Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

Niche Cars Group welcomes Thai-Cambodia Business Networking


Bangkok – Niche Cars Group, an authorized supercar dealer for top global brands such as Lamborghini, McLaren, Lotus, Hummer Pagani and Koenigsegg recently welcomed representatives from a Thai-Cambodia Business Networking group. More than 40 supercars and superbikes travelled from Cambodia’s Phnom Penh to Bangkok’s Niche Cars showroom, the biggest of its kind in the region. With close to 700 kilometers between the two neighboring capitals, the networking rally, organized by the Thai Department of International Trade Promotion and the Ministry of Commerce is aimed at strengthening trade relations between the two countries.

MOTOR EXPO 2016 เนื้อหอมค่ายรถแห่จองพื้นที่ มั่นใจปลายปีตลาดคึกคักแน่ บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง พร้อมใจร่วมงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33" ส่งสัญญาณไตรมาสสุดท้ายตลาดรถสดใส


ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” (The 33rd Thailand International Motor Expo 2016) เปิดเผยถึงบรรยากาศการเปิดจองพื้นที่งานว่า ได้รับความสนใจจากบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอดจนอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง จับจองพื้นที่คึกคักเช่นทุกปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับภาวะชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ดีเมื่อประเมินสถานการณ์ในอีก 6 เดือนข้างหน้ามั่นใจว่าตลาดจะฟื้นตัวตามลำดับ โดยกำลังซื้อจะเริ่มกลับมาตอนปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่จัดงานพอดี

เหตุผลที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นพิเศษ คือ ช่วงเวลาของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและดีที่สุดของปี มีปัจจัยที่สนับสนุนการซื้อขายหลายประการ อาทิ การปรับเงินเดือน การได้รับโบนัส รวมถึงการเปิดตัวรถใหม่หลากหลายรุ่น การจัดแคมเปญร่วมกับสถาบันการเงิน  รวมถึงโปรโมชันจากค่ายรถ ที่มีทั้งลดแลกแจกแถมมากมาย

“นอกจากนี้ บริษัทรถยนต์ ยังมีความเชื่อมั่นในมาตราฐานการจัดงานระดับสากลของเราซึ่งได้รับการรับรอง ในฐานะสมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก (UFI: Union des Foires Internationales) ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน

งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ใช้พื้นที่จัดงานรวมทั้งสิ้น 80,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น ภายในอาคารชาเลนเจอร์ 60,000 ตารางเมตร จัดแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง โดยพื้นที่แสดงรถยนต์ใหญ่ที่สุดขนาด 1,890 ตารางเมตร และพื้นที่ภายนอกอาคารอีก20,000 ตารางเมตร สำหรับจัดกิจกรรมอื่นๆ มากมาย

MOTOR EXPO 2016” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เชื่อมโลก...เชื่อมคน ยานยนต์อัจฉริยะ” หรือ “Connect the World...Connect People: Smart Vehicles” เพื่อต้อนรับยานยนต์ยุคใหม่ที่ผสาน รถ คน โลก เป็นหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อล้ำสมัย” ขวัญชัย กล่าวทิ้งท้าย

พลาดไม่ได้กับงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 Impact เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม2559 เวลาเปิด-ปิดงาน วันธรรมดา เวลา 12.00-22.00 น. เสาร์และอาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00 - 22.00 น. ปิดการจำหน่ายบัตรเข้างาน เวลา 21.00 น. ของทุกวัน สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง http://www.motorexpo.co.th  

เปิดสนาม “NITTO KING OF DRAG 2016” ชิงความเป็นหนึ่ง ศึกแดร็กสายพันธุ์ดีเซล แรงกระหึ่มแทร็ก ลั่นสนามบางกอกแดร็ก อเวนิว คลอง 5



ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด จับมือ TNG DRAG จัดเต็มศึกสายแดร็ก ดีเซล “NITTO KING OF DRAG 2016” พิสูจน์ประสิทธิภาพ ยางนิตโตะ รุ่น NT420S โดยภายในงานเต็มไปด้วยสุดยอดนักแข่ง ตั้งแต่ตัวแรงรุ่นเก๋าขาซิ่ง หรือรุ่นโจ๋หัดแข่ง ที่มาวาดลวดลาย ประชันความแรงบนสนามแข่งกันอย่างร้อนแรง ณ สนาม สนามบางกอกแดร็ก อเวนิว รังสิตคลอง 5 นอกจากนั้นแล้ว ภายในงานยังมีโชว์สุดพิเศษจากศิลปิน RAP IS NOW ที่ยกทีมกันมาโชว์พลังแร๊พขั้นเทพให้ชมกันอย่างสนุกสนานภายในงาน และร่วมลุ้นโชคทองสำหรับผู้เข้าชม มูลค่า 15,000 บาท ภายในงานอีกด้วย
โดยในสนามนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณปฎิภาณ อนันต์รัตนสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้า และจัดหน่ายยางนิตโตะ ได้ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีเปิด พร้อมทั้งให้กำลังใจนักแข่งทุกคนอย่างใกล้ชิด ตลอดทั้งการแข่งขันอีกด้วย และเตรียมพบกับความมันส์ทะลุเป็น 2 เท่า ในศึก “NITTO KING OF DRAG 2016” สนามที่ 2 ในวันที่ 11 มิถุนายน2559 นี้ ณ สนามน้ำพอง จ.ขอนแก่น


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.nittotire.in.th หรือ Facebook: Nitto Tire Thailand

เบ็นดิกซ์ ตั้งไทยเป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาค เปิดโรงงานใหม่ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ. ระยอง



เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 บริษัท เอฟ เอ็ม พี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ จัดพิธีเปิดโรงงานเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เข้าร่วมเปิดงาน พร้อมด้วย Mr. Graeme Dixon ผู้จัดการทั่วไป Mr. David Woolfson ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด และนายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค และคณะผู้บริหารร่วมเป็นสักขีพยาน

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า “การเปิดโรงงานเบ็นดิกซ์เฟสที่2 ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ของจังหวัดระยอง และประเทศไทย ให้เติบโตยิ่งขึ้นไป การขยายโรงงานของเบ็นดิกซ์ ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของประเทศในการเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของโลกได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง และประเทศไทยเป็นอย่างมาก และขอชื่นชมการใส่ใจในคุณภาพ และสิ่งแวดล้อมของทุกกระบวนการผลิตของโรงงานเบ็นดิกซ์แห่งนี้ ที่ได้มีการบริหาร และจัดการสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งการันตีด้วยการได้รับรางวัล “อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)”จากในปีที่ผ่านๆมา”

นายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค บริษัทเอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จทางยอดจำหน่ายผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ในปีที่ผ่านมาว่า “จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ กำลังการผลิตจากเดิมที่ได้ประมาณ 6 ล้านชิ้นต่อปี นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด เราจึงได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในการสร้างโรงงานผลิตผ้าเบรกเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 ขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ทุ่มงบครั้งใหญ่ 140 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดิน สร้างโรงงานเฟส 2 ในบริเวณเดียวกับโรงงานแรก เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตหลักประจำภูมิภาค โดยสามารถขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว ทำให้เพิ่มจำนวนการผลิตได้รวมได้มากกว่า 13 ล้านชิ้นต่อปี รวมทั้งมีการจ้างงานเพิ่มกว่าเท่าตัว จำนวนพนักงานรวม 250 คน
ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการตลาดที่มีสูงมากทั้งใน และต่างประเทศ และในส่วนของสายการผลิตนั้นทางบริษัทฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีการผลิตล่าสุด Hybrid Fusion Technology เข้ามาช่วยพัฒนาผ้าเบรกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย“โรงงานอุตสาหกรรมสีเขียว”

สำหรับ ในปี 2558 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมียอดจัดจำหน่ายรวมมากกว่า 800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับปี 2557 ในปี 2559 นั้น ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้มากกว่า 40% ยอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,100 ล้านบาท หากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และคาดหวังว่าการเติบโตของบริษัท ฯ จะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่ช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น

ทางด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์ ในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณอีกไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมไปถึงการขยายจำนวนร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และฝึกอบรมเทคนิคการรักษาระบบเบรกแก่ช่าง ที่เป็นศูนย์บริการตัวแทนของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ นอกจากนั้น ยังมีการจัดกิจกรรม และโปรโมชั่นต่างๆให้กับร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค รวมถึงการสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ต เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคต่อไป” นายประพัฒน์ กล่าวปิดท้าย

ปอร์เช่ ประเทศไทย และ สยามพารากอน ร่วมกันสรรสร้างค่ำคืนอันเจิดจรัสในงาน Siam Paragon World of Luxury Presents The Masterpieces Showcase



กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมจัดงานระดับเวิลด์คลาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “Siam Paragon World of Luxury
Presents The Masterpieces Showcase” ซึ่งรวบรวมเอาแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำระดับโลกไว้ในงานเดียว โดยเอเอเอสฯ นำสุดยอดยนตกรรมสปอร์ตหรูอย่างปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) จัดแสดงเพื่อตอกย้ำความเหนือระดับ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2016 ณ ห้องฉัตรา บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสยามเคมปินสกี้

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอสฯ และ สยามพารากอน ร่วมกันสรรสร้างค่ำคืนอันเจิดจรัส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ศูนย์รวมความหรูหราระดับโลก ด้วยการนำผลงานอันเลอค่าจากร้านอัญมณีชื่อดัง 17 ร้านระดับมาสเตอร์พีซโดยฝีมือคนไทย จัดแฟชั่นโชว์สุด อลังการผ่านเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง แอน ทองประสม และคิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ร่วมด้วยนางแบบชั้นนำอีกมากมาย พร้อมเพิ่มความเหนือระดับให้ค่ำคืนนี้ด้วยรถสปอร์ตสุดหรูอย่าง ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera), รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) และรถสปอร์ต Compact SUV มาคันน์ (Macan) ยนตกรรมระดับโลกที่เคียงคู่ความล้ำค่าได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้เอเอเอสฯ ได้เรียนเชิญท่านลูกค้าผู้มีเกียรติเข้าร่วมดื่มด่ำกับงาน Gala Dinner มื้ออาหารค่ำสุดเอ็กซ์คลูซีฟในบรรยากาศ
โรงละครสุดคลาสสิค พร้อมด้วยพบปะเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังที่มาร่วมงานมากมาย หลังจากการจัดแสดงในค่ำคืนแสนพิเศษ เอเอเอสฯ และสยามพารากอน ยังคงตอกย้ำความเหนือระดับอย่างต่อเนื่อง โดยการอวดโฉมยนตรกรรมปอร์เช่ พร้อมด้วยเครื่องเพชรและอัญมณีระดับมาสเตอร์พีช ณ ลานหน้าร้าน Chanel ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่
4-13 มิถุนายน 2559

ปอร์เช่ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า
30 ปี

เอสโซ่ ประเทศไทย เปิดตัวน้ำมันเครื่องโมบิล ปีกาซัส™ 605 อัลตร้า 40 พร้อมแสดงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในงาน Asean Sustainable Energy Week 2016



กรุงเทพฯ (3 มิถุนายน 2559) – บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ได้แสดงนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่งาน Asean Sustainable Energy Week 2016 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 มิถุนายน 2559 นี้ ณ ศูนย์จัดแสดงไบเทค บางนา พร้อมเปิดตัวโมบิล ปีกาซัส™ 605 อัลตร้า 40”  (Mobil Pegasus™ 605 Ultra 40) น้ำมันเครื่องสูตรที่คิดค้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ประเภทที่ใช้พลังงานจากก๊าซชีวมวลและก๊าซฝังกลบสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืนและมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา)
1.      นางสาวคัม-ฟง ซิว ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.      นายดอง โจ ลี ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
3.    นางปาจรีย์  มีกังวาล ผู้จัดการแบรนด์ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นยานยนต์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เชิญชม “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 40” “มรดกโลกยานยนต์”


            ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย (คนที่ 3 จากซ้าย) ร่วมกับ รัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ (คนที่ 4 จากซ้าย) แถลงข่าวการจัด “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 40” ภายใต้แนวคิด “มรดกโลกยานยนต์”พร้อมเชิญผู้สนใจเที่ยวชมรถโบราณ และรถคลาสสิคกว่า 100 คัน พร้อมกิจกรรมมากมาย ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ระหว่างวันที่ 15-19 มิถุนายน ศกนี้

มาสด้า3 รถยนต์ยอดนิยมของคนทั่วโลก ฉลองการผลิตครบ 5 ล้านคัน



- ในเวลาเพียง 12 ปี 10 เดือน หลังจากเริ่มต้นการผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2546 -

ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศว่า รถยนต์นั่งมาสด้า3 (หรือในญี่ปุ่น เรียกว่า เอ็กซ์เซล่า) ประสบความสำเร็จอย่างสูงมียอดการผลิตครบ 5 ล้านคันไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ที่สำคัญ คือ เป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นที่ 2 ที่มียอดผลิตเกินกว่า 5 ล้านคัน โดยรุ่นก่อนหน้านี้ คือ มาสด้า แฟมิเลีย และรถยนต์นั่งมาสด้า3 รุ่นนี้ยังได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ให้กับชาวมาสด้า ด้วยการมียอดผลิตทะลุ 5 ล้านคันภายในเวลาเพียง 12 ปี 10 เดือน นับตั้งแต่มาสด้าได้เริ่มต้นสายพานการผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2546

รถยนต์นั่งมาสด้า3 ถือเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญอย่างยิ่งของมาสด้า และมียอดการจำหน่ายถึงคิดเป็น 1 ใน 3 ของรถยนต์มาสด้าที่จำหน่ายทั่วโลก ซึ่งมีสายการผลิตอยู่ที่ โรงงานโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น โรงงานฉางอันมาสด้าออโต้โมบิล ประเทศจีน โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และโรงงานมาสด้า เด เม็กซิโก วีฮิเคิล โอเปอเรชั่น ประเทศเม็กซิโก นอกจากนี้ยังมีโรงงานประกอบรถยนต์ที่ประเทศมาเลเซียและเวียดนามอีกด้วย


นับตั้งแต่รถมาสด้า3 เจนเนอเรชั่นแรก มาสด้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ที่เหนือความคาดหวังของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกแบบด้วยรูปลักษณ์อันสง่างามทรงพลัง ให้การตอบสนองการขับขี่เป็นเลิศ และให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ รถยนต์มาสด้า3 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน คือ รถยนต์มาสด้า3 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2556 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และแนวทางการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ – Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว เป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในรถยนต์เจนเนอเรชั่นล่าสุดของมาสด้า มาสด้า3 นับเป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและได้รับการชื่นชมยกย่องไปทั่วโลก สามารถพิชิตรางวัลอันทรงเกียรติต่างๆมากมาย อาทิ รถยนต์นั่งขนาดเล็กยอดเยี่ยมจากประเทศแคนนาดา ประจำปี พ.ศ. 2556 (Canadian Car of the Year’s Best New Small Car) และรางวัล International Red Dot Design Award ในปี 2557 นอกจากนี้ยังติดอันดับ Top 3 หรือหนึ่งในสามอันดับสูงสุดของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกและรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลกในปี 2557 อีกด้วย

มาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์เพื่อส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าทุกคน ให้สมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความปลอดภัยสูงสุด เพื่อเติมเต็มชีวิตของลูกค้าและกลายเป็นแบรนด์ที่ผูกพันกับลูกค้าด้วยสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษตลอดไป



ทางด้าน นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า รถยนต์นั่งมาสด้า3 เจนเนอเรชั่นล่าสุด เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ระบบเชื่อมต่อโลกออนไลน์ผ่านเทคโนโลยี MZD Connect และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันระดับโลก i-ACTIVSENSE ที่สำคัญได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยอย่างล้นหลามมียอดการจำหน่ายไปแล้วกว่า 17,000 คัน ด้วยระเวลาเพียง 2 ปีเศษ

“เมืองไทย” มั่นใจ BRG Group แต่งตั้งเป็นศูนย์มาตรฐาน


เมื่อเร็วๆ นี้ นายนเรศ นิลพงษ์ (คนที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินไหม ประกันภัยรถยนต์/สายงานประกันภัยรถยนต์ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มอบ ประกาศนียบัตรแต่งตั้งศูนย์บริการของ BRG Group จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์บริการสาขารัชโยธิน, สาขา รามคำแหง, สาขาศรีนครินทร์ และสาขาภูเก็ต เป็นศูนย์บริการมาตรฐานที่รองรับการบริการซ่อมรถยนต์ ให้แก่ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางสาวอัจจิมา ศรี รัตนประภาส (คนที่ 3 จากขวา) กรรมการบริหาร ฝ่ายการขาย BRG Group เป็นผู้ให้การต้อนรับและ รับมอบประกาศนียบัตรฯ อย่างเป็นทางการ พร้อม นางสาวพิกุล วรเนตร (คนที่ 1 จากขวา) ผู้ช่วย ผู้จัดการทั่วไป BRG Group พาเยี่ยมชมแผนกต่างๆ ภายในโชว์รูมและศูนย์บริการ BRG สาขาศรีนครินทร์

“ศูนย์บริการของ BRG Group เป็นศูนย์บริการที่มีมาตรฐานระดับสากล ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ ที่มีคุณภาพและทันสมัย พร้อมบุคลากรที่มีความชำนาญและประสบการณ์อันยาวนาน ประกอบกับเป็น ศูนย์บริการที่มีบริการครบวงจร One Stop Service ตั้งแต่การตรวจเช็คสภาพ ซ่อมสี ตัวถัง และซ่อม เครื่องยนต์ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้รับความสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งการแต่งตั้งศูนย์บริการของ BRG Group ในครั้งนี้ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มั่นใจว่าจะสร้างความพึ่งพอใจสูงสุด ให้แก่ ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของบริษัทฯ อย่างแน่นอน” นายนเรศฯ กล่าว

สำหรับศูนย์บริการ “BRG Group” เป็นศูนย์ซ่อมรถยนต์นำเข้ามาตรฐานแบบครบวงจร ที่เปี่ยมด้วย คุณภาพระดับสากล รับบริการซ่อมรถยนต์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ด้วยมาตรฐานการบริการแบบ One Stop Service ที่เพียบพร้อมด้วยการบริการ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมอะไหล่แท้ที่จัดเตรียมเพื่อ รองรับสำหรับทุกความต้องการ ขณะที่บุคลากรได้รับการคัดสรร และผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตร มาตรฐานสากล ทำให้ทุกบริการเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและรองรับทุกความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอย่างดี

รูปแบบบริการมาตรฐานแบบครบวงจร
1.บริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์นำเข้า

2.บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอกอากาศ

3.ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง

4.ศูนย์อะไหล่แท้

5.ศูนย์ประดับตกแต่งรถยนต์/เครื่องเสียง

6.ศูนย์เปลี่ยนกระจกรถยนต์

7.Autoworks ศูนย์บริการเคลือบแก้ว

ค่ายรถบรรทุกผุดช่องทางการตลาดใหม่ ล่าสุด สแกนเนียรุกตลาดรถบรรทุกมือสอง


ตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ปรับตัวรับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ด้านค่ายรถใหญ่จากยุโรป สแกนเนีย ผุดช่องทางการตลาดใหม่ จับตลาดรถบรรทุกมือสอง เป็นศูนย์รวมในการแลกเปลี่ยนรถบรรทุกสแกนเนีย ให้กับลูกค้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนรถสแกนเนียคันเก่ากับรถใหม่ป้ายแดง และช่วยให้ลูกค้าใหม่เป็นเจ้าของรถสแกนเนียมือสองคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น
นายยุทธนา มหาวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถบรรทุกมือสอง บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยถึงการเข้ามาทำตลาดรถบรรทุกมือสองว่า การทำตลาดรถมือสองนับเป็นหนึ่งในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งสแกนเนียได้พยายามที่จะเข้าถึงในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์และงานบริการเพื่อความเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจและการใช้งานของลูกค้า ภายใต้แนวคิด Scania Total Solutions โดยการเข้ามาในตลาดรถบรรทุกมือสองถือได้ว่าเป็นตลาดกลุ่มใหม่สำหรับประเทศไทย แต่สำหรับประเทศแถบยุโรป สแกนเนียมีการดำเนินการในตลาดนี้มานานแล้ว โดยจะแยกกลุ่มธุรกิจรถบรรทุกสแกนเนียมือสอง (Scania Used Truck) ออกมาอย่างชัดเจน การเปิดตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่บริษัทแม่ที่สวีเดนมองเห็นถึงศักยภาพของตลาดรถบรรทุกในประเทศไทยที่ความแข็งแกร่งและมียังมีแนวโน้มในการขยายตัวที่ดี

สำหรับแนวทางการทำตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยนั้น จะมีความแตกต่างจากประเทศในแถบยุโรป เพราะกฎหมายในยุโรปมีการกำหนดการใช้งานของรถบรรทุกกันไม่เกิน 5-6 ปี ก็จะต้องเปลี่ยนรถ แต่สำหรับประเทศไทยการใช้งานรถแต่ละคันจะใช้กันเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งทาง สแกนเนีย ต้องนำมาคำนวนหาความเหมาะสมของราคาต่อสภาพรถที่แท้จริงก่อนที่จะนำเสนอแก่ลูกค้า

โดยหลังจากศึกษาตลาดรถบรรทุกมือสอง และเริ่มทำตลาดScania Used Truck มาตั้งแต่ปลายปี 2015 ผลตอบรับนับว่าค่อนข้างดี มีลูกค้าเข้ามาสอบถามที่ศูนย์บริการของสแกนเนียที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศจำนวนมาก สำหรับกลุ่มเป้าหมาย นั้นเราจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าของสแกนเนียเป็นหลัก ซึ่งปกติแล้วลูกค้ากลุ่มนี้จะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนรถสแกนเนียมือสองกันเองอยู่แล้ว แต่พอเราเปิดทำตลาดรถบรรทุกสแกนเนียมือสองขึ้นมา ทำให้ทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่มีความสะดวกเข้ามาใช้บริการนี้มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อลูกค้าเก่าที่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ก็สามารถนำรถบรรทุกที่ใช้งานอยู่เข้ามาทำการแลกเปลี่ยน (Trade-In) กับเราแล้วสามารถออกเป็นรถใหม่ไปใช้งานได้เลย ส่วนรถที่สแกนเนียรับเข้ามาก็จะทำการตรวจเช็กสภาพและซ่อมบำรุงในส่วนที่ชำรุดก่อนที่จะนำมาให้ลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการรถบรรทุกสแกนเนียมือสอง พิจารณาเลือกซื้ออีกครั้ง

การเปิดตลาดรถบรรทุกมือสองครั้งนี้ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเป็นอย่างมากเพราะ เป็นเสมือน One Stop Service ซึ่งเรามีฐานข้อมูลของรถบรรทุกสแกนเนียทุกคันอยู่แล้วจึงสามารถให้ราคาที่เหมาะสมเป็นที่พอใจแก่ลูกค้าทั้งทางฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย วันนี้บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เรามีรถบรรทุกสแกนเนียมือสองหลากหลายรุ่น สามารถเลือกใช้ให้งานให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจขนส่ง เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนผลกำไรธุรกิจที่มากยิ่งขึ้น
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved