Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 – เอกลักษณ์หรูแห่งอนาคต


โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 – เอกลักษณ์หรูแห่งอนาคต

16 มิถุนายน 2559 – ลอนดอน
บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด เผยโฉมยนตรกรรมหรูต้นแบบแห่งโลกอนาคต โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 (Rolls-Royce VISION NEXT 100) ภายใต้รหัสชื่อ 103EX ที่จะเป็น “ยนตรกรรมต้นแบบ” สำหรับอนาคตอย่างแท้จริงคันแรกของบริษัทฯ ณ ราวด์เฮ้าส์ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

“วันนี้ โรลส์-รอยซ์ ในฐานะผู้นำแบรนด์หรูระดับโลก ได้กำหนดนิยามใหม่ของยนตรกรรมหรูแห่งโลกอนาคต ด้วยการเผยโฉมโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ที่บ่งบอกถึงแผนในอนาคตของโรลส์-รอยซ์อย่างชัดเจน ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมตามความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบเพื่อผลงานที่มีอัตลักษณ์อย่างแท้จริง ผ่านการผสมผสานอย่างลงตัวของเทคโนโลยี การออกแบบ และฝีมืองานหัตถศิลป์ของ       โรลส์-รอยซ์”  มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว

โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 เป็นการคาดเดาถึงความต้องการของลูกค้าที่มีต่อยนตรกรรมในอนาคต และสร้างสรรค์ขึ้นหลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการศึกษา และปรึกษากับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของแบรนด์           ยนตรกรรมต้นแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่ชัดเจนของแผนในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมหรูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลของแบรนด์จะยังคงดำเนินต่อไปด้วยการคงไว้ซึ่งคุณลักษณะหลักของโรลส์-รอยซ์ที่ทำให้โรลส์-รอยซ์ เป็นแบรนด์ยนตรกรรมหรูที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่มีระดับและทรงอิทธิพลของโลกมากว่าศตวรรษ  

ที่มาของโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100
“ยนตรกรรมต้นแบบ” เป็นหนึ่งใน 4 หัวข้อที่ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประกาศในงาน “THE NEXT 100 YEARS” เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 ที่มิวนิค  ทั้งนี้ปีพ.ศ. 2559 นี้ไม่เพียงแต่เป็นการฉลองครบรอบ 100 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แต่ยังเป็นปีที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งสำคัญให้กับโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส อีกด้วย

สำหรับโรลส์-รอยซ์ การยุติการผลิตยนตรกรรมแฟนธอม เจนเนอเรชั่น 7 ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น             “ยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก” นั้น เปรียบเสมือนบทส่งท้ายสำหรับเฟสแรกของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ยุคใหม่ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป  ความสำเร็จของยนตรกรรม “แฟนธอม”  “โกสต์”  “เรธ” และ“ดอว์น” เป็นการปูทางให้กับโรลส์-รอยซ์ในอนาคต

ความสำเร็จอย่างสูงของโรลส์-รอยซ์ในฐานะแบรนด์หรูที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกที่ผ่านมา เกิดจากความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดยั้งในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 – วิสัยทัศน์แห่งยนตรกรรมหรูสำหรับอนาคต
ในการรังสรรค์โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ทีมออกแบบของบริษัทฯ นำโดยมร. ไจลส์ เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ ได้ตั้งคำถามว่า “เราจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบของยนตรกรรมหรูในอีก 100 ปีข้างหน้าได้อย่างไร” และจากคำถามนี้ทำให้ทีมออกแบบเกิดคำถามตามมาอีก 2 ข้อนั่นคือ “อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าของโรลส์-รอยซ์คาดหวังที่จะเห็นในยนตรกรรมของเขา/เธอในอนาคต” และ “โรลส์-รอยซ์จะทำอย่างไรในปัจจุบันเพื่อตอบสนองความคาดหวังที่จะเกิดขึ้น”  คำถามเหล่านี้ทำให้ทีมออกแบบสามารถฝันถึงความเป็นไปได้ที่สามารถจะเกิดขึ้นในอนาคตของโรลส์-รอยซ์

โรลส์-รอยซ์ เข้าใจลูกค้า และความต้องการของลูกค้า ตลอดจนแรงบันดาลใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ เข้าใจดีว่าความหรูหราอย่างแท้จริงต้องสามารถสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล และสิ่งนี้เองที่ทำให้ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาไปสู่อนาคต ดังนั้น ทีมออกแบบได้คำนึงถึงองค์ประกอบหลัก 4 ประการที่ไม่เพียงเป็นรากฐานของโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 แต่ยังเป็นทุกสิ่งของที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูสำหรับอนาคต
การสะท้อนถึงอัตลักษณ์ การเดินทางที่สะดวกสบาย ห้องโดยสารที่หรูหราโอ่อ่าการถึงที่หมายอย่างมีสไตล์ 

ในการสร้างสรรค์โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 บริษัทฯ ได้ปฏิเสธความคิดแบบเดิมที่ว่ายนตรกรรมแห่งอนาคตต้องคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ  โรลส์-รอยซ์ได้ก้าวผ่านจุดนั้นเพื่อให้รถยนต์ต้นแบบสำหรับอนาคตคันนี้เป็นระบบขับขี่อัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบ  การรังสรรค์ตัวถังรถแก่ลูกค้าตามต้องการ เพื่อให้เกิดความมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์รถยนต์ของตนเองมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ไปสู่องค์ประกอบข้อแรก คือ การสะท้อนถึงอัตลักษณ์  

การสะท้อนถึงอัตลักษณ์  
โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ยนตรกรรมต้นแบบนี้เป็นตัวอย่างของความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์      โรลส์-รอยซ์แบบเฉพาะบุคคลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ซึ่งนับว่าเป็นการปฏิวัติประสบการณ์บริการบีสโป๊กของโรลส์-รอยซ์ในปัจจุบัน รสนิยมของลูกค้าจะมีบทบาทสำคัญในการออกแบบ และขั้นตอนการสร้างสรรค์โรลส์-รอยซ์ของเขา/เธอ
 
ในส่วนของโครงสร้าง โรลส์-รอยซ์จะรังสรรค์แชสซีสำหรับอนาคต ที่ทำจากมือด้วยวัสดุอันทันสมัยและใช้ระบบส่งกำลังที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักการปล่อยของเสียเป็นศูนย์ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้าทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกแบบรูปร่าง  ขนาด และเส้นรอบคันของโรลส์-รอยซ์ของเขามากยิ่งขึ้น  ลูกค้าในอนาคตจะสามารถสั่งทำรถได้ตามต้องการ  ทั้งนี้ บริษัทฯ จะออกแบบและผลิตยนตรกรรมแต่ละคันตามแนวคิดที่ลูกค้าวางไว้ ซึ่งทำให้โรลส์-รอยซ์ทุกคันเป็นผลงานที่โดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะ

โดยสรุป โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัยในการสร้างสรรค์ตัวถังรถที่มีรูปลักษณ์แบบดั้งเดิม

“ลูกค้าในอนาคตของโรลส์-รอยซ์จะยังคงเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง ผมจึงเล็งเห็นว่าโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 จะมีบทบาทสำคัญในชีวิตของพวกเขาในฐานะที่จะเป็นพาหนะพาเขาไปทุกหนทุกแห่งได้อย่างสะดวกสบายและสง่างาม” มร. เทย์เลอร์ กล่าว

การเดินทางที่สะดวกสบาย
นับแต่ปีพ.ศ. 2454 เป็นเวลา 105 ปีที่สัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี ออกแบบโดยประติมากรและศิลปิน มร. ชาร์ลส ไซค์ส  โดยมีมิสเอเลนอร์  ธอร์นตันเป็นแบบ ทำหน้าที่ประหนึ่งเข็มทิศนำทางให้โรลส์-รอยซ์ทุกคัน และผู้ครอบครองเดินทางผ่านเหตุการณ์มากมายในชีวิต และได้ยืนเด่นเป็นสง่าในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หลายต่อหลายครั้ง

วันนี้ ฟังก์ชั่น “Voice of Eleanor” ได้เข้าไปอยู่ในโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ส่งมอบความฝันแห่ง       ยนตรกรรมอนาคตให้กับผู้เป็นเจ้าของ โดยเชื่อมต่อข้อมูลของเจ้าของรถ และสภาวะโดยรอบอย่างละเอียดผ่านระบบดิจิทัลทำให้ฟังก์ชั่นอัจฉริยะนี้เป็นทั้งผู้ช่วยส่วนตัวและคนขับที่มอบความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น  โดยระบบจะแจ้งให้เจ้าของรถทราบถึงกำหนดการการเดินทาง ตารางเวลา และเส้นทางเพื่อเลือกใช้ในการเดินทางก่อนออกจากที่พักอาศัย รวมทั้งแจ้งเตือนการนัดหมาย หรือกิจกรรมการงานต่างๆ ตลอดจนให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

ระบบอัจฉริยะนี้จะขับพารถยนต์มารับผู้โดยสารเมื่อพร้อมที่จะออกเดินทาง และควบคุมการขับขี่ไปยังจุดหมายถัดไป อีกทั้งยังช่วยแนะนำ และให้ข้อมูลโดยสรุปก่อนถึงที่หมายเพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมตัวก่อนล่วงหน้า นอกจากนี้ ระบบจะมีการคำนวณและคาดเดาเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนเบื้องหน้า หรือลักษณะพื้นถนนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

การเดินทางที่สะดวกสบายนี้ ตอกย้ำคุณสมบัติเด่นอีกข้อของโรลส์-รอยซ์ คือ “ประหนึ่งนั่งอยู่บนพรมวิเศษ” ด้วยการผสมผสานระหว่างระบบส่งกำลังทรงพลังทันสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระบบช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น เหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิวถนน

ห้องโดยสารที่โอ่อ่าหรูหรา  
เมื่อก้าวขึ้นในโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 จะพบกับห้องโดยสารที่หรูหรา ให้ความรู้สึกประหนึ่งก้าวขึ้นรถม้าในสมัยโบราณอย่างสง่างาม และเมื่อพร้อมออกเดินทาง ประตูรถก็จะค่อยๆ ปิดลงแบบไร้เสียงรบกวน

สิ่งหนึ่งที่หลายคนคาดหวังจากโรลส์-รอยซ์ คือ ภายในห้องโดยสารที่สร้างสรรค์จากวัสดุหรูหราคุณภาพสูง แต่ที่อาจคาดไม่ถึงคือ ความรู้สึกที่เบาสบาย เรียบง่าย ซึ่งเป็นความสง่างามโดยไม่ต้องปรุงแต่ง

ห้องโดยสารภายในตกแต่งโดยรอบด้วยไม้ Macassar คุณภาพดีตั้งแต่ด้านในประตู รวมถึงพื้นที่บริเวณรอบด้านข้างจอ OLED (Organic Light Emitting Diodes) ขนาดใหญ่ และด้านข้างของที่นั่งของผู้โดยสารที่ 2 ตลอดถึงด้านข้างของโซฟา เพื่อความสวยงาม สะอาดตา และปิดหน้าจอเมื่อไม่ใช้งาน

จุดเด่นในห้องโดยสารอีกจุดหนึ่ง คือเบาะที่นั่งแบบโซฟาที่สวยงาม เป็นการตีความของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ หุ้มด้วยผ้าบุที่หรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยไปในอากาศขณะที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร เนื่องจากวัสดุที่ใช้มีน้ำหนักเบา และทันสมัย

โซฟานี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโรลส์-รอยซ์รุ่นแรกๆ และจากผลงานชิ้นยอดอย่างแฟนธอม เซเรนนิตี้ ในปีพ.ศ. 2558  ทีมออกแบบจึงเลือกใช้วัสดุที่แสดงออกถึงความหรูหรา คือ การใช้ผ้าไหมซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ ผสมกับขนสัตว์ในการหุ้มเบาะโซฟาสีขาวงาช้าง ที่มอบผิวสัมผัสของเส้นใยที่งดงามแก่ที่นั่งในห้องโดยสารประหนึ่งว่าผู้โดยสารกำลังนั่งบนบัลลังก์อย่างสง่างาม

อีกหนึ่งจุดที่โดดเด่นภายในห้องโดยสาร คือ พรมขนสัตว์สีขาวงาช้างที่ทอขึ้นพิเศษจากกรุงลอนดอน และเนื่องจากเป็นรถที่ไม่มีคนขับทำให้ ผู้ใช้รถสามารถใช้พื้นที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นในการผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง

การใช้งานของพื้นที่ภายในที่เน้นเรื่องทัศนวิสัยของผู้โดยสารเมื่อมองผ่านออกไปนอกรถโดยสายตาไม่ถูกรบกวนด้วยที่นั่งคนขับ หรือพวงมาลัย  หากผู้โดยสารเลือกที่จะพักสายตาจากการมองไปด้านนอกสักครู่ ก็สามารถสั่งงานผ่านระบบ “Voice of Eleanor” เพื่อขอดูข้อมูลต่างๆ ผ่านจอ OLED ที่อยู่ส่วนหน้าของห้องโดยสาร โดยจอดังกล่าวจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง จุดหมายปลายทาง และบุคคลที่จะพบ หรือจะเลือกชมภาพยนตร์สุดโปรดเพื่อความบันเทิงก็สามารถทำได้  

นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถดูเวลาได้จากนาฬิกาที่อยู่ตรงกลางเหนือจอภาพ รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงเซอร์ เฮนรี่ รอยซ์ ในฐานะที่เคยเป็นผู้บุกเบิกด้านไฟฟ้า และได้ประดิษฐ์เครื่องปั่นไฟ อีกทั้งยังเป็นเครื่องเตือนใจว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่าที่สุด

การถึงที่หมายอย่างมีสไตล์
โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ยนตรกรรมต้นแบบแห่งอนาคต ที่จะมอบประสบการณ์ของการถึงที่หมายได้อย่างสง่างามและมีสไตล์ ในขณะที่รถยนต์ต้นแบบนี้สะท้อนถึงความหรูหราแห่งอนาคตอย่างเด่นชัด แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณลักษณะของโรลส์-รอยซ์ที่มีอยู่ในตัวทุกคัน ได้แก่ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี กระจังหน้าขนาดใหญ่ ฝากระโปรงหน้ายาว รูปร่างและสัดส่วนของรถที่มีเอกลักษณ์

โรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 มีขนาดความยาว 5.9 เมตร  สูง 1.6 เมตร ขนาดเดียวกับแฟนธอม รุ่น ขยายฐานล้อโดยเน้นพื้นที่ในการบรรทุก  ในขณะที่สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี ย้อนยุคกลับไปในแบบของแฟนธอมยุค 1920 รังสรรค์โดยช่างเป่าแก้วชาวยุโรปฝีมือดี  โดยสปิริต ออฟ เอ็กสตาซี จะอยู่ด้านบนของกระจังหน้าแบบใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นโรลส์-รอยซ์ พร้อมกับโลโก้ RR สีแดง

การใช้เหล็กขัดเงาในส่วนต่างๆ ได้แก่ กระจังหน้า ส่วนรอบฐานของสปิริต ออฟ เอ็กสตาซี  และขอบบนของกรอบไฟหน้า ไปจนถึงเส้นด้านข้างของฝากระโปรงหน้าที่ทำหน้าที่แบ่งสัดส่วนระหว่างด้านบน และด้านล่างของรถ

เส้นแบ่งนี้ช่วยเน้นสีภายนอกที่เป็นทูโทนของรถให้เด่นขึ้น  โดยส่วนบนของรถทั้งหมดเป็นแก้วสีดำที่ลาดยาวไปจนถึงหลังคารถ ทำให้ผู้โดยสารมีความเป็นส่วนตัวไม่ว่าจะยามค่ำคืน หรือมองผ่านออกไปทางด้านหน้ารถ      

ส่วนภายนอกของตัวรถด้านล่างจะเป็นสีฟ้าอ่อน เพิ่มความสว่างให้กับตัวรถ ทำให้ไม่ว่าจะมองมุมไหนของโรลส์-รอยซ์ วิชั้น เน็กซ์ 100 ก็จะได้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังล่องลอยไปในอากาศแม้ขณะรถวิ่ง หรือจอดสนิท  

การวางมอเตอร์ที่ใช้ในการบังคับล้อไว้ในซุ้มล้อ ทำให้ไม่มีส่วนของซุ้มเพลามาเกะกะผู้โดยสารขณะนั่งในรถ  ส่วนเครื่องยนต์ซึ่งปกติจะอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าของรถ ก็กลายเป็นห้องเก็บสัมภาระที่อยู่หลังของล้อหน้า สามารถเปิดจากทางด้านข้างอัตโนมัติเมื่อถึงที่หมาย และลงจากรถ โดยภายในจะพบกับกระเป๋าเดินทางแบบแกรนด์ ทัวเรอร์ 2 ใบ ซึ่งแต่ละใบจะปักชื่อย่อของชาล์ส  โรลส์ (CS Rolls) และ เฮนรี่ รอยซ์ (FH Royce)    

ส่วนกระจังหน้าใหม่ในโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ได้รับแรงบันดาลใจจากโรลส์-รอยซ์ในยุค1920 ทำจากวัสดุน้ำหนักเบา แต่ทนทาน ทำให้ตัวรถลอยเหนือพื้นถนนเนื่องจากตัวรถช่วงล่างยึดติดกับล้อด้วยท่อนยึด  ปีกนกล่าง

ล้อรถขนาดสูง 28 นิ้วแต่หน้าแคบ ประกอบมือจากอลูมิเนียม 65 ชิ้น

ถ้ามองจากด้านข้าง ตัวรถจะให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้โดยสาร เนื่องจากส่วนท้ายที่ถูกยกสูงขึ้น

ในขณะที่การออกแบบใหม่นี้สะท้อนถึงความสะดวกสบาย แต่ต้องขอบคุณการพัฒนาด้านกระแสลมในขณะรถวิ่ง และการลดแรงต้านลมที่ทำให้ตลอดการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น

การจอดเมื่อถึงจุดหมายของโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 นั้น จะเห็นได้จากสปิริต ออฟ เอ็กสตาซี และกระจังหน้ามีไฟสว่างขึ้น  ในขณะที่กำลังจะเข้าจอด โดยไฟจะค่อยๆ ติดไล่จากขอบด้านข้างของซุ้มล้อหน้า ไปยังบานประตูหลัง เพื่อส่งสัญญาณว่าโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 กำลังจะเข้าจอดแล้ว  

หลังคากระจกจะถูกยกขึ้นเพื่อให้ผู้โดยสารยืนเตรียมลงจากรถ ประตูแบบรถม้าบานเดียวเปิดออก ผู้โดยสารเหยียบบนบันไดเพื่อก้าวออกจากรถ ไฟสีแดงใต้บันไดติดขึ้นประหนึ่งว่าเดินบนพรมแดง

“ลักษณะการจอดของโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 สร้างความสำคัญให้กับผู้โดยสารเมื่อเขาเหล่านั้นเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง  มันเป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของแบรนด์สินค้าหรู และความต้องการของลูกค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”  มร. เทย์เลอร์ กล่าวทิ้งท้าย

โดยสรุป การสะท้อนถึงอัตลักษณ์  การเดินทางที่สะดวกสบาย  ห้องโดยสารที่หรูหราโอ่อ่า และการถึงที่หมายอย่างมีสไตล์ คือคำจำกัดความของโรลส์-รอยซ์ วิชั่น เน็กซ์ 100 ยนตรกรรมหรูแห่งโลกอนาคต

นักแข่งไทยสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นโพเดี่ยมอีกครั้งใน Porsche Carrera Cup Asia 2016 ที่ญี่ปุ่น


วุฒิกร จาก est cola Thailand โชว์ฟอร์มเจ๋ง ณ สนาม Fuji International Speedway
ประเทศไทย. est cola Thailand Team (THA) โดยวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ นักแข่งไทย ซิ่ง Porsche โชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นครองโพเดี่ยมได้อีกครั้งในรายการ Porsche Carrera Cup Asia 2016 สนามที่ 4 – 5 โดยคว้าอันดับ 2 และ 3 ในรุ่นคลาสบี เมื่อวันที่ 4-5 มิถุนายน 2016 ที่ผ่านมา ณ สนามแข่ง Fuji International Speedway ประเทศญี่ปุ่น

ปอร์เช่ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่าน
เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 30 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911

Niche Cars Group welcomes Thai-Cambodia Business Networking


Bangkok – Niche Cars Group, an authorized supercar dealer for top global brands such as Lamborghini, McLaren, Lotus, Hummer Pagani and Koenigsegg recently welcomed representatives from a Thai-Cambodia Business Networking group. More than 40 supercars and superbikes travelled from Cambodia’s Phnom Penh to Bangkok’s Niche Cars showroom, the biggest of its kind in the region. With close to 700 kilometers between the two neighboring capitals, the networking rally, organized by the Thai Department of International Trade Promotion and the Ministry of Commerce is aimed at strengthening trade relations between the two countries.

MOTOR EXPO 2016 เนื้อหอมค่ายรถแห่จองพื้นที่ มั่นใจปลายปีตลาดคึกคักแน่ บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง พร้อมใจร่วมงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33" ส่งสัญญาณไตรมาสสุดท้ายตลาดรถสดใส


ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” (The 33rd Thailand International Motor Expo 2016) เปิดเผยถึงบรรยากาศการเปิดจองพื้นที่งานว่า ได้รับความสนใจจากบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอดจนอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง จับจองพื้นที่คึกคักเช่นทุกปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับภาวะชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ดีเมื่อประเมินสถานการณ์ในอีก 6 เดือนข้างหน้ามั่นใจว่าตลาดจะฟื้นตัวตามลำดับ โดยกำลังซื้อจะเริ่มกลับมาตอนปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่จัดงานพอดี

เหตุผลที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นพิเศษ คือ ช่วงเวลาของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและดีที่สุดของปี มีปัจจัยที่สนับสนุนการซื้อขายหลายประการ อาทิ การปรับเงินเดือน การได้รับโบนัส รวมถึงการเปิดตัวรถใหม่หลากหลายรุ่น การจัดแคมเปญร่วมกับสถาบันการเงิน  รวมถึงโปรโมชันจากค่ายรถ ที่มีทั้งลดแลกแจกแถมมากมาย

“นอกจากนี้ บริษัทรถยนต์ ยังมีความเชื่อมั่นในมาตราฐานการจัดงานระดับสากลของเราซึ่งได้รับการรับรอง ในฐานะสมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก (UFI: Union des Foires Internationales) ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน

งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ใช้พื้นที่จัดงานรวมทั้งสิ้น 80,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น ภายในอาคารชาเลนเจอร์ 60,000 ตารางเมตร จัดแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง โดยพื้นที่แสดงรถยนต์ใหญ่ที่สุดขนาด 1,890 ตารางเมตร และพื้นที่ภายนอกอาคารอีก20,000 ตารางเมตร สำหรับจัดกิจกรรมอื่นๆ มากมาย

MOTOR EXPO 2016” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เชื่อมโลก...เชื่อมคน ยานยนต์อัจฉริยะ” หรือ “Connect the World...Connect People: Smart Vehicles” เพื่อต้อนรับยานยนต์ยุคใหม่ที่ผสาน รถ คน โลก เป็นหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อล้ำสมัย” ขวัญชัย กล่าวทิ้งท้าย

พลาดไม่ได้กับงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 Impact เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม2559 เวลาเปิด-ปิดงาน วันธรรมดา เวลา 12.00-22.00 น. เสาร์และอาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00 - 22.00 น. ปิดการจำหน่ายบัตรเข้างาน เวลา 21.00 น. ของทุกวัน สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง http://www.motorexpo.co.th  

เปิดสนาม “NITTO KING OF DRAG 2016” ชิงความเป็นหนึ่ง ศึกแดร็กสายพันธุ์ดีเซล แรงกระหึ่มแทร็ก ลั่นสนามบางกอกแดร็ก อเวนิว คลอง 5



ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด จับมือ TNG DRAG จัดเต็มศึกสายแดร็ก ดีเซล “NITTO KING OF DRAG 2016” พิสูจน์ประสิทธิภาพ ยางนิตโตะ รุ่น NT420S โดยภายในงานเต็มไปด้วยสุดยอดนักแข่ง ตั้งแต่ตัวแรงรุ่นเก๋าขาซิ่ง หรือรุ่นโจ๋หัดแข่ง ที่มาวาดลวดลาย ประชันความแรงบนสนามแข่งกันอย่างร้อนแรง ณ สนาม สนามบางกอกแดร็ก อเวนิว รังสิตคลอง 5 นอกจากนั้นแล้ว ภายในงานยังมีโชว์สุดพิเศษจากศิลปิน RAP IS NOW ที่ยกทีมกันมาโชว์พลังแร๊พขั้นเทพให้ชมกันอย่างสนุกสนานภายในงาน และร่วมลุ้นโชคทองสำหรับผู้เข้าชม มูลค่า 15,000 บาท ภายในงานอีกด้วย
โดยในสนามนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณปฎิภาณ อนันต์รัตนสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้า และจัดหน่ายยางนิตโตะ ได้ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีเปิด พร้อมทั้งให้กำลังใจนักแข่งทุกคนอย่างใกล้ชิด ตลอดทั้งการแข่งขันอีกด้วย และเตรียมพบกับความมันส์ทะลุเป็น 2 เท่า ในศึก “NITTO KING OF DRAG 2016” สนามที่ 2 ในวันที่ 11 มิถุนายน2559 นี้ ณ สนามน้ำพอง จ.ขอนแก่น


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.nittotire.in.th หรือ Facebook: Nitto Tire Thailand

เบ็นดิกซ์ ตั้งไทยเป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาค เปิดโรงงานใหม่ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ. ระยอง



เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 บริษัท เอฟ เอ็ม พี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ จัดพิธีเปิดโรงงานเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เข้าร่วมเปิดงาน พร้อมด้วย Mr. Graeme Dixon ผู้จัดการทั่วไป Mr. David Woolfson ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด และนายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค และคณะผู้บริหารร่วมเป็นสักขีพยาน

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า “การเปิดโรงงานเบ็นดิกซ์เฟสที่2 ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ของจังหวัดระยอง และประเทศไทย ให้เติบโตยิ่งขึ้นไป การขยายโรงงานของเบ็นดิกซ์ ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของประเทศในการเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของโลกได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง และประเทศไทยเป็นอย่างมาก และขอชื่นชมการใส่ใจในคุณภาพ และสิ่งแวดล้อมของทุกกระบวนการผลิตของโรงงานเบ็นดิกซ์แห่งนี้ ที่ได้มีการบริหาร และจัดการสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งการันตีด้วยการได้รับรางวัล “อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)”จากในปีที่ผ่านๆมา”

นายประพัฒน์ อัศวาดิศยางกูร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค บริษัทเอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จทางยอดจำหน่ายผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ในปีที่ผ่านมาว่า “จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ กำลังการผลิตจากเดิมที่ได้ประมาณ 6 ล้านชิ้นต่อปี นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด เราจึงได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในการสร้างโรงงานผลิตผ้าเบรกเบ็นดิกซ์เฟสที่ 2 ขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ทุ่มงบครั้งใหญ่ 140 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดิน สร้างโรงงานเฟส 2 ในบริเวณเดียวกับโรงงานแรก เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตหลักประจำภูมิภาค โดยสามารถขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว ทำให้เพิ่มจำนวนการผลิตได้รวมได้มากกว่า 13 ล้านชิ้นต่อปี รวมทั้งมีการจ้างงานเพิ่มกว่าเท่าตัว จำนวนพนักงานรวม 250 คน
ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการตลาดที่มีสูงมากทั้งใน และต่างประเทศ และในส่วนของสายการผลิตนั้นทางบริษัทฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีการผลิตล่าสุด Hybrid Fusion Technology เข้ามาช่วยพัฒนาผ้าเบรกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย“โรงงานอุตสาหกรรมสีเขียว”

สำหรับ ในปี 2558 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมียอดจัดจำหน่ายรวมมากกว่า 800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับปี 2557 ในปี 2559 นั้น ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้มากกว่า 40% ยอดขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,100 ล้านบาท หากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และคาดหวังว่าการเติบโตของบริษัท ฯ จะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่ช่วยผลักดันภาคเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น

ทางด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์ ในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณอีกไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมไปถึงการขยายจำนวนร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และฝึกอบรมเทคนิคการรักษาระบบเบรกแก่ช่าง ที่เป็นศูนย์บริการตัวแทนของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ นอกจากนั้น ยังมีการจัดกิจกรรม และโปรโมชั่นต่างๆให้กับร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค รวมถึงการสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ต เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของผ้าเบรกเบ็นดิกซ์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคต่อไป” นายประพัฒน์ กล่าวปิดท้าย

ปอร์เช่ ประเทศไทย และ สยามพารากอน ร่วมกันสรรสร้างค่ำคืนอันเจิดจรัสในงาน Siam Paragon World of Luxury Presents The Masterpieces Showcase



กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมจัดงานระดับเวิลด์คลาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “Siam Paragon World of Luxury
Presents The Masterpieces Showcase” ซึ่งรวบรวมเอาแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำระดับโลกไว้ในงานเดียว โดยเอเอเอสฯ นำสุดยอดยนตกรรมสปอร์ตหรูอย่างปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) จัดแสดงเพื่อตอกย้ำความเหนือระดับ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2016 ณ ห้องฉัตรา บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสยามเคมปินสกี้

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอสฯ และ สยามพารากอน ร่วมกันสรรสร้างค่ำคืนอันเจิดจรัส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ศูนย์รวมความหรูหราระดับโลก ด้วยการนำผลงานอันเลอค่าจากร้านอัญมณีชื่อดัง 17 ร้านระดับมาสเตอร์พีซโดยฝีมือคนไทย จัดแฟชั่นโชว์สุด อลังการผ่านเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง แอน ทองประสม และคิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ร่วมด้วยนางแบบชั้นนำอีกมากมาย พร้อมเพิ่มความเหนือระดับให้ค่ำคืนนี้ด้วยรถสปอร์ตสุดหรูอย่าง ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera), รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) และรถสปอร์ต Compact SUV มาคันน์ (Macan) ยนตกรรมระดับโลกที่เคียงคู่ความล้ำค่าได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้เอเอเอสฯ ได้เรียนเชิญท่านลูกค้าผู้มีเกียรติเข้าร่วมดื่มด่ำกับงาน Gala Dinner มื้ออาหารค่ำสุดเอ็กซ์คลูซีฟในบรรยากาศ
โรงละครสุดคลาสสิค พร้อมด้วยพบปะเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังที่มาร่วมงานมากมาย หลังจากการจัดแสดงในค่ำคืนแสนพิเศษ เอเอเอสฯ และสยามพารากอน ยังคงตอกย้ำความเหนือระดับอย่างต่อเนื่อง โดยการอวดโฉมยนตรกรรมปอร์เช่ พร้อมด้วยเครื่องเพชรและอัญมณีระดับมาสเตอร์พีช ณ ลานหน้าร้าน Chanel ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่
4-13 มิถุนายน 2559

ปอร์เช่ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า
30 ปี

เอสโซ่ ประเทศไทย เปิดตัวน้ำมันเครื่องโมบิล ปีกาซัส™ 605 อัลตร้า 40 พร้อมแสดงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในงาน Asean Sustainable Energy Week 2016



กรุงเทพฯ (3 มิถุนายน 2559) – บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ได้แสดงนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่งาน Asean Sustainable Energy Week 2016 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 มิถุนายน 2559 นี้ ณ ศูนย์จัดแสดงไบเทค บางนา พร้อมเปิดตัวโมบิล ปีกาซัส™ 605 อัลตร้า 40”  (Mobil Pegasus™ 605 Ultra 40) น้ำมันเครื่องสูตรที่คิดค้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ประเภทที่ใช้พลังงานจากก๊าซชีวมวลและก๊าซฝังกลบสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืนและมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา)
1.      นางสาวคัม-ฟง ซิว ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.      นายดอง โจ ลี ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
3.    นางปาจรีย์  มีกังวาล ผู้จัดการแบรนด์ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นยานยนต์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เชิญชม “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 40” “มรดกโลกยานยนต์”


            ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย (คนที่ 3 จากซ้าย) ร่วมกับ รัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ (คนที่ 4 จากซ้าย) แถลงข่าวการจัด “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 40” ภายใต้แนวคิด “มรดกโลกยานยนต์”พร้อมเชิญผู้สนใจเที่ยวชมรถโบราณ และรถคลาสสิคกว่า 100 คัน พร้อมกิจกรรมมากมาย ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ระหว่างวันที่ 15-19 มิถุนายน ศกนี้

มาสด้า3 รถยนต์ยอดนิยมของคนทั่วโลก ฉลองการผลิตครบ 5 ล้านคัน



- ในเวลาเพียง 12 ปี 10 เดือน หลังจากเริ่มต้นการผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2546 -

ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศว่า รถยนต์นั่งมาสด้า3 (หรือในญี่ปุ่น เรียกว่า เอ็กซ์เซล่า) ประสบความสำเร็จอย่างสูงมียอดการผลิตครบ 5 ล้านคันไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ที่สำคัญ คือ เป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นที่ 2 ที่มียอดผลิตเกินกว่า 5 ล้านคัน โดยรุ่นก่อนหน้านี้ คือ มาสด้า แฟมิเลีย และรถยนต์นั่งมาสด้า3 รุ่นนี้ยังได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ให้กับชาวมาสด้า ด้วยการมียอดผลิตทะลุ 5 ล้านคันภายในเวลาเพียง 12 ปี 10 เดือน นับตั้งแต่มาสด้าได้เริ่มต้นสายพานการผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2546

รถยนต์นั่งมาสด้า3 ถือเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญอย่างยิ่งของมาสด้า และมียอดการจำหน่ายถึงคิดเป็น 1 ใน 3 ของรถยนต์มาสด้าที่จำหน่ายทั่วโลก ซึ่งมีสายการผลิตอยู่ที่ โรงงานโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น โรงงานฉางอันมาสด้าออโต้โมบิล ประเทศจีน โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และโรงงานมาสด้า เด เม็กซิโก วีฮิเคิล โอเปอเรชั่น ประเทศเม็กซิโก นอกจากนี้ยังมีโรงงานประกอบรถยนต์ที่ประเทศมาเลเซียและเวียดนามอีกด้วย


นับตั้งแต่รถมาสด้า3 เจนเนอเรชั่นแรก มาสด้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ที่เหนือความคาดหวังของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกแบบด้วยรูปลักษณ์อันสง่างามทรงพลัง ให้การตอบสนองการขับขี่เป็นเลิศ และให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ รถยนต์มาสด้า3 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน คือ รถยนต์มาสด้า3 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2556 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และแนวทางการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ – Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว เป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในรถยนต์เจนเนอเรชั่นล่าสุดของมาสด้า มาสด้า3 นับเป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและได้รับการชื่นชมยกย่องไปทั่วโลก สามารถพิชิตรางวัลอันทรงเกียรติต่างๆมากมาย อาทิ รถยนต์นั่งขนาดเล็กยอดเยี่ยมจากประเทศแคนนาดา ประจำปี พ.ศ. 2556 (Canadian Car of the Year’s Best New Small Car) และรางวัล International Red Dot Design Award ในปี 2557 นอกจากนี้ยังติดอันดับ Top 3 หรือหนึ่งในสามอันดับสูงสุดของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกและรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลกในปี 2557 อีกด้วย

มาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์เพื่อส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าทุกคน ให้สมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความปลอดภัยสูงสุด เพื่อเติมเต็มชีวิตของลูกค้าและกลายเป็นแบรนด์ที่ผูกพันกับลูกค้าด้วยสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษตลอดไป



ทางด้าน นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า รถยนต์นั่งมาสด้า3 เจนเนอเรชั่นล่าสุด เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ระบบเชื่อมต่อโลกออนไลน์ผ่านเทคโนโลยี MZD Connect และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันระดับโลก i-ACTIVSENSE ที่สำคัญได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยอย่างล้นหลามมียอดการจำหน่ายไปแล้วกว่า 17,000 คัน ด้วยระเวลาเพียง 2 ปีเศษ
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved