Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

รูปแบบและเทคโนโลยีใหม่ สำหรับแกรนด์ ทัวริ่ง สุดหรู


  • รูปแบบที่ได้รับการยกระดับและเพิ่มคุณสมบัติที่โดดเด่นให้กับครอบครัวคอนติเนนทัล จีที (Continental GT)
  • คอนติเนนทัล จีที W12 (Continental GT W12) เพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์เป็น       590 PS (582 แรงม้า/ 434 กิโลวัตต์) และ 720 นิวตันเมตร ประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น
  • ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) เพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อความหรูหราของรถ 4 ประตู

(เมือง Crewe) เบนท์ลี่ย์ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกด้วยการยกระดับ ปรับเปลี่ยน รูปลักษณ์ของคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ให้มีความทันสมัยและเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับรถคันนี้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ยังได้เสริมความหรูหราและเพิ่มเรื่องของพละกำลังให้ดียิ่งขึ้น และเป็นจุดเด่นสำคัญสำหรับปี 2015 ที่เบนท์ลี่ย์มุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาการขับเคลื่อน เทคโนโลยี และความสะดวกสบายของห้องโดยสารอย่างเต็มพิกัดอีกด้วย
รุ่นใหม่นี้ทำการอวดโฉมและจัดแสดงโชว์ในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show ตั้งแต่วันอังคารที่ 3 มีนาคมเป็นต้นไป
Wolfgang Dürheimer, ประธานกรรมการและประธานบริหารของเบนท์ลี่ย์ได้กล่าวว่า:
เบนท์ลี่ย์นำเสนอความหรูหราและประสิทธิภาพของรถได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมด้วยความสะดวกสบายอย่างเต็มพิกัดให้กับรถแกรนด์ ทัวริ่ง และจะเป็นจุดขายสำคัญสำหรับปี 2015 ในการขยายสมาชิกใหม่ให้กับครอบครัวเบนท์ลี่ย์ พวกเรารับฟังความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ และด้วยคำแนะนำเหล่านี้นี่เองที่จะนำไปสู่การสรรสร้างรถให้มีรูปลักษณ์ที่น่าประทับใจ, ประหยัด และแน่นอนเหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน"
รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นของคอนติเนนทัล จีที (Continental GT)
เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ได้รับการปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ โดยเน้นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นแกรนด์ ทัวเร่อร์ (Grand Tourer) ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กันชนด้านหน้าจะผสมผสานช่องระบายอากาศที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ได้อย่างลงตัว เน้นให้เห็นถึงความทรงพละกำลังของรถจากทางด้านหน้า เสริมทัพด้วย โลโก้ “B” ที่เน้นให้เห็นถึงความเป็นเบนท์ลี่ย์ และเส้นสายของรถ “Power line” ทรงพละกำลังที่ออกแบบได้อย่างลงตัวจนถึงซุ้มล้อด้านหน้า

ทางด้านหลังของรถจะพบกับฝากระโปรงที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ได้สัดส่วนที่คมชัดยิ่งขึ้น เน้นประโยชน์ในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ให้ได้มากที่สุด กันชนหลังได้รับการปรับโฉมด้วยเช่นกัน โดยได้ขยายให้ใหญ่มากขึ้นและสัมผัสได้ถึงความทรงพละกำลังของเครื่องยนต์ และจะมาพร้อมกับ full-width brightware ส่วนรุ่น V8 S และ GT Speed จะแตกต่างด้วยแผ่นกระจายอากาศทางด้านหลังที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเน้นเรื่องของประสิทธิภาพของรถเป็นหลักในตระกูลคอนติเนนทัล (Continental) นั่นเอง
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเพื่อการเติมเต็มความโดดเด่นให้กับรถ อาทิเช่น ล้อใหม่ซึ่งสามารถเลือกติดตั้งได้โดยเปลี่ยนจากขนาดล้อ 20 นิ้วเป็น 21 นิ้ว ล้อมาตรฐานของรุ่น GT V8 และ GT W12 จะติดตั้งล้อขนาด 20 นิ้วลาย six-tri-spoke wheel โดยแตกต่างที่ V8 จะพ่นเงาน้อยกว่า ส่วน W12 จะพ่นเงามากกว่า ล้อของชุดแต่ง Mulliner Driving Specification เป็นล้อขนาด 21 นิ้วลาย seven-twin-spoke design ในเฉดสี Graphite grey สำหรับรุ่น V8 S และ GT Speed จะมาพร้อมกับล้อลายสปอร์ตขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านอีกด้วย
สีใหม่มีให้เลือกเพิ่มเติมอีก 3 สีเพื่อทำให้ตัวรถมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น นั่นคือสี Marlin (สีน้ำเงินเข้มเคลือบเมทาลิก), Camel (สีทองอ่อน) และ Jetstream (สีฟ้าอ่อนสว่างเคลือบเมทาลิก)
ห้องโดยสารที่ทันสมัย สะดวกสบาย

ห้องโดยสารภายในได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยนให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น ปุ่ม และแผงควบคุม รวมถึงโทนสีต่างๆ ในห้องโดยสารของรถ 4 ที่นั่งจะเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก ในขณะที่ชุดแต่ง Mulliner Driving Specification (เป็นชุดแต่งมาตรฐานให้กับรุ่น GT Speed) จะทำให้รถดูสปอร์ตและโดดเด่น ด้วยรอยตะเข็บแบบเพชรหรือ “small-diamond” ตามแบบฉบับของประเทศอังกฤษ การบังคับควบคุมการทำงานของรถจากผู้ขับขี่จะเป็นไปได้ง่ายและเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น พวงมาลัยสปอร์ตมาพร้อมกับก้านเกียร์เพื่อช่วยในการเปลี่ยนระดับเกียร์ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

ชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่บริเวณคอนโซลได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยน แผงควบคุมของผู้ขับขี่จะมาพร้อมกับหน้าปัดใหม่ และกราฟฟิคต่างๆ ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเหมาะสมและทันสมัยมากขึ้น เทคโนโลยีระบบไฟ LEDs ถูกนำเข้ามาเสริมความหรูหราและความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย คอนโซลกลางจะโดดเด่นด้วยก้านเกียร์สีดำใหม่ล่าสุด ที่จะบ่งบอกความเป็นสปอร์ตสุดหรูของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี สำหรับรุ่น V8 และ V8 S Coupe จะมาพร้อมกับที่เก็บของเพิ่มเติมใหม่ล่าสุดที่จะติดตั้งซ่อนอยู่ระหว่างเบาะหลัง และสามารถใช้ในการเก็บของและชาร์จอุปกรณ์เชื่อมต่อไฟฟ้าต่างๆ รวมถึง iPads ได้อีกด้วย

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานแล้ว จุดเด่นของอุปกรณ์ภายในได้รับการพัฒนาควบคู่กันไปด้วยเช่นกัน

สำหรับรุ่น GT W12 และ GT Speed สามารถติดตั้งเบาะเพิ่มความนุ่มนวล softer semi-aniline hide สำหรับเบาะนั่งและพร้อมพนักพิง ผลิตจากหนังคุณภาพสูงที่ใช้อยู่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ และให้สัมผัสถึงความนุ่มสบาย หรูหรา และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน สีใหม่สำหรับ คอนติเนนทัล (Continental) ในปี 2015 คือสี Shortbread และ Camel

ส่วนเส้นสายของหลังคาในรุ่น GT V8 และ GT W12 รวมถึงรุ่น Speed Coupe มาในรูปแบบหนัง Alcantara® และมีสีให้เลือกถึง 17 สีเลยทีเดียว

การเชื่อมต่อแบบ WiFi ในรถจะช่วยทำให้เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และสามารถทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ จากภายในรถได้

ประสิทธิภาพของ W12 และความประหยัดที่มากขึ้น

นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้กับคอนติเนนทัล GT W12 (Continental GT W12) แล้ว เครื่องยนต์ยังได้รับการปรับเปลี่ยนเช่นกัน โดยเปลี่ยน 3 จุดหลักสำหรับเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร Twin Turbo W12 นั่นคือพละกำลังเครื่องยนต์และแรงบิดที่เพิ่มขึ้น จาก 575 PS (567 แรงม้า / 423 กิโลวัตต์) และ 700 นิวตันเมตร เป็น 590 PS (582 แรงม้า / 434 กิโลวัตต์) และ 720 นิวตันเมตรเลยทีเดียว

การเพิ่มประสิทธิภาพและพละกำลังของเครื่องยนต์นำไปสู่การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้นอีก 5% โดย GT W12 มาพร้อมกับระบบ variable displacement system และด้วยเครื่องยนต์ใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพในการใช้งานร่วมกับส่วนของวาล์วปีกผีเสื้อบนลูกสูบ 6 สูบจาก 12 สูบได้ ส่งผลให้ลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลงและลดระดับ การปล่อยมลพิษหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) เป็น 329 กรัม/กิโลเมตร และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 14 ลิตร/100 กิโลเมตร (7.14 กิโลเมตร/ลิตร)

ตัวเลือกของความหรูหราที่เพิ่มใน ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur)

เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) รถ 4 ประตู ซีดาน ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนและเพิ่มคุณสมบัติที่โดดเด่นเข้าไปในปี 2015

ล้อขนาด 20 นิ้วแบบ six-tri-spoke wheel สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้ง V8 และ W12 ในขณะที่ล้อขนาด 21 นิ้วแบบ 7 ก้านคู่หรือ seven-twin-spoke สามารถติดตั้งได้กับฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) W12 Mulliner และสามารถพ่นเงาหรือพ่นสี Graphite เพื่อให้ล้อมีความเงางามมากยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารของฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ยังมีความทันสมัยที่เพิ่มขึ้น และยังมีจุดเด่นใหม่ๆ ที่จะมาเติมเต็มสำหรับรูปลักษณ์ภายในห้องโดยสาร และการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน แผงหน้าปัดหน้าคนขับได้รับการเปลี่ยนโฉมรูปแบบกราฟฟิคให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในขณะที่พวงมาลัยได้รับการออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ต ปุ่มสวิทช์มาในรูปแบบเหล็กเหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับก้านเกียร์ หรือ Shift Paddles ไม่เพียงเท่านี้ใน ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ยังสามารถเรียกใช้งานระบบ WiFi hotspot system เสมือนกับที่ใช้อยู่ในรุ่น คอนติเนนทัล (Continental) เพื่อการเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมขณะขับขี่ และสามารถผ่อนคลายภายในรถฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ได้ดียิ่งขึ้น

อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมคือสีใหม่ล่าสุดนั่นคือ สี Marlin, Camel และ Jetstream เหมือนกันกับรุ่น คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ส่วนหนังได้รับการเสริมด้วยสี Shortbread และ Camel

พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดอยู่ที่ 625 PS (616 แรงม้า / 460 กิโลวัตต์) / 800 นิวตันเมตร (590 lb.ft) สำหรับเครื่องยนต์ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) W12 อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้น และมีความสามารถเสมือนรถแกรนด์ ทัวริ่ง (Grand Touring) ซึ่งต้องยกความดีให้กับระบบ variable displacement system ที่ติดตั้งอยู่ภายในคอนติเนนทัล GT W12 ด้วยเช่นกัน โดยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง และลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  (CO2 ) ต่ำลงเหลือเพียง 333 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น
ข้อความจากผู้เขียน
เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ คือแบรนด์รถยนต์หรูที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เมือง Crewe โดยเป็นที่ตั้งของทีมออกแบบ ทีมวิจัยและพัฒนา ทีมวิศวกรและเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิตรถทั้ง 3 รุ่นของเบนท์ลี่ย์นั่นคือ คอนติเนนทัล (Continental) ฟลาย อิ้งสเปอร์ (Flying Spur) และ   มูซาน (Mulsanne)  ฝีมือและทักษะงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมได้ถูกถ่ายทอดต่อรุ่นสู่รุ่น พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่างเบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเป็นโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษ ซึ่งมีพนักงานถึง 3,800 คน ณ เมือง Crewe เลยทีเดียว
สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้จาก บริษัท            เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษโดยตรง คอยให้บริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่แผนกขายโทร. 02-261-   1050-1 หรือ 02-610-9911-3และท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่  www.thailand.bentleymotors.com

ฟอร์ดเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการใหม่ ‘ฟอร์ด ไซม์ ดาร์บี้ เจริญนคร’




กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 19 มีนาคม 2558 – ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานฟอร์ด แห่งใหม่ล่าสุด ฟอร์ด ไซม์ ดาร์บี้ เจริญนคร’ ซึ่งได้รับการออกแบบที่สวยงามและทันสมัยตามมาตรฐาน Brand@Retail ของฟอร์ด พร้อมให้บริการครบวงจร ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายบริการ และฝ่ายอะไหล่ เพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าฟอร์ดในเขตธนบุรี

โชว์รูมฟอร์ด ไซม์ ดาร์บี้ เจริญนคร ดำเนินงานโดย บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ แวนเทจ  (ประเทศไทย) จำกัด และนับเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ดแห่งที่ ของกลุ่มไซม์ ดาร์บี้ ในประเทศไทย

นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า โชว์รูมฟอร์ด ไซม์ ดาร์บี้ เจริญนคร นับเป็นโชว์รูมที่มีความสวยงาม ทันสมัย และพร้อมให้บริการตามมาตรฐานระดับโลกของฟอร์ด ซึ่งบริษัทมีความเชื่อมั่นว่า โชว์รูมแห่งใหม่นี้จะเป็นอีกหนึ่งโชว์รูมที่มีส่วนทำให้ลูกค้าฟอร์ดในเขตธนบุรีได้รับความสะดวกสบายจากการให้บริการที่ดีเยี่ยมจากศูนย์บริการที่มีคุณภาพของเรา 

ทั้งนี้ บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ แวนเทจ (ประเทศไทย) ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของฟอร์ดในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ดรวม แห่ง ประกอบด้วย โชว์รูมฟอร์ด สาขาลาดกระบัง เป็นสาขาแรกที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2555 ต่อมาคือสาขาสุขาภิบาล เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2556 โดยนับเป็นโชว์รูมขนาดใหญ่แห่งแรกที่มีการให้บริการครบวงจร ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายบริการ ฝ่ายอะไหล่ และฝ่ายสีและตัวถัง รวมทั้งยังมีช่องซ่อมมากกว่า 30 ช่องซ่อม พร้อมช่องซ่อมตัวถังและสี 15 ช่องซ่อม และล่าสุดคือสาขาเจริญนคร ซึ่งเป็นโชว์รูมที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านการให้บริการระดับโลกของฟอร์ด พร้อมให้บริการครบวงจร ทั้งฝ่ายขาย ฝ่ายบริการ และฝ่ายอะไหล่
 “โชว์รูมฟอร์ด ไซม์ ดาร์บี้ เจริญนคร ได้รับการรับรองด้านการให้บริการตามมาตรฐาน Quality Care ของฟอร์ด ซึ่งเป็นการรับรองที่เรามอบให้แก่โชว์รูมและศูนย์บริการที่มีการบริหารจัดการดีเยี่ยมและมีความพร้อมที่จะมอบการบริการระดับโลกให้แก่ลูกค้าฟอร์ด” นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

“ในโอกาสเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ในวันนี้  ดิฉันจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จ ในการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการบริการลูกค้า รวมถึงมอบประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของฟอร์ดยิ่งขึ้นต่อไป” นางสาวยุคนธร กล่าว

มร.สตีเว่น เตียว ชิน ฮัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ (ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยว่า กลุ่มไซม์ ดาร์บี้เป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ในประเทศมาเลเซีย มีมูลค่าตลาดของกิจการอยู่ที่ 18,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีพนักงานกว่า 100,000 คนทั่วโลก ทั้งนี้ ไซม์ ดาร์บี้ มีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน และพัฒนาการการดำเนินธุรกิจในทุกด้าน โดยมีธุรกิจหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจน้ำมันปาล์ม เครื่องมืออุตสาหกรรม รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน สาธารณูปโภค และการดูแลสุขภาพ


ในประเทศไทย กลุ่มบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ และฟอร์ดมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมายาวนาน โดยเราเป็นผู้จำหน่ายหลักของฟอร์ดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของฟอร์ดในประเทศไทย จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับโลก รวมถึงแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในอนาคตของฟอร์ด ซึ่งเป็นการเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภค โดยไซม์ ดาร์บี้ แวนเทจ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของฟอร์ดในการมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเรา” มร.สตีเว่น เตียว ชิน ฮัน กล่าว

เอ.พี.ฮอนด้าเปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน ยกระดับคุณภาพบุคลากรHonda Wing Center เพื่อที่สุดของมาตรฐานการให้บริการ





เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ยกระดับมาตรฐานการอบรมและถ่ายทอดความรู้ให้กับบุคลากรของเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Motorcycle Training Center) ที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันในการฝึกอบรมด้านต่างๆ
          มร.โนบุฮิเดะ นางาตะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้เป้าหมายของการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคและสังคม เอ.พี.ฮอนด้าไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการเพื่อรองรับกับความคาดหวังที่สูงขึ้นของผู้บริโภครุ่นใหม่ เราได้ใช้นโยบาย 5S ที่ประกอบไปด้วย Sales, Service, Spare Parts, Safety Riding และ Second Hand มาเป็นเกณฑ์มาตรฐาน และร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในการฝึกอบรมบุคลากรด้านต่างๆของทางร้านอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 ความพยายามดังกล่าวเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จที่ทำให้เอ.พี.ฮอนด้า ครองความเป็นหนี่งในใจคนไทยมานานกว่า 26 ปี

 “เอ.พี. ฮอนด้าได้มีแนวคิดที่จะนำองค์ความรู้หรือโนว์ฮาวที่เราสั่งสมไว้มาถ่ายทอดให้กับบุคลากรของร้านผู้จำหน่ายฯอย่างเป็นระบบ และขยายฐานการรับรู้ของของโนว์ฮาวเหล่านี้ไปสู่หน่วยงานภาครัฐ นักเรียนอาชีวะ และพันธมิตรต่างๆอย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เราจึงได้ออกแบบจัดสร้างศูนย์ฝึกอบรมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าขึ้นมา โดยศูนย์ฯแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านต่างๆอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการขายการให้บริการหลังการขายความรู้ด้านอะไหล่,เทคโนโลยีรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงกิจกรรมขับขี่ปลอดภัย ถือเป็นศูนย์ฝึกอบรมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน

สำหรับศูนย์ฝึกอบรมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหรือ Honda Motorcycle Training Center มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้นดีไซน์ทันสมัย มีพื้นที่ใช้สอย 2,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกับศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้ากรุงเทพฯ สุขาภิบาล 3 ด้านในประกอบไปด้วยห้องอบรมหลักขนาดใหญ่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ สามารถใช้ฝึกอบรมนายช่างได้ทั้งภาคทฤษฏีและปฎิบัติตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับครูฝึกให้กับศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ได้มากกว่า3,000 คนต่อปีห้องเวิร์คชอป 30 แท่นซ่อมพร้อมระบบท่อดูดควันไอเสีย รองรับการเรียนการสอนสำหรับรถจักรยานยนต์ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงรถบิ๊กไบค์ขนาด 1,800 ซีซี โดยเน้นไปที่การอบรมความรู้ระบบเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI และระบบไฟฟ้า รวมถึงการวิเคราะห์ปัญหาด้วยหลักสูตรจากฮอนด้ามอเตอร์ประเทศญี่ปุ่นห้องอีเลิร์นนิ่งสำหรับให้ผู้เข้าอบรมได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติและโซนจำลองของศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center สำหรับอบรมพนักงานขายมืออาชีพตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับสูงรวมถึงครูฝึก เพื่อมาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุด


ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการต่างๆที่เอ.พี.ฮอนด้าได้สร้างสรรค์ขึ้นได้ที่เว็บไซต์www.aphonda.co.th  พร้อมทั้งอัพเดทความเคลื่อนไหวของกิจกรรมจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

“ไทยยานยนตร์” สนับสนุน “โฟล์คสาวาเกน คาราเวล” ในโครงการ “สานสัมพันธ์สู่สันติวัฒนธรรม ครั้งที่ 5”



เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen บริษัทในเครือ “กลุ่มไทยยานยนตร์” ได้รับการไว้วางใจจาก “มูลนิธิสันติภาพนานาชาติ” (The International Peace Foundation) ในการเลือกรถยนต์  โฟล์คสวาเกน รุ่นเดอะ นิว คาราเวล เพื่อใช้เป็นยานพาหนะสำหรับ “ศาสตร์จารย์ เอ-อิชิ เนกิชิ” ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี ประจำปี ค.ศ.2010  ซึ่งจะแสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “พลังแห่งปฏิกิริยาที่ใช้โลหะทรานสิชั่นเป็นตัวเร่ง เพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืนและรุ่งเรือง ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการ ““สานสัมพันธ์สู่สันติวัฒนธรรม ครั้งที่ 5 ประจำภูมิภาคอาเซียน” (The 5th ASEAN event series “Bridges - Dialogues Towards a Culture of Peace”)  

“MOTOR EXPO” เผยโฉมผู้โชคดี คว้ารางวัลชิงรถมูลค่ารวมกว่า 2.6 ล้านบาท!


“สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรมยานยนต์” หรือ Thailand International Motor Expo มอบรางวัลใหญ่ รถยนต์ 3 คัน และจักรยานยนต์ 1 คัน รวมมูลค่า 2,626,000 บาท แก่ผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมชิงรางวัลภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31” โดยมีรายละเอียดดังนี้
"ซื้อรถ ชิงรถ" คุณกรกนก ใจฉลาด รับมอบรถยนต์ MG6 FASTBACK 1.8X TURBO SUNROOF มูลค่า 1,128,000 บาท
"ซื้อบัตร ชิงรถ" คุณฐิติกร โอภาสนิพัทธ์ รับมอบรถยนต์ FORD ALL-NEW ECOSPORT รุ่น TREND มูลค่า 759,000 บาท
“SMS ชิงรถ" คุณสุนทร บุญมีมีชัย รับมอบรถยนต์ SUZUKI CELERIO มูลค่า 439,000 บาท
“ซื้อมอเตอร์ไซค์ ชิงบิกไบค์" คุณสุนทร เพิ่มเพียรสิน รับมอบจักรยานยนต์ HONDA CBR 650F มูลค่า 300,000 บาท

ติดตามรายชื่อผู้โชคดีทุกรายการ ได้ในนิตยสาร "ฟอร์มูลา", คาร์ สเตริโอ, 4 WHEELS ฉบับ ประจำเดือนเมษายน 2558 หรือที่ http://www.motorexpo.co.th

เปิดตำนานอมตะรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural (อูรัล)


เรื่องราวของ “Ural” หรือ อูรัล” เริ่มต้นขึ้นในปี 1939 ระหว่างยุคปฏิบัติการสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics หรือ USSR) ดินแดนหลังม่านเหล็ก ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้จะมีสนธิสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างเยอรมนีกับสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Molotov Ribbentrop)แต่โซเวียตก็ทราบดีว่าอีกไม่นานจะต้องรับมือกับจอมเผด็จการ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ (Adolf Hitler) ทำให้ โจเซฟ สตาลิน’ (Joseph Stalin) ขุนศึกแห่งโซเวียต ต้องเตรียมกำลังไพร่พลทหารภาคพื้นดินเพื่อต่อกรกับกองทัพแพนเซอร์ของเยอรมัน รวมถึงหน่วยกองรบพิเศษในการป้องกันกองทัพจากโปแลนด์ด้วย

          จากปฏิบัติการนี้ กระทรวงกลาโหมของโซเวียตได้มีการหารือกันในที่ประชุมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ที่จะใช้ในกองทัพ ซึ่งกองทัพต้องการรถที่ทันสมัยและมีอะไหล่-อุปกรณ์เสริมที่มีคุณภาพกว่าเดิม สืบเนื่องจากรถรุ่นเก่าที่ใช้ในปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งกับฟินแลนด์นั้นล้าสมัย ด้อยคุณภาพ และไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าใดนัก

หลังจากการหารืออย่างยาวนาน ในที่สุด ‘BMW R71’ ก็ถูกเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์คันใหม่ที่จะใช้ในกองทัพ โดยรัสเซียได้มีการซื้อรถ BMW จำนวน 5 คัน และนำเข้ามาอย่างลับๆ จากสวีเดน จากนั้นจึงให้วิศวกรในกรุงมอสโกถอดแบบทั้งรูปทรงและตัวเครื่อง โคลนนิงใหม่ให้กลายเป็น ‘M-72’ รถต้นแบบคันแรกที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงต้นปี 1941 ซึ่ง สตาลิน ก็ได้อนุมัติให้มีการผลิตรถพ่วงข้างดังกล่าวเพื่อใช้ในกองทัพโดยทันที

          โรงงานในกรุงมอสโกได้เริ่มต้นทำการผลิต “M-72” รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง จำนวนหลายร้อยคัน แต่ด้วยยุทธวิธีการบุกโจมตีอย่างเฉียบพลันของนาซี ตลอดจนการทิ้งระเบิด ทำให้โซเวียตกังวลว่า ระเบิดอาจตกในรัศมีของโรงงาน จึงตัดสินใจย้ายที่ตั้งไปทางตะวันออก ท่ามกลางทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการผลิต และห่างไกลจากรัศมีของเครื่องบินทิ้งระเบิด ในเมืองIrbit เขตเทือกเขาอูรัล หรือ อูราล” ที่คนไทยส่วนใหญ่ออกสำเนียงเพี้ยนจากภาษารัสเซีย  เมืองที่ได้ชื่อว่า ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของรัสเซียก่อนการปฏิวัติเมื่อปี 1917

          อาคารขนาดใหญ่ในเมืองนี้มีเพียงโรงเบียร์ ซึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นอาคารหลักสำหรับวิจัยและพัฒนาวิธีการผลิตขนาดใหญ่ของรถพ่วงข้าง “M-72” จนกระทั่งในวันที่ 25 ตุลาคม 1942 รถจักรยานยนต์ “M-72” ที่ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานแห่งนี้ ได้ถูกส่งไปสมรภูมิรบเป็นครั้งแรก ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รถมอเตอร์ไซค์รุ่น “M-72” ได้ถูกผลิตออกมาถึง 9,799 คัน เพื่อใช้ในหน่วยลาดตระเวน และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ในแนวหน้าของการรบ

“Ural” ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กองทัพรัสเซียได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรปราบ จอมเผด็จการ ฮิตเลอร์ในสมรภูมิภาคพื้นยุโรป หลังจากสงครามสิ้นสุดลง โรงงานแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงใหม่ และในปี 1950 โรงงานแห่งนี้ก็ได้ทำการผลิต Ural ครบ 30,000 คัน ซึ่งช่วงปลายของทศวรรษที่ 50 ได้มีการแบ่งหน้าที่การผลิตรถ Uralสำหรับใช้งานในกองทัพให้กับโรงงานใน Ukraine และโรงงานใน Irbit ได้เริ่มต้นผลิตรถสำหรับตลาดภายในประเทศและรถในการพาณิชย์มากขึ้น ความนิยมในรถ Ural ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นจนมาถึงช่วงทศวรรษที่ 60 โรงงานแห่งนี้ก็เปลี่ยนมาผลิตรถเพื่อการพาณิชย์อย่างเต็มตัว

ประวัติศาสตร์การส่งออกของ Ural (อูรัล)
“Ural” ได้ถูกส่งออกจากโซเวียตเป็นครั้งแรกในปี 1953 โดยในช่วงแรกถูกส่งออกไปยังประเทศที่กำลังพัฒนา แต่พอมาถึงช่วงปี 1960 Ural ก็ถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลก ด้วยจุดเด่นอันผสมผสานกันได้อย่างลงตัวทั้งสไตล์การออกแบบที่เป็นอมตะ คุณสมบัติในการบรรทุกของรถพ่วงข้าง รวมไปถึงราคาที่สมเหตุสมผล
  
ในเดือนพฤศจิกายนปี 1992 โรงงานที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมาตลอดแห่งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหุ้นของบริษัท โดย 40% ของหุ้นได้ถูกแบ่งให้กับฝ่ายบริหารและพนักงาน อีก 38% ได้มีการประมูลให้กับผู้ที่สนใจซึ่งส่วนใหญ่ก็ตกไปเป็นของคนภายในบริษัท และ 22% ที่เหลือยังเป็นของรัฐบาล

จนกระทั่งต้นปี 1998 Ural ได้ถูกซื้อโดยนักลงทุนชาวรัสเซีย และได้กลายมาเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว โดยการเข้ามาของเจ้าของรายใหม่ ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไอเดียและเทคโนโลยีในการผลิตแบบใหม่ รวมไปถึงคำมั่นสัญญาที่ให้กับลูกค้าทุกรายถึงการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน ทำให้ Ural กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Ural ในสมัยเก่า แต่ถูกพัฒนาโดยเทคโนโลยีการผลิตและวัตถุดิบในยุคปัจจุบัน ระบบการพ่นสีที่ถูกปรับปรุงใหม่ รวมไปถึงชิ้นส่วนโครเมี่ยม ทำให้ Ural ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

Ural ที่ถูกผลิตขึ้นในปัจจุบัน ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานของความสมบุกสมบันบนถนนอันขรุขระของประเทศรัสเซีย ยังมีสถานที่อีกมากมายในประเทศแห่งนี้ที่มีเพียงม้าและ Ural เท่านั้นที่จะพาคุณและสัมภาระเข้าไปได้ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural ยังคงใช้เครื่องยนต์ในแบบ Flat Twin 2 สูบวางนอน 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบเกียร์เดินหน้า 4 สปีด และเกียร์ถอยหลัง ขับเครื่องด้วยเพลา จานคลัชท์คู่แบบแห้ง โช๊คอัพสปริง และดิสท์เบรก ซึ่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ทั้งแบบ Solo และSidecar ได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เหมาะสำหรับตลาดแถบยุโรปและอเมริกามากยิ่งขึ้น
                   
“Ural” เป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่แบรนด์เดียวในรัสเซีย รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รูปแบบ Sidecarเพียงไม่กี่แบรนด์ของโลก ซึ่งนอกจากจะมีการจำหน่ายภายในประเทศรัสเซียแล้ว ยังมีการส่งออกไปอีกหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สเปน กรีซ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน เยอรมัน อียิปต์ อิหร่าน แอฟริกาใต้ บราซิล อุรุกวัย ปารากวัย และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย จนถึงวันนนี้ “Ural” กว่า 3.2 ล้านคัน ถูกผลิตขึ้น ภายหลังจาก “M-72” รถต้นแบบได้ถือกำเนิดขึ้นในอดีต

           จากรัสเซียสู่แดนสยามกับนิยามใหม่ภายใต้แนวคิด “Camping-Adventure”
          ล่าสุด บริษัท อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์ จำกัด ร่วมสานต่อตำนานอมตะรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural “อูรัล” จากดินแดนหมีขาว รัสเซีย” ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการรถจักรยานยนต์เมืองไทยเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินไทย ในงานเทศกาลคนรักมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบงค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2015” เมื่อตนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายและทำตลาด แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

ด้วยแนวคิด แคมปิ้งแอดแวนเจอร์” ทีทาง อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์ ไทยแลนด์ กำหนดทิศทางในการบุกเบิกตลาด Ural (อูรัล) สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์เฉพาะตัวของ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่มีความโดดเด่นทั้งด้านความแข็งแกร่ง ทนทาน สามารถขับขี่ได้ดีเยี่ยงรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป และยังสามารถขับขี่ใช้งานได้ทุกสภาพถนน แม้แต่เส้นทางทุรกันดาร โดยยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์คลาสสิคที่สืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้รักการท่องเที่ยวและชื่นชอบความท้าทายในการขับขี่แบบผจญภัย

สัมผัสและทดลองขับขี่ Ural (อูรัล) รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อ และล้อเดียวได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิล ประเทศไทย” ซอยพัฒนาการ 76 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร.02-722-0990 สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.uralthailand.com


donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved