Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าเปิดตัว CX-5 ใหม่ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำอนาคต เปลี่ยนมาตรฐานใหม่รถอเนกประสงค์เจาะลูกค้าระดับผู้นำ


กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 24 กุมภาพันธ์ 2559 – ได้เวลาแห่งการสร้างมาตรฐานให้กับตลาดเพื่อทวงคืนผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี มาสด้าประกาศขึ้นแท่นผู้นำในปีนี้ ด้วยการเผยโฉมรถปอร์ตครอสโอเวอร์ New Mazda CX-5 ใหม่ สกายแอคทีฟเอสยูวี หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงนับตั้งแต่การนำโมเดลแรกภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟเข้าทำตลาดในประเทศไทย เตรียมกลับมาสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับตลาดเอสยูวีอีกครั้งด้วยมาสด้า CX-5 ใหม่ ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำที่สุดของโลกยานยนต์ในปัจจุบัน และถือเป็นโมเดลแรกที่รวมทุกองค์ประกอบจากมาสด้าได้ครบและสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ รูปลักษณ์การออกแบบอันงามสง่าภายใต้โคโดะ ดีไซน์ ระบบเชื่อมต่อโลกการสื่อสารด้วย MZD CONNECT และระบบความปลอดภัยระดับโลก i-ACTIVSENSE ภายใต้แนวคิด “Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้” เจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้นำ และมีแนวทางการดำเนินชีวิตที่ชาญฉลาด วางราคาเริ่มต้นเพียง 1.22 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับมาสด้านั้น มาจากความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างจริงจังในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมามาสด้าเปิดตัวรุ่นใหม่มากถึง 5 รุ่น และในปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถใหม่เข้ามาทำตลาดอีก 7 รุ่น การเปิดตัว CX-5 ในวันนี้เป็นรุ่นที่ 2 ถัดจากการปรับโฉมของ Mazda3 ที่ได้เพิ่มอุปกรณ์การประหยัดน้ำมัน i-Stop และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ มากมาย
สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมา มาสด้าสามารถบรรลุยอดขายกว่า 40,000 คัน เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 15% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5% ในขณะที่ปีนี้ เป้าหมาย คือ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ 5.5% ซึ่งเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา ในขณะที่ยอดขายรวมประมาณ 44,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่มกราคมเดือนแรกของปีนี้ยอดขายรถยนต์มาสด้ายังคงร้อนแรง ยอดขายพุ่งสูงถึง 3,491 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 27% ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 7% ส่งผลให้วันนี้มาสด้าสามารถจำหน่ายรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่นไปแล้วมากกว่า 52,000 คัน
ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนี้ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ความแข็งแกร่ง มาสด้าเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ นวัตกรรมที่ดีที่สุดของโลกยานยนต์ในปัจจุบัน ที่จะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความแรงของเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน เสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลในรูปลักษณ์การออกแบบอันสวยงามของโคโดะ ดีไซน์ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ลงตัวทุกรูปแบบการเชื่อมต่อต่อโลกการสื่อสารที่ทันสมัยด้วยระบบ MZD CONNECT รวมไปถึงระบบความปลอดภัยระดับโลก i-ACTIVESENSE ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มาสด้าได้นำมาใส่ไว้ในรถอเนกประสงค์เอสยูวี CX-5 ใหม่ จนกลายเป็นรถยนต์เพียงรุ่นเดียวที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มากที่สุดในคลาส ถือเป็นผู้นำและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการถยนต์เมืองไทย
ตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีในปีที่ผ่านมา เป็นเพียงเซ็กเม้นเดียวที่มียอดขายเพิ่มขึ้นสวนกับกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาสด้าสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการก้าวขึ้นมาครองอับดับ 3 ในเซ็กเมนต์นี้ มาสด้ามองว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะยังคงทรงตัว แต่จะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง ในขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์ยังคงเป็นไฮท์ไลท์สำคัญในปีนี้ที่จะนำพาให้ตลาดรถยนต์เติบโตไปได้ ถึงแม้จะเป็นการเติบโตอย่างช้าๆ ก็ตาม เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ประกอบกับความต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานได้อย่างครบครัน พร้อมกับราคาที่เหมาะสมยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดปีนี้ มาสด้าจึงวางกลยุทธ์ส่งรถ ครอสโอเวอร์เอสยูวี ขนาดคอมแพ็คท์ประเดิมสนามด้วยการเปิดตัว New Mazda CX-5 เป็นรุ่นที่สองของปีนี้ ภายใต้แนวคิด “Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้” เพื่อตอบสนองลูกค้าในกลุ่มผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ มีแนวทางการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง เป็นผู้นำ และคาดว่าจะประสบความสำเร็จกับเป้ายอดขายที่วางไว้
มาสด้า CX-5 เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2012 โดยใช้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดญี่ปุ่นจนได้ครองตำแหน่งรถเอนกประสงค์ขายดีที่สุดในประเทศ นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกของมาสด้าในเจนเนอเรชั่นที่ 6 เป็นเสมือนทูตผู้ส่งมอบเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลก ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่แบบที่ลูกค้าไม่เคยได้สัมผัสจากรถคันไหนมาก่อน อีกทั้งการันตีคุณภาพด้วยการคว้ารางวัลมากมาย อาทิ รถยนต์ยอดเยี่ยมของประเทศญี่ปุ่น “Japan Car of The Year” ประจำปี 2555 - 2556, ได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงสุดของโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ-บอดี้ "Top Safety Pick" จากสถาบันเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงของประเทศสหรัฐอมริกา Insurance Institute for Highway Safety (IIHS)ในปี 2015 และรางวัลทางด้านความปลอดภัยผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จากยุโรป หรือ Euro NCAP
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การเปิดตัว New Mazda CX-5 ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถอเนกประสงค์ ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ต ปกรณ์อำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ไม่เคยมีในรถยนต์ประเภทนี้ อาทิ ความสวยงามภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ตอบสนองในทุกการขับขี่ได้อย่างแท้จริง ที่มาพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ดีที่สุดในคลาส เต็มเปี่ยมด้วยรสนิยมแห่งการคัดสรร ให้ความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรงและประหยัดน้ำมัน มีให้ลูกค้าเลือกได้ทั้ง 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วย เครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร ที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน AWD และแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่มาสด้าเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร
การเปิดตัวมาสด้า CX-5 ใหม่ ในวันนี้ถือเป็นรุ่นที่หลอมรวมทุกองค์ประกอบเด่นๆ 4 Pillars ซึ่งประกอบ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, รูปลักษณ์ที่ถูกออกแบบได้อย่างงดงามโดย โคโดะ ดีไซน์, ลงตัวทุกช่องการติดต่อสื่อสารด้วยระบบ MZD CONNECT อันเป็นดั่งเอกลักษณ์ของสายพันธุ์มาสด้าได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุดในโลก มุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเออเบิร์นไลฟ์สไตล์วัยทำงานทุกเพศ เปี่ยมด้วยความสามารถในหลากหลายอาชีพเฉพาะทาง เสมือนกับการมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว พร้อมที่จะมุ่งทยานสู่เส้นชัย ค้นหาความแปลกใหม่เพื่อเติมสีสันให้กับชีวิต และความสนุกสนานให้กับชีวิตอย่างมีระดับ ตามแนวคิดใหม่ “Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้” ให้คุณได้ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในทุกมิติด้วยคำจำกัดความที่คุณกำหนดเองได้

มาสด้า CX-5 ใหม่ สกายแอคทีฟเอสยูวีที่เปี่ยมด้วยขุมพลัง ควบคุมทุกสิ่งได้ดั่งใจต้องการ แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมัน พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง สำหรับมาสด้า CX-5 ใหม่ มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 เครื่องยนต์ คือ SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.5 กม./ลิตร และ SKYACTIV-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.5 กม./ลิตร มีให้เลือกถึง 5 สี ประกอบด้วย สีฟ้า บลูรีเฟล็กซ์, สีเงิน อลูมินัมเมทัลลิค, สีดำ เจ็ทแบล็ก, สีเทา เมทิเออ เกรย์ไมก้า และสีขาว อาร์กติก ไวท์ ซึ่งเป็นสีใหม่ล่าสุด
ราคาจำหน่าย
    • รุ่น   SKYACTIV-G 2.0 C              ราคา  1,220,000 บาท
    • รุ่น   SKYACTIV-G 2.0 S              ราคา  1,330,000 บาท
    • รุ่น   SKYACTIV-D 2.2 XD              ราคา  1,530,000 บาท
    • รุ่น   SKYACTIV-D 2.2 XDL (AWD) ราคา  1,690,000 บาท
โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สะกดทุกสายตา
รูปลักษณ์ภายนอกที่ใครเห็นต้องเหลียวหลังกลับมามอง ยังคงรูปลักษณ์ที่งดงามของ โคโดะ ดีไซน์ แต่เพิ่มเติมด้วยความสปอร์ตด้วยไฟหน้า Adaptive LED Headlamp ดีไซน์ใหม่ สปอร์ตเรียบหรูอย่างมีรสนิยม ที่มาพร้อมด้วยระบบอัจฉริยะปรับองศาอัตโนมัติอย่างอิสระซ้าย-ขวา ตามสภาพการขับขี่บนถนน และไฟ DAYTIME RUNNING LAMP ให้ความปลอดภัยที่เหนือระดับ เพิ่มความสปอร์อย่างเต็มขั้นด้วยไฟตัดหมอก และไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมชุดกระจังหน้าแบบใหม่ให้ลุคพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
สัมผัสความหรูหราแห่งดีไซน์ที่สะท้อนความสำเร็จ
ด้วยแผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู ที่ถูกออกแบบใหม่ เน้นการใช้สีเงินวาว และสีเงินซาตินโครม ให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร สัมผัสกับการใช้ชีวิตบนท้องถนนอย่างมีคลาส และยังมีวัสดุหุ้มพวงมาลัย มาพร้อมกับแผงหน้าปัดใหม่ บ่งบอกถึงคุณภาพ และรสนิยมที่เหนือระดับ การออกแบบภายในเน้นหลักการทำงานตามธรรมชาติสรีระของการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จัดวางอุปกรณ์ทุกชิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ทำให้ New Mazda CX-5 เป็นรถเอสยูวีที่โดดเด่นในทุกมุมมอง
ความสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์มาตรฐานของการขับขี่ที่ครบครันมากขึ้น
นอกเหนือจากความงามของรูปลักษณ์ภายใน และภายนอกแล้ว New Mazda CX-5 ยังอัดแน่นด้วยอุปกรณ์เสริมความสะดวกสบายที่เพิ่มจากเดิม ประกอบด้วย ระบบเบรกมือไฟฟ้า ELECTRICAL PARKING BREKE (EPB) ที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ที่จะช่วยให้เกิดความเสถียรภาพของจอดที่ง่ายขึ้น อีกหนึ่งไฮไลท์ฟังก์ชั่นด้วยสวิตช์ DRIVE SELECTION ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกโหมดขับขี่ในโหมดสปอร์ตเพื่อตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตสุดเร้าใจ เมื่อต้องการเร่งแซง หรือให้อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูง โดยมีอยู่ในรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมบันทึกความจำ 2 ตำแหน่ง และเบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านผู้โดยสารด้านหน้าในรุ่น XDL
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้นด้วย i-ACTIVSENSEที่ครบครัน และดีที่สุดของมาสด้าในระดับโลก
สำหรับ New Mazda CX-5 ใหม่ ก้าวล้ำหน้ากว่าใครด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งแบบเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety) บนท้องถนนจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยทุกวินาทีของการขับขี่ ถือเป็นอีกก้าวที่ล้ำสมัยของเอสยูวี ประกอบด้วย  
  • ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ
ช่วยปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกกันอย่างอิสระทั้งซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน และช่วยไม่ให้การทำงานของไฟสูงไปรบกวนรถคันอื่น
  • LDWS (Lane Departure Warning System)
ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถอาจเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อันเกิดจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
  • LAS (Lane-keep Assist System)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน จะช่วยคนขับในการควบคุมรถ เมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
  • SCBS (Smart City Brake Support)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ
  • SBCS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ
  • DAA (Driver Attention Alert)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบจะช่วงส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับ
  • ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
    ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลนโดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น
  • RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังระบบจะส่งสัญญาณเตือนขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลัง
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ New Mazda CX-5 ใหม่ คือ ความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกเหตุการณ์มากที่สุด ทั้งรูปแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และแบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Passive Safety) โดยมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก (WORLD-CLASS SAFETY)
ความปลอดภัยเชิงป้องกันเมื่อเกิดเหตุ (Active Safety) กับระบบเข็มขัดนิรภัย ERA (Emergency Locking Retractor) ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ทั้งในตำแหน่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร และยังมี Headrest ที่ได้รับการออกแบบให้มีองศา และตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บ เมื่อเกิดการกระแทกจากด้านหน้ารถ ที่เบาะนั่งด้านหลังออกแบบให้มีองศาที่รองรับน้ำหนักของคนนั่งได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารพุ่งออกจากเบาะไปด้านหน้า โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดจากการชนที่ด้านหน้ารถ และกันชน ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบให้มีโครงสร้างรับแรงกระแทกเพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บของผู้ถูกชนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ    
ความปลอดภัยเชิงปกป้องเมื่อเกิดเหตุ (Passive Safety) ด้วยระบบ ESS (EMERGENCY SIGNAL SYSTEM) สัญญาณไฟกระพริบเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกรถอย่างกระทันในภาวะฉุกเฉิน เพื่อส่งสัญญาณเตือนรถคันหลังให้ลดความเร็วลง และเมื่อผู้ขับขี่เอาเท้าออกจากแป้นเบรก สัญญาณไฟเตือนฉุกเฉินจะดับลงโดยอัตโนมัติ หากผู้ขับขี่เหยียบเบรกอย่างกะทันหันจนกระทั่งรถหยุดนิ่ง สัญญาณไฟเตือนฉุกเฉินจะยังคงกระพริบเตือนรถคันหลังให้ระวัง และลดความเร็ว
นอกจากนี้ยังมี ABS ทั้ง 4 ล้อ พร้อม EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, DSC (Dynamic Stability Control ช่วยควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ, HLA (Hill Launch Assist ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล จากองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งสิ้น สัมผัสได้ถึงการให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ร่วมจราจรบนท้องถนน ที่มาสด้าพยามยามคิดค้น และเติมเต็มความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากที่สุดด้วยเทคโนโลยีจากมาสด้า
เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่เหนือชั้นด้วย MZD CONNECT ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ

ให้ผู้ขับขี่ไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์แม้ขณะอยู่ในรถ ระบบความบันเทิงในรถ และการเชื่อมต่อกับโลกโซเชียล ค้นหาข้อมูลได้แม้ในขณะเดินทาง พร้อมทยานสู่ความสำเร็จได้ทุกเวลา ระบบนำทางและเครื่องเล่น DVD ผ่านจอ Touch Screen ขนาด 7” เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นได้อย่างสะดวกสบาย

4 บิ๊ก สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก “สปอร์ต ทัวร์ริสซึม” บูมท่องเที่ยวเมืองสุพรรณคึกคัก คาดเม็ดเงินปี 59 สะพัดกว่า 500 ล้านบาท


4 กูรู จาก 4 วงการ “ จ. สุพรรณบุรี -สุพรรณบุรีมอเตอร์ สปอร์ตแลนด์ –ยูธสตรีม – สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ไทย” ผนึกกำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกด้วย Sport Tourism การท่องเที่ยวเชิงกีฬารูปแบบใหม่ครบรสผสานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และธรรมชาติอันงดงาม ทั้งการแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์โลก บนสนามทางฝุ่นที่ดีที่สุดในเมืองไทย และการท่องเที่ยวเต็มอิ่มกับสถานที่ท่องเที่ยว Unseen อาทิ ปางอุ๋งสุพรรณฯ , หมู่บ้านอนุรักษ์แย้ , หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ ฯลฯ คาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นขำนวนมาก มีเงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาท 

23 กุมภาพันธ์ 2559 ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป กรุงเทพฯ : นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดสุพรรณบุรีถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความนิยม โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก มีเงินสะพัดจากการจับจ่ายสูง ดังนั้นการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้มีความแตกต่างและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ล่าสุด อบจ. สุพรรณบุรี จึงร่วมกับ บริษัท สุพรรณบุรีมอเตอร์ สปอร์ตแลนด์ จำกัด เจ้าของสนามโมโตครอสแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ “สุพรรณบุรี มอเตอร์สปอร์ต แลนด์” ตั้งอยู่ที่ ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งถือเป็นสนามทางฝุ่นที่ดีที่สุดในเมืองไทย ได้มาตรฐานระดับโลก , "ยูธสตรีม” เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์โลก และ “สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ไทย” จัดการแข่งขัน โมโตครอสชิงแชมป์โลก 2016 สนาม 2 รายการ “เอ็มเอ็กซ์จีพี ออฟ ไทยแลนด์” ขึ้นเพื่อเป็นไฮไลท์ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดสุพรรณบุรีในรูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism)

 นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขัน การคมนาคม และกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน เพื่อรองรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลก ที่เชื่อว่าจะหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อเดินทางมาที่ จ.สุพรรณบุรี เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องความพร้อมของโรงแรม, ที่พัก, อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งการคมนาคมที่สะดวกสบาย ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่จะทำให้งานครั้งนี้ออกมาอยสมบูรณ์แบบ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดสุพรรณได้เป็นอย่างดี และมั่นใจว่าในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว จะมีเม็ดเงินสะพัดทั้งในจังหวัดสุพรรณบุรี และระบบท่องเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีตลอด 3 ปีที่มีการแข่งขันโมโตครอสระดับโลก พบว่ามีแฟนโมโตครอสจากทั่วโลกเดินทางเข้าชมการแข่งขันในเมืองไทยนับหมื่นคน และเชื่อว่าในปีนี้ "ไทย เอ็มเอ็กซ์จีพี" จะมีผู้ชมเดินทางสู่ จ.สุพรรณบุรี มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังมีการถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ผ่านสายตาผู้ชมกว่า 600 ล้านคู่ ซึ่งจะทำให้ จ.สุพรรณบุรี และประเทศไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งนี้นอกเหนือจากการชมกีฬาแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์โลกแล้ว ยังส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวชมศิลปวัฒนธรรมของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี การท่องเที่ยวธรรมชาติ พร้อมเปิดสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส อาทิ ปางอุ๋งสุพรรณฯหรืออ่างเก็บน้ำหุบเขาวง , หมู่บ้านอนุรักษ์แย้ , หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ ฯลฯ 

“โรงแรมที่พักขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง ส่วนใหญ่ถูกจองเต็มหมดแล้ว ทั้งในเขตอำเภอเมือง และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงสนามการแข่งขัน โดยในเขตอำเภอเมือง ก็มีทั้งบรรดานักแข่ง ทีมแข่ง นักท่องเที่ยว ผู้ชมงาน ต่างมาจองโรงแรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเต็มไปก่อนงานเรียบร้อยแล้ว อาทิ โรงแรมศรีอู่ทองแกรนด์, โรงแรมวาสิษฐี , โรงแรมสองพันบุรี ฯลฯ ส่วนในเขตพื้นที่ใกล้กับสนามแข่งขัน อำเภอดอนเจดีย์และหนองหญ้าไซ ก็ถูกจองเต็มเช่นกัน โดยเฉพาะโรงแรม รีสอร์ทที่มีทำเลใกล้กับพื้นที่จัดการแข่งขัน ที่ยังคงเหลือจะเป็นรีสอร์ทขนาดกลางและที่พักขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง ที่ยังพอมีห้องว่างอยู่” 

ด้านการจัดการจราจรและความปลอดภัย ขณะนี้จังหวัดสุพรรณบุรีได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรพื้นที่เข้าไปดูแลทั้งในส่วนของความปลอดภัยของนักแข่งที่เข้าพักกระจายกันไปตามโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่แวะเวียนเข้าไปดูแลตลอดการแข่งขัน ส่วนด้านการจัดการจราจร พื้นที่โดยรอบสนาม ในส่วนของเส้นทางการจราจร ทั้งเขตอำเภอเมือง, สระแก้วและดอนเจดีย์ จะมีการวางกำลังทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อาสาจราจร โดยจะมีการวางแผนการเดินรถอย่างดี เพื่อระบายรถในเส้นทางหลักให้มากที่สุด คล่องตัวที่สุด พร้อมกันนั้นยังได้ส่งชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าพื้นที่โดยรอบสนามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับผู้เข้าร่วมชมงานด้วย

ด้านนายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า การเปิดตัวสนามแข่งขันโมโตครอสระดับโลกถือเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองสุพรรณ ซึ่งนอกจากการแข่งขัน โมโตครอสชิงแชมป์โลก 2016 สนาม 2 รายการ “เอ็มเอ็กซ์จีพี ออฟ ไทยแลนด์” ที่มีขึ้นในครั้งนี้แล้ว บริษัทยังมีแผนส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดแข่งขัน “โมโตครอสชิงแชมป์โลก 2016 สนาม 2 รายการ “เอ็มเอ็กซ์จีพี ออฟ ไทยแลนด์” ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และแสดงถึงความพร้อมและศักยภาพของสถานที่จัดการแข่งขันที่ได้มาตรฐานในระดับสากล รวมทั้งสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมกิจกรรมกีฬา การท่องเที่ยว และความงดงามของวัฒนธรรมไทยไปสู่สายตาชาวโลก ผ่านการถ่ายทอดสด ตลอดการแข่งขัน ทำให้จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง และนำรายได้กระจายสู่ชุมชน อีกด้วย

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาชมการแข่งขัน ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย อาทิ การจัดแสดงรถบิ๊กไบค์, เครื่องเสียงรถยนต์, การออกร้านสินค้าโอท็อปราคาถูกมากมายและชมคอนเสิร์ต ที่มีศิลปินดารานักร้องชื่อดังมาร่วมงานอย่างคับคั่ง นำทีมโดยคาราบาว (เต็มวง), บ่าววี (เต็มวง),เอกราช สุวรรณภูมิ,โป่งหินเหล็กไฟ ฯลฯ ระหว่างวันที่ 1- 6 มีนาคม 2559 รวม 6 วัน 6 คืน 

“ความน่าสนใจของ โมโตครอสชิงแชมป์โลกยังอยู่ที่การขับเคี่ยวของนักบิดชั้นนำจากทั่วโลก “ที่ผ่านมา เราได้เห็นนักบิดระดับแชมป์โลกมาแข่งขันในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น อันโตนิโอ ไคโรลี แชมป์โลกหลายสมัยชาวอิตาเลียน, แม็กซิมิลัน นาเกิ้ล นักบิดเยอรมัน,ไรอัน วิลโลโปโต้ แชมป์โลกซูเปอร์ครอสชาวอเมริกัน, โกติเย เพอแลง และ โรแมง เฟบวเร่ แชมป์โลกล่าสุดชาวฝรั่งเศส รวมถึง เจฟฟรีย์ เฮอร์ลิงส์ และ ไดลัน แฟรันดิส ในรุ่น เอ็มเอ็กซ์ทู ซึ่งนักบิดเหล่านี้จะเดินทางมาสร้างสีสันและโชว์ลีลาให้กับแฟนๆ โมโตครอสในเมืองไทยได้ชมกันอย่างจุใจแน่นอน”
สำหรับสนามสุพรรณบุรี มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ ตั้งอยู่ที่ ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี บนพื้นที่ 408 ไร่ ถูกยกให้เป็นสนามโมโตครอสระดับโลกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในเวลานี้ ออกแบบโดย จัสติน บาร์เคลย์ นักออกแบบสนามโมโตครอสระดับโลกชาวอังกฤษ มีการทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านบาทในการก่อสร้าง เพื่อผลักดันให้เป็นสนามทางฝุ่นอันดับหนึ่งของเอเชีย มีระยะทางต่อรอบ 1.6 กิโลเมตร ประกอบด้วยเนินหลากหลายสลับกัน 11 เนิน รวมถึงเส้นทางตรงที่ทำความเร็วได้สูง สลับกับโค้งทั้งแคบและกว้าง กว่า 13 โค้ง สร้างความท้าทายให้กับนักบิดทุกคน พร้อมด้วยอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับสนามแข่งโมโตครอส ส่วนรอบสนามแข่งยังจะมีอัฒจันทร์ซึ่งจุผู้ชมได้ไม่น้อยกว่า 10,000 คน พร้อมที่จอดรถซึ่งสามารถรองรับรถได้ถึง 4,000 คัน

เอ.พี. ฮอนด้า วางกลยุทธ์พลิกวงการรถจักรยานยนต์ไทยสู่ยุคใหม่ ส่งมอบ 3 ประสบการณ์ใหม่สู่ไลฟ์สไตล์การขับขี่แห่งอนาคต ประเดิมด้วย Honda MSX125SF สปอร์ตมินิไบค์สุดโฉบเฉี่ยว


เอ.พี. ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการรถจักรยานยนต์ไทยเป็นปีที่ 27 ติดต่อกันด้วยยอดจำหน่าย 1.35 ล้านคัน จากตลาดรวมทั้งสิ้น 1.68 ล้านคัน วางกลยุทธ์ใหม่เตรียมส่งมอบคุณค่าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้กับผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของการขับขี่ที่ครบครัน นำเสนอโมเดลใหม่ถึง 10 รุ่นภายใน 2 ปี เพื่อรับมือกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคแห่งไลฟ์สไตล์ พร้อมกับวางเป้าหมายปี 2016 ไว้ที่ 1.35 ล้านคันจากตลาดรวม 1.7 ล้านคัน ประเดิมเปิดตัวรุ่นแรก Honda MSX125SF สปอร์ตมินิไบค์ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว

มร.โนบุฮิเดะ นางาตะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า “ในปี 2015 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยยังอยู่ในสภาวะทรงตัว มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1.68 ล้านคัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยราว 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ฮอนด้ามียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1.35 ล้านคัน ครองความเป็นผู้นำตลาดเป็นปีที่ 27 ติดต่อกัน โดยสาเหตุหนึ่งที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนักเป็นเพราะอัตราการถือครองรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยนั้นค่อนข้างสูงอยู่แล้ว และในทางเศรษฐกิจก็ยังไม่มีปัจจัยบวกที่ก่อให้เกิดการซื้อขายมากไปกว่าเดิม ในขณะที่ตลาดรถบิ๊กไบค์นั้นมีฐานผู้ซื้อเป็นคนเมืองที่มีรายได้สูงจึงยังคงมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องโดยในปี 2015 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 19,000 คัน เติบโตขึ้น 20% ในขณะที่ฮอนด้ามียอดจำหน่ายโดยประมาณอยู่ที่ 6,900 คันเติบโตขึ้นราว 26%”

“การเติบโตไม่ได้เกิดขึ้นกับรถบิ๊กไบค์เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับรถราคาสูงประเภทอื่นๆ และรถประเภท Hobby ที่มีคุณค่าทางจิตใจและอารมณ์ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้บริโภคชาวไทยยุคใหม่ไม่ได้ซื้อรถเพียงเพื่อใช้สำหรับเดินทางเท่านั้น แต่ยังต้องการรถที่ให้ความสนุกในการขับขี่ หรือเพื่อแสดงความเป็นตัวตนทางสังคม กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในที่สุด ดังนั้นแม้ฮอนด้าจะเป็นผู้นำตลาดก็ไม่อาจจะหยุดพัฒนาได้ เราจะก้าวนำการเปลี่ยนแปลงเพื่อพลิกโฉมวงการรถจักรยานยนต์ไทยสู่ยุคแห่งอนาคต ด้วย 3 ประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“ประสบการณ์แรกที่เราจะนำเสนอคือผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าใหม่ (New Valued Products) และผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added products) เพื่อส่งมอบความรู้สึกที่อยู่เหนือความคาดหวังของลูกค้าถึง 10 รุ่นภายใน 2 ปี โดยในจำนวนนี้จะมี 5 รุ่นที่เป็นโมเดลใหม่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทยหรือที่เรียกว่า Brand New และอีก 5 รุ่นที่เป็นการปรับโฉมแบบทั้งคันหรือ All New”

“ประสบการณ์ที่สองคือการพัฒนาเครือข่ายใหม่เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่าง เริ่มจากการขยายสาขา Honda BigWing เพิ่มอีก 8 แห่ง รวมเป็น 21 แห่ง ครอบคลุมทุกหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศภายในปีนี้เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ที่กำลังเติบโตขึ้น นอกจากนั้น เราจะพัฒนาเครือข่ายร้านคอนเซปต์ยุคใหม่ที่เรียกว่า New Valued Network ซึ่งจะเป็นร้านที่ได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้รถที่มีความเป็นตัวของตัวเองและต้องการความแตกต่าง โดยฮอนด้าจะเริ่มโครงการนี้ในปี 2017”

“ประสบการณ์ที่สาม คือการนำเสนอความสนุกสนานใหม่ๆในการขับขี่ที่หลากหลายผ่านศูนย์ Active Riding Center ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยสู่การเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมการขับขี่ยุคใหม่ที่มีทั้งการขับขี่เพื่อท่องเที่ยว การขับขี่แบบสปอร์ตเพื่อท้าทายสมรรถนะของรถและความสามารถของผู้ขับขี่ หรือการขับขี่แบบออฟโรด นอกจากนี้ ที่แห่งนี้ยังจะเป็นศูนย์กลางในการเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ของผู้ที่ชอบแต่งรถอีกด้วย เพราะจะเป็นแห่งแรกที่รวบรวมอุปกรณ์แต่งรถและคอลเลคชั่นจากฮอนด้าอย่างสมบูรณ์แบบ โดยศูนย์ Active Riding Center จะเปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไปที่จังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต”
“สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2016 เราคาดว่าปัจจัยเสี่ยงเรื่องน้ำอาจส่งผลต่อภาคเกษตรกรรม แต่ด้วยมาตรการรับมือของรัฐที่ค่อนข้างรวดเร็ว และการเติบโตในภาคธุรกิจท่องเที่ยว จะยังช่วยผลักดันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเติบโตขึ้นเล็กน้อย และน่าจะมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน โดยฮอนด้าตั้งเป้าหมายการจำหน่ายในปีนี้ไว้ที่ 1.35 ล้านคัน ในส่วนของตลาดรถบิ๊กไบค์น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 25,000 คัน โดยฮอนด้าตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10,000 คัน”

พร้อมกันนี้ เอ.พี. ฮอนด้า ยังได้ประเดิมเปิดตัวรถประเภทมูลค่าเพิ่มหรือ Value-Added Product เป็นครั้งแรกของปีด้วย Honda MSX125SF ที่ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “Endorphine Clutcher” ให้เป็นสปอร์ตมินิไบค์ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ให้อารมณ์ที่ดุดัน มีความคล่องตัวในการใช้งาน เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาสิ่งที่เหนือกว่าสำหรับการขับขี่ในเมือง
Honda MSX125SF ล้ำสมัยด้วย Sporty Dynamic Design ถ่ายทอดอารมณ์จากรถบิ๊กไบค์แนวเนคเก็ด มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสูงแยกดวง และไฟบอกตำแหน่งสีฟ้าในแบบ LED Line, แผงหน้าปัดแบบฟูลดิจิตอลสีฟ้า, ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่สไตล์รถบิ๊กไบค์, ฝาถังน้ำมันแบบติดกับตัวถัง, กุญแจแบบพับได้เพื่อความสะดวกสบายในการเก็บและใช้งาน และโช้คหน้าแบบหัวกลับ

ในด้านระบบขับเคลื่อน Honda MSX125SF มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 125cc ระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยอากาศ พร้อมสวิทช์สำหรับเปิด-ปิดเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมคาลิปเปอร์สีแดงเข้าชุดกับล้อแม็กสีดำและยางหน้ากว้างพิเศษ

เอ.พี.ฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย MSX125SF ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศตั้งแต่วันทึ่ 26 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำที่ 70,500 บาท โดยมีให้เลือกทั้งสิ้น 4 สี ได้แก่สีแดงเบิร์นนิ่งเรด, สีเหลืองไฮเปอร์เยลโลว์, สีขาวบูสเตอร์ไวท์, สีดำอีคลิปส์แบล็ค
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th และติดตามกิจกรรมต่างๆของเอ.พี. ฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand.com

สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย จัดโครงการมหกรรมอาชีวศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 4


สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย (TMEA) พัฒนานักศึกษาอาชีวะ ในโครงการ มหกรรมอาชีวศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 4 การแข่งขันทักษะวิชาชีพ ระดับชาติครั้งที่ 25 ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถทางด้านฝีมือช่างให้กับนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ให้มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาประเทศชาติ โดยได้รับเกียรติจากนายเลิศศักดิ์ นววิมาน นายกสมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย (TMEA) และกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เป็นผู้มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศทั้ง 3 รางวัล ซึ่งรางวัลที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก และได้รับเกียรติจากนายสุเทพ ศรีศักดิ์วรชัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก


ทั้งนี้ศูนย์ฝึกอบรมจากบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ยังได้แสดงศักยภาพด้านการอบรม ด้วยการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน โดยนักศึกษาอาชีวะที่ซูซูกิได้อบรมนั้นได้คะแนนเต็มทุกสถาบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ศูนย์ฝึกอบรมของซูซูกินั้น มีศักยภาพในการสอนที่ทำให้นักศึกษาเข้าใจถึงวิธีการเรียนและการสอนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และยังนำไปปฏิบัติได้จริง อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากนายสมชาย ศรีสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกบริการหลังการขาย บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด มอบเครื่องยนต์ซูซูกิให้กับนักศึกษาจากวิทยาลัยต่างๆ ที่ทำคะแนนได้สูงสุด 3 อันดับแรก คือ รางวัลชนะเลิศ วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการกันทรารมย์ รับมอบเครื่องยนต์ซูซูกิ เบิร์กแมน 200, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 วิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ด รับมอบเครื่องยนต์ซูซูกิ เน็กซ์ และรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 วิทยาลัยการอาชีพวิเศษชัยชาญ รับมอบเครื่องยนต์ซูซูกิ สแมช เอฟไอ โดยในงานดังกล่าว จัดขึ้น ณ วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา

วอลโว่ ส่ง V40 Cross Country D4 ใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล-ทวินเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปราดเปรียว เร้าใจ โลดแล่นไปได้ไกลกว่า


วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) ขอแนะนำ V40 Cross Country D4 ใหม่เครื่องยนต์ดีเซล   รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูคันแกร่งที่คงความสง่างามอย่างมีสไตล์ พร้อมสีใหม่ พาวเวอร์บลู เมทัลลิค (Power Blue Metallic) สะกดทุกสายตา ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักรถแรง เร็วแต่ให้ความปลอดภัยสูงสุด ผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย เสริมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ D4 ดีเซลใหม่ ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า และแรงบิดที่ 400 นิวตันเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในเมืองและนอกเมือง 20 กม.ต่อลิตร ขับขี่สนุก โดดเด่นในทุกเส้นทาง
นางสาวแอเน็ต แอนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม หลังจากเปิดตัว V40 Cross Country T5 เมื่อปี 2013 ในปีนี้วอลโว่ จึงขอนำเสนออีกหนึ่งความพิเศษกับเครื่องยนต์ใหม่ดีเซล ที่นอกจาก V40 จะคงความหรูหราและประณีตด้วยเอกลักษณ์การออกแบบตามสไตล์สแกนดิเนเวียนแล้วยังขับขี่สนุกและลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่า ซึ่งสอดรับกับหัวใจที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมมากมาย”
“ตลอด 89 ปีบนเส้นทางของวอลโว่ เราคำนึงถึงการออกแบบรถยนต์ตามความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก และเชื่อมั่นว่า V40 Cross Country D4 จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของลูกค้าที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง และพร้อมโลดแล่นสู่การเดินทางที่แสนสุขและสนุกด้วยรถที่เต็มไปด้วยสุดยอดแห่งการดีไซน์ที่มาพร้อมกับความมีรสนิยม”   
เปี่ยมสมรรถนะกับเครื่องยนต์ใหม่ Drive-E Powertrain นวัตกรรมเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่มอบความเร้าใจในการขับขี่และการใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่าด้วยเครื่องยนต์ดีเซลทวินเทอร์โบ เทคโนโลยี i-ART ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอัจฉริยะที่ได้รับการติดตั้งคอมพิวเตอร์เซ็นเซอร์ไว้ที่หัวฉีดของแต่ละลูกสูบ ฉีดจ่ายน้ำมันสูงสุด 9 ครั้งต่อการหมุนของเครื่องยนต์ 1 รอบ และให้แรงดันมากสุด 2,500 บาร์ (Bar) พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Geartronic และ Paddle Shift   เพื่อความเป็นเลิศในการขับขี่และตอบสนองทันใจในทุกช่วงความเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงด้วยโหมดการขับขี่ ECO+ (อีโค่-พลัส)
วอลโว่ V40 Cross Country D4 เป็นรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู 5 ที่นั่งสไตล์เท่ มอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ด้วยตัวถังที่สูงกว่า V40 ทั่วไปถึง 40 มม. และเพิ่มความแกร่งพร้อมลุยด้วยดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว ทันสมัย เช่น กันชนหน้าสีเข้มเพิ่มความแกร่งพร้อมลุย กระจังหน้าลายรังผึ้ง ไฟ Daytime Running Light ที่เฉียงขึ้นเพิ่มความทันสมัยและสะดุดตา กันชนหลังและ skid plate ด้านข้างและด้านหลังพร้อมตราสัญลักษณ์ Cross Country เพิ่มลุคของความบึกบึนสไตล์ครอสคันทรี

เครื่องยนต์ D4 ดีเซล ทวินเทอร์โบ 190 แรงม้า ที่ 4,250 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 400 นิวตันเมตรที่ช่วง 1,740-2,500 รอบต่อนาที ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม.ต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาทีเท่านั้น อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในเมืองและนอกเมือง 20 กม.ต่อลิตร

ยิ่งกว่านั้น ยังออกแบบภายในห้องโดยสารได้สวยงาม ภายใต้แนวคิด “ออกแบบมาเพื่อคุณ”  Designed Around You ด้วยโทนสีทันสมัย สะท้อนอิสระแห่งการเดินทาง เบาะนั่งใหม่สไตล์สปอร์ตบุหนังคุณภาพสูงสีทูโทน Charcoal Solid/Hazel Brown และเย็บตะเข็บเบาะด้วยสีที่ตัดกัน พร้อมตกแต่งแผงคอนโซลด้วยโทนสี Copper Dawn ทันสมัยสื่อความสปอร์ตและอิสระแห่งการเดินทาง

และนวัตกรรมที่จะให้ความสะดวกแค่ปลายนิ้ว กับ วอลโว่ Sensus ช่วยควบคุมและให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่อให้สามารถสื่อสารได้สะดวกปลอดภัย รวมทั้งฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาและผ่านการเชื่อมต่อแบบบลูทูธได้อย่างรื่นรมย์ พร้อมหน้าปัดแบบกราฟฟิก สะท้อนทุกอารมณ์ ด้วยหน้าจอจะแสดงข้อมูลสำคัญในแต่ละสถานการณ์ได้ โดยที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกการแสดงผลหน้าจอได้ถึง 3 แบบ คือ Elegance  Eco และ Performance
​ 
รวมถึงยังมีเทคโนโลยีทันสมัยมากมายทั้งในด้านความปลอดภัยและระบบสนับสนุนเช่นเดียวกับที่มีในรถรุ่นใหญ่ ทั้ง ระบบช่วยในการจอดรถอัตโนมัติ (Park assist pilot) ช่วยให้การจอดแบบขนานขอบทางง่ายดายขึ้นโดยที่ระบบอัจฉริยะจะควบคุมการบังคับเลี้ยวของรถเอง ผู้ขับขี่เพียงกำหนดความเร็วและเกียร์เท่านั้น ระบบนี้ทำงานโดยเซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิคที่ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า หลัง และข้างรถ
ยิ่งกว่านั้น ยังมี ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ City Safety ซิตี้เซฟตี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เมื่อรถคุณวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะใช้เลเซอร์ที่ฝังอยู่ส่วนบนของกระจกบังลมหน้า สแกนพื้นที่ด้านหน้ารถในระยะห่างออกไป 10 เมตร เพื่อตรวจจับยานพาหนะด้านหน้ารถว่าหยุดอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ถ้าระบบประเมินว่าการชนกำลังจะเกิดขึ้น เบรกจะถูกชาร์จเตรียมไว้เพื่อให้คุณเหยียบเบรกได้ทันท่วงที หรือหากคุณไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีเพื่อการเดินทางสู่เป้าหมายที่วอลโว่ตั้งไว้ว่าภายในปี ค.ศ. 2020 จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสในรถวอลโว่รุ่นใหม่
เชิญพบกับรถยนต์วอลโว่ V40 Cross Country D4 เครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ ราคา 2,099,000 บาท ได้ที่โชว์รูมวอลโว่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-305-4499 หรือWWW.VOLVOCARS.COM/TH

มาสด้าจรดปากกาหนุน “สวาดแคท” ดันขึ้นท็อปไฟว์ เปิดตัวนักเตะและชุดแข่งใหม่ลงฟาดแข้งในฤดูกาลนี้


กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 17 กุมภาพันธ์ 2559 – มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย จำกัด เดินหน้าผลักดันแผนพัฒนากีฬาควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย จับปากกาลงนามต่อสัญญาฉบับใหม่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของทีม “สวาดแคท” เจ้าแมวพิฆาต เพื่อลุยสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ พร้อมดึงนักเตะฝีเท้าฉกาจจากอิตาลีเสริมทัพ และนักเตะฝีเท้าจัดจ้านจากสังเวียนในไทยร่วมทีมอย่างคับคั่ง ตั้งเป้าฤดูกาลนี้จะขยับขึ้นติด 1 ใน 5 เตรียมไปเล่นเอเอฟซีแชมป์เปียนส์ลีกในปีหน้าให้ได้
สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือ สวาดแคท เจ้าของฉายาเจ้าแมวพิฆาต ได้แสดงแสนยานุภาพอย่างโดดเด่น หลังจากขึ้นมาโลดแล่นไทยพรีเมียร์ลีกเป็นปีแรก สามารถสร้างผลงานอันแสนประทับใจและสร้างสถิติใหม่อันสวยหรูไว้มากมาย โดยเฉพาะการเป็นทีมที่มีจำนวนแฟนบอลให้การสนับสนุนจำนวนมาก ทำสถิติใหม่เป็นทีมที่มีแฟนบอลเข้าชมเกมส์นัดเย้าสูงถึง 34,680 คน ในศึกแห่งศักดิ์ศรี ศึกดาร์บี้แม็ต แห่งภาคอีสานกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ผลเสมอกันไป 1-1 กลายเป็นสโมสรที่แฟนบอลทะลักเข้าไปชมเกมส์มากที่สุด นอกจากนี้ทีมน้องใหม่ทีมนี้ยังทำสถิติใหม่เป็นทีมเย้าที่มีกองเชียร์เข้าชมในสนามเฉลี่ยมากที่สุดถึง 22,344 คน ทำลายสถิติการเข้าชมของแฟนบอลในประเทศไทยตลอดกาล และยังสูงสุดเป็นอันดับสองในอาเซียนอีกด้วย หรือมากกว่าลีกดังๆ ในทวีปยุโรป จากผลงานอันยอดเยี่ยมทั้งภายในบ้านและนอกบ้านส่งผลให้ทีมสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ด้านบนของตารางด้วยการจบอันดับที่ 8 ในฤดูการที่ผ่านมา
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จของมาสด้าในช่วงที่ผ่านมานั้น เกิดจากสปิริตอันแรงกล้าของชาวมาสด้าที่ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เฉกเช่นเดียวกับนักเตะและสมาชิกของสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งศรัทธา ความมุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อจะก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ ชัยชนะ มาสด้าให้การสนับสนุนทีมสวาดแคทมาตั้งแต่ปี 2555 ด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปี ทีมก็สามารถก้าวสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 พร้อมก้าวขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในปี 2558 ที่ผ่านมา และจบด้วยผลงานอันดับ 8 ของตาราง นับเป็นความสำเร็จอันงดงามอย่างยิ่ง ที่แสดงถึงสปิริตนักสู้ที่กล้าแกร่งของทุกคนในทีมที่มีความมุ่งมั่น อุตสาหะ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ดีกว่าอย่างแท้จริง
การสนับสนุนฟุตบอลทีม “สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี”  คือจุดเริ่มที่สำคัญของมาสด้าในการบุกเบิกการทำตลาด Sport Marketing และในปีนี้มาสด้าได้สานต่อนโยบาย ด้วยการสนับสนุนทีมสวาดแคท “นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เราชาวมาสด้าทุกคนยังคงเชื่อมั่นในสปิริตของ “ทีม” ผมมั่นใจว่าในปีนี้สโมสรจะประสบความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะทุกคนมีความพยายาม มุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่เคยยอมแพ้ ด้วยสปิริตแห่งนักสู้นี้ ผมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าปีนี้สโมสรจะก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของตาราง การลงนามความร่วมมือกันระหว่างมาสด้าและสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในครั้งนี้ คือ พันธะสัญญาที่เราจะก้าวเดินไปด้วยกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อความสำเร็จของทีม เพื่อชาวโคราชและเพื่อพัฒนาวงการกีฬาฟุตบอลของเมืองไทยให้ก้าวไปสู่ระดับชั้นนำของโลกดังที่ทุกคนตั้งความหวัง นายฮิเดสึเกะ กล่าวเสริม
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ของสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กล่าวว่า พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จในการพัฒนาเพื่อยกระดับวงการฟุตบอลไทยนั้น จำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับการแข่งขันลีกฟุตบอลอาชีพภายในประเทศไทย ดังนั้นจำเป็นต้องพัฒนาวงการฟุตบอลในทุกๆ ระดับ ทุกๆ ด้าน การพัฒนานั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จต้องมาจากการร่วมมือร่วมใจในทุกภาคส่วนในวงการกีฬา รวมทั้งแฟนบอล และผู้ชมก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
สวาดแคทเป็นทีมที่มีการปรับปรุงทีมอยู่เสมอเพื่อให้ทีมลงตัวมากที่สุด รวมทั้งพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมอย่างมาสด้าที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรและชาวโคราช เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการฟุตบอล และวงการกีฬาของประเทศไทย นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ผมต้องขอขอบคุณมาสด้าแทนพี่น้องชาวไทยและชาวโคราช พวกเราทุกคนต่างรู้ดีว่าการที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จนั้น ทุกคนทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ถึงแม้จะยากลำบากเพียงใด แต่พวกเราทุกคนก็ไม่เคยท้อ ไม่เคยสิ้นหวัง ตราบใดที่เรายังคงมีพลังและแรงศรัทธา มีความเชื่อมั่น มีสปิริต เราก็สามารถที่จะก้าวไปสู่จุดหมายสูงสุดที่พวกเราทุกคนได้ตั้งปณิธานร่วมกัน
“วันนี้พวกเราทุกคนเดินทางมาไกล แต่เราจะไม่หยุดเดิน เราต้องไปให้ถึงจุดหมายที่เราคาดหวัง เราผ่านความสำเร็จมาแล้วจากการก้าวขึ้นมาเล่นใน D1 และเราก็ทำสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ และก้าวขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในปีที่แล้วเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และสร้างผลงานจนที่ประจักษ์ต่อแฟนบอลทั่วประเทศมาแล้วว่า สวาดแคทเป็นอีกทีมที่จะสามารถก้าวไปสู่แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกได้เช่นกัน จากการที่เราจบที่อันดับ 8 ของตาราง นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกๆ ปี ผมต้องขอขอบคุณนักเตะทุกคน และทีมงานสต๊าฟโค้ช ผู้บริหารสโมสรฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญแฟนบอลของเราทุกคนเป็นจำนวนมากและมีอยู่ทุกพื้นที่ และมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ” นายสุวัจน์ กล่าวเสริม
ที่สำคัญเป้าหมายของทีมในปีนี้ คือ จะต้องก้าวไปสู่จุดหมายสูงสุดให้ได้ นั่นคือ การพิชิตอันดับ 1 ใน 5 ของตารางเมื่อจบฤดูกาลนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง แต่เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพและความมุ่งมั่นของทีม รวมถึงศรัทธาและแรงเชียร์ของแฟนบอลที่จะช่วยผลักดันให้ทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด  
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับปีนี้มาสด้าได้ร่วมสร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังของเมืองไทย โดยการสนับสนุนทีมฟุตบอล “นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี” ทีมขวัญใจมหาชนชาวโคราช หรือ “สวาดแคท” โดยปีนี้มีสโลแกนประจำทีมว่า “SPIRIT KORAT, SPIRIT SWAT CAT” ด้วยความเชื่อมั่นในสปิริตของทีมที่แสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมทั้งร่างกายและใจให้เป็นหนึ่งเดียว มีความเพียรพยายาม มีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะต่ออุปสรรคต่างๆ ทั้งของนักเตะและโค้ช เริ่มต้นความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ในลีกเล็กๆ แต่ด้วยความเพียรพยายามที่จะไม่หยุดยั้งพัฒนาทีม และขยันทุ่มเทฝึกซ้อม แม้จะเป็นทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเล่นในลีกใหญ่ระดับไทยพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก แต่สามารถสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าอันดับที่ 8 ของตาราง เมื่อปีที่ผ่านมา และในปีนี้มาสด้ายังคงสานต่อในการเป็นผู้สนับสนุนหลัก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4  ที่สำคัญในปีนี้ทีมตั้งเป้าที่จะยกระดับแข้งด้วยการคว้าท็อปไฟว์ โดยจะนำประสบการณ์ที่ได้จากเกมส์ปีที่ผ่านมา มาปรับปรุง เสริมความแข็งแกร่งของนักเตะ และพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมกับคว้าชัยชนะในทุกนัดให้สำเร็จ

มาสด้าจัดพิธีลงนามเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการทีม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี  พร้อมกับเปิดตัวขุนพลนักเตะเข้ามาเสริมทัพ ทีมสต๊าฟโค้ช และชุดแข่งใหม่ในฤดูกาลนี้ ก่อนเริ่มนัดฟาดแข้งเปิดฤดูกาล 2016 ในวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งในปีนี้ชาวมาสด้าขอเป็นอีกแรงสนับสนุนให้กับทีมสวาดแคทเหมือนเช่นเคย ในการเตรียมความพร้อมก่อนที่การแข่งขันในฤดูกาลนี้จะเริ่มขึ้น โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจากประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ และ ฯพณฯ สุจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ร่วมในพีธีลงนามในครั้งนี้

มาสด้ารุกสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งคว้า “โปรช้าง” นักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของเมืองไทย ธงชัย ใจดี สร้างอิมเมจเทคโนโลยีสกายแอคทีฟให้ก้องโลก


  • มาสด้าลุย “Sport Marketing” สนับสนุนกอล์ฟเพิ่มตอกย้ำแบรนด์พรีเมียม
  • เปิดตัว SKYACTIV TECHNOLOGY AMBASSADOR ก้าวสู่ความสำเร็จของมาสด้าทั่วโลก
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 11 กุมภาพันธ์ 2559 – บริษัท มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย จำกัด : จากความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา มาสด้าพร้อมแล้วกับการก้าวสู่การสร้างแบรนด์พรีเมียมของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอย่างเต็มขั้น ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม โดยสร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับวงการกีฬาเปิดตัว “โปรช้าง” นักกอล์ฟมือหนึ่งของเมืองไทย คุณธงชัย ใจดี ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก SKYACTIV TECHNOLOGY AMBASSADOR คนแรกของมาสด้า ด้วยความมีสปิริต มุ่งมั่น ทุ่มเท และกล้าที่จะแตกต่างเช่นเดียวกับสปิริตของชาวมาสด้าทำให้ได้มาซึ่งความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั่วโลกในปัจจุบัน
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า หากกล่าวถึง “Sport Marketing” ถือเป็นสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญทำมาโดยตลอด ควบคู่ไปกับการทำการตลาดในรูปแบบที่แตกต่าง โดยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมวงการกีฬาของประเทศไทย และกีฬาที่มาสด้าให้การสนับสนุนล้วนเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมของคนทั่วโลก  ครั้งนี้มาสด้าร่วมสานฝันนักกีฬาไทยให้ประสบความสำเร็จเพื่อก้าวสู่การเป็นแชมป์ระดับประเทศ และผลักดันไปสู่การคว้าแชมป์ระดับโลกในที่สุด ในปีนี้จะประกอบไปด้วยกีฬาฟุตบอล ซึ่งเริ่มต้นจากทีมฟุตบอลลีกเล็กๆ ในภูมิภาคจนกลายมาเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่มีแฟนบอลเข้าชมมากที่สุดในอาเซียน นั่นคือ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือสวาดแคท โดยในปีนี้เป็นปีที่ 4 ที่มาสด้าให้การสนับสนุน อีกหนึ่งประเภทกีฬาที่ตอกย้ำความแรง และสมรรถนะเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี นั่นคือ กีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยในปีนี้มาสด้าส่ง All New Mazda 2 ลงแข่งขันรายการใหญ่อย่าง ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ ร่วมสร้างสีสันให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตด้วย
สำหรับครั้งนี้มาสด้าพร้อมแล้วที่จะผลักดันนักกีฬาไทยให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นเพื่อก้าวไปสู่การคว้าแชมป์กีฬาระดับโลก มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างแบรนด์ไปสู่ความเป็นพรีเมียมของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น และจะร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬาไทย ด้วยการสนับสนุนกีฬากอล์ฟของประเทศไทยเป็นปีแรก ด้วยการแนะนำ “โปรช้าง” คุณธงชัย ใจดี นักกอล์ฟระดับโลก และอันดับหนึ่งของประเทศไทย ที่จะสร้างชื่อเสียงประเทศไทยให้ดังกึกก้องไปทั่วโลก มาเป็น SKYACTIV TECHNOLOGY AMBASSADOR คนแรกของมาสด้า จากจิตวิญาณความมุ่งมั่น และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวงของโปรช้าง เปรียบเสมือนกับจิตวิญญาณของชาวมาสด้า และชาวเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น จนเกิดเป็นความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ หัวใจของรถยนต์มาสด้าทุกคันทั่วโลก
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทั้งทักษะในการเล่นและสมาธิตลอดเวลาของการแข่งขัน ผู้เล่นต้องมีความมุ่งมั่นในเกมส์จึงจะมีชัยชนะได้ในที่สุด ถือเป็นเสน่ห์ของกีฬากอล์ฟ มาสด้าภูมิใจนำเสนอเรื่องราวของความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ โดยการนำเสนอถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางตัวตนของ “โปรช้าง” คุณธงชัย ใจดี SKYACTIV TECHNOLOGY  AMBASSADOR ด้วยสปิริตอันแรงกล้า มุ่งมั่น ทุ่มเท แม้จะเป็นนักกีฬาที่รูปร่างไม่ใหญ่ แต่มีสไตล์การเล่นที่ชาญฉลาด มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการวางแผนกลยุทธ์ในการเอาชนะ ฝึกฝนความแม่นยำ ตั้งมั่นที่เป้าหมายที่ชัดเจน คือ ชัยชนะ จนกลายเป็นนักกีฬาระดับโลกได้ดังเช่นทุกวันนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนกับจิตวิญญาณของชาวมาสด้า และชาวเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ผู้กำเนิดรถยนต์มาสด้า และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ชาวมาสด้าทุกคนต่างมีแนวทางและปรัชญาร่วมกัน ทุ่มเททุกลมหายใจ ทุกวินาที เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดมุ่งสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน จึงเกิดเป็นความสำเร็จในการสร้างเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอันชาญฉลาด และประสบความสำเร็จทั่วโลกในปัจจุบัน
ด้วยตัวตนของ “โปรช้าง” ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ มีความหวัง มองโลกในแง่ดี และทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น เกิดเป็นความโดดเด่น เฉกเช่นเดียวกับพวกเราชาวมาสด้าที่ทำให้เกิดความแตกต่างจากคนอื่น ไม่เหมือนใคร ไม่แข่งขันกับใคร แข่งขันกับตัวเราเอง ฉีกกฎเกณฑ์ในรูปแบบเดิมๆ และลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่ ไม่หวั่นแม้จะต้องเริ่มจากศูนย์เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ ตามสโลแกน ONLY THE SKY IS THE LIMIT ไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้ เป็นหลักการทำการตลาดของมาสด้า ที่มุ่งสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่มีสไตล์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ ซูม-ซูม

ปัจจุบันกีฬากอล์ฟได้รับความนิยม และมีกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบมากมายรวมไปถึงกลุ่มลูกค้าของมาสด้าด้วย การสนับสนุนกีฬากอล์ฟจึงเป็นช่องทางสื่อสารเรื่องราวของมาสด้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกช่องทางหนึ่ง เพิ่มการรับรู้ และความเข้าใจสู่สาธารณะชน มาสด้าพร้อมทุ่มเทกับทุกอย่างก้าว เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นพรีเมียมแบรนด์อย่างภาคภูมิใจ

เอ.พี. ฮอนด้า จับมือ 46 ดีลเลอร์ทำโครงการส่งเสริมอาชีพนักศึกษาอาชีวะกว่า 100 สถานศึกษา ต่อยอดความสามารถแบบบูรณาการตั้งแต่ความรู้ ทักษะฝีมือ สู่ความเป็นมืออาชีพในสายงาน



เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย สร้างสรรค์โครงการส่งเสริมอาชีพให้กับนักศึกษาจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาในสังกัดสอศ. โดยมีเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าให้การสนับสนุนพร้อมรับเข้าเป็นพนักงานประจำศูนย์ Honda Wing Center พร้อมกับวางเส้นทางอาชีพหรือ Career Path ให้ช่างรุ่นใหม่ได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือและเติบโตตามความสามารถ

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ช่วงระหว่างปี 2554-2557 เอ.พี. ฮอนด้าได้ก่อตั้งโครงการ One Dealer One College หรือ ODOC ขึ้นมาโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งในโครงการนี้ประกอบด้วย 3 โครงการย่อยได้แก่ โครงการอบรมเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ โครงการสนับสนุนการแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิง และโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ โดยมีเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศเป็นศูนย์กลางคอยสนับสนุนสถานศึกษาอาชีวศึกษาในพื้นที่ของตนอย่างน้อย 1 แห่งต่อ 1 ร้านผู้จำหน่ายฯ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีโดยมีสถานศึกษาเข้าร่วมถึง 321 แห่ง จนมีการขยายความร่วมมือสู่ระยะที่สองระหว่างปี 2558-2560 พร้อมกับเพิ่มโครงการย่อยเข้าไปอีก 1 โครงการ นั่นคือโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับนักศึกษาอาชีวะในสายช่างยนต์ เพื่อให้โครงการ One Dealer One College สามารถยกระดับคุณภาพนักศึกษาอาชีวะแบบบูรณาการตั้งแต่การมอบความรู้ มอบประสบการณ์นอกห้องเรียน มอบความปลอดภัย และมอบอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่เหล่านี้อีกด้วย”

           “ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมอาชีพจะเป็นการต่อยอดนำนักศึกษาอาชีวะที่ได้รับการอบรมด้านต่างๆมาตั้งแต่ระยะแรกและผ่านการฝึกงานแล้ว มาเข้าทำงานจริงที่ศูนย์บริการมาตรฐานของร้านผู้จำหน่ายฯ หรือที่เรียกว่า Honda Wing Center โดยกำหนดเส้นทางอาชีพหรือ Career Path ที่ชัดเจนให้กับทุกคน หากใครมีความสามารถ ทางศูนย์ฯก็จะส่งไปฝึกอบรมเพื่อสอบสู่การเป็นช่างระดับซิลเวอร์ ระดับโกลด์ ไปจนถึงระดับแพลทินั่ม โดยการเลื่อนขั้นในแต่ละระดับจะเป็นการพิจารณาร่วมกันระหว่างทางศูนย์และเอ.พี. ฮอนด้า เพื่อการพัฒนาในระดับสูงสุด”

           ล่าสุด โครงการส่งเสริมอาชีพได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากร้านผู้จำหน่ายฯทั่วประเทศ โดยมีดีลเลอร์รวม 46 แห่ง มีสาขาของศูนย์ฯรวมกันมากถึง 296 สาขา ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กับสถานศึกษาอาชีวศึกษารวม 103 แห่ง จากการสำรวจของ เอ.พี. ฮอนด้า คาดว่าจะมีการรับนักศึกษาเข้าเป็นพนักงานประจำได้มากกว่า 450 คนในปีแรกของของการดำเนินโครงการ

        “โครงการนี้จะทำให้นักศึกษาอาชีวะมองเห็นเส้นทางอนาคตของตัวเองอย่างชัดเจน รู้จักพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเติบโตเพื่อเป็นช่างที่มีความชำนาญ มีโอกาสได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นตามความสามารถ ในขณะเดียวกัน ทางร้านผู้จำหน่ายฯก็จะได้ช่างรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีไฟ และพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา” นายสุชาติกล่าวเสริม

     ติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมเพื่อสังคมโดยบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ได้ที่  www.aphonda.co.th และติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆ จากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

วิธีการ test ไฟของ ignition coil (คอยล์จุดระเบิดหัวเทียนสำหรับเครื่องยนต์)


       การสาธิตการทดสอบและการวัดค่ากระแสไฟฟ้าและวัดค่าความต้านทานภายใน    ของคอยล์จุดระเบิดหัวเทียน(ignition coil)    ในชุดจุดระเบิดเครื่องยนต์เบนซิน   ด้วยเครื่องมือวัดพื้นฐาน (มัลติมิเตอร์วัดไฟทั่วไป)    ถึงจะเป็นงานของช่างซ่อมมืออาชีพทำกัน แต่ถ้าได้ดูวิธีแล้ว แม้ไม่ใช้ช่างก็น่าจะทำได้แบบไม่ยากเลย




การทดสอบชุดจุดระเบิด ของเครื่องยนต์สำหรับงานการซ่อม (Automotive Engine Ignition Coil Testing Repair )


       การสาธิตขั้นตอนในการตรวจเช็คและทดสอบ   การทำงานของชุดจุดระเบิดของเครื่องยนต์ได้แก่ การสร้างกำลังไฟฟ้าแรงดันสูงพร้อมกับจ่ายกระแสไปยังหัวเทียนจุดระเบิต ของคอยล์จุดระเบิด(Ignition Coil )   ว่าสามาถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่   สำหรับขนาดและรูปแบบที่ควรจะเป็น   ตามวงจรการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ในระหว่างการซ่อม ด้วยเครื่องมือวัดพื้นฐาน

ดูที่บริเวณตำแหน่งของชุดจุดระเบิด

สายคอยล์ของหัวเทียนสำหรับจุดระเบิด

จุดขั้วสายไฟชุดจุดระเบิด

ชุดแผงฟิวส์สำหรับจุระเบิด




donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved