 สนามในปีนี้
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า มาสด้าเดินหน้าเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยอย่างเต็มความภาคภูมิ หลังจากที่เริ่มส่งมาสด้า2 รุ่นที่แล้ว ลงสนามแข่งมาได้เพียง 2 ปี ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ที่สำคัญในปีนี้มาสด้าได้สร้างรถแข่งขึ้นมาใหม่ 2 คัน โดยจับเอามาสด้า2 สกายแอคทีฟ-ดี เครื่องยนต์คลีนดีเซลมาพัฒนาเพื่อส่งลงสนามแข่งในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลร่วมลงทำการแข่งขันในรายการ Super Production ซึ่งแน่นอนว่าการลงแข่งในสนามแรกมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในเรื่องการปรับจูนเพิ่มเติมหลังจากที่เก็บเกี่ยวข้อมูลต่างๆจากการลงแข่ง และเชื่อว่าผลงานในสนามถัดไปจะดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับทีมแข่งขัน "MAZDA INNOVATION MOTORSPORTS" เป็นความร่วมกันระหว่างมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากแม่บริษัทแม่ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงทีมงานที่กำกับดูแลกิจกรรมด้านMotor Sports Team จนสามารถทำให้เราสามารถสร้างรถแข่งที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพรวมทั้งทีมแข่งขันที่แข็งแกร่งเพื่อลงชิงชัยในสนามการแข่งขันรถยนต์ในปีนี้มีทั้งหมด 8 สนาม ที่สำคัญการที่มาสด้านำเอารถยนต์นั่งสปอร์ต มาสด้า2 ใหม่ภายใต้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งประเทศญี่ปุ่นปี 2014-2015 ล่าสุด Japan Car of The Year 2014-2015 เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะอันทรงพลัง ตลอดจนการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์รถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความเป็นรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ตออกมาได้โดดเด่นที่สุด และสามารถสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
สำหรับการลงชิงชัยในสนามแรกและสนามที่ 2 ผ่านไปได้ด้วยดี ผลงานการลงสนามครั้งแรกปรากฏว่า น้องพลอย สามารถก้าวขึ้นโพเดี่ยมคว้าอันดับที่ 3 มาครองได้สำเร็จ ส่วนไมเคิล สามารถนำรถเข้าเส้นชัยจนจบการแข่งขัน สำหรับแฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตไม่ควรพลาดกับกีฬาสุดมันส์ สามารถร่วมเชียร์และส่งกำลังใจให้กับ 2 นักแข่งของมาสด้า ในรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ สำหรับปี 2558 ซึ่งจะมีให้ร่วมลุ้นกันทั้งหมด 8 สนาม ซึ่งมาสด้าจะลงทำการแข่งขันในสนามที่ 3-4 ของรายการจัดการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคมนี้ ที่ และสามารถลุ้นต่อได้ในส่วนของสนามที่ 5-6 วันที่ 11-13 กันยายน ที่สนามพีระ เซอร์กิต ส่วนในสนามสุดท้ายซึ่งถือเป็นไฮไลท์เด็ดของการแข่งขัน นั่นคือการปิดถนนเลียบชายหาดบางแสน โดยจะจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 24-29 พฤศจิกายนนี้ หรือสามารถเข้าไปอัพเดรสความเคลื่อนไหวได้ที่ www.mazda.co.th และ เฟสบุ๊ค www.facebook.com/MazdaThailandOfficial
รายละเอียดเกี่ยวกับรถสปอร์ตมาสด้า2
รถมาสด้า2 ใหม่ใช้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลสะอาดที่พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด SKYACTIV-D 1.5L และระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟขนาดเล็กโดยเฉพาะเครื่องยนต์ SKYACTIV-D 1.5L เป็นเครื่องยนต์ดีเซลสะอาดที่พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุดให้แรงบิดมหาศาล อัตราส่วนการอัด 14.8:1 กำลังสูงสุด 77 kW แรงบิดสูงสุด 250 Nm ระบบเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุดเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6สปีด ขนาดกะทัดรัดช่วยให้ประหยัดน้ำมันให้ความตอบสนองที่แม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา

มาสด้าจับมือโตโยต้าร่วมกันพัฒนายานยนต์แห่งอนาคต



กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โตโยต้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ร่วมมือกับมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกันอย่างยั่งยืนด้วยการใช้ทรัพยากรจากทั้งสองบริษัทในการส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระหว่างกัน การร่วมมือกันครั้งนี้จะก่อให้เกิดรถยนต์ที่สวยดึงดูดใจและตอบโจทย์ความต้องการและรสนิยมของลูกค้าทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมจากทั้ง 2 องค์กร เพื่อประเมินวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อนำเอาจุดแข็งของแต่ละบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งคณะกรรมที่กำลังจะตั้งขึ้นมาใหม่นี้จะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในสาขาต่างๆ รวมทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย
นายอากิโอะ โทโยดะ ประธาน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น กล่าวให้สัมภาษณ์ในระหว่างทำข้อตกลงว่า “จากเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ และแนวคิดการออกแบบ ภายใต้โคโดะ ดีไซน์ หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงามที่เป็นที่รู้จักกันดี มาสด้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามาสด้านั้นมองไปข้างหน้าเสมอในเรื่องของรถยนต์และเทคโนโลยี แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่บนแนวคิดพื้นฐานของการผลิตรถยนต์เสมอ ดังนั้น มาสด้าจึงมีแนวคิดที่สอดคล้องกับโตโยต้าในการสร้างสรรค์รถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิม ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 2 บริษัท จะสามารถแบ่งปันวิสัยทัศน์และทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีเพื่อมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ให้ดียิ่งขึ้น คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ทั้งโตโยต้าและมาสด้าจะร่วมกันพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า ในอีก 100 ปีข้างหน้า รถยนต์จะยังคงส่งมอบความสนุกสนานให้กับผู้ขับขี่อย่างที่เป็นมาโดยตลอด”
นายมาซามิชิ โคไก ประธานและผู้บริหารสูงสุดของ มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น กล่าวว่า “โตโยต้าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของโลก และอนาคตของการผลิตรถยนต์มาโดยตลอด ผมมีความเคารพอย่างสูงต่อการอุทิศตนอย่างไม่หยุดยั้งของโตโยต้าในการรังสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตรถยนต์ที่ให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญนอกเหนือไปกว่านั้น มาสด้าเองก็มีความคล้ายคลึงกันกับโตโยต้าในการให้ความเคารพในถิ่นกำเนิดและในสังคมที่เราเกี่ยวข้องหรือดำเนินกิจการ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โตโยต้านั้นเป็นองค์กรที่ได้รับความเคารพอย่างสูงจากทุกภาคส่วน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานร่วมกันในครั้งนี้เพื่อมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ให้ดีขึ้นกว่าเดิมนี้ เราจะสามารถยกระดับคุณค่าของรถยนต์ในสายตาของลูกค้า และพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตรถยนต์ของเราที่เมืองฮิโรชิมา บ้านเกิดของมาสด้า และในชุมชนอื่นๆ ที่เรามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน”
ความร่วมมือกันระหว่างมาสด้าและโตโยต้าเมื่อก่อนที่ผ่านมา รวมถึงการอนุญาตให้มาสด้าใช้เทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า และการที่มาสด้าทำการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กให้กับโตโยต้าในโรงงานของมาสด้าที่ประเทศเม็กซิโก
โตโยต้าและมาสด้าตระหนักดีว่าทั้งสององค์กรนั้นมีจุดมุ่งหมายร่วมกันอยู่หลายประการ อาทิ ปรัชญาของมาสด้า คือ การนำเอาความสุขสนุกสนานสู่ชีวิตของลูกค้าด้วยการสร้างรถยนต์ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ และการอุทิศตนของโตโยต้าในการพัฒนารถยนต์ให้ดียิ่งขึ้นสืบไป รวมถึงการอุทิศตนในการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งข้อตกลงล่าสุดนี้จะมีความแตกต่างจากการร่วมมือกันในแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา เพราะการร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นที่ต้องการสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้แก่รถยนต์ด้วยความร่วมมือกันในระยะกลางและระยะยาว

มาสด้าเสริมยุทธศาสตร์สร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ ดันประเทศไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางกระจายอะไหล่ ในภูมิภาคอาเซียนพร้อมส่งออกไปทั่วโลก


กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 12 พฤษภาคม 2558, มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดศูนย์กลางกระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่บนถนนบางนา-ตราด  พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบริการหลังขาย
การลงทุนของมาสด้าในประเทศไทยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.. 2538 ในการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กับพันธมิตร ภายใต้ชื่อ บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำการผลิตรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 140 ประเทศ  ซึ่งโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ประเทศไทย และมีพนักงานกว่า 9,000 คน มีกำลังการผลิต 270,000 คันต่อปี
ล่าสุดนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์ ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนอีกกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ All-New Mazda2 ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ซึ่งรถยนต์ All-New Mazda2 นี้นับเป็นรยนต์ ที่ทันสมัยที่สุดในรถระดับเดียวกัน มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน
นอกจากนี้มาสด้ายังทุ่มเม็ดเงินก้อนโต เพื่อก่อตั้ง บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย Mazda Powertrain Manufacturing Thailand ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการผลิตชุดเกียร์ออโตเมติก SKYACTIV-DRIVE โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 400,000 ยูนิตต่อปี เพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตรถยนต์     ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และส่งออกสู่ตลาดโลก นับเป็นครั้งแรกที่มาสด้าได้ทำการผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในตลา
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยมีการขับเคลื่อนที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด จากการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการลงทุนจากทางภาครัฐ ที่สำคัญภาคเอกชนก็มีทั้งศักยภาพและความพร้อมด้านการผลิตชิ้นส่วนและการผลิตยานยนต์ ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนประกอบ อะไหล่ยานยนต์ เติบโตจนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกและเศรษฐกิจในประเทศไทย
นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า ในธุรกิจยานยนต์นั้น การที่ลูกค้าได้รับอะไหล่ที่ถูกต้องในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินคุณค่าของแบรนด์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพสูงสักเพียงใด หากบริการอะไหล่ไม่เข้มแข็งแล้ว แบรนด์เองก็ไม่สามารถจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของลูกค้าได้ ในอดีตที่ผ่านมานั้น มาสด้าได้ทำการบริหารด้านอะไหล่ผ่านทางคู่ค้าธุรกิจในภูมิภาคนี้ ดังนั้น โครงสร้างการบริการของเราจึงยังเป็นรองคู่แข่งอยู่มาก
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ของมาสด้านี้จะช่วยส่งเสริมให้มาสด้าสามารถให้บริการงานอะไหล่ได้ด้วยคุณภาพด้านการบริการสูงสุด เนื่องจากสามารถทำการควบคุมการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อันประกอบด้วย ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ นี้มีศักยภาพสูงยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือตลาดที่สำคัญที่สุดของมาสด้าในการขยายธุรกิจให้เติบโต มาสด้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้จะมีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เนื่องจากศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานบริการในระดับภูมิภาค
ดังนั้น มาสด้าจึงถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนมหาศาล พร้อมทั้งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนอกเหนือจาก ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน และล่าสุดประเทศเม็กซิโก
นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา มาสด้าได้มุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลูกค้าชาวไทย ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมาสด้ามียอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย จำนวน 320,000 คัน (2548 – 2558) ดังนั้นมาสด้าจึงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพของการบริการให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เนื่องจากมีรถยนต์มาสด้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการบริหารจัดการเกี่ยวกับอะไหล่ที่มีคุณภาพ รวมถึงความรวดเร็วในการส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่มาสด้าได้พันธมิตรอย่างกลุ่มยูเซ็นซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่ง หรือ ระบบโลจิสติกส์ จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้มาสด้าสามารถจัดส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายได้ถูกต้องรวดเร็วในทุกพื้นที่
สำหรับศูนย์การกระจายอะไหล่ของมาสด้าก่อสร้างขึ้นด้วยซึ่งการร่วมมือกันกับพันธมิตรระหว่าง บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท ยูเซ็น โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่คือ Mazda Logistics & Yusen (Asia) Co., Ltd. (บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ แอนด์ ยูเซ็น (เอเชีย) จำกัด) มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 22,281 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็น พื้นที่ส่วนที่เป็นสินค้าหลักประมาณ 14,636 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าย่อยอีกประมาณ 7,645 ตารางเมตร มีจำนวนอะไหล่หมุนเวียนเข้า-ออกทั้งสิ้นประมาณ 53,500 รายการ มูลค่าสินค้าหมุนเวียนในโกดังประมาณ 360 ล้านบาท
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้มีซัพพลายเออร์ส่งชิ้นส่วนเข้ามาประมาณ 260 ราย เพื่อทำแพ็คเกจจิ้ง แล้วส่งออกไปยังศูนย์บริการมาสด้าทั้ง 125 แห่งทั่วประเทศไทย โดยในส่วนของกรุงเทพฯ จะมีรถจัดส่งจำนวน 6 คัน จัดส่งวันละ 2 เที่ยวต่อวัน ส่วนต่างจังหวัด 1 เที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ศูนย์กระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่นี้ยังทำการส่งออกอะไหล่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน และทั่วโลกอีกกว่า 100 ประเทศ โดยอะไหล่ที่สำคัญหลักๆ ประกอบด้วย อะไหล่ของรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 และมาสด้า2
มาสด้ามุ่งมั่นในเรื่องการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมเพื่อสร้างความพึงพอใจในการบริการหลังการขายเพิ่มสูงขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์มาสด้า นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติม

ทีเอสแอล ปรับกลยุทธ์ ชูบริการหลังการขาย วางแผนสร้างศูนย์บริการใหม่เพิ่ม 2 สาขา มั่นใจปี 2558 รายได้เพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์




            ทีเอสแอล ปรับแผนธุรกิจปี 2558 ใหม่ เปิดเกมรุกตลาดรถนำเข้ารับเซอร์วิสระดับพรีเมียม ทุกแบรนด์ ทุ่มงบ 60 ล้านบาท ขยายพื้นที่และปรับโฉมศูนย์บริการ เพื่อรองรับการให้บริการที่ดีกว่า พร้อมเตรียมเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก แห่ง คาดสิ้นปีรายได้รวมเติบโต 20 เปอร์เซ็นต์

นางสาวสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2558 นี้ ทีเอสแอล ปรับกลยุทธ์และภาพลักษณ์ทางการตลาด โดยให้น้ำหนักและความ สำคัญมาที่ความเป็นศูนย์บริการมาตรฐานแบบครบวงจรของรถยนต์พรีเมียม เราเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ให้ลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแน่นอนลูกค้าต้องการรถที่มีคุณภาพที่ดี ย่อมต้องการการดูแลหลังการขายที่ดีกว่าควบคู่กันไป 

ขณะนี้ ณ สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ เราลงทุนกว่า 60 ล้านบาท ปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์บริการให้มีความทันสมัย สะดวก กว้างขวาง พร้อมให้บริการที่รวดเร็วในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์เครื่อง ศูนย์สี และส่วนของอะไหล่ทดแทนต่างๆ เป็นต้น โดยการปรับปรุงครั้งนี้เป้าหมายนอกจากจะให้บริการลูกค้าของ    ทีเอสแอลแล้ว เรายังสามารถรองรับลูกค้าที่ซื้อรถจากที่อื่นๆ สามารถนำรถเข้ามาใช้บริการได้ด้วยเช่นกัน 

“ด้านศักยภาพการให้บริการของศูนย์บริการทีเอสแอล ทั้ง 4 สาขา คือ สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ สาทร ทองหล่อ และจังหวัดภูเก็ต ศูนย์เครื่องมีความสามารถรองรับรถได้ทั้งสิ้น 160 คัน / วัน สำหรับศูนย์สี ที่มีเฉพาะที่สำนักงานใหญ่และที่จังหวัดภูเก็ต สามารถรองรับรถได้ 300คัน / เดือน   

จากการปรับกลยุทธ์มาเน้นเรื่องของศูนย์บริการ ทำให้ปีนี้ ทีเอสแอล มีแผนเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 2 สาขา โดยจะอยู่ในกรุงเทพฯ 1 แห่ง และอีก 1 แห่งในต่างจังหวัด และเราคาดว่ารายได้ในส่วนของศูนย์บริการจะเติบโตขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ นางสาวสุรีย์ภรณ์กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายฉัตร ปัญจทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ศูนย์บริการของทีเอสแอลดังกล่าวนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นศูนย์บริการซ่อมเครื่องและอะไหล่ มีทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งสิ้น 40 คน มีประสบการณ์ทำงานกับรถยนต์ชั้นนำหลากหลาย ประกอบกับเครื่องมือที่ทันสมัย ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานจะได้รับการฝึกอบรมตามมาตราฐานจากศูนย์ โมบิล 1 เซ็นเตอร์ โดยตรงมาอย่างดี
 สำหรับส่วนที่ 2 ศูนย์บริการซ่อมสีแลตัวถัง ประกอบด้วยทีมงานทั้งสิ้น 50 คน ด้วยมาตรฐานของสีกลาซูริทหรือสีนกแก้วที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ประกอบกับประสบการณ์การทำงานของช่างผสมสีและช่างพ่นสีที่มีมากกว่า 25 ปี ความพร้อมของอะไหล่ตัวถังที่พร้อมส่งให้อย่างรวดเร็วจากคู่ค้าทางธุรกิจ ย่อมการันตีได้ถึงความรวดเร็วและคุณภาพของงานสีที่ลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจสูงสุดอย่างแน่นอน
ในส่วนที่ 3  ศูนย์อะไหล่ หรือ Central Part Department (CPD) ทีเอสแอล กำลังเร่งพัฒนาและปรับปรุง เพื่อเตรียมความพร้อม เป็นคลังไหล่และอุปกรณ์เสริมให้กับรถจากทุกๆ ค่ายรถยนต์นำเข้า โดยมุ่งเน้นในความรวดเร็ว ความพร้อมของจำนวนอะไหล่ที่จำเป็น และที่สำคัญหาคู่ค้าสำหรับอะไหล่ที่หายากสำรองไว้ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแบบครบวงจรได้ในเร็วๆนี้

###

เกี่ยวกับทีเอสแอล
บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คือหนึ่งในผู้นำเข้าและจำหน่ายยนตรกรรมระดับหรูชั้นนำจากทั่วโลกของประเทศไทย พร้อมด้วยศูนย์บริการหลังการขายมาตรฐานแบบครบวงจรในชื่อ ทีเอสแอล ออโต้  เซอร์วิส จำกัด ที่ให้บริการโดยผู้ชำนาญการเฉพาะรถยนต์นำเข้าทุกรุ่นด้วยประสบการณ์การให้บริการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์-เครื่องมือวิเคราะห์รุ่นล่าสุดจากต่างประเทศ ซึ่งมีจุดให้บริการถึง 4 ศูนย์บริการได้แก่ สำนักงานใหญ่แจ้งวัฒนะสาทร, ทองหล่อ (สุขุมวิท55) และภูเก็ต เพื่อตอบสนองรสนิยมที่เหนือกว่าของคนที่มีไลฟ์สไตล์เหนือระดับเช่นคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมของทีเอสแอลทั้ง 4 สาขา หรือ TSL Call Center 02-269-9999 หรือเว็บไซต์ www.tsl.co.th
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved