Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

พบกับ เชฟโรเลต สปิน รถอเนกประสงค์เต็มเปี่ยมด้วยไลฟ์สไตล์ ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34


     เชฟโรเลต หวนคืนสู่ตลาดเอ็มพีวีด้วยการเปิดตัวสปิน รุ่นใหม่ล่าสุด หลังเคยบุกเบิกเซกเมนท์นี้เป็นบริษัทแรกในเมืองไทย
·         มอบความอเนกประสงค์ด้วยเบาะ 7 ที่นั่ง สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์แบบร่วมสมัย พร้อมการขับขี่อันสะดวกสบายแบบรถยนต์นั่ง
·         สปิน ออกทำตลาดประเทศไทยด้วยรุ่น LTZ


กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต สปิน รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดให้สื่อมวลชนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์อีกครั้ง สปิน ซึ่งเป็นรถซับคอมแพ็กต์ระดับโลกของเชฟโรเลต จะออกทำตลาดรถบีเซกเมนท์ในประเทศไทย เพียบพร้อมด้วยความอเนกประสงค์ในแบบรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบาย เนื้อที่ใช้สอยกว้างขวาง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ประหยัดเชื้อเพลิง สมรรถนะการขับขี่และการควบคุมที่เหนือชั้น อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่ร่วมสมัยและบึกบึน

เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เชฟโรเลต เปิดตัวรถเอ็มพีวีรุ่นแรกในเมืองไทยอย่างซาฟิร่า นับเป็นการบุกเบิกเซกเมนท์ใหม่ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ซาฟิรา ประสบความสำเร็จอย่างมากโดยได้รับรางวัล “รถเอ็มพีวียอดเยี่ยมแห่งปี” ในประเทศไทยสามปีซ้อน ลูกค้ามีความประทับใจในซาฟิร่าอย่างมาก ในปัจจุบันยังคงเห็นซาฟิร่า โลดแล่นอยู่บนท้องถนนเมืองไทยมากมาย ทั้งนี้สปิน รุ่นใหม่ไม่ได้เป็นตัวแทนของซาฟิร่า แต่เดินตามรากฐานความเป็นเอ็มพีวีคุณภาพเยี่ยมที่สร้างสรรค์โดยเชฟโรเลต

สปิน มีเป้าหมายเจาะกลุ่มคนไทยร่วมสมัย เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถที่มีความสะดวกสบาย กว้างขวาง มีขนาดพอเหมาะและมีราคาไม่สูงเกินไป ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ในเมืองที่ต้องการรถสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนฝูงหรือทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  สปิน อัดแน่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่แบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อย เป็นรถที่ใครก็เป็นเจ้าของได้หากพิจารณาถึงราคาจำหน่ายและค่าใช้จ่ายการดูแลรักษา ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถของคนที่กำลังสร้างครอบครัวและคนรุ่นใหม่ที่อาศัยในเมืองใหญ่ของประเทศไทย

สปิน ขึ้นสายการผลิตในศูนย์การผลิตแห่งใหม่ของจีเอ็ม อินโดนีเซีย ในเมืองเบกาซี โดยนอกจากทำตลาดในประเทศไทยและอินโดนีเซียแล้ว สปิน ยังถูกส่งออกไปจำหน่ายในฟิลิปปินส์อีกด้วย

มร. มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สปิน เติมความสมบูรณ์แบบให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราในประเทศไทย เติมเต็มช่องว่างระหว่างรถ
ซีดานและรถอเนกประสงค์เอสยูวีหรือรถกระบะได้อย่างดีเยี่ยม”

“สปิน เป็นรถที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นครอบครัวและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแบ่งปันกิจกรรมในวันพักผ่อนกับเพื่อนฝูง ทีมพัฒนาของเราซึ่งประกอบด้วยวิศวกรทั่วทั้งภูมิภาคนี้ได้สร้างสรรค์รถซัมคอมแพ็กค์เอ็มพีวีสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ดังกล่าวโดยเฉพาะ รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่งด้วยเนื้อที่อันกว้างขวาง สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ สะดวกสบายและยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีความทันสมัย สดใหม่ สมบุกสมบันและบึกบึน ทุกคุณสมบัติเด่นรวมอยู่ในรถที่มีขนาดกำลังดีคันนี้” มร. แอพเฟล กล่าว

สปิน ได้รับการพัฒนาบนแพลทฟอร์มของเชฟโรเลต ในระดับโลก โดยได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์จากทีมวิศวกรของเชฟโรเลต ทั่วทั้งภูมิภาคนี้ ซึ่งนำมาต่อยอดสู่การพัฒนาตั้งแต่เริ่มโครงการไปจนถึงขั้นตอนการออกแบบและการผลิต 

มร. แอพเฟล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเป็นเจ้าของและได้ขับขี่รถซับคอมแพ็กต์เอ็มพีวีไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเสมอไป เราต้องการสร้างรถเอ็มพีวีที่มีความสนุกทั้งในการครอบครองและขับขี่ เอ็มพีวีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ สปินจึงเป็นรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี”

“เราทุ่มเทใส่ใจอย่างมากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอกและภายในห้องโดยสาร การเลือกขุมพลังขับเคลื่อน การปรับปรุงสมรรถนะการขับขี่และการควบคุม ความสะดวกสบายและความประณีตในการตกแต่ง สปิน ถูกผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ”
มร. แอพเฟล กล่าว

การออกแบบ

เส้นสายของสปิน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดูอัลพอร์ทเอกลักษณ์เฉพาะของเชฟโรเลต ให้ภาพลักษณ์ความร่วมสมัย และเน้นย้ำว่ารถเอ็มพีวีขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องมีรูปลักษณ์แบบดั้งเดิมเสมอไป

ทีมนักออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส บราซิล เป็นผู้นำในการดีไซน์สปิน ซึ่งเอาใจใส่ในการออกแบบภายนอกเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้สปิน ดูเหมือนเป็น รถเอ็มพีวีธรรมดาอีกคันหนึ่งในตลาด’ เส้นสายที่บึกบึนและชัดเจนทำให้รูปลักษณ์ของสปินมีความโดดเด่นและทันสมัย สัดส่วนตัวถังที่คมคายจากช่วงสันไหล่ด้านข้างตัวรถที่สูงทำให้ตัวรถดูใหญ่กว่าที่เป็นและสะดุดตาขึ้น สะท้อนตัวตนความเป็นแบรนด์เชฟโรเลต ขนานแท้

ห้องโดยสาร



ห้องโดยสารของสปิน มีรายละเอียดอันพิถีพิถันเช่นกัน เป้าหมายอันดับแรกคือการพัฒนาพื้นที่อันกว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่งอย่างสะดวกสบาย พร้อมกับคงความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน การออกแบบภายในมีความอเนกประสงค์ ทันสมัย และมีกลิ่นอายความสปอร์ต ขณะเดียวกัน ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่งยังสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางเมื่อนั่งอยู่ในสปิน

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว พื้นที่ในห้องโดยสารของสปิน ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งรวมถึงการย้ายเบรกมือเพื่อเปิดพื้นที่สำหรับช่องวางแก้ว ถึงแม้จะมีเนื้อที่อันกว้างขวางแต่ยังคำนึงถึงหลักสรีระศาสตร์ โดยเฉพาะการใช้งานสวิทช์ต่างๆ ยังคงให้ความสะดวกอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากเบาะที่นั่งที่สามารถพับได้ 23 รูปแบบแล้ว สปิน ยังมีช่องเก็บของในห้องโดยสารมากถึง 32 ช่อง มีเนื้อที่ความจุอยู่ที่ 162 ลิตรเมื่อใช้เบาะ 7 ที่นั่ง โดยจะเพิ่มเป็น 864 ลิตรหากพับเบาะแถวหลังลง และจะมีเนื้อที่สูงถึง1,608 ลิตรหากพับเบาะแถวกลางลง

ตำแหน่งเบาะนั่งที่ค่อนข้างสูงทำให้เกิดมุมมองแบบโรงภาพยนตร์ เปิดทัศนียภาพรอบด้านให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งและสามารถสัมผัสได้ถึงความกว้างขวาง ขณะที่ตำแหน่งเบาะผู้ขับขี่ที่สูงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและลดความเมื่อยล้า

ห้องโดยสารของสปิน ยังมาพร้อมเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต นั่นคือดีไซน์แบบดูอัล-ค็อกพิท แผงคอนโซลแบบทูโทนที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันช่วยสร้างบรรยากาศระดับพรีเมียม มาตรวัดความเร็วของสปิน เป็นแบบดิจิตอล ส่วนมาตรวัดรอบเครื่องยนต์เป็นแบบเข็มอนาล็อกช่วยเพิ่มความสปอร์ตอีกระดับ หากเข้าในที่มีแสงน้อยแผงมาตรวัดของเชฟโรเลต เรืองแสงโทนสีฟ้าไอซ์บลู เอกลักษณ์เฉพาะที่โด่งดังของเชฟโรเลต

อีกหนึ่งความโดดเด่นภายในห้องโดยสารของสปิน คือความเงียบ ด้วยการบุวัสดุเก็บเสียงเป็นอย่างดีซึ่งช่วยลดทั้งเสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือน และความกระด้าง ทำให้การขับขี่มีความเงียบสะดวกสบายอย่างมาก
สมรรถนะการขับขี่และการควบคุม

เพื่อเติมความสมบูรณ์แบบให้การขับขี่ที่เงียบสงบและสร้างบรรยากาศแบบรถยนต์นั่ง สปิน มาพร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระและด้านหลังแบบกึ่งอิสระ ปรับแต่งเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่และควบคุมที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน ตอบสนองได้ทั้งการขับขี่ในเมืองและเสถียรภาพอันมั่นคงในช่วงความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรถระดับนี้ ผู้ขับขี่สามารถควบคุมตัวรถได้อย่างแม่นยำโดยไม่สูญเสียความสะดวกสบายแม้แต่น้อย โดยสปิน มาพร้อมคอยล์สปริงทั้งสี่ล้อ

เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและรุ่นย่อย

สปิน จะออกจำหน่ายในตลาดประเทศไทยคือรุ่น LTZ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ DOHC (Double Overhead Camshafts) 16 วาล์วพร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual-VVT (Dual Variable Valve Timing)  หัวฉีดเชื้อเพลิงมัลติพอยท์ (Multi-Point Fuel Injection) ให้พละกำลังสูงสุดที่ 107 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตรที่3,800 รอบ/นาที

ถ่ายพละกำลังลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ขณะที่ระบบส่งกำลังมาตรฐานเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ สปีดพร้อมระบบ Driver Shift Control ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นครั้งแรกในรถระดับนี้ อัตราทดเกียร์และเฟืองท้ายถูกปรับปรุงให้สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์บล็อกนี้เพื่อสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันสูงสุด

ทั้งนี้เชฟโรเลต สปิน มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานอย่างระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (หน้า/หลัง) เครื่องเสียงซีดี/เอ็มพี3 ลำโพงสี่ตัว พร้อมระบบเชื่อมต่อยูเอสบีและบลูทูธ ช่องเสียบต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยไฟหน้าส่องสว่าง Follow-Me-Home และระบบกันขโมย สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกระหว่างสองรุ่นย่อยจะแตกต่างกันเล็กน้อย รุ่น LTZ จะมาพร้อมระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติและราวหลังคา

เชฟโรเลต มีความเชื่อมั่นว่าเชฟโรเลต สปิน จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าอย่างมาก ทั้งในด้านราคาจำหน่ายและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน

การพัฒนา

สปิน ผ่านการทดสอบและประเมินผลสมรรถนะในหลายประเทศในสี่ทวีปทั่วโลก ทีมผู้พัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสปินตั้งแต่เริ่มต้น โดยได้ทดสอบสมรรถนะในด้านความเงียบ แรงสั่นสะเทือน ความกระด้าง ความสะดวกสบาย การขับขี่และการควบคุม รวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์บนท้องถนนทั่วทั้งภูมิภาคนี้

ทีมงานยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาให้สปิน สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเบาะที่นั่งอันยืดหยุ่น การจัดวางตำแหน่งผู้ขับขี่ (สำหรับเวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา) ความสะดวกสบายของผู้โดยสาร และการคำนึงถึงเรื่องใช้เชื้อเพลิง

สำหรับเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวานั้น ระบบขับเคลื่อนและระบบปรับอากาศของผู้โดยสารตอนหลังได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ มีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อรวมรวมความคิดเห็นจากลูกค้าทั่วโลก รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเพิ่มความเข้าใจในความต้องการใช้รถของแต่ละภูมิภาค สิ่งเหล่านี้ทำให้ทีมผู้พัฒนาได้รับข้อมูลอันมีความสำคัญยิ่ง รวมถึงการรับรู้ของลูกค้าและเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละประเทศก่อนที่จะใส่ไว้ในสปิน ที่ผลิตออกจำหน่ายจริง

สปิน เป็นรถที่มีความสำคัญที่สุดรุ่นหนึ่งของเชฟโรเลต เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ความยืดหยุ่น ความคล่องตัว ความกว้างขวาง และความประหยัด ทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในรถขนาดพอเหมาะคันนี้ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง แต่ก็พร้อมที่จะให้ความสนุกสนานบนถนนทางไกล เป็นคำตอบสำหรับคอรถยนต์ในเมืองอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เริ่มสร้างครอบครัวและคนรุ่นใหม่ในเมืองไทยที่ต้องการรถ 7 ที่นั่งที่ไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เชฟโรเลต เชื่อมั่นว่าสปิน จะตอบสนองเซกเมนท์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สปิน 1.5 ลิตร LTZ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมเปิดให้ลูกค้าจับจองภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 

“สตาเลียน” ม้าน้อยแสนเท่ห์ สายพันธุ์ไทย



 สตาเลียน” ม้าน้อยแสนเท่ห์ สายพันธุ์ไทย กับก้าวใหม่สู่ปีที่ 4  อย่างมั่นใจ เสริมศักยภาพทีมบริหาร เพื่อความเป็นเลิศ พร้อมเดินเครื่องผลิตโรงงานเหมราชในไตรมาสสอง และทะยานสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Stallions Thai to AEC กับดีไซน์โลโก้ใหม่ยกระดับสู่สากล ทั้งเปิดตัว Stallions ToY Siries พร้อมยกทัพ MiNi Series และ SPORT Series ใหม่ถึง รุ่น อวดโฉมยนตรกรรมสองล้อที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตส์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้

​​                นายเกรียงไกร ลาภจตุรพิธ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท พาวเวอร์ สตาเลียน จำกัด  ผู้จัดจำหน่ายมอเตอร์ไซด์ สตาเลียน  ม้าน้อยสายพันธุ์ไทย ผู้นำมอเตอร์ไซค์มินิ จดทะเบียนเป็นรายแรกของเมืองไทย หนึ่งในธุรกิจ SME ตีแตก และเป็นผู้จัดการแข่งขัน WORLD RECORDS “Stallions Mini Ride Up baiyok tower2  84 Floor (Tallest in Thailand )” "ขี่ขึ้นฟ้า ท้า บันทึกโลก" ชิงถ้วยพระราชทาน จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยงานนี้ ทางกินเนสส์บุ๊ค (Guinness Boss of World Records) ได้เข้าร่วมบันทึกสถิติ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นตึกใบหยก 2 ที่มีความสูงถึง 84 ชั้น หรือ 304 เมตร ซึ่งเป็นตึกที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทย

ทางสตาเลียนได้ร่วมลงทุนสร้างและพัฒนาเครื่องยนต์ ร่วมกับพันธมิตร SKYTEAM ผู้นำด้านรถ มินิ ไบค์ในยุโรป และบริษัทฯ JIANSHE (เจี้ยนเช่อร์) เทคโนโลยีญี่ปุ่น  และเป็นบริษัทฯร่วมทุนกับแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่น และบริษัทฯ Dayang (ต้าหยาง) ซึ่งมีเทคโนโลยีญี่ปุ่น โดยทั้งสองบริษัทฯ อยู่ในกลุ่ม The China South Industries Group Corporation ยักษ์ใหญ่แห่งยานยนต์โลก โดยมี (SCD Team) STALLIONS CREATIVE & DEVELOPMENT ดีไซน์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเยี่ยมผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เทคโนโลยีญี่ปุ่นกับดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างลงตัว การก้าวย่างเข้าปีที่ ของสตาเลียนตนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะบริษัทสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำรถมินิไบค์ และครองความเป็นแชมป์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทฯปรับโครงสร้างการบริหารเสริมศักยภาพและเพื่อความกระชับฉับไวในการบริหารโดยมีคุณอารีรัตน์  ศรีประทาย มาดูแลในตำแหน่ง CEO เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ พร้อมเดินเครื่องการผลิตในไตรมาสสองของปีนี้
สำหรับผลิตภัณฑ์ สตาเลียนได้พัฒนาฉีกแนวมอเตอร์ไซค์แบบเดิมๆโดยฝีมือคนไทย เป็นยนตรกรรมระดับโลก  สร้างความมั่นใจด้านคุณภาพ และรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นรองใคร ในราคาสบายกระเป๋า ซึ่งสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เป็น  ซีรี่ส์ แบบ ได้แก่

MiNi Series กับสุดยอดนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ SCD Team 1.Solo RS MiNi Sport NAKED 
โดดเด่นด้วยดีไซน์เนกเกด NAKED คมเข้มตั้งแต่หัวจรดท้าย ไฟหน้าตาเพชรผสานไฟหรี่แบบเลนส์โปรเจคเตอร์ ถังน้ำมันเสริมการ์ดข้าง เพิ่มความโฉบเฉี่ยวรับกับอันเดอร์คาวริ่งที่แหลมเน้นความสปอร์ตเปลือยสายพันธุ์ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ จังหวะ 125 ซีซี บาลานเอนจิน เทคโนโลยีญี่ปุ่น ให้พละกำลังแรงเกินตัว แข็งแกร่งด้วยโครงสร้างถังเหล็กเหลี่ยมขนาดใหญ่

2.SM 125 มินิโมตาร์ด เครื่องยนต์ จังหวะ 125 ซีซี ดับเบิ้ลคลัทช์ เทคโนโลยีญี่ปุ่น ที่ให้ความดุดันเร้าใจใน
สไตส์ย่อส่วนมาจากซูเปอร์โมตาร์ด 250 ซีซี ชื่อดังระดับโลก ดีไซน์สวยคมตั้งแต่คาวริ่งหน้า ปีกครอบถังน้ำมันและช่วงท้ายที่รับกันอย่างลงตัว จุดเด่นที่เหนือกว่ามินิมาร์ด โครงสร้างตัวถังท่อเหล็กกลมสานไขว้แบบสเปซเฟรมสไตล์ยุโรป ระบบกันสะเทือนหน้าอัพไซด์ดาวน์สามารถปรับความหนืดในการคืนตัวของแกนโช้คอัพได้ พร้อมด้วยโช้คอัพหลังขนาดใหญ่ สวิงอาร์มและวงล้อหน้าหลังอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ นี่คือสุดยอดของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือชั้นผสานกับที่สุดของความคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเปรียบเทียบกับมินิโมตาร์ดทั่วไปในขณะนี้

3.DX125  ม้าน้อยแสนเท่ห์ ที่มีเอกลักษณโดดเด่นไม่ซ้ำใคร เฟรมปั้มขึ้นรูปแข็งแรง เบาะยาว นั่งซ้อนสบาย เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากมายยุโรป มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ จังหวะ 125 ซีซี แบบดับเบิ้ลคลัช เทคโนโลยีญี่ปุ่น ระบบสตาร์ทเท้าและไฟฟ้า โช๊คอัพหน้าเทเลสโคปิก โช๊คอัพหลังคู่ หน้ายางใหญ่ทรงตัว รับน้ำหนักเหลือเฟือ การทรงตัวเยี่ยม ขับขี่สบายนุ่มนวล  พร้อมติดตั้งชุดยางกันกระชาก ทำให้การขับขี่นิ่มนวลขึ้น  ล้อแม็กซ์อลูมิเนียมอัลลอยด์พร้อมยางจุ๊บเลส เทคโนโลยีใหม่เฉกเช่นรถยนต์
SPORT Series 150 cc 4.Centaur Café Racer สตาเลียน เซนทอร์ 150 คาเฟ่เรเซอร์สปอร์ตย้อนยุคในตำนานที่ถูกสานฝันให้กลายเป็นจริงในวันนี้ มันคือสุดยอดแห่งความคลาสสิคที่เหนือกว่ารถคลาสสิกรุ่นใดๆ โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์คาเฟ่เรเซอร์ ถังน้ำมันเสริมแผ่นยางบ่งบอกถึงความเป็นอมตะ เบาะนั่งตูดมดสไตล์รถแข่งในอดีต เหนือชั้นด้วยกันสะเทือนหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ พร้อมด้วยกระจกส่องหลังติดตั้งไว้ที่ปลายแฮนเดิลบาร์ เท่ห์สุดๆในแบบที่ไม่มีผู้ผลิตรายใดเคยนำเสนอมาก่อน เครื่องยนต์ จังหวะ 150 ซี.ซี. ให้พลังความแรงและความประหยัดที่ยอดเยี่ยม นี่คือสปอร์ตคลาสสิกแห่งความฝันที่สามารถจับต้องได้ในราคาที่เป็นจริง

SPORT Series 125 cc กับเครื่องยนต์ YBR 4 จังหวะ 125 ซีซี บาลานเอนจิน เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น  ที่มีมาให้เลือก 3แบบ3สไตล์  5.PoLo Classic 125 มาดเท่ห์ คลาสสิคย้อนยุค ทางเลือกให้แฟนพันธุ์แท้บิ๊กไบค์ ย่อส่วน  
6.PoLo SPORT 125 มาดเข้ม ประหยัด ทนทาน สมบุกสมบัน   7.PoLo CUSTOM 125 เปิดมุมมองใหม่สู่วิถีทางของการขับขี่ระดับผู้นำ
สำหรับน้องใหม่ล่าสุด Stallions ToY Series ม้าน้อยตัวจิ๋ว ครั้งแรกของเมืองไทย กับมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นใน ยามว่าง หรือนำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ เป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของคนมีระดับเช่นคุณ 
8.ToY S50 ต้นกำเนิดตำนานรถฉบับมินิ ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถังขนาดเล็กกับเครื่องยนต์ จังหวะ 50 ซีซี ล้อ นิ้วยางออฟโรด 9.ToY MTX50 รถวิบากขนาดจิ๋ว ที่จะให้คุณพกพาไปสนุกได้ทุกที่กับเครื่องยนต์ จังหวะ 50 ซีซี ล้อ นิ้วยางออฟโรด กับราคาที่แสนจะสบายกระเป๋า

นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ทั้งหมดคือมินิไบค์ ในหลากหลายเซ็กเมนท์ที่คัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้รักและชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กซึ่งสามารถจดทะเบียนได้ ขับขี่บนท้องถนนได้อย่างปลอดภัยไร้ข้อจำกัด ผู้ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์มินิสามารถเลือกซื้อและสัมผัสในทุกรุ่นได้อย่างจุใจ ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์นี้ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2556 นี้  ณ ชาเลนเจอร์ ฮอล์ บูธ C5 ในงานนี้ตนคาดว่าจะทำยอดขายไม่น้อยกว่า 300 คัน ทั้งนี้ตนได้จัดเตรียมแคมเปญพิเศษ ผ่อน 0%สูงสุดถึง10เดือนกับCitibank และ Aeon  พร้อมพบกับพริตตี้สาวจะมาแจกรางวัลและของที่ระลึกหลากหลายอย่างจุใจตลอดงาน

“Volkswagen” มอบแพ็คเก็จ Thaiyarnyon Privilege รับทอง 10 บ.พร้อม Warrantty ฟรี ในงานมอเตอร์โชว์



Volkswagen มอบแพ็คเก็จ Thaiyarnyon Privilege ในงาน Motor Show 2013 เลือกจอง VW GTIรับทอง 10 บ.+ ฟรี Warrantty 3 ปี, เลือกจอง Caravell หรือ Multivan รับเอกสิทธิ์พิเศษ Worry Free 5 Years หรือจอง Scirocco รับชุดแต่งสปอร์ต R-Line + Warranty 3 ปี จำกัดเฉพาะในช่วงงานนี้เท่านั้น

นายสมรรถ  รอบบรรเจิด ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรถยนต์โฟล์คสวาเกน  บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen ในเครือ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ มีนโยบายในการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ Volkswagen ในงาน Bangkok International Motor Show 2013 ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพ และเทคโนโลยีให้แก่ผู้บริโภคคนไทยได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญ ในช่วงเวลาดังกล่าวนับเป็นวาระที่พิเศษสุดสำหรับในปีนี้ที่จะมอบโอกาสแห่งความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับการเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับ Premium จาก Volkswagen
ด้วยแพ็คเก็จพิเศษ Thaiyarnyon Privilege สำหรับลูกค้าที่สั่งจองเป็นเจ้าของรถยนต์ Volkswagen รุ่น GTI รถแฮทซ์แบค 5 ประตู สุนทรีย์ภาพในการขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจ รับทองคำแท่ง หนัก 10 บาท มูลค่ารวม 230,000 บาท  พร้อมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร หรือเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Volkswagen รุ่น Sciroccoสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 2.0 TSI รับชุดตกแต่งสปอร์ต R-Line เพิ่มความหรูหรา สง่างามสไตล์สปอร์ต พร้อมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร
และครั้งแรกกับเอกสิทธิ์พิเศษสุดที่มอบให้แก่ลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับ Premium สำหรับรถยนต์ Volkswagen รุ่น The New Caravelle Touring, รุ่น The New Caravelle Businessline และรุ่น The New Multivan รถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รับเอกสิทธิ์พิเศษในโปรแกรม Worry Free 5 Years ที่มอบทุกความคุ้มครอง และครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษา การรับประกันคุณภาพ และการซ่อมบำรุง ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมทั้งการเปลี่ยนอะไหล่แท้ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจาก Volkswagen โดยการเปลี่ยนอะไหล่แท้จะครอบคลุมในส่วนของแบตเตอรี่ และใบปัดน้ำฝนด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสุขในการขับขี่รถยนต์โฟล์คสวาเกน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพ และสมรรถนะของโฟล์คสวาเกน
นายสมรรถ กล่าวเพิ่มเติมว่า  สำหรับการร่วมแสดงรถยนต์ในครั้งนี้  ทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร  และผลิตภัณฑ์ Volkswagen ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายแก่ผู้บริโภคคนไทย ดังนั้น จึงได้ออกแบบและตกแต่งบู๊ธ ภายใต้แนวคิด A Perfect Blend – การผสมผสานอย่างลงตัว
“จากการผสมผสานความโดดเด่น และรูปลักษณ์ที่หลากหลายสไตล์ของรถยนต์ในแต่ละรุ่นระหว่างความเป็นรถสปอร์ต  ขับขี่สนุกสนาน เร้าใจ กับรถระดับ Premium ที่นำมาประสานความเป็นหนึ่ง ด้วยบู๊ธสีขาว เน้นความเรียบ หรู พร้อมสร้างสีสันความเป็นสปอร์ตแฟชั่น ด้วยลวดลายธงหมากรุกสีแดง เพิ่มความโดดเด่น และสดใสได้อย่างลงตัว
ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสนวตกรรมยานยนตร์ของ Volkswagen ได้ที่บู๊ธ Volkswagen A14 ในงาน Bangkok International Motor Show 2013 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-2 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย. ศกนี้

“SBRAND” 1 ปี กับความสำเร็จศูนย์ซ่อมสี-ตัวถังรถยนต์ ชูบริการใหม่ SBRAND COATING เพื่อรถยนต์คันโปรด


 “SBRAND” ฉลองครบรอบ 1 ปี กับความสำเร็จของศูนย์ซ่อมบำรุงสี และตัวถังรถยนต์ ที่เร็วที่สุดในโลกเพียงชั่วโมงเดียว ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมเปิดบริการเคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating) กับบริการ SBRAND SUPERCOAT รองรับกลุ่มลูกค้าคนรักรถระดับบน ทั้งรถใหม่ และรถที่ใช้งานในปีแรกเพื่อทำให้สีรถดูเงางามตลอดเวลารับประกันคุณภาพ ยกระดับมาตรฐานบริการ ด้านการดูแลรักษา ซ่อมบำรุงและปกป้องรถยนต์ในประเทศไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล 

นายประณัย พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม เอสแบรนด์ จำกัด เปิดเผยว่า “1 ปี กับความสำเร็จ หลังจาก “SBRAND” ศูนย์บริการซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ ที่เน้นซ่อมเร็ว คุณภาพดี และราคาประหยัด ด้วยสุดยอด นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูจากประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งแรกในเมืองไทยทั้งรถใหม่ และรถที่ใช้งานในปีแรก ซึ่งจุดเด่นเน้นการซ่อมสีเฉพาะจุด คือ การใช้เทคโนโลยีไมโครรีแพร์ [Micro Repair] รวมถึงงานซ่อมทั้งชิ้นงาน [Panel Repair]  ด้วยเทคนิคการซ่อมในระดับมาตรฐาน สามารถซ่อมเฉพาะบริเวณที่เกิดความเสียหายโดยไม่ต้องถอดแยกชิ้นส่วนในระหว่างการซ่อม ทำให้หมดปัญหาเรื่อง การประกอบชิ้นส่วนที่อาจกลับมาไม่เหมือนเดิม

บริษัท  สยาม เอสแบรนด์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อมีนาคม ปี 2555 ที่มองเห็นว่า ปัจจุบัน ประเทศไทย ธุรกิจการให้บริการซ่อมบำรุงและปกป้องผิวสีรถยนต์ เปิดให้บริการเป็นจำนวนมากตั้งแต่ร้านซ่อมเล็กๆ ไปจนถึงระดับศูนย์บริการ แต่ไม่สามารถรองรับ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยที่มี อัตราการใช้รถยนต์ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ รูปแบบการให้บริการ รวมถึงบุคลากร และทีมช่างที่ไม่ได้มาตรฐานของการให้บริการ บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสและความสำคัญ ของบริการที่ตอบสนองผู้ใช้รถยนต์ และใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการที่จะส่งมอบ ไปสู่ผู้บริโภค

“สยาม เอสแบรนด์” เริ่มเปิดตัวครั้งแรกกับการให้บริการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ โดยมุ่งยกระดับคุณภาพ ของการให้บริการที่เหนือกว่าศูนย์บริการในประเทศ บริษัทฯ ได้เลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเทคโนโลยี ล่าสุดของการซ่อมบำรุงผิวสีและตัวถังรถยนต์ รวมถึงการฝึกฝน และพัฒนาฝีมือช่างชาวไทยส่ง ไปฝึกอบรมจาก ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการผู้บริโภคในประเทศไทย โดยคำนึงถึงปัจจัยในเรื่อง “เวลา” ที่ใช้ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เนื่องจากปัจจุบันศูนย์ให้บริการซ่อมสีและตัวถังในประเทศไทยหลายแห่งยังคง ใช้เวลานานในการซ่อม


รถยนต์อย่างน้อยที่สุด 1-2 สัปดาห์ยังไม่รวมเวลาในการจองคิวก่อนเข้าซ่อมจริง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเกือบ 1 เดือนที่ผู้บริโภคต้องเสียเวลาไปกับการรอและไม่มีรถใช้ อีกทั้ง งานส่งมอบยังไม่ได้คุณภาพที่ดีเพียงพอ ด้วยมาตรฐานของศูนย์บริการที่มุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการ และระยะเวลาของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บริษัทฯ จึงนำเทคโนโลยีการซ่อมสี/ตัวถังจากประเทศญี่ปุ่น ที่ช่วยลดระยะเวลาในการซ่อมให้เหลือเพียงแค่ 1 วัน โดยไม่ต้องทิ้งรถไว้ข้ามวัน ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเป็นเดือนไปกับการไม่มีรถใช้ อีกทั้งคุณภาพสูงสุดของ การซ่อมที่ส่งมอบกลับให้ลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับระยะเวลาการซ่อมที่ลดลง ด้วยระดับมาตรฐานคุณภาพ ที่เหนือกว่าศูนย์บริการมาตรฐานทั่วไป ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เข้าใช้บริการ และเกิดความประทับใจไว้วางใจกับบริการเป็นจำนวนมาก จนบอกต่อปากต่อปากถึงบริการที่มีคุณภาพของ “สยาม เอสแบรนด์” ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี เมื่อเทียบให้เห็นภาพชัดเจนจากตัวเลขรายได้ในไตรมาสแรก ที่เปิดให้บริการจนถึงไตรมาสสุดท้ายในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 204% และจำนวนรถยนต์ (จากการให้บริการในปีที่ผ่านมา) กว่า 30 แบรนด์ ทั้งรถยุโรป และเอเชียที่ให้ความไว้วางใจเลือกบริการ SBRAND ดูแลซ่อมบำรุงรถยนต์คันโปรดของคุณ

SBRANDประสบความสำเร็จได้รับการตอบสนองอย่างดีต่อกลุ่มผู้ใช้รถในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง และเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดไปยังผู้บริโภคครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้รถในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากการค้นคว้าและวิจัยถึงพฤติกรรมการใช้รถของคนในประเทศไทย ที่มีอายุการใช้รถยนต์ค่อนข้างนานเฉลี่ย 5-6 ปี อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการ ดูแลรักษารถ เพื่อคงสภาพความเงางามอยู่เสมอ บริษัทฯ ได้นำเข้าเทคโนโลยีใหม่ของการปกป้อง รักษาผิวสีรถยนต์ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่รักรถ และให้ความสำคัญต่อการป้องกันผิวสีรถยนต์จากมลภาวะเศษฝุ่นผงภายนอก และการบำรุง รักษาผิวสีรถยนต์เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ และให้ความเงางามที่มากกว่ารถคันใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมล่าสุดของการเคลือบรถยนต์ จากการพัฒนาของ 3 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น และอเมริกา ที่รองรับและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจ    และ ให้ความสำคัญกับการปกป้อง และเพิ่มความสวยงามให้กับรถคันโปรดเป็นพิเศษ

ที่สำคัญ บริการเคลือบรถยนต์ของ “สยาม เอสแบรนด์”เป็นนวัตกรรมใหม่ของการเคลือบรถที่ได้รับการคิดค้น และพัฒนา จากสถาบันวิจัย และพัฒนาจากผู้ผลิตประจำประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เคลือบรถมีคุณสมบัติในการ ปกป้อง คงความเป็นเอกลักษณ์ และเพิ่มความเงางามที่ให้มากกว่าที่เคยเห็นในโชว์รูม อีกทั้งบริการเคลือบรถยนต์ที่ บริษัทฯ นำเข้ามานั้นยังแบ่งเป็น 2 ระดับคือ บริการเคลือบรถยนต์ระดับพรีเมียม หรือที่เป็นที่นิยมเรียกกันในชื่อ บริการเคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating) กับบริการ SBRAND SUPERCOAT เพื่อตอบสนองกลุ่ม    ผู้รักรถยนต์  ที่ต้องการคุณภาพเหนือระดับอย่างแท้จริง ที่ให้มากกว่าคำโฆษณา  ด้วยระยะเวลาการปกป้องรถที่ถึง 10 ปี และเป็นผลิตภัณฑ์ได้รับการทดสอบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทคงรูป คงทน และไม่กลายสภาพ (inorganic) จึงมีอายุของการปกป้องยาวนานสูงสุด และสร้างความสวยงามที่ให้คุณมากกว่าที่เคยพบ และอีกหนึ่งระดับ รองลงมาของการบริการเคลือบรถ ที่เจาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในเมืองไทยที่มีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นกับบริการ SBRAND

PROTECTOR หรือ Silicon Coat ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มผู้รักรถและต้องการการปกป้อง ซึ่งมีอายุ การปกป้องถึง 1 -1.5 ปี  และคงความเงางามขึ้นอีกระดับ ที่ให้มากกว่าผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดจำพวก wax ที่มีอายุการใช้งานเพียง 1 เดือน และละลายเมื่อถูกแดด (หมายเหตุ ผลิตภัณฑ์ wax ค่อนข้างเป็นที่นิยมใน ประเทศไทย แต่กลับมีอายุความคงทนค่อนข้างต่ำ อีกทั้งส่งผลกระทบกับผิวสีรถยนต์เมื่อใช้ไปนานๆ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่คงรูป      เมื่อถูกสภาวะอากาศร้อนจะละลาย และกลายสภาพเป็นสารเคมีตกค้างที่ ส่งผลเสียต่อคุณภาพผิวสีรถยนต์)

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางความมั่นใจกับพันธมิตรทางธุรกิจ ถึงโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัท สยาม เอสแบรนด์ จำกัด ได้ร่วมมือกับ เอสแบรนด์ ประเทศญี่ปุ่น และอเมริกา ในปี 2013 นี้ บริษัทฯ วางแผนและเตรียมพร้อมที่จะเปิดธุรกิจในรูปแบบ Franchise โดยจะเริ่มขยายภายในสิ้นปี 2013 และไม่หยุดนิ่งที่จะเลือกสรรในการนำเข้าบริการใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถอย่างครบวงจร” นายประณัย กล่าวในที่สุด

พิเศษ....ฉลองครบรอบ ปี กับส่วนลดสูงสุด 15% ทั้งบริการเคลือบรถ และบริการซ่อมสี/ตัวถัง เพียงคุณลงทะเบียนสมัคร SBRAND Member Card  ได้ทั้ง 2 สาขา คือ  SBRAND ศรีนครินทร์ (สำนักงานใหญ่) โทร.02-721-3111 และ   SBRAND ปทุมวัน (Siam @ Siam) โทร.02-217-3028 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31พฤษภาคม 2556 

Vision
การเป็นบริษัทผู้นำ การให้บริการซ่อมบำรุงรักษา และปกป้องรถยนต์ที่ให้บริการในระดับมาตรฐานสากล โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสรรหาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับและตอบสนอง ความต้องการของผู้ใช้รถในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยบริการมืออาชีพเพื่อส่งมอบความประทับใจสูงสุด

Mission
การแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการซ่อมบำรุง และปกป้องรถยนต์ และพัฒนาคุณภาพของการบริการ
 เพื่อส่งมอบคุณค่าที่สำคัญ 4 ประการ คือ
1 มอบความประทับใจต่อการใช้บริการด้วยบุคลากรที่มีความสามารถ และรอบรู้
    โดยการให้บริการอย่างมืออาชีพ ระดับมาตรฐานสากล
2ส่งมอบบริการที่เหนือระดับ ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ได้รับการวิจัย
    และพัฒนามาเพื่อตอบสนองผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย
3 ส่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถที่คำนึงถึงคุณภาพและเวลาเป็นเรื่องสำคัญ
4 มุ่งขยายการให้บริการเข้าสู่ธุรกิจ Franchise เพื่อเข้าถึงความต้องการของกลุ่มผู้ใช้รถ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

มาสด้าเสริมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มาร์เก็ตติ้ง จับมือ GTH และ SF ฉีกตำนานแม่นาคสนับสนุนภาพยนตร์ไทย พี่มากพระโขนง ฮาสนุกลุ้นรับมาสด้า2 ลิมิเต็ด เอดิชั่น


กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 21 มีนาคม 2556 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นบริษัทขายรถยนต์ที่ปลุกกระแสสร้างความฮือฮาได้ตลอดเวลา ด้วยแนวทางการตลาดที่สร้างความแตกต่างและโดดเด่นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของการรุกเข้าสู่เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มาร์เก็ตติ้งที่ได้ฝากผลงานกับภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง จนประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม สามารถสื่อสารแบรนด์มาสด้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ Multi-screen Generation ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการให้การสนับสนุนภาพยนตร์ทั้งของไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าเป็นที่จดจำได้อย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ อาทิ แวมไพร์ ทไวไลท์ เกือบทุกภาค โดยเฉพาะเรื่อง “กวน มึน โฮ” ที่ส่งให้มาสด้า2 ฮอตฮิตติดลมบน พร้อมๆ กับหนังที่สามารถทำรายได้ถล่มทลาย และล่าสุดมาสด้าได้ทุ่มทุนอีกครั้งกับผู้กำกับคนเดิม โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล จากค่าย GTH ผู้กำกับร้อยล้านที่กำลังจะส่ง “พี่มาก...พระโขนง”  เข้าฉายในวันที่ 28 มีนาคมนี้
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า มาสด้าเน้นการตลาดที่เจาะเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยดำเนินกิจกรรมทางการตลาดที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่ม ที่สำคัญคือ การวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ในแต่ละโปรดักซ์นั้นมีความแตกต่างกันออกไป อาทิรถปิกอัพฮีโร่ มาสด้า บีที-50 โปร ก็จะเน้นการสื่อสารเพื่อตอกย้ำตำแหน่งทางการตลาดในแนวซูเปอร์ ฮีโร่ อย่างเรื่อง การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง The Avengers ขวัญใจเด็กๆ และครอบครัว ส่วนการสนับสนุนภาพยนตร์ หรือการทำโปรโมชั่นร่วมสำหรับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะเป็นภาพยนตร์จากต่างประเทศเช่นเดียวกัน  ส่วนมาสด้า3 ภาพยนตร์ที่จะสนับสนุนก็จะออกไปแนวทางที่สะท้อนบุคลิกของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วจากภาพยนตร์ เรื่อง หรือ30+ โสด on Sales ส่วนมาสด้า2 ซึ่งเป็นรถขวัญใจวัยรุ่น นักศึกษา กลุ่มคนทำงานตอนต้น ก็จะมองหาภาพยนตร์ที่เข้ากับกลุ่มนี้ ซึ่งคราวนี้ เราได้จับมือกับทาง GTH และโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก...พระโขนง โดยผู้ชมภาพยนตร์ทุก 2 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า, เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า และเอสเอฟซีเนม่า ซิตี้ ทุกสาขาทั่วประเทศ วันที่ 28 มี.ค. – 16 เม.ย. ได้ลุ้นเป็นเจ้าของสปอร์ตพรีเมียมใหม่ มาสด้า2 ลิมิเต็ด เอดิชั่น รุ่นสปอร์ต ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED หนึ่งเดียวในคลาส จำนวน 1 คัน มูลค่า 691,000 บาท
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง  “พี่มาก...พระโขนง” ซึ่งหลายๆ คนที่เคยชมเรื่องนี้มาแล้วจากหลายๆ เวอร์ชั่นอาจจะมองว่ามาสด้า2 เข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องดังกล่าวเป็นการหยิบยกตำนานแม่นาคขึ้นมาทำใหม่ โดยมีการตีความในมุมมองของผู้กำกับที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะพี่มากในเวอร์ชั่นนี้จะแตกต่างไปจากแนวเดิมๆ จะกลายเป็นหนังวัยรุ่น ที่ผสมผสานทั้งความฮามาก และความรักมากไว้ด้วยกันซึ่งก็ได้ดารานำอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ รับบทเป็น พี่มากที่รักเมียมาก และใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ รวมถึงแก๊งเพื่อนพี่มาก 4 คน เผือก (พงศธร จงวิลาส), เต๋อ (ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์), ชิน (เชน-อัฒรุต คงราศรี), เอ (บอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) ที่จะมาเรียกเสียงฮากระจาย ถึงแม้ว่าจะมีมุขตลกผสมอยู่ แต่ในส่วนของความรักเรื่องนี้ก็โรแมนติคสุดๆ ถือเป็นงานที่ทีมงานทุกคนจัดเต็มมาก สุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติม
บรรยายรูป
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บจ. มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จับมือกับนายสุพัฒน์ งามวงศไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ร่วมสนับสนุนภาพยนตร์ GTH เรื่อง “พี่มาก...พระโขนง” โดยชมภาพยนตร์ทุก 2 ที่นั่ง ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ทุกสาขา ลุ้นเป็นเจ้าของรถสปอร์ตพรีเมียมใหม่ มาสด้า2 ลิมิเต็ด เอดิชั่น รุ่นพิเศษที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED หนึ่งเดียวในคลาส จำนวน 1 คัน มูลค่า 691,000 บาท โดยมีผู้กำกับคนดัง โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล พร้อมด้วยดารานักแสดงในเรื่อง เผือก พงศธร จงวิลาส จาก GTH ให้เกียรติร่วมถ่ายภาพ
ติดตามกิจกรรมดีๆ  และรายละเอียดของกิจกรรมของมาสด้า2 กับภาพยนตร์ “พี่มาก...พระโขนง” ได้ที่ http://www.facebook.com/mazda2life
Zoom-Zoom เราใส่ความเป็นสปอร์ตลงไปในรถทุกคันที่เราผลิต

YOKOHAMA ท้าพิสูจน์ยางรถยนต์ “BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01)” ชูจุดเด่นเปี่ยมสมรรถนะ รักษ์สิ่งแวดล้อม ยึดเกาะถนน มั่นใจทุกการขับขี่




YOKOHAMA จัดงานทดสอบยาง “BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01)” ยางรถยนต์รักษ์สิ่งแวดล้อม (เพื่อโลกและเพื่อคุณ) ณ ซาฟารีเวิลด์ กรุงเทพฯ พร้อมโชว์ประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมัน ยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจในทุกภาวะการขับขี่ ก่อนวางจำหน่ายในเดือน เมษายนศกนี้

โดยกิจกรรมการทดสอบยางรถยนต์ YOKOHAMA BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ในครั้งนี้ มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กรรมการผู้จัดการ (Mr.Yutaka Furukawa : Managing Director) บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยต่อนักทดสอบยางและสื่อมวลชนว่า ยางรถยนต์ BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) นอกจากจะเป็นยางที่เปี่ยมสมรรถนะและให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีแล้ว ยังเป็นยางรถยนต์ที่รักษ์สิ่งแวดล้อม โดยส่วนผสมของเนื้อยางใช้เทคโนโลยี “Nano Blend” สูตรใหม่ พัฒนาโดยเฉพาะเพื่อยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ประกอบด้วยโพลิเมอร์หลายชนิด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการประหยัดน้ำมันและทนทานต่อการสึกหรอ ผสานส่วนผสมของ (น้ำมันส้ม) สิทธิบัตรเฉพาะของยาง YOKOHAMA ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะสูงสุดในการยึดเกาะถนนอย่างมั่นใจ

สำหรับร่องยางถูกออกแบบเป็นทรงครีบโลมา ที่โค้งโดดเด่นเข้าหาศูนย์กลางของยาง ช่วยเพิ่มสมรรถนะการรีดน้ำ ยึดเกาะที่ดีบนถนนเปียกได้เป็นอย่างดี และป้องกันการเหินน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบร่องยางตรง 3 ร่องบนตัวยาง ขณะที่ดอกยางแบบผสมที่ไหล่ยาง ระหว่างดอกยางขนาดใหญ่และเล็ก มีคุณสมบัติสำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวขณะขับขี่บนถนนเปียกแล้ว ยังคงความแข็งแกร่งขณะหมุน ร่องยางเล็กลดการสึกหรอแบบไม่เรียบ

นอกจากนี้ ยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ยังมีคุณลักษณะอันโดดเด่นคือ ให้ความประหยัดน้ำมันมากกว่าอย่างเหนือชั้น โดยเป็นยางที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Nano-power rubber อันเกิดจากการคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับยางรุ่นนี้ ประกอบด้วย ซิลิก้า น้ำมันส้ม และโพลิเมอร์ โดยเนื้อยางสูตรใหม่นี้ช่วยลดการเกิดความร้อนจากตัวยาง ผสานโครงสร้างยางออกแบบใหม่คุณสมบัติลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้ค่าความต้านทานการหมุนลดลง

ด้วยดีไซน์ดอกยางและเนื้อยางรองรับการใช้งานของรถยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อให้การใช้งานได้ยาวนานขึ้น ผสานโพลิเมอร์ในเนื้อยางสูตรใหม่ ช่วยลดการสึกแบบไม่เรียบทั้งด้านในและด้านนอกของยางขณะที่ซิลิก้าที่กระจายตัวอยู่ในเนื้อยาง จะช่วยควบคุมความร้อนส่วนเกินและเพิ่มแรงยึดเกาะบนผิวถนนเปียก ส่วนโพลิเมอร์มีคุณสมบัติลดการสึกหรอ

ด้วยเทคโนโลยีของการผลิต ทั้งในส่วนของลายดอกยางซึ่งผสานกับนวัตกรรมอันล้ำสมัยของ YOKOHAMA ยังส่งผลให้เพิ่มความนุ่มนวลขณะขับขี่ ด้วยการใช้หลักการกระจายความถี่ของเสียง เพื่อช่วยลดเสียงจากยางและพื้นถนนขณะขับขี่

“น้องปอปลา”สาวใสวัย 21 ปี จากม.กรุงเทพ ชนะใจกรรมการคว้ามงกุฎ “มิสมอเตอร์โชว์”ประจำปี 2556



 บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้จัดงาน “ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” และผู้จัด กิจกรรมการประกวด “มิสมอเตอร์โชว์ 2013” เพื่อเฟ้นหาสาวมั่น ที่จะมาครองมงกุฏ “ มิสมอเตอร์โชว์ ประจำปี 2556” โดยตัดสินจากผู้ผ่านเข้ารอบ 20 คน จากการประกวดรอบแรก และที่ได้ทำการเก็บตัวและร่วมทำกิจกรรมต่างๆมากมายกับทางกองประกวด ซึ่งทุกคนต่างประทับใจและเป็นประสบการณ์ที่จะอยู่ในความจำของ สาวๆที่ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับเวทีการประกวด “มิสมอเตอร์โชว์ 2013” แห่งนี้ 

 โดยทางคณะผู้จัดการประกวด ร่วมกับผู้สนับสนุน ได้รังสรรค์เวทีการประกวดสุดยิ่งใหญ่สมกับที่ห่างหายกันมา 1 ปีเต็มกับการประกวดรอบตัดสิน ในค่ำคืนวันที่ 13 มีนาคม 2556 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ท่ามกลางบรรดาสื่อมวลชนและแขกผู้ทรงเกียรติที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการตัดสิน โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการร่วมตัดสินการประกวด นำโดย ท่านดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์, คุณปิยาภรณ์ สามประทีป รองผู้จัดการส่วนการตลาด เครื่องสำอางค์ บริษัท โอซีซี จำกัด มหาชน,นายแพทย์ปิยะศิลป์ จันทร์ภู่ ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลนนทเวช, คุณอรุโณชา ภาณุพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด, คุณชาติชาย พยุหนาวิชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด มหาชน,พลเอกนิพนธ์ สีตบุตร อดีตราชองครักษ์เวร, คุณสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด, นายแพทย์มารุต มัสยวาณิช อดีตสมาชิกวุฒิสภา , คุณกัลช์ฎาภรณ์ (กัน-ดา-พร) ศิริเยี่ยม ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพบาบิซอน, คุณบุญชัย คงปักไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอ็ม อี จำกัด, Mr. Ralf Bissinger (มร.ราล์ฟ บิสซิงเกอร์) Director Of Sales And Marketing BMW (Thailand) Company Limited, คุณประพันธ์ พลธนะวิสิทธิ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด, Mr. Stefan Schwirtz General Manager Corporate Sales BMW (Thailand) Company Limited และ คุณวิชชา วัชรานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอตโซไซตี้ จำกัด ร่วมด้วยคุณรุจิโรจ เอี่ยมลำเนา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ บริษัทฯ ,คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัทฯและประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์,คุณอโณทัย เอี่ยมลำเนาและ คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ได้เดินทางมาร่วมเป็นเกียรติภายในงาน


บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความทันสมัย โดยยึดคอนเซปต์“Street of automotive fashion” หรือ “แฟชั่นแห่งโลกยนตรกรรม” บวกกับความน่ารัก สวยใส มากความสามารถของผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คน จนมาถึงรอบ 10 คนสุดท้าย ที่ต่างงัดความสามารถที่มีของตัวเองออกมาโชว์ เรียกคะแนนจากคณะกรรมการ, ผู้ร่วมงาน และพี่ๆสื่อมวลชนกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น โดนใจกรรมการที่สุด และชนะใจกรรมการด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ สามารถคว้ามงกุฏมิสมอเตอร์โชว์ในปีนี้ไปครองนั้น ได้แก่ หมายเลข 20 “น้องปอปลา” ปาริชาติ บุญยืน สาวสวยใสจากรั้วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และรองอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 7 “น้องลูกน้ำ” ชัชฎาวรรณ ศรีอนันต์, รองอันดับ 2 หมายเลยเลข18 “น้องน้ำหวาน” รักษ์ณภัค วงศ์ธนทัศน์, รองอันดับ 3 หมายเลข 1 “น้องฟีม” ปัญจพร ศรีสัตตรัตน์กุล และ รองอันดับ 4 หมายเลข 13 “น้องส้มโอ ” ประภัสสร ชะอุ้ม ส่วนสาวงามหนึ่งเดียวที่คว้าตำแหน่ง Miss Congeniality หรือ นางงามมิตรภาพไปครองได้แก่ หมายเลข 11 “น้องแคท” กล้วยไม้ พิกุลแย้ม

โดยสาวสวยทั้งหมดนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์พิเศษของงาน “ The 34th Bangkok International Motor Show ” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย.56 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี และจะเริ่มปฏิบัติภารกิจเดินสายขอบคุณบรรดาพี่ๆ สื่อมวลชน และผู้ให้การสนับสนุน เป็นลำดับต่อไป

ฮอนด้าเปิดตัวคลิก125ไอใหม่ เน้นโฉบเฉี่ยวเอาใจโจ๋ ดุดันด้วยสีดำด้านและเทคโนโลยี Idling Stop พร้อมดึงโดม-บี้ ประชันความเท่แบบ Hot & Cool ภายใต้คอนเซปต์ “ตัวจริงมีแค่หนึ่งเดียว”



ค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รีเฟรชไลน์อัพเอาใจวัยรุ่นในเมืองด้วยการเปิดตัวฮอนด้าคลิก125อ ใหม่ ปราดเปรียวด้วยโทนสีโฉบเฉี่ยวและกราฟฟิกสุดเท่ยิ่งกว่าเดิม ภายใต้คอนเซปต์ “The Unbeatable ตัวจริง มีแค่หนึ่งเดียวโชว์ความโดดเด่นเหนือใครด้วยโทนสีดำด้านที่ให้ความดุดันเป็นพิเศษ ขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะด้วยขุมพลัง eSP และเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดPGM-FI ขนาด 125cc. ก้าวล้ำไปกับเทคโนโลยีหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติIdling Stop พร้อมดึงโดม-ปกรณ์ ลัม และ บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว สองพรีเซนเตอร์ดังมาประชันความเป็นหนึ่ง เพื่อเสริมภาพลักษณ์ความเป็นรถจักรยานยนต์ของลูกผู้ชายตัวจริง เปิดราคาเริ่มต้นที่48,900 บาท วางจำหน่ายพร้อมกันแล้วทั่วประเทศ

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นได้ส่งผลให้ฮอนด้าคลิก125ไอ กลายเป็นรถเอ.ที.สปอร์ตที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อต้นปี2012 อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยโดยเฉพาะดีไซน์ที่ต้องมีความสดใหม่โดนใจวัยรุ่นอยู่เสมอ โดยในครั้งนี้ ฮอนด้าคลิก125ไอ ใหม่ จะมาพร้อมกับโทนสีที่มีความเข้มแข็งอย่างสีดำด้านที่ให้อารมณ์สปอร์ตแบบซุปเปอร์คาร์ พร้อมด้วยกราฟิกรอบคันที่มีมิติและดูโฉบเฉี่ยวมีพลังยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นรถจักรยานยนต์สำหรับผู้ชายมาดเข้ม เรายังได้ดึงโดม-ปกรณ์ ลัม และ บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว สองซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย มาประชันความเท่ในรูปแบบฮอทแอนด์คูลอีกด้วย โดยโดมจะเป็นตัวแทนของความฮอทในแบบฉบับของรถสีดำด้าน ในขณะที่บี้จะเป็นตัวแทนของความคูลด้วยเทคโนโลยีหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop ทั้งนี้ ทุกคนจะได้พบกับศิลปินทั้งสองคนในภาพยนตร์โฆษณาเปิดตัวฮอนด้าคลิก125ไอใหม่ ซึ่งกำลังจะออนแอร์ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

สำหรับฮอนด้าคลิก125ไอ ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “The Unbeatable ตัวจริง มีแค่หนึ่งเดียว” ด้วยโทนสีแบบทูโทน และกราฟิกที่เน้นความเข้ม เฉียบคม มาพร้อมกับเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง eSP (Enhanced Smart Power) ที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์จังหวะขนาด 125cc. ระบบหัวฉีด PGM-FI,ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Built-in Liquid Cooledและระบบลดแรงเสียดทาน Intelligent Low Friction จึงให้ทั้งสมรรถนะ และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 55.8 กิโลเมตร/ลิตร จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับ และรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์E20

ฮอนด้าคลิก125ไอ ใหม่ แบ่งออกเป็นรุ่นย่อย รุ่น ประกอบด้วยรุ่น Idling Stop, Racing, Street, และ Tune Up มีคู่สีให้เลือกรวมทั้งสิ้น 11 แบบ โดยรุ่นIdling Stop ซึ่งเป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมกับระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อหยุดรถนานเกิน3 วินาที และทำงานต่อทันทีเมื่อบิดคันเร่ง พร้อมคอมบายเบรก และล้อแม็กแบบสปอร์ตก้าน

ฮอนด้าวางแผนการจำหน่ายคลิก125อ ใหม่ ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2556 เป็นต้นไป ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 48,900 บาท ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://www.aphonda.co.th/

ฮอนด้าเปิดตัวแอคคอร์ด ใหม่ เจนเนอเรชั่น 9 ที่สุดแห่งความปรารถนาของยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยม




· ฮอนด้า แอคคอร์ด สานตำนาน 37 ปี สู่ยนตรกรรมเหนือระดับ ด้วยดีไซน์หรูหรา สง่างาม พร้อมความสะดวกสบายในการขับขี่ชั้นยอด
· เปิดตัวเครื่องยนต์อัจฉริยะ “เอิร์ธ ดรีม” รุ่นแรกในไทย ครบครันด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำหน้าสมรรถนะสมบูรณ์แบบ ประหยัดน้ำมัน และรองรับ E85
· มั่นใจรอบด้านด้วยระบบความปลอดภัยล้ำสมัย

กรุงเทพฯ วันที่ 11 มีนาคม 2556  บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ยนตรกรรมสุดหรูเจนเนอเรชั่นที่ 9 ที่มีการออกแบบใหม่ทั้งคัน ด้วยดีไซน์หรูหรา สง่างามเหนือระดับ เพื่อสะท้อนรสนิยมและเติมเต็มความต้องการยนตรกรรมระดับหรูของลูกค้าภายใต้การออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมี่ยม นวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ความปลอดภัยสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  มีจำหน่าย รุ่น ราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาท พร้อมแล้วที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดขายที่  20,000 คันภายในหนึ่งปี

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "นับตั้งแต่ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่หนึ่งได้เปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2519 และสามารถครองใจผู้ขับขี่จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบัน มียอดขายสะสมถึงสิ้นปี 2555 รวมทั้งสิ้นมากกว่า 19 ล้านคันใน 160 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย มียอดขายสะสมตั้งแต่ปี 2527 จนถึงปลายปี 2555 รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 138,229 คัน"

"ตลอดระยะเวลา 37 ปี ฮอนด้า แอคคอร์ด ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรมแห่งโลกยานยนต์อันล้ำสมัยในแต่ละช่วงเวลา จึงทำให้ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นสุดยอดยนตรกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่น และส่งมอบความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าทั่วโลกในทุกยุคทุกสมัย สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9  ที่มีดีไซน์สะท้อนถึงความหรูหรา สง่างามเหนือระดับ และสะดวกสบายมากที่สุดที่เคยมีมา ทั้งยังครบครันด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และความคุ้มค่าสูงสุด"

การเปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่นี้ นับเป็นการพลิกโฉมการออกแบบยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมเหนือระดับของฮอนด้าอีกครั้ง ด้วยองค์ประกอบแห่งความเหนือชั้น ได้แก่

ดีไซน์หรูหรา สง่างามเหนือระดับ ผสานอารมณ์สปอร์ตอย่างลงตัว นอกจากประสิทธิภาพอันโดดเด่นทางด้านหลักอากาศพลศาสตร์แล้ว ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เฉียบคมทุกตารางนิ้ว การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของแอคคอร์ดใหม่ได้รับการพัฒนาให้โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่ล้ำสมัย เคร่งขรึมด้วยเสากลางรถสีดำหรูแบบเปียโนแบล็ค และไฟท้ายแอลอีดี

ความสะดวกสบายเหนือจินตนาการ ด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่เน้นการเพิ่มความสบายสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขึ้นกว่าเดิม และที่นั่งโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังมีพนักพิงที่กว้างขวางสะดวกสบาย ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมี่ยม เช่น เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (Active NoiseControl) และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวาเพื่อสุนทรียภาพในการขับขี่ อีกทั้งยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ที่ใช้งานง่ายสะดวก และรวดเร็ว

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 8 นิ้ว ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ โดดเด่นด้วยระบบสั่งการแบบ Smart Interface ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของระบบเครื่องเสียง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth และข้อมูลรถยนต์ผ่านหน้าจอควบคุมอัจฉริยะระบบสัมผัส (On-demand Touch Panel)

ขุมพลังเหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 2.4 ลิตร DOHC ใช้เทคโนโลยีเอิร์ธ ดรีม(Earth Dreams) เป็นรุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการพัฒนาองค์ประกอบการสันดาปภายในและการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร (23.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที  และเครื่องยนต์ สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร SOHC สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร (19.4 กก.-ม.) ที่ 4,300 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที  ทั้งนี้ เครื่องยนต์ทั้งสองขนาดยังรองรับการใช้น้ำมัน E85 พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด

เทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือชั้น ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ล่าสุดครอบคลุมรอบคันรถ เปิดมุมมอง 360 องศาให้แก่ผู้ขับขี่ อาทิ ระบบ CMBS ซึ่งเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก เพื่อช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว หรือเบรกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชนหรือลดความรุนแรงจากการชน เทคโนโลยี Honda LaneWatch ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยลดจุดบอดและเพิ่มทัศนวิสัยด้านข้างขณะเปลี่ยนเลน ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติ Active Cornering Light เพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวรถในเวลากลางคืน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ช่วยเติมเต็มทัศนวิสัยด้านหลัง พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบแอลอีดี Daytime Running Lights  ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ Dual i-SRS  ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbag  ม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags  ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA  ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย MA-EPS  ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA  ระบบป้องกันล้อล็อก ABS  และระบบกระจายแรงเบรก EBD  ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer  สัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS  และกระจกหน้าต่างคู่หน้าลดการเกาะตัวของหยดน้ำ Water Dispersing  รวมทั้งกระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ (อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น)

เพื่อตอกย้ำว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม และเป็นที่สุดแห่งความปรารถนาของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง ฮอนด้าได้วางแนวทางการสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด All My Desire โดยได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสะท้อนแนวคิดดังกล่าว ผ่านบทเพลง “เสน่หา” ซึ่งได้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาอังกฤษ และมีการเรียบเรียงดนตรีขึ้นมาใหม่ มีกำหนดออกอากาศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มีจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น ขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ได้แก่ รุ่น 2.0EL และ 2.0EL (Navi) และขนาดเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ได้แก่ 2.4EL,  2.4EL (Navi)  และ 2.4 TECH ในราคาตั้งแต่ 1,299,000 บาท ถึง 1,799,000 บาท มีให้เลือก 5 สี คือ สีขาวออร์คิด (ขาวมุก-เพิ่ม 12,000 บาท)  สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก-เพิ่ม 8,000 บาท) และมี 2 สีใหม่ คือ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีทองแชมเปญฟรอสต์ (มุก-เพิ่ม 8,000 บาท)

“เรามั่นใจว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ จะมาสร้างตำนานบทใหม่ของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่ให้ความหรูหรา สง่างาม และความสะดวกสบายเต็มพิกัด พร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยให้ความคุ้มค่าสูงสุด และจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยเช่นเดียวกับทุกๆ เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา โดยเราตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 20,000 คันภายในหนึ่งปี” นายพิทักษ์ กล่าวปิดท้าย
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved