Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าเสริมยุทธ์ศาสตร์หวังครองใจลูกค้าทั่วประเทศ ชูสปอร์ตมาเก็ตติ้งพร้อมลงนามสนับสนุนฟุตบอลไทย

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 10 มิถุนายน 2556 – นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับ นายยูจิ นากามิเน ผู้บริหารระดับสูง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมงานแถลงข่าวลงนามสนับสนุนสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมเดินหน้าพัฒนาวงการฟุตบอลของประเทศไทย ตอกย้ำการทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการกับสโมสรนครราชสีมา เอฟซี หรือ สวาทแคท เป็นระยะเวลานานถึง 3 ปี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการก้าวขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ
วงการฟุตบอลของดิวิชั่นหนึ่งคึกคักขึ้นมาทันตา  หลังจากมีบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจกีฬาฟุตบอลลีกของประเทศไทย ด้วยการให้การสนับสนุนด้านงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อยกระดับทีมในระดับภูมิภาคให้ก้าวขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดในประเทศ ด้วยการลงนามเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการสนับสนุนทีมเป็นระยะเวลานานถึง 3 ปี ซึ่งมาสด้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการให้การสนับสนุนด้านกีฬาฟุตบอลอาชีพในครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแรงกระตุ้นให้คนไทยหันมาชมกีฬาในประเทศมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสนใจในกีฬาและออกกำลังกายให้แก่เยาวชนไทย ที่สำคัญที่สุดคือช่วยส่งเสริมยกระดับวงการฟุตบอลในประเทศให้ทัดเทียมกับวงการฟุตบอลของต่างชาติ
นายยูจิ นากามิเน ผู้บริหารระดับสูง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ประเทศไทย คือ ยุทธศาสตร์สำคัญของมาสด้า สำหรับการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการสนับสนุนด้วยดีจากชาวไทยมาโดยตลอด นอกจากการพัฒนาด้านยานยนต์แล้ว มาสด้ายังตระหนักถึงความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาด้านสังคมในทุกๆ ประเทศที่มาสด้าได้เข้าไปทำธุรกิจ โดยเฉพาะด้านการเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ มาสด้าให้ความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาวงการกีฬามาแล้วทั่วโลก ทั้ง มอเตอร์สปอร์ต ฟุตบอล เบสบอล แบดมินตัน และกีฬาอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาของมวลมนุษยชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีผู้คนหลงใหลในกีฬาชนิดนี้อย่างกว้างขวาง ที่สำคัญการให้การสนับสนุนฟุตบอลของประเทศไทยในครั้งนี้จะเป็นฟันเฟืองอีกตัวที่จะช่วยเติมเต็มให้กับวงการฟุตบอลของไทยเติบโตขึ้นเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายหมายที่วางไว้ นั่นคือ ทีมชาติไทยจะสามารถทะลุเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าให้ความสำคัญต่อวงการกีฬาทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศไทยมาสด้าได้ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาแล้วกับ การแข่งขันวอลเล่บอลชายหาดหญิงชิงแชมป์โลกมาแล้ว สำหรับการให้การสนับสนุนกีฬาในเวทีระดับโลกนั้นมาสด้าได้ให้การสนับสนุนทีมฟุตบอลลีกสูงสุดของอิตาลี นั่นคือทีม ฟิออเรนตินา ส่วนในประเทศญี่ปุ่นมาสด้าก็ได้ให้การสนับสนุนกีฬาหลากหลายประเภท โดยเฉพาะกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของชาวญี่ปุ่นนั่นคือ กีฬาเบสบอล ที่มาสด้าร่วมสร้างทีมขึ้นมาและถือเป็นทีมประจำเมืองฮิโรชิมา และมีสนามเป็นของตนเอง ชื่อ มาสด้า ซูม-ซูม สเตเดียม และสนับสนุนทีมชื่อ ฮิโรชิมา คาร์ป พร้อมกันนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีมฟุตบอลสโมสรซานเฟเซ่-ฮิโรชิมา ที่สามารถความแชมป์ เจ-ลีก ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศในฤดูกาลที่ผ่านมา นี่คือความสำเร็จของมาสด้าที่กำลังถูกส่งผ่านมาสู่ประเทศไทย
รศ.ดร. ชาญชัย อินทรประวัติ รองประธานสโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี ด้วยการสนับสนุนอย่างดียิ่งของท่านประธานที่ปรึกษาของสโมสร ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เรามุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างมากเพื่อสร้างทีมให้เกิดความแข็งแกร่ง หลังจากเราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่งจากมาสด้าในครั้งนี้ ยังมีหลากหลายเอกชนที่ได้แจ้งความจำนงเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับทางสโมสร ซึ่งเป้าหมายใหญ่ของสโมสร นครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี ในฤดูกาลนี้ คือ ต้องการเลื่อนชั้นขึ้นไปสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้จะเริ่มทันที ด้วยการเสริมทัพนักแตะฝีเท้าดีเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมในช่วงเลคที่ 2 พร้อมกันนี้เรายังมีหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่มากประสบการณ์ ชื่อชั้นของ ''ขงเบ้งลูกหนัง'' อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ คือกุนซือแม่ทัพใหญ่ของสวาดแคทที่จะพาเราก้าวไปสู่ชัยชนะ ด้วยฝีไม้ลายมือและประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวของ อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ในวงการฟุตบอลที่ไม่ต้องสาธยาย รวมไปถึงการคุมทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ผ่านงานระดับ เอเชียนเกมส์ รวมถึงสปิริตของทีมที่มีความมุ่งมั่นและกระหายต่อชัยชนะซึ่งจะทำให้เราสามารถก้าวไปสู่เป้าหมายของเราในเร็วๆ นี้
มาสด้าถือเป็นค่ายรถยนต์เพียงค่ายเดียวที่ลงทำให้การสนับสนุนในกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย  ด้วยความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาและยกระดับฟุตบอลของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การแข่งขันในทัวร์นาเม้นต์ระดับโลก  ถือเป็นการจุดประกายและเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นนิมิตหมายอันดีที่บริษัทเอกชนที่มีวิสัยทัศน์และความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลของประเทศไทยให้สามารถก้าวต่อไปในอนาคต
ทางด้าน “บิ๊กโต” สส. วัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้จัดการทีม นครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี กล่าวว่า เพราะสโมสรนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี เป็นทีมที่เปี่ยมด้วยศักยภาพที่เพียบพร้อม เรามีนักเตะที่ดีมากความสามารถ เราเล่นบอลกันเป็นทีม เรามีแฟนบอลที่ติดตามชมทุกแม็ทต์เฉลี่ยกว่า 10,000 คน และสนามเราสามารถจุผู้ชมมากกว่า 20,000 ดังนั้น บอร์ดบริหารทีมนครราชสีมา-มาสด้า เอฟซี เล็งเห็นว่าศึกไทยพรีเมียร์ลีกเท่านั้นที่ทัพสวาดแคทควรก้าวไปให้ถึง เราจะต้องเดินหน้าเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าซึ่งต้องทำทุกวิถีทางที่จะนำพาทีมก้าวขึ้นไปสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้ภายหลังจบฤดูกาลนี้ หลังจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วเราลองผิดลองถูกมามากมายและหลังจากจบในช่วงซีซั่นส์แรกจะต้องเปลี่ยนแปลงทีมไปในทิศทางที่ดีขึ้น ต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเป้าหมายในการเข้าไปเล่นในศึกไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้

มหกรรม FAST Auto Show Thailand 2013 ชวนคนไทยเลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่ ทุ่มงบ 50 ล้าน จัดยิ่งใหญ่ หวังปลุกตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังคึกคัก

กรุงเทพฯ — 6 มิถุนายน 2556 — บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด เตรียมนับถอยหลัง มหกรรมแสดงและจำหน่ายรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว FAST Auto Show Thailand 2013 เอาใจคนอยากมีรถ ทั้งรถใหม่ป้ายแดงจาก 16 ค่ายรถยนต์ชั้นนำและรถใช้แล้ว (รถมือสอง) จากเต็นท์รถ ชั้นนำ ภายใต้คอนเซปต์ FAST ที่มาพร้อมเงื่อนไขพิเศษจากธนาคารเกียรตินาคิน อนุมัติสินเชื่อเร็ว ซื้อง่าย ขายคล่อง ให้เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่ จุใจ 5 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 17 – 21 กรกฎาคม 2556 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ฮอลล์ 106 บนพื้นที่จัดงานกว่า 10,000 ตร.ม. คาดยอดผู้เข้าชมงาน 400,000 คน ยอดจองรถใหม่ 4,000 คัน และยอดซื้อรถมือสอง 2,000 คัน

นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธาน ฝ่ายรถใหม่ “มหกรรม FAST Auto Show Thailand 2013” เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปีนี้ ยอดขายสะสม 4 เดือนแรกมีปริมาณการขาย 522,929 คัน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของยอดขายสะสม 4 เดือนแรก ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 42.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 76.9% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20.9 % ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทยอยส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับความนิยมอย่างต่อเนื่องในรถยนต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์นั่ง ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มทรงตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่จองรถยนต์เพื่อใช้สิทธิรถยนต์คันแรกตั้งแต่ปีที่ผ่านมาได้ทยอยรับรถเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ดี การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของบริษัทรถยนต์ต่างๆ จะเป็นปัจจัยบวกในการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ต่อไป
     
ทั้งนี้ บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด ได้ร่วมกับพันธมิตร คือ ธนาคารเกียรตินาคิน และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ในฐานะผู้อุปถัมภ์ เตรียมจัดงาน “มหกรรม FAST Auto Show Thailand 2013” ที่ไบเทค บางนา เนื่องจากพบว่ากลุ่มผู้บริโภคในโซนกรุงเทพตะวันออก และสมุทรปราการ มีกำลังซื้อสูง และยังคงตอบรับงานเป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้บริโภคในย่านนี้ได้เข้าถึงรถยนต์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น โดยไฮไลท์ของงานจะเป็นแหล่งรวมรถยนต์ใหม่จาก 16 ค่ายรถยนต์ชั้นนำ และรถยนต์มือสองจากเต็นท์รถที่เชื่อถือได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ FAST มาพร้อมเงื่อนไขพิเศษจากธนาคารเกียรตินาคิน อนุมัติสินเชื่อเร็ว ซื้อง่าย ขายคล่อง ถูกใจคันไหนก็ตัดสินใจซื้อเป็นเจ้าของได้เลย โดยตั้งเป้าผู้เข้าชมงานปีนี้ทะลุ 400,000 คน ยอดจองรถ 6,000 คัน แบ่งเป็นรถใหม่ 4,000 คัน และรถมือสอง 2,000 คัน งบประมาณการลงทุนในการจัดงานอยู่ที่ 50 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 10 ล้านบาท

นายชลัทชัย กล่าวอีกว่า “ในช่วงกลางปีจะเป็นช่วงที่ตลาดรถยนต์เริ่มกลับมาฟื้นตัว เนื่องจากการส่งมอบรถยนต์จะแล้วเสร็จในช่วงนี้ ส่งผลให้เกิดความต้องการที่แท้จริงในตลาด ซึ่งเป็นช่วงเหมาะสมกับที่เราจัด“มหกรรม FAST Auto Show Thailand 2013” โดยมั่นใจว่าตลาดรถยนต์ในช่วงกลางปีนี้จะกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพื่อให้งานได้รับความสนใจในวงกว้างยิ่งขึ้น เราได้เพิ่มงบโฆษณาจากปีที่แล้วขึ้นอีก 30 % โดยเน้นครอบคลุมทุกสื่อ ตั้งแต่โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ บิลบอร์ด แผ่นพับ ใบปลิว นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรอย่างเนชั่นแชนเนลที่ทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและจะทำการถ่ายทอดสดงานด้วย และยังมี AIS ที่จะส่ง SMS เชิญชวนลูกค้ามาร่วมงาน รวมถึง B-Quik ที่จะแจกใบปลิว 1 ล้านใบ ทั้งยังมีการแจกบัตรเข้างาน 1 ล้านใบตามสำนักงานและแหล่งชุมชนต่างๆ”

งานนี้มีค่ายรถยนต์ชั้นนำให้การตอบรับเข้าร่วมงานอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชฟโรเลต (Chevrolet) ซีตรอง (Citroen) เดวา (Deva) ฟอร์ด (Ford) ฮอนด้า (Honda) ฮุนได (Hyundai) อีซูซุ (Isuzu) เกีย (Kia) มาสด้า (Mazda) มิตซูบิชิ (Mitsubishi) นิสสัน (Nissan)สามมิตร กรีนพาวเวอร์ (Sammitr Green Power) สโกด้า (Skoda) ซูบารุ (Subaru) โตโยต้า (Toyota) ซูซุกิ (Suzuki) และ DFSK
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อและจองรถยนต์ ลุ้นรับบัตรเติมน้ำมันฟรี จาก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 5 รางวัล สำหรับผู้เข้าชมงาน มีสิทธิ์ลุ้นรับ LED TV เป็นประจำทุกวันตลอดงาน

นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงาน ฝ่ายรถใช้แล้ว กล่าวถึงภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองว่า ตลาดรถยนต์มือสองในขณะนี้ยังถือว่าทรงตัว แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วถือว่ามีภาพรวมที่ดีกว่า เนื่องจากผลกระทบจากโครงการรถคันแรกทำให้คนหันไปให้ความสนใจรถยนต์มือหนึ่งเป็นจำนวนมาก สำหรับเทรนด์ความนิยมรถยนต์มือสองปีนี้นับว่าเป็นโอกาสทองของตลาดรถยนต์มือสองที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี เนื่องจากคนส่วนใหญ่ให้ความนิยม ประกอบกับราคาที่เหมาะสม อยู่ที่ประมาณ 3-4 แสนบาท สำหรับเทรนด์ความนิยมรถที่มีเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี ขึ้นไป รวมไปถึงรถยุโรป นับว่ายังคงเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากรถยนต์เหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดจากโครงการรถคันแรก

สำหรับงาน FAST Auto Show Thailand 2013 ได้รับความร่วมมือจากค่ายรถยนต์มือสอง รายใหญ่ จากทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาร่วมภายในงาน โดยรถทุกคันจะผ่านการคัดเลือกและตรวจสอบคุณภาพโดย อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์มือสองคุณภาพดีได้อย่างรวดเร็ว โดยในปีนี้ เราตั้งเป้าไว้ว่าจะมียอดซื้อรถยนต์มือสองภายในงานประมาณ 2,000 คัน หรือคิดเป็น 500 คันต่อวัน

“งาน “มหกรรม FAST Auto Show Thailand 2013” ต้องการให้ผู้ซื้อผู้ขายสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว พึงพอใจทั้งสองฝ่าย นอกจากการแสดงและจำหน่ายทั้งรถใหม่และรถใช้แล้วทุกประเภท ยังมีเวทีกลางเพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย สนามทดลองขับสำหรับผู้ต้องการซื้อไว้ไม่ไกลจากบริเวณงาน รถใช้แล้วทุกคันผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญรถมือสอง และเชื่อมั่นว่างานนี้จะสร้างบรรยากาศการซื้อขายทำให้ตลาดรถยนต์คึกคักในช่วงกลางปี ส่งผลบวกแก่ธุรกิจรถยนต์ไปตลอดทั้งปีแน่นอน” นายอัษฎาวุธ กล่าวทิ้งท้าย

บริดจสโตนส่งมอบประสบการณ์ความสนุกเคียงข้างคุณทุกเส้นทางทั่วไทย ผ่านกิจกรรม “Always with you Roadshow”

[กรุงเทพฯ] (7 มิถุนายน 2556) – บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร.ชินอิจิ ซาโตะ กรรมการผู้จัดการ จัดกิจกรรม “Always with you Roadshow” หนึ่งในกิจกรรมหลักภายใต้แคมเปญ“Bridgestone Always with you”เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสนุกแก่กลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัด ภายในงานจะได้พบกับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การแสดง Beat Box Show ร่วมสร้างสรรค์กรอบรูปแบบ D.I.Y สนุกสนานกับการเทสีมหัศจรรย์ พร้อมชมมินิคอนเสริ์ตสุดคูลจากศิลปินชื่อดังและกิจกรรมอื่นๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมายตลอดงาน
ผู้สนใจสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรม“Always with you Roadshow” ได้ตามสถานที่สุดชิค ในจังหวัดต่างๆ ดังนี้
    10 มิถุนายน 2556 พบกันที่ Central Festival Pattaya ชมมินิคอนเสิรต์ Room 39
    13 กรกฎาคม 2556 พบกันที่ Central Airport Plaza เชียงใหม่ ชมมินิคอนเสิรต์ ว่าน ธนกฤต
    12 สิงหาคม 2556 พบกันที่ Central Plaza ขอนแก่น ชมมินิคอนเสิรต์ ป๊อบ แคลลอรี่ บลาบลา


Always with you Roadshow เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร ภายใต้แนวคิด "Bridgestone Always With You-เคียงข้างคุณทุกเส้นทาง" โดยบริษัทได้จัดแคมเปญนี้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งกิจกรรม Roadshow นี้เป็นส่วนหนึ่งในอีกหลากหลายกิจกรรมที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมของ บริดจสโตนซึ่งพร้อมอยู่เคียงข้างและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่


สามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/BridgestoneAlwaysWithYou

ยางนิตโตะ จัดหนัก ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรทีมสิงห์โตน้ำเงินคราม เชลซี หวังกวาดฐานแฟนลูกหนังกว่า 1 ล้านราย สร้างฐานลูกค้ายางรถยนต์ใหม่ มั่นใจโตเกิน 20%

ยางนิตโตะ ยางสัญชาติญี่ปุ่น 100% เขย่าวงการลูกหนังโลก ร่วมเซ็นสัญญาสนับสนุนเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ให้แก่ทีม "สิงห์โตน้ำเงินคราม เชลซี" สโมสรฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก ตามการจัดอันดับของสหพันธ์ประวัติศาสตร์ฟุตบอล และ สถิตินานาชาติ ปีล่าสุด ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลแชมป์รายการ UEFA Europa League Champion 2013 มาครองได้สำเร็จอีกด้วย พร้อมดึงตัว เดนนิส ไวส์ นักเตะในตำนาน ร่วมเปิดตัวแคมเปญ "DRIVING WITH CHAMPION" อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 56 ณ.ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ผ่านมา
โดยนายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยางนิตโตะ ยางนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100% เปิดเผยถึงการร่วมสนับสนุน สโมสรเชลซี ฟุตบอลคลับ ในฐานะ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ว่าการสนับสนุน ดังกล่าว ตนรู้สึกภูมิใจที่เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยทีมงานคนไทย 100%
ได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ กับทีมฟุตบอลในระดับแถวหน้าของโลกอย่างสโมสร เชลซี ซึ่งเป็นสโมสรที่มีผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูการ รวมถึงในส่วนของฐานแฟนคลับของ ทีมเชลซี ในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันก็ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ แบรนด์นิตโตะ นั้นได้เติบโตก้าวเป็นแบรนด์ในใจคนไทยเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายโตขึ้น 20% จากการร่วมสนับสนุน ทีมฟุตบอล สโมสร เชลซี ดังกล่าว
จากความสำเร็จของทางบริษัทฯ ในการจำหน่ายยางรถยนต์คุณภาพสูง จากประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปาก ถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับราคา จากกลุ่มผู้ใช้ตัวจริง ผ่านสื่อต่าง ๆ และ การสร้างฐานร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งของทางบริษัท ทำให้ ยางนิตโตะ สามารถเป็นที่รู้จักและยอมรับในด้านคุณภาพและราคาจำหน่ายในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งกลยุทธ์ในการรับประกันคุณภาพยางจากการผลิตตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งมีเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทยของทางบริษัท นั้น จึงทำให้บริษัท ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดออกไปในแนวกว้าง มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกระดับ ตอบรับกับทุกความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม จึงได้เล็งเห็นถึง กีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่เป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงในประเทศไทยเป็นอย่างมาก รวมถึงได้เล็งเห็นกระแสแฟนคลับของ ทีมสโมสรเชลซี ซึ่งมีอยู่ในเมืองไทยเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะสอดคล้องกับการ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของยางนิตโต ที่จะมีผลิตภัณฑ์ ในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก และ ขนาดกลาง เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้"
ซึ่งการที่ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมสนับสนุนทีมระดับโลกดังกล่าวนั้น ตลอดฤดูกาล นี้ ทางบริษัทฯ ก็ได้เดินหน้าผลักดันกิจกรรมการตลาดในด้าน Sport marketing อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเต็มรูปแบบ เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมในกลุ่ม Motor Sport ที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอดแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรม NITTO - CHELSEA FOOTBALL CLINIC, กิจกรรม Meet & Greet กับนักเตะ เชลซี ที่ สนามแสตมป์ฟอร์ดบริจ ประเทศอังกฤษ รวมถึงกิจกรรม Road Show ต่าง ๆ ที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มพันธมิตรที่เป็น Official Partner ของสโมสร เชลซี ฟุตบอลคลับ ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Adidas และ สิงห์ โดยนำกลยุทธ์ win win strategy มาใช้ร่วมด้วย เพื่อความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้ของทุกฝ่าย
สำหรับในปีนี้ ทางบริษัทฯ ก็ได้เลือกใช้กลยุทธ์ IMC แบบเต็มรูปแบบมาปรับใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบ 4 มิติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สื่อโฆษณา Mass Media หรือ Print Media เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับทราบถึง ตัวผลิตภัณฑ์ หรือกิจกรรมการตลาดที่กำลังดำเนินการอยู่ พร้อมกันนี้ในส่วนของ Digital Marketing ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในปัจจุบันที่ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญทำการตลาดด้าน Digital & Social Media อย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยในปัจจุบัน Fan page ของ Nitto Tire Thailand กำลังก้าวเข้าสู่ 100,000 Fan page ซึ่งเป็น Fan page ยางรถยนต์ที่มีผู้ติดตาม และ พูดถึงมากที่สุด ซึ่งการร่วมสนับสนุน สโมสรเชลซี ฟุตบอลคลับ ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ก็ได้มีการพัฒนา แอพพลิเคชั่น ใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบรับกับ Life style ของแฟนบอลเชลซี และ แฟนบอลทีมอื่น ๆ ในประเทศไทย ให้สามารถร่วมสนุก พร้อม รับรู้ข่าวสารของผลิตภัณฑ์และกิจกรรมของ ยางนิตโตะ รวมถึง ข่าวสารในวงการฟุตบอล ผ่านแอพพลิเคชั่น ดังกล่าวได้ ซึ่งตลอดฤดูกาลในปีนี้ ทางบริษัทฯ ก็จะทยอย ออกแอพพลิเคชั่น ต่าง ๆ มามัดใจแฟนฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดตามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/NittoTireThailand นายอภิชัย กล่าวสรุปทิ้งท้าย

MOTOR EXPO 2013 เนื้อหอมสุดขีด ค่ายรถมั่นใจปลายปีตลาดบูมอีกครั้ง

บริษัทรถยนต์รุมจองพื้นที่งาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30" ส่งสัญญาณไตรมาสสุดท้ายตลาดรถสดใส คาดยอดขายในงาน 50,000 คัน พร้อมเพิ่มบริการเอาใจผู้ชมเพื่อฉลอง 30 ปี “MOTOR EXPO”
ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์” ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไปเปิดเผยถึงบรรยากาศการเปิดจองพื้นที่ว่าได้รับความสนใจจากบริษัทรถยนต์จับจองพื้นที่คึกคักเช่นทุกปี แม้ว่าตลาดรถยนต์ช่วงครึ่งปีแรกจะเผชิญภาวะชะลอตัว อย่างไรก็ดีเมื่อประเมินสถานการณ์ในอีก 6 เดือนข้างหน้ามั่นใจว่าตลาดจะฟื้นตัวตามลำดับ โดยกำลังซื้อจะกลับมาช่วงที่จัดงานพอดี โดยปีนี้คาดการณ์ยอดจองรถในงานไว้จำนวน 50,000 คัน
สำหรับพื้นที่ภายในอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี รวม 60,000 ตารางเมตรได้ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนตามความเหมาะสม โดยพื้นที่แสดงรถยนต์ใหญ่ที่สุดขนาด 1,600 ตารางเมตร และผู้จัดยังได้เพิ่มจำนวนบูธของผู้จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับรถจักรยานยนต์ เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจรายย่อยได้เข้ามามีส่วนร่วมกับงานมากขึ้น เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
รองประธานจัดงานยังเปิดเผยด้วยว่าในโอกาสครบ 30 ปีของงาน MOTOR EXPO ผู้จัดได้เตรียมบริการรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่ได้พัฒนามาตรฐาน และการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ค่ายรถ และผู้ชมงาน อาทิ แอพพลิเคชัน MOTOR EXPO ผ่านไอโฟนและสมาร์ทโฟน อาทิ การตรวจสอบเส้นทางจราจรเข้า-ออกภายในงานแบบเรียลไทม์ การบริการตรวจเช็คสภาพรถ และกิจกรรมบริการหลากหลายรูปแบบ
“MOTOR EXPO 2013” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก” หรือ Innovative Energies - World-Changing Vehicles” เพื่อสะท้อนโลกยานยนต์ปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนสู่ยุคของรถพลังงานไฟฟ้าและไฮบริด ซึ่งฝ่ายรัฐบาลและบริษัทรถยนต์ร่วมสนับสนุนอย่างจริงจังและคาดว่าจะเป็นรูปธรรมภายใน 3 ปี โดยภายในงานจะมีการแสดงรถแนวคิดและเปิดตัวรถใหม่มากมาย” ชลัทชัย กล่าวทิ้งท้าย

พลาดไม่ได้กับงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30" ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2556 เวลาเปิด-ปิดงาน วันธรรมดา เวลา 12.00-22.00 น. เสาร์และอาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00-22.00 น. ปิดการจำหน่ายบัตรเข้างาน เวลา 21.00 น. ของทุกวัน สามารถติดตามข่าวงาน MOTOR EXPO 2013 ได้ทาง http://www.motorexpo.co.th http://www.autoinfo.co.thhttp://www.facebook.com/motorexpo http://www.twitter.com/MotorExpoThai

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เปิดตัวบูติคโชว์รูมแห่งแรกของโลก ตอกย้ำความต้องการที่เพิ่มขึ้น และความสำเร็จของธุรกิจ


 โรลส์-รอยซ์ บูติค โชว์รูมแห่งแรกของโลกจะเปิดอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ศูนย์การค้าสุดหรูแห่งกรุงเทพมหานคร
      โชว์รูมแห่งที่สองในกรุงเทพฯ ตอกย้ำความต้องการที่เพิ่มขึ้น และความสำเร็จของธุรกิจ
      เปิดตัวโรลส์-รอยซ์ ไลฟ์สไตล์ คอลเลคชั่น ครั้งแรกในประเทศไทย

บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด เปิดตัวโรลส์-รอยซ์ บูติค โชว์รูมแห่งแรกอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน สุดยอดแหล่งช้อปปิ้งในกรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจาก มร.พอล แฮริส ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเซียแปซิฟิก มร. เฮอร์ฟรีด ฮัสนัล ผู้จัดการทั่วไปตลาดใหม่ประจำภาคพื้นเอเซีย และนายวิวัฒน์ ธรรมชวนวิริยะ ประธาน บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด และบริษัท มิลเลียนแนร์ ออโต้ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานในพิธี

ความหรูหราแบบโรลส์-รอยซ์ – การปรับแต่งยนตรกรรมในแบบเฉพาะบุคคล
บูติค โชว์รูมที่สามารถจัดแสดงรถยนต์ได้สองคันแห่งนี้ ถูกออกแบบเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในการสั่งซื้อรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ด้วยขนาดที่เล็กกว่าโชว์รูมทั่วไปที่มอบบรรยากาศของความใกล้ชิดอบอุ่น พร้อมให้บริการลูกค้าของแบรนด์ ผู้ซึ่งสามารถปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่นในการเลือกสรรวัสดุสำหรับการตกแต่งรถยนต์ของตน ไม่ว่าจะเป็นไม้ หนัง หรือสีสันต่างๆ ที่มีให้เลือกถึง 44,000 เฉดสี ภายในบีสโป๊กเลาจ์ลูกค้าสามารถสัมผัส และสร้างภาพเสมือนด้วยตัวอย่างผืนหนัง ไม้ และสีสันต่างๆ ได้ตามต้องการในระหว่างการสั่งทำรถยนต์โรลส์-รอยซ์ของตน นอกจากนี้ ยังมีบริการโรลส์-รอยซ์ คอนฟิกูเรเตอร์ เพื่อให้ลูกค้าสร้างสรรค์ออกแบบรถยนต์ของตนเองลงบนหน้าจอได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม และทำให้กระบวนการสร้างสรรค์มีชีวิตขึ้นมา

บริการบีสโป๊กของโรลส์-รอยซ์ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งทุกส่วนของรถยนต์ได้ในแบบเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นบันไดข้าง พนักพิงศีรษะพร้อมอักษรย่อของชื่อลูกค้า ไปจนถึงอุปกรณ์ตกแต่งที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น อาทิ ชุดปิกนิก หรือกระเป๋าเดินทางที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการของลูกค้าโดยตรง ทั้งนี้ เคยมีลูกค้าที่ใช้ไม้จากสวนของตน หรือระบุสีที่ต้องการใช้เป็นการส่วนตัวมาแล้ว

โรลส์-รอยซ์ ไลฟ์สไตล์ คอลเลคชั่น
บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก จำกัด ได้จัดแสดงเครื่องประดับตกแต่งของแบรนด์ที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อนในประเทศไทย อาทิ ผ้าพันคอโรลส์-รอยซ์ที่จะช่วยเสริมชุดเก่งของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทำจาก ผ้าไหมอิตาลี 100% พิมพ์ลายสัญลักษณ์สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี (Spirit of Ecstasy) สีขาว ซึ่งผลงานชิ้นนี้มาในสีแดงเข้ม Wildflower ซึ่งเป็นสีของรถยนต์รุ่น Spirit of Ecstasy Centenary คอลเลคชั่น นอกจากนี้ ยังมีสินค้าไลฟ์สไตล์อื่นๆ มากมายประกอบด้วยเนกไทผ้าไหมของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งมีภาพของเอลีนอร์ ธอร์นตัน ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นแบบของสัญลักษณ์สปีริต ออฟ เอ็กสตาซีอยู่ด้านใน และกระดุมแขนเสื้อรูปสปีริต ออฟ เอ็กสตาซี ทำจากเงินสเตอร์ลิง และออกแบบตามสัญลักษณ์สปีริต ออฟ เอ็กสตาซีอันโด่งดัง


นายฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก เปิดเผยว่า“ศูนย์การค้าสยาม พารากอนเป็นที่ตั้งของโชว์รูมยนตรกรรมหรู “โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส” เรายินดีที่บูติค โชว์รูมแห่งนี้มาร่วมเป็นหนึ่งในครอบครัวโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมรถยนต์โรลส์-รอยซ์ได้ในช่วงเวลาที่มาจับจ่ายใช้สอย หรือร่วมกิจกรรมสุดพิเศษของเรา และยังเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงคอลเลคชั่นที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะบุคคลอีกด้วย”

โชว์รูมแห่งนี้ออกแบบมาเพื่อปลุกความคิดสร้างสรรค์ ลูกค้าของเราสามารถออกแบบรถยนต์ของตนเองได้ด้วยความช่วยเหลือจากทีมงานบีสโป๊ก และช่างผู้ชำนาญของโรลส์-รอยซ์ ในกู้ดวูด ประเทศอังกฤษ โดยมีขีดจำกัดเป็นเพียงจินตนาการของผู้สร้างสรรค์เท่านั้น”


มร. เฮอร์ฟรีด ฮัสนัล ผู้จัดการทั่วไปตลาดใหม่ประจำภาคพื้นเอเซีย กล่าวว่า “บูติคแห่งนี้เป็นโชว์รูมที่มอบบรรยากาศอันอบอุ่นและใกล้ชิดที่ตั้งใจกลางเมือง เพื่อจัดแสดงที่สุดแห่งความหรูหรา ความประณีต และคุณภาพ ลูกค้าจะได้รับการเชื้อเชิญให้แบ่งปันความต้องการในการสั่งทำรถยนต์ในแบบเฉพาะบุคคลของตน ด้วยตัวอย่างการออกแบบที่สร้างแรงบันดาลใจที่จัดแสดงไว้ภายในโชว์รูม และทำให้เราสามารถรังสรรค์ความฝันของลูกค้าให้เป็นจริงขึ้นมาได้”

“การเปิดโชว์รูมแห่งที่สองในประเทศไทยหลังจากดำเนินการภายในปีแรก แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทที่เปี่ยมล้น ที่มีต่อความต้องการของลูกค้าของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของเราในกรุงเทพมหานคร ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีต่อแบรนด์ของเรา” มร. ฮัสนัล กล่าวทิ้งท้าย

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก บูติค ตั้งอยู่บนชั้น 2 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ศูนย์การค้าสุดหรู ใจกลางกรุงเทพฯ

เกี่ยวกับ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส
บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด เป็นผู้นำด้านการผลิตรถยนต์หรู และบริการสั่งทำรถยนต์เฉพาะบุคคล (Bespoke)

รถยนต์โรลส์-รอยซ์ทุกคัน ได้รับการผลิตด้วยมือโดยสุดยอดช่างผู้ชำนาญงานในด้านต่างๆ ที่ต้นกำเนิดของรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ในกู้ดวูด ประเทศอังกฤษ

รถยนต์โรลส์-รอยซ์แต่ละคัน ผ่านมือช่างผู้ชำนาญงานกว่า 60 คู่ และใช้เวลากว่า 1-6 เดือนในการผลิต ด้วยความอุตสาหะเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพ ตามคำกล่าวอันโด่งดังของเซอร์ เฮนรี รอยซ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งกล่าวไว้ว่า “จงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบในทุกสิ่งที่ตนทำ จงดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมาแล้วทำให้ดียิ่งขึ้น ถ้าสิ่งนั้นไม่มีอยู่ จงสร้างมันขึ้นมา”

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เปิดเผยสถิติการขายในปีพ.ศ. 2555 โดยมีการขายรถยนต์ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 3,575 คัน ซึ่งเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 3 ปีติดต่อกันและที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ตลอด 109 ปีที่ผ่านมา

ผ้าเบรก Bendix ส่ง App "Bendix Take a Brake" สร้างแบรนด์ครองใจผู้บริโภค ผ่านโซเชียลมีเดีย มั่นใจยอดขายโต 20%

นายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค บริษัท เอฟ เอ็ม พี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ส่ง Application "Bendix Take a Brake" สำหรับโทรศัพท์ ระบบ Android และ ISO สร้างการรับรู้ แบรนด์ พร้อมสัมผัสประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์ ผ้าเบรก Bendix รุ่นต่าง ๆ ผ่าน Application เกมส์ดังกล่าว

โดยสำหรับในปี 2556 นี้ ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ ก็ยังคงนำกลยุทธ์การตลาดด้าน Motor Sport มาเป็นส่วนหนึ่งในแผนการตลาด ที่ยังคงให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวสามารถสร้างแบรด์ และ การรับรู้ถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ผ่านการแข่งขันรายการต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกของ Bendix มากยิ่งขึ้น

รวมถึงในปี้นี้ทางบริษัทฯ ก็ยังคงจะให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมการตลาดผ่าน Digital Marketing Campaign ต่าง ๆ ของทางบริษัทฯ เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Facebook.com/bendixclub หรือ Web site www.bendixtakeabrake.com ก็ตาม ในการสร้างแบรนด์ในใจผู้บริโภค ผ่าน Digital Mediz & Tools ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรม์หันมาใช้เวลาในกลุ่ม Digital & Online Community ต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น

ซึ่งในขณะนี้ทางบริษัทฯ ก็ได้ส่ง app "Bendix Take a Brake" ให้ผู้ใช้โทรศัพท์ระบบ Android และ ISO ได้สามารถ download เพื่อร่วมกิจกรรมชิงรางวัลต่าง ๆ จากการแข่งขันเกมส์จาก app ดังกล่าว ซึ่งจากกิจกรรมดังกล่าวผู้ร่วมกิจกรรมสามารถ รับรู้ประสิทธิภาพของผ้าเบรก Bendix ในแต่ละรุ่นได้จาก app ดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทก็จะมีการจัดกิจกรรมแข่งขัน และ แจกรางวัลเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสร้างการรับรู้ให้เป็นวงกว้างออกไป

และในปีนี้ทางบริษัทฯ ก็ยังได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกรุ่นใหม่ ซึ่งได้บรรจุเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ผ้าเบรก Bendix ซึ่งในปัจจุบันได้เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มทำการตลาดอย่างเต็มที่ ภายในเดือนกรกฎาคม ปีนี้ ซึ่งจะมี แคมเปญการตลาดต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมาย โดยหวังว่ายอดขายในปีนี้จะโตมากขึ้น 20% มากกว่าปีที่แล้ว นายประพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

กลับมาอีกครั้งกับงาน Vesparti in Phuket สำหรับคนรักเวสป้า

กรุงเทพฯ – 28 พฤษภาคม 2556, กลับมาอีกครั้ง เมื่อบริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้ารถสกู๊ตเตอร์เวสป้าและพิอาจิโอ ร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในจังหวัดภูเก็ต บริษัท ดราโก้ อันดามันจำกัด เชิญชวนผู้ที่หลงใหลในแบรนด์เวสป้า เข้าร่วมงาน “Vesparti in Phuket” ในวันเสาร์ที่ 15 และ อาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2556 ณ ลาน The Port Arena ห้างสรรพสินค้า จังซีลอน ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ภายในงานท่านจะได้พบกับกิจกรรมมากมาย รวมทั้งโปรโมชั่นสุดคุ้ม ห้ามพลาดสำหรับวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2556 พบกับคาราวานเวสป้า และคอนเสิร์ตสุดมันส์จากวง Mild งานนี้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) โทร : 02-716-0617 - 23 หรือ www.vespa.co.th
ท่านสามารถรับข่าวสารประชาสัมพันธ์จากเวสป้าและพิอาจิโอ ผ่านทางFacebook เพียงกดไลค์ www.facebook.com/vespathailand และ (Instagram) http://instagram.com/vespathailand

ฮอนด้าโชว์เก๋าแบบมีฮิต-สตอรี่ เปิดตัวซูเปอร์คัพ เอาใจคนรักแฟชั่นเรโทร

ค่ายฮอนด้า ผู้นำแห่งวงการรถจักรยานยนต์ไทย ส่งมอบความสนุกใหม่ให้กับคนไทยตามแนวคิด “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหาอะไรใหม่ๆ ว้าว!” ด้วยการดึงความเก๋าในวันวานมาใส่ในเทรนด์แฟชั่นย้อนยุคของวันนี้อย่างลงตัว กับ Honda Super Cub จากแรงบันดาลใจของรถซูเปอร์คับอมตะยอดนิยมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ภายใต้คอนเซปต์เก๋าแบบมีฮิต-สตอรี่ (Hit-Story) โดดเด่นสะดุดตาด้วยคู่สีพาสเทลแบบทูโทน เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 110cc. เกียร์วน 4 ระดับ ประหยัด ทนทาน พร้อมเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยครบครัน เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศ 28 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป สนนราคาโดยประมาณที่ 42,000 บาท
มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “รถตระกูลซูเปอร์คับถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นโดยมร.โซอิชิโร่ ฮอนด้า ในปี 1958 หรือราว 55 ปีที่ผ่านมา และได้ครองความเป็นรถแบบคลาสสิคยอดนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นด้วยรูปทรงแนวคลาสสิค ขนาดกระทัดรัด มีน้ำหนักเบา ขับขี่ง่าย และทนทาน ทำให้รถในตระกูลนี้กลายเป็นที่รักของผู้คนกว่า 160 ประเทศทั่วโลก และทำยอดจำหน่ายสะสมไปแล้วมากกว่า 60 ล้านคัน สำหรับประเทศไทย ฮอนด้าซูเปอร์คับรุ่นต่างๆได้เข้าสู่ตลาดพร้อมกับการเริ่มธุรกิจรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในไทยเมื่อราว 48 ปีก่อน และได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับรสนิยมของผู้ใช้ชาวไทยมาโดยตลอด กลายเป็นรุ่นสำคัญที่ได้รับความนิยมควบคู่ไปกับการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเสมอมา”

“ในปี 2013 นี้ จากเทรนด์ความนิยมของกลุ่มวัยรุ่นในแฟชั่นสไตล์เรโทรย้อนยุค ฮอนด้ามีความภูมิใจในการนำเสนอ Honda Super Cub ลงสู่ตลาดในประเทศไทย ซึ่งรถรุ่นเดียวกันนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วด้วยเช่นกัน โดย Honda Super Cub ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ยังคงความคลาสสิคด้วยสีสันแนวพาสเทลแบบทูโทน ซึ่งฮอนด้าจะนำเสนอพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งในแนวคลาสสิคอีกมากมาย เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งความสนุกแบบเก๋าๆ จากมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า โดย Honda Super Cub ใหม่นี้จะวางจำหน่ายควบคู่ไปกับ Honda Dream 110i รุ่นปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ความสนุกว้าว ที่ฮอนด้าภูมิใจนำเสนอให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการค้นหาอีกหนึ่งสไตล์ที่ตัวเองชอบภายใต้แนวคิดแบรนด์สโลแกน “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหาอะไรใหม่ๆ ว้าว!”
Honda Super Cub โดดเด่นด้วยคู่สีพาสเทลแบบทูโทนที่ให้อารมณ์ย้อนยุคอย่างสีฟ้าและสีครีม อุปกรณ์ต่างๆมีความทันสมัย เริ่มตั้งแต่ไฟหน้าขนาดใหญ่และไฟท้ายดีไซน์เก๋าสอดรับกับตัวถังแบบคลาสสิคอย่างลงตัว บังลมขนาดใหญ่กันน้ำและโคลนเป็นเยี่ยม แผงหน้าปัดทันสมัยดีไซน์เก๋าพร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์ชัดเจน นั่งสบายด้วยเบาะเรียบขนาดใหญ่สีทูโทนพร้อมมือจับโครเมี่ยมแข็งแรงกระชับมือ รองรับทุกสภาพน้ำหนักด้วยโชคหลังขนาดใหญ่ปรับได้ 2 ระดับ พร้อมที่ติดตะกร้าด้านหน้าของรถ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

Honda Super Cub มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ระบบหัวฉีด PGM-FI 110cc. SOHC เกียร์วน 4 ระดับ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้สมรรถนะในการขับขี่ทีดีทั้งทางลาดและทางชันด้วย ECU (Engine Control Unit) ที่สั่งจ่ายน้ำมันได้อย่างแม่นยำในปริมาณที่เหมาะสม ให้อัตราการประหยัดน้ำมันถึง 57 กิโลเมตร/ลิตร จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยไอเสียที่ผ่านมาตรฐานระดับ 6

ฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย Honda Super Cub ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ 28 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาโดยประมาณที่ 42,000 บาท มีให้เลือก 2 คู่สีได้แก่ฟ้า-ขาว และครีม-ขาว พร้อมนำเสนอความเก๋าของรถด้วยคอนเซปต์ “เก๋าแบบมีฮิต-สตอรี่” โดยร่วมมือกับวง Ten to Twelve จากค่าย Believe Record ในการนำเพลงดังในอดีตอย่าง “สวยในซอย” ของวงรอยัลสไปรท์มาคัฟเวอร์ใหม่ ให้คนไทยได้รับชมผ่านทางยูทิวบ์ที่www.youtube.com/users/HondaMotorcycleTHA ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ Honda Super Cub ได้ที่เว็บไซต์www.aphonda.co.th

ไทย ได้รับคัดเลือกเป็นเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ความเร็วสูงระดับโลก FIA Formula E Championship 2014 (Thailand now is the one of 10 cities to host FIA Formula E Championship 2014)



เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ได้ประกาศความพร้อมเป็นเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ความเร็วสูงระดับโลก รายการใหม่ล่าสุด FIA Formula E Championship 2014 ที่รวบรวมสุดยอดรถที่มีความเร็วจากทั่วโลก ด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2557 นี้ โดยพล.ต.ต. (พลตำรวจตรี) ลัทธสัญญา เพียรสมภาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และนายอเลจันโดร เอกัก (Alejandro Agag) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์มูล่า อี โฮลดิ้งส์ (Formula E Holdings) ผู้ออกแบบและผลิตรถแข่งสมรรถนะสูงด้วยระบบไฟฟ้า Formula E คันแรกของโลก ได้เข้าร่วมชมการแสดงและสาธิตนวัตกรรมยานยนต์ รถแข่งความเร็วสูงพลังงานไฟฟ้า Formula E เป็นครั้งแรกในเอเชีย
BANGKOK (May 16, 2013) – Thailand’s capital Bangkok today is selected by Formula E Holdings to host the new FIA Formula E Championship in 2014. The announcement came during a special event held to demonstrate the innovation of racing technology in Thailand, attended by the Pol.Maj.Gen Lattasanya Piansomparn, Advisor to the Minister of Energy, Mr. Chiruit Israngkun Na Ayuthaya, Director-Domestic MICE, Thailand Convention & Exhibition Bureau, and Alejandro Agag, CEO of Championship promoter Formula E Holdings (FEH).

ฟอร์มูล่า อี โฮลดิ้งส์ มีแผนนำรถแข่งความเร็วสูง Formula E รุ่นใหม่ล่าสุด มาขับสาธิตในประเทศไทย เป็นประเทศแรกในเอเชีย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ก่อนที่จะจัดการแข่งขัน FIA Formula E Championship 2014 ขึ้นจริงในปี พ.ศ. 2557
This event presents the fully-electric Formula E car making its first ever appearance in Asia also held in honour of His Majesty the King’s 86th birthday. Formula E Holdings plan to roadshow the new Formula E car during this year before the racing in the year 2014.

สำหรับสถานที่จัดการแข่งขัน FIA Formula E Championship 2014 หรือ การแข่งขันรถแข่งพลังงานไฟฟ้า 2014 จำนวน 10 สนาม โดย FIA (Federation Internationale de l'Automobile) หรือ องค์การยานยนต์โลก แจ้งว่าเมืองที่พร้อมเป็นสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการ 8 สนามแรก ได้แก่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ, โรม ประเทศอิตาลี, ลอสแอนเจลิส กับ ไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา, ปักกิ่ง ประเทศจีน, ปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย, บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา และ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล และในวันนี้ ประเทศไทยได้รับการประกาศเป็นเมืองที่ 9 ที่จะใช้เป็นสนามการแข่งขัน  โดยเมืองสุดท้าย หรือเมืองที่ 10 ที่กำลังพิจารณาคือ ประเทศสิงคโปร์ หรือ อินโดนีเซีย และจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2556 นี้
Earlier this year, FEH presented the FIA with a preliminary list of eight cities – London, Rome, Los Angeles, Miami, Beijing, Putrajaya, Buenos Aires and Rio de Janeiro – all selected to host races for the inaugural season. Today, Formula E Holding make us surprised by announcing Thailand as the latest list. Then the rest of only one country will be announced in this September 2014. Singapore or Indonesia are the short list candidate.

นวัตกรรมล่าสุดที่นำมาใช้ในการผลิตครั้งนี้ ถือเป็นเทคโนโลยีล่าสุดแห่งทศวรรษ คือ Formula E เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยใช้ Spark Racing Technology ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ได้แก่ ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น การออกแบบที่สวยงามมากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการผลิตและน้ำหนักของรถที่น้อยลง แต่มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
The latest innovation of Formula E is being built by Spark Racing Technology (SRT). The highlight of these technology are ease to control, futuristic design, less cost production and weight but more safety. Tyres are supplied by Michelin.

สมรรถนะ Formula E สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในระยะเวลา 3 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระดับความดังของเครื่องยนต์ เพียง 80dB (รถยนต์ปกติ 70 dB รถขนส่งมวลชนหรือรถบัส 90 dB) น้ำหนักรถรวมนักขับ 780 กิโลกรัม เมืื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุดสามารถวิ่งได้ประมาณ​ 20-25 นาที
The Formula E accelerates from 0-100 Km/h (60mph) in 3 seconds, with the maximum speed of 220 Km/h. The Formula E car will have a unique futuristic sound that wwill be 80 decibels (ordinary car = 70dB ; Formula E = 80dB ; Bus = 90dB) and the weight of the car and driver is approximately 780kg. (1720lbs)
เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า Formula E สำหรับยานยนต์นี้ จะถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในอนาคต หรืออาจกล่าวได้ว่า รถยนต์ในแต่ละค่าย จะต้องนำพลังงานไฟฟ้ามาพัฒนาใช้ในระบบขับเคลื่อนยนต์เพิ่มมากขึ้น
Formula E also intends to serve as a framework of R&D round the electric vehicle and accelerate general interest in EVs for personal use.

พล.ต.ต. (พลตำรวจตรี) ลัทธสัญญา เพียรสมภาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว “ในปี พ.ศ. 2555 ประเทศไทยสามารถผลิตรถยนต์ได้มากกว่า 2 ล้านคันในรอบ 50 ปี ทำให้ก้าวสู่การเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 9 ของโลก โดยรัฐบาลมีเป้าหมายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งประกาศแผนแม่บทอุตสาหกรรมยานยนต์ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2555-2559) ระบุถึงการสนับสนุนส่งเสริมการผลิตยานยนต์ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Pol.Maj.Gen Lattasanya Piansomparn, Advisor to the Minister of Energy said: “In 2012, total production, local sales, and exports of cars, all reached new highs, close to 2.5 million cars and broke the old record of 50 years. The heavily promoted Thai car industry was on the way to become one of the top 10 car producers in the world. The government policy is to force Thailand as the ASEAN hub of automotive production and announced the new master plan for automotive industry 2012-2016 to formulating development strategies for sustainable growth of the industry especially the global trends focusing on green and clean energy.

จากปัจจัยดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพ ความพร้อมและวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และการได้รับเลือกให้เป็นเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIA Formula E Championship นั้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลดีในอนาคตต่อการสร้างความร่วมมือ เพื่อผลิตยานยนต์ รวมถึงการเป็นฐานการผลิต Formula E ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด และเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต แนวโน้มต่อไปในอนาคตรถยนต์ พลังงานไฟฟ้าจะถูกนำไปพัฒนาใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูงในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ การขยายตัวด้านการจ้างงานและการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานของไทยสู่ระดับมาตรฐานสากล”
As the result, reflects the competency and vision of Thailand’s automotive industry and if Thailand is one of the cities’ list at FIA Formula E  Championship, it will create a great opportunity for the future automotive industry cooperation and Formula E production base in Thailand. Formula E now is the latest innovation and technology of automotive industry. The future automotive trend is electric energy.   Moreover the best benefits for Thailand are 1) The cutting edge of technology will be transfer to Thailand automotive industry. 2) To increase the employment opportunities 3) To increase labour skills at international standard.”

“การได้รับเลือกเป็นเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIA Formula E Championship ถือเป็นโอกาสสำคัญในการประกาศศักยภาพของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula E สู่สายตาชาวโลก รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ สร้างให้เกิดการเติบโตของรายได้ของประเทศ อันเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจไมซ์ รวมไปถึงการได้รับโอกาสใหม่ๆด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาด้านกีฬาแข่งรถอีกด้วย” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าว
Mr. Chiruit Israngkun Na Ayuthaya, Director-Domestic MICE, Thailand Convention & Exhibition Bureau commented: “FIA Formula E  Championship at Bangkok city, Thailand in 2013 will helped economic growth (GDP) and generate tourism revenue for the country especially MICE industry and motor sport’s economic activities.”

เกี่ยวกับ FIA Formula E Championship
Formula E เป็นรายการแข่งขันใหม่ล่าสุดที่ได้การรับรองจาก FIA เป็นการแข่งขันรถยนต์ความเร็วสูงพลังงานไฟฟ้า สะท้อนวิสัยทัศน์และนวัตกรรมยานยนต์ในอนาคต โดยการแข่งขันจะเกิดขึ้นในเมืองชั้นนำจากทั่วโลก รอบพื้นที่สัญลักษณ์ประจำแต่ละเมือง ทั้งนี้ การขับสาธิตจะเริ่มต้นในปี พ.ศ.​2556 จนถึงวันแข่งขันในปี พ.ศ.​2557 ซึ่งมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 10 ทีมๆ ละ 2 คน ในการแข่งขันครั้งนี้ FIA ไม่ได้มองว่าเป็นแค่เพียงการส่งเสริมการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสานต่อคุณค่าและเจตนารมณ์สู่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดย Formula E จะเป็นกลจักรสำคัญสร้างความตระหนักต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนา นำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาคอุตสาหกรรม ให้คนทั่วไปได้มีโอกาสใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มระบบ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกอย่างแท้จริง
About FIA Formula E Championship:
Formula E is a new FIA (Fédération Internationale de l'Automobile) championship featuring racing cars powered exclusively by electric energy. It represents a vision for the future of the motor industry over the coming decades. The races will be held in the heart of the world’s leading cities, around their main landmarks. Demonstrations of the first cars will commence in 2013, followed by the first official electric car race in 2014. The plan is for a grid of 10 teams and 20 drivers in 2014. The FIA has expressed its delight with the sport’s shared values of clean energy and sustainability. Formula E hopes to promote general awareness around sustainability. It also intends to serve as a framework for R&D around the electric vehicle and accelerate general interest in these cars for personal use.
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved