Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน สานต่อความสำเร็จก้าวสู่ งานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายใหญ่ที่สุดในอาเซียน


(กรุงเทพฯ -- 2 พฤษภาคม 2556) --      บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดจัดแถลงข่าวเตรียมความพร้อมและสานต่อความสำเร็จในการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาทเพื่อก้าวสู่งานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Design by Imagination” (แต่งได้ตามใจจินตนาการ) ระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน 2556 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานีโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ

งาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 (Bangkok International Auto Salon 2013 หรือ BIAS 2013) จัดต่อเนื่องเป็นประจำในทุกปี โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่และขยายพื้นที่การจัดงานเป็น 40,000 ตารางเมตร รวมทั้งพื้นที่ด้านนอกอาคารพร้อมเสริมกิจกรรมบันเทิงมากมาย คาดว่าจะมีผู้ร่วมออกงานแสดงสินค้าประมาณ 400 บู้ท จากทั้งในและต่างประเทศซึ่งมาจากทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรป
คณะผู้จัดงานฯ ที่ร่วมแถลงข่าว นำโดย นายวิลักษณ์ โหลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินสไพร์เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด มร. มาซาฮารุ ซาคาอิ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซัง-เอ โชโบ พับบลิชชิ่ง จำกัด และนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ โดยจัดแถลงข่าว ณ ลานโปรโมชั่น บี ชั้น 1ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว
นายวิลักษณ์ โหลทอง ประธานการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 กล่าวว่า “การแถลงข่าววันนี้เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอนตั้งแต่การจัดเป็นครั้งแรกด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์งานพิเศษสำหรับคนรักรถและชื่นชอบการแต่งรถ และในปีที่ 2 นี้ได้ก้าวสู่การงานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และต้องขอขอบคุณทีเส็บที่ให้การสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมในปีนี้ โดยได้ให้การสนับสนุนการจัดงานตั้งแต่ครั้งแรก”
“ในฐานะผู้จัดงานฯ เรามีตั้งใจที่จะพัฒนาการจัดงานของเรา รวมทั้งการให้บริการแก่ลูกค้าและผู้เข้าชมงานให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปในแต่ละครั้งที่จัดงาน เช่นเดียวกันกับบริษัทพันธมิตรรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งฯ ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ให้ดียิ่งขึ้นเสมอ เป้าหมายของเรา คือ การจัดงานให้ดีกว่าความคาดหวังของผู้ร่วมออกบู้ทและผู้ร่วมงาน เรามุ่งมั่นรักษาตำแหน่งผู้นำงานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายที่ใหญ่ที่ในภูมิภาคนี้อย่างจริงจัง และเริ่มเตรียมงานมาตั้งแต่กลางปีที่แล้วเพื่อให้มั่นใจว่างานของเราแตกต่างจากงานอื่นๆ และดีที่สุดในอาเซียน"

นอกจากการเพิ่มพื้นที่จัดงาน 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยังได้เพิ่มจำนวนบู้ทอุปกรณ์โมดิฟายและตกแต่งรถมากขึ้นเป็น 400 บู้ท โดยจุดเด่น คือ โตเกียว ออโต ซาลอน โซน ที่นำรถจากญี่ปุ่นมาแสดงกว่า 50 คัน และ แจแปน แบรนด์ โซน บาย ฟิวชั่น ครีเอทีฟ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่อุปกรณ์โมดิฟายแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นบินตรงมาร่วมแสดงสินค้าพร้อมโชว์รถแต่ง เช่น Tommy Kaira, Bride, Gibson, Tanabe, AMS รวมทั้งยังมีบริษัทชั้นนำของไทยและต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน ยุโรปจัดแสดงผลิตภัณฑ์และรถแต่งกว่า 1,000 ชิ้น
“งาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 ครั้งที่ 2 นี้ เราวางแผนใช้งบประมาณในการจัดงาน 300 ล้านบาท โดยใช้งบด้านการประชาสัมพันธ์กว่า 150 ล้านบาทเพื่อโปรโมทการจัดงานทั้งในและต่างประเทศด้วยการใช้สื่อผสมผสาน 360 องศาทั้งสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ บิลบอร์ด สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และกิจกรรมโร้ดโชว์ และตั้งเป้าผู้เข้าชมงานทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 1,000,000 คน โดยจะมีการเผยแพร่ข่าวงานนี้ออกไปอย่างน้อย 15 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกและยุโรป”
มร. มาซาฮารุ ซาคาอิ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซัง-เอ โชโบ พับบลิชชิ่ง จำกัด กล่าวว่า “การจัดงานบางกอก ออโต ซาลอน ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นงานที่จัดในประเทศไทยเป็นต้นแบบแห่งแรกที่เรามอบลิขสิทธิ์การจัดงานนอกประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทาง โดยใช้รูปแบบและมาตรฐานเดียวกับที่โตเกียวออโต ซาลอนพร้อมทั้งยกบรรยากาศสีสันของงานคาร์โชว์อันดับหนึ่งของเอเชียมาให้ได้สัมผัส เช่น เอ-คลาส เกิร์ล แจแปน 2013, เรซ ควีน เป็นต้น
ในปีนี้ ได้นำรถแรงและรถแต่งหลากหลายสไตล์จำนวนกว่า 50 คันจากเวทีโตเกียว ออโต ซาลอน มาสร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักรถและชื่นชอบการแต่งรถในเมืองไทย ไฮไลท์รถเด่นจากญี่ปุ่นที่มาโชว์ ได้แก่ นิสสัน ซูเปอร์ จีที-อาร์ 1200 ท้อป ซีเคร็ท, โตโยต้า 86 ทอมส์, มาสด้า อาร์เอ็กซ์-8 ไนท์ สปอร์ต ซึ่งร่วมแข่งขันในงาน มาเก๊า จีพี โร้ดสปอร์ต ชาเลนจ์, ซูซูกิ สวิฟท์สปอร์ต ไทป์ ซีโร ท้อป ฟีล,บีเอ็มดับบลิว แกรน คูเป้ 3ดี ดีไซน์ อิดิชั่น, และรถฮอนด้า ซีอาร์-แซด มูเก็น อาร์อาร์ คอนเซ็ปต์ รวมทั้งรถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งล้ำสมัยอีกมากมาย เชื่อว่าผู้เข้าชมงานจะต้องตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่างๆ ที่เตรียมจัดนำเสนอในงานครั้งนี้
สำหรับผู้ร่วมจัดแสดงในครั้งนี้ มีทั้งบริษัทรถยนต์ จักรยานยนต์ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่ง และสำนักแต่งรถ ทั้งเอเชียและยุโรปที่ประกอบการอยู่ในไทย ร่วมสนับสนุนเป็นอย่างดี เช่น โตโยต้า, ฮอนด้า, นิสสัน, อีซูซุ, ซูบารุ, บีเอ็มดับบลิว, ยามาฮ่า, ฟิล์มกรองแสงลามิน่า, พีพี ซูเปอร์ วีล, ชุดแต่งสปูน โดยโอ๊ค คลับ, วีเทค สโตร์, ล้อแม็ค ดับบลิว เวิร์ค, เอเซล เทอิน, คัสโก้, อาร์เอสอาร์, ชุดแต่งอาซูกะ, เสาอากาศโทโมกิ, อามามิย่า ฯลฯ”
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกเร้าใจสำหรับผู้รักรถ เช่น การรวมตัวโชว์รถรุ่นต่างๆ ของบรรดาคาร์คลับชั้นนำรวมกว่า 1,000 คัน ที่หมุนเวียนกันจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ
นอกจากการแสดงรถและกิจกรรมเกี่ยวกับรถแล้ว ผู้เข้าชมงานจะเพลิดเพลินไปกับสีสันของงานและกิจกรรมบันเทิงต่างๆ อาทิ สาวสวยแดนซากุระบินตรงจากโตเกียว เช่น กราเวีย ไอดอล, เอ-คลาส เกิร์ล แจแปน, เรซ ควีน, นางแบบ คิคุ ประชันกับสาวฮ็อตของไทย เอฟเอชเอ็ม เกิร์ล เน็สต์ ดอร์, โชว์ล้างรถโดยสาวสวย และคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวเสริมว่า “ทีเส็บในฐานะหน่วยงานภาครัฐอันมีบทบาทหน้าที่ในการผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมการจัดประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติหรือที่เรียกว่าอุตสาหกรรมไมซ์ ทีเส็บมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติเกี่ยวกับการแสดงรถแต่งและอุปกรณ์ตกแต่งรถระดับนานาชาติ โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซี่ยนที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก Tokyo Auto Salon ในการจัดงานอย่างเป็นทางการโดยทีเส็ปมุ่งเน้นการสนับสนุนด้าน B2B ภายในงานและการทำกิจกรรมการตลาดต่างประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมแสดงงานและผู้เข้าร่วมชมงานจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านการจับคู่ทางธุรกิจ, การสนับสนุนด้านการจัดแสดง Modified Car Pavilion และโปรแกรมสื่อมวลชนจากต่างประเทศ (Journalist Program) ซึ่งจะเผยแพร่ข่าวสารไปยังกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก ส่งผลดีให้กับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะเวทีการจัดงานแสดงอุปกรณ์ตกแต่งรถประจำภูมิภาคเอเชีย ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสการขยายธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ ทีเส็บหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนจากภาครัฐในครั้งนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการใช้จ่ายของนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยและมูลค่าการค้าจากภายในงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยต่อไป”
บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013 จัดขึ้นระหว่างวันที่ : 20-30 มิถุนายน 2556 ในเวลา วันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่าง 11.00-21.30 น. และวันธรรมดา ระหว่าง 12.00-21.30 น. ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี บัตรเข้าชมงานราคา 100 บาท สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ www.bangkokinternationalautosalon.com หรือเฟสบุ๊ค www.facebook.com/Bangkokinternationalautosalon

ผู้สื่อข่าวที่สนใจเข้าร่วมพิธีเปิดและเข้าชมงาน สามารถลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าที่เว็บไวต์

www.bangkokinternationalautosalon.com/media/registeronline หลังจากที่ได้รับการยืนยันลงทะเบียนผู้สื่อข่าวแล้ว ท่านสามารถรับบัตรนักข่าวได้ที่ มีเดีย เซ็นเตอร์ ของงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน (ร้านบิสโทร) ตรงข้ามทางเข้าชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ในวันที่ 19 มิถุนายน ระหว่างเวลา13:00-17:00 น. หรือช่วงเช้าก่อนพิธีเปิดงานในวันที่ 20 มิ.ย.

จากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ เตรียมจัดแสดงรถหรูระดับพรีเมี่ยม ในงานแสดงยานยนต์ระดับสุดยอดและยานยนต์นำเข้า ครั้งที่ 4 11 - 19 พฤษภาคม 2556 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่บูธหมายเลข RR1



กรุงเทพฯ - บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เตรียมยกขบวนยานยนต์ระดับพรีเมี่ยม อวดโฉมใน งานแสดงยานยนต์ระดับสุดยอดและยานยนต์นำเข้า (Super Car & Import Car Show 2013) ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 11 - 19 พฤษภาคม 2556 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่บูธหมายเลข RR1 เอาใจคนรักรถหรูด้วยขบวนยานยนต์รุ่นล่าสุดจากสองแบรนด์ดังนำเข้าจากประเทศอังกฤษ อาทิ ดิ ออลล์ นิว เรนจ์โรเวอร์,เรนจ์โรเวอร์ อีโวค, จากัวร์ รุ่น XF และ XK โดยลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูธจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ภายในงาน

นายดนัย จันทรงาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “รถยนต์ที่จะนำมาจัดแสดงภายในงานแสดงยานยนต์ระดับสุดยอดและยานยนต์นำเข้า ครั้งที่ 4 ประกอบด้วยรถยนต์จากค่ายแลนด์โรเวอร์ อาทิ
ดิ ออลล์ นิว เรนจ์โรเวอร์  
ยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลกที่ใช้ตัวถังโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา
ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปี และ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค ยานยนต์เอสยูวีหรูคู่สมรรถนะระดับพรีเมี่ยม ส่วนแบรนด์จากัวร์เตรียมนำเสนอ จากัวร์ รุ่น XF ยานยนต์เอ็กเซคคิวทีฟซาลูนเครื่องดีเซล 2.2 ลิตร และยานยนต์แกรนด์ทัวเรอร์สมรรถนะสูงรุ่น XK ซึ่งความสำเร็จของยอดขายทั้งแบรนด์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในปีที่ผ่านมา  ถือเป็นสิ่งยืนยันถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อ ซิตี้ ออโต้โมบิล ในฐานะผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยเราได้ทุ่มงบลงทุนเพื่อปรับปรุงโชว์รูมและศูนย์บริการให้มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อสนับสนุนทั้งการขายและบริการหลังการขายสำหรับลูกค้าจากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเต็มรูปแบบ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02-651-4545 
หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ 
www.landroverthailand.com

รมต. พลังงานยัน จดทะเบียนรถใช้ก๊าซ LPG ได้เหมือนเดิม เน้นย้ำคุมมาตรฐานศูนย์ติดตั้ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในขณะที่ทั่วโลกสนับสนุนใช้รถติดก๊าซ LPG กว่า 23 ล้านคัน



ส.ธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขอความชัดเจนหลัง ก.พลังงานมีแนวคิดไม่รับจดทะเบียนรถใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง ชี้กระทบหนักต่อผู้ใช้รถติดตั้งก๊าซ LPG เกือบ 1 ล้านคันและผู้ประกอบการทั่วประเทศ ชี้ก๊าซ LPG เป็นพลังงานทางเลือกที่ทั่วโลกนิยมใช้ทั้งสหรัฐ ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชีย ขณะที่ World LP Gas Association เผยทั่วโลกมีปริมาณการใช้รถยนต์ติดตั้งก๊าซ LPG กว่า 23.7 ล้านคัน

นายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย เปิดเผยว่า สมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน , พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม , รองปลัดกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดค้านแนวคิดหรือนโยบายที่จะยกเลิกการรับจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ระบบก๊าซ LPG และขอความชัดเจนในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการต่างๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมก๊าซรถยนต์ของประเทศไทย ที่ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากกรณีที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานมีแนวคิดที่จะยกเลิก ไม่รับจดทะเบียนรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง สาเหตุที่ส่งผลให้รถติดตั้งระบบก๊าซ LPG เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ 
อย่างไรก็ดี จากการศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถติดตั้งก๊าซ LPG และ NGV นั้นส่วนใหญ่มาจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1. การเลือกใช้ระบบ และอุปกรณ์ก๊าซที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยที่ดี 2. สถานที่ติดตั้ง หรืออู่ติดตั้งที่ไม่ชำนาญการ บุคลากรขาดการฝึกอบรมที่ครบถ้วนอย่างแท้จริง และไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และ 3. ผู้ใช้ขาดความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานและการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ถึงแม้ว่าจะไม่แตกต่างจากการใช้ระบบน้ำมันมากนักก็ตาม แต่การบำรุงรักษา ตรวจสภาพการใช้งาน ย่อมเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นในการแก้ไขและป้องกันปัญหารถติดก๊าซไฟไหม้ ควรจะส่งเสริมและมุ่งเน้นที่มาตรฐานของอุปกรณ์และผู้ประกอบการติดตั้งที่ได้มาตรฐานและได้รับใบอนุญาตฯเป็นสำคัญ
ทั้งนี้จากข้อมูลกรมขนส่งทางบก ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 พบว่าในประเทศไทยมีรถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซ LPG ทั้งประเทศเกือบ 1 ล้านคัน เนื่องจากก๊าซ LPG เป็นพลังงานทางเลือกที่ได้รับความนิยม จากประชาชนที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ สามารถนำมาใช้เพื่อลดรายจ่าย และลดภาระค่าเชื้อเพลิงของครอบครัวได้
“แนวคิดที่จะยกเลิกการจดทะเบียนรถ LPG เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการใช้พลังงานทางเลือกอย่างเสรี และยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมติดตั้งก๊าซ LPG ในรถยนต์มากว่า 30 ปี หากมีการยกเลิกย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และแรงงานในอุตสาหกรรมจำนวนมาก ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการศูนย์ติดตั้งก๊าซ ที่ได้รับใบอนุญาตแล้วกว่า 330 ราย ผู้จัดจำหน่ายระบบและอุปกรณ์ก๊าซกว่า 50 บริษัท โรงงานผลิตถุงบรรจุก๊าซ 5 โรงงาน รวมถึงสถานีบริการปั้มก๊าซ LPG อีกกว่า 1.16พันแห่งทั่วประเทศ และแรงงานที่เกี่ยวข้องอีกนับหมื่นคน” นายสุรศักดิ์ กล่าวและว่า
ก๊าซ LPG ที่ใช้ในรถยนต์ถือเป็นพลังงานทางเลือกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชีย ส่งผลให้ปัจจุบันมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยก๊าซ LPG มากกว่า 23 ล้านคันทั่วโลก โดยมากกว่าร้อยละ 50 เป็นรถยนต์ส่วนบุตคลหรือรถครอบครัวทั่วไป
ผลการสำรวจข้อมูลจาก World LP Gas Association (WLPGA) พบว่า ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาธุรกิจก๊าซ LPG มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากต่อไปอีกหลายปี โดยตัวเลขการใช้งานก๊าซ LPG ในปี 2554 มีปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ในจีน เกาหลีใต้ ซาอุดิอาราเบีย ญี่ปุ่น และอินเดีย โดยเฉพาะความต้องการใช้และการขยายตัวของกลุ่มยานยนต์ที่ใช้ก๊าซ LPG (Autogas) มีปริมาณการใช้ทั่วโลกสูงถึง 23.7 ล้านตัน สูงขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน ซึ่งนอกจากรถยนต์ติดตั้งก๊าซ LPG จะเป็นที่นิยมในหลายประเทศ ยังพบว่า ในประเทศอังกฤษ นอกจากประชาชนจะนิยมใช้ก๊าซ LPG แล้ว สมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบทที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ยังทรงใช้ก๊าซ LPG ในรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์มากว่า 10 ปี ด้วยคำกล่าวของพระองค์ที่ว่า LPG ถูกและสะอาดกว่าการใช้น้ำมัน และในอังกฤษนั้นมีสถานีปั้มก๊าซ LPG สำหรับรถยนต์กว่า 1.5 พันสถานี เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ติดก๊าซ LPG ที่สูงถึง 1.65 แสนคัน และรัฐบาลอังกฤษยังสนับสนุนการใช้ก๊าซ LPG ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลโดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเชื้อเพลิงสำหรับรถที่ใช้ก๊าซ LPG ที่ถูกกว่าภาษีเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน (Petrol) ด้วย
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการติดตั้งก๊าซ LPG มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาให้บริการติดตั้งก๊าซ LPG มากขึ้น และศูนย์บริการติดตั้งแก๊สมีมาตรฐานมากขึ้น เทียบเท่าศูนย์บริการรถยนต์ ขณะเดียวกันยังได้รับการยอมรับในมาตรฐานระดับโลก
ดังนั้นจึงควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนเลือกใช้ผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานและมีใบอนุญาตฯ มากกว่าจะใช้วิธียกเลิก ด้วยการไม่รับจดทะเบียนรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง

สแกนเนีย ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขัน Scania Top Team Regional 2013 การแข่งขันสุดยอดช่างฝีมือระดับเอเชียและโอเชียเนีย จาก 10 ประเทศ

มร.โทมัส  เบอร์ทิลสัน (Mr.Thomas Bertilsson, Managing Director of Scania Academy) ผู้อำนวยการ สถาบัน สแกนเนีย ผู้แทนการจัดการแข่งขัน จาก สแกนเนีย สวีเดน ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลแก่ทีมชนะเลิศในการแข่งขัน Scania Top Team Regional 2013 การแข่งขันสุดยอดช่างฝีมือระดับเอเชียและโอเชียเนีย 10 ประเทศ ซึ่งผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ได้แก่ ทีมจากประเทศออสเตเลีย และ นิวซีแลนด์ โดยทั้งสองประเทศจะได้เป็นตัวแทนเข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ เมืองเซอเดอร์เตลเย ประเทศสวีเดน ในเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่จะถึงนี้

เครื่องยนต์คอมมอนเรล, Common Rail Engine


รูปที่ 1 เครื่องยนต์ดีเซลแบบรางร่วม หรือเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล แบบต่างๆ

          เครื่องยนต์คอมมอนเรล (Common Rail Engine) ในบทความนี้ประกอบด้วยรูปภาพเคลื่อนไหว เนื้อหาด้านประวัติ ความสำคํญ หลักการทำงาน ข้อมูลทางเทคนิค และชื่อย่อระบบรางร่วมที่ใช้กับรถยนต์ต่างๆ
         ผู้เขียนได้สร้างรูปภาพเคลื่อนไหวขึ้นมาใหม่ และปรับเนื้อหาสาระในแผนการสอนของผู้เขียนจากรายวิชางานระบบควบคุมเครื่องยนต์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (3101 – 2101) เสริมด้วยคลิปจาก You tube ของเครื่องยนต์ Audi และ Toyota มาตัดต่อให้สอดคล้องกับเนื้อหา สำหรับผู้ที่สนใจได้ศึกษาหาความรู้ผสมผสานกันของความรู้เบื้องต้น และข้อมูลทางเทคนิค ในเว็บบล็อกช่างยนต์ ของครูวัลลภ มากมี วิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี  อนึ่งรูปภาพและเนื้อหาในบทความนี้ผู้เขียนมิได้ไปคัดลอกจากแหล่งข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งมา เพราะได้ศึกษามาแล้ววิเคราะห์และสังเคราะห์ลงในบทความนี้

ประวัติโดยสังเขปของเครื่องยนต์ดีเซลระบบรางร่วม
          ปี ค.ศ. 1942 Cooper-Bessemer GN-8 ใช้เคื่องยนต์ดีเซลของเรือที่มีรางร่วมแต่หัวฉีดไม่ได้ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์
          ปี ค.ศ. 1960 ต้นแบบถูกคิดค้นโดย Robert Huber of Switzerland แล้วพัฒนาต่อโดย Dr. Marco Ganser at the Swiss Federal Institute of Technology in Zurich
          ปี ค.ศ. 1990 พัฒนาต่อยอดสู่รถยนต์ญี่ปุ่นได้สำเร็จโดย Dr. Shohei Itoh and Masahiko Miyaki ของบริษัท Denso ใช้กับรถบรรทุก Hino ขายในปี ค.ศ. 1995
          ปี ค.ศ. 1997 พัฒนาโดยบริษัท Bosch ใช้ระบบรางร่วมกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลให้กับกลุ่มบริษัท Fiat Mercedes-Benz และ Alfa Romeo (คำว่า Common rail engines เป็นชื่อที่ Fiat ใช้เรียกเป็นบริษัทแรก)

สาเหตุและความสำคัญของเครื่องยนต์ดีเซลระบบรางร่วม
          เครื่องยนต์ดีเซลระบบรางร่วมจัดอยู่ในประเภทหนึ่งของเครื่องยนต์ดีเซลหัวฉีดควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ คือ
          1. เครื่องยนต์ดีเซลหัวฉีดควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ แบบหัวฉีดหน่วยเดียวกับปั๊ม (Unit Injector)
               1.1 ระบบลูกเบี้ยว (PDE) เคยใช้กับเครื่องยนต์เรือขนาดใหญ่
               1.2 ระบบรางร่วมน้ำมันเครื่อง (Oil Common Rail System) เคยใช้กับ Isuzu รุ่น Truper
          2. เครื่องยนต์ดีเซลหัวฉีดควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ แบบระบบรางร่วม (Common Rail System) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีกว่าเครื่องยนต์ตามแบบที่ 1.1 และ 1.2
          จากกฎหมายควบคุมมลพิษยูโรระดับ 3 (ล่าสุดบางประเทศเตรียมใช้กฎหมายควบคุมมลพิษยูโรระดับ 7) ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ ทั้งนี้เพื่อให้สังคมในเมืองใหญ่ได้สัมผัสกับสภาวะแวดล้อมทางอากาศที่สะอาดขึ้น เทคโนโลยีใหม่ของเครื่องยนต์ดีเซลจึงต้องเป็นระบบรางร่วม
          ในการลดมลพิษให้ต่ำลงได้มากๆ นั้นนอกจากจะต้องใช้เครื่องยนต์ระบบรางร่วมแล้วในส่วนของเครื่องยนต์ยังต้องออกแบบให้มีหลายลิ้น (Multi Valve) (เช่น 4 ลิ้น ต่อ 1 สูบ) พร้อมกับใช้ตัวอัดบรรจุอากาศเทอร์โบ เพื่อเพิ่มอากาศช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ลดเขม่าควันซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซล นอกจากนี้แล้วยังต้องมีระบบควบคุมแก๊สพิษ (Emission Control) อีก 2 ระบบเพื่อลดแก๊ส NOX คือต้องมี CAT (Catalytic Converter) หรือเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา และต้องมี EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย ดังนั้นถ้าอุด EGR และผ่า CAT ก็จะเกิดปัญหาต่อสภาวะแวดล้อมด้วยเช่นกัน
          หลักการทำงานขั้นพื้นฐานของเครื่องยนต์ระบบรางร่วมเหมือนกันกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ แต่แตกต่างกันที่วิธีการควบคุมจังหวะและปริมาตรการฉีดเชื้อเพลิงโดยเครื่องยนต์ระบบรางร่วมใช้ความดันของเชื้อเพลิงสูงกว่าเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา (ปั๊มแบบจานจ่ายและแบบแถวเรียง) ประมาณ 7 เท่าขึ้นไป ความดันสูงสะสมอยู่ในรางร่วม มีหัวฉีดไฟฟ้าฉีดเชื้อเพลิงตามการสั่งการของหน่วยควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งทำให้การเผาไหม้เชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ที่สุดคือมลพิษต่ำกว่า พลังงานมากกว่า และประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลระบบอื่น

รูปที่ 2 แสดงหลักการทำงานของเครื่องยนต์คอมมอนเรล (Common Rail Engine)

หลักการโดยสังเขปของเครื่องยนต์ดีเซลระบบรางร่วม
          เชื้อเพลิง (น้ำมันดีเซล) ป้อนเข้าสู่ปั๊มซึ่งมีอยู่ 2 วิธีคือใช้ปั๊มไฟฟ้าจุ่มในถังเชื้อเพลิงดังในรูปที่ 2  (นิยมใช้กับรถยุโรป) กับแบบกลไกติดตั้งอยู่หน่วยเดียวกับปั๊มจ่ายเชื้อเพลิง (นิยมใช้กับรถกระบะในประเทศไทย) ปั๊มจ่ายเชื้อเพลิงหรือปั๊มความดันสูงควบคุมความดันด้วยลิ้นควบคุมความดันหรือลิ้นควบคุมการดูด (Suction Control Valve หรือ SCV) ความดันสูงนี้ถูกส่งไปเก็บสะสมยังท่อความดันสูง (High Pressure Vessel หรือรางร่วม Common Rail) ซึ่งมีรูปร่างอยู่ 2 แบบคือทรงกระบอกยาว (นิยมใช้กันมาก) กับแบบทรงกระบอกสั้น ดังนั้นหัวฉีดทุกหัวจึงมีความดันเชื้อเพลิงที่สูงมากเท่ากันทุกกระบอกสูบ รออยู่ที่ปลายหัวฉีดพร้อมตลอดเวลาสำหรับการฉีดให้เป็นฝอยละอองที่ละเอียดที่สุดผ่านรูเล็กๆ ของปลายหัวฉีดลงไปคลุกเคล้ากับอากาศที่ถูกอัดตัวจนมีความดันและอุณหภูมิที่สูงเหมาะสม ทั้งหมดควบคุมการทำงานโดยหน่วยควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ ECU (Electronic Control Unit) หรือ ECM (Electronic Control Module) ซึ่งจะรับสัญญาณต่างๆ เช่นสัญญาณตำแหน่งของลูกสูบ ความเร็วรอบ ตำแหน่งคันเร่ง อุณหภูมิน้ำ อุณหภูมิเชื้อเพลิง อุณหภูมิอากาศ ปริมาตรอากาศที่ประจุเข้า ความดันตัวอัดบรรจุอากาศเทอร์โบและความดันบรรยากาศ ความดันเชื้อเพลิง ความเร็วรถยนต์ ตำแหน่งเกียร์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น เมื่อ ECU (ที่มี CPU 16 - 32 บิต) ประมวลผลแล้วส่งสัญญาณการฉีดไปยังหน่วยส่งแรงขับหัวฉีดหรือ EDU (Electronic Drive Unit) (บางแบบ ECU และ EDU อยู่ในชุดเดียวกัน) เพื่อเพิ่มแรงเคลื่อนไฟฟ้าจาก 12 โวลต์เป็น 100 โวลต์ (บางแบบ 60 - 150 โวลต์ซึ่งแล้วแต่รุ่นของรถยนต์และแบบของหัวฉีด)

ข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมของเครื่องยนต์ดีเซลระบบรางร่วม 
          หมายเหตุ สำหรับค่ากำหนดที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบขนาดความจุกระบอกสูบ 2500 - 3000 cc
          1. ปั๊มความดันสูง (High Pressure Pump) หรือปั๊มจ่ายเชื้อเพลิง (Supply Pump)

รูปที่ 3 ปั๊มความดันสูงหรือปั๊มจ่ายเชื้อเพลิงแบบต่างๆ ของเครื่องยนต์คอมมอนเรล

รูปที่ 4 แสดงการทำงานของปั๊มความดันสูงหรือปั๊มจ่ายเชื้อเพลิง ของเครื่องยนต์คอมมอนเรล

          เชื้อเพลิงจากถังจะถูกป้อนเข้าปั๊มจ่ายเชื้อเพลิง ซึ่งปั๊มป้อนเชื้อเพลิงเป็นปั๊มความดันต่ำบางแบบอยู่หน่วยเดียวกับปั๊มจ่ายเชื้อเพลิง แต่บางแบบเป็นปั๊มไฟฟ้าจุ่มในถังเชื้อเพลิงตามรูปที่ 2
          หลักการทำงานของปั๊มจ่ายเชื้อเพลิงจากรูปที่ 4 จะอาศัยกำลังขับของเฟืองไทมิ่งเพลาข้อเหวี่ยงทำให้เฟืองขับปั๊มจ่ายเชื้อเพลิงหมุน ลูกเบี้ยวเยื้องศูนย์อัดลูกปั๊มให้ทำงาน โดยปริมาตรการดูดเชื้อเพลิงที่เข้าปั๊มจ่ายเชื้อเพลิงนี้ถูกควบคุมด้วยลิ้นควบคุมการดูด (Suction Control Valve หรือ SCV) แล้วจากนั้นลูกปั๊มจะถูกอัดกระแทกจากลูกเบี้ยวเยื้องศูนย์ให้อัดเชื้อเพลิงออกทางลิ้นกันกลับด้านส่ง จ่ายเชื้อเพลิงความดันสูงไปสะสมยังรางร่วม (Common Rail)
          เครื่องยนต์ระบบรางร่วมรุ่นที่ 1 ใช้ความดันสูงสุด 1350 bar (บางรุ่นขณะเดินเบาอยู่ที่ 30 bar)
          เครื่องยนต์ระบบรางร่วมรุ่นที่ 2 (เริ่มปี ค.ศ. 2001) ใช้ความดันสูงสุด 1600 - 1800 bar
          เครื่องยนต์ระบบรางร่วมรุ่นที่ 3 (เริ่มปี ค.ศ. 2003) ใช้ความดันสูงสุด 2000 bar
          อนึ่งในปี ค.ศ. 2014 บางประเทศที่เจริญแล้วในยุโรปจะใช้กฎหมายควบคุมมลพิษยูโรระดับ 6 ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะต้องพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลให้มีแก๊สพิษต่ำลงไปอีก ซึ่งจะใช้ระบบรางร่วมรุ่นที่ 4 ที่มีความดันสูงสุดถึง 3000 bar จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงอาจถึง 7 ครั้งต่อ 1 กลวัตรการทำงานของแต่ละสูบ

          2. รางร่วม (Common Rail)
          รางร่วมหมายถึงท่อร่วมเชื้อเพลิง เป็นท่อหรือห้องสะสมความดันเพื่อจ่ายเชื้อเพลิงไปยังหัวฉีดสูบแต่ละสูบผ่านทางท่อฉีดเชื้อเพลิง (Injection Pipe) และที่ปลายด้านหนึ่งของรางร่วมจะมีตัวจำกัดความดัน (Pressure Limiter) เพื่อป้องกันมิให้ความดันเชื้อเพลิงมีค่าสูงเกินกว่าที่กำหนดไว้สูงสุด บางแบบมีลิ้นควบคุมการระบายความดัน (Pressure Discharge Valve หรือ Pressure Relief Valve) High Pressure Vessel หรือ Common Rail มี 2 แบบคือแบบทรงกระบอกยาว (นิยมใช้เป็นส่วนใหญ่) กับแบบทรงกระบอกสั้น ดังแสดงในรูปที่ 5

รูปที่ 5 แบบของ High Pressure Vessel หรือ Common Rail ของเครื่องยนต์คอมมอนเรล

          3. หัวฉีด (Injector)
          หลักการทำงานของหัวฉีดคือขณะที่ยังไม่ฉีดเชื้อเพลิงในตำแหน่งนี้ลิ้นโซเลนอยด์จะปิดช่องทางของห้องควบคุมความดันสูงของเชื้อเพลิงเข้ากระทำตามลูกศรซึ่งจะมีพื้นที่หน้าตัดมากกว่าห้องความดันที่ด้านล่างของเข็มหัวฉีด (Nozzle Needle) ดังนั้นตรงหน้าลิ้นของเข็มหัวฉีดจึงถูกกดให้อยู่ในตำแหน่งปิดสนิท เชื้อเพลิงความดันสูงไม่อาจรั่วออกไปจากปลายหัวฉีดได้ ในขณะที่มีสัญญาณการฉีดจาก ECU ส่งไปยังหน่วยส่งแรงขับด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EDU) แรงเคลื่อนสูง (ประมาณ 100 V ) จะไหลผ่านเข้าขดลวดโซเลนอยด์ของหัวฉีดครบวงจร ซึ่งจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กเอาชนะแรงของสปริงที่กดอยู่ด้านบนของลิ้นโซเลนอยด์ ลิ้นโซเลนอยด์จึงยกขึ้น เปิดช่องทางของห้องควบคุมทำให้ความดันในห้องควบคุมตกเกือบเป็นศูนย์ (เชื้อเพลิงความดันสูงจากรางร่วมถูกกีดขวางระหว่างห้องความดันโดยรูเล็กหรือ Orifice)  ดังนั้นความดันเชื้อเพลิงที่ด้านล่างของเข็มหัวฉีดจะยกเข็มหัวฉีดเปิดช่องทางให้เชื้อเพลิงไหลผ่านลิ้นหัวฉีดผ่านรูหัวฉีด (หลายรู) ให้เป็นฝอยละอองดังแสดงการทำงานในรูปที่ 6

รูปที่ 6 แสดงหลักการทำงานของหัวฉีด (แบบโซเลนอยด์) ในเครื่องยนต์คอมมอนเรล
(มีจังหวะการฉีด 2 ครั้ง คือฉีดนำร่องและฉีดหลัก)

          จำนวนรูหัวฉีดมี 6 - 8 รู (หัวฉีดไพอิโซอิเล็กทริกรุ่นล่าสุดบางรุ่นมีรูจำนวน 10 รู และระบบรางร่วมรุ่นที่ 4 ในปี ค.ศ. 2014 หัวฉีดอาจมี 11 รู)
          หัวฉีดมีรูโต 0.13 - 0.147 mm (รุ่น 8 รู แต่ละรูโต 0.0876 mm) ปริมาตรการฉีดเชื้อเพลิงขณะเดินเบา  เมื่อเครื่องยนต์ร้อนประมาณ 3 – 4 mm3/Stroke
          หน่วยขับหัวฉีดหรือหน่วยส่งแรงขับด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Driver Unit หรือ EDU) ส่งแรงเคลื่อนไฟฟ้าเปิดหัวฉีด 60 - 150 V
          จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงขณะเดินเบาบางรุ่นเริ่มฉีดหลังศูนย์ตายบน 2 องศา  และที่ 3,000 rpm ไม่มีภาระจะเริ่มฉีดก่อนศูนย์ตายบน 1 ถึง 4 องศา
          เครื่องยนต์ระบบรางร่วมรุ่นที่ 1 - 2 มีจังหวะการฉีด 2 จังหวะ คือการฉีดนำร่อง (Pilot Injection) ระยะเวลาการฉีดประมาณ 0.5 – 0.6 ms และการฉีดหลัก (Main Injection) มีระยะเวลาประมาณ 0.7 – 0.9 ms เครื่องยนต์ระบบรางร่วมรุ่นที่ 3 จะมีการฉีด 5 ครั้ง แต่ละครั้งจะมีระยะเวลาการฉีดเชื้อเพลิงประมาณ 0.1 - 0.2 ms การฉีดหลายครั้งเรียกว่า Multiple Injection การฉีดครั้งที่ 1 เรียกว่าการฉีดนำร่อง (Pilot Injection) การฉีดครั้งที่ 2 เรียกว่าการฉีดก่อน (Pre Injection) การฉีดครั้งที่ 3 เรียกว่าการฉีดหลัก (Main Injection) การฉีดครั้งที่ 4 เรียกว่าการฉีดภายหลัง (After Injection) และการฉีดสุดท้ายครั้งที่ 5 เรียกว่าการฉีดตามหลัง (Post Injection) อนึ่งผู้เขียนเคยทราบข้อมูลมาว่าที่ประเทศเยอรมันได้มีการทดลองการฉีดเชื้อเพลิง 9 ครั้ง
          หัวฉีดมี 2 แบบคือหัวฉีดลิ้นโซเลนอยด์ (Solenoid Injector) และแบบใหม่ซึ่งใช้กับเครื่องยนต์ระบบรางร่วมรุ่นที่ 3 คือหัวฉีดไพอิโซอิเล็กทริก (Piezo Injector หรือ Piezoelectric Injector)

รูปที่ 7 แบบของหัวฉีดในเครื่องยนต์คอมมอนเรล

          หมายเหตุ ผู้เขียนได้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากสิทธิบัตรสรุปได้ว่าผลึกแร่ไพอิโซ (Piezo Crystals) ของหัวฉีดแบบไพอิโซอิเล็กทริก (Piezoelectric Injector) ถูกวางเรียงซ้อนกัน 350 ชั้น รวมความยาว 30 mm ใช้แรงเคลื่อนไฟฟ้า 150 V เกิดแรงผลัก 2500 N สามารถยกเข็มหัวฉีดระยะทาง 40 micrometers (0.04 mm) ที่มีความดันเชื้อเพลิง 2000 bar ซึ่งสามารถฉีดเชื้อเพลิงปริมาตร 1 mm3 ต่อการยกเข็มหัวฉีด 1 ครั้ง (หัวฉีดแบบโซเลนอยด์ไม่สามารถยกเข็มหัวฉีดให้มีความถี่ 4-5 ครั้งต่อ 1 กลวัตรการทำงานของแต่ละสูบได้)

          4. กรองเชื้อเพลิง (Fuel Filter)
          กรองเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลระบบรางร่วมจะต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งานที่ 40,000 km จึงสมควรปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดและไม่ควรใช้กรองเชื้อเพลิงของเทียม ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายกับระบบเชื้อเพลิงได้ รถยนต์บางแบบจะมีหลอดไฟเตือนให้เปลี่ยนกรองเชื้อเพลิงเมื่อถึงระยะทาง 40,000 ก.ม.
          หมายเหตุ คุณภาพของเชื้อเพลิงที่ต่ำเกินไปจากปั๊มน้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐานหรือน้ำมันที่มีสารเจือปน (Solvent) จะเป็นอันตรายอย่างมากต่อเครื่องยนต์ระบบรางร่วม

ข้อมูลเสริมชื่อเรียกที่เป็นเครื่องหมายการค้าแทนเครื่องยนต์รางร่วมหรือคอมมอนเรล
          ชื่อเรียกเครื่องยนต์รางร่วมหรือคอมมอนเรล ที่เป็นมาตรฐานสากลและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด 3 ชื่อคือ Common Rail System (CRS), Common Rail Injection System (CRIS), Common Rail Diesel (CRD) แต่ในทางการตลาดของบริษัทรถยนต์จะต้องสร้างความแตกต่างเพื่อผลเชิงพาณิชย์จึงได้ตั้งชื่อเฉพาะของตนเองขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามบริษัทรถยนต์มิได้พัฒนาและผลิตอุปกรณ์ของรถยนต์เองทั้งหมดหากแต่ได้ร่วมทุนหรือซื้อเทคโนโลยีมาจากบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์รถยนต์เช่น Bosch ND Delphi AG เป็นต้น ผู้เขียนได้ลองสืบค้นชื่อเรียกของบริษัทต่างๆ มาให้อ่านเป็นความรู้เพิ่มเติมดังต่อไปนี้

รถยนต์
ชื่อย่อทางการค้า
ชื่อเต็ม
Daimler (Mercedes-Benz), Chrysler
CDI, CRD
Common-rail Direct Injection
Common Rail Diesel
Chevrolet
VCDi
Variable geometry turbocharger
Common rail Direct Injection
Fiat Group (Fiat, Alfa Romeo and Lancia)
JTD, MultiJet, JTDm, Ecotec CDTi, TiD, TTiD, DDiS, Quadra-Jet
uniJet Turbo Diesel
Ford
TDCi
Turbo Diesel Common rail Injection
Toyota
D-4D, D-Cat
Direct injection-4 stroke common rail Diesel engine
Nissan, Renault
dCi
Direct Common-rail Injection
Opel
CDTI
Common rail Diesel Turbo Injection
Cummins
CCR
Cummins Common Rail
Cummins and Scania
XPI
Xtra high Pressure Injection
Peugeot, Citroën
HDI, HDi
High-pressure Direct Injection
Isuzu
iTEQ
Intelligent-Technology
Honda
i-CTDi , i-DTEC
Intelligent Common rail Turbocharged Direct injection
Hyundai, Kia
CRDi
Common Rail Direct Injection
Mitsubishi
DI-D
Direct Injection-hyper common rail Diesel
Tata
DICOR
Direct Injection COmmon Rail diesel
Volkswagen, Seat, Skoda, Audi
TDI
Turbocharged Direct Injection
Mazda
CD
Common rail Diesel
Proton
SCDi
Super Common rail Direct Injection

คลิปที่ 1 การทำงานของเครื่องยนต์แบบรางร่วม (Audi common rail engine)
ขอขอบคุณ ภาพเคลื่อนไหวจาก https://www.youtube.com/watch?v=d_LahS5T3DM

คลิปที่ 1 สัญญาณต่างๆ ของเครื่องยนต์แบบรางร่วม (Toyota common rail engine)
ขอขอบคุณ ภาพเคลื่อนไหวจาก https://www.youtube.com/watch?v=jWv5gYWvXaY

แหล่งที่มาของข้อมูลอ้างอิงจาำกหนังสือและเว็บไซต์ดังต่อไปนี้
Automotive Handbook - 8th Edition
Toyota D-4D Workshop Manual
http://www.bosch-automotivetechnology.us/en
http://delphi.com/
http://www.google.com/patents
http://www.dieselnet.com
http://www.kfz-tech.de/Engl/
http://en.wikipedia.org/wiki/
http://www.autospeed.com/
http://www.autoyim.com/
http://www.caranddriver.com/
http;/www.delphi.com.
http://www.car-engineer.com/
http://video.clip4play.com/
http://clip.hmongtop.com/



NK เปิด 2 สุดยอดยนตรกรรมใหม่ล่าสุดกับ “The New E-Class Facelift และ All New Cayman 2013”


เอ็น.เค. ลุยตามแผนการตลาดเชิงรุก Revolution to the new Era พร้อมมอบประสบการณ์พิเศษเหนือระดับ ชูจุดขายมีรถพร้อมให้สัมผัสคันจริงพร้อมรับรถได้ก่อนใคร เปิดตัวรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่นกับ The New E-Class Facelift และสุดยอดซูเปอร์คาร์ New Porsche Cayman 2013 ที่ถือเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด

นาย พิตินันทน์ กฤษดาธานนท์ กรรมการผู้จัดการ เบนซ์ เอ็น.เค. ออโต อิมพอร์ต เปิดเผยว่า เราต้องการตอกย้ำจุดขายของทางบริษัทที่ต้องการมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า ในการสัมผัสยนตรกรรมสุดหรูก่อนใครและพร้อมรับรถได้อย่างรวดเร็วซึ่งถือเป็นจุดขายที่เราชูมาโดยตลอด โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ของทางบริษัทที่มีการเปิดตัวยนตรกรรมระดับโลกพร้อมกันทีเดียว 2รุ่น ซึ่งจะเป็นการขยายและเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าของเราอย่างครอบคลุมและครบทุกความต้องการ สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้จะมีการพัฒนามาตรฐานการให้บริการทั้งในส่วนของโปรดักส์และการให้บริการหลังการขายมาเป็นอันดับ 1โดยต้องการให้เป็นศูนย์รวมเบนซ์ที่ตอบโจทย์การให้บริการครอบคลุม 360 องศา ทั้งซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยน-บริการหลังการขาย พร้อมบริการเสริมจากโครงการ “NK Auto Avenue” แบบ one stop service อย่างแท้จริง

สำหรับ The New E-Class โฉมใหม่ล่าสุด ทางบริษัทได้นำเข้ามาทำตลาด 6 รุ่นได้แก่ E300 Bluetec Hybrid Sport Edition, E300 Bluetec Hybrid AMG Sport Package, E200 CGI Sport Edition, E200 CGI AMG Sport Package, E220 CDI Sport Edition และ E220 CDI AMG Sport Package ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.59 ล้านบาท โดย New E-Class โฉมใหม่นี้มีการปรับปรุงการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด โดยมีความโดดเด่นอยู่ที่ โคมไฟหน้าดีไซน์ใหม่เป็นแบบชิ้นเดียวแทนที่ของเดิมที่เป็นกรอบไฟแบบแยกส่วน พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เส้นสายด้านข้างดุดันด้วยโป่งล้อหลังแบบ Ponton Style ดีไซน์ใหม่ที่มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น โดยในรุ่น Sport Edition ที่ทางบริษัทนำเข้ามาจำหน่าย มาพร้อมกับออปชั่น ชุดแต่งดีไซน์สปอร์ตรอบคัน พร้อมไฟหน้าอัจฉริยะ Intelligent Light System (ILS) กระจังหน้าคาดด้วยเส้นโครเมี่ยม 2 เส้น แม็กดีไซน์สปอร์ต 5ก้านขอบ 17” พร้อมออปชั่นอำนวยความสะดวกครบครัน กุญแจ Keyless-Go Package พร้อมปุ่ม Push Start Button จอ Command และพวงมาลัย Multifunction รุ่นใหม่

สำหรับรุ่น AMG Sport Package จะมาพร้อมออปชั่นแบบเต็มๆ อาทิเช่น ไฟหน้า ILS ชุดแต่ง AMG รอบคันดีไซน์ใหม่ล่าสุด หลังคาแก้ว แม็ก AMG ลายใหม่ขอบ 18” กล้องถอยหลัง ออปชั่นภายในครบครันกับ จอ Command Online รุ่นใหม่ เครื่องเสียง Harman Kardon กุญแจ Keyless-Go Package พร้อมปุ่ม Push Start Button เสริมระบบความปลอดภัยสูงสุดด้วยออปชั่นพิเศษ Lane Tracking Package ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Blind Spot Assist (ระบบแจ้งเตือนจุดบอดด้านข้างอัจฉริยะขณะเปลี่ยนเลน)

เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาดความจุ 1,191 ซีซี 190 แรงม้า ให้อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยที่ 17.2 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS แบบ DIRECT SELECT พร้อมแป้นแพดเดิลชิฟท์ ปรับอัตราทดให้สั้นลง ให้การตอบสนองที่เร็วขึ้น

สำหรับ New Porsche Cayman 2013 มาพร้อม จอ Command DVD แบบ Touch Screen เครื่องเสียง Bose เบาะ Sport Seat, Parking Assist พร้อมออปชั่นพิเศษ Sport Chrono Package แม็ก 20” เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 2.7 ลิตร 275 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 6,500 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.6 วินาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 266 กม./ชม.

ร่วมสัมผัส 2 สุดยอดยนตรกรรมระดับโลกก่อนใคร มีให้เลือก 4สี ขาว ดำ บรอนซ์และเทา พร้อมWarranty 3 ปีเต็ม โปรโมชั่นพิเศษสุดสำหรับ E-Class โฉมก่อน Facelift กับราคาเพียง 3.18 ล้านบาท ทุกคันโมเดล 2013 (โฉมสุดท้ายก่อน Facelift) พร้อมติดตามอัพเดทรถใหม่ประจำวันได้ที่ Instagram @BENZNK_AUTOIMPORTและ Facebook.com/benznkautoimport ชมแคตตาล็อครูปภาพเพิ่มเติม www.benznk.com หรือ ติดต่อ Call Center 02-885-7755

YOKOHAMA รุกหนักเปิดกลยุทธ์แบบ 360 องศาลุยตลาดยางตลอดปี 2556 ปลายไตรมาสสามเปิดยางใหม่เพิ่ม 2 รุ่น ขยายเครือดีลเลอร์ 33 แห่งทั่วไทย




YOKOHAMA รุกตลาดต่อเนื่อง หลังจาก BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ยาง “นุ่มเงียบ เกาะหนึบ และประหยัด” สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโคคาร์ ที่เพิ่งเปิดตัวได้เดือนเดียว โกยยอดขายทะลุเป้ากว่า 38,000 เส้น จากที่ตั้งไว้ 50,000 เส้นภายในปีนี้ บิ๊กบอสประกาศความเชื่อมั่นและเผยแผนธุรกิจประจำปี 2556 เร่งขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศาอย่างเข้มข้น ทั้งในรูปแบบ Push, Pull และ Motor Sport Marketing และเดินหน้าเปิดดีลเลอร์อีก 33 แห่งทั่วไทยภายในสิ้นปีจากที่มีอยู่ 260 แห่ง เผยปลายไตรมาสสามเปิดยางใหม่อีก 2 รุ่น ทั้ง ADVAN Sport V-105 (แอดแวน สปอร์ต วี 105) สำหรับรถยนต์ไฮเพอร์ฟอร์มานซ์คาร์สุดหรู และเตรียมวางขายยาง OEM รุ่น db E70 (เดซิเบล อี 70) สำหรับ New TOYOTA Vios รองรับตลาดยางทดแทน (After Market)มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กรรมการผู้จัดการ (Mr.Yutaka Furukawa : Managing Director) บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการจัดงานประชุมและเลี้ยงขอบคุณร้านค้าผู้แทนจำหน่ายยางรถยนต์ YOKOHAMA 260 แห่งทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายและแผนงานธุรกิจประจำปี 2556 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว ภายใต้ชื่องาน “YOKOHAMA The Future Inspiration Thank You Party Dealer 2013” ว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณในการผลักดันกลยุทธ์ทางการตลาดของ YOKOHAMA แบบ 360 องศา ที่มีทั้งในรูปแบบ Push, Pull และ Motor Sport Marketing ผ่านการสนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการสำคัญระดับประเทศ อาทิ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2013 ณ สนามเซปังฯ ประเทศมาเลเซีย ปลายเดือนพฤษภาคมนี้, โปร.เรซซิ่ง ซีรี่ส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2013, รายการD1 Grand Prix Thailand Series 2013, รายการ Off road trophy 2013 และรายการเอเชียน ครอสคันทรี 2013 เพื่อร่วมกันต่อยอดความสำเร็จการดำเนินธุรกิจของเครือข่ายอย่างยั่งยืน และสามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่จะดำเนินงานอย่างเข้มข้นตลอดปี 2556

“แม้จะเพิ่งเปิดตัวยาง YOKOHAMA BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยางที่สามารถตอบสนองต่อรถยนต์กลุ่มซีดานขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโคคาร์ พร้อมทั้งเชิญสื่อมวลชนและดีลเลอร์มาร่วมทดสอบประสิทธิภาพ ซึ่งงานนี้นอกจากเน้นย้ำถึงคุณสมบัติพิเศษของยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) ให้ดีลเลอร์รับรู้เพิ่มเติมแล้ว 

บริษัทยังแนะนำยางรุ่นใหม่YOKOHAMA ADVAN Sport V-105 (แอดแวน สปอร์ต วี 105) ยางสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ระดับพรีเมียม ที่รองรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฮเพอร์ฟอร์มานซ์คาร์โดยเฉพาะ อาทิ Porches 911, Mercedes-Benz SL, BMW ทั้ง Series5 และ Series7 เป็นต้น โดยจะเปิดตัวปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีแผนนำยาง YOKOHAMA db E70 (เดซิเบล อี 70) ขอบ 15 นิ้ว ที่ได้ส่ง OEM ให้กับโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นยางรุ่นมาตรฐานที่ติดตั้งในรถยนต์ยอดนิยม New TOYOTA Vios รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นยางตระกูลเดียวกันกับยางเดซิเบล เพื่อนำมาวางจำหน่ายในตลาดยางรถยนต์ทดแทนกับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์New TOYOTA Vios ในเร็วๆ นี้”
                         

ในส่วนของยาง YOKOHAMA BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าวว่า ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย ซึ่งเป็นผลจากประสิทธิภาพสูงสุดของยางที่ให้คุณสมบัติพิเศษ คือ“นุ่มเงียบ เกาะหนึบ และประหยัด” โดยมียอดสั่งจองทะลุเป้าหมายเบื้องต้นที่กำหนดไว้ในช่วงแนะนำเกือบเท่าตัว คือ 38,000 เส้นจากที่ตั้งเป้าไว้เบื้องต้น 20,000 เส้น ทำให้มั่นใจว่าจะทำยอดขายเกินกว่า 50,000 เส้น จากที่ตั้งเป้าไว้ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน โดยบริษัทได้เตรียมมาตรการทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในไตรมาสสอง ซึ่งถือเป็นช่วงโลซีซั่นของตลาดยางรถยนต์เมืองไทย

“ช่วงนี้สถาบันการศึกษาเปิดภาคเรียนและเข้าสู่ฤดูฝนเต็มฤดู ผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่มีรถยนต์ไว้ใช้งานจะยืดระยะเวลาการเปลี่ยนยางรถยนต์ออกไป เพื่อนำเงินไปใช้ด้านการศึกษาของบุตรหลาน บริษัทจึงกระตุ้นความต้องการของตลาด โดยใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ด้วยการขยายโปรโมชั่นสำหรับผู้ซื้อยาง BluEarth AE01 (บลูเอิร์ธ เออี 01) จำนวน 4 เส้น รับฟรีกระเป๋าสะพายพรีเมียมจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ อีกทั้งจะเร่งขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย”

มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าวถึงเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่องว่า ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการส่งออก แต่มั่นใจว่ารัฐบาลของไทยจะดูแลภาคธุรกิจส่งออกเป็นอย่างดี เพื่อรักษาสมดุลและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในส่วนของ บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งตัว แต่ได้รับอานิสงส์เนื่องจากนำเข้ายางมาจากต่างประเทศ โดยบริษัทได้นำประโยชน์ดังกล่าวมาใช้บริหารกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยการนำมาเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์และมอบของพรีเมียมให้ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ ควบคู่กับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยมากขึ้น

“YOKOHAMA ยังคงยึดนโยบายการทำตลาดที่ชัดเจน คือ “Make Everything High Quality” เน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์และเน้นการบริการมากกว่าปริมาณการขายและเพิ่มจำนวนผู้แทนจำหน่าย โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายดีลเลอร์เพิ่มขึ้น 33 แห่ง จากที่มีอยู่ 260 แห่งเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่นับรวม “YCN : YOKOHAMA Club Network” ที่จะเปิดครบ 12 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุดไตรมาสแรกที่ผ่านมาได้เปิดดีลเลอร์เพิ่มไปแล้ว 5 แบ่งเป็นภาคกลาง } ภาคเหนือ, ภาคตะวันตก ภาคละ 1 แห่ง ภาคใต้อีก 2 แห่ง และภายในไตรมาสสองนี้จะเปิดเพิ่มอีก 16 แห่ง ที่เหลือจะเปิดให้ครบภายในสิ้นปีนี้ และด้วยกลยุทธ์การตลาดต่างๆ ที่จะดำเนินอย่างเข้มข้นในปีนี้ จะช่วยให้บรรลุเป้ายอดขาย 380,000 เส้นที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” มร.ยูทากะ ฟูรูกาวา กล่าว

“MOTOR EXPO 2013” เผยภาพสัญลักษณ์ “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก”




ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ควบคุมงานด้านบริหารงานทั่วไป เผยถึงแนวคิดของงาน “MOTOR EXPO 2013” ว่า ปัจจุบันวิกฤตขาดแคลนน้ำมันเริ่มส่อเค้าชัดเจนขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับภาวะดังกล่าวผู้ผลิตรถยนต์ได้ปรับตัวแสวงหาพลังงานทดแทนน้ำมัน ทำให้พลังงานยานยนต์แบบไฮบริดจ์และไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดไร้มลพิษ โดยผลการศึกษาในยุโรปพบว่า ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถลดปัญหาแกสเรือนกระจกได้สูงสุดถึงร้อยละ 24 ทำให้ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนล้วนส่งเสริมการพัฒนาอย่างจริงจัง ทั้งหมดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของโลกที่เราต้องการสะท้อนให้เห็นในงานปีนี้จึงเป็นที่มาแนวคิด พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก” (INNOVATIVE ENERGIES-WORLD-CHANGING VEHICLES)


ด้านมือนาง ปิยะพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท พับลิค มีเดีย แอนด์ คอมมิวนิเคชันส์ จำกัด กล่าวถึงความหมายของภาพสัญลักษณ์งานปีนี้ว่า“โลกกับมนุษย์คืออันหนึ่งเดียวกัน และจะถ่วงดุลย์กันอย่างกลมกลืน วงจรทางวัฏจักรวิศวกรรมยานยนต์ และมวลมนุษย์จะระดมความคิดที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ “ทางบวก” ที่มีผลดีต่อโลกและสังคมมนุษย์เพื่อสร้างสมดุล และความเจริญที่มีต่อการพัฒนาอย่างเป็นเอกภาพ ภาพที่ปรากฏปีนี้ สะท้อนภาพทรงกลมที่สื่อแทนโลก และการระดมความคิดของมวลมนุษย์อย่างเป็นเอกภาพโคจรขับเคลื่อนเป็นเกลียววนขึ้น คือ การพัฒนา และหลุดพ้นจากปัญหาทั้งมวลด้วยความเข้มของฉากหลังสะท้อนให้เห็นประกายความงามของสีทองที่ม้วนตัวเคลื่อนสู่ผู้พบสื่อความหมายแห่งความเจริญ ด้วยการระดมมันสมองของมวลหมู่มนุษย์เน้นถึงความมุ่งมั่นในพลังงานทางปัญญาแห่งยานยนต์ ด้วยลีลาแนวโค้งทรงแอร์โรไดนามิคของยนตรกรรมด้วยสีทองและสีแดงบ่งบอกถึงพลังแห่งการพัฒนา รวมเป็น พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก


  งาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30" จัดโดยบริษัท สื่อสากล จำกัด เตรียมเปิดให้บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงผู้จำหน่ายเครื่องเสียงและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง จองพื้นที่ในวันที่ 4-5 มิถุนายน นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สอบถามรายละเอียดการจองพื้นที่เพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายขาย โทรศัพท์ 0-2641-8444 ต่อ 202
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved