Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าขึ้นไลน์ผลิตรถอีโคคาร์เฟส2 รายแรก ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ปั้นไทยเป็นฐานผลิตรถประหยัดพลังงานป้อนตลาดโลก

Ø    มาสด้าประกาศเปิดสายการผลิตมาสด้า อีโคคาร์ เป็นรายแรก ภายใต้โครงการอีโคคาร์ เฟส 2  
Ø    มาสด้า อีโคคาร์ ใช้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟเต็มคัน พร้อมเครื่องยนต์คลีนดีเซล
Ø    มาสด้า2 เริ่มผลิตที่โรงงานเอเอที จ.ระยอง เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกทั่วโลก
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 6 พฤศจิกายน 2557, มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์มาสด้า ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซล พร้อมทั้งเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่ โดยสามารถเริ่มสายการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2558ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน พร้อมส่งออกรถยนต์คุณภาพเยี่ยมจากฝีมือคนไทยไปยังตลาดโลก
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์ในโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2หรือโครงการอีโคคาร์  เฟส 2 เป็นรายแรก โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ผู้แทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เป็นประธานพิธีเปิดงานฯ อย่างเป็นทางการ ร่วมด้วย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มร. ซิเกะคะสุ ซะโต รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย, มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์นั่งมาสด้า2 อย่างเป็นทางการ ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวว่า  “รัฐบาลทุกสมัยได้มีการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ชัดเจน และต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการพัฒนาสอดคล้องับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่มุ่งพัฒนาไปสู่ “Sustainable Mobility” โดยอาศัยกลไกของโครงสร้างภาษีและการส่งเสริมการลงทุน เริ่มต้นจากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยเปลี่ยนหลักเกณฑ์การให้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีสรรพสามิต จากรถยนต์ที่มีขนาด ซี.ซี.ต่ำ แรงม้าน้อยมาเป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ สะอาด ประหยัด ปลอดภัย แล้วต่อมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้เปิดให้มี
การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ 5 รายเดิมในการขยายกำลังการผลิตอีโคคาร์ รวมทั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกรายในการผลิตอีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก ทั้งในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่  นโยบายส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ ระยะที่ 2 มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมถึง 10 ราย (ซึ่งรวมถึง บริษัท มาสด้าฯ ด้วย) นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมทั้ง เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลกที่ครบวงจร”
รถยนต์ “Mazda2”เป็นอีโคคาร์ที่มีลักษณะเด่น 2 ประการ คือ 1) เป็นรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกที่จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งพบว่า เครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Diesel)มีแนวโน้มจะเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์เบนซินมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ 2) เป็นรถยนต์นั่งคันแรกที่มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) โดยมีระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อก (ABS) ซึ่งได้ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UN Reg.13H
“Mazda2”  เป็นอีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก และรถยนต์นั่งแบบ B ในทุกด้าน ทั้งในด้านการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า (มีอัตราการใช้พลังงาน 4.3 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 23 กิโลเมตรต่อลิตร) ด้านการปล่อยมลพิษที่น้อยลง(มาตรฐานมลพิษระดับ ยูโร 5 โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กรัมต่อกิโลเมตร) และด้านความปลอดภัยระดับสากลที่สูงกว่า โดยเป็นมาตรฐานความปลอดภัยในระดับเดียวกับที่บังคับใช้ในสหภาพยุโรป ได้แก่ คุณสมบัติการป้องกันอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและการชนด้านข้าง รวมทั้ง คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) ดังที่กล่าวมาแล้ว สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า รถยนต์ “Mazda2” เป็นรถยนต์คุณภาพสูงที่สามารถรองรับความต้องการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลของผู้บริโภคในสังคมยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน
มร. ยูจิ นากามิเน่ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ผมและทีมงานมาสด้าทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในวันนี้ ที่รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการและเป็นรายแรกของโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ Eco Car ระยะที่ 2 ด้วยการผ่านข้อกำหนดอันเข้มงวดที่สุดในโลก รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ (BOI) กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ที่ได้ให้วิสัยทัศน์และมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี การได้รับอนุมัติโครงการในครั้งนี้จะช่วยให้มาสด้าสามารถนำเสนอรถยนต์นั่งขนาดกะทัดรัดที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ มากมายแก่ลูกค้าชาวไทยในอัตราภาษีที่ดีขึ้นได้ การผลิตรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ในประเทศไทยจะช่วยยกระดับมาตรฐานทางเทคนิคของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ภายในประเทศ นอกจากนี้ เนื่องจากรถมาสด้า2 นั้นเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ดังนั้นการผลิตรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกนี้จึงจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างมีนัยสำคัญ”
รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ รุ่นนี้เพิ่งทำการเปิดตัวแนะนำในประเทศญี่ปุ่น สามารถคว้ารางวัล Japan Car of the Year ของประเทศญี่ปุ่น นับเป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นที่ 5 แล้วที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อจาก Mazda CX-5 เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้กำลังจะทำการเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ช่วงปลายเดือนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า มาสด้ามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ารถยนต์รุ่นนี้จะสามารถเอาชนะใจลูกค้าชาวไทยและทำให้ลูกค้าหันมาเห็นคุณค่าของความสนุกสนานในการขับขี่ได้อีกครั้ง”
มร. ยูจิ นากามิเน่ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “มาสด้ามีความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นของมาสด้าที่มีต่อประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยเฉพาะในเดือนมกราคมปีหน้า มาสด้าจะเริ่มสายการผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติที่โรงงานผลิตเกียร์อันทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า โดยจะผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติให้กับทั้งเอเอทีและโรงงานอื่นๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์นั่งที่โรงงานเอเอทีจาก 50,000 คันต่อปี เป็น 120,000 คันต่อปี นอกจากนี้มาสด้ากำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้จะเริ่มสายการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2558 นอกจากนี้มาสด้ายังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานในสไตล์ของมาสด้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตของลูกค้าชาวไทย ด้วยการเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างสายสัมพันธ์พิเศษให้กับลูกค้า และไม่มีรถยนต์แบรนด์อื่นใดเข้ามาทดแทนได้”

ข้อมูลเพิ่มเติม
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
สำนักงานใหญ่มาสด้าตั้งอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา บนที่ราบลุ่มแม่น้ำโอตะอันเงียบสงบ ท่ามกลางภูมิประเทศอันสวยงามระหว่างทิวเขาและท้องทะเลสีคราม เป็นศูนย์รวมของการบริหารรูปแบบใหม่ และยังเป็นที่ตั้งของการออกแบบ การทดสอบรวมถึงการผลิตและประกอบรถยนต์ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีกำลังการผลิตสูงถึง 1,400,00 คันต่อปี ส่งออกไปทั่วโลกมาสด้าเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ด้วยเกียรติภูมิของตัวเองเป็นระยะเวลายาวนานถึง 92 ปี ทั้งในด้านการออกแบบที่ยอดเยี่ยม การนำเสนอรถยนต์ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้าล้วนรับรู้ถึงภาพลักษณ์ความเป็นยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตอย่างแท้จริง และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ เป็นยานยนต์ที่ขับสนุก นอกจากนี้มาสด้ายังเป็นบริษัทรถยนต์ชั้นแนวหน้าในด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์  ระบบช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องยนต์แบบโรตารี่ ที่ทำให้มาสด้าได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน เลอ มังค์ ในปี 1991 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกและรายเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
ข้อมูลโรงงานผลิตรถยนต์ออโต้อัลลายแอนซ์
บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และ ฟอร์ด มอเตอร์ คมปานี (สหรัฐอเมริกา) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โรงงานแห่งนี้ทำการผลิตรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 100 ตลาดทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกากลาง อเมริกาใต้ อัฟริกา และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เป็นต้น โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ประเทศไทย และมีพนักงานกว่า 9,000 คน มีกำลังการผลิตสูงสุดสำหรับรถยนต์สำเร็จรูปหรือ CBU อยู่ที่ 260,000 คันต่อปี รถยนต์ที่ผลิตจากออโต้อัลลายแอนซ์ในปัจจุบัน ประกอบด้วย มาสด้า บีที-50 โปร มาสด้า2 มาสด้า3 ฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอร์เรสต์
รายละเอียดข้อมูลมาตรฐานโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน
รายละเอียด
โครงการอีโคคาร์ เฟส 1
โครงการอีโคคาร์ เฟส 2
1. ผลิตภัณฑ์
อัตราการประหยัดพลังงาน


มาตรฐานด้านความปลอดภัย











มาตรฐานมลพิษ


ขนาดของเครื่องยนต์

-          ไม่เกินกว่า 5 ลิตร/100 กิโลเมตร (20 กม./ลิตร)

-          คุณสมบัติป้องกันผู้โดยสารจากการชน  ด้านหน้ารถ UNECE R94 และด้านข้าง UNECE R95, Rev.1 หรือระดับสูงกว่า
-          คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิง ป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุเหตุ (Active Safety)






-          มาตรฐาน EURO4, CO2 ไม่เกินกว่า 120g/km

-          เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุไม่เกิน 1.3 ลิตร
-          เครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุไม่เกิน 1.4 ลิตร

-          ไม่เกินกว่า 4.3 ลิตร ต่อ/ 100 กิโลเมตร (23.25 กม./ลิตร)

-          คุณสมบัติป้องกันผู้โดยสารจากการชนด้านหน้ารถ UNECE R94 และด้านข้าง UNECE R95, Rev.1 หรือระดับสูงกว่า
-          คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิง ป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ  (Active Safety) ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE R13H Rev.2 หรือระดับสูงกว่า โดยอย่างน้อยต้องมีระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อก ABS ซึ่งติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเลคทรอนิกส์ ESC

-          มาตรฐาน EURO5, CO2 ไม่เกินกว่า 100g/km

-          เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุไม่เกิน 1.3 ลิตร
-          เครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุไม่เกิน 1.5 ลิตร
2. กำลังการผลิต
-          ไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปีตั้งแต่ปีที่ 5 ถึงปีที่ 8
-          ไม่น้อยกว่า 100,00 คันต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปและต้องดำเนินการผลิตภายในปี พ..2562
3. จำนวนเงินลงทุน
-          ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
-          ต้องมีขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์ อย่างน้อย 4 ใน 5 ได้แก่ (Cylinder Head, Cylinder Block, Crankshaft, Camshaft และ Connecting Rod โดยมีขั้นตอน Machining ของ Cylinder Head Cylinder Block, Crankshaft เป็นอย่างน้อย)
-          ไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท
-          และสามารถลงทุนเพิ่มได้ในส่วนการสนับสนุนทางด้าน STI หรือการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศมูลค่า 500 หรือ 800 ล้านบาท
-          ต้องมีขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์ อย่างน้อย 4 ใน 5 ได้แก่ (Cylinder Head, Cylinder Block, Crankshaft, Camshaft และ Connecting Rod โดยมีขั้นตอน Machining ของ Cylinder Head Cylinder Block, Crankshaft เป็นอย่างน้อย)
4. สิทธิพิเศษ
-          ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคล 8 ปี
-          ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเครื่องจักร
-          สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุ 90%
-          ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคล 6-8  ปี (ในปีที่ 7 และ 8 จะได้รับสิทธิเมื่อลงทุนทางด้าน STI มูลค่า 500 และ 800 ล้านบาท ตามลำดับ)
-          ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเครื่องจักร
-          สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุ 90%

เมนทาแกรมเปิดตัว GoPro 4 กล้องสปอร์ตแอคชั่นทรงพลัง 3 แบบ 3 สไตล์ ปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณ

กรุงเทพฯ 4 พฤศจิกายน 2557: บริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องโกโปรแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเปิดตัวกล้องโกโปรรุ่นใหม่ล่าสุด GoPro 4 กล้องสปอร์ตแอคชั่นทรงพลังให้คุณได้เลือกเพื่อปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์และความเป็นฮีโร่ในตัวคุณ ได้แก่ HERO4 Black และ HERO4 Silver ด้วยเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพระดับรางวัลเอ็มมี่ ผนวกกับความง่ายในการใช้งานและฟีเจอร์ใหม่ทรงพลัง เช่น การถ่ายวิดีโอ 4K30, 2.7K50, และ 1080p120 (Black) พร้อมหน้าจอสัมผัส (Silver) เพื่อให้ผู้บริโภคบันทึกและแบ่งปันเรื่องราวจากประสบการณ์โปรดทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
ด้วยคุณภาพระดับมืออาชีพ
นอกจากนี้ ยังเปิดตัว HEROกล้องโกโปรราคาเบาๆ สำหรับผู้เริ่มต้นหัดใช้กล้องโกโปร
HERO4 Black มอบประสิทธิภาพทรงพลังกว่าเดิมถึง 2 เท่า โดยสามารถบันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K ได้อย่างคมชัดสวยงาม
ดั่งภาพยนตร์ในอัตรา
30 เฟรมต่อวินาที (fps) ถ่ายวิดีโอ 2.7K ที่ 50fps และ 1080p ที่ 120fps โดยสามารถลดข้อด้อยจากกระบวนการบันทึกภาพแบบ rolling shutter พร้อมเพิ่มฟีเจอร์การถ่าย slow motion นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบระบบเสียงใหม่ที่ให้บันทึกเสียงคุณภาพสูงด้วย dynamic range มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า นอกจากนี้ ยังปรับปรุงคุณภาพของภาพ ความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ติดแท็กช่วงเวลาโปรดบนวิดีโอ และปรับปรุง user interface เพื่อความง่ายในการใช้งานและเข้าถึงฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการควบคุมต่างๆ HERO4 Black จึงเป็นกล้องโกโปรที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน
HERO4 Silver มอบภาพถ่ายคุณภาพเดียวกับ HERO4 Black ยกเว้นความสามารถในการถ่ายวิดีโอบางอย่าง เช่น การถ่ายวิดีโอ 4K30, 2.7K50 และ 1080p120 ซึ่งมีเฉพาะใน Black เท่านั้น กล้อง HERO4 Silverมีหน้าจอสัมผัส LCD ติดกับตัวกล้อง เพิ่มความสะดวกและความง่ายในการใช้งาน
“กล้อง GoPro 4 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการบันทึกภาพขณะทำกิจกรรมโปรดอย่างสร้างสรรค์ ความพยายามด้านการออกแบบและวิศวกรรมทำให้กล้อง GoPro4 เป็นกล้องที่ทรงพลังที่สุดของโกโปรในปัจจุบัน นายณัฐพล ปัทมพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมนทาแกรม จำกัด
HERO4 Blackประสิทธิภาพเหนือกว่า 2 เท่า
·        กล้อง GoPro HERO4 Black สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลเอมมี่ มอบความทรงพลังในการสร้างสรรค์ภาพถ่าย ใช้งานได้หลากหลายด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
·        ถ่ายวิดีโอความคมชัดสูงระดับ 4K ที่ 30fps พร้อมความสามารถในการดึงภาพ 8.3 เมกะพิกเซล มาทำเป็นภาพนิ่ง
·        อัตราความเร็วของภาพสูงขึ้น โดยถ่ายวิดีโอ 2.7K ที่อัตรา 50fps และ 1080p ที่120fps
·        ภาพถ่ายขนาด 12 เมกะพิกเซล ที่มอบคุณภาพระดับปกนิตยสาร ในอัตรา 30 ภาพต่อวินาที (burst speed)
·        User interface ได้รับการปรับปรุงเพื่อการใช้งานและเข้าถึงฟังก์ชั่นการควบคุมกล้องได้ง่ายขึ้น
·        เชี่อมต่อ Wi-Fi เร็วขึ้น 50% พร้อม Bluetooth นอกจากนี้แอพ GoPro ยังได้รับการพัฒนามากขึ้น
จัดการพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
·        จำหน่ายในราคา 18,500 บาท
“ปัญหาอีกอย่างคือการจะเลือกว่าจะถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่ง แต่ปัญหานี้จะหมดไปเพราะแต่ละเฟรมของวิดีโอระดับ 4K30
จะมีคุณภาพ
ใกล้เคียงกับภาพนิ่ง 8.3 เมกะพิกเซล นั่นหมายความว่า ขณะที่คุณถ่ายวิดีโอ 4K30 คุณก็จะได้ภาพนิ่งคุณภาพใกล้เคียงกับขนาด 8.3 เมกะพิกเซลไปด้วยในอัตรา 30 ภาพต่อวินาที” นายณัฐพลกล่าวเสริม
HERO4 Silverคุณภาพระดับมืออาชีพ สะดวกด้วยหน้าจอสัมผัส
HERO4 Silver สร้างปรากฏการณ์ความสะดวกและการใช้งานง่ายด้วยการเป็นกล้องโกโปรตัวแรกที่มีหน้าจอสัมผัสติดตั้งมาด้วย
·        หน้าจอ LCD ระบบสัมผัสติดตั้งมาด้วย ให้คุณควบคุมกล้องได้ง่ายขึ้น ถ่ายภาพและเล่นวิดีโอได้สะดวกขึ้น
·        ถ่ายภาพวิดีโอระดับมืออาชีพทั้งแบบ 2.7K30, 1080p60 และ 720p120
·        ถ่ายภาพขนาด 12 เมกะพิกเซลในอัตรา 30 ภาพต่อวินาที (burst shot)
·        เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้เร็วกว่าเดิม 50% พร้อม Bluetooth และแอพโกโปรที่ได้รับการปรับปรุง และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น
·        จำหน่ายในราคา 14,800 บาท
HERO กล้องน้องเล็ก จิ๋วแต่แจ๋ว สำหรับผู้เริ่มเล่นโกโปร
โกโปรภูมิใจนำเสนอ HERO กล้องโกโปรสำหรับผู้เริ่มเล่น ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายพร้อมกล่องกันน้ำ (housing) สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพสูง 1080p ที่อัตรา 30 ภาพต่อวินาที และวิดีโอ 720p อัตราความเร็ว 60 ภาพต่อวินาที โดยสามารถเก็บภาพ
อันน่าตื่นตะลึงแบบเดียวกับหลายๆ ภาพถ่ายและวิดีโอที่ทำให้โกโปรเป็นกล้องที่ขายดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก บรรจุในกล่องเรียบง่าย ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง
4,999 บาท



ฟีเจอร์ใหม่ๆ เฉพาะ HERO4 Black และ Silver ช่วยขยายศักยภาพของ GoPro
·        ProtuneTM สำหรับภาพนิ่งและวิดีโอ
สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมการทำงานของโกโปรด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มความหลากหลายและขยายศักยภาพ เราเพิ่มความสามารถให้ Protune เพื่อให้คุณควบคุมสี ความคมชัด ISO และการเปิดรับแสงทั้งภาพนิ่งและวิดีโอได้ด้วยตัวเอง
·        การตั้งค่าใหม่สำหรับการถ่ายภาพกลางคืน
ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพทางช้างเผือก หรือการแคมป์ไฟ เพียงแค่ใช้ฟังก์ชั่น Night Photo และ Night Lapse ก็จะได้ภาพนิ่งที่สวยงาม พร้อมความสามารถในการปรับแต่งการรับแสงได้สูงสุดถึง 30 วินาที
·        ระบุช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ฟังก์ชั่น HiLight Tag ช่วยให้คุณระบุช่วงเวลาสำคัญบนวิดีโอด้วยการกดปุ่ม on-camera ขณะที่กำลังบันทึก เพิ่มความสะดวกโดยช่วยค้นหา เล่นวิดีโอ และแบ่งปัน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดผ่าน GoPro Studio หรือแอพ GoPro บนมือถือ รวมถึง Smart Remote ได้อีกด้วย
·        QuikCapture มอบความเร็วและความสะดวกในการถ่ายภาพ
QuikCapture ทำให้การเปิดกล้องและบันทึกภาพง่ายขึ้นด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว เริ่มต้นถ่ายวิดีโอง่ายๆ เพียงกดปุ่มครั้งเดียวขณะที่ใช้งานอยู่ หรือกดค้างเพื่อถ่าย Time Lapse
·        บันทึกเสียงได้ดียิ่งขึ้น
ระบบเสียงภายในได้รับการออกแบบใหม่โดยผนวกรวมไมโครโฟนที่ทันสมัยเพื่อเก็บเสียงได้ในคุณภาพสูงด้วย dynamic rangeมากขึ้นสองเท่าจากรุ่นก่อน
อุปกรณ์เสริมใหม่ ช่วยให้คุณบันทึกภาพและแบ่งปันได้สะดวก
·        Smart Remote รีโมตอัจฉริยะที่สามารถสั่งการกล้องโกโปรได้ไกลถึง 183 เมตร โดยสามารถสวมใส่และกันน้ำได้ สามารถทำเครื่องหมายช่วงเวลาสำคัญบนวิดีโอด้วยปุ่มHiLight Tag
·        The Handler มือจับขนาดเล็กลอยน้ำได้ น้ำหนักเบา ทนทาน
·        BacPac แบตเตอรี่สำรองที่มอบพลังให้กับกล้องมากเป็นสองเท่าของแบตเตอรี่ที่อยู่ในตัวกล้อง โดยเป็นหน้าจอ LCD ที่ฝังแบตสำรองไว้ มอบระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้ดีขึ้น และประสิทธิภาพในการ swipe เมื่อใช้คู่กับ HERO4 Black
แอพ GoPro และ GoPro Studio
โกโปรปล่อยอัพเดตให้กับ GoPro Studio ซอฟท์แวร์ตัดต่อสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแอพ GoPro สำหรับมือถือ
GoPro Studio ช่วยให้ง่ายต่อการนำวิดีโอจากกล้องโกโปรไปไว้บนคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างสรรค์วิดีโอคุณภาพสูง ฟีเจอร์ GoPro Edit Template ซึ่งเป็นเทมเพลตของวิดีโอโกโปรยอดนิยม เพียงแค่คลิกเพื่อทดแทนวิดีโอต้นฉบับด้วยวิดีโอของคุณ วิดีโอของคุณก็จะผ่านการตัดต่อในสไตล์เดียวกับที่วิดีโอที่ทำให้ GoPro มีชื่อเสียง GoPro Studio รองรับฟีเจอร์ HiLight Tag ระบุช่วงเวลาที่ดีที่สุดบนวิดีโอ ช่วยให้ตัดต่อได้ง่ายและเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมี Flux เครื่องมือในการสร้างภาพ slow motion และเร่งเวลา ทำให้สร้างเอ็ฟเฟ็ค time-shifting รวมทั้งสามารถกำหนดคลิปโปรดเพื่อแบ่งปันบนอินเตอร์เน็ตได้
ส่วนแอพ GoPro บนสมาร์ทโฟน ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเข้าถึงช่อง GoPro Channel และเนื้อหาอันน่าตื่นเต้นอื่นๆ ซึ่งทำให้เป็นช่องรายการอันดับหนึ่งบน YouTube เท่านั้น แต่ยังให้คุณควบคุม HERO4 Black และ Silver พร้อมให้เปลี่ยนไปยังโหมดอื่นหรือการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แอพ GoPro รุ่นปรับปรุงใหม่ รองรับ HERO4 รองรับ HiLight Tagging ขณะบันทึกภาพ พร้อมค้นหา tag ระหว่างการฉายซ้ำ พร้อมมี shot preview เล่นวิดีโอ รวมถึงการแบ่งปันภาพและวิดีโอผ่านอีเมล์ ข้อความ Facebook Twitter และอีกมาก
เลือกเป็นเจ้าของกล้องโกโปรเพื่อปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์และความเป็นฮีโร่ในแบบของคุณได้แล้วที่ร้านตัวแทนจำหน่าย เช่น ร้านจำหน่ายกล้อง อุปกรณ์ไอที และกีฬาชั้นนำ ตรวจสอบได้ที่ http://gopro.mentagram.com/2013/gopro.com/dealer.php

สมาคมรถโบราณฯ จับมือ โรงแรมเชอราตัน หัวหิน จัด “หัวหิน วินเทจคาร์ พาเหรด ครั้งที่ 12” “ชื่นชะอำ ฉ่ำหัวหิน ความทรงจำไม่สิ้นสุด”


สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ โรงแรม เชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา เทศบาลเมืองชะอํา เทศบาลเมืองหัวหิน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัด หัวหิน วินเทจคาร์ พาเหรด ครั้งที่ 12” ภายใต้แนวคิด ชื่นชะอำ ฉ่ำหัวหิน ความทรงจำไม่สิ้นสุดใน วันที่ 12-14 ธันวาคมนี้
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กิจกรรม หัวหิน วินเทจคาร์ พาเหรด ครั้งนี้เป็นการฉลองครบรอบ 12 ปีของการจัดคาราวานรถโบราณเยือนเมืองหัวหิน เพื่อให้ประชาชนได้ชม และหวนรำลึกถึงบรรยากาศในอดีต รวมถึงเป็นการรส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอชะอำ และหัวหิน โดยปีนี้สมาคมฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรใหม่อย่าง โรงแรมในเครือเชอราตัน และได้รับการสนับสนุนจาก เทศบาลเมืองชะอำ เทศบาลเมืองหัวหิน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ชะอำ และ หัวหิน เป็นแหล่งท่องเที่ยว คู่แฝด ยอดนิยม ตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน ได้ต้อนรับผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทั้งที่มารำลึกความทรงจำครั้งเก่า และสร้างความทรงจำครั้งใหม่ ต่อเนื่องไปไม่รู้จบ ดังนั้น งานในปีนี้จึงจัดภายใต้แนวคิด ชื่นชะอำ ฉ่ำหัวหิน ความทรงจำ ไม่สิ้นสุด
คุณสิทธิรัตน์ ห่อทองคำ ผู้จัดการโรงแรม เชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา ผู้ร่วมจัดงาน     หัวหิน วินเทจคาร์ พาเหรด ครั้งที่12” เผยว่า “ทางรีสอร์ท ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติและความไว้ใจจากทางสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ให้ร่วมเป็นหนึ่งในงานวินเทจคาร์ พาเหรดครั้งที่ 12 นี้ ซึ่งงานหัวหินวินเทจคาร์ พาเหรด นี้มีชื่อเสียงมามากกว่าสิบปี และถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ชาวเมือง และนักท่องเที่ยวขาประจำตั้งตารอ ซึ่งทางเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา และเชอราตันหัวหิน ปราณบุรีวิลล่า เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ทางรีสอร์ทมีศักยภาพ และความพร้อม ทั้งในด้านสถานที่ และทีมงานที่เป็นมืออาชีพ รวมถึงการได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้คือส่วนสำคัญ ที่จะช่วยผลักดัน, สร้างสรรค์ และสร้างคุณค่าในเอกลักษณ์ของรถโบราณ ให้เป็นที่สนใจมากขึ้นในวงกว้าง
ทั้งนี้ทั้งนั้น เชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปาพร้อมสร้างสมดุลสู่ความยั่งยืนทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ของประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี  และด้วยศักยภาพของศูนย์ประชุมแห่งใหม่ เดอะ แชนเดอเลียร์ ที่จะมาช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ พร้อมผลักดันให้รถโบราณทุกคัน เปล่งประกายด้วยคุณค่า ในอีกมุมมองที่คุณอาจคาดไม่ถึง กับคอนเซปต์ The old world charm in a new luxury เชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา เปิดประตูต้อนรับทุกท่านครับ
งาน หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 12” จัดขึ้น ณ โรงแรม เชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา ประชาชนทั่วไปสามารถสัมผัสคาราวานรถโบราณที่เต็มไปด้วยความทรงจำไม่สิ้นสุดได้ตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ ชะอำ หัวหิน ระหว่างวันที่ 12 - 14 ธันวาคมนี้

ความรู้เกี่ยวกับมอเตอร์สตาร์ทของรถยนต์


มอเตอร์สตาร์ทของรถยนต์ใช้กระแสไฟตรง (D.C.) ที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำ เป็นตัวเปลี่ยนแปลง พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอรี่ กลายเป็นพลังงานกลซึ่งสามารถฉุดเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้
มอเตอร์สตาร์ทที่นำมาใช้ในรถยนต์มีคุณลักษณะที่สำคัญโดยรวมดังนี้
1. มีแรงบิดมากพอที่จะขับให้เครื่องยนต์หมุนได้
2. ความเร็วรอบและกำลังของมอเตอร์ที่ใช้ต้องมีความสัมพันธ์กับประเภทและขนาด ของเครื่องยนต์ และความจุของแบตเตอรี่
3. มีความสามารถในการเข้าขบกับล้อช่วยแรง (Flywheel) ได้เป็นอย่างดี
4. มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา สะดวกและง่ายต่อการติดตั้ง
โครงสร้างมอเตอร์สตาร์ท (Construction of Starter)
มอเตอร์ ประกอบด้วยทุ่นอาร์เมเจอร์ มีขดลวดพันอยู่รอบๆ ในร่องของแกนเหล็กอ่อนแผ่นบางที่วางซ้อนกัน ปลายของขดลวดเชื่อมต่อกับคอมมิวเตเตอร์ และต่อแบบอนุกรมเข้ากับวงจรของอาร์เมเจอร์
สวิตช์แม่เหล็กของโซลินอยด์ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ตัด และต่อกระแสไฟที่ป้อนให้แก่มอเตอร์ พร้อมทั้งเป็นตัวเลื่อนชุดของคลัทช์และเฟืองขับ เพื่อให้เฟืองขับสามารถขบกับเฟืองของล้อช่วยแรง
แผ่นสะพานไฟ ทำหน้าที่ตัดหรือต่อกระแสไฟที่ป้อนให้แก่มอเตอร์ โดยเคลื่อนที่ไปพร้อมกับแกนของแกนพลันเยอร์
พลันเยอร์ เป็นแกนเหล็กอ่อนที่เชื่อมต่อระหว่างโซลินอยด์กับมอเตอร์ ทำหน้าที่เคลื่อนที่ไปมาเมื่อเกิดอำนาจแม่เหล็กขึ้นรอบๆ จึงสามารถตัดหรือต่อขั้วหลักของวงจร กับขั้วที่ต่อเข้ากับมอเตอร์ได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวเลื่อนชุดคลัทช์และเฟืองขับ มอเตอร์ไปในตัวอีกด้วย
ขดลวดชุดดึง ทำหน้าที่สร้างอำนาจแม่เหล็กขึ้นสำหรับดึงพลันเยอร์ให้เคลื่อนที่ได้
ขดลวดชุดยึด ทำหน้าที่สร้างอำนาจแม่เหล็กขึ้นสำหรับยึดพลันเยอร์ ไม่ให้เคลื่อนที่กลับขณะที่ต่อเข้ากับชุดของสะพานไฟ
สปริงดันกลับ ทำหน้าที่ดันพลันเยอร์กลับตำแหน่งเดิม
คลัทช์มอเตอร์ (Starter Clutch) ทำหน้าที่ต่อหรือตัดกำลังจากมอเตอร์ไปยังล้อช่วย แรงของเครื่องยนต์
การทำงานของคลัทช์มอเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
ถ่ายทอดแรงบิด เมื่อเฟืองขับเลื่อนเข้าไปขบกับเฟืองของล้อช่วยแรงและอาร์เมเจอร์ แล้วจะทำให้ทั้งสองส่วนเริ่มหมุน จะเกิดเป็นความฝืดขึ้น เนื่องจากแรงเสียดทานระหว่างปลอกถังในกับลูกปืน ทำให้ลูกปืนถูกดันให้เข้าไปอยู่ในส่วนที่แคบ เป็นเหตุให้ทั้งปลอกนอกและในถูกขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ป้องกันแรงบิด หลังจากเครื่องยนต์ทำงาน เฟืองขับจะถูกขับโดยเฟืองของล้อช่วยแรง ซึ่งมีความเร็วมากกว่าความเร็วของอาร์เมเจอร์ จึงทำให้ปลอกนอกหยุดอยู่กับที่ จะเหลือเพียงเฟืองปลอกในเท่านั้นที่เคลื่อนที่ ในขณะเดียวกันลูกปืนจะเคลื่อนที่ออกมาสู่ส่วนที่กว้างขึ้น ทำให้ลูกปืนเป็นอิสระและหยุดถ่ายทอดแรงบิด
อาร์เมเจอร์ ประกอบด้วยแกนเหล็กซึ่งมีเพลาสวมอยู่ ระหว่างแกนเหล็กเจาะ เป็นร่องสำหรับบรรจุขดลวดอาร์เมเจอร์อยู่รอบแกน ปลายขดลวดต่อเข้ากับตัวคอมมิวเตเตอร์ อาร์เมเจอร์จะหมุนอยู่ระหว่างขั้วแม่เหล็กซึ่งติดตั้งที่ด้านทั้งสอง เพื่อเป็นการลดความสูญเสียของเส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้น
ขดลวดอาร์เมเจอร์ทำด้วยทองแดงหนาๆ เพื่อต้องการให้รับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด ขดลวดอาร์เมเจอร์แต่ละขดประกอบด้วยลวดเพียงรอบเดียว โดยการพันเส้นลวดต้องให้แนบสนิทกับร่องของแกนเหล็ก เพื่อทำให้กระแสจากขดลวดสนามแม่เหล็ก สามารถไหลผ่านขดลวดอาร์เมเจอร์ได้ทุกคอยล์ในเวลาเดียวกัน จึงเกิดเป็นสนามแม่เหล็กรอบขดลวดนี้ขึ้น พร้อมทั้งทำให้เกิดแรงผลักดันโดยรอบอาร์เมเจอร์ขึ้นด้วย
การทำงานของมอเตอร์สตาร์ท
เริ่มต้นจากเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ท จะส่งกำลังเข้าไปขับเฟืองล้อช่วยแรงของเครื่องยนต์ ซึ่งทำหน้าที่ในการต่อหรือตัดวงจรออกจากเฟืองล้อช่วยแรงได้โดยอัตโนมัติ จำนวนฟันเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ทมักจะน้อยกว่าจำนวนฟันเฟืองล้อช่วยแรง จึงทำให้มีกำลังสูงขึ้นในขณะขับเครื่องยนต์ อัตราการทดของเฟืองทั้งสองประมาณ 12: 1
ในขณะเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ถ้าเฟืองขับยังคงขบอยู่กับเฟืองล้อช่วยแรง จะทำให้เพลาของอาร์เมเจอร์หมุนด้วยแรงเหวี่ยงอย่างแรง จะทำให้เกิดความเสียหายได้ จึงต้องมีกลไกมาช่วยในการตัดวงจรการส่งกำลังออกจากกัน
เริ่มต้นจากเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ท จะส่งกำลังเข้าไปขับเฟืองล้อช่วยแรงของเครื่องยนต์ ซึ่งทำหน้าที่ในการต่อหรือตัดวงจรออกจากเฟืองล้อช่วยแรงได้โดยอัตโนมัติ จำนวนฟันเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ทมักจะน้อยกว่าจำนวนฟันเฟืองล้อช่วยแรง จึงทำให้มีกำลังสูงขึ้นในขณะขับเครื่องยนต์ อัตราการทดของเฟืองทั้งสองประมาณ 12: 1
ในขณะเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ถ้าเฟืองขับยังคงขบอยู่กับเฟืองล้อช่วยแรง จะทำให้เพลาของอาร์เมเจอร์หมุนด้วยแรงเหวี่ยงอย่างแรง จะทำให้เกิดความเสียหายได้ จึงต้องมีกลไกมาช่วยในการตัดวงจรการส่งกำลังออกจากกัน
คลัทช์โอเวอร์รันนิ่ง ใช้คันโยกในการเลื่อนเฟืองขับของมอเตอร์สตาร์ทเข้าขบกับเฟืองล้อช่วยแรง อาศัยการควบคุมการทำงานโดยชุดของสวิตช์โซลินอยด์ โดย ตำแหน่งของคลัทช์โอเวอร์รันนิ่งติดอยู่ด้านหลังของเฟืองขับ ทำหน้าที่ส่งกำลังขับเคลื่อนจากแกน ของอาร์เมเจอร์เข้าขบกับเฟืองของล้อช่วยแรงได้ในทิศทางเดียว และจะหมุนเป็นอิสระในทิศทาง ตรงกันข้าม ลักษณะของคลัทช์โอเวอร์รันนิ่งเป็นแบบปลอกสวมติดอยู่กับแกนของอาร์เมเจอร์ โดยปลอกและเฟืองขับจะสวมกันแบบแนบสนิทกับปลอกของมัน
คลัทช์เบนดิกซ์ (Bendix Clutch) ทำงานโดยอาศัยเฟืองแบบเกลียว และใช้แรงเฉื่อยเพื่อเข้ากับเฟืองของล้อช่วยแรง ซึ่งมีเฟืองสวมอยู่กับสกรู เมื่อมอเตอร์สตาร์ทเริ่มหมุนมันก็จะเหวี่ยง ตัวเองโดยการเคลื่อนที่ไปตามสกรู เข้าขับกับเฟืองของล้อช่วยแรงหมุนเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ ทำงานเองได้แล้วจะหมุนเร็วกว่าเฟืองขับของมอเตอร์ ทำให้เฟืองมอเตอร์สตาร์ทเลื่อนออกจาก เฟืองของล้อช่วยแรงได้
นอกจากนี้แล้วยังมีกลไกขับด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อสำหรับต่อและตัดการขับของเฟือง โดยอาศัยคลัทช์ประเภทอื่น ๆ เป็นตัวช่วย ได้แก่ ไดเออร์คลัทช์(Dyer Clutch) สแปรกคลัทช์(Sprag Clutch) เป็นต้น
การทดสอบวงจรสตาร์ท (Starting Circuit Testing)
การทดสอบและวิเคราะห์วงจรต้องปฏิบัติกับวงจรที่สมบูรณ์ก่อนการถอดส่วนประกอบหรือ ชิ้นส่วนใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบสมรรถนะของมอเตอร์สตาร์ท โดยมักทำการทดสอบใน ขณะที่ไม่มีภาระงานของมอเตอร์สตาร์ท หรือเรียกว่า การทดสอบตัวเปล่า
เมื่อทดสอบสมรรถนะของมอเตอร์สตาร์ทแล้ว ผลปรากฏว่าการทำงานไม่เป็นผล ตามค่าที่กำหนดก็จำเป็นที่ต้องได้รับการบริการ รวมไปถึงการถอดประกอบชิ้นส่วนออกมาตรวจสภาพและทดสอบ หลังจากนั้นจึงประกอบชิ้นส่วนกลับคืน แล้วทดสอบการทำงานให้เป็นไปตามค่าที่กำหนด
โดยทั่วๆ ไปแล้วการทดสอบสภาพทางกล เช่น การทดสอบเพลาอาร์เมเจอร์
แปลงถ่าน หรือกลไกการขับอื่นๆ สามารถตรวจได้โดยง่ายด้วยการตรวจพินิจหรือการทดสอบง่ายๆ ยกเว้นข้อขัดข้องที่เกี่ยวกับขดลวดซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้การทดสอบอย่างละเอียดมากขึ้น เช่น การทดสอบการขาดของขดลวดอาร์เมเจอร์ การทดสอบการลัดวงจรของขดลวด การทดสอบการรั่ว ลงดินของขดลวดอาร์เมเจอร์ และการทดสอบชุดลวดฟิวส์ เป็นต้น
หลังจากการทดสอบชิ้นส่วนต่างๆ พร้อมทั้งประกอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ควรจะต้องมี การตรวจสอบการประกอบขั้นสุดท้าย คือ
1. การตรวจสอบการทำงานตัวเปล่าของมอเตอร์สตาร์ท เพื่อเป็นการทดสอบสมรรถนะ ของมอเตอร์อีกครั้งก่อนใช้งานจริง
2. การตรวจสอบระยะห่างของเฟืองขับกับแหวนกันเฟืองกระแทก โดยระยะห่างที่ เหมาะสมประมาณ 0.1-0.6 มิลลิเมตร
3. การตรวจสอบสวิตช์ควบคุมวงจร ซึ่งสามารถกระทำได้โดยการทดสอบ โดยใช้มือตรวจสอบ โดยใช้โซลินอยด์ และการตรวจสอบโดยใช้แม่เหล็ก เป็นต้น
การบำรุงรักษามอเตอร์สตาร์ท
1. ตรวจแปลงถ่าน ตรวจดูสภาพของแปลงถ่านและ คอมมิวเตเตอร์ ถ้าเกิดสกปรก มีฝุ่นหรือคราบน้ำมันจับอยู่ ควรล้างออกด้วยน้ำมันเบนซิน หรือใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดออก
2. การสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละครั้งไม่ควรเกิน 30 วินาที และควรทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้เย็นลง จากนั้นจึงเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่
3. ยึดมอเตอร์สตาร์ทให้แน่นอยู่เสมอ รวมทั้งรักษากลไกการขับเคลื่อนให้อยู่ในสภาพที่ดีเสมอ
4. ควรให้การหล่อลื่นลูกปืน โดยใช้น้ำมันชนิดใสหยอดประมาณ 2-3 หยด
5. ไม่ควรใช้น้ำมันชะโลมล้าง หรือแช่ขดลวดอาร์เมเจอร์ และขดลวดแม่เหล็ก เพราะ น้ำมันอาจจะแทรกเข้าไปทำให้ฉนวนต่างๆ เสียหายได้
6. ขณะทำงานบริการ (บำรุงรักษา) มอเตอร์สตาร์ท ควรถอดสายไฟขั้วสายดินของ แบตเตอรี่ออกก่อน และไม่ควรวางเครื่องมืออื่นๆ ไว้บนแบตเตอรี่

วิธีตรวจสอบหาสาเหตุของอาการเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดและสตาร์ทไม่ได้

ถ้าคุณขับรถอยู่แล้วรถคุณดับ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติดหรือสตาร์ไม่ติดคุณจะทำอย่างไร ถ้าผู้ขับขี่ที่มีพื้นฐานความรู้ด้านช่างอยู่บ้างก็คงจะพอแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ แต่ถ้าเป็นผู้ขับขี่มือใหม่คงจะต้องโทรตามช่าง หรือไม่ก็สอบถามผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เพื่อที่จะทำการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ขับต่อไปได้ เพราะฉะนั้นแล้วในวันนี้ทางผู้เขียนจะมีข้อแนะนำของอาการเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดและสตาร์ทไม่ได้แต่ละอาการมาฝากกันครับ
บิดกุญแจแล้วเครื่องยนต์ไม่หมุนแต่ มีเสียงดังแชะ ๆ หรือไม่ดัง ถ้าอาการนี้เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่า แบตเตอรี่ หรือ ไดสตาร์ทมีปัญหา ให้คุณลองบีบแตร ดูอาการว่าแตรดังปกติหรือไม่ แบตเตอรี่อาจจะอ่อนเกือบหมด ทำให้หมุนไดสตาร์ทไม่ไหว ได้แค่กระตุ้นโซลินอยด์ เบา ๆ แต่หมุนไม่ไหวจึงมีเสียงแชะๆ ถ้าหากแบตเตอรี่มีไฟ ไดสตาร์ทอาจขัดข้อง ถ้าไดสตาร์ทขัดข้องให้ทดลองหาท่อนไม้มาเคาะไดสตาร์ท(ต้องระมัดระวังอย่าให้โดนอุปกรณ์อื่นๆด้วย) ถ้าสตาร์ทติดแสดงว่าไดสตาร์ทสกปรก แต่หลังจากนั้นก็ต้องถอดไปทำความสะอาดด้วยนะครับ แต่ถ้าเคาะแล้วยังไม่ทำงานก็ต้องถอดออกไปซ่อมครับ บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนอืดๆ ไม่ยอมทำงานเอง ถ้าคุณได้ยินเสียงไดสตาร์ท และการหมุนของเครื่องยนต์ แต่เป็นการหมุนช้าๆ หรืออืด ๆ อาการนี้ มักจะมีปัญหามาจากแบตเตอรี่ไฟอ่อน แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือ ไดชาร์จไม่ปกติ ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวเครื่องยนต์ อาการขัดข้องแบบนี้ถ้าเป็นระบบเกียร์ธรรมดา สามารถเข็นโดยเข้าเกียร์ 2 กระตุกติดเครื่องยนต์ได้ หรือถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติก็สามารถพ่วงแบตเตอรี่จากภายนอกเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดได้ครับ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานแล้วให้ดูไฟรูปแบตเตอรี่ที่หน้าปัด ว่าสว่าง หรือเรือนราง ถ้าไฟรูปแบตเตอรี่ไม่สว่างแสดงว่าการชาร์จไฟปกติ แต่ถ้ารูปไฟแบตเตอรี่สว่างขึ้นโชว์ไม่ดับ แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจเช็คการชาร์จไฟของไดร์ชาร์จโดยด่วน เพราะถ้าคุณขับรถต่อไปเครื่องยนต์อาจจะดับเองได้อีก บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนเร็วด้วยไดสตาร์ท แต่เครื่องไม่ติด อาการลักษณะนี้หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่าแบตเตอรี่เสีย หรือไดสตาร์ทเสีย เตรียมหาแบตเตอรี่มาพ่วงทั้งที่ความจริงแล้วแบตเตอรี่ และไดสตาร์ทเป็นปกติ เพราะเมื่อบิดกุญแจแล้วเครื่องยนต์หมุนได้เร็วด้วยไดสตาร์ท แต่เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานหรือติดได้เอง เมื่อปล่อยการบิดกุญแจเครื่องยนต์ก็หยุดหมุนปัญหาอยู่ที่ตัวเครื่องยนต์ เพราะแบตเตอรี่และไดสตาร์ทปกติดี แนะนำให้ตรวจสอบที่ตัวเครื่องยนต์ เช่น มีไฟเลี้ยงระบบหรือไม่ ปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทำงานดีหรือเปล่า โดยต้องตรวจสอบระบบต่างๆ ฯลฯ อาการลักษณะนี้ยากที่จะแก้ไขด้วยตนเองได้ แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้ชำนาญการทำการตรวจสอบจะดีที่สุดครับ อาการสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติดนั้นจะเห็นได้ว่าไม่ใช่มีเพียง แบตเตอรี่หรือไดสตาร์ท เท่านั้นที่ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ของเครื่องยนต์อีกหลายชิ้นส่วนที่เป็นต้นเหตุให้สตาร์ทไม่ติด ท้ายนี้หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะพอเข้าใจอาการเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอให้ผู้อ่านทุกท่านโชคดีร่ำรวยทุกท่านครับ. แก้ไขได้ไม่ยากนัก. (ถ้าวิเคราะห์ดี) แผนก เทคนิคและฝึกอบรม บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด (กรุงเทพฯ)

จากัวร์ ประเทศไทย ร่วมยินดีครบรอบ 10 ปี จากัวร์เดมเลอร์คลับไทยแลนด์




บุคคลในภาพข่าว: ฯพณฯ มาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และมิสมาร์ทีเน่ เคนท์ ภริยา (กลาง) ร่วมกับ มร.ริชาร์ด เฮก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จํากัด (ที่ 3 จากซ้าย), นายมนัส สาธิตสมิธพงษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานจากัวร์เดมเลอร์คลับไทยแลนด์ (ขวาสุด), นพ.สมคนึง ตัณฑ์วรกุล คณะกรรมการจากัวร์เดมเลอร์คลับไทยแลนด์ (ที่ 2 จากขวา), และ ดร.นิรุตติ์ คุณวัฒน์ คณะกรรมการ จากัวร์เดมเลอร์คลับไทยแลนด์ (ที่ 3 จากขวา) ร่วมแสดงความยินดีในงานครบรอบ 10 ปี จากัวร์เดมเลอร์คลับไทยแลนด์ โดยมี นายดนัย จันทรงาม ผู้อํานวยการฝ่ายการขาย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จํากัด (ซ้ายสุด) และ มร.แกรี่ เคมป์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิค บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จํากัด (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมนำเสนอโปรโมชั่นบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้าจากัวร์ภายในงาน

กรุงเทพฯ - ฯพณฯ มาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และ ภริยา ร่วมกับ คณะผู้บริหารจากัวร์แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย นำโดย มร. ริชาร์ด เฮก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจัดจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองครบรอบ 10 ปี จากัวร์เดมเลอร์คลับไทยแลนด์ ณ ห้องอาหาร แอนนา แอนด์ ซัน คิวซีน โดยมีนายดนัย จันทรงาม ผู้อํานวยการฝ่ายการขาย และ มร.แกรี่ เคมป์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิค บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จํากัด ร่วมนำเสนอโปรแกรมบัตรวีไอพีและรายละเอียดของยานยนต์จากัวร์รุ่นล่าสุดแก่ผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ ภายในงานสมาชิกชมรมยังได้นำรถยนต์จากัวร์ทั้งรุ่นคลาสสิกและรุ่นใหม่ รวมถึงรถยนต์แบรนด์อื่นๆ จากสหราชอาณาจักรมาร่วมจัดแสดงกว่า 60 คัน เพื่อแสดงออกถึง “มรดกแห่งบริติชและจิตวิญญาณแห่งราชอาณาจักร”

โปรแกรมบัตรวีไอพี ของ ซิตี้ ออโต้โมบิล นำเสนอบริการหลังการขายชั้นเลิศเพื่อมอบความอุ่นใจที่เหนือระดับสำหรับเจ้าของรถยนต์จากัวร์ในประเทศไทย อาทิ ส่วนลดค่าบริการดูแลหลังการขาย 10% รวมไปถึงแคมเปญและโปรโมชั่นอีกมากมายเพื่อมอบความปลอดภัยบนท้องถนนขั้นสูงสุดแก่ผู้บริโภค ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้รับการอัพเกรดประสิทธิภาพให้เทียบเท่าศูนย์บริการระดับสากล และดำเนินงานโดยช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานของจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ สหราชอาณาจักร



ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานยนต์และข้อมูลเชิงเทคนิคได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com และ www.jaguarthailand.com

ยักษ์ใหญ่ยุโรปกลุ่ม “วาลีโอ" เสริมศักยภาพธุรกิจเปิด “วาลีโอ เซอร์วิส อาเซียน” ดูแลตลาดอะไหล่ทดแทนในประเทศไทย พร้อมเป็นฐานส่งออกไปยังอีก 10 ประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน


                กรุงเทพฯ ประเทศไทย  21 ตุลาคม 2557 – วาลีโอ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำระดับโลก เพิ่มเขี้ยวเล็บทางธุรกิจให้ครบวงจรด้วยการเปิด “วาลีโอ เซอร์วิส อาเชียน” เป็นบริษัทฯ ขายและจัดจำหน่ายในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเชียนอีก 10ประเทศ
         นายชิน เวง เชา ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทวาลีโอ ประจำภูมิภาคอาเซียนเปิดเผยว่า “วาลีโอ” เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา กลุ่มวาลีโอได้เริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ชลบุรีและนิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ดระยอง ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า4,000 ล้านบาท  เพื่อสร้างฐานการผลิตระดับโลกของชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าให้กับตลาด OEM ภายในประเทศไทย อาทิ เช่น มิตซูบิชิ ซูซูกิ และนิสสัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังส่งออกไปยังยุโรป  เยอรมัน อเมริกา  อเมริกาใต้  รัสเซียและกลุ่มลูกค้า OEM รายอื่นๆในเอเชียอีกด้วย

นายชิน เวง เชา กล่าวว่า เนื่องด้วยเราเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีกับผลิตภัณฑ์ วาลีโอเป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการขับขี่และสร้างสรรนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงสนับสนุนระบบไฮบริด กลุ่มบริษัทวาลีโอ ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ประกอบไปด้วย 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ระบบความร้อน, ระบบส่งกำลัง, ระบบทัศนวิสัย, และระบบช่วยเหลือการขับขี่ 

และเพื่อเป็นการให้บริการที่สมบูรณ์แบบ กลุ่มวาลีโอจึงได้จัดตั้ง “ วาลีโอ เซอร์วิส อาเซียน” ขึ้นโดยใช้ประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา  โดยวาลีโอ เซอร์วิส อาเซี่ยน นี้จะเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท วาลีโอ ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง  โดยมี คุณรีเบคก้า คัลลินัน ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปจะเป็นผู้ดูแลส่วนงานขายและกระจายสินค้าสำหรับตลาดอะไหล่ทดแทนทั้ง 10  ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม บรูไน และฟิลิปปินส์

ด้านนางรีเบคก้า คัลลินัน ผู้จัดการทั่วไป วาลีโอ เซอร์วิส อาเชียน กล่าวถึงทิศทางและแนวโน้มของตลาดในกลุ่มชิ้นส่วนที่วาลีโอเป็นผู้ผลิตนี้ว่า “ด้วยตัวเลขการเติบโตของยานพาหนะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับสภาพภูมิอากาศ ลักษณะการใช้งาน ทำให้ตลาดซ่อมบำรุงและตลาดอะไหล่ทดแทนในภูมิภาคนี้ยังมีโอกาสเติบโตสูงมาก และในขณะนี้วาลีโอได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าวด้วยการตั้งวาลีโอ เซอร์วิส อาเซียนขึ้น

          “วันนี้เราพร้อมทั้งคุณภาพสินค้าระดับโลกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี่รักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมความสามารถในการบริการโลจิสติก ที่สามารถจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าหรือร้านซ่อมภายใน 48 ชั่วโมง ภายใน ประเทศไทย และ 1 สัปดาห์ในต่างประเทศ ด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล

นอกจากนี้เราจะเน้นการสร้างแบรนด์ให้เกิดการรับรู้กับผู้บริโภคให้มากที่สุด ชื่อของ วาลีโอยังไม่แพร่หลายในประเทศไทยและภูมิภาคอาเชียน ดังนั้นเรามีแผนการตลาดที่สร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ทั้งกิจกรรมกับลูกค้าผ่านสื่อ การออกแสดงสินค้าในงานต่างๆ รวมถึงจัดกิจกรรมกับอู่ซ่อมรถยนต์ เพื่อสร้างการรับรู้และการยอมรับในบรรดาช่างซ่อมต่างๆอีกด้วย”  นางรีเบคก้า กล่าว
 

19 ค่ายรถชั้นนำร่วมกระหึ่ม “แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 17” อัดโปรแรงฯ ขายทิ้งทวนส่งท้ายปี คาดเงินสะพัดกว่า 600 ล้าน



แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชาเดินหน้าจัดสุดยอดมหกรรมงานแสดงยานยนต์แห่งภาคตะวันออก “แปซิฟิค มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 17” อย่างยิ่งใหญ่ ทุ่มกว่า 22 ล้านบาท โหมกลยุทธ์โปรโมทงานและอัดกิจกรรมตื่นตาตื่นใจเต็มพิกัด 19ค่ายยานยนต์ชั้นนำขานรับ ร่วมระดมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นยอดนิยมและรถรุ่นใหม่ล่าสุด เปิดตัวและรับจองอย่างคับคั่ง พร้อมชงโปรโมชั่นแรง ขายทิ้งทวนส่งท้ายปี ทั้งผ่อนยาวนาน-ฟรีดอก-ดาวน์ต่ำ-รถใหม่แต่งครบราคาเดิม-มอบส่วนลดสูงสุดกว่าแสนบาท และน้อมรับทุกเงื่อนไขของลูกค้า คาดจัดงาน 9 วัน เงินสะพัดกว่า 600 ล้านบาท มีผู้ชมงานกว่า 500,000 คน

      นายสมบูรณ์ วรปัญญาสกุลกรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังยึดมั่นที่จะจัดงานแสดงยานยนต์ให้ยิ่งใหญ่และมีความสมบูรณ์แบบที่สุดในภูมิภาคตะวันออกแปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 17 (17th Pacific Motor Show) ขึ้น ณ บริเวณศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2557 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “MY CAR IS MY LOVER” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงรถยนต์คันโปรดของใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องหรูหราหรือมีราคาแพง แต่สามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเจ้าของ ไม่เพียงแต่ใช้เป็นยานพาหนะเพื่อการเดินทางเท่านั้น ยังรวมถึงเป็นรถยนต์คู่ใจที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการขับไปทำงาน การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับคนรักหรือครอบครัว ด้วยยานพาหนะที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและคุ้นเคย รถยนต์ที่เป็นการสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์เจ้าของอย่างแท้จริง เป็นการบ่งบอกตัวตนผ่านรถยนต์คันโปรด

 “ปีนี้ใช้พื้นที่จัดงานทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้ารวมทั้งสิ้นกว่า 4,500 ตารางเมตรเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่ได้ปรับพื้นที่บางส่วนเพื่อเพิ่มให้กับบูธจักรยาน ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ พร้อมทั้งปรับพื้นที่ให้เกิดความสะดวกสบายสำหรับผู้เข้าชมงานมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกจากกันอย่างชัดเจน และประสานบริษัทรถยนต์ต่างๆ ให้ตกแต่งบูธสวยงามมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าชมงานเข้าสัมผัสรถยนต์ได้อย่างใกล้ชิด เช่น การทดลองนั่งรถ หรือมุมกรอกเอกสารจองรถ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสะดวกสบายสูงสุด นั่งแล้วไม่อึดอัด”

สำหรับพื้นที่จัดงานแบ่งออกเป็น 6 โซน ประกอบด้วย โซนที่ 1 ลานโปรโมชั่น ชั้นใต้ดิน จะใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงอุปกรณ์ประดับยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ โซนที่ 2 ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 จัดแสดงรถจักรยานยนต์ทั้งหมด โซนที่ 3 ลานโปรโมชั่น ชั้น 3 เป็นโซนการแสดงจักรยาน โซนที่ 4 บริเวณชั้น 4 และแปซิฟิค ฮอลล์ จัดแสดงรถยนต์จากค่ายรถยนต์ต่างๆ และโชว์รถซูเปอร์คาร์ ส่วนด้านหน้าฮอลล์เป็นพื้นที่ในการจัดพิธีเปิดงาน แปซิฟิค มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 17 โซนที่ 5 ลานด้านหน้าศูนย์การค้าฯ และโซนที่ 6 ลานด้านข้างศูนย์การค้า จะจัดแสดงโชว์เครื่องเสียงรถยนต์ โคโยตี้แดนซ์ กิจกรรมรวมพลคนรักล้อโชว์(โชว์มอเตอร์ไซค์ตกแต่งจากแบรนด์ชั้นนำ) พร้อมการประกวดเครื่องเสียงรถยนต์ และโคโยตี้แดนซ์

ปีนี้ใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 10% เพื่อเนรมิตกิจกรรมหลากหลายที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าชมงานมากยิ่งขึ้น เช่น Sexy Car Wash จากสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่จัดเต็มทุกวันงานมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากสาวเซ็กซี่ G-TWENTY / แฟชั่นโชว์และกิจกรรมสุด Exclusive จากบันนี่ เกิร์ลสาว โดยนิตยสาร PLAYBOY และเพื่อเอาใจผู้รักการขับขี่มอเตอร์ไซค์ จึงจัดกิจกรรมพิเศษ “รวมพลคนรักล้อ” โชว์มอเตอร์ไซค์ตกแต่งสวยงาม พร้อมจัดโชว์และประกวดโคโยตี้ แดนซ์กับเครื่องเสียงรถยนต์ชั้นนำค่ายต่างๆ ไม่นับรวมพริตตี้สาว เกิร์ล แก็งค์ ที่จะมาประจำงานแปซิฟิค มอเตอร์ โชว์ ตลอดวันงาน พร้อมกิจกรรมบันเทิงสุดอลังการตลอดทุกวัน รวมทั้งงบประชาสัมพันธ์การจัดงานตามจังหวัดต่างๆ ทางภาคตะวันออกในวงกว้างมากขึ้น ทั้งสื่อวิทยุท้องถิ่น, ป้ายโฆษณาและนิวมีเดีย เช่น เว็บไซต์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ค เราจะจัดกิจกรรม like & Share ซึ่งมีการแจกของรางวัลให้กับแฟนเพจของเรารวมมูลค่ากว่า 80,000 บาท

ส่วนค่ายยานยนต์ที่ร่วมงานในครั้งมี 19ค่าย ใกล้เคียงกับการจัดงานปีที่ผ่านมา ประกอบค่ายรถยนต์ 13 แบรนด์ อาทิ VOLVO, BMW, TOYOTA, HONDA, MAZDA, NISSAN, ISUZU, CHEVROLET, MITSUBISHI, FORD, SUZUKI, SGP CNG พร้อมโชว์รถซูเปอร์คาร์ MERCEDES-BENZ และ PORSCHE จาก TP AUTO IMPORT ทุกค่ายยืนยันระดมรถยนต์ยอดนิยมรุ่นใหม่และที่เพิ่งเปิดตัวแนะนำแก่สาธารณชน มาร่วมจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ อาทิ The New Volvo V40, BMW X3, New Honda Mobilio, Toyota Vigo TRD Sportivo, Mazda BT50 pro eclipse, Nissan NAVARA NP300, Isuzu Mu-x, Mitsubishi New Pajero Sport, Ford Ranger, Chevrolet Captiva,  Suzuki Celerio เป็นต้น ขณะที่ค่ายรถจักรยานยนต์ตอบรับร่วมงาน 6 ค่าย นำโดย YAMAHA, HONDA,HONDA BIGBIKE,VESPA, PLATINUM, STALLIONS และจักรยาน Titaniumทั้งค่ายรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ทุกแบรนด์ต่างยืนยันจะนำรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่นมาจัดแสดง โดยเฉพาะรถบิ๊กไบค์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงสุดในปัจจุบัน มาร่วมจัดแสดงและมอบข้อเสนอพิเศษส่งท้ายปี

เปิดตัว ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (FLYING SPUR V8) ณ กรุงมอสโคว์




เปิดตัว เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Bentley Flying Spur V8) ในงาน MIAS

คอนติเนนทัล จีที วี8 เอส (Continental GT V8 S) มาพร้อมกับความคล่องตัวสูงและ
มูซาน (Mulsanne) ที่สุดของความหรูหราจากเบนท์ลี่ย์ได้รับการจัดแสดงภายในงาน


เบนท์ลี่ย์แสดงให้เห็นถึงความหรูหราที่ร่วมสมัย

(เมือง Crewe / กรุงมอสโคว์) เบนท์ลี่ย์ เปิดตัวรถฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) รถซีดานสุดหรูอย่างเป็นทางการสู่สาธารณชนในงาน Moscow International Automobile Salon (MIAS)

ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) ใหม่ล่าสุดมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับ รุ่น W12 ไม่ว่าจะเป็นการผสานความโฉบเฉี่ยว ความคล่องตัว ความหรูหรา และงานฝีมือ เข้าไว้กับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้อย่างลงตัว และถือเป็นการเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่ๆ ของเบนท์ลีย์ อีกทั้ง ยังมั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสเข้าถึงความหรูหราผสานกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้นได้อย่างลงตัว Richard Leopold ผู้บริหารเบนท์ลี่ย์ ประเทศ รัสเซีย กล่าวว่า:

“ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) คือรถซีดานหรูที่ดีที่สุด และด้วยการขยายตัวแทนจำหน่ายของเราที่ Ekaterinburg และ Krasnodar อีกทั้งการแนะนำรุ่นคอนติเนนทัล จีที วี8 เอส (Continental GT V8 S) ทำให้มั่นใจได้ว่าฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) ใหม่ล่าสุดจะมาช่วยสร้างยอดขายให้กับเบนท์ลี่ย์ได้เป็นอย่างดี”

ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 4 ลิตร Twin-turbo V8 สร้างพละกำลังแรงม้าถึง 507 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 660 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 5.2 วินาทีและความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 295 กิโลเมตร / ชั่วโมง หากเติมน้ำมันเต็มถังจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) ถูกจัดแสดงในงาน MIAS พร้อมกับรุ่นคอนติเนนทัล จีที วี8 เอส (Continental GT V8 S) รถยนต์ที่มีความคล่องตัวสูงจากเบนท์ลี่ย์ และรุ่น Flagship อย่าง มูซาน (Mulsanne) ซึ่งเป็นตัวแทนของการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพและงานฝีมือที่หรูหราได้อย่างลงตัวจากเบนท์ลี่ย์

เบนท์ลี่ย์ รุ่นต่างๆ ได้รับการจัดแสดงบนพื้นที่ของบริษัท และจัดเป็นครั้งแรกในประเทศรัสเซีย ในงาน MIAS จุดเด่น คือรูปลักษณ์การออกแบบของเบนท์ลี่ย์ที่หรูหรา ทำจากวัสดุและงานฝีมือชั้นเยี่ยม โดยทุกๆ รายละเอียดได้รับความใส่ใจ และถูกสร้างขึ้นจากความหรูหราตามแบบฉบับของเบนท์ลี่ย์ทุกประการ

ข้อความจากผู้เขียน
• เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ คือแบรนด์รถยนต์หรูหราแบรนด์หนึ่งของโลก ในปี 2013 ถือได้ว่าเป็นปีที่ดีที่สุดของเบนท์ลี่ย์ในรอบ 95 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดส่งมอบรถให้ลูกค้าทั่วโลกที่เติบโตขึ้น มากกว่า 19% จากปี 2012 นั่นคือ 10,120 คันเลยทีเดียว และในครึ่งปีแรกของปี 2014 , ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเบนท์ลี่ย์คือตลาดในทวีปอเมริกา โดยส่งมอบรถไปแล้วถึง 1,388 คัน ส่วนประเทศจีนยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่อย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยเป็นตลาดที่ใหญ่มาเป็นอันดับ 2 และมียอดส่งมอบถึง 1,318 คัน ในขณะที่ทวีปยุโรปนั้นส่งมอบไปถึง 825 คัน และประเทศอังกฤษซึ่งเป็นบ้านของเบนท์ลี่ย์ส่งมอบถึง 713 คันและในตลาดตะวันออกกลางส่งมอบไป 502 คัน และในปี 2014 เบนท์ลี่ย์มีตัวแทนจำหน่ายถึง 200 แห่งใน 54 ประเทศ  

• สำนักงานใหญ่ของเบนท์ลี่ย์อยู่ที่เมือง Crewe โดยเป็นที่ตั้งของทีมออกแบบ ทีม R&D ทีมวิศวกรและเป็นสถานที่ใช้ในการผลิตรถทั้ง 3 รุ่นของเบนท์ลี่ย์นั่นคือคอนติเนนทัล ฟลายอิ้ง สเปอร์ และมูซาน การใช้งานฝีมือชั้นเยี่ยมเข้ามาผสมผสานนั้นได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่างเบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเป็นโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษ ที่มีพนักงานถึง 3,700 ณ เมือง Crewe

สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษโดยตรง คอยให้บริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่แผนกขายโทร. 02-261-1050-1 หรือ 02-610-9911-3และท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.thailand.bentleymotors.com


donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved