จากัวร์ เอ็กซ์อี (JAGUAR XE) เผยโฉมครั้งแรกในโลก ณ งานเปิดตัวสุดอลังการริมแม่น้ำเทมส์กลางกรุงลอนดอน ซิตี้ ออโต้โมบิล เตรียมเปิดตัวและจัดจำหน่ายในเมืองไทยปี 2558
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:07
กรุงเทพฯ, 10 ตุลาคม 2557 – จากัวร์ จัดงานเปิดตัว จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) ยานยนต์แนวสปอร์ตซีดานหรูรุ่นใหม่ล่าสุด ในย่านเอิร์ลคอร์ทกลางกรุงลอนดอน พร้อมการแสดงสุดยิ่งใหญ่อลังการเพื่อร่วมฉลองความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของยนตกรรมชั้นสูงแห่งสหราชอาณาจักร โดยมีไฮไลท์เป็นการเปิดตัวเพลง “Feels Like” โดย เอมิลี ซานเด นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังชาวอังกฤษ เจ้าของรางวัลแพลทินัมอะวอร์ดส์ บนเวทีกลางแม่น้ำเทมส์ โดยมีแลนด์มาร์คของกรุงลอนดอน อย่าง London Eye และอาคาร County Hall อันสง่างามเป็นฉากหลัง บทเพลงนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แคมเปญ Feel XE โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนในโซเชียลมีเดียที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นว่า “สิ่งใดที่กระตุ้นเร้าอารมณ์ของคุณได้มากที่สุด” ผ่านแฮชแท็ก#FEELXE ฝ่าย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในประเทศไทย กำหนดเปิดตัวและจัดจำหน่าย จากัวร์ เอ็กซ์อี ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการภายในปี พ.ศ. 2558
งานเปิดตัว จากัวร์ เอ็กซ์อี จัดขึ้นในย่านเอิร์ลคอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่สุดคลาสสิกที่ถูกใช้จัดงานเปิดตัวรถยนต์จากัวร์มาแล้วกว่า 14 รุ่น โดยมี จอห์น ฮันน่าห์ นักแสดงภาพยนตร์ชื่อดัง รับหน้าที่พิธีกร ซึ่งการแสดงที่มีความยาวถึง 45 นาที ประกอบด้วยนักแสดงชื่อดังมากมาย ทั้ง เอมิลี ซานเด, วงเดอะ ไกเซอร์ ชีฟส์, เอลิซ่า ดูลิตเติ้ล, คณะลอยัล บัลเล่ต์, วงดุริยางค์ลอนดอน ฟิลฮาโมนิค ออร์เคสตร้า และ แม็กซ์ มิลเนอร์ จากรายการ เดอะ ว๊อยซ์ โดยโชว์ทุกชุดแสดงถึงช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของจากัวร์ นับตั้งแต่การเปิดตัวรถยนต์รุ่น เอสเอส100 (SS100) เมื่อปี ค.ศ. 1935 (พ.ศ. 2478) จนถึงความสำเร็จทั่วโลกของแบรนด์จากัวร์ในปัจจุบัน ปิดท้ายด้วยการเปิดตัว จากัวร์ เอ็กซ์อี ซึ่งนำเสนอการเดินทางอันน่าประทับใจจากโรงงานผลิตในเมืองโซลิฮัลล์สู่การเปิดตัวในย่านเอิร์ลคอร์ท ซึ่งงานครั้งนี้มีคนดังและบุคคลสำคัญกว่า 3,000 คนเข้าร่วมงาน อาทิ สเตลล่า แมคคาร์ทนีย์, เดวิด แกนดี้, โจเซ่ มูริญโญ่, ไบรอัน จอห์นสัน, แซม ไรลีย์, แกรี ลินิเกอร์, รูเบน คอร์ทาดา, เซียนน่า กิลเลอร์รี่ย์ และอีกมากมาย
เอมิลี ซานเด กล่าวว่า “การร่วมงานกับแบรนด์จากัวร์ในครั้งนี้นับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งผลงานเพลงครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการสร้างปฏิสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของแฟนเพลงจำนวนมาก และที่พิเศษสุดคือ การได้มีโอกาสเปิดการแสดงสดเป็นครั้งแรกบนเวทีกลางน้ำอันน่าตื่นใจเพื่อฉลองการเปิดตัว จากัวร์ เอ็กซ์อี”
จากัวร์ เอ็กซ์อี มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมโครงสร้างน้ำหนักเบา ดีไซน์สุดล้ำ การตกแต่งภายในอันหรูหรา ตลอดจนระบบขับขี่และควบคุมที่เหนือชั้น นอกจากนี้ จากัวร์ เอ็กซ์อี เสนอขายในระดับราคาที่นักขับสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า พร้อมคุณสมบัติในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง อัตราการปล่อยมลพิษต่ำ เงื่อนไขการรับประกันและบริการบำรุงรักษาชั้นเยี่ยม และมูลค่าคงเหลือที่ดีกว่า
นอกจากนี้ จากัวร์ เอ็กซ์อี ยังให้คุณสามารถเข้าถึงทุกแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนได้ด้วยฟังก์ชั่น InControl Apps บนหน้าจอสัมผัสภายในห้องโดยสาร ให้คุณสามารถจัดการประชุมสายผ่านโทรศัพท์ ค้นหาจุดจอดรถบริเวณใกล้เคียง หรือแม้แต่จองโรงแรมได้จากภายในรถยนต์ของคุณเอง และด้วยฟังก์ชั่นจุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบ Wi-Fi จากเสาสัญญาณของตัวรถ ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์สื่อสารของคุณได้หลากหลายรูปแบบ
ระบบ InControl infotainment ของ จากัวร์ เอ็กซ์อี ยังได้รับการทำงานด้วยระบบสนับสนุนการขับขี่ที่เหนือชั้นมากมาย อาทิ การแสดงผล Laser Head-up Display (HUD) ครั้งแรกของวงการ ด้วยคุณภาพเลเซอร์ปรับปรุงใหม่ที่ให้ภาพบนจอไวด์สกรีนขนาดเล็กลงแต่สว่างกว่าเดิมถึง 3 เท่า ทั้งยังคมชัดและให้สีสันสดใสยิ่งกว่า ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสถานะรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งความเร็วและระบบนำทางได้อย่างชัดเจนโดยไม่รบกวนวิสัยทัศน์การขับขี่
จากัวร์ เอ็กซ์อี ยังถือเป็นยานยนต์จากัวร์ที่ผลิตโดยใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักรุ่นแรกของโรงงานแห่งใหม่ในเมืองโซลิฮัลล์ แถบเวสต์มิดแลนด์ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโรงงานที่สร้างขึ้นเพื่อการผลิตยานยนต์เฉพาะแบบเท่านั้น ด้วยโครงสร้างวัสดุอะลูมิเนียมของ จากัวร์ เอ็กซ์อี ไม่เพียงถูกออกแบบมาอย่างสวยงามหมดจดในทุกมุมมอง หากยังมอบแรงต้านการบิดในระดับสูงสุด ทั้งยังมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนขั้นสูงเพื่อมอบคุณภาพแห่งการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบทั้งการควบคุมได้ดั่งใจและการเลี้ยวโค้งที่แม่นยำในทุกสภาวะ
จากัวร์ เอ็กซ์อี คือรถยนต์รุ่นแรกของโลกที่ใช้อะลูมิเนียมเกรดใหม่ที่ให้ความแข็งแกร่งระดับสูงมาก นั่นคือรุ่น RC 5754 มาเป็นวัสดุหลักในการผลิต และเนื่องจากการใช้รีไซเคิลในอัตราส่วนที่สูงมากนี้เอง ทำให้การคิดค้นวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยชนิดนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของจากัวร์ ในการบรรลุซึ่งเป้าหมายด้านการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตให้มากถึง 75% ก่อนปี พ.ศ.2563 นอกจากนี้ยังให้การประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ระดับ 75 ไมล์/แกลลอน* (น้อยกว่า 4 ลิตร/100 กม.) ตามอัตราการใช้เชื้อเพลิงรวมหน่วยยูโร
ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ กรุงปารีส
Posted by Contemporary industry
Posted on 22:09
โดด เด่นเป็นเอกลักษณ์เหนือกว่ายนตกรรมที่เคยมีมา: รถสปอร์ตแบบ plug-in hybrid 3 รุ่นจากปอร์เช่
สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid)1) เปิดตัวสู่สายตาสาธาณชนอย่างเป็นทางการแล้วในงานมหกรรมยานยนต์ปารีส มอเตอร์โชว์ วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา นี่คือรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid ระดับพรีเมี่ยมในตลาดรถสปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ SUV คัน แรกของโลก พร้อมออกมาตั้งค่ามาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถหรูในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่แสดงให้เห็นว่าปอร์เช่คือผู้นำในเรื่องของการผลิตรถ ไฮบริดแบบ Plug-in ซึ่งหลังจากที่ปล่อยรุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) 2) และ 918 สไปเดอร์ 3) (918 Spyder) ออกมาให้ยลโฉมแล้วก่อนหน้านี้
นอกเหนือจากคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) ยังมีปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) 4) รุ่นต่างๆ ออกมาให้ยลโฉมเช่นกัน นั่นคือคาเยนน์ เอส (Cayenne S) , คาเยนน์ เทอร์โบ (Cayenne Turbo) , คาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) และคาเยนน์ เอส ดีเซล (Cayenne S Diesel) โดยต่างมีลักษณะที่ ดดเด่นเป็นพิเศษทั้งในเรื่องประสิทธิภาพของรถ ความประหยัด การรักษาเสถียรภาพของรถที่แม่นยำมากขึ้น รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันมากยิ่งขึ้น
ต้องขอบคุณต่อเทคโนโลยีไฮบริดแบบplug-in ได้รับการนำมาใช้กับคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) คันนี้ส่งผลให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 3.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (29.4 กิโลเมตร/ลิตร) และอัตราการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพียง 79 กรัม ต่อกิโลเมตร นี่คือตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เกินพิกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตลาดรถยนต์หนูนั้นปอร์เช่มาพร้อมกับนวัตกรรมไฮบริดแบบ Plug-in ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ภายใน 8 เดือนแรกของปี 2014 ปอร์เช่ส่งมอบรถยนต์พานาเมร่า (Panamera)5) ไปทั้งหมด 16,698 คัน โดยเป็นรุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ถึง 1,513 หรือคิดเป็น 9% จากยอดรวมเลยทีเดียว และปอร์เช่คาดหวังว่าคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) จะมียอดขายที่ถล่มทลายเช่นเดียวกัน
คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) เผยโฉมเป็นทางการต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานแถลงข่าวของปอร์เช่ที่ Hall 4 วันที่ 2 ตุลาคม เวลา 9.35 น. โดยทำการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ (www.porsche.com/paris) นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดตัวรุ่นคาเยนน์รุ่นอื่นๆ ด้วยเช่นกัน นั่นคือ คาเยนน์ ดีเซล (Cayenne Diesel) ,คาเยนน์ เอส ดีเซล (Cayenne S Diesel) , คาเยนน์ เอส (Cayenne S) และ คาเยนน์ เทอร์โบ (Cayenne Turbo) รุ่น Flagship สูงสุดของคาเยนน์
1) ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 3.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (29.4 กิโลเมตร/ลิตร); ผสมผสานกับการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยมีอัตราที่: 20.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 79 กรัม/กิโลเมตร
2) ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (32.25 กิโลเมตร/ลิตร); ผสมผสานกับการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยมีอัตราที่: 16.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร
3) ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 3.1-3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร (32.25-33.33 กิโลเมตร/ลิตร); ผสมผสานกับการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยมีอัตราที่: 12.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 72-70 กรัม/กิโลเมตร
4) รุ่น คาเยนน์ต่างๆอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่: 11.5-6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (8.7-15.15 กิโลเมตร/ลิตร); ในเมืองอยู่ที่ 8.9-6.0 ลิตร/100 กิโลเมตร (11.23-16.66 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมืองอยู่ที่ 15.9-7.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (6.29-13.15 กิโลเมตร/ลิตร) ;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 267-173 กรัม/กิโลเมตร
5) รุ่นพานาเมร่า (Panamera) ต่างๆ อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่:10.7-6.4ลิตร/100 กิโลเมตร(9.34-15.62 กิโลเมตร/ลิตร); ในเมืองอยู่ที่ 7.8–5.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (12.8-17.85 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมืองอยู่ที่ 15.7–7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร(6.37-13 กิโลเมตร/ลิตร) ;อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่ 249–169 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตี ด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญ ทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า“เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Porsche Classic Service Clinic ได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-522-6655 ต่อ 400 - 402 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th
ระดับโลก! FIA รับรองสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็น FIA GRADE 1 ใช้แข่งฟอร์มูล่า วัน ได้
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:35
ระดั
สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ส่งหนังสือรับรองถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (CHANG INTERNATIONAL CIRCUIT) รับรองให้เป็นแทร็กระดับมาตรฐาน FIA GRADE 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้กลายเป็นสนามแข่งลำดับที่ 27 ของโลก ที่รองรับการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน ได้
โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ทิม เชงเก้น (Tim Schenken) ตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA พร้อมด้วย นายประเสริฐ อภิปุญญา เลขาธิการราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยฯ เดินทางมาตรวจสนามแข่งระดับมาตรฐานโลกแห่งแรกของไทย โดยมี นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการโครงการ BRIC และนายไชยชนก ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการให้การต้อนรับ เพื่อตรวจความพร้อมขั้นสุดท้าย
โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ทิม เชงเก้น (Tim Schenken) ตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA พร้อมด้วย นายประเสริฐ อภิปุญญา เลขาธิการราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยฯ เดินทางมาตรวจสนามแข่งระดับมาตรฐานโลกแห่งแรกของไทย โดยมี นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการโครงการ BRIC และนายไชยชนก ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโครงการให้การต้อนรับ เพื่อตรวจความพร้อมขั้นสุดท้าย
ล่าสุด ฌอง ท็อดด์ ประธานใหญ่สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA ได้ส่งจดหมายพร้อมลงลายเซ็นรับรองให้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (CHANG INTERNATIONAL CIRCUIT) เป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIA GRADE 1 รียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้การรับรองจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ส่งผลให้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผ่านมาตรฐานจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบได้ทุกระดับทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกหรือฟอร์มูล่า วัน ขณะเดียวกันยังเป็นการยืนยันความพร้อมที่จะจัดการแข่งขัน "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์จีที เรซ" ในวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้
ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการสร้างสนามแข่งรถมาตรฐานสูงสุดของโลกในประเทศไทย กล่าวถึงการที่ FIA รับรองมาตรฐาน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามระดับ FIA GRADE 1 ถือว่าเป็นการยกระดับมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย ให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และเชื่อว่าสนามแห่งนี้จะสร้างนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย ให้ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลกได้ ที่ผ่านมานักกีฬาของเรามีความสามารถ มีความตั้งใจ พอสมควร แต่เราไม่มีสนามที่ได้มาตรฐานให้ได้แข่งขัน และ ฝึกซ้อม ทำให้นักกีฬาของเราพัฒนาความสามารถได้ไม่สูงสุด แต่จากนี้ไป สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมแล้วที่จะเป็นโอกาสให้นักกีฬาของไทย พัฒนาและยกระดับไปสู่ระดับโลก
ทั้งนี้การรับรองจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ส่งผลให้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผ่านมาตรฐานจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบได้ทุกระดับทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกหรือฟอร์มูล่า วัน ขณะเดียวกันยังเป็นการยืนยันความพร้อมที่จะจัดการแข่งขัน "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์จีที เรซ" ในวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้
ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการสร้างสนามแข่งรถมาตรฐานสูงสุดของโลกในประเทศไทย กล่าวถึงการที่ FIA รับรองมาตรฐาน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามระดับ FIA GRADE 1 ถือว่าเป็นการยกระดับมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย ให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และเชื่อว่าสนามแห่งนี้จะสร้างนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย ให้ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลกได้ ที่ผ่านมานักกีฬาของเรามีความสามารถ มีความตั้งใจ พอสมควร แต่เราไม่มีสนามที่ได้มาตรฐานให้ได้แข่งขัน และ ฝึกซ้อม ทำให้นักกีฬาของเราพัฒนาความสามารถได้ไม่สูงสุด แต่จากนี้ไป สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมแล้วที่จะเป็นโอกาสให้นักกีฬาของไทย พัฒนาและยกระดับไปสู่ระดับโลก
"สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นโครงการที่ผมทุ่มเทชีวิต จิตใจ สร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความหวังว่าจะยกระดับมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย และอยากเห็นนักกีฬาไทย ก้าวสู่ระดับโลก ทั้งในสนาม f1 และ moto gp " นายเนวิน กล่าว และว่าขอขอบคุณผู้สนับสนุนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือและกำลังใจมาโดยตลอด
สำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีระยะทางต่อ 1 รอบ 4.554 กิโลเมตร หรือ 2.83 ไมล์ มีความกว้าง 13 เมตร มีทั้งหมด 12 โค้ง เป็นเส้นทางตามเข็มนาฬิกา และนักขับที่ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลโพซิชั่นจะประจำกริดสตาร์ทด้านซ้ายของแทร็ก
Mitsubishi จับมือ Fiat พัฒนารถกระบะรุ่นใหม่
Posted by Contemporary industry
Posted on 20:13
Mitsubishi จับมือ Fiat พัฒนารถกระบะรุ่นใหม่
Mitsubishi ประกาศจับมือกับ Fiat อย่างเป็นทางการ ร่วมมือกันสร้างรถกระบะขนาดกลาง ต่อยอดลุยตลาดยุโรป
มิตซูบิชิ (Mitsubishi) ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ เฟียต (Fiat) ค่ายรถยนต์จากอิตาลี หลังจากลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เรื่องการร่วมกันพัฒนารถกระบะขนาดกลางรุ่นใหม่สำหรับตลาดโลก หลังจากมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อปี 2013 มิตซูบิชิได้เผยแนวทางการทำตลาดรถยนต์ของตนเองใหม่โดยจะเน้นไปที่บรรดารถกระบะและครอสโอเวอร์ รวมทั้งรถไฮบริดด้วย ซึ่งปัจจุบัน มิตซูบิชิมีรถกระบะอย่าง มิตซูบิชิ แอล-200 (Mitsubishi L-200) หรือมิตซูบิชิ ไทรทัน (Mitsubishi Triton) ในประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งมิตซูบิชิได้ให้เฟียตเป็นผู้ผลิตและจัดการจำหน่ายในยุโรป
ทางด้านเฟียตเองก็มีความพยายามจะผลักดันรถกระบะของตนเองเช่นกัน โดยเคยร่วมมือกับทาทา (Tata) ค่ายรถยนต์จากอินเดียเมื่อปี 2008 นำโครงสร้างจากทาทา ซีนอน (Tata Xenon) มาดัดแปลง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาด การร่วมมือกับมิตซูบิชิซึ่งมีกระบะที่นิยมอยู่แล้วจึงเป็นทางออกที่ดีกว่า
ทั้งนี้ในการลงนามยังไม่ได้เปิดเผยว่ารถกระบะรุ่นใหม่ผลงานของมิตซูบิชิและเฟียตจะเป็นอย่างไร แต่คาดว่าจะต่อยอดจากรถต้นแบบกระบะดีเซลไฮบริด มิตซูบิชิ จีอาร์-เอชอีวี (Mitsubishi GR-HEV) ซึ่งคนไทยจะได้สัมผัสกับกระบะรุ่นดังกล่าวแน่นอนในฐานะของมิตซูบิชิ ไทรทันโฉมใหม่ภายในปี 2016 ครับ
ป้ายกำกับ:
Mitsubishi
เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 กระบะสุดหล่อเฉพาะชาวสหรัฐฯ เท่านั้น
Posted by Contemporary industry
Posted on 20:03
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก netcarshow
เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 US Spec กระบะ Mid-Size เพื่อชาวสหรัฐฯ ดึงดีไซน์จาก Chevrolet Silverlado พร้อมสมรรถนะยอดเยี่ยมเกินตัว
เชฟโรเลต (Chevrolet) ค่ายรถยนต์จากสหรัฐฯ ได้เปิดตัวรถกระบะขนาดกลางหรือ Mid-Size Truck อย่าง เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (Chevrolet Corolado) ล่าสุดที่ออกแบบเพื่อชาวสหรัฐฯ สืบสานดีเอ็นเอการออกแบบมาจากกระบะรุ่นใหญ่ยอดนิยม พร้อมด้วยสมรรถนะยอดเยี่ยมเกินขนาด
เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 คันนี้เป็นคนละโฉมกับที่จำหน่ายในบ้านเราและประเทศอื่น ๆ ออกแบบโดยนำแรงบันดาลใจมาจากเชฟโรเลต ซิลเวอร์ลาโด (Chevrolet Silverlado) โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำและไฟหน้าดวงเล็กรมดำเข้มขรึม เส้นฝากระโปรงเรียบหรู ซุ้มล้อเป็นทรงเหลี่ยมมุมมนดูแกร่งแต่ไม่ทิ้งความนุ่มนวล ลงตัวกับล้ออัลลอยลายสวยขนาด 17 นิ้ว ด้านหลังใช้เส้นสายเรียบง่ายตัดกับรายละเอียดเหลี่ยมมุมของกันชนซึ่งเจาะช่องไว้สำหรับก้าวขึ้นเก็บของท้ายกระบะได้อย่างง่ายดาย
ภายในเน้นความเรียบง่าย แต่มีอุปกรณ์ให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน หน้าจอแสดงผลตรงกลางรถขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบ MyLink, Onstar สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและระบบนำทาง ช่องเก็บของคอนโซลกลางขนาดใหญ่สำหรับเก็บสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต พื้นที่โดยสารภายในเองก็มีขนาดใหญ่ เบาะนั่งลวดลายสวยพร้อมช่องเก็บของใต้เบาะ สะดวกในการใช้งาน
เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 ของชาวสหรัฐฯ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2,500 ซีซี กำลัง 193 แรงม้า แรงบิด 235 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3,600 ซีซี กำลัง 302 แรงม้า และแรงบิด 366 นิวตันเมตร ตัวเครื่องและกระบอกสูบทำจากอะลูมิเนียม จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งสามารถปรับอัตราทดให้เหมาะสมสำหรับงานลากจูงได้ นอกจากนี้ เชฟโรเลตยังเตรียมติดตั้งเครื่องยนต์ Duramax ขนาด 2,800 ซีซี ให้กับกระบะรุ่นดังกล่าวในอนาคตด้วย
ระบบความปลอดภัยในการขับขี่ก็จัดมาให้เต็ม ๆ ทั้งถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ดิสก์เบรก 4 ล้อ กล้องมองหลัง ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้า ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง ระบบช่วยขับขึ้นและลงเนิน ระบบรักษาสมดุลของรถ StabiliTrak รวมทั้งมีระบบอำนวยความสะดวกด้านการลากจูงทั้งตัวล็อกรถจูง EZ-Lift ที่แข็งแรงแต่ปลดง่ายด้วยมือข้างเดียว ทำงานร่วมกับตัวควบคุมการแกว่งของเทรลเลอร์ เสริมความปลอดภัยในการขับขี่เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม โฉมนี้จะเป็นรุ่นที่จำหน่ายเพียงแต่ในสหรัฐฯ และแคนาดาเท่านั้น เพราะโคโรลาโดในบ้านเราเพิ่งเผยโฉมใหม่และเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่อาจถูกใช้เป็นดีไซน์ในรุ่นปรับโฉมหรือรุ่นใหม่ที่จะจำหน่ายในอนาคตก็เป็นได้ครับ
ป้ายกำกับ:
เชฟโรเลต โคโลราโด 2015
Toyota และ Lexus เตรียมใช้วัสดุอะลูมิเนียมในปี 2015
Posted by Contemporary industry
Posted on 19:53
Toyota และ Lexus เตรียมใช้วัสดุอะลูมิเนียมในปี 2015
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog
Toyota และ Lexus เตรียมใช้ส่วนประกอบทำจากอะลูมิเนียมเป็นครั้งแรกกับรุ่นยอดฮิต คาดเผยโฉมในปี 2015
วัสดุอะลูมิเนียมถือเป็นมิติใหม่ในการพัฒนารถยนต์ ทั้งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา จึงช่วยทั้งความปลอดภัยและการประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ค่ายรถยนต์ทั้งหลายจึงหันมาใช้วัสดุดังกล่าวกันมากขึ้น ซึ่งล่าสุด เป็นคราวของโตโยต้า (Toyota) ที่เตรียมนำอะลูมิเนียมมาเป็นส่วนประกอบของรถยนต์รุ่นใหม่ในอีกไม่กี่ปีนี้
โตโยต้าเตรียมใช้วัสดุอะลูมิเนียมกับรถยนต์ในเครือของตน เริ่มต้นด้วยครอสโอเวอร์หรู เล็กซัส อาร์เอ็กซ์ (Lexus RX) รุ่นปี 2016 ตามด้วยโตโยต้า แคมรี่ (Toyota Camry) รุ่นปี 2018
เดิมทีแล้ว โตโยต้าเองก็เคยสร้างรถยนต์ที่ทำจากอะลูมิเนียมอยู่หลายรุ่นทั้ง โตโยต้า พรีอุส (Toyota Prius) และโตโยต้า 86 (Toyota 86) ที่ผลิตตามสเปคญี่ปุ่น แต่คราวนี้จะเป็นครั้งแรกที่โตโยต้าจะนำวัสดุอะลูมิเนียมมาใช้ในรถยนต์ที่จำหน่ายในต่างประเทศและเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามโตโยต้าจะเลือกใช้อะลูมิเนียมในบางชิ้นส่วนเท่านั้น ซึ่งช่วยให้รถได้น้ำหนักเบาพอประมาณ และสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก ส่วนวัสดุอะลูมิเนียมของโตโยต้าจะผลิตโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างโตโยต้า ซูโช กับโกเบ สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ โดยตั้งเป้าผลิตให้ได้ถึง 100,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการของรถยนต์ยอดนิยมทั้ง 2 รุ่น อย่างเพียงพอ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog
Toyota และ Lexus เตรียมใช้ส่วนประกอบทำจากอะลูมิเนียมเป็นครั้งแรกกับรุ่นยอดฮิต คาดเผยโฉมในปี 2015
วัสดุอะลูมิเนียมถือเป็นมิติใหม่ในการพัฒนารถยนต์ ทั้งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา จึงช่วยทั้งความปลอดภัยและการประหยัดน้ำมันไปพร้อมกัน ค่ายรถยนต์ทั้งหลายจึงหันมาใช้วัสดุดังกล่าวกันมากขึ้น ซึ่งล่าสุด เป็นคราวของโตโยต้า (Toyota) ที่เตรียมนำอะลูมิเนียมมาเป็นส่วนประกอบของรถยนต์รุ่นใหม่ในอีกไม่กี่ปีนี้
โตโยต้าเตรียมใช้วัสดุอะลูมิเนียมกับรถยนต์ในเครือของตน เริ่มต้นด้วยครอสโอเวอร์หรู เล็กซัส อาร์เอ็กซ์ (Lexus RX) รุ่นปี 2016 ตามด้วยโตโยต้า แคมรี่ (Toyota Camry) รุ่นปี 2018
เดิมทีแล้ว โตโยต้าเองก็เคยสร้างรถยนต์ที่ทำจากอะลูมิเนียมอยู่หลายรุ่นทั้ง โตโยต้า พรีอุส (Toyota Prius) และโตโยต้า 86 (Toyota 86) ที่ผลิตตามสเปคญี่ปุ่น แต่คราวนี้จะเป็นครั้งแรกที่โตโยต้าจะนำวัสดุอะลูมิเนียมมาใช้ในรถยนต์ที่จำหน่ายในต่างประเทศและเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามโตโยต้าจะเลือกใช้อะลูมิเนียมในบางชิ้นส่วนเท่านั้น ซึ่งช่วยให้รถได้น้ำหนักเบาพอประมาณ และสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก ส่วนวัสดุอะลูมิเนียมของโตโยต้าจะผลิตโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างโตโยต้า ซูโช กับโกเบ สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ โดยตั้งเป้าผลิตให้ได้ถึง 100,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการของรถยนต์ยอดนิยมทั้ง 2 รุ่น อย่างเพียงพอ
ป้ายกำกับ:
Toyota และ Lexus
การผลิตรถยนต์สปอร์ต lamborghini aventador ที่โรงงานประกอบรถยนต์ของlamborghini โดยตรงที่สามารถผลิตได้ตามสั่ง
Posted by Contemporary industry
Posted on 10:10
ถ้าพูดถึงรถประเภทSuper Car แบบแรงๆขนาดของเครื่องV12 และที่มีกำลังม้าสูงแล้ว ก็จะหนีไม่พ้นที่จะนึกถึงชื่อของlamborghini ตัวแรง ซึ่งก็จะเป็นรถยนต์สปอร์ตคันงามและหรูหราสุดไฮเทคที่อยู่ในฝันของใครหลายๆคนเลยก็ว่าได้ และต่อไปนี้ก็จะได้เห็นกันจากคลิปนี้เลยว่า ความลับในการผลิตและประกอบรถสปอร์ต lamborghini aventador ของทางบริษัทlamborghini เขามีขั้นตอนการสร้างกันแบบไหนถึงได้มีราคาแพงตั้งหลาย10ล้าน และกว่าจะได้ออกมาวิ่งบนถนนได้แต่ละคันนั้น มันจะยากเย็นแค่ไหนต้องมาดูกัน
ป้ายกำกับ:
กระบวนการผลิต,
ประกอบรถยนต์,
ผลิตรถยนต์,
โรงงานผลิตรถยนต์,
lamborghini
หมวดหมู่ยานยนต์
- 014 Chevrolet Silverado HD (1)
- 10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม (1)
- 2014 Volvo S80 (1)
- 2015 Lincoln MKC crossover (1)
- 2015 Volvo S60 T6 (1)
- 2015 Volvo V40 (1)
- 2016 Chevrolet (1)
- 2016Chevrolet Colorado (1)
- 2016 Toyota Fortuner (1)
- 2018 Mazda CX-5 (1)
- 2018 Toyota Rush (2)
- 2 Stroke Engine (1)
- 5 ประตู (6)
- กระบวนการผลิต (19)
- กระบอกสูบ (1)
- กราฟกำลัง (1)
- กราฟแรงบิด (1)
- ก้านสูบ (1)
- การขับรถอย่างปลอดภัย (1)
- การใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก (1)
- การดูแลรักษารถด้วยตนเอง (2)
- การเติมลม (1)
- การเติมลม กับ ล้อแม็กซ์ (1)
- การถ่วงล้อ (1)
- การบำรุงรักษา (4)
- การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวันรถยนต์คู่ใจ ควรทำอย่างไร (1)
- การปลี่ยนขนาด ยางรถยนต์ (1)
- การเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์ (1)
- การเผาไหม้ (11)
- การเผ่าไหม้ (1)
- การวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ (1)
- การหยุดรถ และการจอดรถ (1)
- การออกแบบ (10)
- แก๊สโซลีน (3)
- ข้อควรปฏิบัติทั่วไป ในการใช้รถยนต์ (1)
- ข้อควรปฏิบัติ เมื่อการขับขี่ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ (1)
- ขับเคลื่อน (13)
- ขับอย่างไรเพื่อยืดอายุยาง (1)
- ข่าวยานยนต์ (4)
- ควรจะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ (1)
- คว้านเสื้อสูบ (2)
- ความรู้ (3)
- คอมมอนเรล (1)
- คอยล์จุดระเบิด (8)
- คำศัพท์น่ารู้ (1)
- เครื่องมือ (1)
- เครื่องยนต์ (64)
- เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์คอมมอนเรล (1)
- เครื่องยนต์ดีเซล (3)
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (1)
- เครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ (1)
- เครื่องยนต์เบนซิน (1)
- เครื่องยนต์แบบโรตารี่ (1)
- เครื่องยนต์ร้อนแล้วดับ สตาร์ทติดยาก เกิดจากสาเหตุใด และแก้ไขอย่างไร (1)
- เครื่องยนต์เล็ก (2)
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากตอนอากาศชื้นเกิดจากอะไร ? (1)
- เครื่องยนต์สันดาปภายใน (3)
- เครื่องยนต์หัวฉีด (1)
- เครื่องยนต์ EFI (2)
- เครื่องยนต์V8 (1)
- เคล็ดลับ (2)
- จอดรถให้ปลอดภัย (1)
- จักรยานยนต์ (1)
- จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ EFI (1)
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (1)
- ชื่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภาษาไทย และอังกฤษพร้อมรูป คลิปวีดีโอ (1)
- เชฟโรเลต (1)
- เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (1)
- โช๊คอัพ (5)
- ซ่อม (21)
- ซ่อมเครื่องยนต์ (7)
- ซ่อมบำรุง (6)
- ซุปเปอร์คาร์ (3)
- ซูซุูกิ (2)
- ซูซูกิ ไฮบริด (1)
- โซลินอย (1)
- ดัดแปลง (3)
- ไดชาร์จ (2)
- ไดร์สตาร์ท (10)
- ไดสตาร์ท (12)
- ตรวจสอบเครื่องยนต์ (1)
- ตลับลูกปืน (2)
- ตัวอักษรบนยาง บอกอะไร? (1)
- ตีปลอก (1)
- โตโยต้า (21)
- โตโยต้า 2015 (1)
- ถุงลมนิรภัย (1)
- ที่นั่งเด็ก (5)
- เทคนิคการขับรถป้องกันเชิงอุบัติเหตุ (1)
- เทคนิคการใช้รถและการดูแลรถอย่างง่ายๆ (1)
- เทคโนโลยียานยนต์ (53)
- เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (8)
- เทอร์โบ (1)
- เทอร์โบแปรผัน (7)
- น้ำมันเชื้อเพลิง (14)
- น้ำมันดีเซล (6)
- น้ำมันเบนซิน (4)
- นิตยสาร (3)
- นิสสัน (11)
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (1)
- บีเอ็มดับเบิ้ลยู (1)
- เบรค (22)
- เบาะรถยนต์ (5)
- เบาะสำหรับเด็ก (5)
- แบตเตอรี่ (3)
- แบรนด์รถยนต์ (1)
- แบริ่ง (1)
- ไบโอดีเซล (2)
- ประกอบเครื่องยนต์ (5)
- ประกอบรถยนต์ (13)
- ประดับยนต์ (5)
- ประเภทรถยนต์ (1)
- ปอร์เช่ (2)
- ปัญหารถยนต์ (1)
- ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ 2015 (1)
- ปิกอัพ (4)
- ปี2017 (3)
- เปลี่ยนอะไหล่ (3)
- ผลิตรถยนต์ (16)
- แผนภาพจังหวะการเปิดของลิ้น (Valve Timing Diagram) เครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ (1)
- แผนภาพต้นกำลังงานของรถยนต์ (1)
- ฝาสูบ (4)
- พจนานุกรมศัพท์ยานยนต์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ (1)
- พูเล่ (1)
- เพลาข้อเหวี่ยง (1)
- เพลาท้าย (2)
- ฟอร์ด (1)
- ฟิล์มกรองแสง ติดดี หรือ ไม่ติดดี มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ทีคำตอบ (1)
- เฟอรารี่ (3)
- เฟืองท้าย (14)
- ไฟฉุกเฉิน ไม่จำเป็นและไร้สาระ (1)
- ไฟฟ้ารถยนต์ (24)
- ภาพโครงสร้างเครื่องยนต์ EFI (1)
- ภาพรวมรถยนต์ (9)
- มาสด้า (3)
- มิตซูบิชิ (6)
- มินิ (2)
- โมเดลรถยนต์ (3)
- ยนตกรรม (1)
- ยานยนต์ อุตสาหกรรม (26)
- ยาริส (15)
- รถกระบะ (9)
- รถกระบะ Revo (1)
- รถเก๋ง (51)
- รถแข่ง (2)
- รถจิ๊บ (1)
- รถเบนซ์ (19)
- รถยก (27)
- รถยก อุตสาหกรรม (26)
- รถยก อุตสาหกรรมม (1)
- รถยนต์ (3)
- รถยนต์ไฟฟ้า (4)
- รถรุ่นเก่า (1)
- รถศูนย์ (16)
- รถสปอร์ต (10)
- รถหรู (1)
- รถใหม่ (41)
- ระบบขับอัตโนมัติ (1)
- ระบบความร้อน (2)
- ระบบจุดระเบิด (10)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel Injection System) (1)
- ระบบช่วงล่าง (27)
- ระบบเบรค (22)
- ระบบไฟฟ้า (14)
- ระบบรองรับ (5)
- ระบบระบายความร้อน (6)
- ระบบลม (3)
- ระบบส่งกำลัง (1)
- ระบบหล่อเย็น (2)
- ระบบหัวฉีด (1)
- ระบบห้ามล้อ (14)
- ระบบ Hybrid (1)
- ราคารถยนต์ (5)
- รางร่วม (1)
- รีเลย์ (6)
- รีวิว (15)
- รีวิวรถยนต์ (11)
- รู้ไว้ก่อน : การเปลี่ยนขนาดยาง (1)
- เรื่อง น้ำมันเครื่อง (1)
- โรงงานผลิตรถยนต์ (13)
- ล้อตุนกำลัง (1)
- ลักษณะดอก ยางรถยนต์ (1)
- ลากรถอย่างไรเมื่อรถเสีย (1)
- ลำดับการจุดระเบิด (1)
- ลูกปืนกลม (1)
- ลูกสูบ (3)
- วงจรไฟฟ้า (7)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECCS Nissan RB20E (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECI-multi Mitsubishi 4G61 (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด EFI เครื่องยนต์ Toyota 4A-GE (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด Honda B16A VTEC DOHC รุ่นแรก (1)
- วิชาช่างยนต์ (10)
- วี8 (1)
- สเปกรถยนต์ (5)
- สร้างเครื่องยนต์ (1)
- สร้างโมเดลรถยนต์ (1)
- สายพานเครื่องยนต์ (2)
- สีรถ (8)
- เสื้อสูบ (5)
- หนังสือรถยนต์ (7)
- หม้อน้ำ (2)
- หลักการทำงาน (2)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ (1)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (1)
- หัวเทียน (24)
- ห้ามล้อ (14)
- แหวนลูกสูบ (1)
- องค์ประกอบการสันดาปของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- ออกแบบรถยนต์ (22)
- อะไหล่เครื่องยนต์ (3)
- อะไหล่ยนต์ (1)
- อัตราค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (1)
- อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- อาการหัวเทียน (12)
- อินเตอร์คูลเลอร์ (6)
- อีโก้คาร์ (5)
- อุตสาหกรรม รถยก (27)
- อุปกรณ์เสริม (6)
- แอร์เริ่มไม่เย็น และส่งกลิ่นอับเวลาเปิดแอร์ใหม่ ควรทำอย่างไร ? (1)
- ไอดี (3)
- ไอเสีย (6)
- ฮอนด้า (6)
- ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด (2)
- Accessories (5)
- All New toyota yaris 2013 2014 (1)
- Alternator (1)
- alternators (1)
- Ativ (7)
- Audi (2)
- Audi A4 (1)
- Automatic drive (1)
- Ball Bearing (1)
- bearing (1)
- biodiesel (2)
- BMW (4)
- Brake (23)
- Brake system (23)
- BT-50 (1)
- Car Family (1)
- Cars (61)
- CAT (Catalytic Converter) เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (1)
- Check Engine (1)
- Chevrolet (1)
- CHEVROLET COLORADO (2)
- Colorado (1)
- commonrail (1)
- Common Rail (1)
- Common Rail Engine (1)
- Concept Car (1)
- Connecting rod (1)
- Crankshaft (1)
- Cylinder head (1)
- Diesel Engine (3)
- Diesel fuel (6)
- differential (12)
- DIY (8)
- DURAMAX ENGINE (1)
- DURAMAX VIN CHART (1)
- ECCS (1)
- EFI (1)
- EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย (1)
- Electric car (4)
- Electric cars (4)
- Electronic Fuel Injection Engine (1)
- Engine (37)
- Engine Block (1)
- Engine Curve (1)
- Ferrari (3)
- Flywheel (1)
- Ford (4)
- Ford Ranger (2)
- Fuel (14)
- gasoline (3)
- Gasoline engine (1)
- General Motors (2)
- GMC Canyon (1)
- Honda (11)
- Honda Accord (1)
- HONDA ACCORD HYBRID ใหม่ (1)
- Honda CR-V 2015 (1)
- Honda HR-V (1)
- Honda HRV 2015 (1)
- Honda Jazz (1)
- Honda Vezel (1)
- Hydrogen cars (1)
- i-DTEC (1)
- Ignition Coil (8)
- Ignition System (1)
- i-MMD (1)
- Intercooler (6)
- internal combustion engine (3)
- Jeeb (1)
- lamborghini (4)
- Lamborghini Revuelto (2)
- Mazda (4)
- Mercedes Benz (21)
- Mini (2)
- MINI Cooper (2)
- Mitsubishi (9)
- Mustang (1)
- Navara (2)
- NGV (1)
- Nissan (11)
- nissan np300 navara (1)
- NP300 (1)
- NP300 NAVARA Single Cab (1)
- pickup (6)
- pickup truck. (5)
- Piston (3)
- Piston Ring (1)
- Porsche (2)
- Port Timing Diagram ของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- Ranger (1)
- Rear axle (1)
- Relay (6)
- Revuelto (1)
- Rotary Engine (1)
- S60 (1)
- S90 (1)
- SEAT (1)
- Self Diagnosis System (1)
- Shock Absorbers (5)
- SKODA (1)
- SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (1)
- solenoid (4)
- Spark Plugs (20)
- Starter (6)
- Supper Car (4)
- Suspension System (3)
- Suzuki (2)
- TCCS (1)
- Tesla Model X (1)
- TOYOTA (29)
- Toyota และ Lexus (1)
- Toyota Hilux Revo (1)
- Triton (1)
- V60 (1)
- Ⅴ8 (1)
- Variable Nozzle Turbo (2)
- VGT (5)
- Volkswagen (1)
- Volvo (4)
- Volvo purchased the Polestar brand (1)
- Volvo S90 (1)
- Wankel Engine (1)
- XC90 (1)
- Yaris (15)