Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าเสริมยุทธศาสตร์สร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ ดันประเทศไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางกระจายอะไหล่ ในภูมิภาคอาเซียนพร้อมส่งออกไปทั่วโลก


กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 12 พฤษภาคม 2558, มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดศูนย์กลางกระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่บนถนนบางนา-ตราด  พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบริการหลังขาย
การลงทุนของมาสด้าในประเทศไทยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.. 2538 ในการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กับพันธมิตร ภายใต้ชื่อ บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำการผลิตรถกระบะเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 140 ประเทศ  ซึ่งโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ประเทศไทย และมีพนักงานกว่า 9,000 คน มีกำลังการผลิต 270,000 คันต่อปี
ล่าสุดนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์ ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนอีกกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ All-New Mazda2 ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ซึ่งรถยนต์ All-New Mazda2 นี้นับเป็นรยนต์ ที่ทันสมัยที่สุดในรถระดับเดียวกัน มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูง ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน
นอกจากนี้มาสด้ายังทุ่มเม็ดเงินก้อนโต เพื่อก่อตั้ง บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย Mazda Powertrain Manufacturing Thailand ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการผลิตชุดเกียร์ออโตเมติก SKYACTIV-DRIVE โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 400,000 ยูนิตต่อปี เพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตรถยนต์     ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และส่งออกสู่ตลาดโลก นับเป็นครั้งแรกที่มาสด้าได้ทำการผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในตลา
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยมีการขับเคลื่อนที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุด จากการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการลงทุนจากทางภาครัฐ ที่สำคัญภาคเอกชนก็มีทั้งศักยภาพและความพร้อมด้านการผลิตชิ้นส่วนและการผลิตยานยนต์ ผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนประกอบ อะไหล่ยานยนต์ เติบโตจนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกและเศรษฐกิจในประเทศไทย
นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า ในธุรกิจยานยนต์นั้น การที่ลูกค้าได้รับอะไหล่ที่ถูกต้องในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินคุณค่าของแบรนด์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพสูงสักเพียงใด หากบริการอะไหล่ไม่เข้มแข็งแล้ว แบรนด์เองก็ไม่สามารถจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของลูกค้าได้ ในอดีตที่ผ่านมานั้น มาสด้าได้ทำการบริหารด้านอะไหล่ผ่านทางคู่ค้าธุรกิจในภูมิภาคนี้ ดังนั้น โครงสร้างการบริการของเราจึงยังเป็นรองคู่แข่งอยู่มาก
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ของมาสด้านี้จะช่วยส่งเสริมให้มาสด้าสามารถให้บริการงานอะไหล่ได้ด้วยคุณภาพด้านการบริการสูงสุด เนื่องจากสามารถทำการควบคุมการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อันประกอบด้วย ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ นี้มีศักยภาพสูงยิ่งในการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือตลาดที่สำคัญที่สุดของมาสด้าในการขยายธุรกิจให้เติบโต มาสด้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้จะมีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เนื่องจากศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานบริการในระดับภูมิภาค
ดังนั้น มาสด้าจึงถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนมหาศาล พร้อมทั้งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนอกเหนือจาก ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน และล่าสุดประเทศเม็กซิโก
นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา มาสด้าได้มุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อลูกค้าชาวไทย ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมาสด้ามียอดการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย จำนวน 320,000 คัน (2548 – 2558) ดังนั้นมาสด้าจึงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพของการบริการให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เนื่องจากมีรถยนต์มาสด้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการบริหารจัดการเกี่ยวกับอะไหล่ที่มีคุณภาพ รวมถึงความรวดเร็วในการส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่มาสด้าได้พันธมิตรอย่างกลุ่มยูเซ็นซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่ง หรือ ระบบโลจิสติกส์ จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้มาสด้าสามารถจัดส่งอะไหล่ไปยังผู้จำหน่ายได้ถูกต้องรวดเร็วในทุกพื้นที่
สำหรับศูนย์การกระจายอะไหล่ของมาสด้าก่อสร้างขึ้นด้วยซึ่งการร่วมมือกันกับพันธมิตรระหว่าง บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท ยูเซ็น โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่คือ Mazda Logistics & Yusen (Asia) Co., Ltd. (บริษัท มาสด้า โลจิสติกส์ แอนด์ ยูเซ็น (เอเชีย) จำกัด) มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 22,281 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็น พื้นที่ส่วนที่เป็นสินค้าหลักประมาณ 14,636 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าย่อยอีกประมาณ 7,645 ตารางเมตร มีจำนวนอะไหล่หมุนเวียนเข้า-ออกทั้งสิ้นประมาณ 53,500 รายการ มูลค่าสินค้าหมุนเวียนในโกดังประมาณ 360 ล้านบาท
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้มีซัพพลายเออร์ส่งชิ้นส่วนเข้ามาประมาณ 260 ราย เพื่อทำแพ็คเกจจิ้ง แล้วส่งออกไปยังศูนย์บริการมาสด้าทั้ง 125 แห่งทั่วประเทศไทย โดยในส่วนของกรุงเทพฯ จะมีรถจัดส่งจำนวน 6 คัน จัดส่งวันละ 2 เที่ยวต่อวัน ส่วนต่างจังหวัด 1 เที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ศูนย์กระจายอะไหล่มาสด้าแห่งใหม่นี้ยังทำการส่งออกอะไหล่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน และทั่วโลกอีกกว่า 100 ประเทศ โดยอะไหล่ที่สำคัญหลักๆ ประกอบด้วย อะไหล่ของรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 และมาสด้า2
มาสด้ามุ่งมั่นในเรื่องการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมเพื่อสร้างความพึงพอใจในการบริการหลังการขายเพิ่มสูงขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์มาสด้า นายฮิเดสึเกะ กล่าวเพิ่มเติม

ทีเอสแอล ปรับกลยุทธ์ ชูบริการหลังการขาย วางแผนสร้างศูนย์บริการใหม่เพิ่ม 2 สาขา มั่นใจปี 2558 รายได้เพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์




            ทีเอสแอล ปรับแผนธุรกิจปี 2558 ใหม่ เปิดเกมรุกตลาดรถนำเข้ารับเซอร์วิสระดับพรีเมียม ทุกแบรนด์ ทุ่มงบ 60 ล้านบาท ขยายพื้นที่และปรับโฉมศูนย์บริการ เพื่อรองรับการให้บริการที่ดีกว่า พร้อมเตรียมเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก แห่ง คาดสิ้นปีรายได้รวมเติบโต 20 เปอร์เซ็นต์

นางสาวสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2558 นี้ ทีเอสแอล ปรับกลยุทธ์และภาพลักษณ์ทางการตลาด โดยให้น้ำหนักและความ สำคัญมาที่ความเป็นศูนย์บริการมาตรฐานแบบครบวงจรของรถยนต์พรีเมียม เราเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ให้ลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแน่นอนลูกค้าต้องการรถที่มีคุณภาพที่ดี ย่อมต้องการการดูแลหลังการขายที่ดีกว่าควบคู่กันไป 

ขณะนี้ ณ สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ เราลงทุนกว่า 60 ล้านบาท ปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์บริการให้มีความทันสมัย สะดวก กว้างขวาง พร้อมให้บริการที่รวดเร็วในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์เครื่อง ศูนย์สี และส่วนของอะไหล่ทดแทนต่างๆ เป็นต้น โดยการปรับปรุงครั้งนี้เป้าหมายนอกจากจะให้บริการลูกค้าของ    ทีเอสแอลแล้ว เรายังสามารถรองรับลูกค้าที่ซื้อรถจากที่อื่นๆ สามารถนำรถเข้ามาใช้บริการได้ด้วยเช่นกัน 

“ด้านศักยภาพการให้บริการของศูนย์บริการทีเอสแอล ทั้ง 4 สาขา คือ สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ สาทร ทองหล่อ และจังหวัดภูเก็ต ศูนย์เครื่องมีความสามารถรองรับรถได้ทั้งสิ้น 160 คัน / วัน สำหรับศูนย์สี ที่มีเฉพาะที่สำนักงานใหญ่และที่จังหวัดภูเก็ต สามารถรองรับรถได้ 300คัน / เดือน   

จากการปรับกลยุทธ์มาเน้นเรื่องของศูนย์บริการ ทำให้ปีนี้ ทีเอสแอล มีแผนเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 2 สาขา โดยจะอยู่ในกรุงเทพฯ 1 แห่ง และอีก 1 แห่งในต่างจังหวัด และเราคาดว่ารายได้ในส่วนของศูนย์บริการจะเติบโตขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ นางสาวสุรีย์ภรณ์กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายฉัตร ปัญจทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ศูนย์บริการของทีเอสแอลดังกล่าวนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นศูนย์บริการซ่อมเครื่องและอะไหล่ มีทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งสิ้น 40 คน มีประสบการณ์ทำงานกับรถยนต์ชั้นนำหลากหลาย ประกอบกับเครื่องมือที่ทันสมัย ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานจะได้รับการฝึกอบรมตามมาตราฐานจากศูนย์ โมบิล 1 เซ็นเตอร์ โดยตรงมาอย่างดี
 สำหรับส่วนที่ 2 ศูนย์บริการซ่อมสีแลตัวถัง ประกอบด้วยทีมงานทั้งสิ้น 50 คน ด้วยมาตรฐานของสีกลาซูริทหรือสีนกแก้วที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ประกอบกับประสบการณ์การทำงานของช่างผสมสีและช่างพ่นสีที่มีมากกว่า 25 ปี ความพร้อมของอะไหล่ตัวถังที่พร้อมส่งให้อย่างรวดเร็วจากคู่ค้าทางธุรกิจ ย่อมการันตีได้ถึงความรวดเร็วและคุณภาพของงานสีที่ลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจสูงสุดอย่างแน่นอน
ในส่วนที่ 3  ศูนย์อะไหล่ หรือ Central Part Department (CPD) ทีเอสแอล กำลังเร่งพัฒนาและปรับปรุง เพื่อเตรียมความพร้อม เป็นคลังไหล่และอุปกรณ์เสริมให้กับรถจากทุกๆ ค่ายรถยนต์นำเข้า โดยมุ่งเน้นในความรวดเร็ว ความพร้อมของจำนวนอะไหล่ที่จำเป็น และที่สำคัญหาคู่ค้าสำหรับอะไหล่ที่หายากสำรองไว้ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแบบครบวงจรได้ในเร็วๆนี้

###

เกี่ยวกับทีเอสแอล
บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คือหนึ่งในผู้นำเข้าและจำหน่ายยนตรกรรมระดับหรูชั้นนำจากทั่วโลกของประเทศไทย พร้อมด้วยศูนย์บริการหลังการขายมาตรฐานแบบครบวงจรในชื่อ ทีเอสแอล ออโต้  เซอร์วิส จำกัด ที่ให้บริการโดยผู้ชำนาญการเฉพาะรถยนต์นำเข้าทุกรุ่นด้วยประสบการณ์การให้บริการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์-เครื่องมือวิเคราะห์รุ่นล่าสุดจากต่างประเทศ ซึ่งมีจุดให้บริการถึง 4 ศูนย์บริการได้แก่ สำนักงานใหญ่แจ้งวัฒนะสาทร, ทองหล่อ (สุขุมวิท55) และภูเก็ต เพื่อตอบสนองรสนิยมที่เหนือกว่าของคนที่มีไลฟ์สไตล์เหนือระดับเช่นคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมของทีเอสแอลทั้ง 4 สาขา หรือ TSL Call Center 02-269-9999 หรือเว็บไซต์ www.tsl.co.th

ยางนิตโตะ เปิดเกมรุกไตรมาส 2 ปล่อยยางรหัสร้อน “NT860 นุ่ม..เงียบ สบายทุกเส้นทาง” ลงสู่ศึก กวาดตลาดยางทดแทน


                ยางนิตโตะ ยางนำเข้าจากต่างประเทศ 100% เปิดตัวยางรถยนต์ Ultra High Performance รหัสร้อน รุ่นใหม่ล่าสุด NT860 พร้อมลุยตลาดยางรถยนต์ทดแทน ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของยางนิตโตะ ด้วยผนังร่องดอกยาง DUAL QUIET SERRATION เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการลดเสียงรบกวน จากยางรถยนต์ขณะวิ่ง ที่ให้ความมั่นใจในความนุ่ม เงียบ ยึดเกาะถนน แบบยางสปอร์ต ไว้ครบถ้วนในเส้นเดียว ครอบคลุมทุกขนาดของยางรถยนต์ ตั้งแต่ล้อขอบ 14 นิ้ว – 18 นิ้ว พร้อมเดินหน้าลุยตลาด กวาดส่วนแบ่งทางการตลาดแบบครบทุกเซคเมนท์
นายอภิชัย  ตั้งวงศ์ศิริ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยางนิตโตะ ยางนำเข้าจากต่างประเทศ 100% เผยถึงผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รุ่นใหม่รหัสร้อน NT860 นี้ว่า “สำหรับผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ตัวใหม่ NT860 เป็นการต่อยอด จากความสำเร็จของยางรถยนต์ รุ่น NT830 ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับจากร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด นับตั้งแต่ได้มีการออกวางจำหน่ายสู่ท้องตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการยางนุ่ม เงียบ แต่เกาะถนนเหมือนยางสปอร์ต ซึ่งเป็นจุดเด่นของยางนิตโตะ NT830 ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการยางทดแทน ตั้งแต่ไซส์ยางรถยนต์ขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในเมืองไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ยางนิตโตะ NT830 ยังไม่มีขอบยางขนาดดังกล่าวมารองรับผู้บริโภคกลุ่มนี้
ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ยางนิตโตะจึงได้มีการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ได้ยางรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพนุ่ม..เงียบ ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ ให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเพิ่มมากขึ้น มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “นุ่ม เงียบ สบายทุกเส้นทาง” ซึ่งเหมาะกับรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์การใช้งานที่ต้องการความนุ่มนวล แต่มั่นใจในประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน
NITTO NT860 ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิตรุ่นใหม่ แบบอะตอม เพื่อโครงสร้างของยางที่ออกแบบให้สามารถดูดซับแรงกระแทก บนทุกพื้นผิวถนนได้เป็นอย่างดี และเทคโนโลยีร่องดอกยางเก็บเสียงแบบใหม่ล่าสุด “DUAL QUIET SERRATION” ที่ลดเสียงรบกวนจากยางรถยนต์ขณะขับขี่ได้สูงสุด อีกทั้งยังมีบล็อกดอกยางรูปตัว “F” ที่ช่วยปรับสมดุลประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และ ความนุ่มนวลของการขับขี่ ให้ได้สมรรถนะควบคู่กันสูงสุด พร้อมการออกแบบร่องดอกยาง และ Dots บนหน้ายาง ที่ช่วยปรับหน้าสัมผัสของดอกยางให้อยู่ในระนาบเดียวกับพื้นถนนทั้งในขณะรถวิ่ง และเบรก จึงช่วยให้ดอกยางสึกเรียบ คุ้ม..ทน วิ่งได้ไกลกว่า จึงทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากยิ่งขึ้น คุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน ด้วยส่วนผสมของสารซิลิกาสูตรใหม่ ช่วยให้ยาง NITTO NT860 ลดแรงต้านทานการหมุนของยางขณะรถวิ่ง ช่วยลดภาระของเครื่องยนต์ ประหยัดน้ำมันมากกว่า ผ่านการรับรองมาตรฐาน ECE-R117 Stage 2 S2WR2 ให้คุณมั่นใจในการขับขี่ตลอดการเดินทาง
ยางนิตโตะ NT860 พร้อมให้ทุกท่านเป็นเจ้าของแล้ว ในขนาดที่หลากหลายทั้งหมด 36 ไซส์ ตั้งแต่ขอบ 14 นิ้ว – 18 นิ้ว ราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ 2,000 – 6,000 บาท ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยางนิตโตะ กว่า 400 ร้านค้าทั่วประเทศ พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันที่ 1พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป ซึ่งยางนิตโตะ NT860 นี้ยังคงมาพร้อมการรับประกันคุณภาพสินค้าจากการผลิต ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของทางบริษัทฯ และมีเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทย ตนจึงเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รหัสร้อนตัวใหม่นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีเฉกเช่น ยางนิตโตะ NT830” นายอภิชัย กล่าวปิดท้าย

บริดจสโตนคว้ารางวัลยอดเยี่ยม “2014 Regional Supplier Overall Outstanding Performance Award” จาก โตโยต้า



สิงคโปร์ ( 28 เมษายน 2558) – บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิก จำกัด นำโดย มร.ชินอิจิ ฮานาชิ ประธานกรรมการบริหาร ร่วมงาน “Toyota Motors Asia Pacific Engineering and Manufacturing Annual Supplier Conference” ซึ่งจัดเมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ณ เดอะเบอร์เคลีย์ โฮเต็ล กรุงเทพ โดยผู้ร่วมงานประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย บริษัท บริดจสโตน เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ได้รับรางวัล “2014 Regional Supplier Overall Outstanding Performance Award” จาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแเฟคเจอริ่ง จำกัด

รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จในความทุ่มเทของบริดจสโตนในฐานะซัพพลายเออร์หลัก เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโตโยต้าในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในด้านความปลอดภัย คุณภาพ การจัดการด้านราคา การจัดส่ง วิศวกรรม รวมถึง การบริหารและการจัดการ โดยได้รับเกียรติจาก มร. ฮิสะยูกิ อิโนะอุเอะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท      โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแเฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้มอบรางวัล
มร.ชินอิจิ ฮานาชิ กล่าวว่า บริดจสโตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งในโลกธุรกิจ เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับฟัง “เสียงของลูกค้า” เพื่อให้สามารถรับรู้ทั้งความต้องการและเสียงตอบรับด้านต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จของบริดจสโตนในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงในตลาดยางรถยนต์ และเหนืออื่นใดรางวัลนี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้เราในฐานะผู้ผลิตต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาทั้งคุณภาพและการบริการ เพื่อก้าวสู่การเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริงของโตโยต้า ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยจุดหมายเดียวกันคือ “สร้างสุดยอดยนตรกรรม” นั่นเอง     

ออดี้ ทีที คูเป้: ไอคอนใหม่หัวใจสปอร์ต


ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อน 4 ล้อ “ควอทโทร” ลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวของออดี้และสุดยอดนวัตกรรมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 TFSI ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 230 แรงม้าที่    4,500 – 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,300 รอบต่อนาทีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่นพร้อมวาล์วแปรผัน AVS (AUDI Valve lift System) เกียร์อัตโนมัติ        S-Tronic 6 สปีด สนนราคา 3.99 ล้านบาท


เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค สานต่อการรุกตลาดรถสปอร์ตประกาศแนะนำยนตกรรมระดับพรีเมียม ออดี้ ทีที คูเป้    โฉมใหม่ (The all-new Audi TT 2.0 TFSI) สู่ตลาดเมืองไทยพร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่สายพันธุ์สปอร์ต พร้อมส่งมอบยนตกรรมสปอร์ตไอคอนล่าสุดสิ้นเดือนเมษายน 2558 นี้


นางสาวธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหารบริษัท เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย    ยนตกรรมพรีเมียมแบรนด์ออดี้ (AUDI) อย่างเป็นทางการเปิดเผยว่า ทันทีที่ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่ปรากฏตัว        สู่สาธารณชนในงานแสดงรถยนต์ระดับโลก เจนีวา มอเตอร์โชว์ (Geneva Motor Show) ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ออดี้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีชั้นสูงภายใต้การออกแบบเส้นแนวนอนและพื้นผิวที่เรียบตรง แต่กลับให้ความรู้สึกปราดเปรียว แข็งแกร่ง และล้ำสมัย ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่สื่อให้เห็นถึงความสวยงามแบบไดนามิค การออกแบบในเฟรมเดียวให้ความรู้สึกถึงความกลมกลืนและความสวยงามไปพร้อมกัน ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่ได้รับการยอมรับกันว่าเป็นที่สุดของความทันสมัย ซึ่งวันนี้เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค พร้อมส่งมอบความท้าทายใหม่นี้ให้กับลูกค้าผู้รักรถสปอร์ตอย่างแท้จริง


ออดี้ ทีที คูเป้ ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์ เช่น แผงหน้าจอดิจิตอล Audi virtual cockpit หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 12.3 นิ้วมีความละเอียดสูงที่ 1,440 x 540 pixels พร้อมหน้าปัดข้อมูลความเร็วและรอบเครื่องยนต์ทรงกลมคลาสสิก 2 วงพวงมาลัยเป็นแบบ “มัลติฟังก์ชั่น” ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสามารถรับคำสั่งและตอบสนองอย่างรวดเร็ว


ออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา “ควอทโทร” (quattro) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี        การขับเคลื่อนที่ได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงให้แก่ออดี้ด้านความมีเสถียรภาพและการยึดเกาะถนนมาอย่างยาวนาน ควอทโทรสามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานผสานกับระบบความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ได้   อย่างลงตัว ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันตรัท (MacPherson Strut) พัฒนาใหม่เพื่อช่วยลดน้ำหนักโดยรวมผ่านโครงสร้างอลูมิเนียมชนิดพิเศษ Audi space frame ระบบกันสะเทือนหลังแบบโฟล์ลิ้ง (4-Link) พร้อมระบบควบคุมการขับขี่ ออดี้ ไดร์ฟ ซีเลค (Audi Drive Select) ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อตอบสนองการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ เช่น comfort, auto, dynamic, efficiency


ออดี้ ทีที คูเป้ ยังเป็นรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐาน EU6 จากการใช้งานประจำวันเครื่องยนต์เบนซินใหม่ 2.0 ลิตร ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 150 กรัม/กม. อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย (ในเมือง-นอกเมือง) 15.6 กม./ลิตร ซึ่งจัดเป็นรถสปอร์ตขนาดกลางที่ยังคงให้สมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่โดดเด่นและประหยัดน้ำมันที่สุด สำหรับออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่นี้กำหนดราคาค่าตัวที่คันละ 3.99 ล้านบาท  


นางสาวธันยนันท์ กล่าวถึง แนวโน้มของตลาดรถกลุ่มพรีเมียมในปี 2558 ว่า ตลาดรถกลุ่มพรีเมียมในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจของไทยในเวลานี้ที่ตลาดรถยนต์นั่งโดยรวมชะลอตัวกว่า 40% และภาวะการแข่งขันของตลาดไม่สูงมากนักแตกต่างไปจากตลาดรถทั่วไปที่มีการแข่งขันรุนแรงในปี 2557 ตลาดรถพรีเมียมมียอดขายรวมราว 2 หมื่นคัน มีอัตราการเติบโตประมาณ 5.2%* เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนในปีนี้คาดว่าตลาดรวมของรถยนต์พรีเมียมยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีคือ 8-10% หรือมีตลาดรวมราว 2.1-2.2 หมื่นคัน
“ตลาดรถยนต์พรีเมียมมีปัจจัยหลักที่ทำให้มีการเติบโตสวนทางเศรษฐกิจคือ การที่มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ยังคงมีรายได้สูงประกอบกับในปีนี้ค่ายรถหลักของตลาดมีแผนแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทยอยออกสู่ตลาดตลอดทั้งนี้เชื่อว่ารถโฉมใหม่มีส่วนอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ในส่วนของการจัดระเบียบภาครัฐที่มีความชัดเจนในเรื่องภาษีและขั้นตอนการจัดเก็บภาษีนำเข้าของภาครัฐก็มีส่วนส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างคล่องตัว” นางสาวธันยนันท์ กล่าว


ทางด้านผลการดำเนินงานของออดี้ในประเทศไทยในปี 2557 ที่ผ่านมา ถือว่าออดี้ยังคงทำได้ตามเป้าหมาย ทั้งในด้านการสร้างการรับรู้ในแบรนด์และการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้า จากการเริ่มขยายไลน์สินค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และจะยังคงส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของออดี้ต่อเนื่องในปีนี้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยของออดี้ในปีที่ผ่านมา ยอดส่งมอบรถมีอัตราการเติบโตประมาณ 11% เป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ “ทั้งนี้การเปิดจำหน่ายของออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่บริษัทฯ เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีความทันสมัย รูปทรงที่ปราดเปรียวของออดี้ ทีที คูเป้ จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ดีไซน์การออกแบบ และสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ซึ่งออดี้ ทีที คูเป้ ใหม่ล่าสุดจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้ออดี้สร้างอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมายในปีนี้”  


*ยอดตลาดรถพรีเมี่ยม เฉพาะ 6 แบรนด์หลักในตลาด
***********************************************************

เกี่ยวกับออดี้ เอจี (Audi AG)
ออดี้ (Audi) มีฐานการผลิตที่เมืองอิงโกลสตัดช์ แล เนคกาซูลม (เยอรมนี), เกเยอร์ (ฮังการี), ชางชุน (จีน) และบรัสเซลส์ (เบลเยี่ยม) มีการทำการตลาดกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยออดี้ เอจี (Audi AG) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ออดี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในเครือได้แก่ บริษัท Lamborghini S.p.A ในเมือง Sant’Agata Bolognese อิตาลี

สำหรับประเทศไทย ออดี้ ทำตลาดประเทศไทยมายาวนานกว่า 20 ปี ภายใต้การทำตลาดของบริษัท เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค จำกัดในเครือยนตรกิจ คอปอร์เรชั่น ปัจจุบันออดี้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ รถยนต์ซีดาน เอ 3 ลิมูซีน (Audi A3 Limousine) ออดี้ เอ4 (Audi A4), ออดี้ เอ6 (Audi A6), ออดี้ เอ8 แอล ไฮบริด รถยนต์เอนกประสงค์ (SUV) ได้แก่ ออดี้ คิว3 (Audi Q3), ออดี้ คิว5 (Audi Q5), ออดี้ คิว7 (Audi Q7) และรถยนต์สปอร์ต ได้แก่ ออดี้ เอ5 (Audi A5) และออดี้ ทีที คูเป้ โฉมใหม่ (Audi TT Coupe)

ไฟร์สโตน รุกต่อเนื่อง ส่งผลิตภัณฑ์หลากหลายสู่ตลาด ปักหมุดตำแหน่ง ยางที่ลงตัวกับทุกคำตอบ สนองความต้องการอย่างครอบคลุมมากขึ้น



[กรุงเทพฯ] (23 เมษายน 2558) – ไฟร์สโตนตอกย้ำความสำเร็จผลิตภัณฑ์ ภายใต้ สโลแกน “ยาง...ที่ลงตัวกับทุกคำตอบ” (FIRESTONE, TIRE THAT MAKES SENSE) ที่แนะนำสู่ตลาด เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี   
มร.โทมิโอะ ฟุกุสุมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไฟร์สโตนไปก่อนหน้านี้ นับว่าประสบความสำเร็จ มีกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมและเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายขึ้นจึงแนะนำผลิตภัณฑ์เพิ่มอีกหลายรุ่น อาทิ  Firestone DESTINATION A/T” ลุยได้ทุกจุดหมาย นุ่มสบายทุกเส้นทาง ยาง All Terrain สำหรับรถยนต์เอนกประสงค์ (SUV)  และ ปิคอัพเอนกประสงค์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มขนาดยางอีก 6 ขนาดสำหรับ “Firestone F-01 Fuel Fighter”สำหรับรถยนต์นั่ง ซึ่งได้แนะนำสู่ตลาดก่อนหน้านี้ ทำให้ปัจจุบันมีให้เลือกถึง 18 ขนาด เพื่อตอบสนองและรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย

นอกจากนี้ยังตอกย้ำด้วยกลยุทธ์การสื่อสารผ่านช่องทางอันหลากหลาย อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนสื่อกลางแจ้งตามสถานที่ยอดนิยมต่างๆ  และ สังคมออนไลน์  อีกมากมาย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รุ่น ได้ที่ แผนกลูกค้าสัมพันธ์โทรศัพท์ 02-636-1555 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) หรือ 1800-259-537(ต่างจังหวัดโทรฟรี)  หรือ www.bridgestone.co.th

มาสด้าเผยโฉมงานดีไซน์ จักรยานและโซฟาภายใต้ธีมดีไซน์ใหม่


  • มาสด้าดีไซน์: งานนิทรรศการ Mazda Design: The Car as Art กลางกรุงมิลานมาในแนวคิด RIN และ EN
กรุงมิลาน ประเทศอิตาลีมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ได้เผยโฉมผลงานด้านศิลปะชิ้นเอกประติมากรรมล่าสุดของมาสด้า รวมถึง “จักรยาน” และ “โซฟา” ภายใต้การออกแบบ”โคโดะ” ในคืนก่อนวันเปิดงานนิทรรศการ “มาสด้าดีไซน์: รถยนต์คือศิลปะ” (“Mazda Design: The Car as Art”) ใจกลางเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมามาสด้าได้ให้ความสำคัญกับการแสดงออกถึงการเคลื่อนไหวอันปราดเปรียวรวดเร็วและทรงพลังผ่านรูปลักษณ์การออกแบบรถยนต์มาโดยตลอด ด้วยแนวคิดการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ ส่งให้ยนตกรรมเจนเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้าทุกรุ่นจึงมีบุคลิกที่แสดงออกถึงการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วและทรงพลัง เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาเฉกเช่นเดียวกับสัตว์ป่าในธรรมชาติ
การจัดงานนิทรรศการมาสด้าดีไซน์: รถยนต์ คือ ศิลปะ มาสด้ามีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับการแสดงออกถึงการเคลื่อนไหวให้พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยการสื่อสารถึงบุคลิก 2 อารมณ์ อันเป็นรากฐานของสุนทรียภาพในงานศิลปะของชาวญี่ปุ่น ได้แก่ ริน (RIN) อันหมายถึงความงามอันสง่า เยือกเย็น เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรี และ เอน (EN) ความสดใส น่าหลงใหล เปล่งประกายเร้าประสาทสัมผัส
“จักรยาน” ภายใต้แนวคิดโคโดะดีไซน์ ที่สร้างขึ้นนี้เป็นจักรยานความเร็วสูงอันมีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงออกถึงความสง่างามแก่นแท้ของจักรยาน โครงสร้างแบบมินิมัลของจักรยานนี้ประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ให้น้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โครงของจักรยานนั้นได้รับการขึ้นโครงจากแผ่นโลหะเพียงแผ่นเดียวด้วยการตีอย่างอุตสาหะ อานที่ใช้วัสดุหนังสีดำนั้นเย็บด้วยมือปักด้วยด้ายสีแดงอย่างปราณีตและใช้ดีไซน์เดียวกับใน All-New Mazda MX-5 ส่วนผสมที่ลงตัวของพละกำลังและเสน่ห์ของจักรยานนั้นชวนให้นึกถึงรูปลักษณ์ของ Mazda MX-5


จักรยาน ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์





โซฟา ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์


“โซฟา” ภายใต้แนวคิดโคโดะ ดีไซน์  เป็นผลงานการรังสรรค์ร่วมกันระหว่างนักออกแบบมาสด้าและผู้ผลิตเครื่องเรือนชาวอิตาเลียน โดยโซฟาตัวนี้แสดงออกถึงการผสมผสานอันงดงามของงานออกแบบสไตล์มาสด้าที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันประณีตและงานฝีมือชั้นสูงสไตล์อิตาเลียน ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในการออกแบบเครื่องเรือน รูปทรงของโซฟาตัวนี้ให้ความเฉียบคมเช่นเดียวกับรูปทรงของ Mazda CX-3 และชวนให้นึกถึงรากฐานอันแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของยนตกรรมมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่
ในงานนิทรรศการเดียวกันนี้ยังมีผลงานอีกมากมายของช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นที่นำมาร่วมจัดแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาการออกแบบของมาสด้า นั่นคือ โคโดะ ดีไซน์ — จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม โดยผลงานชิ้นเด่นๆ สำคัญๆ ได้แก่ “โคโดะคิ KODOKI” อันเป็นถังแช่ไวน์ที่ทำจากทองแดงสึอิคิ (Tsuiki)  โดยการขึ้นรูปจากทองแดงเพียงแผ่นเดียว ผลงานนี้ถูกรังสรรค์โดยสตูดิโอเกียวคุเซนโด (Gyokusendo) อันเป็นศูนย์กลางงานโลหะที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และอีกหนึ่งผลงานคือ “ชิระอิโตะ SHIRAITO” ซึ่งเป็นกล่องไม้เคลือบด้วยแลคเกอร์ตามแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น รังสรรค์ขึ้นโดย คินโจะ-อิคโคะคุไซ ผลงานนี้เป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์จากปรากฏการณ์ธรรมชาติสื่อสารผ่านทางชั้นสีของแลคเกอร์ที่เคลือบทับกันและเปลือกไข่ที่ประดับอย่างสวยงาม

“ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ การออกแบบได้กลายเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์แบรนด์และช่วยเพิ่มคุณค่าทางด้านศิลปะและคุณค่าที่ได้รับกับประสบการณ์จากแบรนด์มาสด้าโดยรวม” มร. มาซาฮิโระ โมโร เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของมาสด้ารับผิดชอบงานด้านการตลาดระดับโลก นวัตกรรมการบริการลูกค้าและการขาย กล่าว “ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่เราได้เปิดตัวแนะนำงานออกแบบของเราใจกลางเมืองมิลาน อันเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางการออกแบบของโลก ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ของมาสด้า ซึ่งในอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้ไป เราจะสร้างโอกาสอันดีให้ลูกค้าทุกคนได้ทำความคุ้นเคยกับมาสด้าและงานออกแบบของมาสด้าให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์และเสริมสร้างสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับลูกค้าในขณะเดียวกัน”

จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ เผย 'เรนจ์โรเวอร์ อีโวค' คว้ายอดจำหน่ายสูงสุดของแบรนด์ ในงาน Bangkok International Motor show 2015


 

กรุงเทพฯ – ซิตี้ ออโต้โมบิล ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทำยอดขายถล่มทลายกว่า 199 ล้านบาทจากงาน Bangkok International Motor show 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2558 ณ อิมแพคเมืองทองธานี โดยบูธของสองแบรนด์ดังได้ยกขบวนสุดยอดรถสปอร์ต สปอร์ตซีดาน และเอสยูวีสุดหรูที่มาพร้อมนวัตกรรมเพื่อการขับขี่แรงเต็มขั้นหลากหลายรุ่น อาทิ จากัวร์เอฟ – ไทป์ (F-TYPE)จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF)จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รวมไปถึง เรนจ์โรเวอร์ อีโวค (Range Rover Evoque)เรนจ์โรเวอร์ โวค (Range Rover Voque)แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ (Land Rover Defender) และ ฟรีแลนเดอร์ (Freelander) โดยรุ่นที่สร้างกระแสฮือฮามากที่สุดในหมู่ผู้เข้าชมงาน คือ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค รถเอสยูวีระดับหรูจากอังกฤษ เช่นเดียวกับสุดยอดยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบจากจากัวร์ อย่าง จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ สปอร์ตซาลูนสมรรถนะสูง ที่ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะปรากฏโฉมให้เห็นกันมากยิ่งขึ้นบนท้องถนนในประเทศไทย

ซิตี้ ออโต้โมบิล ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าที่สั่งจองรถภายในงาน อาทิ การรับประกันตัวถังมาตรฐานนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรีตลอด 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี และส่วนลด 15% เมื่อซื้อชิ้นส่วนประดับยนต์ของแท้ พร้อมบริการติดตั้งและซ่อมบำรุงโดยช่างผู้ชำนาญงานของ ซิตี้ ออโต้โมบิล ที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานของจากัวร์แลนด์โรเวอร์ นอกจากนี้ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จัดจำหน่ายภายในงานเพื่อขอทดสอบสมรรถนะยานยนต์ (สำหรับรุ่นจากัวร์เอฟ-ไทป์ คอนเวอร์ทิเบิลจากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ), จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF), และ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค) โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งภายในงาน และหลังจากงาน

มร.ริชาร์ด เฮก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “ผมต้องขอขอบคุณทีมงานฝ่ายขายทุกท่านจากตัวแทนจำหน่ายของเรา ที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำรถยนต์จากทั้งสองแบรนด์แก่ผู้ซื้ออย่างดีเยี่ยมในงาน Bangkok International Motor show ครั้งนี้ โดยทุกท่านแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและองค์ความรู้ของบุคคลากรของเราในการต้อนรับลูกค้ารายใหม่เข้าสู่ครอบครัวจากัวร์แลนด์โรเวอร์อย่างอบอุ่น ในงานจัดแสดงยานยนต์ครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ยิ่งใหญ่ของเรา โดยบริษัทได้มีแผนที่จะเปิดตัวแฟล็กชิพโชว์รูมและศูนย์บริการที่ทันสมัยครบวงจรบนถนนพระราม 4 เพื่อเป็นการขยายเครือข่ายศูนย์บริการของเราให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเราบริหารโชว์รูมและศูนย์บริการ 3 แห่ง ได้แก่ เพรสทีจ มอเตอร์ คาร์ส ถนนวิทยุจีที คาร์ส ถนนเพชรบุรี และ จีบี ออโต้โมบิลส์ ในจังหวัดภูเก็ต เรายังมีแผนการลงทุนจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีและขยายเครือข่ายบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่มีต่อรถยนต์จากัวร์แลนด์โรเวอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ผ่านการนำเสนอบริการทั้งก่อนและหลังการขายชั้นเลิศระดับเวิลด์คลาสแก่ลูกค้าในประเทศไทย

ท่านสามารถค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับยานยนต์และข้อมูลเชิงเทคนิคได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com  และ www.jaguarthailand.com 

ปอร์เช่ โร้ดสเตอร์ (Roadster) ใหม่ล่าสุด



เปิดตัว บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) อย่างเป็นทางการ ณ มหกรรมยานยนต์
New York International Auto Show 2015

สตุ๊ดการ์ท. ปอร์เช่เปิดตัวบ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) อย่างเป็นทางการเพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นของรถเปิดประทุนในปี 2015 ณ มหกรรมยานยนต์ New York International Auto Show โดยรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้ยังคงเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครไว้ได้อย่างโดดเด่น เช่นการใช้หลังคาผ้าใบที่เปิดปิดด้วยมือ และมีเพียงระบบเกียร์ธรรมดาเท่านั้นที่สามารถติดตั้งกับรถคันนี้ได้

ด้วยการที่เป็นโร้ดสเตอร์ (Roadster) อย่างแท้จริงทำให้ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ส่งผ่านประสบการณ์การขับขี่แบบรถสปอร์ตพร้อมด้วยสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถที่ทันสมัยให้ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่ ด้วยระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตมีความแข็งแกร่งสูงและสามารถลดระดับความสูงได้ถึง 20 มิลลิเมตร ระบบเบรกนำมาจากรุ่น
911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ที่ให้ความแม่นยำต่อการตอบสนองมากขึ้น เครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร 6 สูบ มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุดที่ 375 แรงม้า (276 กิโลวัตต์) ซึ่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์ความเป็นรถสปอร์อย่างแท้จริง รวมถึงความคล่องตัวในการขับขี่ของบ็อกซเตอร์ (Boxster) ที่มีน้ำหนักเบาแต่ให้ประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม โดยอัตราเร่งของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 290 กิโลเมตร/ชั่วโมง และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามวงจรการขับขี่แบบ NEDC ต่ำเพียง 9.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.10 กิโลเมตร/ลิตร) เท่านั้น

การออกแบบที่โดดเด่นของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานของรถสปอร์ตและรถแข่งจากปอร์เช่เช่นรุ่น 718 สไปเดอร์ (718 Spyder) ในช่วงทศวรรษ 1960 โดยนำรูปแบบมาใช้ในการสรรสร้างชิ้นส่วนฝากระโปรงทางด้านหลัง และพนักพิงศรีษะแบบ 2 ชิ้น ส่วนการทำงานของหลังคาสามารถเปิดปิดบางส่วนด้วยมือ การใช้ชิ้นส่วนด้านบนที่มีน้ำหนักเบาทำให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นการระลึกถึงโร้ดสเตอร์ (Roadster) ในวันวานอีกด้วย แน่นอนการออกแบบครีบตัวรถที่ยาวถึงด้านหลังได้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxter Spyder) ไปแล้ว ส่วนทางด้านหน้าและด้านหลังรถได้นำการออกแบบของเคย์แมน GT4 (Cayman GT4) มาเสริมความโดดเด่นให้มากขึ้น

ภายในห้องโดยสารของ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) สามารถสัมผัสถึงความสุนทรีย์ในการขับขี่ซึ่งมากกว่ารุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster) อื่นๆ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะนั่งอยู่บนเบาะ Bucket seats ที่มีน้ำหนักเบาและมาพร้อมกับเบาะหนุนด้านข้างขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น ในขณะที่พวงมาลัยโฉมใหม่ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร ช่วยให้โร้ดสเตอร์ (Roadster) เครื่องยนต์วางกลางคันนี้สามารถขับขี่ได้แม่นยำและมั่นคงมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้สอดคล้องกับการออกแบบที่พิถีพิถัน จึงทำให้วิทยุและระบบเครื่องปรับอากาศไม่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเป็นการลดน้ำหนักของรถ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ระบบสามารถสั่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากต้องการติดตั้งระบบเครื่องเสียงหรือระบบให้ความบันเทิงอื่นๆ ให้กับบ็อกซเตอร์ (Boxster) ท่านสามารถเลือกติดตั้งได้เช่นกันโดยมีค่าใช้จ่าย เช่นระบบ Porsche Communication Management (PCM) เป็นต้น

บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในเมือง 14.2 ลิตร/100 กิโลเมตร;
(7.04 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมือง 7.5 ลิตร/100 กิโลเมตร; (13.33 กิโลเมตร/ลิตร) แบบเฉลี่ย 9.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (10.10 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 230 กรัม/กิโลเมตร;

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า  “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved