Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

ฮอนด้าบิ๊กวิงโหมบุกตลาดบิ๊กไบค์ส่งท้ายปี เปิดตัวพร้อมรับจองโมเดลใหม่ CTX700N – CBR650F-CB650F งานมอเตอร์เอ็กซ์โป



          ฮอนด้าบิ๊กวิง ศูนย์จำหน่ายและบริการรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย เดินเกมรุกสู่ตลาดรถบิ๊กไบค์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกาศเปิดตัวรถใหม่ รุ่นพร้อมกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ได้แก่ Honda CTX700N รถครุยเซอร์นำเข้าจากญี่ปุ่น ดีไซน์หรูหรา สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี DCT ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 349,000 บาท, Honda CBR650F รถสปอร์ตเครื่องยนต์650ซีซี สูบเรียงแบบฟูลแฟริ่ง ราคาแนะนำ 300,000 บาทและ Honda CB650F สปอร์ตแบบเนคเกด ราคาแนะนำเริ่มต้นที่285,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้สนใจรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่นภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นรถนำเข้าราคาพิเศษ อัตราดอกเบี้ยต่ำ รับฟรีทะเบียนและพรบ.

          มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดปี 2013 แม้เศรษฐกิจในประเทศไทยจะอยู่ในสภาวะชะลอตัว แต่ตลาดรถบิ๊กไบค์กลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดจำหน่ายรวมในไทยเมื่อถึงสิ้นปีนี้น่าจะสูงกว่า 13,000 คัน หรือเติบโตขึ้นมากกว่า เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้าบิ๊กวิงน่าจะมียอดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 3,000 คัน

          “แม้ว่าฮอนด้าจะเข้ามาทำตลาดรถบิ๊กไบค์ในเมืองไทยได้เพียงปีเศษ แต่เราก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการที่ฮอนด้านำเสนอผลิตภัณฑ์แบบฟูลไลน์อัพ พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่ก้าวล้ำ อาทิระบบDCT หรือ Dual Clutch Transmission ระบบแทรคชั่นคอนโทรลเพื่อการควบคุมรถที่แม่นยำ เช่นเดียวกับการให้บริการตามมาตรฐาน 6S อันประกอบไปด้วย Sales, Service, Spare Parts, Safety Riding, Second Hand และ Society จึงสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของเราได้อย่างเต็มที่ ล่าสุดถึงขณะนี้ฮอนด้าบิ๊กวิงได้ขยายเครือข่ายของศูนย์จำหน่ายและบริการไปทั่วประเทศรวมแล้วถึง แห่ง ได้แก่ที่กรุงเทพฯพัทยา, เชียงใหม่ภูเก็ตอุดรธานีโคราช และสุราษฏร์ธานี

          “ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 นี้ ฮอนด้าพร้อมที่จะต่อยอดความเร้าใจให้กับลูกค้าด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 3รุ่น ประกอบด้วยรถนำเข้าจากญี่ปุ่น Honda CTX700N ซึ่งเป็นรถครุยเซอร์ดีไซน่ทันสมัย หรูหรา ขับขี่สบายด้วยเทคโนโลยี DCTและอีก รุ่นในตระกูล 650 Series ซึ่งผลิตในประเทศไทยได้แก่ CBR650F รถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งและ CB650F รถสปอร์ตแบบเนคเกด ซึ่งทั้ง รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 650ซีซี สูบเรียง และรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวเร้าใจ โดยฮอนด้าได้เปิดรับจองรถทั้ง รุ่นสำหรับผู้ที่สนใจด้วยราคาพิเศษในงานนี้

          สำหรับ Honda CTX700N เป็นรถครุยเซอร์จากประเทศญี่ปุ่นที่ฮอนด้าบิ๊กวิงเลือกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ตัวรถได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Comfort Technology Experience ดีไซน์หรูหราแต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 700 ซีซี สูบมาพร้อมกับเทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลไม่สะดุด ขับขี่สบายด้วยท่านั่งแบบตัวตรง เบาะต่ำเพียง 72 เซนติเมตร จึงสามารถเหยียดขาหรือเหยียบพื้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Link เพื่อความมั่นใจในการเดินทางไกล

          ในส่วนของบิ๊กไบค์ตระกูล 650 Series ฮอนด้าได้เปิดตัว Honda CBR650F รถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งดีไซน์บึกบึนโฉบเฉี่ยว และ Honda CB650F รถสปอร์ตแบบเนคเกดรูปทรงดุดัน ทะมัดทะแมง โดดเด่นแต่ไกลในทุกองศา ทั้งสองรุ่นใช้ขุมพลังจากเครื่องยนต์ขนาด 650ซีซี สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบเบรกแบบ ABS ทำงานร่วมกับดิสก์เบรกหน้าจานคู่เพื่อความปลอดภัยในทุกอัตราความเร็ว เสริมความคล่องตัวด้วยสวิงอาร์มอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งทนทาน

          ฮอนด้าบิ๊กวิงพร้อมเปิดรับจองบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ทั้ง รุ่นด้วยราคาดังต่อไปนี้ Honda CTX700N มีให้เลือก สีได้แก่ สีดำด้าน และสีขาว แบบเกียร์ธรรมดาราคาช่วงแนะนำ 349,000 บาทแบบเกียร์อัตโนมัติ DCT ราคาช่วงแนะนำ 406,000 บาท, Honda CBR650F มีให้เลือก สี ได้แก่สีแดงและสีดำราคาช่วงแนะนำ 300,000 บาทและ Honda CB650F มีให้เลือก สีได้แก่สีขาวกราฟิกไตรคัลเลอร์ล้อทองราคาช่วงแนะนำ 288,000 บาทสีดำและสีเหลืองราคาช่วงแนะนำ 285,000 บาท

          นอกจากรถรุ่นใหม่ทั้งสามรุ่นแล้ว ฮอนด้าบิ๊กวิงยังได้นำฮอนด้าบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆมาจัดแสดงอย่างครบครันรวมทั้งสิ้น 20 คัน ไม่ว่าจะเป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นได้แก่ Goldwing, NC700X, Integra, CBR1000RR, VFR1200F และรถที่ผลิตในประเทศไทยในกลุ่ม 500 Series รวมไปถึงรถแต่ง 650 Series จากค่ายแต่งรถชื่อดังอย่าง Mugen, Moriwaki, และ H2C

          พบกับข้อเสนอโดนใจสำหรับรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรถนำเข้าราคาพิเศษ อัตราดอกเบี้ยต่ำ รับฟรีทะเบียนและพรบ. พร้อมเลือกชมอุปกรณ์ตกแต่งรถ รวมไปถึงเครื่องแต่งกายคอลเลคชั่นใหม่ที่บูธฮอนด้าบิ๊กไบค์ หมายเลข
G04 ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556ติดตามรายละเอียดของฮอนด้าบิ๊กไบค์เพิ่มเติมได้ที่
http://www.hondabigwing.com/

มาเซอร์ราติ เฉลิมฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 99 พร้อมเปิดตัวรถยนต์ซาลูนสัญชาติอิตาลี รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ที่สุดของยนตกรรมยานยนต์ระดับโลก


บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ “มาเซอร์ราติ” นำโดย พรศริน เมธีวัชรานนท์ (กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต จำกัด) จัดงานเฉลิมฉลองสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ฟรานเชสโค ซาเวริโอ นิสิโอ เอกอัครราชฑูตอิตาลี ประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเฉลิมฉลองก้าวสู่ปีที่ 99 พร้อมเปิดตัวรถยนต์มาเซอร์ราติ (Maserati) รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte)  ที่สุดของการดีไซน์ ในการรวมสมรรถนะแบบสปอร์ตและความหรูหราแบบคลาสสิคของรถยนต์ซาลูนสัญชาติอิตาลีอีกทั้งยังเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีสื่อมวลชและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน อาทิ พล.ต.ต.วิสนุ หิน ปราสาททองโอสถ, ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์, ศ.ดร.ศุภชัย พิศิษฐวานิช, วรวิทย์       ศิริพากย์,จักรกฤต เบเนเดทตี้สรัญทร เตชะไพบูลย์,ธนัท  ตันอนุชิตติกุล อมรสิริ-จารุเดช บุญญสิทธิ์วรสุดา-ดลวัฒน์ แพ่งสภา,วิธวดี คุปตัษเฐียร, พงษ์ภัทร์ พงษ์พานิช,บงกชทิพย์ ภิรมย์ภักดี ณพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2556
ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน ด้วยวีดีโอภาพประวัติของรถยนต์มาเซอร์ราติ ที่รายล้อมอยู่ภายในงานซึ่งเล่าถึงความเป็นมาของแบรนด์มาเซอร์ราติ ที่เริ่มก่อตั้งโดย 5 พี่น้องแห่งตระกูล Maserati ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1914 ณ เมืองโบลอกน่า  โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง โมเดน่า ประเทศอิตาลี และมีการพัฒนาทั้งนวัตกรรมและดีไซน์อย่างต่อเนื่อง นับจากนั้นจนถึงปัจจุบัน ภายใต้บรรยากาศ อันหรูหรา ของพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท ที่มีประวัติมาช้านาน กว่า 104 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบสไตล์อิตาลี สอดคล้องกับต้นกำเนิดของรถยนต์มาเซอร์ราติที่ถือกำเนิดจากประเทศอิตาลีเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นพิธีกรได้ขึ้นกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน พร้อมเรียนเชิญ คุณพศริน  เมธีวัชรานนท์ ขึ้นกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมพูดคุยถึงความเป็นมาของรถยนต์มาเซอร์ราติที่มีประวัติมายาวนานและแผนการตลาดที่ทำให้มาเซอร์ราติประสบความสำเร็จจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 99  พร้อมเปิดวีดีโอพรีเซ็นเทชั่นแนะนำที่สุดของยนตกรรมยานยนต์ระดับโลก รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte)  ดีไซน์ล่าสุด ที่มีการเปิดให้แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนได้รับชมครั้งแรกในประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของรถยนต์รุ่นนี้ หลังจากนั้นไม่รอช้าเรียนเชิญผู้ร่วมงานทุกท่าน มายังด้านหน้าลานน้ำพุเพื่อยลโฉมรถ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte)  ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ฟรานเชสโค ซาริโอ  นิสิโอ  เอกอัครราชฑูตอิตาลี ประจำประเทศไทย  เป็นประธานเปิดตัวด้วยการนั่งรถยนต์หรูเข้ามาที่ลานน้ำพุเพื่อโชว์ความเป็นสุดยอดของนวัตกรรมยายนต์อิตาลี ที่ผสมผสานความเป็นสปอร์ตและความหรูหรา พร้อมความสะดวกสบายของเทคโนโลยีต่างๆ และความสวยงามของการตกแต่ง ที่เปรียบดั่งเม็ดน้ำงาม ที่เจิดจรัสอยู่ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน พร้อมกล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่รถยนต์มาเซอร์ราติก้าวเข้าสู่ปีที่ 99 และในโอกาสครบรอบ 50 ของรถยนต์ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte)  พร้อมด้วย คุณพรศริน เมธีวัชรานนท์ ขึ้นกล่าวถึงรายละเอียดและความพิเศษของรถยนต์รุ่นนี้ โดยรถยนต์รุ่นนี้มีประวัติมายาวนาน และได้ผ่านการออกแบบจากเหล่าดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก ถึง 6 เจเนอเรชั่น
เริ่มด้วย คนแรก ปิเอ โตร ฟรูอา (Frua) ในปี ค.ศ.1963 ผู้สร้างประวัติศาสตร์รถซาลูน 4 ประตู ที่ทำความเร็วได้สูงสุด 230 กิโลเมตร/ชม. ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่แม้แต่เจ้าชาย เรเนีย แห่งประเทศโมนาโก หรือ นักแสดงดัง แอนโธนี ควินน์ ยังเลือกที่จะใช้รถยนต์รุ่นนี้ในสมัยนั้น    คนที่สอง เบอร์โทเน่ (Bertone) ในปี ค.ศ. 1973 ที่เน้นการออกแบบเพื่อความสะดวกสบาย เพื่อสร้างประสบการณ์การใหม่ในการขับขี่  ซึ่งมีเพียง 13 คันเท่านั้น โดยทั้งหมดได้ถูกขายไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง คนที่สาม จิออร์เก็ตโต้ จุยเกียโร่ (Giorgetto Giugiaro) ในปี ค.ศ.1979 ภายใต้การดูแลของ อเล็กซานโดร เดอ โทมาโซ (Alejandro de Tomaso) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในสำหรับเจเนอเรชั่นนี้ คนที่สี่ มาร์เซลโล กานดินี่ (Marcello Gandini) ในปี ค.ศ. 1994  ถือเป็นการดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยการเป็นรถซาลูนขนาดเล็ก ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 260 กิโลเมตร/ชม. ภายในเวลาเพียงแค่ 6 วินาที  คนที่ห้า  พินินฟาริน่า(Pininfarina) ในปี ค.ศ. 2003 สร้างความแตกต่าง แบบสิ้นเชิง ในการผสมผสานความหรูหราและความเป็นสปอร์ตที่ให้ความสะดวกสบายต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
จนถึงปัจจุบันมาเซอร์ราติ โฉมใหม่นี้ ได้รับการออกแบบจากดีไซเนอร์ดัง ลอเรนโซ่ รามาซิโอติ (Lorenzo Ramaciotti) เป็นผู้ออกแบบในดีไซน์ล่าสุด ที่ยังคงสืบทอดผลงานชิ้นเอก ที่เหล่านักออกแบบระดับโลกได้เคยออกแบบไว้ ด้วยการคงเอกลักษณ์กระจังหน้ารูปไข่แบบดั้งเดิม พร้อมลักษณะที่เพรียวลมที่ทรงพลัง ภายในยังให้ความรู้สึกเหมือนห้องพักส่วนตัวที่หรูหรา เบาะหุ้มด้วยหนังอันนุ่มนวลของ พอลโทรน่า ฟราว (Poltrona Frau) ไม้ชั้นดีและรอยเย็บอันประณีตภายในรถยังครอบคุลมด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่จะเปลี่ยนการเดินทางให้เป็นประสบการณ์ความผ่อนคลายที่ไม่เหมือนใคร รถรุ่นนี้ยังให้ความใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ด้วยช่องวางขาที่เพียงเพื่อความสะดวกสบายอย่างสูงสุด ด้านความปลอดภัย ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ระบบไฟฟ้าระดับสูงเมื่อรถเกิดการไถล จะช่วยลดแรงบิดจากเครื่องยนต์และสามารถกระตุ้นเบรคให้เข้าสู่ระดับเสถียรภาพภายในเสี้ยววินาที, ไฟหน้าระบบ Bi-Xenon ช่วยให้มองเห็นได้หลายระยะ สามารถปรับความลึกของแสงได้อัตโนมัติ และไฟกลางวัน LED ช่วยให้มองเห็นรถได้ในทันที พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ชิ้น ในตัวรถ ไม่เพียงเท่านั้น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ยังสร้างความโดดเด่น ด้วยการตกแต่งแบบเฉพาะตัวไม่ซ้ำใครที่ลูกค้าสามารถปรับเลือกใหม่ได้ถึง 8 เฉดสี และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงเพลง รถรุ่นนี้ยังได้ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาอุปกรณ์เสียงที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ดื่มด่ำกับรายละเอียดที่เล็กที่สุดของเสียงด้วยระลำโพงภายในตัวรถถึง 15 ชิ้น

พรศริน เมธีวัชรานนท์ ได้กล่าวว่า “  บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่นอกจากเราจะเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวแล้ว วันนี้เรายังได้เป็นตัวแทนประเทศไทยในการจัดงานเฉลิมฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 99  ของรถยนต์มาเซอร์ราติ ซึ่งมีประวัติมายาวนาน
โดยเราได้เลือก พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท ในการจัดงาน เพราะหากจะเปรียบการกันแล้วที่นี่ก็คล้ายกับรถยนต์มาเซอร์ราติ ที่มีการออกแบบในไสตล์อิตาลี และมีประวัติมายาวนาน พร้อมทั้งยังได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จนกลายเป็นสถานที่ที่มีความหรูหราร่วมสมัย แต่ยังมีกลิ่นอายของความดั่งเดิมอยู่ในตัว และวันนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิดตัวรถยนต์รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ดีไซน์ใหม่ครั้งแรกใน  ประเทศ ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของรถยนต์รุ่นนี้ซึ่งเรียกได้ว่าผ่านการปรับเปลี่ยนและพัฒนา นวัตกรรมยายนต์ของรถรุ่นนี้มากว่า 6    เจเนอเรชั่นเลยก็ว่าได้ โดยแต่ละเจเนอเรชั่นจะถูกออกแบบโดยนักออกแบบรถยนต์แถวหน้าระดับโลกที่ไม่ซ้ำกัน ไม่ใช่  เพียงแค่ดีไซน์ที่หรูหราล้ำสมัยเท่านั้น  รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมความสะดวกสบาย ที่จะทำให้การเดินทางของผู้ที่ใช้รถกลายเป็นความรื่นรมย์อย่างแท้จริง  โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) ดีไซน์ใหม่นี้ จะยังคงได้รับการตอบรับที่   ดีจากผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราในสไตล์อิตาลี  เหมือนเช่นเคยค่ะ”

จักรกฤต เบเนเดทตี้ ได้กล่าวว่า ผมเป็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลในรถยนต์ มาเซอร์ราติ มานานแล้ว อีกทั้งไลฟ์สไตล์ผมยังเป็นคนชอบการตกแต่งและออกแบบในสไตล์อิตาลี โดยเฉพาะดีไซน์ใหม่ของรถยนต์มาเซอร์ราติ รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte)  ที่รวมเอาความสปอร์ตและหรูหราเข้าด้วยกัน อีกทั้งเทคโนโลยีภายใน ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนชอบความเอ็นเตอร์เทนเม้นท์อย่างผม ได้อย่างลงตัว  ไม่เท่านั้นเสียงเร่งของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8ขนาด 3.8 ลิตรแบบใหม่ของรถรุ่นนี้ มันยังทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมทุกครั้งที่ได้ยิน
สรัญทร เตชะไพบูลย์ ได้กล่าวว่า “ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบรถซาลูนอยู่แล้วค่ะ เพราะเป็นคนที่ของเยอะ และชอบไปไหนกับเพื่อนเยอะๆ บอกได้คำเดียวว่าประทับใจมาก กับรถยนต์ มาเซอร์ราติ  รุ่น ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) เพราะคิดมาเสมอว่ารถยนต์อิตาลี จะมีดีไซน์ที่ค่อนข้างมีอายุ  แต่รถยนต์รุ่นนี้ทำให้ เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการ
พัฒนาทั้งนวัตกรรมและการดีไซน์ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบคลาสสิคไว้ และมีให้เลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของเราถึง 8 สี และที่ถูกใจอีกอย่างคือการตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และกว้างสบายไม่รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังหุ้มเบาะด้วยหนังระดับโลกของ พอลโทรน่า ฟราว (Poltrona Frau) ที่เปลี่ยนความรู้สึกของเบาะหนังแบบเดิมๆ ไปเลยค่ะ

“TSS” สยายปีกธุรกิจยานยนต์ ผุดโชว์รูม “มาสด้า” แห่งใหม่ บน ถ.พระราม9


เมื่อเร็วๆ นี้ มร.โซอิชิ ยูกิ ประธานกรรมการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด และ คุณวิทิต ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป เป็นประธานร่วมกันในพิธีเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน ”มาสด้า ไทยยานยนตร์ พระราม 9” อย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของพื้นที่บริเวณถนนพระราม 9 และรองรับความต้องการของลูกค้ารถยนต์ “มาสด้า” ที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเครือข่ายด้านการจำหน่ายที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และมาตรฐานทั้งในส่วนของการจำหน่ายและบริการหลังการขาย
นับเป็นอีกครั้งสำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” และ “มาสด้า” ที่ร่วมสร้างความแข็งแกร่งด้านบริการรถยนต์ “มาสด้า”ให้กับลูกค้าในพื้นที่พระราม 9 และบริเวณใกล้เคียง โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยผลิตภัณฑ์ของ “มาสด้า”ที่มีความหลากหลายและเปี่ยมด้วยคุณภาพในตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายและครบถ้วน ประกอบกับ “ไทยยานยนตร์”บริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการดำเนินธุรกิจและจำหน่ายรถยนต์มาเป็นเวลานานกว่า 60 ปี ทำให้ผู้บริโภคคนไทยมีความเชื่อมั่นต่อการบริการที่มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ารถยนต์ “มาสด้า” ได้เป็นอย่างดี
สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งนี้ เป็นโชว์รูม “มาสด้า ไทยยานยนตร์” แห่งที่ 2 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจจากโชว์รูมและศูนย์บริการ มาสด้า ไทยยานยนตร์” สาขาร่มเกล้า ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ด้วยพื้นที่ 5,493 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงโชว์รูมรถยนต์มากกว่า 7 คัน และช่องซ่อมสำหรับรองรับลูกค้าเข้ามาใช้บริการในการซ่อมบำรุงกว่า 10 ช่องซ่อม พร้อมพื้นที่สำหรับส่ง

เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี พร้อมบุกตลาดเมืองไทยเต็มตัว เผยโฉมรถใหม่ภายใต้แบรนด์ MG รุ่นแรก ปี 2557

กรุงเทพฯ  — 18 พฤศจิกายน 2556“เซี่ยงไฮ้  ออโตโมทีฟ” หรือ SAIC ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ร่วมทุนกลุ่มซีพี (CP) ตั้งบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบรนด์อังกฤษ “MG” บุกตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในไทยและอาเซียน พร้อมอัดฉีดเงินกว่า 9,000 ล้านบาทตั้งฐานการผลิตในไทย ด้วยกำลังการผลิตสูงสุดถึง 50,000 คันต่อปี โดยจะเริ่มจำหน่ายรุ่นแรก คือ MG6 ในปี 2557
เครือเจริญโภคภัณฑ์  (CP Group) ร่วมกับ บริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโต้โมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Shanghai Automotive Industry Corporation - SAIC) แถลงข่าวการจัดตั้งบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ MG แบรนด์เก่าแก่จากประเทศอังกฤษ ภายใต้ชื่อบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (SAIC Motor-CP Co., Ltd) ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 51% เป็นของ SAIC และ 49% เป็นของซีพี
นายธนากร  เสรีบุรี รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม เครือซีพี และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า “ตลาดรถยนต์เมืองไทยถือเป็นตลาดที่มีความตื่นตัวและมีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย เมื่อเราจะเข้าสู่ตลาด เราจึงมองหาแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่โดดเด่นทั้งในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ รวมทั้งพันธมิตรธุรกิจที่มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่ง MG และ SAIC ตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี”
“เอ็มจีเป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ แม้ในปี 2548 บริษัทเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟฯ ได้เข้าควบรวมกิจการ แต่ยังคงดำเนินงานการพัฒนาและออกแบบ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ด้านวิศวกรรมยานยนต์ ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เอ็มจีจึงเป็นรถยนต์เทคโนโลยียุโรป เพียงแต่ดึงความเชี่ยวชาญของการหาแหล่งชิ้นส่วนและการควบคุมคุณภาพของเซี่ยงไฮ้ฯ ซึ่งมีหุ้นส่วนธุรกิจอยู่ทั่วโลก มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งมอบสินค้าและบริการ ของเซี่งไฮ้ออโตโมทีฟฯ เพื่อให้ เอ็มจี เข้าถึงตลาดและลูกค้าในไทยได้อย่างรวดเร็ว” นายธนากรกล่าวเสริม



มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของบริษัทฯ คือการสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยในเบื้องต้นจะแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างน้อย 30 ราย นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับการวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายที่ทาง เอ็มจี ได้วางเอาไว้ในการรุกตลาดช่วงแรก รวมถึงการเตรียมการสำหรับตลาดแต่ละเซ็กเมนต์ และการตอกย้ำความเป็นแบรนด์รถยนต์สปอร์ตชั้นเยี่ยมของอังกฤษที่ได้รับการยอมรับมาเกือบ 9 ทศวรรษ
เมื่อปีที่ผ่านมา  เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์พวงมาลัยขวาในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น  ซีบอร์ด ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ
“โรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่งของเอ็มจี ตั้งแต่ประเภทซับคอมแพ็กต์เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี. ขึ้นไป โดยคาดว่าจะสามารถรองรับการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศและส่งออกได้ภายในช่วง 2 ปีแรก หลังจากนั้นเมื่อมีการขยายกำลังการผลิตในเฟสสองจึงจะสร้างโรงงานแห่งใหม่”
มร. หวู่ ฮวน กล่าวทิ้งท้ายว่า รถยนต์ เอ็มจี ที่จะออกสู่ตลาดเมืองไทยในปี 2557 นั้น มุ่งเจาะกลุ่มผู้ใช้รถกลุ่มใหญ่ในตลาด โดยบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในคุณภาพของรถซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อลูกค้าในไทยโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ทีมงานทุกฝ่ายต่างทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อให้ได้รถยนต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งในด้านคุณภาพ ราคา การบริการหลังการขาย และการซ่อมบำรุง
เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี เตรียมจัดแสดงรถยนต์ เอ็มจี จำนวน 4 รุ่น ทั้งรถยนต์รุ่นเก่าแก่ที่เป็นที่รู้จักกันมานาน เพื่อให้ทุกคนได้หวนรำลึกถึงอดีตอันรุ่งเรืองของแบรนด์ เอ็มจี และรถยนต์ตัวแทนแห่งอนาคตของ เอ็มจี ทั้งคอนเซ็ปต์คาร์ และรถยนต์ไฟฟ้า ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013 ที่จะถึงนี้อีกด้วย

เกี่ยวกับ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี
บริษัท เอสเอไอซี  มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท  เซี่ยงไฮ้ ออโต้โมทีฟ อินดัสทรี  คอร์ปอเรชั่น หรือ SAIC ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ในสัดส่วน 51:49 เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ได้ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อประกอบรถยนต์ภายใต้แบรนด์ MG จากประเทศอังกฤษ สำหรับจำหน่ายในไทยและภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งตั้งบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ดูแลด้านการขาย การตลาด บริการหลังการขาย และการจัดจำหน่าย ที่ผ่านมาในปี 2555 เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์พวงมาลัยขวาในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อสะดวกในการส่งออกสินค้า
เกี่ยวกับ MG
MG ย่อมาจาก Morris Garages เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2467 และบริษัท SAIC จากประเทศจีนได้เข้ามาซื้อกิจการในปี พ.ศ. 2548 แต่การดำเนินงานยังคงอยู่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและออกแบบ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ แบรนด์ MG จึงเป็นการผสมผสานเทคโนโลยียานยนต์ของยุโรปกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดหาชิ้นส่วนและการควบคุมคุณภาพจาก SAIC ทั้งนี้ MG เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากการผลิตรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุน 2 ที่นั่ง อีกทั้งมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหลายรุ่นที่ส่งไปจำหน่ายทั่วโลก

ซิตี้ ออโต้โมบิล เตรียมเผยโฉม “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” ใหม่ สุดยอด SUV สปอร์ตหรู สมรรถนะแรงเหนือระดับเพื่อการขับขี่สุดเร้าใจ ในงาน “ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30”

กรุงเทพฯ - ซิตี้ ออโต้โมบิล ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์เพียงรายเดียวในประเทศไทย เตรียมเผยโฉม “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” สุดยอดรถสปอร์ตเอนกประสงค์สุดหรูจากแลนด์โรเวอร์ ภายในงาน “ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30” ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2556 ณ บูธหมายเลข B13 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เอาใจผู้ชื่นชอบความ     สปอร์ตระดับพรีเมี่ยมในเมืองไทยด้วยสมรรถนะที่ทรงพลัง สนุก สุดเร้าใจ พร้อมตอบสนองฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่

ด้วยวิศวกรรมยานยนต์ของ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ด้วยพลังการขับเคลื่อนสี่ล้ออันดุดัน และทรหดเป็นเยี่ยม พร้อมการออกแบบห้องโดยสารภายในที่สวยเฉียบแบบสปอร์ตเต็มขั้น นับตั้งแต่แผงหน้าปัดไปจนถึงรูปลักษณ์ภายนอก สำหรับผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตเอนกประสงค์ระดับสูง และไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนานเร้าใจ เปี่ยมด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่นบนทุกเส้นทาง

“ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” นำเสนอรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยเฉียบ พร้อมสมรรถนะที่แรงแบบเหนือชั้น ทั้งด้านความเร็ว ความคล่องตัวในการขับขี่ และความสมบุกสมบันในโหมดออฟโร้ด ล่าสุดประสบความสำเร็จบันทึกสถิติโลก ในการขับขี่เดินทางข้ามทะเลทรายซึ่งมีสภาพการขับขี่ที่ขรุขระและทุรกันดาร จากประเทศซาอุดิอาระเบียไปจนถึงสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมระยะทางกว่า 527 ไมล์ ในเวลาราว 10 ชั่วโมง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 81.87 กม./ชม. แม้ในระหว่างการเดินทางอันแสนท้าทาย “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” ยังคงมอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมประสิทธิภาพการขับขี่ที่เชื่อมั่นได้ตลอดเส้นทาง และความหรูหราสง่างามทุกมุมมอง  

ด้วยการผสานสมรรถนะของสุดยอดออฟโร้ด เข้ากับประสิทธิภาพการขับขี่บนทางเรียบและอัตราเร่งที่เหนือกว่า ทำให้ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” (รุ่นซูเปอร์ชาร์ต V8) สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5 วินาที ซึ่งเป็นมิติใหม่แห่งความแรงของยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมขนาดใหญ่ ตัวรถทั้งหมดยังสร้างจากโครงอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อให้ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจ เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งการควบคุมที่จะปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส พร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อการพุ่งทะยานไปอย่างองอาจด้วยมาดแห่งผู้นำในทุกสุภาพถนน

นายสรรพงษ์  ชื่นโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด เปิดเผยว่า “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต คือรถสปอร์ตเอนกประสงค์จากแลนด์โรเวอร์ที่ถือเป็นสุดยอดแห่งขุมพลังและการตอบสนองต่อการควบคุมที่เป็นเลิศ โดย เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต รุ่นแรกสามารถจำหน่ายได้กว่า 415,000 คันทั่วโลก ในขณะที่ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ซึ่งเป็นรุ่นที่สอง ได้นำเสนอยานยนต์ ‘เรนจ์โรเวอร์สปอร์ตพันธุ์แท้’ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรักรถสปอร์ตระดับลักชัวรี่โดยเฉพาะ ด้วยการออกแบบที่เน้นทุกรายละเอียดตั้งแต่แผงหน้าปัดที่ให้ความเร้าใจในยามขับขี่มากยิ่งขึ้น ผสานการออกแบบที่นั่งคนขับด้วยระบบ “Command Driving Position” ที่มอบความรู้สึกภูมิฐานสง่างาม พร้อมประสิทธิภาพการควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต เป็นรถสปอร์ตเอนกประสงค์ระดับหรูที่เร็ว แรง และคล่องตัวสูงสุด โดยเฉพาะเครื่องยนต์รุ่น V8 ที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5 วินาที ถือเป็นความเร็วระดับสุดยอดสำหรับยานยนต์สปอร์ตน้ำหนักเบา”

นอกจากนี้ ซิตี้ ออโต้โมบิล จะนำเสนอยานยนต์ระดับโลกรุ่นอื่นๆ อีกมากมายทั้งจากจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ภายในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 อาทิ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค, แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์, จากัวร์ เอกซ์เอฟ (XF), จากัวร์ เอกซ์เจ (XJ), และ ล่าสุดกับ ดิ ออล นิว จากัวร์ เอฟ-ไทป์ (F-Type) ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไม่นานนี้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ศูนย์บริการสาขาถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02 651 4545 ต่อ 131 และ สาขาพระราม 3 (เลขที่ 507/581 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาว) โทรศัพท์ 02 674 3600 ต่อ 101 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com

สแกนเนีย สยาม คาดตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ปี 57 ส่งสัญญาณขาขึ้น เดินหน้าเปิดกลยุทธ์และแผนการตลาด 360 องศา พร้อมรุกตลาดเต็มที่

ตลาดรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ปี  57 ส่งสัญญาณขาขึ้นต่อเนื่อง สแกนเนีย สยาม สบช่องรุกตลาดเต็มที่ เผยตลาดมีปัจจัยหนุนแข็งแกร่ง ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาทจากภาครัฐ การปรับตัวของผู้ประกอบการขนส่งและโลจิสติกส์ในการเข้าสู่ AEC และ ความต้องการรถขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ พร้อมเดินหน้าเปิดกลยุทธ์และแผนการตลาดแบบ 360 องศา ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เปิดศูนย์บริการทั่วประเทศ และ เดินหน้างานบริการอย่างครบวงจร

นายภูริวัทน์ รักอินทร์  ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ในปี 57 ว่า ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องโดยได้รับปัจจัยหนุนจากหลายส่วน ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาทจากภาครัฐ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาประเทศ การเร่งปรับตัวของผู้ประกอบการภาคขนส่งและโลจิสติกส์ในการเตรียมเข้าสู่ AEC และ ความต้องการรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้งานขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ความต้องการรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่มีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมาก โดยในปี 2556 สแกนเนีย คาดว่าจะมียอดการจัดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 500 คัน แบ่งเป็นรถบัส 200 คัน และ รถบรรทุก 300 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา (2555) ประมาณ 55% ส่วนในปี 2557 มีการวางเป้าหมายรวมไว้ที่ 720 คัน เป็นรถบัส 220 คัน และ รถบรรทุก 500 คัน

ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวจะถูกขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์และแผนการตลาดแบบ  360 องศา (Total Solutions) ที่ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน ทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Products) ให้มีความหลากหลายเหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้า การเปิดกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Segment) ในส่วนของรถที่ใช้งานลักษณะพิเศษ (Special Vehicle) อาทิ รถดับเพลิง รถสำหรับซ่อมบำรุงระบบสายไฟฟ้า รถขุดเจาะ รวมถึงตลาดเครื่องยนต์ (Engine) ที่ใช้ในภาคอุสาหกรรม เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องยนต์เรือ พร้อมทั้งมีการเปิดศูนย์บริการใหม่เพิ่มขึ้นครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (Network Expansion) ในการรองรับการเปิด AEC โดยปี 2557 จะเปิดศูนย์บริการใหม่ 5 ศูนย์ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรสาคร นครสวรรค์ และ ระยอง จากที่มีอยู่แล้ว 6 ศูนย์ และมีเป้าหมายจะเปิดให้ครบทั้ง 16 ศูนย์บริการภายในปี 2558

ส่วนแผนการตลาดและส่งเสริมการขายนั้น สแกนเนีย ได้มีการวางแผนในการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายทั่วประเทศ (Road Show) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งให้กลุ่มลูกค้าและผู้สนใจยังสามารถสัมผัสและทดลองขับได้รถ สแกนเนีย อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ของได้อย่างเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีบริการพิเศษด้านสินเชื่อเช่าซื้อและการประกันภัยรถ สแกนเนีย (Finance & Leasing & Insurance) จาก สแกนเนีย สยาม ลิสซิ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของรถสแกนเนียได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีการจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าและผู้ขับรถ สแกนเนีย อาทิ การจัดการแข่งขันทักษะการขับรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ Scania Driver Competition Thailand เพื่อยกระดับนักขับไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่านักขับในระดับสากล หรือ การจัดการแข่งขันสุดยอดช่างฝีมือ Scania Top Team เพื่อพัฒนาทักษะ ความสามารถ และสร้างประสบการณ์กับทีมช่างผู้ให้บริการของ สแกนเนีย

ด้าน มร.มาร์ติน  นีลสัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้ สแกนเนีย ประสบความสำเร็จในตลาดประเทศไทยว่า สแกนเนีย มีแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการออกแบบและใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน การใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ของ สแกนเนีย ที่จะมีการเปิดตัวในประเทศไทยในปี 2557 นั้น คือ สแกนเนีย 
สตรีมไลน์ (Scania Streamline) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรถบรรทุกที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับกันทั่วโลกว่ามีการออกแบบที่สวยงามทั้งภายในและภายนอก มีเทคโนโลยีทันสมัย ประสิทธิภาพในการทำงานสูง มีความเป็นเลิศด้านการประหยัดน้ำมัน โดยจะมีการเปิดตัวประมาณเดือนเมษายน 2557 คาดว่า สแกนเนีย สตรีมไลน์ จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากและจะเป็นอีกหนึ่งตัวจักรสำคัญที่ทำให้ สแกนเนีย ประสบความสำเร็จในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน และในส่วนของรถโดยสารนั้น สแกนเนีย จะมีการเปิดตัวรถโดยสารขนาดพิเศษ 15 เมตร (Long Bus) ครั้งแรกของเมืองไทยขึ้น โดยรถโดยสารขนาดพิเศษนี้จะมีความสะดวกสบาย มีความยาวโดยรวมมากกว่ารถโดยสารปกติถึง 3 เมตร ทั้งยังมีความปลอดภัยสูงจนเป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมจากทั่วโลก

ด้านการบริการหลังการขาย (After Sales Service) นั้น นายกุญญาวัฒน์ รวยอารีย์ ผู้จัดการฝ่ายบริการหลังการขาย เปิดเผยว่างานบริการของ สแกนเนีย ถือว่าเป็นส่วนที่ลูกค้าให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทีมช่างของสแกนเนียเป็นช่างผู้เชียวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจาก Scania World Class Technician จึงให้คำปรึกษา แนะนำ วิเคราะห์ปัญหาได้อย่างแม่นยำ สามารถซ่อมบำรุงช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งมีการการันตีระยะเวลาการซ่อมและการบริหารจัดการด้านอะไหล่สำหรับให้ลูกค้า ทำให้ใช้เวลาในการซ่อมบำรุงสั้นลงเพื่อรถของลูกค้าสามารถกลับมาวิ่งงานได้มีประสิทธิภาพเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว สแกนเนียให้ความสำคัญมุ่งเน้นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งการฝึกอบรมพนักงานในด้านความรู้ทางเทคนิคและทักษะด้านการบริการลูกค้า การพัฒนากระบวนการทำงาน และการให้บริการด้านอะไหล่ด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากระบบการจัดเก็บอะไหล่ให้มีประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการจัดส่ง ทางฝ่ายบริการหลังการขายมีนโยบายในการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อการวางแผนงานให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้

ไทยยานยนตร์ ฉลองเผยโฉมรถใหม่ The New Caravelle จัดแคมเปญ “Life’s Perfect” ลุ้นโชครับ 2 รถหรูกว่า 6 ล.

“ไทยยานยนตร์” ฉลองเปิดตัว “The New Caravelle” รุ่นล่าสุด จัดแคมเปญรับโชค ลุ้น 2 รถหรู Caravelle & Scirocco รวมมูลค่ากว่า 6 ล้าน เพียงเป็นเจ้าของ Caravelle & Multivan พิเศษเฉพาะในช่วง Motor Expo เท่านั้น

นายธนายุทธ เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen ในเครือ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ทาง “ไทยยานยนตร์” มีนโยบายนำรถยนต์ Volkswagen เข้าร่วมแสดงภายในงานมหกรรมยานยนต์ 2013 (Thailand International Motor Expo 2013) ณ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำด้านธุรกิจรถยนต์ของบริษัทคนไทย และเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเลือกซื้อรถยนต์ที่มีความหลากหลาย และคุ้มค่าคุ้มราคาสูงสุด อันส่งผลทำให้ตลาดรถยนต์โดยรวมมีการเติบโตเพิ่มขึ้น และกลับเข้าคืนสู่สภาวะปกติด้วยเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับในปีนี้ ทาง “ไทยยานยนตร์” ได้แนะนำรถยนต์รุ่นตกแต่งพิเศษใหม่ล่าสุด ในรุ่น The New Caravelle อัครยานยนต์ที่สะท้อนบุคลิกแห่งความเป็นผู้นำ ออกสู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยรถยนต์รุ่นดังกล่าวได้รับการตกแต่ง ด้วยชุดอุปกรณ์ที่สะท้อนบุคลิกแห่งความเป็นผู้นำที่ชื่นชอบความล้ำสมัย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสโลแกน “The New Caravelle, The New Sensation”

“The New Caravelle” เป็นยานยนต์ที่ผสานความหรูหรา คลาสสิคสไตล์ยุโรป และการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายและความสะดวกสบายที่ตอบรับความพึ่งพอใจของผู้บริโภคคนไทย โดดเด่นด้วยการจัดสรรพื้นที่ส่วนตัวระหว่างห้องโดยสารด้านหน้าและด้านหลัง และการเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ด้วยกระจกกั้นห้องโดยสารที่สามารถปรับระดับขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้าแบบ Screw Jack
เบาะที่นั่งหนังแท้ ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักสรีระและความปลอดภัย รองรับทุกอิริยาบถในการขับขี่และการโดยสาร จากบริษัทผู้ผลิตเบาะที่นั่งคุณภาพ โดยได้รับความไว้วางใจจากบริษัทรถยนต์ชั้นนำในทวีปยุโรป เบาะที่นั่ง VIP คู่หน้า ปรับระดับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมที่หนุนหลัง, ที่รองน่อง ปรับระดับขึ้น-ลงได้ 90 องศา, พนักพิงปรับลาดเอียงได้ 180 องศา เช่นเดียวกับที่วางแขนสามารถปรับระดับได้คอนโซลกลาง ออกแบบให้บางลงและทันสมัยมากขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน อาทิ โต๊ะเอนกประสงค์, ช่องเก็บของ, ที่ใส่ Tablet เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้ติดตั้งระบบฟอกอากาศแบบประจุไฟฟ้า พลาสม่า คลัสเตอร์ ที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย และสลายกลิ่นอับชื่น ช่วยสร้างบรรกาศภายในห้องโดยสารให้สะอาดสดชื่น และระบบ ระบบ Ambient Light ที่ปุ่มปรับแสงสว่างตามต้องการ พร้อมระบบปรับอากาศ Climatronic แยกส่วนสำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลัง ช่วยเพิ่มความเย็นสบายมากขึ้นและกระจายได้ทั่วถึงทุกตำแหน่งภายในรถยนต์

รวมทั้งการสร้างความเพลิดเพลินด้วยระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ ที่ออกแบบและดีไซน์ให้เรียบง่าย พร้อมแสดงฟังก์ชั่นการทำงานได้ชัดเจน ง่ายต่อการใช้งานและปรับแต่งได้ตามต้องการ อาทิ TV จอ LED ขนาด 22 นิ้ว รองรับระบบ TV Digital ในอนาคต, ระบบพลังเสียง Hi-Fi สเตอริโอ ด้วยแอมป์ Focal 620W ลำโพง 8 ตัว พร้อม Sub Woofer ถ่ายทอดเสียงได้เสมือนจริง, เครื่องเล่น CD/DVD แบบจอสัมผัส, ระบบ Karaoke พร้อมช่องไมโครโฟน, ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อระบบเสียงเพลง, ระบบเชื่อมต่อ IPAD/IPOD และ USB, และระบบนำทาง GPSทั้งเพิ่มความสะดวกและง่ายดายสำหรับการใช้งานมากขึ้น ด้วยการออกแบบแผงควบคุมชุดเครื่องเสียง, Theatre, และ Ambient Light บริเวณคอนโซล และเสา C-Pillar รวมทั้งแผงปลั๊กเสียบเครื่องใช้ ไฟฟ้า รองรับกำลังที่ 300 วัตต์ ที่ 220 โวลล์

ด้านสมรรถนะ “The New Caravelle” เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร BiTDi 180 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1500-2000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 191 กม./ชม. พร้อมความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยเกียร์อัจฉริยะ DSG 7 สปีด และระบบช่วงล่าง หน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท หลังแบบ เซมิเทรลลิ่งอาร์ม ตอบสนองในทุกสไตล์การขับขี่ได้อย่างลงตัวและหลากหลาย พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกเส้นทาง จำหน่ายในราคาเพียง 3,450,000 บาท

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ได้แสดงรถยนต์ที่จำหน่ายในปัจจุบันอีก 1 รุ่น ได้แก่ Volkswagen The New Multivan ยานยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาที่ตอบสนองต่ออรรถประโยชน์สูงสุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลายสไตล์ ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพ ขนาด 2.0 BiTDi และเกียร์อัจฉริยะ DSG 7 สปีด และระบบกันสะเทือนที่สร้างทุกความมั่นใจในการขับขี่ ทั้งเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยอย่างครบครัน พร้อมเพิ่มความหรูหราสไตล์สปอร์ต ด้วยชุดแต่ง Aeropart ด้วยราคาจำหน่าย 3,980,000 บาท

นายธนายุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดไทยแล้ว ทางบริษัทฯ ได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขาย ภายใต้ชื่อ “Life’s Perfect” สำหรับผู้ที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ Volkswagen ในรุ่น The New Caravelle และรุ่น The New Multivan ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. ถึง 10 ธ.ค.2513 สามารถรับสิทธิ์ลุ้นโชคเป็นเจ้าของรถยนต์ 2 รุ่น 2 สไตล์ ได้แก่ Volkswagen Scirocco สปอร์ตหรูเร้าใจ และ Volkswagen The New Caravelle อัครยานยนต์สำหรับผู้นำ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท พร้อมกันนี้ หากท่านทดลองขับรถยนต์ Volkswagen The New Caravelle ภายในงานดังกล่าว สามารถมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลที่พักหัวหิน 3 วัน 2 คืน ฟรี มูลค่ารวมกว่า 7 หมื่นบาท

ท่านใดสนใจต้องการสัมผัสรถยนต์อย่างใกล้ชิด และเลือกเป็นเจ้าของนวตกรรมยานยนต์จาก Volkswagen ได้ที่บู๊ธ “ไทยยานยนตร์” ภายในงานมหกรรมยานยนต์ 2013 ณ อิมแพคเมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ถึง 10 ธ.ค.2556 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม รถยนต์ Volkswagen ทุกแห่งทั่วประเทศ

Vespa Troop On The Road (เวสป้า ทรูป ออนเดอะโร้ด)ณ พัทยา

13 พฤศจิกายน 2556, กรุงเทพมหานคร – บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด จัดขบวน Vespa Troop On The Road (เวสป้า ทรูป ออนเดอะโร้ด) ตามล่าหาขบวนเวสป้าทั่วประเทศ ในครั้งนี้ คุณเจนสุดา ปานโต นักแสดงสาวมากความสามารถ มาร่วมมอบความสนุกให้แก่ผู้ที่หลงรักเวสป้า ณ พัทยา จังหวัดชลบุรี อีกด้วย โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจและตอบรับจากลูกค้าและสาวกเวสป้าเป็นอย่างดีเยี่ยม
กิจกรรมตามล่าหาขบวนเวสป้าทั่วประเทศนี้ จัดขึ้นมาเพื่อโปรโมทให้ผู้ที่หลงรักเวสป้ามีสิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าของ Vespa LX 125 3Vie Vintage Edition 2556 “ฟ้าคำรณ” และ“เขียวโซดา” มูลค่าคันละ 97,900 บาท ได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่คุณถ่ายรูปเวสป้าในขบวน Vespa Troop แล้วโพสลงบนเวสป้าเฟซบุ๊ค Official Vespa Society Thailand หรือ แฮชแท็ก #vespa2556 ใน Instagram คุณสามารถร่วมสนุกและลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 ธันวาคม 2556 โดยจะประกาศผลรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 23 ธันวาคม ศกนี้ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ Vespa Troop On The Road (เวสป้า ทรูป  ออนเดอะโร้ด) ผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ “Official Vespa Society Thailand”
  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-2620846, 02-7160617-23 หรือ www.vespa.co.th หรือรับข่าวสารประชาสัมพันธ์จากเวสป้า ผ่านทาง Facebook เพียงกดไลค์ www.facebook.com/vespathailand และ (Instagram) http://instagram.com/vespathailand 

“จรวย ขันมณี” ประกาศความพร้อม Bangkok International Grand Motor Sale 2014 มหกรรมยานยนต์เพื่อขาย ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เผยค่ายรถยนต์ มอเตอร์ไซค บิ๊กไบค์ ประดับยนต์ เครื่องเสียง และอุปกรณ์ต่อเนื่อง ตอบรับร่วมงานคับคั่ง ยอดจองพื้นที่ล่าสุดพุ่ง 80% ย้ำชัดจัดเต็มทุกรูปแบบ ให้ยิ่งใหญ่ สวยงาม และถูกใจที่สุด

หลังจากศึกษาและวิเคราะห์ตลาดมากว่าสี่ปี ในที่สุด บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ประกาศจัดงาน Bangkok International Grand Motor Sale หรือ "Big Motor Sale 2014" กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-24 สิงหาคม 2557 โดยใช้พื้นที่ของศูนย์การจัดแสดงนิทรรศการไบเทค บางนา กว่า 30,000 ตารางเมตร ทั้งในอาคารและกลางแจ้ง เพื่อให้เป็นงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขาย ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะ ประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน  ได้กล่าวถึงคอนเซ็พท์ และจุดเด่นของงานในครั้งนี้ว่า เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเน้นการขายและตั้งใจให้เป็นงานเพื่อขายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีความครบวงจรมากที่สุด โดยมุ่งให้ผู้ขายรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถบัส รถทรัค เรือ อุปกรณ์ประดับยนต์ เครื่องเสียง รวมทั้งอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องยานยนต์ ทั้งหมด และผู้ซื้อที่มีความต้องการและสนใจมาพบกัน ด้วยข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษที่สุด มางานเดียวคุ้มค่า ได้ครบทุกความต้องการ ซื้อและขายกันอย่างมีความสุข 
“ในงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขาย "Big Motor Sale 2014" มุ่งสร้างช่องทางการซื้อขายรถที่เพิ่มขึ้น ให้วงการมีความเคลื่อนไหวที่สร้างความพึงพอใจ ถูกใจ กันทุกฝ่าย โดยไม่คิดถึงกำไร  คือเปิดโอกาสให้ผู้ขายได้นำเสนอแค็มเปญส่งเสริมการขายให้ผู้ซื้อได้อย่างเต็มที่และสบายใจ ด้วยราคาพื้นที่จัดแสดงงานที่ให้ส่วนลดแก่ผู้ร่วมเปิดบู๊ธอย่างเต็มที่ ตลอดจนได้รับส่วนลดค่าพื้นที่เพิ่มเติมหากทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ร่วมกับงาน  และยังพิจารณาลดราคาสำหรับผู้ที่มาเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ รวมทั้งพิจารณาส่วนลดตามโอกาสทางการตลาดอีกทางหนึ่ง  เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ จนสามารถสร้างข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค
ซึ่งจากการกำหนดราคาพื้นที่และส่วนลดต่างๆ  ที่ผู้จัดงานมอบให้นี้จะทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมงานสามารถมอบส่วนลด หรือทำกิจกรรมส่งเสริมการขายได้อย่างเต็มที่ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่างานมหกรรมยานยนต์เพื่อขาย "Big Motor Sale 2014” ที่จะจัดขึ้นนี้ จะเป็นงานที่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อเฝ้ารอ มีความพอใจ ถูกใจและมีความสุขที่สุด” นายจรวยกล่าว
ในโอกาสนี้ นายโกเมน วงศ์ศรีศาสตร์ รองประธาน การตลาด/โฆษณา กล่าวถึงรายละเอียดของงานในส่วนพื้นที่การขายดังนี้
“สำหรับงาน Big Motor Sale 2014 มีพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดกว่า 30,000 ตารางเมตร โดยบริษัทได้กำหนดราคาพื้นที่ ภายในอาคารที่ 13,999 บาทต่อตารางเมตร และพื้นที่ภายนอกอาคาร ราคา 7,999 บาทต่อตารางเมตร โดยแต่ละพื้นที่ซึ่งจัดไว้นี้ถือเป็นพื้นที่มีคุณค่าสร้างโอกาสในการขายอย่างเท่าเทียมกัน”
ทั้งนี้นายโกเมนได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจองพื้นที่ว่า “ขณะนี้ผู้ผลิต/จำหน่ายรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถบัส รถทรัค เรือ รวมทั้งอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง อุปกรณ์ประดับยนต์  เกือบทุกค่ายได้ทยอยจองพื้นที่กว่า 80 % แล้ว โดยทุกค่ายต่างชื่นชอบแนวคิดของการจัดงานซึ่งตั้งใจสร้างมิติใหม่ของการจัดงานแสดงและจำหน่ายรถยนต์  ถูกใจในความคุ้มค่าของราคาที่จ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือผู้บริโภค  บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด มั่นใจว่า การจัดงาน Big Motor Sale จะเปลี่ยนช่วงเวลาที่เคยถูกเรียกว่าเป็นโลว์ซีซั่นให้กลายเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองในการช่วยกระตุ้นตลาดและสร้างยอดจำหน่ายได้เป็นอย่างดี”  
ส่วนความพร้อมในการจัดงาน นายจรวย กล่าวว่า ขณะนี้พร้อม 100 % โดยในด้านของการเตรียมการจัดงาน บริษัทมีพันธมิตรที่เป็นมืออาชีพในวงการแต่ละส่วนมาร่วมกันเพื่อความสมบูรณ์แบบ นับตั้งแต่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เจ้าของสถานที่ บริษัท ยูเนียนแพน เอ็กซิบิชั่นส์ จำกัด  ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานแสดงสินค้าเป็นผู้บริหารจัดการดูแลพื้นที่ในการจัดงาน บริษัท แปลน สารา จำกัด ดูแลด้านผังและโครงสร้าง  บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด  มือโปรด้านบันเทิงมาช่วยสร้างสีสันให้กับงาน  บริษัท แอสดิก จำกัด ดูแลรับผิดชอบด้านการทำประชาสัมพันธ์ทั้งหมด และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุน ซึ่งพันธมิตรทุกรายต่างยืนยันร่วมกันจัดงานนี้ให้อลังการ ยิ่งใหญ่ สมกับคำว่า  มหกรรมยานยนต์เพื่อขาย ใหญ่ที่สุดในอาเซียน   
ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณจัดงานไว้เบื้องต้นกว่า 130 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าพื้นที่ 60 ล้าน ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ 30 ล้าน และอื่นๆ อีกไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายสำหรับผู้ชมงานและผู้ที่จองซื้อรถในงานได้ร่วมสนุก ชิงรางวัล เช่น รถยนต์  รถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ  ตลอดจนจะจัดให้มีกิจกรรม People Vote Awards ถือเป็นรางวัลยอดนิยมที่ให้คะแนนโดยบุคคลทั่วไปที่เข้าชมงานตลอด 9 วัน โดยการจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้มาชมงานไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน   
 นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมด บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ยังได้จัดสรรพื้นที่ในอาคารกว่า 1,800 ตารางเมตรเพื่อให้องค์กรการกุศล องค์กรที่ปฏิบัติสาธารณประโยชน์   ชมรมหรือกลุ่มที่ไม่มีการแสวงหาผลกำไร ได้มาเผยแพร่กิจกรรมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าของตนเอง ถึง 99 บู๊ธ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ  ผู้เข้าชมงานสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ  เพื่อเป็นการร่วมกันสร้างกุศลและตอบแทนสังคม
ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป มีประสบการณ์ในการทำนิตยสารเกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และรถอเนกประสงค์มานานกว่าสามสิบปี   ซึ่งนายจรวย ขันมณี ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจว่า
ผมทุ่มเทเวลาเพื่อที่จะผลิตนิตยสารในแวดวงยานยนต์เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งข้อมูลให้กับผมเพื่อพิเคราะห์ถึงความเคลื่อนไหว ทิศทาง ปัจจัยและโอกาสการเติบโตของตลาดรถยนต์ ซึ่งพฤติกรรมการซื้อและใช้รถของคนไทยจะมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ในจังหวะเวลาที่ดีเสนอสิ่งที่เป็นไปได้ให้กับทุกฝ่าย  นี่คือแรงบันดาลใจของการจัดงาน Bangkok International Grand Motor Sale นี้ขึ้นมา  และเมื่อผมคิดจะทำแล้ว ก็อยากให้ใหญ่ ดี ถูกใจที่สุด  ถึงวันนี้...ผมมั่นใจเกินร้อยครับ”
  สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของงานได้จากนิตยสารในเครือยานยนต์
สแควร์ กรุ๊ป ตลอดจนสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยกิจกรรมสำหรับผู้ชมงานในช่วงนี้ คือ การตัดคูปองจากนิตยสารในเครือ (นิตยสารยานยนต์  นิตยสารนักเลงรถ  นิตยสารนักเลงมอเตอร์ไซค์ และ นิตยสารนักเลงรถกระบะ)  เพื่อนำมาแลกเข็มกลัด VIP PIN ที่สวยงามเป็นของที่ระลึก และสามารถใช้ติดเสื้อเพื่อผ่านเข้าชมงานในฐานะแขกพิเศษ ฟรี สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป  จำกัด 0-2691-8130-41

มาสด้าส่ง ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ควบเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ รุกตลาดเอสยูวีเมืองไทย ชูจุดขายทั้งแรงทั้งประหยัด

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 7 พฤศจิกายน 2556 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถเอสยูวีใหม่ล่าสุด พร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ออล นิว มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ALL New Mazda CX-5 รถอเนกประสงค์รูปลักษณ์สปอร์ตที่มาสด้าลงเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมาเต็มทั้งคัน เป็นครั้งแรกของ         ยนตรกรรมสกายแอคทีฟที่วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทย มาสด้าชูจุดขายความเป็นรถอเนกประสงค์   ครอสโอเวอร์ที่สูงในเรื่องสมรรถนะ แต่ต่ำในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับโลก และถือเป็นการแนะนำคอนเซ็ปต์การออกแบบใหม่ล่าสุด โคโดะ ดีไซน์ ธีมออกแบบรถซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ถ่ายทอด DNA ของมาสด้าได้อย่างชัดเจน ความสมบูรณ์แบบของมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ทำให้เป็นครอสโอเวอร์ SUV ที่ชนะรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมในประเทศญี่ปุ่นปี 2012
มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ALL New Mazda CX-5 จัดอยู่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ เป็นรถยนต์รุ่นแรกของการพัฒนารถ  เจนเนอเรชั่นที่ 6 ของมาสด้า ความสดใหม่ที่น่าสนใจและเป็นจุดขายหลัก คือ การที่มาสด้าใช้เทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ “เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ” SKYACTIV Technology ในรถเจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ทุกรุ่น คู่กับธีมการดีไซน์รถใหม่ “โคโดะ” KODO: Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ที่เน้นในเรื่องการถ่ายทอดความสวยงามของพลังผ่านรูปทรงของรถ มาสด้าเสนอ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ เป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกรวมถึงลูกค้าชาวไทย ที่นอกเหนือจากความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะทรงพลังแรงขับสนุกอีกด้วย เติมเต็มความต้องการแท้จริงของลูกค้าที่ต้องการได้จากรถในคันเดียว ความเป็น SUV ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งในเรื่องความแรง อัตราบริโภคน้ำมันที่ประหยัด ปล่อยค่าไอเสียต่ำ ความปลอดภัยสูง มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และดีไซน์สวยสปอร์ต ทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ตอบสนองความต้องการของแฟน SUV ได้อย่างที่ไม่เคยมีรถคันไหนให้ได้มาก่อน
มาสด้าตั้งเป้าหมายของยอดจำหน่ายของ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ อยู่ที่ 10,000 คันต่อปี โดยเฉลี่ย และถือเป็นรถธงอีกรุ่นหนึ่งที่เข้ามาเสริมรุ่นรถที่มีจำหน่ายในตลาดเมืองไทยให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้ทุกเซ็กเม้นต์ เนื่องจากกระแสตอบรับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟถือว่ามาแรงอย่างมาก เป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่มีลูกค้าคอยติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามกันมามากที่สุด โดยเฉพาะก่อนการแนะนำสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ มียอดสั่งจองรถรุ่นนี้จากลูกค้าผ่านผู้จำหน่ายเข้ามาสูงเกือบ 1,500 คัน
มร. ยูจิ นากามิเน ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส  มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า มาสด้า       ซีเอ็กซ์-5 เป็นรถรุ่นแรกของรถยนต์มาสด้า เจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่สร้างความสำเร็จและทำยอดขายให้กับบริษัทนับตั้งแต่เปิดตัวเข้าสู่ตลาด เป็นเสมือนทูตผู้ส่งมอบเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของมาสด้าให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลก  ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่แบบที่ลูกค้าไม่เคยได้สัมผัสจากรถคันไหนมาก่อน วันนี้ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ SKYACTIV TECHNOLOGY ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยและให้ลูกค้าชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ใหม่ที่ผมกำลังกล่าวถึง ผมขอกล่าวสั้นๆ ถึงที่มาเกี่ยวกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ด้วยความที่มาสด้ามี DNA ของแบรนด์รถยนต์ที่มีตำนานในเรื่องที่ท้าทายความสามารถของมนุษยชาติมาโดยตลอด เริ่มจากการพัฒนาเครื่องยนต์โรตารี เครื่องยนต์ลูกสูบหมุน มาสด้าเป็นบริษัทรถยนต์แรกของโลกที่สามารถผลิตเครื่องยนต์โรตารีออกวางจำหน่าย จนเป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากนั้น มาสด้า 787B ก็สามารถคว้าชัยชนะจากสนามแข่งเลอมังส์ 24 ชม. ในปี พ.ศ. 2534 ที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นรถแข่งจากค่ายรถญี่ปุ่นรายแรกที่สามารถคว้าชัยชนะในสนามแห่งนี้ ด้วยสปิริตของนักสู้ที่มีอยู่ในองค์กร ผลักดันให้มาสด้ามีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างไปจากบริษัทรถยนต์อื่นๆ ความต้องการสร้างให้เกิด "ซูม-ซูม อย่างยั่งยืน" หรือ Sustainable Zoom-Zoom  มาสด้าจึงค้นหาเทคโนโลยีของรถยนต์ที่แท้จริง และอยู่ได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว คงความสนุกในการขับขี่ อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสิ่งแวดล้อมที่สะอาดบริสุทธิ์ และไม่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานที่มีอยู่จำกัด จนเราได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและให้คุณสมบัติการขับขี่ที่พึงมีไว้ได้ครบถ้วน  นอกจาก ซูม-ซูม และดีไซน์โคโดะแล้ว เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ หนึ่งในทรัพย์สินที่สำคัญของแบรนด์มาสด้า
“อาเซียนเป็นตลาดหลักที่สำคัญ มาสด้าตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ในภูมิภาคนี้ไว้สูงถึง 150,000 คัน ภายในปี 2558 ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญต่อธุรกิจของมาสด้า การแนะนำรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่เข้าสู่ตลาดเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักสำคัญ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ เป็นรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่รุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จในทุกประเทศที่เปิดตัว จนถึงขณะนี้มียอดจำหน่ายมากกว่า 400,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าตลาดประเทศไทยจะประสบความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับทุกๆ ตลาด เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์มาสด้าในประเทศไทยนั้นเติบโตแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และได้รับความนิยมจากลูกค้าสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญพื้นฐานด้านธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทยนั้นมีความเป็นมายาวนานและมีความมั่นคง นับจากวันนี้เป็นต้นไป ลูกค้าชาวไทยจะได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและจะประทับใจในประสิทธิภาพของมัน ความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นนี้เท่ากับช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจรถยนต์แข็งแกร่งขึ้นอีก” มร. นากามิเน กล่าว
นายโชอิชิ ยูกิ ประธานกรรมการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ จะเป็นรถยนต์สำคัญอีกหนึ่งรุ่นของมาสด้าในตลาดเมืองไทย ที่จะสามารถนำพาให้มาสด้าก้าวผ่านการแข่งขันที่รุนแรงนี้ไปได้ด้วยดี มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นมาแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ของมาสด้าที่ผ่านมา ด้วยคุณค่าสำคัญต่างๆ ได้ถูกใส่ไว้ในรถ SUV คันนี้อย่างครบถ้วน และถือเป็นครั้งแรกที่ความต้องการของผู้ใช้รถได้รับการตอบสนองอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน   รถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่นี้รวมไว้ซึ่งสมรรถนะที่ทรงประสิทธิภาพ ควบคู่กับการเป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ให้อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วๆ ไป รวมถึงความเป็นเทคโนโลยีสะอาดปล่อยมลภาวะไอเสียต่ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ลูกค้าชาวไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันและสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันด้วยการบำรุงดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มีราคาแพงสำหรับอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด
นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปิดตัวรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ในครั้งนี้ มีผลอย่างมากต่อธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทย เพราะนอกจากจะเป็นการแนะนำรถรุ่นใหม่ในเซ็กเม้นต์ที่มาสด้ายังไม่เคยมีจำหน่ายแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่แนะนำเทคโนโลยีใหม่ในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่มาสด้าแนะนำเครื่องยนต์ประเภทดีเซลสะอาด CLEAN DIESEL เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่  จัดอยู่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ประเภทครอสโอเวอร์เอสยูวี ที่มาสด้าวางกลยุทธ์การตั้งราคาที่เหมาะสม มีหลากหลายรุ่นให้เลือก รวมทั้งมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน แน่นอนว่าลูกค้าเป็นกลุ่มในระดับราคาที่สูงกว่ารถยนต์มาสด้า3 เหมาะสำหรับหนุ่มสาวคนทำงาน หรือคู่หนุ่มสาวที่เริ่มใช้ชีวิตคู่ พร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในการทำงานหรือการทำธุรกิจ มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทันสมัย ชอบการเรียนรู้ บริโภคเทคโนโลยีและสินค้าแก็ตเจ็ท เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและมุมมองใหม่ๆ ที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นวิถีชีวิตของคนทำงานรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นบนเส้นทางของผู้บริหาร มองหาความปราดเปรียวคล่องตัวและความอเนกประสงค์จากรถยนต์ที่เลือกใช้”
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนงานและกลยุทธ์สำหรับแนะนำรถรุ่นใหม่เข้าตลาดว่า  “กลุ่มตลาดรถอเนกประสงค์เป็นตลาดที่เปิดกว้าง ลูกค้ามีความหลากหลาย ทั้งการใช้งานเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และใช้เป็นรถสำหรับครอบครัว เป็นตลาดที่มีผู้เล่นไม่มากแต่มีเจ้าตลาดที่แข็งแกร่งและครองส่วนแบ่งตลาดอยู่แล้ว แม้ว่ามาสด้าจะไม่เคยมีรถประเภทนี้วางจำหน่ายมาก่อนแต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา มาสด้ามีการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของตัวเองอย่างชัดเจน แนวทางการตลาดที่ไม่เคยตามใคร ครั้งนี้ก็เช่นกัน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จะถูกแนะนำเข้าตลาดแบบ SUV ที่ไม่เหมือนใคร เป็นทางเลือกใหม่ให้กับแฟนๆ รถประเภทนี้ในเมืองไทย มาสด้ามุ่งสื่อสารกับลูกค้าที่นิยมและรักการขับรถ รักความสปอร์ต ทั้งอารมณ์จากการขับขี่และรูปลักษณ์ของรถ มาสด้าจะเปิดตลาดกลุ่มครอสโอเวอร์ SUV ที่ให้อารมณ์การขับขี่สไตล์รถยนต์นั่ง แต่ให้ขนาดภายในและภายนอก รวมถึงพื้นที่และการใช้งานแบบรถอเนกประสงค์
ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและรูปลักษณ์การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ จะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ ลูกค้าจะประทับใจกับอัตราการกินน้ำมันที่ต่ำแม้ไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาช่วย ลูกค้าทุกคนจะถูกเสนอให้ทดลองขับรถก่อนจะตัดสินใจจองหรือซื้อเพราะเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ สมรรถนะที่สามารถจับต้องได้ เมื่อได้ลองขับลูกค้าสามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง ทั้งจากการตอบสนองของเครื่องยนต์และความรู้สึกในการควบคุมรถ กลุ่มเป้าหมายที่มาสด้าสื่อสารถึงคือ กลุ่มชาย-หญิงวัยทำงานที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสมัยใหม่ มองโลกในมุมมองใหม่ๆ  ให้ความสำคัญทั้งชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัว ชอบความสนุกสนาน ชอบกิจกรรม Outdoor มีสังคม มีความรับผิดชอบ ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องการศึกษาและในอาชีพการงาน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ จะกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สะท้อนบุคลิกของลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์ใช้งานอเนกประสงค์ทั้งในเมืองและนอกเมือง ขณะที่ภาพความเป็นรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ยังคงอยู่ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาไม่ได้จาก SUV อื่นๆ สุรีทิพย์ กล่าว
บุคลิกของตัวรถและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายถูกสื่อสารไว้อย่างชัดเจนในงานโฆษณา ผ่านภาพยนตร์โฆษณาความยาว 60 วินาที เปิดตัวพร้อมกันกับโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ครอบคลุมทุกช่องทางการสื่อสาร ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร สื่อป้าย วิทยุ และสื่อออนไลน์ การโปรโมทการรับรู้ของรถรุ่นใหม่นี้ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวชีวิตในสังคมเมืองที่หรูหราสไตล์ ACTIVE URBAN ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มาสด้าเจาะชัดเจน ไม่เหมือนกลุ่มลูกค้าของรถเอนกประสงค์อื่นๆ ทั่วไป นอกจากนั้นยังใช้นโยบายป่าล้อมเมืองโดยทำงานร่วมกับผู้จำหน่ายในแต่ละจังหวัดให้จัดกิจกรรมเปิดตัวรถกับลูกค้าในทุกพื้นที่พร้อมๆ กันทั้งประเทศ สำหรับกรุงเทพฯ เราจัดงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนในช่วงเช้า ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิร์ล  และช่วงบ่ายสองจนถึงสามทุ่มตรงสถานที่เดียวกันนี้มี มาสด้าจัดงาน Exclusive CX-5 Party ให้ลูกค้ามีโอกาสเข้าสัมผัสมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ได้ครบทุกรุ่นทุกสีพร้อมเปิดรับจอง รับของสมนาคุณเป็นที่ระลึก และยังมีโปรเจคสปอนเซอร์คอนเสิร์ตศิลปินระดับคุณภาพ มีรถโชว์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพื่อเพิ่มการรับรู้และเข้าถึงตัวสินค้า รวมถึงกิจกรรมโปรโมททดลองขับสกายแอคทีฟ SUV อีกมากมาย
นางสาวสุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติม มาสด้าเตรียมกิจกรรมรองรับช่วงเปิดตัวเพื่อให้เกิดการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ร่วมมือกับ iWAVE (ไอเวฟ) เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้แก่ศิลปินวงเพลง ป๊อบคุณภาพ ETC จัดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ฉลองครบรอบ 10 ปี ชื่อ “SKYACTIV SUV ALL NEW MAZDA CX-5 PRESENTS ETC 10 YEARS ANNIVERSARY BACK TO THE FUTURE CONCERT” ในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19.00 น. อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี พร้อมชมรถมาสด้า มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ที่หน้างาน และยังเป็นกิจกรรมเพื่อลูกค้ามาสด้าปัจจุบันซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษทั้งส่วนลดราคาบัตร และใช้ห้องรับรอง VIP ระหว่างรอชมคอนเสิร์ต ดูรายละเอียดของสิทธิพิเศษลูกค้ามาสด้ากับคอนเสิร์ตวง ETC ได้ที่เว็บไซต์และจุดจำหน่ายบัตรของไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟได้รับรางวัลมากมายทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี SKYACTIV-G คว้ารางวัลเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพยอดเยี่ยมที่มีอัตราส่วนการอัดสูงที่สุดถึง 14:1 จากสมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล กระทรวงเศรษฐกิจ ประเทศญี่ปุ่น Japan Society for Promotion of Machine Industry (JSPMI) ทางด้านความปลอดภัยผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จากยุโรป หรือ Euro NCAP รวมทั้งได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงสุดของโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ SKYACTIV-BODY "Top Safety Pick" จากสถาบันเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงของประเทศสหรัฐอมริกา Insurance Institute for Highway Safety (IIHS)
ราคาจำหน่าย ALL New Mazda CX-5
Mazda CX-5 รุ่น 2.0 C เครื่องยนต์เบนซิน 2000 ซีซี   ราคาจำหน่าย 1,200,000 บาท
Mazda CX-5 รุ่น 2.0 S เครื่องยนต์เบนซิน 2000 ซีซี  ราคาจำหน่าย 1,300,000 บาท
Mazda CX-5 รุ่น 2.5 S เครื่องยนต์เบนซิน 2500 ซีซี  ราคาจำหน่าย 1,440,000 บาท
Mazda CX-5 รุ่น XDL เครื่องยนต์ดีเซล 2200 ซีซี   ราคาจำหน่าย 1,670,000 บาท

donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved