Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

“ซันยองฉลองยิ่งใหญ่ ขึ้นปีที่ 10 เปิดตัว SSANGYONG STAVIC SV-2.0 ด้วยราคาแนะนำสุดเร้าใจ



 ซันยองฉลองก้าวสู่ปีที่  10 ในการทำตลาดในประเทศไทยด้วยการแนะนำสุดยอดรถ MPV หรู 11 ที่นั่ง โดยนำ New Stavic SV-2.0” สรวมใส่หัวใจใหม่ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดที่ 155 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 360 นิวตันเมตร ที่ซันยองพัฒนาขึ้นใหม่ตามมาตรฐาน Euro 5 ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะในการขับขี่ทั้งการใช้งานภายในเมือง หรือเมื่อต้องเดินทางไกล นอกจากนี้เครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ยังให้ความประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยที่เครื่องยนต์เผาไหม้หมดจดมากกว่า ทำให้สามารถลดมลพิษลงได้มากขึ้น โดยมีค่า COเพียง 157 กรัมต่อกิโลเมตร เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์อเนกประสงค์

นายวิรัตน์  ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2555 บริษัทฯ จะเข้าร่วมงาน Thailand International Motor Expo 2012 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี ครั้งนี้บริษัทฯ ทุ่มงบประมาณสำหรับงานนี้กว่า 20  ล้านบาทในการสร้างสรรค์พื้นที่ภายในงานเพื่อนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ และการแสดงที่ยิ่งใหญ่ ตอบสนองต่อความสนใจของลูกค้าและผู้เข้าเยี่ยมชมงาน

และเพื่อเป็นการฉลองที่บริษัทซันยอง เข้าสู่ปีที่ 10 ทางบริษัทฯ ได้นำเข้ารถยนต์ นิวสตาวิค เครื่องยนต์ใหม่ เพื่อให้แฟนคลับซันยอง มีโอกาสเลือกใช้รถยนต์แบบ MPV หรูที่ยังคงเพียบพร้อมด้วย สมรรถนะที่ทรงประสิทธิภาพและคงไว้ซึ่งความประหยัด เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่คุ้มค่า โดย มีให้เลือก 2 แบบ ด้วยกัน

New Stavic SV 2.0 Entry Version มาพร้อมเบาะหนังแท้โทนสีเข้มควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ล้อแม็กขอบ 16 นิ้ว ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ ราคาแนะนำเฉพาะในงานเพียง  1,290,000  บาท


New Stavic Standard Version มาพร้อมเบาะหนังแท้โทนสีเข้มควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งชุดเครื่องเสียง จอเพดาน ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ และกล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง ราคาแนะนำ ในงานเพียง1,580,000  บาท


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำรถซันยอง “New Rexton W” รถ SUV ระดับหรูโฉมใหม่เข้ามาเปิดตัวเพื่อให้ได้ยลโฉมภายในงานนี้เป็นครั้งแรก
New Rexton W เป็นรถแบบ SUV ขนาด 7 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคอมมอลเรลขนาด 2.7 ลิตรที่ให้พละกำลังมหาศาลถึง 186 แรงม้าและแรงบิด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic 5 จังหวะจาก Mercedes-Benz ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ภายในเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายครบถ้วนตามสไตล์รถหรูมาตรฐานยุโรป

ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 บริษัทฯ ยังได้นำรถยนต์ซันยองครบทุกรุ่นทุกแบบที่มีจำหน่ายเข้าร่วมจัดแสดงในครั้งนี้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ACTYON, KYRON และ KORANDO

ทั้งนี้ภายในงานบริษัทฯ ยังได้จัดการแสดงโชว์สุดพิเศษในวันเปิดงาน เพื่อเพิ่มสีสันให้มีความตื่นตาตื่นใจ พบการแสดงโชว์สุดอลังการ และชมนวัตกรรมใหม่ ๆ จากบูธรถยนต์ซันยอง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.  – 10 ธ.ค 2555 นี้ ที่บูธ A17 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี

ในโอกาสนี้  บริษัทฯ ซันยองประเทศไทย ขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนทุกท่าน ร่วมพิธีแถลงข่าวของบูธ SSANGYONG  ในวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา 17.45 น. ซึ่งท่านจะได้พบกับโชว์สุดอลังการจากทีมนักแสดงมืออาชีพที่ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วจากหลายสถาบันที่จะมาให้ความบันเทิงแก่ท่าน

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ อวดโฉมในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29


 ประเทศไทย 28 พฤศจิกายน 2555 – แลนด์โรเวอร์ เปิดตัว “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ (The All-New Range Rover)” ยอดยนตกรรมสมรรถนะเหนือชั้นภายใต้รูปลักษณ์ที่ภูมิฐานสง่างาม เป็นครั้งแรกในเอเชีย ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ณ พื้นที่จัดแสดงของแลนด์โรเวอร์ หมายเลข B01 ในเวลาประมาณ 12.30 น. 

ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกไปแล้วที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ยานยนต์รุ่นที่ 4 จากเรนจ์โรเวอร์ ได้โอกาสอวดโฉมแก่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญ และนักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทย รวมถึง นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย โดยงานออกแบบครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมอย่างเหนือชั้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ตลอด 40 ปี ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เป็นสุดยอดงานออกแบบแห่งแบรนด์ผู้นำยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู จาก แลนด์โรเวอร์

ภายในพื้นที่จัดแสดง B01 ของแลนด์โรเวอร์ นำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเรนจ์โรเวอร์ ซึ่งมีทั้งส่วนนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ การจัดแสดงเทคโนโลยีส่งกำลังและชิ้นส่วนอะไหล่ ตลอดจนการออกแบบตกแต่งภายนอกและห้องโดยสารภายในที่หรูหรา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความประณีตสวยงามจากแลนด์โรเวอร์ 
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ คืออีกหนึ่งหลักชัยของแลนด์โรเวอร์ ที่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากการทุ่มงบประมาณลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะยานยนต์รุ่น Autobiography 4.4-litre SDV8 ซึ่งมาพร้อมที่นั่งด้านหลังแบบเอ็กเซกคูทีฟ คลาส สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายที่เหนือระดับ รวมถึงหลังคาแบบพานอรามิก ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติวิธีการออกแบบครั้งสำคัญแห่งวงการยานยนต์อเนกประสงค์ระดับโลกอย่างแท้จริง 
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังเป็นยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ตัวถังแบบโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเสถียรภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูงขึ้นในทุกสภาพถนน โดยยังคงประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ 
มร. เดล โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเราถามลูกค้าว่า ท่านต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งใด คำตอบที่ได้รับคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นเท่านั้น” 

เราไม่เพียงต้องการสร้างยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น หากเรายังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยานพาหนะระดับหรูที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งความทุ่มเททั้งหมดของเราได้ถูกนำเสนอผ่านยนตกรรม ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา” 


เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะอย่างเข้มข้น ร่วมกับการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลากหลายรูปแบบ

วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจองแล้วอย่างเป็นทางการ และกำหนดจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2555 ในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,499,000 บาท โดย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งได้ลงทุนกว่า 370 ล้านยูโร ในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้ 
ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรู และสง่างามในทุกมุมมอง

รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ

ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่แลดูคล้ายคลึงกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34

การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังยังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด

นอกจากนี้ ยังนำเสนอออพชั่นการตกแต่งอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด

รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์ 

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศอันล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา

หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response® รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดและขรุขระที่สุด

เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Transfer Box) แบบ 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงเชิงกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม

สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึก จาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน 
เรนจ์โรเวอร์     รุ่นใหม่ทุกคัน ยังต้องผ่านการพัฒนาและทดสอบสมรรถนะอันหนักหน่วง ร่วมกันยานยนต์เพื่อการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลายรูปแบบ เพื่อรับประกันถึงความทนทานและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เป็นเยี่ยม

ประสบการณ์การขับขี่แสนสบายที่เหนือกว่า

เรนจ์โรเวอร์ โดดเด่นในด้านการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และปราศจากสิ่งรบกวนที่วุ่นวายจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานความหรูหราให้สูงกว่าเดิม

วิศวกรผู้ออกแบบ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อการขจัดเสียงไม่พึงประสงค์จากภายนอกให้มากที่สุด นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างตัวถัง การเสริมชั้นกระจกตัดเสียงของประตูข้าง ตลอดจนการใช้แท่นเครื่องคู่แบบแยกชิ้น ซึ่งทำให้ลดเสียงรบกวนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ใช้โครงตัวถังแบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุมอันล้ำสมัย เพื่อเสริมเสถียรภาพในการควบคุมและความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ฉับไวกว่า ทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน

ลูกค้าสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์กับ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ทั้งรุ่นเบนซิน 510PS LR-V8 Supercharged และรุ่นดีเซล 2 แบบ ได้แก่ 3.0-litre 258PS TDV6 และ 4.4-litre 339PS SDV8 โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นให้แรงบิดสูง พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 8 สปีด

การให้ความสำคัญกับตำแหน่งของผู้ขับที่เหมาะสมคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ซึ่ง ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Command Driving Position เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับอย่างเหมาะสม ซึ่งจะอยู่สูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูอื่นๆ 90 มม. ทำให้รู้สึกได้ถึงการควบคุมและความมั่นใจที่เหนือกว่า
โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อสมรรถนะและความมั่นคงที่เหนือชั้น

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ปฏิวัติวงการด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเบากว่าถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้ตัวถังเหล็ก

แลนด์โรเวอร์ คือหนึ่งในผู้นำด้านการใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยานเพื่อการเสริมสมรรถนะการขับขี่ และด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่นี้ จึงทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์

เมื่อพิจารณารวมกับน้ำหนักที่เบากว่าทั้งจากโครงรถและระบบการขับเคลื่อน พบว่าโครงสร้างน้ำหนักเบาสามารถลดภาระเครื่องได้ถึง 350 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาด

การลดภาระเครื่องช่วยให้ เรนจ์โรเวอร์ นำเสนอการขับขี่ที่ผ่อนคลาย หากยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์รุ่น 510PS LR-V8 Supercharged สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นในปัจจุบัน 0.8 วินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงถึง 9%

เทคโนโลยีโครงสร้างน้ำหนักเบา ยังทำให้ เรนจ์โรเวอร์ สามารถนำเสนอเครื่องยนต์รุ่น 3.0-litre TDV6 ให้เป็นหนึ่งในทางเลือก ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ซึ่งแม้จะขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าถึง 420 กก. แต่มีกำลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์รุ่น 4.4-litre TDV8 ทั้งยังลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 22% ที่อัตรา 37.7 เมตร/แกลลอน และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 196 กรัม/กม.

พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ เรนจ์โรเวอร์ จะเป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อ เรนจ์โรเวอร์ กำหนดเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดจ์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงปลายปี 2556 (เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 169 กรัม/กม.)
เทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมจาก เรนจ์โรเวอร์

ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับสูงใหม่ล่าสุด สมบูรณ์แบบด้วยโครงรถอันล้ำสมัยและระบบสนับสนุนการขับขี่ที่มั่นใจได้ รวมทั้งการตกแต่งภายในอันหรูหราที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งผู้นำของคุณ

การออกแบบห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง มอบความรู้สึกภูมิฐานและโดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงสมัยใหม่ครบครัน ซึ่งได้แก่:

• ความสะดวกสบาย – การออกแบบระดับพรีเมี่ยม นำเสนอ กุญแจรีโมท, ระบบปิดประตูแบบนุ่มนวลและล็อคไฟฟ้า, ระบบประตูหลังไฟฟ้าทั้งด้านบนและล่าง, ช่องเก็บของเย็น, ตะขอลากระบบไฟฟ้า

• เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ – ระบบเสียงดนตรีรอบทิศทางจาก Meridian เพื่อคุณภาพเสียงชั้นเยี่ยม

• จอแสดงผล – จอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมช่องเชื่อมต่อแบบดิจิตัล จอสัมผัสขนาด 8 นิ้วและฟังก์ชั่น Dual-View

• ระบบควบคุมเสียงและการเชื่อมต่อ – ช่องเชื่อมต่อสำหรับอุปกร์สื่อสารเคลื่อนที่อันทันสมัย

• การควบคุมระบบปรับอากาศ – ด้วยการควบคุมระบบปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในคลาส มีทั้งการควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซนแบบพรีเมี่ยม และฟังก์ชั่นตั้งเวลาควบคุมแบบ Park Heater

• เบาะที่นั่งระดับหรู – เบาะนั่งอัพเกรดใหม่และฟังก์ชั่นเพิ่มความสบายขณะโดยสาร อาทิ ระบบนวดมัลติโหมด รวมถึงแพ็คเกจการตกแต่งเบาะหลังแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ใหม่ล่าสุด

• ระบบแสงสว่างภายในห้องโดยสาร – ระบบไฟแบบ LED ล่าสุด เพื่อมอบบรรยากาศที่หรูหรา นุ่มนวล ทั้งยังมีฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีของหลอดไฟให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่

เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ผสมผสานการใช้โครงรถแบบใหม่เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาวะตามหลักกลศาสตร์ และเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและไร้ความกังวลตลอดเส้นทาง โดยระบบใหม่ที่ติดตั้งใน ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้แก่:

• ระบบควบคุมการเอียงด้วย Dynamic Response แบบสองทาง และระบบ Adaptive Dynamics ด้วยการหน่วงเครื่องแบบแปรผันต่อเนื่อง

• ระบบเลี้ยวแบบ Electric Power Assisted Steering ในฟังก์ชั่น Park Assist เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้สามารถเข้าจอดในที่จอดรถแคบๆ ของเขตเมืองได้

• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Queue Assist ช่วยในการชะลอและหยุดรถได้อย่างแม่นยำ

• ระบบเบรกอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (รวมถึง Advanced Emergency Brake Assist) –เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหันหรือมีรถคันอื่นพุ่งเข้ามาในเส้นทาง

• ระบบตรวจจับจุดบอด Blind Spot Monitoring – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Closing Vehicle Sensing เพื่อการตรวจจับรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลังจากระยะไกล

• ระบบตรวจจับด้านหลัง Reverse Traffic Detection – เตือนผู้ขับให้ระวังการปะทะในขณะถอยรถ

• ระบบกล้องโทรทัศน์รอบด้าน Surround Camera System – ทำงานด้วยมุมมองแบบ T Junction, ระบบนำทางแบบ Trailer reverse park guidance, และ Trailer hitch guidance.

“ไทยยานยนตร์” ดึง Volkswagen Amarok อวดโฉมครั้งแรก ใน Motor Expo 2012



 “ไทยยานยนตร์” ดึง Volkswagen Amarok อวดโฉมครั้งแรกในไทย เล็งรุกตลาดต้นปี 2013 ในราคา 1.89 ล้าน และMultivan LED อีก 1 รุ่น พร้อมรับราคาพิเศษเฉพาะ Scirocoo & GTI ในงาน Motor Expo มั่นใจยอดจอง 300 คัน
นายสมรรถ  รอบบรรเจิด ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์โฟล์คสวาเกน อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในเครือ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมแสดงรถยนต์โฟล์คสวาเกน  ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2012 หรือมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 ณ อิมแพคเมืองทองธานี  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของรถยนต์โฟล์คสวาเกน พร้อมเร่งสร้างโอกาสในการจำหน่ายในช่วงไตรมาสสุดท้าย
สำหรับแนวคิดในการออกแบบและตกแต่งบู๊ธของรถยนต์โฟล์คสวาเกน “Elegance & Adventurious” (หรูหราในแบบที่ท้าทาย) ด้วยการผสานกับการจัดแสดงรถยนต์โฟล์คสวาเกนรุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ “Volkswagen Amarok” All Track Ultimate 4x4 มิติใหม่แห่งความท้าทาย นับเป็นการเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อระดับ Hi-Premium ที่นำเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย
Volkswagen รุ่น Amarok 4 ประตู ดับเบิ้ลแค็ป เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร แบบเทอร์โบคู่ BiTDI ขับพละกำลังได้ถึง 177 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที และแรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1500-2250 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเทคโนโลยีระดับสูงของเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ที่ติดตั้งเฉพาะรถยนต์ระดับหรูในเครือ Volkswagen Group อาทิ Audi, Porsche  และ Bentley เป็นต้น ทำให้ยานยนต์รุ่นดังกล่าวขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ และประหยัดน้ำมันอย่างสูงสุด
พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 Motion อัจฉริยะ ผสานกับระบบ ABS, ระบบ ESP, ระบบ Differential Lock ไฟฟ้า และระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ได้อย่างอิสระ และมั่นใจในทุกเส้นทาง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างครบครัน ด้วยการรับประกันคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนของ  ANCAP หรือ Australian New Car Assessment Program
“สำหรับการนำเข้า Volkswagen Amarok เข้าสู่ตลาดในประเทศไทย นับเป็นรถยนต์คุณภาพอีกรุ่นหนึ่งที่บริษัทฯ ได้เลือกสรรสำหรับเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคคนไทยที่มีความต้องการรถยนต์ระดับหรู ที่สร้างความแตกต่างของไลฟ์ไสตล์ที่ชื่นชอบ และตอบสนองทุกอิสระที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ผนวกกับปัจจุบัน ตลาดรถยนต์เซกเมนต์ระดับหรู ยังไม่มีคู่แข่ง และถือเป็นช่องว่างของตลาดที่น่าสนใจและเปิดโอกาสในการสร้างยอดจำหน่ายให้โฟล์คสวาเกนในประเทศไทยอย่างแน่นอน”

รอยัล มอเตอร์ส เปิดตัว “RUF RT-35” รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ฉลองครบรอบ 35 ปี RUF Turbo จากค่าย RUF ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ระดับโลก ครั้งแรกในเอเชียอาคเนย์ พร้อมพิสูจน์ตำนานความแรง...ที่แตกต่าง




 RUF RT-35 Anniversary ถูกตั้งชื่อตามวาระ 35 ปีแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จการพัฒนา “RUF Turbo” ของค่าย RUF ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ระดับโลก และเป็นรุ่นที่รวบรวมองค์ประกอบที่ได้ชื่อว่าเป็นศักดิ์ศรีของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมัน ด้วยศักยภาพการผลิตรถยนต์ประเภท High Performance ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น โรงงานผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ที่เริ่มต้นจาก Bare chassis ของเยอรมัน ถูกสร้างขึ้นด้วยพื้นฐานเพียงแชสซิสเปล่าจากโมเดล 911 หากแต่ขุมพลังนั้นใช้เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร 6 สูบ Boxer Twin-VTG Turbo, Twin-Intercooler ซึ่งนับเป็น 911 ที่วางเครื่องเทอร์โบก่อนใครในโลก ระบบหัวฉีดทรงประสิทธิภาพ DFI (Direct Fuel Injection) จึงพกพาแรงม้าสูงสุดถึง 630HP ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 825 นิวตันเมตร ที่ระหว่าง 3,000  3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ Double clutch
ภายนอกโดดเด่นด้วยบอดี้คัลเล่อร์สีเขียว Oak Green แทรกซึมด้วยเม็ดสีโทนน้ำตาลเข้ม ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา 5-spokes design อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ RUF ล้อหน้าขนาด 8.5” x 20” ล้อหลังขนาด 11.5” x 20” ยางสมรรถนะสูง ด้านหน้าขนาด 245/30 ZA20 และด้านหลังขนาด 305/35 ZA20 พร้อมระบบควบคุมการทรงตัวทันสมัยตามแบบฉบับเยอรมันซูเปอร์คาร์ อาทิระบบ Stability Management พร้อม Anti – Lock Brake System, ระบบ Traction Control System, ระบบ Automatic Brake Differential และระบบ Electronic Stability Management ระบบเบรกด้านหน้าเป็น คาลลิปเปอร์ขนาด 6 ลูกสูบ โมโนบล็อก ด้านหลังขนาด 4 ลูกสูบ โมโนบล็อก จานเบรกด้านหน้าขนาด 380 มม. ด้านหลังขนาด 350  มม. พร้อมCeramic Composite Brake Discs และ Bosch ABS 8.0 อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม.
นอกเหนือจากนั้น RUF RT-35 Anniversary ทุกๆ คัน จะมีรูปแบบโครงสร้างพิเศษที่เปรียบเสมือนเป็น กระดูกอ่อน” ของรถ RUF ทั้งคัน ที่ซ่อนพรางไว้ภายใน และยังมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วย signature โป่งหลังขนาดใหญ่ที่มีช่องดักอากาศด้านบน ของ RUF ออกแบบโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดทางด้านอากาศพลศาสตร์ สำหรับรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ฝากระโปรงหลังสามารถเปิดได้แบบเต็มบาน RUF RT-35 Anniversaryจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งเกียรติยศตลอด 35 ปีอันยิ่งใหญ่ในการพัฒนารถ Turbo ของ RUF และยังเป็นผลงานระดับ Master Class Limited Editionที่ผลิตออกมาเพียง  35 คันบนโลก

ทั้งนี้ รอยัล มอเตอร์ส โดย คุณอิสริยะ คูหาเปรมกิจ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก RUF ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียฯ และยังได้รับความเชื่อมั่นจาก RUF มอบโควต้ารถรุ่น RUF RT-35 Anniversary นี้ให้จัดจำหน่ายถึง 2 คันด้วยกัน ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือหนึ่งในสองคันนั้นเป็นรถคันที่ 01/35 ในซีรี่ย์นี้ หรือถือได้ว่าเป็นคันแรกของโลกอีกด้วย 

ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ทุ่ม 40 ล้านบาทเนรมิตพื้นที่ 420 ตรม. ส่ง “บราบัส สมาร์ท อัลติเมท (Brabus Smart 120 Ultimate) และบราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50)” เปิดตัวครั้งแรกในเอเซียพร้อมนำทัพยนตกรรม หรูเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29


ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายยนตกรรมหรูแบรนด์ บราบัส (Brabus) วิสมันน์ (Wiesmann)  และผู้นำเข้า ยนตกรรมหรูระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ทุ่มงบประมาณมูลค่า 40 ล้านบาท เนรมิตรพื้นที่ 420 ตารางเมตร ให้เป็นห้องรับรองเพื่อคนพิเศษ ภายใต้คอนเซปต์Expected & Ultimate – Unexpected หรือ “ตอบรับความคาดหวังที่เหนือความคาดหมาย” พร้อมแนะนำแบรนด์ใหม่ล่าสุด “สตาร์เทค” หนึ่งในสายพานการผลิตรถยนต์หรูเปี่ยมสมรรถนะจากประเทศเยอรมนี โดยเปิดตัวสตาร์เทค เอสดี 22 (STARTECH SD 22) ครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555

นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัดกล่าวว่า ในปี 2555 ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ของการเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหรา ภายใต้แบรนด์บราบัส (Brabus) วิสมันน์ (Wiesmann) โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 แบรนด์  ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ชื่นชอบยานยนต์สมรรถนะสูง และรถที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นรถที่มีจุดเด่นทางด้านเทคโนโลยี เครื่องยนต์ ระบบรองรับน้ำหนัก และโครงสร้างการออกแบบ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความสนใจของกลุ่มลูกค้า บริษัทจึงได้เข้าร่วม งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29”  ซึ่งเป็นงานแสดงยนตกรรมระดับนานชาติและเป็นช่วงฤดูการขายส่งท้ายปี

ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป  ได้นำยนตกรรมรุ่นใหม่จากบราบัส (Brabus) วิสมันน์ (Wiesmann)  มาจัดแสดงสำหรับลูกค้าที่หลงไหลในความแรงของเครื่องยนต์ โดยในปีนี้ยนตกรรมที่หรูหราแบรนด์บราบัสจัดแสดงรถยนต์หรูไฮไลท์ 2 รุ่น ที่เป็นการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก คือ บราบัส สมาร์ท 120 อัลติเมท (Brabus Smart 120 Ultimate) และบราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50) 


นอกจากนี้ ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป   ยังได้ขยายผลิตภัณฑ์การจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นจากกลุ่มเดิม โดยแนะนำแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด คือ  สตาร์เทค (Startech) หนึ่งในสายพานการผลิตรถยนต์สมรรณะสูงอีกหนึ่งแบรนด์ ซึ่งรถยนต์แบรนด์สตาร์เทครุ่นแรกที่เข้ามาเปิดตลาดเมืองไทย ได้แก่ สตาร์เทค เอสดี 22 ที่พัฒนามาจากพื้นฐานของเรนจ์โรเวอร์ อิโวค เอสดี 4 (Range Rover Evoque SD4) สตาร์เทค เอสดี 22 นั้นถือเป็นรถเอสยูวีที่มีความสมบูรณ์ในการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์เอนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระดับไฮเอนด์

เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมการขายของบราบัส และฉลองการเปิดตัวครั้งแรกในเอเซีย-แปซิฟิกของ สมาร์ท อัลติเมท 120 (Brabus Smart Ultimate 120) และบราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50) ยูม่า มอเตอร์ส จึงเตรียมแคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถจากยูม่าฯ ระว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 อาทิ... ซื้อรถยนต์ แถมรถจักรยานยนต์ Ducati Monster 795ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จากยูม่า มอเตอร์สทุกคันสามารถขึ้นทางด่วนฟรีถึง     5 ปีทันที  ในขณะที่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์บราบัสจะได้รับแพคเกจเยี่ยมชมโรงงานบราบัส ณ ประเทศเยอรมนี กิน ดื่ม      ช้อป ฟรีตลอดการเดินทาง หรือเลือกรับทะเบียนสวยจากค่ายยูม่า มอเตอร์สจักรยาน Vanmoof Urban Bike หรือเลือกรับการบริการดูแลรักษา (เคลือบแก้ว) ฟรีทันที


ในส่วนของเครือข่ายการบริการหลังการขาย บริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของงานการบริการและการดูแลเอาใจใส่อย่างมีคุณภาพ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการรวมถึงการบริการหลังการขายที่มีความพร้อม ครบวงจรด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถซ่อมบำรุงได้รวดเร็ว บริษัทจึงมุ่งเน้นเรื่องการดูแล และบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ         


สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 นี้ “ยูม่า มอเตอร์ส เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 50 คันหรือมูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท” นายชัชวัฏกล่าว

ทั้งนี้ ในบูธของยูม่าฯ ประกอบไปด้วยรถจัดแสดง รวม 9 คัน ประกอบไปด้วย บราบัส อัลติเมท 120 (Brabus Ultimate 120), บราบัส เอสแอลเค บี 25 เอส (Brabus SLK B25 S), บราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50),



 บราบัส ซีแอลเอส ดี4II (Brabus CLS D4II),



บราบัส ซี-คูเป้ บี18เอส (Brabus C-Coupe B18S), บราบัส อี 6.1 (Brabus E 6.1), บราบัส เอ็มแอล ดี4II (Brabus ML D4II), สตาร์เทค เอสดี 22 (Startech SD22)

และวิสมันน์ เอ็มเอฟ 5 (Wiesmann Mf 5) โดยผู้ที่สนใจสุดยอดยนตกรรมหรู… สามารถเข้าเยี่ยมชมพร้อมรับข้อเสนอ และการบริการ หลังการขายแบบคนพิเศษ หรือทดลองขับได้ที่ยูม่า มอเตอร์ส บูธ B13 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

อีซูซุส่งท้ายนโยบายรถคันแรก เปิดบูธสัมผัสประสบการณ์ชีวิตสไตล์เอ็กซ์ (X) ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29


 หลังจากเสร็จสิ้นการเฉลิมฉลองยอดการผลิตรถอีซูซุในประเทศไทยครบ 3 ล้านคันไปเมื่อไม่นานมานี้ อีซูซุไม่รอช้าส่งท้ายนโยบายรถคันแรกด้วยการเปิดบูธอีซูซุจัดกิจกรรมสนุกๆ ให้เหล่าคนรักรถได้สัมผัสกับประสบการณ์ชีวิตสไตล์ “เอ็กซ์” ตอบโจทย์ความสนุกกับชีวิตอินเทรนด์ นำทัพโดย ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่นพิเศษ!”    ที่มากับความเท่  โฉบเฉี่ยว  ร้อนแรงในโทนสีแดง-ดำอันเป็นเอกลักษณ์ รถปิกอัพ“ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์”  หลายรุ่นหลากสไตล์ พร้อมด้วย “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์ ใหม่!” รถอเนกประสงค์สปอร์ตหรู เพิ่มความสนุกกับชีวิตที่เลือกได้...ในสไตล์คุณ พร้อมความบันเทิงสุดเร้าใจ ณ งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดทัพรถอีซูซุทุกรุ่นทุกเครื่องยนต์มาเต็มพิกัด  ส่งท้ายนโยบายรถคันแรกที่จะหมดเขตในสิ้นปีนี้ ร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29    (The 29th Thailand International Motor Expo 2012) สร้างสรรค์บูธตามคอนเซ็ป “UNLEASH YOUR   X-LIFE…ฉีกทุกกฎ...สู่ชีวิตสไตล์ X เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตแบบสุดๆ ของคนรุ่นใหม่ สนุกไปกับรถอีซูซุคู่ใจที่ตอบสนองได้อย่างไร้ขีดจำกัด

โดดเด่นกลางบูธด้วย “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่นพิเศษ!”  ปิกอัพสุดเท่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานฉลองยอดการผลิตรถอีซูซุครบ 3 ล้านคันในประเทศไทย  มาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน ดีไซน์สำหรับคนหัวใจสปอร์ต  ร้อนแรงในโทนสีแดง-ดำ  เอกลักษณ์เฉพาะ “X-Series”  พร้อมลายคาดคู่หน้า-หลังบอกตัวตนที่ชัดเจน สเกิร์ตหน้า- หลังสุดโฉบเฉี่ยวและ Sport Bar ยกระดับชีวิตสปอร์ตเพิ่มความลู่ลมสวยงามลงตัว พร้อมด้วย Bed liner ออกแบบพิเศษ  กล้องมองหลังแบบ Built-in ใหม่ และครั้งแรกในรถปิกอัพของเมืองไทย กับ เสาอากาศแบบ “Shark Fin Antenna”  เทคโนโลยีรับสัญญาณแบบ “Dual Function” สามารถรับสัญญาณ GPS และวิทยุได้พร้อมกันให้ความชัดเจนที่มากขึ้น   และ Isuzu Genius Entry  ระบบกุญแจอัจฉริยะ ล้ำสมัย  เปิด-ปิดล็อคประตู และสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท พร้อมระบบ Entertainment เต็มรูปแบบจาก ISUZU Media Solutions  ชุดเครื่องเสียง Hi-end พร้อมเชื่อมต่อความบันเทิงได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม สูบฉีดความเร้าใจใหม่ให้พร้อมสำหรับทุกจังหวะชีวิต พร้อมระบบ ECO Function เพื่อการขับขี่อย่างประหยัดน้ำมัน  และระบบแจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบ Real-time Traffic Information พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยขุมพลังเกินขีดจำกัดของเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี แบบ DOHC 16 วาล์ว VGS TURBO พร้อมชุดเกียร์ออโตเมติก 5 สปีด อัตราทดต่อเนื่อง เร้าใจสุดกับ REV TRONIC ขับขี่ให้อารมณ์สปอร์ตแบบเกียร์ธรรมดา  และชุดเกียร์ธรรมดา 5 สปีดแบบ SPORT-SHIFT   ช่วงชักสั้น เข้าเกียร์ง่าย เร็ว กระชับ เพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยรถ “อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ รุ่นพิเศษ!” ที่นำมาโชว์โฉมในครั้งนี้มีให้เลือกเท่สองโทนสีคือสีขาวและสีดำ   และมีให้เลือกในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู,  Hi-Lander 4 ประตู   และ รุ่น Speed
ตามติดมาด้วยรถ   “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์ ใหม่!   รถอเนกประสงค์สปอร์ตหรูที่       อินเทรนด์สุดๆ พร้อมความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด  ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ลงตัว  ค้นหาไลฟ์สไตล์สุดชิค พาชีวิตเริงร่าเติมเต็มความสนุกได้ทั้งครอบครัว โฉบเฉี่ยวด้วย ใหม่ชุดกันชนพร้อมสปอยเลอร์ด้านหน้าและด้านท้ายสปอร์ตมีสไตล์  ดีไซน์ลงตัวกับชุดไฟหน้าและไฟท้าย แบบ Smoked Chrome ห้องโดยสารสุดสปอร์ต เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำแบบ Red Stitch ดีไซน์เข้าชุดกับคอนโซลลายไม้ Black Wood Grain บ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง สนุกอินเทรนด์กับความบันเทิงไร้ขีดจำกัด ใหม่สุดล้ำกับ Multimedia Entertainment System รุ่นล่าสุด อัพมาเต็มพิกัด ให้ระบบประมวลผลเร็วขึ้น ใช้งานง่าย เพียงปลายนิ้วสัมผัส กับหน้าจอระบบ Touch Screen สนุกกับฟังก์ชั่นโดนๆ และสามารถแสดงเส้นทางด้วย ไอ-จินนี่ ระบบเพื่อนนำทางอัจฉริยะ ที่รองรับ TIS (Traffic Information System) ข้อมูลสภาพการจราจร ให้คุณมุ่งสู่เส้นทางที่อยากไปได้ตามใจปรารถนา พร้อมจอภาพ LCD ใหม่ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง  จัดมาให้สัมผัสกันเต็มที่ทั้งสีดำไมก้าและสีขาวเอเวอเรสต์   
นอกจากนี้อีซูซุยังนำ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์  (All-New Isuzu D-Max) รถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลก ครบทุกรุ่น ทุกเครื่องยนต์ มาให้เลือกชมและสัมผัสพร้อมมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้รถโดยมี “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส 4x4”          4 ประตู ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ทั้งคัน พร้อมชุดแต่งพิเศษ เสริมความเท่อีกระดับ อาทิ ล้ออัลลอยด์ “Weld” ขนาด 10” x 20” พร้อมยาง BF Goodrich : All Terrain ขนาด 325/60 R 20 ชุดช่วงล่างจาก Race Runner สปอตไลต์แบบ LED ยี่ห้อ PIAA ขอลากเรือ พร้อมชุดแต่งเสริมไลฟ์สไตล์พิเศษ เช่น แร็กกระบะท้าย อุปกรณ์ยึดจับจักรยาน เป็นต้น

พร้อมจัดสรรประสบการณ์แบบสุดๆ สไตล์เอ็กซ์ภายในบูธอีซูซุ  ได้แก่ 
·          โซนมอเตอร์สปอร์ต (Motor Sport Corner) ตอกย้ำความสำเร็จของรถ “ออล-นิวอีซูซุดีแมคซ์” บนเวทีงานแข่งขันครอสคันทรีแรลลี่สุดหฤโหดระดับโลก นำโดยรถปิกอัพอีซูซุ      ดีแมคซ์ วีครอส 4x4 มาตรฐานโรงงานที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง นำ 2 นักแข่งชาวไทย ผ่านการแข่งขัน 9 วันบนเส้นทางสุดโหดกว่า 3,000 กม. ในรายการ “ออสเตรเลเชี่ยน ซาฟารี 2012”  (Australasian Safari 2012) จนคว้าชัยได้ถึง 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลที่ 1 ในรุ่นโมดิฟายโปรดักชั่นดีเซลโอเพ่น, รางวัลนักขับต่างชาติยอดเยี่ยม, รางวัลผู้นำทางต่างชาติยอดเยี่ยม, และรางวัลอันดับ 7 โอเวอร์ออล (OR) ตามมาด้วยการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2012 การแข่งขันที่ใช้รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแคบ รุ่นใหม่หมด!”  โดยปีนี้ได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้มาตรฐานเดียวกันคือไม่ได้ปรับแต่งเครื่องยนต์หรือระบบส่งกำลังแต่อย่างใด ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 บาท  พร้อมถ้วยประทานจากพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ในรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันสนามสุดท้ายปลายปีนี้ในวันที่ 8-9 ธันวาคม ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จังหวัดชลบุรี   
·            ตื่นตากับการสร้างสีสันบนกำแพงสไตล์กราฟฟิตี้กับศิลปินสุดอาร์ต MAMAFAKA  สะท้อนจินตนาการไร้ขอบเขตตามแนวคิดแบบ  X-Series : UNLEASH YOUR X-LIFE
·            แฟชั่นโชว์สุดเซ็กซี่สไตล์เรซซิ่งจากสาวๆ Allure Girls ให้ความรู้สึกเหมือนเกาะติดสนามรถแข่งระดับนานาชาติ
·            ปลุกจังหวะหัวใจให้โลดแล่นไปกับจังหวะเพลงสุดมันส์กับเหล่าเลดี้ดีเจ
·            ไม่พลาดกับการอัพเดทความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่าน Facebook Register พร้อมเกมส์เท่ๆ ในบูธอีซูซุ
·            การประกวดภาพถ่าย All-new Isuzu D-Max Photo Contest 2012 ส่งภาพที่คุณถ่ายจากกล้องDigital หรือ ผ่าน Instagram เพียงใส่ Hashtag #isuzuinstagram ลุ้นรับรางวัลบาดใจรวมกว่า 100,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีพิธีกรสาวสวยจากรายการ “สตรอเบอรี่ ชีสเค้ก” (Strawberry Cheesecake) ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างความสนุกสนาน ณ บูธอีซูซุ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์       อิมแพ็ค เมืองทองธานี

donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved