Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เปอโยต์เข้าร่วม Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 34 เปิดตัวเปอโยต์ Expert Tepee รถอเนกประสงค์ สไตล์ LUV รุ่นใหม่ อย่างเป็นทางการ


งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 34 จัดขึ้น ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7เมษายน 2556 บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ในประเทศไทยได้ร่วมออกบูธ บนพื้นที่กว่า 500 ตรม. ถือโอกาสดีเปิดตัวรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ The New Peugeot Expert Tepee และนำรถทุกรุ่น ไปร่วมงาน พร้อมข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้า
นายจักรรัตน์ ลีนุตพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ตั้งใจเข้าร่วมงานBangkok International Motor Show ครั้งที่ 34  เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีในการที่จะแนะนำรถยนต์เปอโยต์รุ่นต่างๆ อีกทั้งเป็นงานใหญ่ระดับสากลและมีผู้ร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีโอกาสในการสร้างยอดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจากปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้นำเปอโยต์ 408 มาแนะนำก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าและมียอดจองจากในงานจำนวนมาก
จากความสำเร็จดังกล่าว ในปีนี้ทางบริษัท ยนตรกิจ ออโตโมบิลส์ จำกัด จึงถือโอกาสเปิดตัวรถอเนกประสงค์ The New Peugeot Expert Tepee อย่างเป็นทางการภายในงานBangkok International Motor Show ครั้งที่ 34 โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งที่จะตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่ต้องการรถยนต์คุณภาพเยี่ยมจากยุโรปในราคาที่สัมผัสได้ โดยตั้งราคาจำหน่ายเริ่มต้นไว้ที่ 1,699,000 บาท


The New Peugeot Expert Tepee รถตู้อเนกประสงค์รุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบโดยสะท้อน          คุณลักษณะเฉพาะของเปอโยต์ ผสมผสานความสะดวกสบายของอรรถประโยชน์การใช้งาน และสมรรถนะ     ที่เหนือชั้นของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ แบบไดเร็กอินเจคชั่น พร้อมระบบกรองอนุภาคไอเสียที่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเครื่องยนต์ที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมและมลพิษทางอากาศ โดยมีการปล่อยก๊าซ CO2 ในปริมาณที่ต่ำเพียง 189 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5

The New Peugeot Expert Tepee นี้ นับเป็น Generation ที่ 3 หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1995 และประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายกว่า 475,000 คันทั่วโลก ซึ่งเป็นการแสดงถึงความนิยมอย่างสูงจากผู้ใช้รถยนต์สำหรับครอบครัว โดยได้ปรับรูปลักษณ์โดยนักออกแบบ ให้มีความทันสมัยและสง่างาม ฝากระโปรงหน้ามีโลโก้สิงห์แบบใหม่อยู่เหนือกระจังหน้าโครเมียมที่หรูหาร เส้นสายตัวถังที่โดดเด่นและสื่อถึงพลังแห่งการขับเคลื่อนแม้ขณะจอดอยู่

ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ แบบไดเร็กอินเจคชั่น ( HDi) ขนาด 2.0 ลิตร         ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสูงขึ้น สามารถสร้างกำลังได้ถึง 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาทีและแรงบิด 340 นิวตันเมตรที่รอบต่ำที่ 2,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบ ไม่มีเสียงรบกวน เพิ่มสุนทรียภาพขณะเดินทาง ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย Co2 ต่ำ และผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ส่งถ่ายกำลังสู่การขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ทั้งยังทรงตัวและเกาะถนนเป็นเยี่ยมจากระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันพร้อมปีกนกด้านล่างและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบกึ่งคานบิดพร้อมคอยล์สปริงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่เลื่องชื่อของ Peugeot
ดังนั้น The New Peugeot Expert ใหม่ จึงเปิดนิยามการเดินทางด้วยรถอเนกประสงค์แบบ LUV (Leisure Utility Vehicle) ขนาดกะทัดรัดสามารถใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว สะดวกสบายอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ภายในบูธของเปอโยต์ ยังมีรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงและจำหน่าย ได้แก่เปอโยต์ 408 Exclusive Sedan ที่ยกระดับการเดินทางอย่างเหนือชั้น
เปอโยต์ 408 รถยนต์นั่งในกลุ่ม C-Segment ที่ผสานความโดดเด่น 4 ประการ เพื่อให้เป็นยนตรกรรมชั้นเยี่ยมคู่ควรกับคนพิเศษ

Elegance : ความหรูหราสง่างาม รถยนต์เปอโยต์ 408 เป็นรถยนต์นั่งขนาด Compact Car ที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อลดแรงเสียดทานขณะขับขี่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้าฮาโลเจนในโคมเรียวเฉียงขนาดใหญ่ สะดุดตากับโลโก สิงห์และแนวเส้นสันบนแนวฝากระโปรงหน้า กันชนแนวสปอร์ตหรูด้วยคิ้วโครเมียม มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยไฟตัดหมอกที่ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น ด้านข้างเรียบแต่เฉียบคมด้วยเส้นเหลี่ยมสันตลอดแนวประตูจรดด้านท้าย พร้อมคิ้วกันกระแทกที่เดินเส้นโครเมียมช่วยให้ตัวรถน่าหลงใหลชวนมอง ขณะที่ขอบฝากระโปรงท้ายออกแบบให้เป็นสปอยเลอร์ในตัว พร้อมไฟท้าย กรงเล็บสิงห์” (Lion claw) อันเป็นเอกลักษณ์ของเปอโยต์ 408

Space : ความกว้างขวางสะดวกสบาย ภายในกว้างขวางจากการขยายฐานล้อ ช่วยสร้างความสบายให้กับผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เบาะนั่งแบบ Semi Bucket Seat ช่วยโอบรับสรีระของผู้ขับขี่ให้กระชับ เบาะหลังพร้อมหมอนรองศีรษะแบบ Comma type แยกส่วนและสามารถปรับพับพนักพิงอัตราส่วน 60:40    เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการบรรทุกสัมภาระให้มากยิ่งขึ้นพรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งจอแสดงผลมัลติฟังก์ชั่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมทั้งความสุนทรีย์ตลอดการเดินทางด้วยชุดเครื่องเสียง RD4 และช่องเสียบ USB พร้อมลำโพง 6 ตัว สามารถรับสัญญาณ Bluetooth จากโทรศัพท์มือถือได้ถึง 3 เครื่อง
พวงมาลัย 3 ก้านปรับได้ 4 ทิศทางพร้อมสวิตช์ปรับตั้งความเร็วและระบบควบคุมความเร็ว (Cruise Control & Speed limiter)

Performance : สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ขุมพลังของเปอโยต์ 408 ที่นำเข้ามาแนะนำในครั้งนี้ เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,600 ซี.ซี. พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ที่ให้การตอบสนองได้ดั่งใจตั้งแต่รอบเครื่องต่ำๆ ด้วยกำลังสูงสุด 121 kW (165 HP) ที่ 5,800 รอบต่อนาทีและแรงบิด 240 Nm ที่มีให้ใช้ที่รอบเครื่องต่ำเพียง 1,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งเกียร์ทั้ง 2 รุ่นมีระบบ Porsche Tiptronicช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำช่วงล่างด้านหน้าแบบชิวโด แมคเฟอร์สันสตัรทพร้อมเหล็กันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่น บีม พร้อมเหล็กกันโคลง กับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เฉียบคมต่อการบังคับควบคุมด้วยยางสปอร์ต 225/45

Safety : ความปลอดภัยมาตรฐานสากล นอกจากโครงสร้างที่แข็งแกร่ง สามารถปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ดีเยี่ยมแล้ว เปอโยต์ 408 ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมากมาย



นอกจากนี้ยังมีเปอโยต์ 508 หนึ่งในความสมบูรณ์แบบของความภูมิฐานพร้อมแรงบันดาลใจ           ด้วยเอกลักษณ์ที่คุณสัมผัสได้ ตำนานอันเลื่องชื่อถึงความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถยนต์ในรูปแบบรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ หรือแกรนด์ ทัวร์ริ่ง คาร์ของ เปอโยต์” ทำให้เปอโยต์ 508 ใหม่ สะท้อนความเหนือระดับของผู้นำยนตรกรรมบนพื้นฐานแห่งแรงบันดาลใจ ความน่าเชื่อถือกับอายุการใช้งานที่ยาวนานรวมถึงความคล่องตัว ผสมผสานกับจุดเด่นอันทรงพลังด้านการออกแบบที่ก้าวหน้าส่งผลให้ เปอโยต์ 508 ใหม่ เหนือกว่ารถซีดานทั่วไป

เปอโยต์ 508 หนึ่งในผู้นำของพลังเครื่องยนต์ มาพร้อมเครื่องยนต์ HDi ดีเซล เทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร HDi 120 กิโลวัตต์ (165แรงม้า) แรงบิด 340 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 speed และมีค่า CO2 เพียง 149 กรัม / กิโลเมตร โดยมีการพัฒนาระบบเครื่องยนต์เป็นพิเศษให้มีน้ำหนักเบา โดยเทคโนโลยีไทเทเนียมน้ำหนักเบาได้นำมาใช้ในใบพัดของเทอร์โบเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพของการหมุนและลดแรงเสียดทาน พร้อมด้วยการทำงานของ Volt Control และหัวฉีดดีเซลใหม่ล่าสุด (Piezo) ที่ทำงานด้วยแรงดันสูงผ่านการควบคุมระบบไฟฟ้าให้เชื้อเพลิงกระจายผ่านช่องจ่ายน้ำมันที่มี 8 ช่องต่อหัวฉีดสู่ห้องเผาไหม้ ส่งผลให้ได้กำลังต่อเนื่องและลดมลพิษ

ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างแม่นยำและตอบสนองความสะดวกสบายของจังหวะวงเลี้ยวอย่างต่อเนื่อง ปรับน้ำหนักพวงมาลัยอัตโนมัติในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงให้สัมพันธ์กับความเร็ว ออกแบบให้มีระดับของความปลอดภัยดีที่สุดด้วยโครงสร้างที่สามารถยุบตัวพร้อมด้วยเทคโนโลยีการป้องกันจากอุปกรณ์ที่ก้าวหน้า เช่น ถุงลมนิรภัยด้านหน้าด้านข้างของด้านหน้า จุดม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า เป็นต้น

เปอโยต์ บิบเปอร์ เมโทร มินิ เอ็มพีวี ที่น่าจับตามอง
เปอโยต์ บิบเปอร์ เมโทร (Bipper Metro) รถอเนกประสงค์ พัฒนารถตามแนวทางของเปอโยต์ ออกแบบให้มีความสะดวกสบายกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและนอกเมือง ขนาดของรถมีความคล่องตัวและ ง่ายต่อการขับขี่ มีนวัตกรรมที่มาพร้อมกับความสนุกสนาน และการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม
บิบเปอร์ เมโทร รถมินิ เอ็มพีวี ขนาดเล็ก ประตูสไลด์ด้านข้าง มิติความยาว กว้าง และสูง คือ 3,864 x 1,684 x 1,720 มิลลิเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังปริมาณความจุ 356 ลิตร และสามารถขยายได้ มากถึง 884 ลิตร โดยการแบ่งพื้นที่นั่งด้านหลังและพื้นที่เก็บของในอัตราส่วน 60:40 จากการพับเบาะหลัง
อุปกรณ์มาตรฐานประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย, Start/Stop system, ระบบเบรก ABS, EBD, EBA และ ESP กระจกไฟฟ้าด้านหน้า เซ็นทรัลล็อค ประตูสไลด์ด้านข้าง เบาะนั่งคนขับปรับความสูงพร้อมที่รองแขน และระบบปรับอากาศ 

พบกับ เชฟโรเลต สปิน รถอเนกประสงค์เต็มเปี่ยมด้วยไลฟ์สไตล์ ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34


     เชฟโรเลต หวนคืนสู่ตลาดเอ็มพีวีด้วยการเปิดตัวสปิน รุ่นใหม่ล่าสุด หลังเคยบุกเบิกเซกเมนท์นี้เป็นบริษัทแรกในเมืองไทย
·         มอบความอเนกประสงค์ด้วยเบาะ 7 ที่นั่ง สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์แบบร่วมสมัย พร้อมการขับขี่อันสะดวกสบายแบบรถยนต์นั่ง
·         สปิน ออกทำตลาดประเทศไทยด้วยรุ่น LTZ


กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต สปิน รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดให้สื่อมวลชนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์อีกครั้ง สปิน ซึ่งเป็นรถซับคอมแพ็กต์ระดับโลกของเชฟโรเลต จะออกทำตลาดรถบีเซกเมนท์ในประเทศไทย เพียบพร้อมด้วยความอเนกประสงค์ในแบบรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบาย เนื้อที่ใช้สอยกว้างขวาง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ประหยัดเชื้อเพลิง สมรรถนะการขับขี่และการควบคุมที่เหนือชั้น อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่ร่วมสมัยและบึกบึน

เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เชฟโรเลต เปิดตัวรถเอ็มพีวีรุ่นแรกในเมืองไทยอย่างซาฟิร่า นับเป็นการบุกเบิกเซกเมนท์ใหม่ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ซาฟิรา ประสบความสำเร็จอย่างมากโดยได้รับรางวัล “รถเอ็มพีวียอดเยี่ยมแห่งปี” ในประเทศไทยสามปีซ้อน ลูกค้ามีความประทับใจในซาฟิร่าอย่างมาก ในปัจจุบันยังคงเห็นซาฟิร่า โลดแล่นอยู่บนท้องถนนเมืองไทยมากมาย ทั้งนี้สปิน รุ่นใหม่ไม่ได้เป็นตัวแทนของซาฟิร่า แต่เดินตามรากฐานความเป็นเอ็มพีวีคุณภาพเยี่ยมที่สร้างสรรค์โดยเชฟโรเลต

สปิน มีเป้าหมายเจาะกลุ่มคนไทยร่วมสมัย เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถที่มีความสะดวกสบาย กว้างขวาง มีขนาดพอเหมาะและมีราคาไม่สูงเกินไป ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ในเมืองที่ต้องการรถสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนฝูงหรือทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  สปิน อัดแน่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่แบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อย เป็นรถที่ใครก็เป็นเจ้าของได้หากพิจารณาถึงราคาจำหน่ายและค่าใช้จ่ายการดูแลรักษา ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถของคนที่กำลังสร้างครอบครัวและคนรุ่นใหม่ที่อาศัยในเมืองใหญ่ของประเทศไทย

สปิน ขึ้นสายการผลิตในศูนย์การผลิตแห่งใหม่ของจีเอ็ม อินโดนีเซีย ในเมืองเบกาซี โดยนอกจากทำตลาดในประเทศไทยและอินโดนีเซียแล้ว สปิน ยังถูกส่งออกไปจำหน่ายในฟิลิปปินส์อีกด้วย

มร. มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สปิน เติมความสมบูรณ์แบบให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราในประเทศไทย เติมเต็มช่องว่างระหว่างรถ
ซีดานและรถอเนกประสงค์เอสยูวีหรือรถกระบะได้อย่างดีเยี่ยม”

“สปิน เป็นรถที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นครอบครัวและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแบ่งปันกิจกรรมในวันพักผ่อนกับเพื่อนฝูง ทีมพัฒนาของเราซึ่งประกอบด้วยวิศวกรทั่วทั้งภูมิภาคนี้ได้สร้างสรรค์รถซัมคอมแพ็กค์เอ็มพีวีสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ดังกล่าวโดยเฉพาะ รองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่งด้วยเนื้อที่อันกว้างขวาง สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ สะดวกสบายและยืดหยุ่น อีกทั้งยังมีความทันสมัย สดใหม่ สมบุกสมบันและบึกบึน ทุกคุณสมบัติเด่นรวมอยู่ในรถที่มีขนาดกำลังดีคันนี้” มร. แอพเฟล กล่าว

สปิน ได้รับการพัฒนาบนแพลทฟอร์มของเชฟโรเลต ในระดับโลก โดยได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์จากทีมวิศวกรของเชฟโรเลต ทั่วทั้งภูมิภาคนี้ ซึ่งนำมาต่อยอดสู่การพัฒนาตั้งแต่เริ่มโครงการไปจนถึงขั้นตอนการออกแบบและการผลิต 

มร. แอพเฟล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเป็นเจ้าของและได้ขับขี่รถซับคอมแพ็กต์เอ็มพีวีไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเสมอไป เราต้องการสร้างรถเอ็มพีวีที่มีความสนุกทั้งในการครอบครองและขับขี่ เอ็มพีวีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ สปินจึงเป็นรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี”

“เราทุ่มเทใส่ใจอย่างมากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอกและภายในห้องโดยสาร การเลือกขุมพลังขับเคลื่อน การปรับปรุงสมรรถนะการขับขี่และการควบคุม ความสะดวกสบายและความประณีตในการตกแต่ง สปิน ถูกผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ”
มร. แอพเฟล กล่าว

การออกแบบ

เส้นสายของสปิน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดูอัลพอร์ทเอกลักษณ์เฉพาะของเชฟโรเลต ให้ภาพลักษณ์ความร่วมสมัย และเน้นย้ำว่ารถเอ็มพีวีขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องมีรูปลักษณ์แบบดั้งเดิมเสมอไป

ทีมนักออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส บราซิล เป็นผู้นำในการดีไซน์สปิน ซึ่งเอาใจใส่ในการออกแบบภายนอกเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้สปิน ดูเหมือนเป็น รถเอ็มพีวีธรรมดาอีกคันหนึ่งในตลาด’ เส้นสายที่บึกบึนและชัดเจนทำให้รูปลักษณ์ของสปินมีความโดดเด่นและทันสมัย สัดส่วนตัวถังที่คมคายจากช่วงสันไหล่ด้านข้างตัวรถที่สูงทำให้ตัวรถดูใหญ่กว่าที่เป็นและสะดุดตาขึ้น สะท้อนตัวตนความเป็นแบรนด์เชฟโรเลต ขนานแท้

ห้องโดยสาร



ห้องโดยสารของสปิน มีรายละเอียดอันพิถีพิถันเช่นกัน เป้าหมายอันดับแรกคือการพัฒนาพื้นที่อันกว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่งอย่างสะดวกสบาย พร้อมกับคงความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน การออกแบบภายในมีความอเนกประสงค์ ทันสมัย และมีกลิ่นอายความสปอร์ต ขณะเดียวกัน ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่งยังสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางเมื่อนั่งอยู่ในสปิน

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว พื้นที่ในห้องโดยสารของสปิน ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งรวมถึงการย้ายเบรกมือเพื่อเปิดพื้นที่สำหรับช่องวางแก้ว ถึงแม้จะมีเนื้อที่อันกว้างขวางแต่ยังคำนึงถึงหลักสรีระศาสตร์ โดยเฉพาะการใช้งานสวิทช์ต่างๆ ยังคงให้ความสะดวกอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากเบาะที่นั่งที่สามารถพับได้ 23 รูปแบบแล้ว สปิน ยังมีช่องเก็บของในห้องโดยสารมากถึง 32 ช่อง มีเนื้อที่ความจุอยู่ที่ 162 ลิตรเมื่อใช้เบาะ 7 ที่นั่ง โดยจะเพิ่มเป็น 864 ลิตรหากพับเบาะแถวหลังลง และจะมีเนื้อที่สูงถึง1,608 ลิตรหากพับเบาะแถวกลางลง

ตำแหน่งเบาะนั่งที่ค่อนข้างสูงทำให้เกิดมุมมองแบบโรงภาพยนตร์ เปิดทัศนียภาพรอบด้านให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งและสามารถสัมผัสได้ถึงความกว้างขวาง ขณะที่ตำแหน่งเบาะผู้ขับขี่ที่สูงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและลดความเมื่อยล้า

ห้องโดยสารของสปิน ยังมาพร้อมเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต นั่นคือดีไซน์แบบดูอัล-ค็อกพิท แผงคอนโซลแบบทูโทนที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันช่วยสร้างบรรยากาศระดับพรีเมียม มาตรวัดความเร็วของสปิน เป็นแบบดิจิตอล ส่วนมาตรวัดรอบเครื่องยนต์เป็นแบบเข็มอนาล็อกช่วยเพิ่มความสปอร์ตอีกระดับ หากเข้าในที่มีแสงน้อยแผงมาตรวัดของเชฟโรเลต เรืองแสงโทนสีฟ้าไอซ์บลู เอกลักษณ์เฉพาะที่โด่งดังของเชฟโรเลต

อีกหนึ่งความโดดเด่นภายในห้องโดยสารของสปิน คือความเงียบ ด้วยการบุวัสดุเก็บเสียงเป็นอย่างดีซึ่งช่วยลดทั้งเสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือน และความกระด้าง ทำให้การขับขี่มีความเงียบสะดวกสบายอย่างมาก
สมรรถนะการขับขี่และการควบคุม

เพื่อเติมความสมบูรณ์แบบให้การขับขี่ที่เงียบสงบและสร้างบรรยากาศแบบรถยนต์นั่ง สปิน มาพร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระและด้านหลังแบบกึ่งอิสระ ปรับแต่งเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่และควบคุมที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน ตอบสนองได้ทั้งการขับขี่ในเมืองและเสถียรภาพอันมั่นคงในช่วงความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรถระดับนี้ ผู้ขับขี่สามารถควบคุมตัวรถได้อย่างแม่นยำโดยไม่สูญเสียความสะดวกสบายแม้แต่น้อย โดยสปิน มาพร้อมคอยล์สปริงทั้งสี่ล้อ

เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและรุ่นย่อย

สปิน จะออกจำหน่ายในตลาดประเทศไทยคือรุ่น LTZ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ DOHC (Double Overhead Camshafts) 16 วาล์วพร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual-VVT (Dual Variable Valve Timing)  หัวฉีดเชื้อเพลิงมัลติพอยท์ (Multi-Point Fuel Injection) ให้พละกำลังสูงสุดที่ 107 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตรที่3,800 รอบ/นาที

ถ่ายพละกำลังลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ขณะที่ระบบส่งกำลังมาตรฐานเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ สปีดพร้อมระบบ Driver Shift Control ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นครั้งแรกในรถระดับนี้ อัตราทดเกียร์และเฟืองท้ายถูกปรับปรุงให้สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์บล็อกนี้เพื่อสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันสูงสุด

ทั้งนี้เชฟโรเลต สปิน มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานอย่างระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (หน้า/หลัง) เครื่องเสียงซีดี/เอ็มพี3 ลำโพงสี่ตัว พร้อมระบบเชื่อมต่อยูเอสบีและบลูทูธ ช่องเสียบต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยไฟหน้าส่องสว่าง Follow-Me-Home และระบบกันขโมย สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกระหว่างสองรุ่นย่อยจะแตกต่างกันเล็กน้อย รุ่น LTZ จะมาพร้อมระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติและราวหลังคา

เชฟโรเลต มีความเชื่อมั่นว่าเชฟโรเลต สปิน จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าอย่างมาก ทั้งในด้านราคาจำหน่ายและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน

การพัฒนา

สปิน ผ่านการทดสอบและประเมินผลสมรรถนะในหลายประเทศในสี่ทวีปทั่วโลก ทีมผู้พัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสปินตั้งแต่เริ่มต้น โดยได้ทดสอบสมรรถนะในด้านความเงียบ แรงสั่นสะเทือน ความกระด้าง ความสะดวกสบาย การขับขี่และการควบคุม รวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์บนท้องถนนทั่วทั้งภูมิภาคนี้

ทีมงานยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาให้สปิน สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเบาะที่นั่งอันยืดหยุ่น การจัดวางตำแหน่งผู้ขับขี่ (สำหรับเวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา) ความสะดวกสบายของผู้โดยสาร และการคำนึงถึงเรื่องใช้เชื้อเพลิง

สำหรับเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวานั้น ระบบขับเคลื่อนและระบบปรับอากาศของผู้โดยสารตอนหลังได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ มีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อรวมรวมความคิดเห็นจากลูกค้าทั่วโลก รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเพิ่มความเข้าใจในความต้องการใช้รถของแต่ละภูมิภาค สิ่งเหล่านี้ทำให้ทีมผู้พัฒนาได้รับข้อมูลอันมีความสำคัญยิ่ง รวมถึงการรับรู้ของลูกค้าและเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละประเทศก่อนที่จะใส่ไว้ในสปิน ที่ผลิตออกจำหน่ายจริง

สปิน เป็นรถที่มีความสำคัญที่สุดรุ่นหนึ่งของเชฟโรเลต เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ความยืดหยุ่น ความคล่องตัว ความกว้างขวาง และความประหยัด ทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในรถขนาดพอเหมาะคันนี้ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง แต่ก็พร้อมที่จะให้ความสนุกสนานบนถนนทางไกล เป็นคำตอบสำหรับคอรถยนต์ในเมืองอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เริ่มสร้างครอบครัวและคนรุ่นใหม่ในเมืองไทยที่ต้องการรถ 7 ที่นั่งที่ไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เชฟโรเลต เชื่อมั่นว่าสปิน จะตอบสนองเซกเมนท์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สปิน 1.5 ลิตร LTZ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมเปิดให้ลูกค้าจับจองภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 

“สตาเลียน” ม้าน้อยแสนเท่ห์ สายพันธุ์ไทย



 สตาเลียน” ม้าน้อยแสนเท่ห์ สายพันธุ์ไทย กับก้าวใหม่สู่ปีที่ 4  อย่างมั่นใจ เสริมศักยภาพทีมบริหาร เพื่อความเป็นเลิศ พร้อมเดินเครื่องผลิตโรงงานเหมราชในไตรมาสสอง และทะยานสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Stallions Thai to AEC กับดีไซน์โลโก้ใหม่ยกระดับสู่สากล ทั้งเปิดตัว Stallions ToY Siries พร้อมยกทัพ MiNi Series และ SPORT Series ใหม่ถึง รุ่น อวดโฉมยนตรกรรมสองล้อที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตส์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้

​​                นายเกรียงไกร ลาภจตุรพิธ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท พาวเวอร์ สตาเลียน จำกัด  ผู้จัดจำหน่ายมอเตอร์ไซด์ สตาเลียน  ม้าน้อยสายพันธุ์ไทย ผู้นำมอเตอร์ไซค์มินิ จดทะเบียนเป็นรายแรกของเมืองไทย หนึ่งในธุรกิจ SME ตีแตก และเป็นผู้จัดการแข่งขัน WORLD RECORDS “Stallions Mini Ride Up baiyok tower2  84 Floor (Tallest in Thailand )” "ขี่ขึ้นฟ้า ท้า บันทึกโลก" ชิงถ้วยพระราชทาน จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยงานนี้ ทางกินเนสส์บุ๊ค (Guinness Boss of World Records) ได้เข้าร่วมบันทึกสถิติ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นตึกใบหยก 2 ที่มีความสูงถึง 84 ชั้น หรือ 304 เมตร ซึ่งเป็นตึกที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทย

ทางสตาเลียนได้ร่วมลงทุนสร้างและพัฒนาเครื่องยนต์ ร่วมกับพันธมิตร SKYTEAM ผู้นำด้านรถ มินิ ไบค์ในยุโรป และบริษัทฯ JIANSHE (เจี้ยนเช่อร์) เทคโนโลยีญี่ปุ่น  และเป็นบริษัทฯร่วมทุนกับแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่น และบริษัทฯ Dayang (ต้าหยาง) ซึ่งมีเทคโนโลยีญี่ปุ่น โดยทั้งสองบริษัทฯ อยู่ในกลุ่ม The China South Industries Group Corporation ยักษ์ใหญ่แห่งยานยนต์โลก โดยมี (SCD Team) STALLIONS CREATIVE & DEVELOPMENT ดีไซน์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเยี่ยมผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เทคโนโลยีญี่ปุ่นกับดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างลงตัว การก้าวย่างเข้าปีที่ ของสตาเลียนตนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะบริษัทสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำรถมินิไบค์ และครองความเป็นแชมป์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทฯปรับโครงสร้างการบริหารเสริมศักยภาพและเพื่อความกระชับฉับไวในการบริหารโดยมีคุณอารีรัตน์  ศรีประทาย มาดูแลในตำแหน่ง CEO เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ พร้อมเดินเครื่องการผลิตในไตรมาสสองของปีนี้
สำหรับผลิตภัณฑ์ สตาเลียนได้พัฒนาฉีกแนวมอเตอร์ไซค์แบบเดิมๆโดยฝีมือคนไทย เป็นยนตรกรรมระดับโลก  สร้างความมั่นใจด้านคุณภาพ และรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นรองใคร ในราคาสบายกระเป๋า ซึ่งสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เป็น  ซีรี่ส์ แบบ ได้แก่

MiNi Series กับสุดยอดนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ SCD Team 1.Solo RS MiNi Sport NAKED 
โดดเด่นด้วยดีไซน์เนกเกด NAKED คมเข้มตั้งแต่หัวจรดท้าย ไฟหน้าตาเพชรผสานไฟหรี่แบบเลนส์โปรเจคเตอร์ ถังน้ำมันเสริมการ์ดข้าง เพิ่มความโฉบเฉี่ยวรับกับอันเดอร์คาวริ่งที่แหลมเน้นความสปอร์ตเปลือยสายพันธุ์ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ จังหวะ 125 ซีซี บาลานเอนจิน เทคโนโลยีญี่ปุ่น ให้พละกำลังแรงเกินตัว แข็งแกร่งด้วยโครงสร้างถังเหล็กเหลี่ยมขนาดใหญ่

2.SM 125 มินิโมตาร์ด เครื่องยนต์ จังหวะ 125 ซีซี ดับเบิ้ลคลัทช์ เทคโนโลยีญี่ปุ่น ที่ให้ความดุดันเร้าใจใน
สไตส์ย่อส่วนมาจากซูเปอร์โมตาร์ด 250 ซีซี ชื่อดังระดับโลก ดีไซน์สวยคมตั้งแต่คาวริ่งหน้า ปีกครอบถังน้ำมันและช่วงท้ายที่รับกันอย่างลงตัว จุดเด่นที่เหนือกว่ามินิมาร์ด โครงสร้างตัวถังท่อเหล็กกลมสานไขว้แบบสเปซเฟรมสไตล์ยุโรป ระบบกันสะเทือนหน้าอัพไซด์ดาวน์สามารถปรับความหนืดในการคืนตัวของแกนโช้คอัพได้ พร้อมด้วยโช้คอัพหลังขนาดใหญ่ สวิงอาร์มและวงล้อหน้าหลังอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ นี่คือสุดยอดของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือชั้นผสานกับที่สุดของความคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเปรียบเทียบกับมินิโมตาร์ดทั่วไปในขณะนี้

3.DX125  ม้าน้อยแสนเท่ห์ ที่มีเอกลักษณโดดเด่นไม่ซ้ำใคร เฟรมปั้มขึ้นรูปแข็งแรง เบาะยาว นั่งซ้อนสบาย เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากมายยุโรป มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ จังหวะ 125 ซีซี แบบดับเบิ้ลคลัช เทคโนโลยีญี่ปุ่น ระบบสตาร์ทเท้าและไฟฟ้า โช๊คอัพหน้าเทเลสโคปิก โช๊คอัพหลังคู่ หน้ายางใหญ่ทรงตัว รับน้ำหนักเหลือเฟือ การทรงตัวเยี่ยม ขับขี่สบายนุ่มนวล  พร้อมติดตั้งชุดยางกันกระชาก ทำให้การขับขี่นิ่มนวลขึ้น  ล้อแม็กซ์อลูมิเนียมอัลลอยด์พร้อมยางจุ๊บเลส เทคโนโลยีใหม่เฉกเช่นรถยนต์
SPORT Series 150 cc 4.Centaur Café Racer สตาเลียน เซนทอร์ 150 คาเฟ่เรเซอร์สปอร์ตย้อนยุคในตำนานที่ถูกสานฝันให้กลายเป็นจริงในวันนี้ มันคือสุดยอดแห่งความคลาสสิคที่เหนือกว่ารถคลาสสิกรุ่นใดๆ โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์คาเฟ่เรเซอร์ ถังน้ำมันเสริมแผ่นยางบ่งบอกถึงความเป็นอมตะ เบาะนั่งตูดมดสไตล์รถแข่งในอดีต เหนือชั้นด้วยกันสะเทือนหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ พร้อมด้วยกระจกส่องหลังติดตั้งไว้ที่ปลายแฮนเดิลบาร์ เท่ห์สุดๆในแบบที่ไม่มีผู้ผลิตรายใดเคยนำเสนอมาก่อน เครื่องยนต์ จังหวะ 150 ซี.ซี. ให้พลังความแรงและความประหยัดที่ยอดเยี่ยม นี่คือสปอร์ตคลาสสิกแห่งความฝันที่สามารถจับต้องได้ในราคาที่เป็นจริง

SPORT Series 125 cc กับเครื่องยนต์ YBR 4 จังหวะ 125 ซีซี บาลานเอนจิน เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น  ที่มีมาให้เลือก 3แบบ3สไตล์  5.PoLo Classic 125 มาดเท่ห์ คลาสสิคย้อนยุค ทางเลือกให้แฟนพันธุ์แท้บิ๊กไบค์ ย่อส่วน  
6.PoLo SPORT 125 มาดเข้ม ประหยัด ทนทาน สมบุกสมบัน   7.PoLo CUSTOM 125 เปิดมุมมองใหม่สู่วิถีทางของการขับขี่ระดับผู้นำ
สำหรับน้องใหม่ล่าสุด Stallions ToY Series ม้าน้อยตัวจิ๋ว ครั้งแรกของเมืองไทย กับมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นใน ยามว่าง หรือนำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ เป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของคนมีระดับเช่นคุณ 
8.ToY S50 ต้นกำเนิดตำนานรถฉบับมินิ ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถังขนาดเล็กกับเครื่องยนต์ จังหวะ 50 ซีซี ล้อ นิ้วยางออฟโรด 9.ToY MTX50 รถวิบากขนาดจิ๋ว ที่จะให้คุณพกพาไปสนุกได้ทุกที่กับเครื่องยนต์ จังหวะ 50 ซีซี ล้อ นิ้วยางออฟโรด กับราคาที่แสนจะสบายกระเป๋า

นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ทั้งหมดคือมินิไบค์ ในหลากหลายเซ็กเมนท์ที่คัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้รักและชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กซึ่งสามารถจดทะเบียนได้ ขับขี่บนท้องถนนได้อย่างปลอดภัยไร้ข้อจำกัด ผู้ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์มินิสามารถเลือกซื้อและสัมผัสในทุกรุ่นได้อย่างจุใจ ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์นี้ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2556 นี้  ณ ชาเลนเจอร์ ฮอล์ บูธ C5 ในงานนี้ตนคาดว่าจะทำยอดขายไม่น้อยกว่า 300 คัน ทั้งนี้ตนได้จัดเตรียมแคมเปญพิเศษ ผ่อน 0%สูงสุดถึง10เดือนกับCitibank และ Aeon  พร้อมพบกับพริตตี้สาวจะมาแจกรางวัลและของที่ระลึกหลากหลายอย่างจุใจตลอดงาน

“Volkswagen” มอบแพ็คเก็จ Thaiyarnyon Privilege รับทอง 10 บ.พร้อม Warrantty ฟรี ในงานมอเตอร์โชว์



Volkswagen มอบแพ็คเก็จ Thaiyarnyon Privilege ในงาน Motor Show 2013 เลือกจอง VW GTIรับทอง 10 บ.+ ฟรี Warrantty 3 ปี, เลือกจอง Caravell หรือ Multivan รับเอกสิทธิ์พิเศษ Worry Free 5 Years หรือจอง Scirocco รับชุดแต่งสปอร์ต R-Line + Warranty 3 ปี จำกัดเฉพาะในช่วงงานนี้เท่านั้น

นายสมรรถ  รอบบรรเจิด ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรถยนต์โฟล์คสวาเกน  บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen ในเครือ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ มีนโยบายในการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ Volkswagen ในงาน Bangkok International Motor Show 2013 ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพ และเทคโนโลยีให้แก่ผู้บริโภคคนไทยได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญ ในช่วงเวลาดังกล่าวนับเป็นวาระที่พิเศษสุดสำหรับในปีนี้ที่จะมอบโอกาสแห่งความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับการเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับ Premium จาก Volkswagen
ด้วยแพ็คเก็จพิเศษ Thaiyarnyon Privilege สำหรับลูกค้าที่สั่งจองเป็นเจ้าของรถยนต์ Volkswagen รุ่น GTI รถแฮทซ์แบค 5 ประตู สุนทรีย์ภาพในการขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจ รับทองคำแท่ง หนัก 10 บาท มูลค่ารวม 230,000 บาท  พร้อมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร หรือเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Volkswagen รุ่น Sciroccoสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 2.0 TSI รับชุดตกแต่งสปอร์ต R-Line เพิ่มความหรูหรา สง่างามสไตล์สปอร์ต พร้อมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร
และครั้งแรกกับเอกสิทธิ์พิเศษสุดที่มอบให้แก่ลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับ Premium สำหรับรถยนต์ Volkswagen รุ่น The New Caravelle Touring, รุ่น The New Caravelle Businessline และรุ่น The New Multivan รถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รับเอกสิทธิ์พิเศษในโปรแกรม Worry Free 5 Years ที่มอบทุกความคุ้มครอง และครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษา การรับประกันคุณภาพ และการซ่อมบำรุง ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมทั้งการเปลี่ยนอะไหล่แท้ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจาก Volkswagen โดยการเปลี่ยนอะไหล่แท้จะครอบคลุมในส่วนของแบตเตอรี่ และใบปัดน้ำฝนด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสุขในการขับขี่รถยนต์โฟล์คสวาเกน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพ และสมรรถนะของโฟล์คสวาเกน
นายสมรรถ กล่าวเพิ่มเติมว่า  สำหรับการร่วมแสดงรถยนต์ในครั้งนี้  ทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร  และผลิตภัณฑ์ Volkswagen ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายแก่ผู้บริโภคคนไทย ดังนั้น จึงได้ออกแบบและตกแต่งบู๊ธ ภายใต้แนวคิด A Perfect Blend – การผสมผสานอย่างลงตัว
“จากการผสมผสานความโดดเด่น และรูปลักษณ์ที่หลากหลายสไตล์ของรถยนต์ในแต่ละรุ่นระหว่างความเป็นรถสปอร์ต  ขับขี่สนุกสนาน เร้าใจ กับรถระดับ Premium ที่นำมาประสานความเป็นหนึ่ง ด้วยบู๊ธสีขาว เน้นความเรียบ หรู พร้อมสร้างสีสันความเป็นสปอร์ตแฟชั่น ด้วยลวดลายธงหมากรุกสีแดง เพิ่มความโดดเด่น และสดใสได้อย่างลงตัว
ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสนวตกรรมยานยนตร์ของ Volkswagen ได้ที่บู๊ธ Volkswagen A14 ในงาน Bangkok International Motor Show 2013 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-2 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย. ศกนี้

“SBRAND” 1 ปี กับความสำเร็จศูนย์ซ่อมสี-ตัวถังรถยนต์ ชูบริการใหม่ SBRAND COATING เพื่อรถยนต์คันโปรด


 “SBRAND” ฉลองครบรอบ 1 ปี กับความสำเร็จของศูนย์ซ่อมบำรุงสี และตัวถังรถยนต์ ที่เร็วที่สุดในโลกเพียงชั่วโมงเดียว ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมเปิดบริการเคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating) กับบริการ SBRAND SUPERCOAT รองรับกลุ่มลูกค้าคนรักรถระดับบน ทั้งรถใหม่ และรถที่ใช้งานในปีแรกเพื่อทำให้สีรถดูเงางามตลอดเวลารับประกันคุณภาพ ยกระดับมาตรฐานบริการ ด้านการดูแลรักษา ซ่อมบำรุงและปกป้องรถยนต์ในประเทศไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล 

นายประณัย พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม เอสแบรนด์ จำกัด เปิดเผยว่า “1 ปี กับความสำเร็จ หลังจาก “SBRAND” ศูนย์บริการซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ ที่เน้นซ่อมเร็ว คุณภาพดี และราคาประหยัด ด้วยสุดยอด นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูจากประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วที่สุดในโลกแห่งแรกในเมืองไทยทั้งรถใหม่ และรถที่ใช้งานในปีแรก ซึ่งจุดเด่นเน้นการซ่อมสีเฉพาะจุด คือ การใช้เทคโนโลยีไมโครรีแพร์ [Micro Repair] รวมถึงงานซ่อมทั้งชิ้นงาน [Panel Repair]  ด้วยเทคนิคการซ่อมในระดับมาตรฐาน สามารถซ่อมเฉพาะบริเวณที่เกิดความเสียหายโดยไม่ต้องถอดแยกชิ้นส่วนในระหว่างการซ่อม ทำให้หมดปัญหาเรื่อง การประกอบชิ้นส่วนที่อาจกลับมาไม่เหมือนเดิม

บริษัท  สยาม เอสแบรนด์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อมีนาคม ปี 2555 ที่มองเห็นว่า ปัจจุบัน ประเทศไทย ธุรกิจการให้บริการซ่อมบำรุงและปกป้องผิวสีรถยนต์ เปิดให้บริการเป็นจำนวนมากตั้งแต่ร้านซ่อมเล็กๆ ไปจนถึงระดับศูนย์บริการ แต่ไม่สามารถรองรับ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยที่มี อัตราการใช้รถยนต์ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ รูปแบบการให้บริการ รวมถึงบุคลากร และทีมช่างที่ไม่ได้มาตรฐานของการให้บริการ บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสและความสำคัญ ของบริการที่ตอบสนองผู้ใช้รถยนต์ และใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการที่จะส่งมอบ ไปสู่ผู้บริโภค

“สยาม เอสแบรนด์” เริ่มเปิดตัวครั้งแรกกับการให้บริการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ โดยมุ่งยกระดับคุณภาพ ของการให้บริการที่เหนือกว่าศูนย์บริการในประเทศ บริษัทฯ ได้เลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเทคโนโลยี ล่าสุดของการซ่อมบำรุงผิวสีและตัวถังรถยนต์ รวมถึงการฝึกฝน และพัฒนาฝีมือช่างชาวไทยส่ง ไปฝึกอบรมจาก ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการผู้บริโภคในประเทศไทย โดยคำนึงถึงปัจจัยในเรื่อง “เวลา” ที่ใช้ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เนื่องจากปัจจุบันศูนย์ให้บริการซ่อมสีและตัวถังในประเทศไทยหลายแห่งยังคง ใช้เวลานานในการซ่อม


รถยนต์อย่างน้อยที่สุด 1-2 สัปดาห์ยังไม่รวมเวลาในการจองคิวก่อนเข้าซ่อมจริง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเกือบ 1 เดือนที่ผู้บริโภคต้องเสียเวลาไปกับการรอและไม่มีรถใช้ อีกทั้ง งานส่งมอบยังไม่ได้คุณภาพที่ดีเพียงพอ ด้วยมาตรฐานของศูนย์บริการที่มุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการ และระยะเวลาของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บริษัทฯ จึงนำเทคโนโลยีการซ่อมสี/ตัวถังจากประเทศญี่ปุ่น ที่ช่วยลดระยะเวลาในการซ่อมให้เหลือเพียงแค่ 1 วัน โดยไม่ต้องทิ้งรถไว้ข้ามวัน ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเป็นเดือนไปกับการไม่มีรถใช้ อีกทั้งคุณภาพสูงสุดของ การซ่อมที่ส่งมอบกลับให้ลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับระยะเวลาการซ่อมที่ลดลง ด้วยระดับมาตรฐานคุณภาพ ที่เหนือกว่าศูนย์บริการมาตรฐานทั่วไป ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เข้าใช้บริการ และเกิดความประทับใจไว้วางใจกับบริการเป็นจำนวนมาก จนบอกต่อปากต่อปากถึงบริการที่มีคุณภาพของ “สยาม เอสแบรนด์” ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี เมื่อเทียบให้เห็นภาพชัดเจนจากตัวเลขรายได้ในไตรมาสแรก ที่เปิดให้บริการจนถึงไตรมาสสุดท้ายในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 204% และจำนวนรถยนต์ (จากการให้บริการในปีที่ผ่านมา) กว่า 30 แบรนด์ ทั้งรถยุโรป และเอเชียที่ให้ความไว้วางใจเลือกบริการ SBRAND ดูแลซ่อมบำรุงรถยนต์คันโปรดของคุณ

SBRANDประสบความสำเร็จได้รับการตอบสนองอย่างดีต่อกลุ่มผู้ใช้รถในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง และเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดไปยังผู้บริโภคครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้รถในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากการค้นคว้าและวิจัยถึงพฤติกรรมการใช้รถของคนในประเทศไทย ที่มีอายุการใช้รถยนต์ค่อนข้างนานเฉลี่ย 5-6 ปี อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการ ดูแลรักษารถ เพื่อคงสภาพความเงางามอยู่เสมอ บริษัทฯ ได้นำเข้าเทคโนโลยีใหม่ของการปกป้อง รักษาผิวสีรถยนต์ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่รักรถ และให้ความสำคัญต่อการป้องกันผิวสีรถยนต์จากมลภาวะเศษฝุ่นผงภายนอก และการบำรุง รักษาผิวสีรถยนต์เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ และให้ความเงางามที่มากกว่ารถคันใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมล่าสุดของการเคลือบรถยนต์ จากการพัฒนาของ 3 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น และอเมริกา ที่รองรับและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจ    และ ให้ความสำคัญกับการปกป้อง และเพิ่มความสวยงามให้กับรถคันโปรดเป็นพิเศษ

ที่สำคัญ บริการเคลือบรถยนต์ของ “สยาม เอสแบรนด์”เป็นนวัตกรรมใหม่ของการเคลือบรถที่ได้รับการคิดค้น และพัฒนา จากสถาบันวิจัย และพัฒนาจากผู้ผลิตประจำประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เคลือบรถมีคุณสมบัติในการ ปกป้อง คงความเป็นเอกลักษณ์ และเพิ่มความเงางามที่ให้มากกว่าที่เคยเห็นในโชว์รูม อีกทั้งบริการเคลือบรถยนต์ที่ บริษัทฯ นำเข้ามานั้นยังแบ่งเป็น 2 ระดับคือ บริการเคลือบรถยนต์ระดับพรีเมียม หรือที่เป็นที่นิยมเรียกกันในชื่อ บริการเคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating) กับบริการ SBRAND SUPERCOAT เพื่อตอบสนองกลุ่ม    ผู้รักรถยนต์  ที่ต้องการคุณภาพเหนือระดับอย่างแท้จริง ที่ให้มากกว่าคำโฆษณา  ด้วยระยะเวลาการปกป้องรถที่ถึง 10 ปี และเป็นผลิตภัณฑ์ได้รับการทดสอบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทคงรูป คงทน และไม่กลายสภาพ (inorganic) จึงมีอายุของการปกป้องยาวนานสูงสุด และสร้างความสวยงามที่ให้คุณมากกว่าที่เคยพบ และอีกหนึ่งระดับ รองลงมาของการบริการเคลือบรถ ที่เจาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในเมืองไทยที่มีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นกับบริการ SBRAND

PROTECTOR หรือ Silicon Coat ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มผู้รักรถและต้องการการปกป้อง ซึ่งมีอายุ การปกป้องถึง 1 -1.5 ปี  และคงความเงางามขึ้นอีกระดับ ที่ให้มากกว่าผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดจำพวก wax ที่มีอายุการใช้งานเพียง 1 เดือน และละลายเมื่อถูกแดด (หมายเหตุ ผลิตภัณฑ์ wax ค่อนข้างเป็นที่นิยมใน ประเทศไทย แต่กลับมีอายุความคงทนค่อนข้างต่ำ อีกทั้งส่งผลกระทบกับผิวสีรถยนต์เมื่อใช้ไปนานๆ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่คงรูป      เมื่อถูกสภาวะอากาศร้อนจะละลาย และกลายสภาพเป็นสารเคมีตกค้างที่ ส่งผลเสียต่อคุณภาพผิวสีรถยนต์)

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางความมั่นใจกับพันธมิตรทางธุรกิจ ถึงโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัท สยาม เอสแบรนด์ จำกัด ได้ร่วมมือกับ เอสแบรนด์ ประเทศญี่ปุ่น และอเมริกา ในปี 2013 นี้ บริษัทฯ วางแผนและเตรียมพร้อมที่จะเปิดธุรกิจในรูปแบบ Franchise โดยจะเริ่มขยายภายในสิ้นปี 2013 และไม่หยุดนิ่งที่จะเลือกสรรในการนำเข้าบริการใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถอย่างครบวงจร” นายประณัย กล่าวในที่สุด

พิเศษ....ฉลองครบรอบ ปี กับส่วนลดสูงสุด 15% ทั้งบริการเคลือบรถ และบริการซ่อมสี/ตัวถัง เพียงคุณลงทะเบียนสมัคร SBRAND Member Card  ได้ทั้ง 2 สาขา คือ  SBRAND ศรีนครินทร์ (สำนักงานใหญ่) โทร.02-721-3111 และ   SBRAND ปทุมวัน (Siam @ Siam) โทร.02-217-3028 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31พฤษภาคม 2556 

Vision
การเป็นบริษัทผู้นำ การให้บริการซ่อมบำรุงรักษา และปกป้องรถยนต์ที่ให้บริการในระดับมาตรฐานสากล โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสรรหาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับและตอบสนอง ความต้องการของผู้ใช้รถในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยบริการมืออาชีพเพื่อส่งมอบความประทับใจสูงสุด

Mission
การแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการซ่อมบำรุง และปกป้องรถยนต์ และพัฒนาคุณภาพของการบริการ
 เพื่อส่งมอบคุณค่าที่สำคัญ 4 ประการ คือ
1 มอบความประทับใจต่อการใช้บริการด้วยบุคลากรที่มีความสามารถ และรอบรู้
    โดยการให้บริการอย่างมืออาชีพ ระดับมาตรฐานสากล
2ส่งมอบบริการที่เหนือระดับ ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ได้รับการวิจัย
    และพัฒนามาเพื่อตอบสนองผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย
3 ส่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถที่คำนึงถึงคุณภาพและเวลาเป็นเรื่องสำคัญ
4 มุ่งขยายการให้บริการเข้าสู่ธุรกิจ Franchise เพื่อเข้าถึงความต้องการของกลุ่มผู้ใช้รถ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved