Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าโตพรวดขยับขึ้นแท่นเบอร์ 3 แชมป์ยอดขายรถเก๋ง ไตรมาสสุดท้ายเตรียมทัพรถใหม่ลุยตลาด


กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 12 ตุลาคม 2558 –ยอดขายรวมของมาสด้าก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ในตลาดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับ 3 ของตลาดรถเก๋งหลังจากที่มาสด้าเริ่มทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ใหม่ๆ ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ มาพร้อมรูปลักษณ์การออกแบบโคโดะ ดีไซน์ เข้าสู่ตลาดเมืองไทยมาตลอดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับโหมทำกิจกรรมทางการตลาดที่แตกต่างสไตล์ ซูม-ซูม สร้างการรับรู้และการสื่อสารแบรนด์เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย จวบจนวันนี้เริ่มส่งผลต่อยอดขายที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ออกมาเปิดเผยตัวเลขยอดการจำหน่ายรถยนต์หลังสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 เริ่มเห็นแววสดใสมากขึ้น ด้วยยอดขายทะลุถึง 26,361 เติบโตเพิ่มขึ้น 1.3% ได้เห็นตัวเลขการเติบโตเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ในขณะที่ยอดขายประจำเดือนกันยายนก็ร้อนแรงไม่แพ้กันทะลุถึง 3,396 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 5.5% โดยเฉพาะรถยนต์มาสด้า2 ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมียอดขายก้าวผ่าน 2,050 คันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดตัว ขยับขึ้นที่ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กและอีโคคาร์ และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 12.8% ในขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เตรียมส่งรถยนต์รุ่นใหม่ลงทำตลาดเพิ่มอีกถึง โดยเฉพาะรถยนต์ที่ลูกค้ารอคอย นั่นคือมาสด้า CX-3 และ มาสด้า MX-5 เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายังคงเชื่อมั่นว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ตลาดรถยนต์จะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด รวมถึงกลยุทธ์ที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ เตรียมงัดไม้เด็ดออกมาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดก่อนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามาสด้าได้เตรียมความพร้อมเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะนำเข้าสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ คือ Mazda CX-3 และรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 รวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ยอดขายมาสด้าในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน)เติบโตสวนกระแสตลาดเพิ่มขึ้น 1.3% มียอดขายรวมอยู่ที่ 26,361 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ทำให้ยอดขายรวมทั้งตลาดของมาสด้าขยับขึ้นครองอันดับ 4 ของตลาดรวม เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งของชาวมาสด้า
ขณะที่เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา มาสด้ามียอดขายรวมทั้งสิ้น 3,396 เพิ่มสูงขึ้นถึง 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรุ่นที่มียอดขายสูงสุดได้แก่รถยนต์นั่งมาสด้า2 มียอดขายสูงถึง 2,050 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 242% สวนกระแสตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและอีโคคาร์ที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้ขยับขึ้นอันดับครอง 3 ของเซ็กเม้นต์
ในขณะที่ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวว่า ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มาสด้าดำเนินนโยบายการตลาดในเชิงรุกมาตลอด  ที่สำคัญกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการและเข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
ยุคใหม่ ที่ได้รับความสำเร็จอย่างดียิ่ง จะเห็นได้จากยอดขายมาสด้า2 ที่ทะลุ 2,000 คันต่อเดือนเป็นครั้งแรก โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 นี้จะเป็นช่วงที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นไปอย่างเข้มข้นเนื่องจากเป็นโค้งสุดท้ายในการกระตุ้นยอดขาย พร้อมกระตุ้นตลาดด้วยงานใหญ่ส่งท้ายปีอย่างมหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายเนื่องจากอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2559 คาดว่าจะมีผลต่อการปรับราคาในตลาดรถยนต์ไม่มากก็น้อย ผู้ผลิตทุกรายจึงพยายามออกแคมเปญส่งเสริมการขายหลากหลายรูปแบบเพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปีก่อนเริ่มอัตราภาษีใหม่ในปีหน้า
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมาสด้าได้ออกแคมเปญส่งเสริมการขายประจำเดือนตุลาคมเพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนปรับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่และช่วยนำเสนอสิ่งที่คุ้มค่าแก่ลูกค้า นั่นคือ “It’s your Time ช่วงเวลาสุดคุ้ม...กับที่สุดแห่งข้อเสนอก่อนปรับราคาที่เน้นสื่อสารข้อเสนอสำหรับรถมาสด้า 4 รุ่น คือมาสด้า ซีเอ็กซ์-5, มาสด้า2, มาสด้า3, และมาสด้า บีที-50 โปร โดยแคมเปญ “IT’S YOUR TIME นี้ จะช่วยสร้างกระแสในการดึงลูกค้าเข้าโชว์รูมมากขึ้น กระตุ้นความต้องการซื้อและช่วยให้ลูกค้าคาดหวังตัดสินใจซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยฟรีประกันภัยชั้น 1 และข้อเสนอด้านเงินดาวน์และอัตราดอกเบี้ยพิเศษในแต่ละรุ่น
“นอกจากการกระตุ้นตลาดด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายแล้ว มาสด้ายังมีความมั่นใจว่าในปี 2559 ยอดขายของมาสด้าก็ยังน่าจะเป็นไปด้วยดี เพราะเรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดเพื่อสร้างสีสันและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ โดยปลายปีนี้ ผู้บริโภคก็จะได้พบกับรถสปอร์ตระดับตำนานของมาสด้า คือ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ใหม่ และรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนรอคอยอย่าง มาสด้า ซีเอ็กซ์-3” นายธีร์ กล่าวเสริม
ยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้า ประจำเดือนกันยายน 2558 เปรียบเทียบกับปี 2557
ข้อมูลขายรถ
กันยายน 2558
กันยายน 2557
เปลี่ยนแปลง%
มาสด้า2
2,050
600
+ 242
มาสด้า3
468
1,028
-54
มาสด้า CX-5
240
445
- 28
มาสด้า บีที-50 โปร
638
888
- 46
ยอดขายมาสด้า
3,396
2,966
+14
ยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้าเปรียบเทียบ มกราคม – กันยายน ปี 2557-2558

ข้อมูลขายรถ
ม.ค. – ก.ย. 2558
ม.ค. – ก.ย. 2557
เปลี่ยนแปลง%
มาสด้า2
12,931
5,332
+ 143
มาสด้า3
5,272
6,432
- 18
มาสด้า CX-5
2,430
4,508
- 46
มาสด้า บีที-50 โปร
5,712
9,736
- 41
ยอดขายมาสด้า
26,361
26,025
+1

ซูซูกิ จัดอบรมขับขี่ปลอดภัย ให้กับพนักงานบริษัท ธิสเซ่นครุปป์ เอลลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด



เนื่องจากปัจจุบันมีอุบัติเกิดขึ้นอย่างมากมาย และเพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นน้อยลง ทางบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้เปิดโอกาสให้พนักงานบริษัท ธิสเซ่นครุปป์ เอลลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 18 ท่าน ได้เข้ามาอบรมขับขี่ปลอดภัยขั้นพื้นฐาน (Basic Course) เพื่อมาเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะในการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยมีอาจารย์พะยุ เครือแดง ครูฝึกผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยจากซูซูกิ เป็นผู้ให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พร้อมให้คำแนะนำในการขับขี่รถจักรยานยนต์และเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานนำไปปรับใช้ทั้งในการปฏิบัติหน้าที่ และการใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย ณ สนาม Suzuki Safety Riding Course บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้

“อัศวยนต์” ทุ่มกว่า 70 ล้านบาท เปิด Exclusive Showroom ริมถนนประเสริฐมนูกิจ ยกระดับการบริการภายใต้แนวคิด Community Car ครบครันตอบโจทย์คนรักยานยนต์


อัศวยนต์ เดินหน้ายกระดับการบริการ ทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท เปิดตัว “Asawayont Exclusive Distributor Showroom” ริมถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อที่ 238) โดยเนรมิตพื้นที่ ไร่ ให้กลายเป็น Community Car ชูจุดเด่น อัศวยนต์ ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง” ตอกย้ำศักยภาพศูนย์เซอร์วิสซ่อมบำรุงมาตรฐานสากล และทีมช่างประสบการณ์สูงที่สร้างชื่อมาอย่างยาวนานร่วม 22 ปี ตอบโจทย์ตรงใจผู้หลงใหลรถยนต์หรูนำเข้ารุ่นใหม่ทุกระดับ และกลุ่มรถ Used Car Premium ด้วยข้อเสนอที่เหนือใคร ทั้งสเปกรถ-ราคา-การันตี และการบริการหลังการขาย มั่นใจท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอและการแข่งขันที่รุนแรง จบปี 2558 กวาดยอดขายได้กว่า150 คัน
นายภูวดล อัศวานุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัศวยนต์ จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์ 22 ปีของ “อัศวยนต์” ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับจากวงการยานยนต์ และผู้ใช้รถยนต์นำเข้าชั้นนำจากต่างประเทศ ทั้งรถรุ่นใหม่และรถหรูที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว (Used Car Premium) โดยเฉพาะด้านบริการซ่อมบำรุง การโมดิฟายเครื่องยนต์และรถยนต์ ภายใต้ทีมเซอร์วิสเชี่ยวชาญพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัย มีศักยภาพในการดูแลซ่อมบำรุงรถหรูชั้นนำได้ทุกรุ่นและทุกแบรนด์ มาวันนี้ “อัศวยนต์” ได้เพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในทุกมิติ ภายใต้บ้านหลังใหม่ (Asawayout Exclusive Distributor Showroom) บนถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อ 238) บนเนื้อที่ 5 ไร่ มูลค่าการลงทุนก่อสร้างตกแต่งตัวอาคารต่างๆ และจัดซื้ออุปกรณ์กว่า 70 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดินและสต๊อกรถยนต์)
          Community Car ครบครันทุกการบริการ
“(Asawayont Exclusive Distributor Showroom) แห่งนี้ ถูกรังสรรค์ให้เป็น “Community Car” เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการสูงสุดให้แก่ผู้รักยานยนต์อย่างแท้จริง ดังนั้นผู้ที่มีรสนิยมและหลงใหลยานยนต์จะได้สัมผัสกับนิยามของเรา  อัศวยนต์ ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง อยากได้รถหรูนำเข้ารุ่นใหม่ล่าสุด หรือในแบบพิเศษในสไตล์ของคุณเอง ต้องการของแต่งรถ การบำรุงรักษารถ หรือต้องการซ่อมบำรุงโมดิฟายรถ มาที่ “อัศวยนต์” ไม่ผิดหวังแน่นอน ผมดูแลและพบปะลูกค้าด้วยตัวเองเสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
Asawayont Exclusive Distributor Showroom มีพื้นที่ให้บริการ โซน ประกอบด้วย
1.โชว์รูมและพื้นที่รับรองลูกค้ากว่า 2,000 ตารางเมตร สามารถจัดแสดงรถยนต์หรูนำเข้าชั้นนำและ (Used Car Premium) ได้กว่า 50 คัน เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสรถยนต์ทุกคันได้อย่างใกล้ชิด
2.Exotic & Hangout (โซนอุปกรณ์ตกแต่งรถและพบปะสังสรรค์) กว้างขวางขนาด 300 ตารางเมตร รวบรวมและจัดแสดงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ครบครันหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นโช๊คอัพ ช่วงล่าง ล้อแม็ก และอื่นๆ ทั้งในฐานที่ “อัศวยนต์” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย อาทิ Vorsteiner, TSW, Vredestein , Bilstein และจากกลุ่มบริษัทพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำ เพื่อตอบโจทย์ผู้มีรสนิยมการตกแต่งรถยนต์และพบปะสังสรรค์โดยเฉพาะ
3.Car Spa โซนบำรุงรักษารถยนต์ พื้นที่บริการ 500 ตารางเมตร เป็นศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ทั้งภายนอก-ภายใน บริการขัดเคลือบสี-ฟอกเบาะ-ซ่อมแซมภายใน ด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ชั้นนำ COLORGLO, WASH VIP
4.ศูนย์เซอร์วิสซ่อมบำรุง พื้นที่กว่า 1200 ตารางเมตร ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน 22 ปี “อัศวยนต์” ได้รับการยอมรับจากกลุ่มบริษัทผู้นำเข้ารถหรู (เกรย์มาร์เก็ต) โดยเฉพาะ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเซอร์วิส ด้วยศูนย์บริการซ่อมบำรุง-ตกแต่งรถและโมดิฟาย ที่ครบครันด้วยอะไหล่และทีมช่างที่มากด้วยประสบการณ์ผ่านการฝึกอบรมจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และทุกๆ 6 เดือนจะมีการอัพเดทเทคโนโลยีสม่ำเสมอ กว่า 20 คน พร้อมลิฟท์ยกรถ (Hoist10 ตัว 20 ช่องซ่อม ดูแลซ่อมบำรุงรถลูกค้าได้ทุกรุ่นทุกแบรนด์อย่างรวดเร็วทันใจ รองรับการบริการรถยนต์ได้ 20-30 คันต่อวัน
บริการเหนือระดับตอบโจทย์คนรักยานยนต์
          นโยบายหลักของ “อัศวยนต์” นั้น ยึดมั่นในการบริการภายใต้มาตรฐานสากล ประกอบด้วย Sales (จำหน่ายรถหรูนำเข้ารุ่นใหม่รุ่นพิเศษทุกแบรนด์และอุปกรณ์ของตกแต่ง), Service (การบริการซ่อมบำรุง-โมดิฟาย-ศูนย์บริการดูแลรักษารถครบวงจร), Spare Parts (ครบครันด้วยอะไหล่รองรับรถหรูนำเข้าทุกแบรนด์), Second Hand (จำหน่ายและแลกเปลี่ยนรถหรูชั้นนำทุกรุ่นทุกแบรนด์), Society (แหล่งพบปะสังสรรค์ของผู้รักยานยนต์) และ  Warranty (การรับประกัน)
          อัศวยนต์ มีจุดเด่นในหลายมิติ อย่างรถนำเข้ารุ่นใหม่ เราเปิดบริษัทรองรับการนำเข้า ตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งและบริษัทแม่ในประเทศไทยหลายด้าน ทั้งในแง่ของราคาและผลิตภัณฑ์ ลูกค้าที่มาจองรถกับเรา อยากได้รถสเปกใด เราตอบโจทย์ให้ตรงใจได้ ราคาก็ต่ำกว่า และเมื่อนำมาผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านเซอร์วิส ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ซื้อรถจาก “อัศวยนต์” ไปแล้ว หมดปัญหาด้านการดูแลบำรุงรักษาแน่นอน” นายภูวดล อัศวานุชิต กล่าว และเน้นย้ำต่อว่า“อัศวยนต์ ขายความน่าเชื่อถือและศรัทธาที่ลูกค้ามีต่อเรา รวมถึงการส่งมอบความพึงพอใจสูงสุด ไม่ว่าจะซื้อรถใหม่หรือ Used Car Premiumทุกคัน มีการรับประกันให้สูงสุด 3-12 เดือน สำหรับรถมือสอง และประกัน 2 ปี หรือ 60,000 กม. สำหรับรถใหม่ ซึ่งลูกค้าจะหาจากคู่แข่งในระดับเดียวกันไม่ได้แน่นอน อย่างเกรย์มาร์เก็ตหลายแห่ง ยังส่งรถมาให้เราดูแล เช่น กรณียกชุดเกียร์ “อัศวยนต์” ใช้เวลาเพียง 2 วันสำเร็จ แต่ถ้าเป็นที่อื่นใช้เวลา 1 อาทิตย์ หรือยกเครื่อง (Overhaul) ที่อื่นใช้เวลากว่า 10 วัน แต่เราใช้เวลาทำไม่เกิน 3 วัน”
นายภูวดล อัศวานุชิต กล่าวเพิ่มเติมถึงภาวะการทำตลาดของผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์หรูจากต่างประเทศ (เกรย์มาร์เก็ต) ว่า จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวและการแนะนำรถหรูที่ประกอบในประเทศ และมาตรการการปกป้องธุรกิจของบริษัทแม่ในประเทศไทย ความเข้มงวดในการนำเข้ารถและมาตรการภาษีจากภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถนำเข้าได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถนำเข้าต้องปรับตัว โดย “อัศวยนต์” ซึ่งเชี่ยวชาญศูนย์เซอร์วิส การวารันตีสินค้า และเป็นผู้นำตลาดรถหรูเกรด ที่ผ่านการใช้งาน (Used Car Premium) จึงนำจุดเด่นเหล่านี้มาเป็นจุดขายและเสริมด้วยการเน้นทำตลาดรถนำเข้าที่แตกต่างจากผู้จำหน่ายหลักภายในประเทศ
“รถหรูที่นำเข้ามาจำหน่าย จะเป็นรถที่มีความพิเศษทั้งเรื่องของออพชัน เทคโนโลยี และการตกแต่งภายในที่ไม่เหมือนใครหรือมีในท้องตลาด อีกทั้งลูกค้าสามารถเลือกออพชันต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เนื่องจากเรามีบริษัทนำเข้าเป็นของตนเอง ทำให้ได้เปรียบด้านราคาและได้รถเร็วกว่าใคร ภายใน 3 เดือน หรือถ้าลูกค้าที่มีรถอยู่แล้ว ต้องการออพชันพิเศษมาตกแต่งเพิ่มเติม เราสามารถรองรับได้ จากภาวะตลาดรถหรูที่ซบเซามาตั้งแต่ปี 2557 ทำให้เราเน้นการทำตลาดกลุ่ม (Used Car Premium) เพิ่มขึ้นเป็น 60% (ปี 2557 มีสัดส่วน 40%) รถหรูรุ่นใหม่ 40(ปี 2557 มีสัดส่วน 60%) คาดว่าจบปีนี้ภายใต้การบริการบ้านหลังใหม่แห่งนี้ ริมถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อที่ 238) น่าจะมียอดขายได้กว่า 150 คัน ปัจจุบันขายรถได้แล้วเกือบ 120 คัน ขณะรายได้จากศูนย์เซอร์วิสที่แข็งแกร่ง มีสัดส่วนรายได้กว่า 30% ของรายได้รวมของบริษัท
นายภูวดล อัศวานุชิต กล่าวในท้ายสุดว่า จากการที่บริษัทเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงรักษารถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเสริมสมรรถนะยานยนต์ รวมถึงที่กำลังเจรจาเพื่อทำสัญญาอยู่นั้น จะส่งผลให้ อัศวยนต์” กลายเป็น “Community Car” ที่ตอบโจทย์คนรักยานยนต์ได้สูงสุดมากขึ้นยิ่ง
Asawayont Exclusive Distributor Showroom เปิดบริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. ตั้งอยู่เลขที่ 88 ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อ 238) แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร.0-2508-1100 และ 0-2508-1565 สามารถเยี่ยมชมการให้บริการของ “อัศวยนต์” ได้ทาง www.asawayont.com

ปอร์เช่ เคย์แมน แบล็ก อิดิชั่น (Porsche Cayman Black Edition): รถสปอร์ตรุ่นพิเศษ ความสง่างามแห่งสีดำ



สตุ้ดการ์ท. ปอร์เช่นำเสนอยานยนต์สปอร์ต เคย์แมน (Cayman) รุ่นพิเศษ Black Edition ยนตกรรมสปอร์ตที่มาในเรือนร่างสีดำพิเศษสุด เฉกเช่นเดียวกันกับบ็อกซเตอร์ (Boxster) และ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ด้วยหลากหลายทางเลือกทั้งในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวถัง 2 ประตูคูเป้และเปิดประทุนคาบริโอเลต สร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นด้วยอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มขึ้นพิเศษเฉพาะรุ่น ผสานกับตัวถังภายนอกและเบาะหนังภายในสีดำ แสดงออกถึงความสง่างามเหนือกาลเวลา สะท้อนภาพลักษณ์แห่งยานยนต์สปอร์ตหรูทรงคุณค่า อุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งใน Black Edition  ประกอบด้วย Porsche Communication Management (PCM) พร้อมระบบนำทาง navigation module, กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ (automatic anti-dazzle mirrors), ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (rain sensor), ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (cruise control), ระบบเตือนช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง (parking assistant at the front and rear) และ พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ต (Sport Design steering wheel)

เคย์แมน แบล็ก อิดิชั่น (Cayman Black Edition) ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น โดยใช้พื้นฐานจากรถสปอร์ต 2 ประตูคูเป้ เครื่องยนต์สูบนอน วางกลางขนาดความจุ 2.7 ลิตร พละกำลังสูงสุด 275 แรงม้า (202 กิโลวัตต์) ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว ลาย คาร์เรร่า คลาสสิค (Carrera Classic), ไฟหน้า bi-xenon พร้อมระบบ PDLS (Porsche Dynamic Light System) และสามารถติดตั้งกรอบกระจกอลูมิเนียมเพิ่มความโดดเด่นให้แก่ตัวรถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษที่เพิ่มขึ้น ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (two-zone climate control) สามารถเลือกปรับอุณหภูมิให้มีความแตกต่างกันระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ตามความต้องการ รวมทั้งระบบอุ่นบริเวณเบาะนั่ง (heated seats) นอกจากนี้ เคย์แมน แบล็ก อิดิชั่น (Cayman Black Edition) มาพร้อมระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง สำหรับความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร

เคย์แมน แบล็ก อิดิชั่น (Cayman Black Edition) เริ่มจำหน่ายที่ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 2 ตุลาคม 2015



1) ปอร์เช่ เคย์แมน แบล็ก อิดิชั่น (Porsche Cayman Black Edition): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 11.8 – 10.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (8.47-917 กิโลเมตร/ลิตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 6.4 – 6.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; (15.62-1612 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 8.4 – 7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (11.90-12.65 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 195-183 กรัม/กิโลเมตร;

2) ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ แบล็ก อิดิชั่น (Boxster Black Edition): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 11.8 – 10.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (8.47-917 กิโลเมตร/ลิตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 6.4 – 6.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; (13.33-15.15 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 8.4 – 7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (11.90-12.65 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 195-183 กรัม/กิโลเมตร;

3) ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า แบล็ก อิดิชั่น (Porsche 911 Carrera Black Edition): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 13.1 – 11.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; (7.63-8.84 กิโลเมตร/ลิตร) สำหรับการขับขี่นอกเมือง 7.5 – 6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร; (13.33-15.15 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 9.5 – 8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร;(10.52-12.20 กิโลมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 223-191 กรัม/กิโลเมตร;

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 20 ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

ฮอนด้าเสริมแกร่งตลาดบิ๊กไบค์เมืองกรุง เปิดตัวศูนย์ฮอนด้าบิ๊กงแห่งใหม่ใจกลางเมือง บนถนนพระราม 3



บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ผนึกกำลังบริษัท ยศเจริญ มอเตอร์ไบค์ จำกัด เปิดตัวศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงแห่งใหม่ในกรุงเทพฯบนถนนพระราม เพียบพร้อมด้วยการให้บริการตามมาตรฐาน 6S วางกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบบิ๊กไบค์และต้องการไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “แม้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สดใสนัก แต่ตลาดบิ๊กไบค์ในเมืองไทยช่วง เดือนแรกของปีนี้ยังคงไปได้ดี โดยมียอดจดทะเบียนรวมอยู่ที่ 13,537 คัน เติบโตขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนรถบิ๊กไบค์อยู่ที่ประมาณ 4,700 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 34% และมีสัดส่วนครองตลาด 35% โดยเอ.พี. ฮอนด้าเน้นการทำตลาดด้วยรถบิ๊กไบค์ที่หลากหลายตามรสนิยมของผู้ขับขี่ และนำเสนอบริการหลังการขายที่ครบวงจรผ่านศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิง จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง

การเติบโตของตลาดทำให้เอ.พี.ฮอนด้าต้องขยายพื้นที่ในการให้บริการอย่างครอบคลุม ล่าสุดเราได้ร่วมมือกับ บริษัท ยศเจริญ มอเตอร์ไบค์ จำกัด เปิดตัวศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงแห่งใหม่ขึ้นบนถนนพระราม ทั้งนี้ ยศเจริญ มอเตอร์ไบคืถือเป็นผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในกรุงเทพฯและสมุทรปราการมาอย่างยาวนานและเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี เราจึงมีความมั่นใจว่าสาขาใหม่ของฮอนด้าบิ๊กวิงแห่งนี้จะสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน

ทางด้าน นายบุญยศ บุญเกียรติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยศเจริญ มอเตอร์ไบค์ จำกัด เปิดเผยว่า ศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงพระราม แห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่โลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เชื่อมติดกับถนนพระราม ถนนสาทร ถนนสีลม และถนนเจริญกรุง ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางทางธุรกิจของกรุงเทพฯ ทำให้ผู้ใช้ฮอนด้าบิ๊กไบค์สามารถเข้ามาใช้บริการได้อย่างสะดวก ทั้งยังติดตั้งแท่นซ่อมมากถึง แท่นเพื่อความรวดเร็วในการซ่อมบำรุงด้วยมาตรฐานสากลเฉกเช่นศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงสาขาใหญ่

 ฮอนด้าบิ๊กวิงพระราม ถือเป็นศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงแห่งที่ ในกรุงเทพฯ ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัยตามมาตรฐานของฮอนด้าในรูปแบบอาคาร ชั้น โซน ประกอบด้วยโซนแสดงรถใหม่ที่ชั้นล่าง ส่วนงานบริการ ห้องรับรอง และฝ่ายทะเบียนบนชั้นที่ และส่วนงานซ่อมบำรุงหนักบนชั้นที่ และห้องทดสอบแรงม้าหรือไดโน่เทสต์มาตรฐานโลก พร้อมด้วยบริการอื่นๆตามมาตรฐาน 6S ประกอบด้วย Sales, Service, Spare Parts, Safety Riding, Second Hand, และ Society

ในโอกาสที่ฮอนด้าบิ๊กวิงพระราม เปิดตัวอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ทางศูนย์ได้มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่ซื้อรถฮอนด้าบิ๊กไบค์สามารถเข้าอบรบขับขี่บิ๊กไบค์ขั้นพื้นฐาน (Basic Course) 3 ครั้งขั้นประยุกต์ (Advance Course) 1 ครั้ง พร้อมรับส่วนลด 10% ในการซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถ โดยทางศูนย์ฯยินดีติดตั้งให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

          ติดตามข่าวสารของศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงพระราม ได้ที่ www.hondabigwingrama3.com และเฟซบุ๊คwww.facebook.com/Hondabigwingrama3

ซูซูกิ ส่ง SUZUKI GSX-R1000 ใหม่!!! Bred From The Same DNA ถือกำเนิดจากสายพันธุ์เดียวกัน !!! สายพันธุ์สปอร์ตแท้ สู่ตลาด Big Bike



หลังจากที่ ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศการฉลองครบรอบ 30 ปี ในการผลิตและพัฒนา Suzuki GSX-R1000 เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศเยอรมนี และยังได้ออกแบบลวดลายและสีพิเศษ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถจักรยานยนต์ Suzuki ที่อดีตแชมป์โลกอย่าง Kevin Schwantz ใช้ในปี 1980 มาใช้กับ Suzuki GSX-R1000 ล่าสุด

บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ขอแนะนำรถจักรยานยนต์ Big Bike สายพันธุ์สปอร์ต Suzuki GSX-R1000 โฉมใหม่ให้ทุกท่านได้สัมผัสถึงความแรง เร้าใจ ในทุกอัตราเร่ง ด้วยการนำเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาสู่การใช้งานบนท้องถนนจริง ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์สมรรถนะสูงขนาด 999 ซีซี 4 สูบ ให้คุณสัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจในทุกรอบความเร็ว ตอบสนองอัตราเร่ง แรง แบบรถแข่ง พร้อมการออกแบบเครื่องยนต์ให้มีขนาดกะทัดรัด และฐานล้อที่แคบลง และสวิงอาร์มที่ยาวขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากสนามแข่งเลยทีเดียว ผสานกับระบบการประมวลผล FEM (Finite Element Method) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันที่ใช้กับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP เครื่องยนต์ทนทานด้วยกระบอกสูบแบบอะลูมิเนียมผ่านกระบวนการเคลือบสาร Suzuki Composite Electrochemical Material (SCEM) ที่ได้รับการยอมรับจากสนามแข่ง ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์และระบายความร้อนได้ดีแต่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบเกียร์ 6 สปีด

ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบทวิน-สปา อะลูมิเนียมอัลลอยด์เฟรม ที่มีความแข็งแรง ทนทานและน้ำหนักเบา และการดีไซน์รูปโฉมที่โฉบเฉี่ยว และมีความคล่องตัวสูงในการขับขี่ที่เป็นเลิศ ซึ่งทั้งหมดได้รับการถ่ายทอด DNA สายพันธุ์สปอร์ตมาจากรถแข่งของซูซูกิ ที่ใช้ในการแข่งขัน MotoGP ที่ต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงของรถจักรยานยนต์ เพื่อให้ ซูซูกิ GSX-R1000 เป็นรถจักรยานยนต์สปอร์ตพันธุ์แท้
และยังเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้มั่นใจด้วยระบบเบรก ABS พร้อมติดตั้งโหมดการขับขี่ Suzuki Drive Mode Selector (S-DMS) 3 โหมด ในสไตล์เรซซิ่ง, สไตล์สปอร์ตทัวร์ริ่งและ สไตล์ขับขี่ทั่วไป เพื่อตอบสนองความเร้าใจของผู้ขับขี่ได้ถึง 3 สไตล์ พร้อมมาตรวัดแสดงผลแบบ LCD อย่างครบครัน
ทั้งนี้ Suzuki GSX-R1000 ปี 2016 ยังมาพร้อมลวดลายใหม่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและระลึกถึงตำนานแห่งจ้าวความแรง โดยใช้ลวดลายของ Suzuki GSX-R1000 ในปี 1980 มาเป็นแรงบรรดาลใจ ในการออกแบบ และถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว สีน้ำเงิน - ขาว (Pearl Vigor Blue / Pearl Glacier White) สวยงามโดดเด่นสะดุดตา, สีแดง - ดำ (Pearl Mira Red / Glass Sparkle Black) ดุดัน ร้อนแรง เร้าใจ และสีน้ำเงิน (Metallic Triton Blue) ด้วยลวดลายที่ถอดแบบมาจาก MotoGP เท่ เร้าใส สไตล์ Racing และยังมาพร้อมกับโลโก้ฉลองครบรอบ 30 ปีของ GSX-R บนถังน้ำมัน สำหรับสีน้ำเงิน - ขาว และ สีแดง - ดำ พร้อมสีคาลิเปอร์เบรกหน้า จาก Brembo สีดำ สุดดุดัน




นี่คือรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตแท้ระดับตำนาน ที่ได้รับการยอมรับมาแล้วจากทั่วโลก การันตีด้วยแชมป์มากมาย บ่งบอกถึงสมรรถนะอันเยี่ยมยอดของสุดยอดรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตไบค์ GSX-R1000


ท่านที่สนใจสามารถชมและสอบถามข้อมูลสปอร์ตไบค์ GSX-R1000 ตัวจริงได้ที่ Suzuki Big Bike Showroom สาขาใกล้บ้านคุณ

มาสด้าการันตีรถแรง ประหยัดน้ำมัน ปลอดภัย ไอเสียต่ำ พร้อมติดสติกเกอร์แสดงข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล


กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 30 กันยายน 2558 – มาสด้าพร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐอย่างเต็มที่ นำรถยนต์ทุกคันเตรียมติดสติกเกอร์ ECO Sticker และคิวอาร์โค๊ด QR Code เพื่อยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถอย่างถูกต้อง ชัดเจน แม่นยำ และมีมาตรฐานสากลตามข้อกำหนดของทางราชการ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน ได้ผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย มาตรฐานด้านการประหยัดน้ำมัน มาตรฐานสิ่งแวดล้อมด้วยการปล่อยไอเสียต่ำ ผ่านข้อกำหนดตามมาตรฐานที่ได้แจ้งกับหน่วยงานของภาครัฐ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป สำหรับรถยนต์มาสด้าทุกคันที่จะทำการผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าจะได้รับการติดสติ๊กเกอร์นี้ทุกคัน
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าทางภาครัฐจะขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการเริ่มติดสติ๊กเกอร์ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า ทั้งนี้ทางมาสด้าได้แสดงเจตจำนงค์ในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนรวมถึงธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และความโปร่งใสในด้านการเผยแพร่ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์มาสด้า โดยได้ดำเนินการติด ECO Sticker บริเวณกระจกบังลมด้านหน้ารถ เพื่อให้ผู้บริโภคมองเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้มาสด้าได้เริ่มดำเนินการโดยทันทีสำหรับรถยนต์ที่จะทำการผลิตออกจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ไทยแลนด์ จังหวัดระยอง และสำหรับรถยนต์ที่จะทำการผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
จากการที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ารถยนต์ ต้องดำเนินการติดป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล หรือที่เรียกว่า (ECO Sticker) สำหรับรถยนต์ใหม่ทุกคัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถทราบถึงข้อมูล รายละเอียด คุณลักษณะ คุณสมบัติ และสมรรถนะของรถยนต์ตามมาตรฐานสากลของสหประชาชาติ หรือตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล (ECO Sticker) จะแสดงข้อมูลของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ข้อมูลพื้นฐานของรถยนต์ อุปกรณ์ที่ติดตั้งจากโรงงาน อัตราการใช้น้ำมัน อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ระดับมาตรฐานการปล่อยสารมลพิษ รวมถึงระดับความปลอดภัยของรถยนต์ นอกจากนี้ยังมี QR Code ของรถยนต์แต่ละรุ่น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถยนต์ บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และสามารถตรวจสอบได้
สำหรับการติดป้ายแสดงข้อมูลรถยนต์มาตรฐานสากล หรือ ECO Sticker และ QR Code จะแสดงข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้
  • ชื่อของผู้ผลิตรถยนต์ หรือ ชื่อของผู้นำเข้า ที่อยู่ของผู้ผลิตหรือนำเข้า เครื่องหมายการค้า
  • ข้อมูลพื้นฐานของรถยนต์ เช่น ยี่ห้อ รุ่น แบบ หมายเลขตัวถัง รหัสโครงรถ รหัสเครื่องยนต์ หมายเลขเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ น้ำหนักรถ ขนาดยางล้อ จำนวนที่นั่งปลอดภัย ประเภทเชื้อเพลิงที่สามารถใช้ได้ โรงงานผลิตหรือโรงงานประกอบ ชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
  • อุปกรณ์ที่ติดตั้งจากโรงงาน ได้แก่ อุปกรณ์มาตรฐานและอุปกรณ์เสริมทุกชนิดรวมถึงระบบอิเลคทรอนิกส์ทั้งที่เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ล้อและยาง และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ติดตั้งเข้ากับรถยนต์
  • ข้อมูลแสดงสมรรถนะของรถยนต์ตามมาตรฐานสากลของสหประชาชาติ หรือ ตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งตรวจสอบและรับรองโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้แก่ อัตราการประหยัดน้ำมันในสภาวะโดยรวม รวมทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันทั้งในเมืองและนอกเมือง
  • อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2
  • ระดับการปล่อยสารมลพิษจากรถยนต์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก.
  • ระดับความปลอดภัยของรถยนต์ ได้แก่ มาตรฐานการป้องกันจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกต้องมีระบบป้องกันล้อล็อก หรือ ABS และระบบควบเสถียรภาพการทรงตัว หรือ ESC

สำหรับป้ายสกิ๊กเกอร์ข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล หรือ ECO Sticker มีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 190 มิลิเมตร ความยาวไม่น้อยกว่า 270 มิลลิเมตร หรือขนาดเทียบเท่ากระดาษ A4 ซึ่งจะแสดงข้อมูลรถยนต์ที่สำคัญและครอบคลุมสำหรับการตัดสินใจซื้อของลูกค้า และเป็นข้อมูลที่ผู้ผลิตได้แจ้งอย่างเป็นทางการทางภาครัฐ ลูกค้าสามารถมองเห็นได้เด่นชัด หรือสามารถสแกน QR Code จากโทรศัพท์มือถือซึ่งจะแสดงรายละเอียดข้อมูลของตัวรถมากยิ่งขึ้น

ปอร์เช่ ยินดีอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันกว่า 25,000 คน ตลอด 4 วัน

ปอร์เช่ ยินดีอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันกว่า 25,000 คน ตลอด 4 วัน ธงชัย ใจดี กับการคว้าชัยเป็นครั้งแรกใน Porsche European Open Bad Griesbach ประเทศเยอรมนี. ธงชัย ใจดี คือนักกอล์ฟผู้สามารถพิชิตชัยชนะได้เป็นคนแรกในรายการปอร์เช่ ยูโรเปี้ยน โอเพ่น ( Porsche European Open ) ที่จัดขึ้นในเมือง Bad Griesbach ประเทศเยอรมนี ด้วยการรั้งตำแหน่งผู้นำตั้งแต่วันแรกของการแข่งขัน โดยนักกอล์ฟสายเลือดไทยสามารถรักษาอันดับของตนเอาไว้ได้ จากการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2015 และจบผลงานด้วย 17 อันเดอร์พาร์ 67 เฉือนเอาชนะ Graeme Storm คู่แข่งจากประเทศอังกฤษไปได้อย่างหวุดหวิดเพียงแค่สโตรกเดียวเท่านั้น Bernhard Maier บอร์ดบริหารฝ่ายขายและการตลาดของ Porsche AG ได้กล่าวชื่นชมนักกอล์ฟผู้ได้ชัยชนะ ที่คว้าเงินรางวัลมูลค่ากว่า 333,330 ยูโร กลับบ้าน ซึ่งนับเป็นการคว้าแชมป์รายการ European Tour แรกของปีอีกด้วย ธงชัย ใจดี กล่าวว่า “ถ้าไม่นับเรื่องสภาพอากาศของที่นี่แล้ว ผมหลงรักประเทศเยอรมนีเลยทีเดียว” ธงชัย ใจดี ผู้ซึ่งได้รับการฝึกสอนจากโปรกอล์ฟชาวเยอรมัน Peter Wolfenstetter นับเป็นเวลากว่า 12 ปี ที่ได้ร่วมงานกัน และเป็นอีกครั้งที่ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันตลอดการแข่งขันในรายการนี้ “ผมรู้สึกเป็นกังวลมาก จนกระทั่งถึงการพัตต์หลุมสุดท้าย” ผู้ชนะกล่าวยอมรับ ทางด้านของ Storm ผู้คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ สามารถจบ 18 หลุม ที่สกอร์ 67 เช่นเดียวกัน แต่กลับพลาด ทำได้เพียงโบกี้ที่หลุม 17 และตามมาด้วยอันดับที่ 3 ตกเป็นของ Swede Pelle Edberg ผู้ซึ่งจบการแข่งขันด้วย 14 อันเดอร์พาร์ 69 ส่วนนักกอล์ฟชาวออสเตรเลีย Scott Hend ทำได้ดีที่สุดในวันนี้ที่สกอร์ 65 ขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 4 (-13) หลังจากทำผลงานในวันอาทิตย์ได้ที่สกอร์ 70 โดยผู้ชนะรายการ Ryder Cup Ja-mie Donaldson ชาวเวลส์ (-12) ทำได้เพียงอันดับที่ 5 หลังจากขับเคี่ยวกับคู่ต่อสู้ชาวอังกฤษ Ross Fisher ซึ่งจบรอบสุดท้ายที่พาร์ 71 ตำนานนักกอล์ฟชาวเยอรมัน Bernhard Langer โชว์ฟอร์มในวันสุดท้ายได้อย่างคงเส้นคงวา จบการแข่งขันในครั้งที่ 24 ของตนเองที่ 8 อันเดอร์พาร์ 69 “ผมรู้สึกสนุกมากกับการแข่งขันที่นี่” และเขายังได้กล่าวต่ออีกว่า “แฟนกอล์ฟผู้ร่วมชมการแข่งขันเองก็สนุกไปกับเราด้วย พวกเขาดูเหมือนจะชอบที่ได้เห็นชายแก่อายุ 58 ปี ดวลวงสวิงกับหนุ่มทั้งหลาย ผมต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจัดการแข่งขันรายการนี้ด้วย” ผู้ชมรายการกว่า 7,200 คน ร่วมติดตามชมการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และ มีจำนวนผู้ชมกว่า 25,000 คน รวมตลอดการแข่งขันทั้ง 4 วัน ที่จัด ณ. สนาม Beckenbauer Golf Course โดยรายการนี้ได้รับการจัดขึ้นด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก 2 ฝ่าย ได้แก่ ทีมงานมืออาชีพ และ ผู้สนับสนุนการแข่งขัน “เป็นช่วงเวลา 1 สัปดาห์ที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก” ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน Dominik Senn จากทีมงาน 4 Sports & Entertainment AG กล่าว “เป็นที่ชัดเจนว่า รายการนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ซึ่งเป็นผลจากการเข้าร่วมการแข่งขันของนักกอล์ฟชั้นยอดและผู้สนับสนุนหลักชั้นเยี่ยม” หลังจากการเปิดตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการแข่งขันกอล์ฟระดับอาชีพ ทีมงานปอร์เช่ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันรายการนี้ว่า “พวกเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง กับการที่ปอร์เช่เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนรายการ European Open” โดย Bernhard Maier กล่าวโดยสรุปว่า “กอล์ฟคือการแข่งขันกีฬาอาชีพระดับสูง และปอร์เช่มีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในการเข้าร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน บรรดาผู้เข้าชมการแข่งขัน และลูกค้าของเราสามารถสัมผัสได้ถึงความมีระดับของปอร์เช่ เช่นเดียวกัน” เหล่าบรรดาแฟนกอล์ฟผู้เข้าร่วมชมการแข่งขัน ได้รับโอกาสอันดีที่จะได้ร่วมสัมผัสสุดยอดยนตกรรมหลากหลายรุ่นของปอร์เช่ ที่นำมาจัดแสดงในระหว่างการแข่งขัน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสรรสินค้าจาก Porsche Driver’s Selection เป็นของที่ระลึกอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าของรถยนต์ปอร์เช่ ได้รับสิทธิพิเศษในการแวะพักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศในการชมการแข่งขันได้ที่ Porsche Owners’ Lounge และในบริเวณโดยรอบงานยังจัดให้มีการทดสอบขับรถยนต์ปอร์เช่ เพื่อให้ผู้เข้าชมรายการและนักกอล์ฟร่วมทดลองขับสุดยอมยนตกรรมอย่างปอร์เช่ไปพร้อมๆ กัน Bernhard Maier กล่าวต่อไปอีกว่า “สิ่งพิเศษสุดที่เราได้รับคือคำชื่นชมจากบรรดาแฟนกอล์ฟ คือความประทับใจที่เกิดขึ้นจากเหล่านักกอล์ฟมืออาชีพและรถยนต์ปอร์เช่ของเรา” ผลการแข่งขัน: 1. (-17): Thongchai Jaidee (Thailand); 2. (-16): Graeme Storm (England); 3. (-14): Pelle Ed-berg (Sweden); 4. (-13) Scott Hend (Australia), T5 (-12): Lucas Bjerregaard (Norway), Jamie Donaldson (Wales), Ross Fisher (England), Rikard Karlsberg (Sweden); T9 (-11): Richard Bland, John Parry (both England), Sören Kjeldsen (Norway) ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 20 ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th ท่านสามารถติดตามภาพการแข่งขันได้จาก http://presse.porsche.de. และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.newsroom.porsche.com ช่องทางการติดต่อสื่อสารใหม่ระหว่าง Porsche กับ ผู้สื่อข่าว, blogger และ ผู้ใช้งาน internet
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved