ทีเอสแอล เผยโฉม ยนตรกรรมระดับพรีเมียมที่สุดของเทคโนโลยีจากโลกอนาคต พร้อมเปิดตัว 2 ชุดแต่งชื่อดังสัญชาติเยอรมันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 29
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:44
· ครั้งแรกในประเทศไทยกับการเปิดตัว VÄTH สุดยอดชุดแต่งสำหรับ Mercedes-Benz ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และปรับโฉมให้สปอร์ตมากยิ่งขึ้น
· พร้อมการอวดโฉมของ BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8 Convertible ที่สุดของยนตรกรรมที่น่าหลงใหล
· พบกับโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะภายในงาน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสุดยอดยนตรกรรมแห่งปี
· นำเสนอพาหนะพลังงานทางเลือก “YIKEBIKE” รถจักรยานไฟฟ้าสุดล้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้าสานต่อความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของกลุ่มธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระ เผยโฉมยนตรกรรมระดับพรีเมียมพร้อมกันถึง 19 รุ่น รวมทั้งการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัวชุดแต่งVÄTH และ LUMMA Design จากประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือThailand International Motor Expo 2012 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2555 ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นางสาวสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยนตรกรรมชั้นนำจากต่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า “ทีเอสแอล ยังคงมุ่งมั่นในการรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระในประเทศไทยที่มีการเติบโตสูงสุด ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการและตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ในปีนี้ ทีเอสแอลได้จัดเตรียมพื้นที่กว่า 880 ตร.ม.เพื่อจัดแสดงยนตรกรรมระดับพรีเมียมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ จากทั่วโลกไว้อย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา”
สำหรับรูปแบบของบูธ “ทีเอสแอล พาวิลเลียน” ในปีนี้เลือกใช้โทนสีขาวเป็นหลัก เพราะนอกจากสีขาวจะเป็นสีที่ดูโดดเด่นสะดุดตาแล้ว สีขาวยังช่วยให้พื้นที่ดูโล่งและกว้างขวางขึ้น รวมทั้งยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับนิยามของความเป็นทีเอสแอลที่ว่า “The Endless Road…อิสระเกินใคร ไกลเกินจินตนาการ” ที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีที่สิ้นสุดของความผูกพันอันบริสุทธิ์ระหว่างทีเอสแอลกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาในการดำเนินธุรกิจ แสดงให้เห็นว่า ทีเอสแอลได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า จนกลายเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระของประเทศไทย และนำมาซึ่งข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้าทุกท่านที่ทีเอสแอลให้อิสระในการเลือกซื้อรถที่ถูกใจ พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ไม่เคยมีที่ใดทำมาก่อน
“ไฮไลท์พิเศษของทีเอสแอลในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 นี้คือ การเปิดตัว VÄTH ชุดแต่งสำหรับ Mercedes-Benz ที่นำมาท้าชนด้วยกันถึง 4 รุ่น พร้อมด้วยชุดแต่ง LUMMA Design อีกหนึ่งสำนักแต่งชื่อดังจากประเทศเยอรมนีที่มาช่วยเพิ่มสมรรถนะและปรับลุคให้กับ Porsche Cayenne S Hybrid โดยงานมหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยของทั้ง 2 ชุดแต่ง” นางสาวสุรีย์ภรณ์ กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ทีเอสแอลยังได้นำเสนอยนตรกรรมระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกที่ถูกถ่ายทอดลงสู่ท้องถนนหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Porsche Panamera Diesel, Porsche Boxster S, Porsche Cayenne Diesel, Porsche Carrera S, Prado 3.0 Diesel (LC5), Landcruiser V8 4.5 D4D, Estima Hybrid 2.4 Sport Minor Change และ Cube 1.5G Minor Change เป็นต้น
โดยไฮไลท์เด่นของทีเอสแอลในงานนี้คือ ยนตรกรรมที่ผสมผสานระหว่างนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำกับศิลปกรรมจากงานฝีมือชั้นเยี่ยม เป็นศิลปะชิ้นเอกจากประเทศอังกฤษอย่าง BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8 Convertible ยนตรกรรมที่รวบรวมเอาเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ และความพิถีพิถันของรถซูเปอร์คาร์เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซินอันทรงพลัง twin turbocharged V8ขนาด 4,000 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดถึง 500 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตรที่ 1,700 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 301 กม./ชม. ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 5 วินาที และส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น โดยทำงานควบคู่กับระบบการจัดการเครื่องยนต์อัจฉริยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct injection) แบบ High Pressure แบริ่งแรงเสียดทานต่ำ ระบบจัดการอุณหภูมิ ระบบนำพลังงานมาใช้ใหม่ และระบบจัดการ
ลูกสูบแบบแปรผัน Variable Displacement ที่จะเปลี่ยนการทำงานจากเครื่องยนต์ 8 สูบไปเป็นการทำงานแบบเครื่องยนต์ 4 สูบระหว่างที่การขับขี่ใช้กำลังของเครื่องยนต์น้อย เพื่อการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย ทั้งนี้ เพื่อควบคุมฝูงม้ากว่า 500 ตัว จึงได้มีการติดตั้งระบบเบรกและระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) ซึ่งถือเป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานจากโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเบนท์ลีย์
ด้านการดีไซน์ Bentley New Continental GTC V8 Convertible ถูกออกแบบเรื่องการจัดวางไว้ได้อย่างลงตัว รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยหลังคาเปิดประทุนที่มีน้ำหนักเบา สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบอัตโนมัติ กระจังหน้าแบบตาข่ายสีดำวาวที่มีกรอบและแถบกลางแนวตั้งสีโครเมี่ยมดูดุดัน และมีโลโก้ Bentley แบบตัวอักษร “B” ประทับอยู่เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ ผนวกกับไฟหน้าแบบวงแหวน ไฟท้าย LED ที่เหลี่ยมคม และท่อไอเสียคู่แบบเลขแปดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงการจัดวางตำแหน่งถังน้ำมันรูปแบบพิเศษใต้พื้นที่ห้องโดยสารที่ช่วยให้ห้องโดยสารกว้างขวางและโอ่อ่ามากขึ้น ตอกย้ำความมั่นใจในทุกวินาทีของการเดินทาง
นอกจากการดีไซน์ที่พิถีพิถันแล้ว Bentley New Continental GTC V8 Convertible ยังมีระบบอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน อาทิ ระบบ Keyless entry ระบบปรับอากาศแบบ Multi-Zone automatic climate control เบาะหนังพรีเมียมคู่หน้าที่สามารถปรับอุณหภูมิไฟฟ้าได้ถึง 14 ทิศทาง พร้อมด้วยระบบ Lumbar Support และหน่วยความจำที่นั่ง รวมไปถึงเทคโนโลยีการสื่อสารแบบInfotainment หน้าจอขนาด 8 นิ้ว นับเป็นสุดยอดงานฝีมือและศิลปะชิ้นเอกที่ถูกถ่ายทอดลงสู่ท้องถนน ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองความรู้สึกภาคภูมิใจในการครอบครองยนตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซคันนี้ ราคาจำหน่าย 19,000,000 บาท
โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29
นอกจากกองทัพยนตรกรรมสุดหรูมากมายที่ทีเอสแอลนำมาจัดแสดงภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ทีเอสแอลยังได้จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นแก่บริษัท ดังนี้
1. ข้อเสนอพิเศษ รับส่วนลดสูงสุดถึง 1 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ต้องการครอบครอง BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8Convertible ทุกคัน
2. ข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 60 เดือนหรือภายใน 3-5 ปี สำหรับรถยนต์ทุกรุ่นที่จัดแสดงภายในงาน
3. ข้อเสนอพิเศษ การ Warrantee แบบไม่จำกัดระยะทางนาน 3 ปี สำหรับรถยนต์ Mercedes-Benz ทุกรุ่น
4. ข้อเสนอพิเศษ การ Maintenance นาน 3 ปี สำหรับรถยนต์ Toyota และ Mercedes-Benz ทุกรุ่นที่จัดแสดงภายในงาน
5. สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ Porsche ทุกรุ่น ทุกคัน รับทันที “YIKEBIKE” รถจักรยานไฟฟ้าสุดล้ำ มูลค่ากว่า 98,000 บาท (ตรวจสอบเงื่อนไข ณ จุดขาย)
YIKEBIKE : รถจักรยานไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ดีไซน์สุดล้ำ สัญชาตินิวซีแลนด์
Yikebike รถจักรยานไฟฟ้าที่คิดค้นและออกแบบโดย ดร.แกรนท์ ไรอัน กับ ปีเตอร์ ฮิกกิ้นส์ วิศวกรชาวนิวซีแลนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งพวกเขาใช้เวลาในการประดิษฐ์คิดค้น Yikebike คันนี้นานกว่า 5 ปีจึงประสบความสำเร็จ จากรูปลักษณ์ภายนอกจะเห็นได้ว่า Yikebike มีความแตกต่างจากรถจักรยานไฟฟ้าทั่วไป โดย Yikebike คันนี้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของรถจักรยานโบราณสมัยวิคตอเรีย เป็นจักรยานชนิดที่มีล้อใหญ่กับล้อเล็กอย่างละ 1 ล้อ หรือที่รู้จักกันในนามของ “จักรยานเหรียญบาทและเหรียญสลึง” (The penny-farthing wheels) ซึ่งนอกจากจะเป็นรถจักรยานไฟฟ้าที่มีขนาดย่อส่วน (mini-farthing) แล้วยังเป็นรถจักรยานที่สามารถพับได้อีกด้วย
ขณะที่ตัวเครื่องผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแกร่งและทนทานสูง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 1.2 กิโลวัตต์ อัตราความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 23 กม./ชม. โดยด้านหลังของเบาะนั่งคนขับเป็นแฮนด์บังคับทิศทาง และตัวเครื่องสามารถพับเก็บได้ในขนาดที่เท่ากับล้อหน้า สะดวกต่อการพกพาไปในที่ต่างๆ มีน้ำหนักเพียง 10.8 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเป็นพาหนะชนิดพกพาที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
รถจักรยานไฟฟ้าสุดล้ำคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ความเร็วได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชนหรือการกระแทกใดๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติการเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดพกพาชิ้นแรกของโลกที่ห่วงใยเรื่องความปลอดภัย ซึ่งได้ติดตั้งระบบเบรกป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (anti-skid) ทำให้ง่ายต่อการบังคับรถ และล้อหน้าขนาดใหญ่ 20 นิ้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 2 ฟุต หนาเพียงครึ่งฟุต สามารถรองรับน้ำหนักผู้ขับขี่ได้ถึง 100 กิโลกรัม รวมทั้งยังมีระบบไฟ LED รอบคัน ไม่ว่าจะเป็น ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟท้าย และไฟฉุกเฉินYikebike สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ภายในเวลา 55 นาที และการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งจะสามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 10กิโลเมตร
นอกเหนือจากคุณสมบัติพิเศษที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว หัวใจสำคัญของรถจักรยานไฟฟ้าคันนี้ก็คือ การเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะการใช้ Yikebike แทนการขับขี่รถยนต์ก็มีส่วนช่วยในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในอากาศ และยังช่วยในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เฉลี่ยประมาณ 1 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ทีเอสแอล ขอเชิญทุกท่านพบกับความอลังการจากกองทัพยนตรกรรมระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์แห่งโลกอนาคต และโปรโมชั่นสุดพิเศษทั้งหมดนี้ได้ที่บูธ “ทีเอสแอล พาวิลเลียน”
เกี่ยวกับทีเอสแอล
บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คือหนึ่งในผู้นำเข้าและจำหน่ายยนตรกรรมระดับหรูชั้นนำจากทั่วโลกของประเทศไทย พร้อมด้วยศูนย์บริการหลังการขายมาตรฐานแบบครบวงจรในชื่อ SMRT ที่ให้บริการโดยผู้ชำนาญการเฉพาะรถยนต์นำเข้าทุกรุ่นด้วยประสบการณ์การให้บริการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์-เครื่องมือวิเคราะห์รุ่นล่าสุดจากต่างประเทศ ซึ่งมีจุดให้บริการถึง 4 ศูนย์ทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ สำนักงานใหญ่แจ้งวัฒนะ, สาทร, ทองหล่อ (สุขุมวิท55) และภูเก็ต เพื่อตอบสนองรสนิยมที่เหนือกว่าของคนที่มีไลฟ์สไตล์เหนือระดับเช่นคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมของทีเอสแอลทั้ง 4 สาขา หรือ TSL Call Center 02-269-9999 หรือเว็บไซต์ www.tsl.co.th
“ซูบารุ”เดินหน้าลุยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 ขนทัพรถหรูเปิดตัวพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ
Posted by Contemporary industry
Posted on 01:52
ซูบารุ เดินหน้าลุ
นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซู บารุอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัท มอเตอร์อิมเมจ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อจากบริษัท มอเตอร์ อิมเมจ (ประเทศไทย) จำกัด เป็น บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากต้องการเพิ่มความเชื่ อมั่นให้กับลูกค้า ให้เห็นถึงการลงทุนและการขยายตั วของธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ (บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วย Brand ชั้นนำต่างๆ เช่น SUBARU, FUSO, MAN ,FOTON, CHANGAN, TCIS เป็นต้น)
พร้อมกันนี้ บริษัท ฯ ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอล์ 1 ซึ่งในงานนี้บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่ างดี โดยได้นำรถหรูรุ่นใหม่มาเปิดตั วและรับจองเอาใจบรรดาคนรักรถให้ เลือกกันในงานหลายรุ่น ซึ่งโปรดักซ์ไฮไลท์ในปีนี้คือ SUBARU XV 2.0i PREMIUM รถครอสส์โอเวอร์เจเนอเรชันใหม่ ราคา 1,350,000 บาท รวมทั้งสุดยอดรถสปอร์ตที่ได้รั บการยอมรับอย่างสูงจากทั่ วโลกอย่าง SUBARU BRZ 2.0 Premium ราคา 2,760,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี Subaru รุ่น Forester 2.0XS ราคา 1,890,000 บาท, Outback 2.5i ราคา 2,590,000 บาท, Legacy 2.5GT Sedan ราคา 3,950,000 บาท, WRX STI 2.5 ราคา 3,950,000 บาท จัดแสดงและจำหน่ายภายในงานอีกด้ วย
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสุดให้กั บลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ซูบารุ ทุกรุ่นภายในงานนี้เท่านั้น คาดว่ายอดจองรถยนต์จะสูงถึง 300 คัน โดยเฉพาะ SUBARU XV 2.0i PREMIUM เนื่องจากเป็นโปรดักซ์ไฮไลท์ที่ มีลูกค้าสอบถามเข้ามาเป็นอย่ างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2012” โดยนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอั งกฤษชื่อดังระดับโลก เจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ถึง 3 สถิติ “ รัสส์ สวิฟท์” ที่บินตรงมาโชว์การแสดงระดั บโลก โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่ วมชมและสัมผัสความเร้าใจกั บการแสดงดังกล่าวได้ ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม 2555 โดยมี 4 รอบต่อวัน เวลา 13.00 น. / 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น. ณ ลาน P9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
พิเศษ บริษัทฯ ได้ร่วมกับคณะผู้จัดงานมหกรรมยา นยนต์ ครั้งที่ 29 ในการจัดกิจกรรม “ซื้อรถชิงรถ” โดยประชาชนที่จอง หรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน และร่วมลงทะเบียน จะได้หมายเลขชิงรางวัล เพื่อร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ รถยนต์ SUBARU XV 2.0i PREMIUM มูลค่า 1,350,000 บาท จำนวน 1 คัน
“ซันยองฉลองยิ่งใหญ่ ขึ้นปีที่ 10 เปิดตัว SSANGYONG STAVIC SV-2.0 ด้วยราคาแนะนำสุดเร้าใจ
Posted by Contemporary industry
Posted on 01:49
ซันยองฉลองก้าวสู่ปีที่ 10 ในการทำตลาดในประเทศไทยด้
นายวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2555 บริษัทฯ จะเข้าร่วมงาน Thailand International Motor Expo 2012 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี ครั้งนี้บริษัทฯ ทุ่มงบประมาณสำหรับงานนี้กว่า 20 ล้านบาทในการสร้างสรรค์พื้นที่ ภายในงานเพื่อนำเสนอรถยนต์รุ่ นต่าง ๆ และการแสดงที่ยิ่งใหญ่ ตอบสนองต่อความสนใจของลูกค้ าและผู้เข้าเยี่ยมชมงาน
และเพื่อเป็นการฉลองที่บริษัทซั นยอง เข้าสู่ปีที่ 10 ทางบริษัทฯ ได้นำเข้ารถยนต์ นิวสตาวิค เครื่องยนต์ใหม่ เพื่อให้แฟนคลับซันยอง มีโอกาสเลือกใช้รถยนต์แบบ MPV หรูที่ยังคงเพียบพร้อมด้วย สมรรถนะที่ทรงประสิทธิ ภาพและคงไว้ซึ่งความประหยัด เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่คุ้ มค่า โดย มีให้เลือก 2 แบบ ด้วยกัน
New Stavic SV 2.0 Entry Version มาพร้อมเบาะหนังแท้โทนสีเข้ มควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ มาตรฐานและสิ่ งอำนวยความสะดวกมากมาย ล้อแม็กขอบ 16 นิ้ว ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอั ตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ ราคาแนะนำเฉพาะในงานเพียง 1,290,000 บาท
New Stavic Standard Version มาพร้อมเบาะหนังแท้โทนสีเข้ มควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ มาตรฐานและสิ่ งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งชุ ดเครื่องเสียง จอเพดาน ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอั ตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ และกล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง ราคาแนะนำ ในงานเพียง1,580,000 บาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำรถซันยอง “New Rexton W” รถ SUV ระดับหรูโฉมใหม่เข้ามาเปิดตั วเพื่อให้ได้ยลโฉมภายในงานนี้ เป็นครั้งแรก
New Rexton W เป็นรถแบบ SUV ขนาด 7 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์ โบคอมมอลเรลขนาด 2.7 ลิตรที่ให้พละกำลังมหาศาลถึง 186 แรงม้าและแรงบิด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic 5 จังหวะจาก Mercedes-Benz ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้ วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ภายในเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ อำนวยความสะดวกมากมายครบถ้ วนตามสไตล์รถหรูมาตรฐานยุโรป
ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 บริษัทฯ ยังได้นำรถยนต์ซันยองครบทุกรุ่ นทุกแบบที่มีจำหน่ายเข้าร่วมจั ดแสดงในครั้งนี้อย่างครบครันไม่ ว่าจะเป็น ACTYON, KYRON และ KORANDO
ทั้งนี้ภายในงานบริษัทฯ ยังได้จัดการแสดงโชว์สุดพิ เศษในวันเปิดงาน เพื่อเพิ่มสีสันให้มีความตื่ นตาตื่นใจ พบการแสดงโชว์สุดอลังการ และชมนวัตกรรมใหม่ ๆ จากบูธรถยนต์ซันยอง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค 2555 นี้ ที่บูธ A17 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี
ในโอกาสนี้ บริษัทฯ ซันยองประเทศไทย ขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน ร่วมพิธีแถลงข่าวของบูธ SSANGYONG ในวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา 17.45 น. ซึ่งท่านจะได้พบกับโชว์สุดอลั งการจากทีมนักแสดงมืออาชีพที่ ได้รับรางวัลการันตีมาแล้ วจากหลายสถาบันที่จะมาให้ความบั นเทิงแก่ท่าน
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ อวดโฉมในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:02
ประเทศไทย 28 พฤศจิกายน 2555 – แลนด์โรเวอร์ เปิดตัว “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ (The All-New Range Rover)” ยอดยนตกรรมสมรรถนะเหนือชั้นภายใต้รูปลักษณ์ที่ภูมิฐานสง่างาม เป็นครั้งแรกในเอเชีย ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ณ พื้นที่จัดแสดงของแลนด์โรเวอร์ หมายเลข B01 ในเวลาประมาณ 12.30 น.
ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกไปแล้วที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ยานยนต์รุ่นที่ 4 จากเรนจ์โรเวอร์ ได้โอกาสอวดโฉมแก่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญ และนักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทย รวมถึง นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย โดยงานออกแบบครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมอย่างเหนือชั้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ตลอด 40 ปี ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เป็นสุดยอดงานออกแบบแห่งแบรนด์ผู้นำยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู จาก แลนด์โรเวอร์
ภายในพื้นที่จัดแสดง B01 ของแลนด์โรเวอร์ นำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเรนจ์โรเวอร์ ซึ่งมีทั้งส่วนนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ การจัดแสดงเทคโนโลยีส่งกำลังและชิ้นส่วนอะไหล่ ตลอดจนการออกแบบตกแต่งภายนอกและห้องโดยสารภายในที่หรูหรา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความประณีตสวยงามจากแลนด์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ คืออีกหนึ่งหลักชัยของแลนด์โรเวอร์ ที่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากการทุ่มงบประมาณลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะยานยนต์รุ่น Autobiography 4.4-litre SDV8 ซึ่งมาพร้อมที่นั่งด้านหลังแบบเอ็กเซกคูทีฟ คลาส สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายที่เหนือระดับ รวมถึงหลังคาแบบพานอรามิก ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติวิธีการออกแบบครั้งสำคัญแห่งวงการยานยนต์อเนกประสงค์ระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังเป็นยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ตัวถังแบบโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเสถียรภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูงขึ้นในทุกสภาพถนน โดยยังคงประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ
มร. เดล โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเราถามลูกค้าว่า ท่านต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งใด คำตอบที่ได้รับคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นเท่านั้น”
เราไม่เพียงต้องการสร้างยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น หากเรายังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยานพาหนะระดับหรูที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งความทุ่มเททั้งหมดของเราได้ถูกนำเสนอผ่านยนตกรรม ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา”
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะอย่างเข้มข้น ร่วมกับการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลากหลายรูปแบบ
วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจองแล้วอย่างเป็นทางการ และกำหนดจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2555 ในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,499,000 บาท โดย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งได้ลงทุนกว่า 370 ล้านยูโร ในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้
วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจองแล้วอย่างเป็นทางการ และกำหนดจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2555 ในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,499,000 บาท โดย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งได้ลงทุนกว่า 370 ล้านยูโร ในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้
ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรู และสง่างามในทุกมุมมอง
รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ
ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่แลดูคล้ายคลึงกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34
การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังยังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด
นอกจากนี้ ยังนำเสนอออพชั่นการตกแต่งอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด
รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศอันล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา
หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response® รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดและขรุขระที่สุด
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Transfer Box) แบบ 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงเชิงกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึก จาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน
รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ
ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่แลดูคล้ายคลึงกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34
การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังยังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด
นอกจากนี้ ยังนำเสนอออพชั่นการตกแต่งอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด
รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศอันล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา
หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response® รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดและขรุขระที่สุด
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Transfer Box) แบบ 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงเชิงกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึก จาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ยังต้องผ่านการพัฒนาและทดสอบสมรรถนะอันหนักหน่วง ร่วมกันยานยนต์เพื่อการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลายรูปแบบ เพื่อรับประกันถึงความทนทานและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เป็นเยี่ยม
ประสบการณ์การขับขี่แสนสบายที่เหนือกว่า
เรนจ์โรเวอร์ โดดเด่นในด้านการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และปราศจากสิ่งรบกวนที่วุ่นวายจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานความหรูหราให้สูงกว่าเดิม
วิศวกรผู้ออกแบบ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อการขจัดเสียงไม่พึงประสงค์จากภายนอกให้มากที่สุด นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างตัวถัง การเสริมชั้นกระจกตัดเสียงของประตูข้าง ตลอดจนการใช้แท่นเครื่องคู่แบบแยกชิ้น ซึ่งทำให้ลดเสียงรบกวนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ใช้โครงตัวถังแบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุมอันล้ำสมัย เพื่อเสริมเสถียรภาพในการควบคุมและความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ฉับไวกว่า ทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน
ลูกค้าสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์กับ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ทั้งรุ่นเบนซิน 510PS LR-V8 Supercharged และรุ่นดีเซล 2 แบบ ได้แก่ 3.0-litre 258PS TDV6 และ 4.4-litre 339PS SDV8 โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นให้แรงบิดสูง พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 8 สปีด
การให้ความสำคัญกับตำแหน่งของผู้ขับที่เหมาะสมคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ซึ่ง ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Command Driving Position เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับอย่างเหมาะสม ซึ่งจะอยู่สูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูอื่นๆ 90 มม. ทำให้รู้สึกได้ถึงการควบคุมและความมั่นใจที่เหนือกว่า
โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อสมรรถนะและความมั่นคงที่เหนือชั้น
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ปฏิวัติวงการด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเบากว่าถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้ตัวถังเหล็ก
แลนด์โรเวอร์ คือหนึ่งในผู้นำด้านการใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยานเพื่อการเสริมสมรรถนะการขับขี่ และด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่นี้ จึงทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์
เมื่อพิจารณารวมกับน้ำหนักที่เบากว่าทั้งจากโครงรถและระบบการขับเคลื่อน พบว่าโครงสร้างน้ำหนักเบาสามารถลดภาระเครื่องได้ถึง 350 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาด
การลดภาระเครื่องช่วยให้ เรนจ์โรเวอร์ นำเสนอการขับขี่ที่ผ่อนคลาย หากยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์รุ่น 510PS LR-V8 Supercharged สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นในปัจจุบัน 0.8 วินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงถึง 9%
เทคโนโลยีโครงสร้างน้ำหนักเบา ยังทำให้ เรนจ์โรเวอร์ สามารถนำเสนอเครื่องยนต์รุ่น 3.0-litre TDV6 ให้เป็นหนึ่งในทางเลือก ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ซึ่งแม้จะขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าถึง 420 กก. แต่มีกำลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์รุ่น 4.4-litre TDV8 ทั้งยังลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 22% ที่อัตรา 37.7 เมตร/แกลลอน และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 196 กรัม/กม.
พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ เรนจ์โรเวอร์ จะเป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อ เรนจ์โรเวอร์ กำหนดเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดจ์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงปลายปี 2556 (เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 169 กรัม/กม.)
เทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมจาก เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับสูงใหม่ล่าสุด สมบูรณ์แบบด้วยโครงรถอันล้ำสมัยและระบบสนับสนุนการขับขี่ที่มั่นใจได้ รวมทั้งการตกแต่งภายในอันหรูหราที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งผู้นำของคุณ
การออกแบบห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง มอบความรู้สึกภูมิฐานและโดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงสมัยใหม่ครบครัน ซึ่งได้แก่:
• ความสะดวกสบาย – การออกแบบระดับพรีเมี่ยม นำเสนอ กุญแจรีโมท, ระบบปิดประตูแบบนุ่มนวลและล็อคไฟฟ้า, ระบบประตูหลังไฟฟ้าทั้งด้านบนและล่าง, ช่องเก็บของเย็น, ตะขอลากระบบไฟฟ้า
• เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ – ระบบเสียงดนตรีรอบทิศทางจาก Meridian เพื่อคุณภาพเสียงชั้นเยี่ยม
• จอแสดงผล – จอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมช่องเชื่อมต่อแบบดิจิตัล จอสัมผัสขนาด 8 นิ้วและฟังก์ชั่น Dual-View
• ระบบควบคุมเสียงและการเชื่อมต่อ – ช่องเชื่อมต่อสำหรับอุปกร์สื่อสารเคลื่อนที่อันทันสมัย
• การควบคุมระบบปรับอากาศ – ด้วยการควบคุมระบบปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในคลาส มีทั้งการควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซนแบบพรีเมี่ยม และฟังก์ชั่นตั้งเวลาควบคุมแบบ Park Heater
• เบาะที่นั่งระดับหรู – เบาะนั่งอัพเกรดใหม่และฟังก์ชั่นเพิ่มความสบายขณะโดยสาร อาทิ ระบบนวดมัลติโหมด รวมถึงแพ็คเกจการตกแต่งเบาะหลังแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ใหม่ล่าสุด
• ระบบแสงสว่างภายในห้องโดยสาร – ระบบไฟแบบ LED ล่าสุด เพื่อมอบบรรยากาศที่หรูหรา นุ่มนวล ทั้งยังมีฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีของหลอดไฟให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ผสมผสานการใช้โครงรถแบบใหม่เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาวะตามหลักกลศาสตร์ และเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและไร้ความกังวลตลอดเส้นทาง โดยระบบใหม่ที่ติดตั้งใน ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้แก่:
• ระบบควบคุมการเอียงด้วย Dynamic Response แบบสองทาง และระบบ Adaptive Dynamics ด้วยการหน่วงเครื่องแบบแปรผันต่อเนื่อง
• ระบบเลี้ยวแบบ Electric Power Assisted Steering ในฟังก์ชั่น Park Assist เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้สามารถเข้าจอดในที่จอดรถแคบๆ ของเขตเมืองได้
• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Queue Assist ช่วยในการชะลอและหยุดรถได้อย่างแม่นยำ
• ระบบเบรกอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (รวมถึง Advanced Emergency Brake Assist) –เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหันหรือมีรถคันอื่นพุ่งเข้ามาในเส้นทาง
• ระบบตรวจจับจุดบอด Blind Spot Monitoring – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Closing Vehicle Sensing เพื่อการตรวจจับรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลังจากระยะไกล
• ระบบตรวจจับด้านหลัง Reverse Traffic Detection – เตือนผู้ขับให้ระวังการปะทะในขณะถอยรถ
• ระบบกล้องโทรทัศน์รอบด้าน Surround Camera System – ทำงานด้วยมุมมองแบบ T Junction, ระบบนำทางแบบ Trailer reverse park guidance, และ Trailer hitch guidance.
ประสบการณ์การขับขี่แสนสบายที่เหนือกว่า
เรนจ์โรเวอร์ โดดเด่นในด้านการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และปราศจากสิ่งรบกวนที่วุ่นวายจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานความหรูหราให้สูงกว่าเดิม
วิศวกรผู้ออกแบบ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อการขจัดเสียงไม่พึงประสงค์จากภายนอกให้มากที่สุด นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างตัวถัง การเสริมชั้นกระจกตัดเสียงของประตูข้าง ตลอดจนการใช้แท่นเครื่องคู่แบบแยกชิ้น ซึ่งทำให้ลดเสียงรบกวนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ใช้โครงตัวถังแบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุมอันล้ำสมัย เพื่อเสริมเสถียรภาพในการควบคุมและความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ฉับไวกว่า ทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน
ลูกค้าสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์กับ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ทั้งรุ่นเบนซิน 510PS LR-V8 Supercharged และรุ่นดีเซล 2 แบบ ได้แก่ 3.0-litre 258PS TDV6 และ 4.4-litre 339PS SDV8 โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นให้แรงบิดสูง พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 8 สปีด
การให้ความสำคัญกับตำแหน่งของผู้ขับที่เหมาะสมคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ซึ่ง ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Command Driving Position เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับอย่างเหมาะสม ซึ่งจะอยู่สูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูอื่นๆ 90 มม. ทำให้รู้สึกได้ถึงการควบคุมและความมั่นใจที่เหนือกว่า
โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อสมรรถนะและความมั่นคงที่เหนือชั้น
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ปฏิวัติวงการด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเบากว่าถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้ตัวถังเหล็ก
แลนด์โรเวอร์ คือหนึ่งในผู้นำด้านการใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยานเพื่อการเสริมสมรรถนะการขับขี่ และด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่นี้ จึงทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์
เมื่อพิจารณารวมกับน้ำหนักที่เบากว่าทั้งจากโครงรถและระบบการขับเคลื่อน พบว่าโครงสร้างน้ำหนักเบาสามารถลดภาระเครื่องได้ถึง 350 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาด
การลดภาระเครื่องช่วยให้ เรนจ์โรเวอร์ นำเสนอการขับขี่ที่ผ่อนคลาย หากยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์รุ่น 510PS LR-V8 Supercharged สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นในปัจจุบัน 0.8 วินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงถึง 9%
เทคโนโลยีโครงสร้างน้ำหนักเบา ยังทำให้ เรนจ์โรเวอร์ สามารถนำเสนอเครื่องยนต์รุ่น 3.0-litre TDV6 ให้เป็นหนึ่งในทางเลือก ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ซึ่งแม้จะขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าถึง 420 กก. แต่มีกำลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์รุ่น 4.4-litre TDV8 ทั้งยังลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 22% ที่อัตรา 37.7 เมตร/แกลลอน และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 196 กรัม/กม.
พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ เรนจ์โรเวอร์ จะเป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อ เรนจ์โรเวอร์ กำหนดเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดจ์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงปลายปี 2556 (เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 169 กรัม/กม.)
เทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมจาก เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับสูงใหม่ล่าสุด สมบูรณ์แบบด้วยโครงรถอันล้ำสมัยและระบบสนับสนุนการขับขี่ที่มั่นใจได้ รวมทั้งการตกแต่งภายในอันหรูหราที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งผู้นำของคุณ
การออกแบบห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง มอบความรู้สึกภูมิฐานและโดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงสมัยใหม่ครบครัน ซึ่งได้แก่:
• ความสะดวกสบาย – การออกแบบระดับพรีเมี่ยม นำเสนอ กุญแจรีโมท, ระบบปิดประตูแบบนุ่มนวลและล็อคไฟฟ้า, ระบบประตูหลังไฟฟ้าทั้งด้านบนและล่าง, ช่องเก็บของเย็น, ตะขอลากระบบไฟฟ้า
• เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ – ระบบเสียงดนตรีรอบทิศทางจาก Meridian เพื่อคุณภาพเสียงชั้นเยี่ยม
• จอแสดงผล – จอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมช่องเชื่อมต่อแบบดิจิตัล จอสัมผัสขนาด 8 นิ้วและฟังก์ชั่น Dual-View
• ระบบควบคุมเสียงและการเชื่อมต่อ – ช่องเชื่อมต่อสำหรับอุปกร์สื่อสารเคลื่อนที่อันทันสมัย
• การควบคุมระบบปรับอากาศ – ด้วยการควบคุมระบบปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในคลาส มีทั้งการควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซนแบบพรีเมี่ยม และฟังก์ชั่นตั้งเวลาควบคุมแบบ Park Heater
• เบาะที่นั่งระดับหรู – เบาะนั่งอัพเกรดใหม่และฟังก์ชั่นเพิ่มความสบายขณะโดยสาร อาทิ ระบบนวดมัลติโหมด รวมถึงแพ็คเกจการตกแต่งเบาะหลังแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ใหม่ล่าสุด
• ระบบแสงสว่างภายในห้องโดยสาร – ระบบไฟแบบ LED ล่าสุด เพื่อมอบบรรยากาศที่หรูหรา นุ่มนวล ทั้งยังมีฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีของหลอดไฟให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ผสมผสานการใช้โครงรถแบบใหม่เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาวะตามหลักกลศาสตร์ และเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและไร้ความกังวลตลอดเส้นทาง โดยระบบใหม่ที่ติดตั้งใน ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้แก่:
• ระบบควบคุมการเอียงด้วย Dynamic Response แบบสองทาง และระบบ Adaptive Dynamics ด้วยการหน่วงเครื่องแบบแปรผันต่อเนื่อง
• ระบบเลี้ยวแบบ Electric Power Assisted Steering ในฟังก์ชั่น Park Assist เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้สามารถเข้าจอดในที่จอดรถแคบๆ ของเขตเมืองได้
• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Queue Assist ช่วยในการชะลอและหยุดรถได้อย่างแม่นยำ
• ระบบเบรกอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (รวมถึง Advanced Emergency Brake Assist) –เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหันหรือมีรถคันอื่นพุ่งเข้ามาในเส้นทาง
• ระบบตรวจจับจุดบอด Blind Spot Monitoring – ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Closing Vehicle Sensing เพื่อการตรวจจับรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลังจากระยะไกล
• ระบบตรวจจับด้านหลัง Reverse Traffic Detection – เตือนผู้ขับให้ระวังการปะทะในขณะถอยรถ
• ระบบกล้องโทรทัศน์รอบด้าน Surround Camera System – ทำงานด้วยมุมมองแบบ T Junction, ระบบนำทางแบบ Trailer reverse park guidance, และ Trailer hitch guidance.
“ไทยยานยนตร์” ดึง Volkswagen Amarok อวดโฉมครั้งแรก ใน Motor Expo 2012
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:00
“ไทยยานยนตร์” ดึง Volkswagen Amarok อวดโฉมครั้งแรกในไทย เล็งรุกตลาดต้นปี 2013 ในราคา 1.89 ล้าน และMultivan LED อีก 1 รุ่น พร้อมรับราคาพิเศษเฉพาะ Scirocoo & GTI ในงาน Motor Expo มั่นใจยอดจอง 300 คัน
นายสมรรถ รอบบรรเจิด ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์โฟล์คสวาเกน อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในเครือ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมแสดงรถยนต์โฟล์คสวาเกน ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2012 หรือมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 ณ อิมแพคเมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของรถยนต์โฟล์คสวาเกน พร้อมเร่งสร้างโอกาสในการจำหน่ายในช่วงไตรมาสสุดท้าย
สำหรับแนวคิดในการออกแบบและตกแต่งบู๊ธของรถยนต์โฟล์คสวาเกน “Elegance & Adventurious” (หรูหราในแบบที่ท้าทาย) ด้วยการผสานกับการจัดแสดงรถยนต์โฟล์คสวาเกนรุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ “Volkswagen Amarok” All Track Ultimate 4x4 มิติใหม่แห่งความท้าทาย นับเป็นการเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อระดับ Hi-Premium ที่นำเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย
Volkswagen รุ่น Amarok 4 ประตู ดับเบิ้ลแค็ป เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร แบบเทอร์โบคู่ BiTDI ขับพละกำลังได้ถึง 177 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที และแรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1500-2250 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเทคโนโลยีระดับสูงของเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ที่ติดตั้งเฉพาะรถยนต์ระดับหรูในเครือ Volkswagen Group อาทิ Audi, Porsche และ Bentley เป็นต้น ทำให้ยานยนต์รุ่นดังกล่าวขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ และประหยัดน้ำมันอย่างสูงสุด
พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 Motion อัจฉริยะ ผสานกับระบบ ABS, ระบบ ESP, ระบบ Differential Lock ไฟฟ้า และระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ได้อย่างอิสระ และมั่นใจในทุกเส้นทาง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างครบครัน ด้วยการรับประกันคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนของ ANCAP หรือ Australian New Car Assessment Program
“สำหรับการนำเข้า Volkswagen Amarok เข้าสู่ตลาดในประเทศไทย นับเป็นรถยนต์คุณภาพอีกรุ่นหนึ่งที่บริษัทฯ ได้เลือกสรรสำหรับเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคคนไทยที่มีความต้องการรถยนต์ระดับหรู ที่สร้างความแตกต่างของไลฟ์ไสตล์ที่ชื่นชอบ และตอบสนองทุกอิสระที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ผนวกกับปัจจุบัน ตลาดรถยนต์เซกเมนต์ระดับหรู ยังไม่มีคู่แข่ง และถือเป็นช่องว่างของตลาดที่น่าสนใจและเปิดโอกาสในการสร้างยอดจำหน่ายให้โฟล์คสวาเกนในประเทศไทยอย่างแน่นอน”
รอยัล มอเตอร์ส เปิดตัว “RUF RT-35” รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ฉลองครบรอบ 35 ปี RUF Turbo จากค่าย RUF ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ระดับโลก ครั้งแรกในเอเชียอาคเนย์ พร้อมพิสูจน์ตำนานความแรง...ที่แตกต่าง
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:59
RUF RT-35 Anniversary ถูกตั้งชื่อตามวาระ 35 ปีแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จการพัฒนา “RUF Turbo” ของค่าย RUF ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ระดับโลก และเป็นรุ่นที่รวบรวมองค์ประกอบที่ได้ชื่อว่าเป็นศักดิ์ศรีของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมัน ด้วยศักยภาพการผลิตรถยนต์ประเภท High Performance ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “โรงงานผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ที่เริ่มต้นจาก Bare chassis ของเยอรมัน” ถูกสร้างขึ้นด้วยพื้นฐานเพียงแชสซิสเปล่าจากโมเดล 911 หากแต่ขุมพลังนั้นใช้เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร 6 สูบ Boxer Twin-VTG Turbo, Twin-Intercooler ซึ่งนับเป็น 911 ที่วางเครื่องเทอร์โบก่อนใครในโลก ระบบหัวฉีดทรงประสิทธิภาพ DFI (Direct Fuel Injection) จึงพกพาแรงม้าสูงสุดถึง 630HP ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 825 นิวตันเมตร ที่ระหว่าง 3,000 – 3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ Double clutch
นอกเหนือจากนั้น RUF RT-35 Anniversary ทุกๆ คัน จะมีรูปแบบโครงสร้างพิเศษที่เปรียบเสมือนเป็น “กระดูกอ่อน” ของรถ RUF ทั้งคัน ที่ซ่อนพรางไว้ภายใน และยังมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วย signature โป่งหลังขนาดใหญ่ที่มีช่องดักอากาศด้านบน ของ RUF ออกแบบโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดทางด้านอากาศพลศาสตร์ สำหรับรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ฝากระโปรงหลังสามารถเปิดได้แบบเต็มบาน RUF RT-35 Anniversaryจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งเกียรติยศตลอด 35 ปีอันยิ่งใหญ่ในการพัฒนารถ Turbo ของ RUF และยังเป็นผลงานระดับ Master Class Limited Editionที่ผลิตออกมาเพียง 35 คันบนโลก
ทั้งนี้ รอยัล มอเตอร์ส โดย คุณอิสริยะ คูหาเปรมกิจ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก RUF ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียฯ และยังได้รับความเชื่อมั่นจาก RUF มอบโควต้ารถรุ่น RUF RT-35 Anniversary นี้ให้จัดจำหน่ายถึง 2 คันด้วยกัน ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือหนึ่งในสองคันนั้นเป็นรถคันที่ 01/35 ในซีรี่ย์นี้ หรือถือได้ว่าเป็นคันแรกของโลกอีกด้วย
ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ทุ่ม 40 ล้านบาทเนรมิตพื้นที่ 420 ตรม. ส่ง “บราบัส สมาร์ท อัลติเมท (Brabus Smart 120 Ultimate) และบราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50)” เปิดตัวครั้งแรกในเอเซียพร้อมนำทัพยนตกรรม หรูเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:58
ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายยนตกรรมหรูแบรนด์ บราบัส (Brabus) วิสมันน์ (Wiesmann) และผู้นำเข้า ยนตกรรมหรูระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ทุ่มงบประมาณมูลค่า 40 ล้านบาท เนรมิตรพื้นที่ 420 ตารางเมตร ให้เป็นห้องรับรองเพื่อคนพิเศษ ภายใต้คอนเซปต์“Expected & Ultimate – Unexpected” หรือ “ตอบรับความคาดหวังที่เหนือความคาดหมาย” พร้อมแนะนำแบรนด์ใหม่ล่าสุด “สตาร์เทค” หนึ่งในสายพานการผลิตรถยนต์หรูเปี่ยมสมรรถนะจากประเทศเยอรมนี โดยเปิดตัวสตาร์เทค เอสดี 22 (STARTECH SD 22) ครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555
นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัดกล่าวว่า ในปี 2555 ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ของการเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหรา ภายใต้แบรนด์บราบัส (Brabus) วิสมันน์ (Wiesmann) โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 แบรนด์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ชื่นชอบยานยนต์สมรรถนะสูง และรถที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นรถที่มีจุดเด่นทางด้านเทคโนโลยี เครื่องยนต์ ระบบรองรับน้ำหนัก และโครงสร้างการออกแบบ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความสนใจของกลุ่มลูกค้า บริษัทจึงได้เข้าร่วม “งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” ซึ่งเป็นงานแสดงยนตกรรมระดับนานชาติและเป็นช่วงฤดูการขายส่งท้ายปี
ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ได้นำยนตกรรมรุ่นใหม่จากบราบัส (Brabus) วิสมันน์ (Wiesmann) มาจัดแสดงสำหรับลูกค้าที่หลงไหลในความแรงของเครื่องยนต์ โดยในปีนี้ยนตกรรมที่หรูหราแบรนด์บราบัสจัดแสดงรถยนต์หรูไฮไลท์ 2 รุ่น ที่เป็นการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก คือ บราบัส สมาร์ท 120 อัลติเมท (Brabus Smart 120 Ultimate) และบราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50)
นอกจากนี้ ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ยังได้ขยายผลิตภัณฑ์การจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นจากกลุ่มเดิม โดยแนะนำแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด คือ “สตาร์เทค” (Startech) หนึ่งในสายพานการผลิตรถยนต์สมรรณะสูงอีกหนึ่งแบรนด์ ซึ่งรถยนต์แบรนด์สตาร์เทครุ่นแรกที่เข้ามาเปิดตลาดเมืองไทย ได้แก่ สตาร์เทค เอสดี 22 ที่พัฒนามาจากพื้นฐานของเรนจ์โรเวอร์ อิโวค เอสดี 4 (Range Rover Evoque SD4) สตาร์เทค เอสดี 22 นั้นถือเป็นรถเอสยูวีที่มีความสมบูรณ์ในการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์เอนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระดับไฮเอนด์
เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมการขายของบราบัส และฉลองการเปิดตัวครั้งแรกในเอเซีย-แปซิฟิกของ สมาร์ท อัลติเมท 120 (Brabus Smart Ultimate 120) และบราบัส เอสแอล บี50 (Brabus SL B50) ยูม่า มอเตอร์ส จึงเตรียมแคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถจากยูม่าฯ ระว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 อาทิ... ซื้อรถยนต์ แถมรถจักรยานยนต์ Ducati Monster 795, ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จากยูม่า มอเตอร์สทุกคันสามารถขึ้นทางด่วนฟรีถึง 5 ปีทันที ในขณะที่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์บราบัสจะได้รับแพคเกจเยี่ยมชมโรงงานบราบัส ณ ประเทศเยอรมนี กิน ดื่ม ช้อป ฟรีตลอดการเดินทาง หรือเลือกรับทะเบียนสวยจากค่ายยูม่า มอเตอร์ส, จักรยาน Vanmoof Urban Bike หรือเลือกรับการบริการดูแลรักษา (เคลือบแก้ว) ฟรีทันที
ในส่วนของเครือข่ายการบริการหลังการขาย บริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของงานการบริการและการดูแลเอาใจใส่อย่างมีคุณภาพ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการรวมถึงการบริการหลังการขายที่มีความพร้อม ครบวงจรด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถซ่อมบำรุงได้รวดเร็ว บริษัทจึงมุ่งเน้นเรื่องการดูแล และบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ
สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 นี้ “ยูม่า มอเตอร์ส เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 50 คันหรือมูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท” นายชัชวัฏกล่าว
บราบัส ซีแอลเอส ดี4II (Brabus CLS D4II),
บราบัส ซี-คูเป้ บี18เอส (Brabus C-Coupe B18S), บราบัส อี 6.1 (Brabus E 6.1), บราบัส เอ็มแอล ดี4II (Brabus ML D4II), สตาร์เทค เอสดี 22 (Startech SD22)
และวิสมันน์ เอ็มเอฟ 5 (Wiesmann Mf 5) โดยผู้ที่สนใจสุดยอดยนตกรรมหรู… สามารถเข้าเยี่ยมชมพร้อมรับข้อเสนอ และการบริการ หลังการขายแบบคนพิเศษ หรือทดลองขับได้ที่ยูม่า มอเตอร์ส บูธ B13 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
หมวดหมู่ยานยนต์
- 014 Chevrolet Silverado HD (1)
- 10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม (1)
- 2014 Volvo S80 (1)
- 2015 Lincoln MKC crossover (1)
- 2015 Volvo S60 T6 (1)
- 2015 Volvo V40 (1)
- 2016 Chevrolet (1)
- 2016Chevrolet Colorado (1)
- 2016 Toyota Fortuner (1)
- 2018 Mazda CX-5 (1)
- 2018 Toyota Rush (2)
- 2 Stroke Engine (1)
- 5 ประตู (6)
- กระบวนการผลิต (19)
- กระบอกสูบ (1)
- กราฟกำลัง (1)
- กราฟแรงบิด (1)
- ก้านสูบ (1)
- การขับรถอย่างปลอดภัย (1)
- การใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก (1)
- การดูแลรักษารถด้วยตนเอง (2)
- การเติมลม (1)
- การเติมลม กับ ล้อแม็กซ์ (1)
- การถ่วงล้อ (1)
- การบำรุงรักษา (4)
- การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวันรถยนต์คู่ใจ ควรทำอย่างไร (1)
- การปลี่ยนขนาด ยางรถยนต์ (1)
- การเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์ (1)
- การเผาไหม้ (11)
- การเผ่าไหม้ (1)
- การวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ (1)
- การหยุดรถ และการจอดรถ (1)
- การออกแบบ (10)
- แก๊สโซลีน (3)
- ข้อควรปฏิบัติทั่วไป ในการใช้รถยนต์ (1)
- ข้อควรปฏิบัติ เมื่อการขับขี่ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ (1)
- ขับเคลื่อน (13)
- ขับอย่างไรเพื่อยืดอายุยาง (1)
- ข่าวยานยนต์ (4)
- ควรจะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ (1)
- คว้านเสื้อสูบ (2)
- ความรู้ (3)
- คอมมอนเรล (1)
- คอยล์จุดระเบิด (8)
- คำศัพท์น่ารู้ (1)
- เครื่องมือ (1)
- เครื่องยนต์ (64)
- เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์คอมมอนเรล (1)
- เครื่องยนต์ดีเซล (3)
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (1)
- เครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ (1)
- เครื่องยนต์เบนซิน (1)
- เครื่องยนต์แบบโรตารี่ (1)
- เครื่องยนต์ร้อนแล้วดับ สตาร์ทติดยาก เกิดจากสาเหตุใด และแก้ไขอย่างไร (1)
- เครื่องยนต์เล็ก (2)
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากตอนอากาศชื้นเกิดจากอะไร ? (1)
- เครื่องยนต์สันดาปภายใน (3)
- เครื่องยนต์หัวฉีด (1)
- เครื่องยนต์ EFI (2)
- เครื่องยนต์V8 (1)
- เคล็ดลับ (2)
- จอดรถให้ปลอดภัย (1)
- จักรยานยนต์ (1)
- จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ EFI (1)
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (1)
- ชื่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภาษาไทย และอังกฤษพร้อมรูป คลิปวีดีโอ (1)
- เชฟโรเลต (1)
- เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (1)
- โช๊คอัพ (5)
- ซ่อม (21)
- ซ่อมเครื่องยนต์ (7)
- ซ่อมบำรุง (6)
- ซุปเปอร์คาร์ (3)
- ซูซุูกิ (2)
- ซูซูกิ ไฮบริด (1)
- โซลินอย (1)
- ดัดแปลง (3)
- ไดชาร์จ (2)
- ไดร์สตาร์ท (10)
- ไดสตาร์ท (12)
- ตรวจสอบเครื่องยนต์ (1)
- ตลับลูกปืน (2)
- ตัวอักษรบนยาง บอกอะไร? (1)
- ตีปลอก (1)
- โตโยต้า (21)
- โตโยต้า 2015 (1)
- ถุงลมนิรภัย (1)
- ที่นั่งเด็ก (5)
- เทคนิคการขับรถป้องกันเชิงอุบัติเหตุ (1)
- เทคนิคการใช้รถและการดูแลรถอย่างง่ายๆ (1)
- เทคโนโลยียานยนต์ (53)
- เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (8)
- เทอร์โบ (1)
- เทอร์โบแปรผัน (7)
- น้ำมันเชื้อเพลิง (14)
- น้ำมันดีเซล (6)
- น้ำมันเบนซิน (4)
- นิตยสาร (3)
- นิสสัน (11)
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (1)
- บีเอ็มดับเบิ้ลยู (1)
- เบรค (22)
- เบาะรถยนต์ (5)
- เบาะสำหรับเด็ก (5)
- แบตเตอรี่ (3)
- แบรนด์รถยนต์ (1)
- แบริ่ง (1)
- ไบโอดีเซล (2)
- ประกอบเครื่องยนต์ (5)
- ประกอบรถยนต์ (13)
- ประดับยนต์ (5)
- ประเภทรถยนต์ (1)
- ปอร์เช่ (2)
- ปัญหารถยนต์ (1)
- ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ 2015 (1)
- ปิกอัพ (4)
- ปี2017 (3)
- เปลี่ยนอะไหล่ (3)
- ผลิตรถยนต์ (16)
- แผนภาพจังหวะการเปิดของลิ้น (Valve Timing Diagram) เครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ (1)
- แผนภาพต้นกำลังงานของรถยนต์ (1)
- ฝาสูบ (4)
- พจนานุกรมศัพท์ยานยนต์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ (1)
- พูเล่ (1)
- เพลาข้อเหวี่ยง (1)
- เพลาท้าย (2)
- ฟอร์ด (1)
- ฟิล์มกรองแสง ติดดี หรือ ไม่ติดดี มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ทีคำตอบ (1)
- เฟอรารี่ (3)
- เฟืองท้าย (14)
- ไฟฉุกเฉิน ไม่จำเป็นและไร้สาระ (1)
- ไฟฟ้ารถยนต์ (24)
- ภาพโครงสร้างเครื่องยนต์ EFI (1)
- ภาพรวมรถยนต์ (9)
- มาสด้า (3)
- มิตซูบิชิ (6)
- มินิ (2)
- โมเดลรถยนต์ (3)
- ยนตกรรม (1)
- ยานยนต์ อุตสาหกรรม (26)
- ยาริส (15)
- รถกระบะ (9)
- รถกระบะ Revo (1)
- รถเก๋ง (51)
- รถแข่ง (2)
- รถจิ๊บ (1)
- รถเบนซ์ (19)
- รถยก (27)
- รถยก อุตสาหกรรม (26)
- รถยก อุตสาหกรรมม (1)
- รถยนต์ (3)
- รถยนต์ไฟฟ้า (4)
- รถรุ่นเก่า (1)
- รถศูนย์ (16)
- รถสปอร์ต (10)
- รถหรู (1)
- รถใหม่ (41)
- ระบบขับอัตโนมัติ (1)
- ระบบความร้อน (2)
- ระบบจุดระเบิด (10)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel Injection System) (1)
- ระบบช่วงล่าง (27)
- ระบบเบรค (22)
- ระบบไฟฟ้า (14)
- ระบบรองรับ (5)
- ระบบระบายความร้อน (6)
- ระบบลม (3)
- ระบบส่งกำลัง (1)
- ระบบหล่อเย็น (2)
- ระบบหัวฉีด (1)
- ระบบห้ามล้อ (14)
- ระบบ Hybrid (1)
- ราคารถยนต์ (5)
- รางร่วม (1)
- รีเลย์ (6)
- รีวิว (15)
- รีวิวรถยนต์ (11)
- รู้ไว้ก่อน : การเปลี่ยนขนาดยาง (1)
- เรื่อง น้ำมันเครื่อง (1)
- โรงงานผลิตรถยนต์ (13)
- ล้อตุนกำลัง (1)
- ลักษณะดอก ยางรถยนต์ (1)
- ลากรถอย่างไรเมื่อรถเสีย (1)
- ลำดับการจุดระเบิด (1)
- ลูกปืนกลม (1)
- ลูกสูบ (3)
- วงจรไฟฟ้า (7)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECCS Nissan RB20E (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECI-multi Mitsubishi 4G61 (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด EFI เครื่องยนต์ Toyota 4A-GE (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด Honda B16A VTEC DOHC รุ่นแรก (1)
- วิชาช่างยนต์ (10)
- วี8 (1)
- สเปกรถยนต์ (5)
- สร้างเครื่องยนต์ (1)
- สร้างโมเดลรถยนต์ (1)
- สายพานเครื่องยนต์ (2)
- สีรถ (8)
- เสื้อสูบ (5)
- หนังสือรถยนต์ (7)
- หม้อน้ำ (2)
- หลักการทำงาน (2)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ (1)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (1)
- หัวเทียน (24)
- ห้ามล้อ (14)
- แหวนลูกสูบ (1)
- องค์ประกอบการสันดาปของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- ออกแบบรถยนต์ (22)
- อะไหล่เครื่องยนต์ (3)
- อะไหล่ยนต์ (1)
- อัตราค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (1)
- อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- อาการหัวเทียน (12)
- อินเตอร์คูลเลอร์ (6)
- อีโก้คาร์ (5)
- อุตสาหกรรม รถยก (27)
- อุปกรณ์เสริม (6)
- แอร์เริ่มไม่เย็น และส่งกลิ่นอับเวลาเปิดแอร์ใหม่ ควรทำอย่างไร ? (1)
- ไอดี (3)
- ไอเสีย (6)
- ฮอนด้า (6)
- ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด (2)
- Accessories (5)
- All New toyota yaris 2013 2014 (1)
- Alternator (1)
- alternators (1)
- Ativ (7)
- Audi (2)
- Audi A4 (1)
- Automatic drive (1)
- Ball Bearing (1)
- bearing (1)
- biodiesel (2)
- BMW (4)
- Brake (23)
- Brake system (23)
- BT-50 (1)
- Car Family (1)
- Cars (61)
- CAT (Catalytic Converter) เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (1)
- Check Engine (1)
- Chevrolet (1)
- CHEVROLET COLORADO (2)
- Colorado (1)
- commonrail (1)
- Common Rail (1)
- Common Rail Engine (1)
- Concept Car (1)
- Connecting rod (1)
- Crankshaft (1)
- Cylinder head (1)
- Diesel Engine (3)
- Diesel fuel (6)
- differential (12)
- DIY (8)
- DURAMAX ENGINE (1)
- DURAMAX VIN CHART (1)
- ECCS (1)
- EFI (1)
- EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย (1)
- Electric car (4)
- Electric cars (4)
- Electronic Fuel Injection Engine (1)
- Engine (37)
- Engine Block (1)
- Engine Curve (1)
- Ferrari (3)
- Flywheel (1)
- Ford (4)
- Ford Ranger (2)
- Fuel (14)
- gasoline (3)
- Gasoline engine (1)
- General Motors (2)
- GMC Canyon (1)
- Honda (11)
- Honda Accord (1)
- HONDA ACCORD HYBRID ใหม่ (1)
- Honda CR-V 2015 (1)
- Honda HR-V (1)
- Honda HRV 2015 (1)
- Honda Jazz (1)
- Honda Vezel (1)
- Hydrogen cars (1)
- i-DTEC (1)
- Ignition Coil (8)
- Ignition System (1)
- i-MMD (1)
- Intercooler (6)
- internal combustion engine (3)
- Jeeb (1)
- lamborghini (4)
- Lamborghini Revuelto (2)
- Mazda (4)
- Mercedes Benz (21)
- Mini (2)
- MINI Cooper (2)
- Mitsubishi (9)
- Mustang (1)
- Navara (2)
- NGV (1)
- Nissan (11)
- nissan np300 navara (1)
- NP300 (1)
- NP300 NAVARA Single Cab (1)
- pickup (6)
- pickup truck. (5)
- Piston (3)
- Piston Ring (1)
- Porsche (2)
- Port Timing Diagram ของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- Ranger (1)
- Rear axle (1)
- Relay (6)
- Revuelto (1)
- Rotary Engine (1)
- S60 (1)
- S90 (1)
- SEAT (1)
- Self Diagnosis System (1)
- Shock Absorbers (5)
- SKODA (1)
- SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (1)
- solenoid (4)
- Spark Plugs (20)
- Starter (6)
- Supper Car (4)
- Suspension System (3)
- Suzuki (2)
- TCCS (1)
- Tesla Model X (1)
- TOYOTA (29)
- Toyota และ Lexus (1)
- Toyota Hilux Revo (1)
- Triton (1)
- V60 (1)
- Ⅴ8 (1)
- Variable Nozzle Turbo (2)
- VGT (5)
- Volkswagen (1)
- Volvo (4)
- Volvo purchased the Polestar brand (1)
- Volvo S90 (1)
- Wankel Engine (1)
- XC90 (1)
- Yaris (15)