Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

“อัศวยนต์” ปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถหรูครึ่งปีหลัง 2559 ชูจุดเด่น “ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง"


“อัศวยนต์” ปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถหรูครึ่งปีหลัง 2559 ชูจุดเด่น “ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง" 

อัศวยนต์ ปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถหรูแบบครบวงจร ตอกย้ำจุดเด่นศูนย์เซอร์วิสซ่อมบำรุงที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานร่วม 23 ปี ครบครันด้วยสต๊อกอะไหล่ซ่อมและให้บริการรถหรูได้ทุกรุ่นทุกแบรนด์ ทีมช่างประสบการณ์สูง เครื่องมือทันสมัย  ตอบโจทย์ตรงใจผู้หลงใหลรถหรูนำเข้ารุ่นใหม่ทุกระดับ และรถ Used Car Premium ตั้งเป้ายอดขายรถหรู 200 คันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมทั้งสานต่อโครงการ “อัศวยนต์ซ่อมรถให้ฟรีแก่คนดีศรีสังคม” เดือนละ 3 คัน มูลค่าคันละ 20,000 บาท เริ่มเปิดโครงการตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2559 เพื่อร่วมส่งเสริมคนดีและคืนกำไรให้แก่สังคมไทย

          นายภูวดล อัศวานุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัศวยนต์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท เปิดตัว “Asawayont Exclusive Distributor Showroom" ริมถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อที่ 238) บนพื้นที่ 5 ไร่ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และยกระดับการบริการให้เป็น “Community
Car” ภายใต้แนวคิด "อัศวยนต์ ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง" ภายใต้มาตรฐาน 4S (+ 1W) เทียบเท่า Authorized แบรนด์ชั้นนำ ประกอบด้วย Sales (จำหน่ายรถหรูนำเข้ารุ่นใหม่รุ่นพิเศษทุกแบรนด์), Service (การบริการซ่อมบำรุง-โมดิฟาย-ศูนย์บริการดูแลรักษารถครบวงจรด้วยช่องซ่อม 20 ช่องซ่อม), Spare Parts (สต๊อกอะไหล่รองรับรถหรูนำเข้าทุกแบรนด์), Second Hand (ซื้อ-ขายรถหรูชั้นนำทุกรุ่นทุกแบรนด์) และ Warranty (การรับประกันหลังการขาย)

          จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับนโยบายอันเข้มงวดในการตรวจสอบรถยนต์นำเข้าของภาครัฐ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของรถนำเข้าในวงกว้างแล้ว “อัศวยนต์” ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยปีที่ผ่านมาได้ปรับลดเป้ายอดขายรถหรูจาก 300 คันลดลงเหลือ 200 คัน และปี 2559 พร้อมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้

“ปี 2559 ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 200 คันเหมือนปี 2558 ที่ปิดยอดขายในจำนวนนี้ โดยครึ่งปี 2559 ที่ผ่านมา ทำยอดขายได้แล้วเกือบ 100 คัน มั่นใจว่าครึ่งปีหลังจากนี้จะทำยอดขายได้ตามที่คาดการณ์ไว้แน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ตลาดเริ่มดีขึ้นและเป็นช่วงไฮซีซั่น นอกจากนี้ยังปรับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยหันมาเน้นการบริการศูนย์ซ่อมบำรุง และยังเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์ตกแต่งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการหลากหลายแบรนด์ ภายใต้ชื่อกลุ่มธุรกิจ Exotic by Asawayont”

นายภูวดล อัศวานุชิต กล่าวต่อไปว่า กลุ่มธุรกิจรถนำเข้านั้น บริษัทได้เปรียบคู่แข่งหลายด้าน โดยได้เปิดบริษัทรองรับการทำธุรกิจตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ทำให้แข่งขันได้ทั้งด้านราคาที่ต่ำกว่า และจัดหาสเปกรถได้ทุกแบบที่ลูกค้าต้องการ เมื่อนำมาผนวกกับจุดเด่นที่สร้างชื่อเสียงมานานร่วม 23 ปี ซึ่งเชี่ยวชาญการเซอร์วิสทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว บริษัทยังมีศักยภาพในการซ่อมบำรุงและให้บริการครบวงจรในกลุ่มรถยุโรปทุกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิ้ลยู, ออดี้, ปอร์เช่, โฟล์ค หรือซูเปอร์คาร์อย่าง เฟอร์รารี่และแลมโบกีนี ดังนั้นลูกค้ามั่นใจได้ว่า เมื่อซื้อรถจาก "อัศวยนต์" หมดปัญหาแน่นอนเรื่องบริการหลังการขาย ขณะที่ Used Car Premium ทุกคัน มีการรับประกันคุณภาพสูงสุด 3-12 เดือน และรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 2 ปีหรือ 60,000 กม. สำหรับรถใหม่ ซึ่งเกรย์มาร์เก็ตค่ายอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ อีกทั้งที่ผ่านมา เกรย์มาร์เก็ตหลายๆ แห่งก็ส่งรถของลูกค้ามาให้ “อัศวยนต์” ดูแล

“ศูนย์บริการซ่อมบำรุง-ตกแต่งรถและโมดิฟายของเรา ครบครันด้วยอะไหล่และทีมช่างที่มากประสบการณ์ผ่านการฝึกอบรมจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศ โดยทุกๆ 6 เดือนจะอัพเดทเทคโนโลยีให้ทีมช่างกว่า 20 คน มีลิฟท์ยกรถ (Hoist) 10 ตัว มี 20 ช่องซ่อมรองรับดูแลซ่อมบำรุงรถลูกค้าได้ทุกรุ่น

ทุกแบรนด์อย่างรวดเร็วทันใจ รองรับการซ่อมบำรุงรถหรู 500-600 คันต่อเดือน ครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2558 และหลังจากเปิด "Asawayont Exclusive Distributor Showroom"
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 30% ปัจจุบันมีฐานลูกค้าผู้ใช้รถหรูของบริษัทมากกว่า 3,000 ราย และทุกๆ 3 เดือนเราจะอัพเดทกิจกรรมและแคมเปญส่งอีเมล์ให้ลูกค้า ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้รถหรูนำเข้าทุก
แบรนด์จากทุกค่ายที่สนใจจะมาใช้บริการหลังการขาย สามารถเข้ารับบริการได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าแรกเข้า ไม่มีชาร์จค่าใช้จ่ายใดๆ”

ด้านกลุ่มธุรกิจภายใต้ชื่อ “Exotic by Asawayont” เป็นกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์หรูและรถซูเปอร์คาร์ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นล้วนมีคุณภาพ และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการยานยนต์และรถแข่ง ทั้งในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่ง “อัศวยนต์” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย
-         Vorsteiner ล้ออัลลอยจากประเทศสหรัฐอเมริกา
-         Vossen ล้ออัลลอยจากประเทศสหรัฐอเมริกา
-         Kw โช้กอัพ จากประเทศเยอรมนี
-         Vredestein ยางรถยนต์สมรรถะสูง จากประเทศเนเธอร์แลนด์
-         Akrapovic ท่อรถยนต์จากประเทศสโลวาเกียและยังมีชุดแต่งภายใต้แบรนด์ Akrapovic
                   ที่นำเข้าอีกมากมาย

ส่วน Car Spa ศูนย์เคลือบแก้วและดูแลรถยนต์ระดับพรีเมียม นับเป็นอีกหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มาสนับสนุนในแผนการกลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อให้ “อัศวยนต์” มีศักยภาพในการแข่งขันทางการตลาดมากยิ่งขึ้น

“Exotic และ Car Spa ไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้สูงนัก เพราะเพิ่งทำธุรกิจมาได้เพียง 6 เดือน อีกทั้งด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แม้ลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่มีฐานะการเงินดี แต่ใช้เงินอย่างระมัดระวัง อีกประการคือ รถหรูส่วนใหญ่เป็นรถที่สวยอยู่แล้ว ลูกค้าจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องตกแต่งรถอะไรมาก บริษัทจึงพยายามรักษาเป้าที่บริษัทแม่กำหนดไว้ จะว่าไปแล้วกลุ่มธุรกิจ Exotic และ Car Spa หรือศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ทั้งภายนอก-ภายใน บริการขัดเคลือบสี-ฟอกเบาะ-ซ่อมแซมภายใน ด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นนำ COLORGLO และ CAMUI นั้น บริษัทตั้งใจจะให้เป็นส่วนที่จะมาเสริมให้ธุรกิจ “อัศวยนต์” และตอกย้ำภายใต้แนวคิดดำเนินธุรกิจที่ว่า อัศวยนต์ ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง"
       
นอกเหนือจากการทำธุรกิจยานยนต์มาตรฐานสากลแล้ว “อัศวยนต์” ไม่เคยละทิ้งการตอบแทนสังคมไทยที่เคยปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดสานต่อโครงการ “อัศวยนต์ซ่อมรถให้ฟรีแก่คนดีศรีสังคม” โดยจะซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ที่นำรถยนต์ส่วนตัวของตนเองไปให้บริการสังคมในด้านต่างๆ เช่น รถกู้ภัย รถบรรเทาสาธารณภัย, รถที่ใช้ในกิจการมูลนิธิ, รถที่ช่วยงานเผยแพร่ศาสนา รวมถึงรถส่วนตัว เป็นต้น

“โครงการนี้ อัศวยนต์เคยทำเมื่อปี 2554 ช่วงน้ำท่วมหนัก โดยซ่อมรถให้ฟรีกับผู้ที่นำรถไปช่วยเหลือ และบริจาคสิ่งของกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม และด้วยชื่อเสียงและศักยภาพของศูนย์เซอร์วิสซ่อมบำรุงมาตรฐานสากล พร้อมทีมช่างประสบการณ์สูงที่สร้างชื่อให้กับเรามาตลอดระยะเวลา 23 ปี จึงสานต่อโครงการ “อัศวยนต์ซ่อมรถให้ฟรีแก่คนดีศรีสังคม” มูลค่าคันละ 20,000 บาท ซ่อมให้ฟรีไม่คิดค่าแรงค่าอะไหล่ โดยจะซ่อมให้ฟรีเดือนละ 3 คัน เริ่มโครงการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงเดือนธันวาคม 2559 มี กติกาง่ายๆ ส่ง Email มาที่ asawayont88@gmail.com หรือ Add Facebook : Asawayont เกษตร- นวมินทร์ ตอม่อ 238 ส่งรายละเอียดของรถ รุ่น และข้อมูลต่างๆ ที่เคยนำรถไปช่วยสาธารณกุศล ช่วยทำความดีต่างๆ โดยจะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม
       
Asawayont Exclusive Distributor Showroom เปิดบริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. ตั้งอยู่ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อ 238) โทร.0-2508-1100 และ 0-2508-1565 โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมรถยนต์หรูนำเข้า อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ชั้นนำ และการให้บริการของ "อัศวยนต์" ได้ทาง www.asawayont.com

มาสด้าโตสวนกระแส 26% ยอดขายทะลุ 21,000 คัน เตรียมส่งเทคโนโลยีใหม่สร้างความแข็งแกร่ง


มาสด้าโตสวนกระแส 26% ยอดขายทะลุ 21,000 คัน เตรียมส่งเทคโนโลยีใหม่สร้างความแข็งแกร่ง
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 12 กรกฎาคม 2559 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ด้วยปริมาณยอดขายรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นสูงถึง 21,000 คัน เติบโตกว่า 25.7% เกินความคาดหมาย ขยับขึ้นครองอันดับ 3 ตลาดรถเก๋งอย่างถาวร จากการที่ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการสร้างแบรนด์ รวมทั้งคุณภาพของรถยนต์มาสด้าที่วางจำหน่ายในตลาดภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เตรียมส่งรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดลงตลาดในครึ่งปีหลังอีก 3 รุ่น มั่นใจยอดขายทั้งปีทะลุ 42,000 คันแน่นนอน

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยได้รับผลพวงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดย 6 เดือนแรก ยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นคัน เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ในครึ่งปีแรกยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 370,000 คัน ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น คาดว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 410,000 คัน มาสด้ายังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในปี 2559 จะทะลุถึง 780,000 คัน ด้วยปัจจัยด้านบวกและการส่งสัญญาณที่ดี จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไปถึงเป้าหมาย มีปัจจัยหลักสำคัญดังต่อไปนี้

การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของครัวเรือนเกษตรเริ่มปรับดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย กำลังซื้อโดยรวมของครัวเรือนที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้น

การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เริ่มปรับดีขึ้นดังจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากแผ่วลงในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่การขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายและอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดของมาสด้าและคู่แข่ง

ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่องและเป็นแรงส่งที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวร้อยละ 7.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน

รถยนต์คันแรกใกล้ครบกำหนดระยะ 5 ปีในการถือครอง จึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมองหารถยนต์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น

เทรนด์ลูกค้าเปลี่ยน: ลูกค้ามองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมภายในคันเดียว และมีความทันสมัย ให้ความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ครบครันด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น

ทั้งนี้จากผลการวิจัยของมาสด้าพบว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากอดีต โดยมีความต้องการใช้รถยนต์ที่สามารถตอบสนองที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างลากหลายและครบครันภายในคันเดียว มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล ไตร่ตรองมากขึ้น หรือมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อรถยนต์มากขึ้น ให้ความสนใจในรายละเอียดของรถมากขึ้น ในส่วนของเป้าการขายมาสด้ายังยืนยันว่าปีนี้จะทุละ 42,000 อย่างแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์ร่นใหม่เข้าสู่ตลาด พร้อมๆ กับการเน้นนโยบายหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการดูแลเอาใจใส่ลูกค้ามาเป็นอันดับ 1 เพื่อส่งเสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งและทำให้มาสด้า กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ผ่านมานั้น มาสด้ายังคงความสำเร็จไว้ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับยอดขายของมาสด้าในปี 2558 แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ในขณะที่ตลาดหดตัวลง ประมาณการจากยอดจำหน่ายของตลาดรวมทุกยี่ห้ออยู่ที่ 370,000 คัน เป็นยอดขายของมาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 21,160 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 5.7% สูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ที่สำคัญมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดในตลาดถึง 25.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 16,837 คัน โดยยอดขายในครึ่งปีแรกแบ่งออกเป็น

รถยนต์นั่ง จำนวน 13,500 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 10,986 คัน

รถอเนกประสงค์ จำนวน 4,512 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 1,734 คัน

กระแสความแรงอย่างต่อเนื่องของมาสด้าหลังจากมีรถยนต์หลากหลายรุ่นใหม่ภายใต้ 6th Generation Products ส่งผลให้มาสด้าโดยรวมครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5.7% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์รถยนต์นั่งที่มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 13% กลายเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และในตลาดรถอเนกประสงค์นั้น มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 8.0% (รวม PPV) และครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 18.6% ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ที่ไม่รวม PPV

นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์มาสด้าเองยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและค่อนข้างสวนกระแสกับค่ายรถอื่นๆ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่น่าจะมีส่วนเอื้อต่อยอดขายรถโดยรวมของมาสด้า อาทิ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและโคโดะดีไซน์ รวมทั้งการได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนเกิดกระแสแนะนำแบบปากต่อปาก อีกทั้งมาสด้าเองก็มีการเสริมทัพด้วยรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของลูกค้าและดึงดูดลูกค้าสู่แบรนด์อยู่ตลอดเวลา

อีกหนึ่งปัจจัยแห่งความความสำเร็จ คือ การเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้งการปรับโฉมและเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ อีก 4 รุ่นในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้งการสื่อสารแบรนด์อย่างชัดเจน มาสด้าก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของการขับขี่ ทำให้เกิดเป็นความแปลกใหม่ และแตกต่าง ฉีกหนีจากกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีอย่างคาดไม่ถึง สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของรถยนต์แต่ละเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง โดยรถยนต์ที่ช่วยสร้างความแรงของยอดขายมาสด้าโดยรวมในครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย

รถยนต์นั่งมาสด้า2 รุ่นปี 2016 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นแฮตช์แบค และรุ่นซีดาน มีการเพิ่มรุ่นเข้ามาโดยการเพิ่มไฟหน้า LED และกล้องมองหลัง รวมทั้งการเพิ่ม Day Time Running Lamp ประกอบกับโครงสร้างราคาภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เอื้อให้รถยนต์ที่สามารถประหยัดน้ำมันได้จริงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้รถมาสด้า2 มีการปรับราคาลดลงตามสัดส่วนที่ของอัตราภาษีฯใหม่ ทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา และยังคงครองใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นรถยนต์รุ่นที่มียอดขายสูงสุดของมาสด้า

New Mazda CX-5 โฉมใหม่ ที่อัดแน่นไปด้วย 4 Key Pillars ของมาสด้า ทั้งโคโดะ ดีไซน์ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ระบบความปลอดภัย i-Activsense และการเชื่อมต่อโลกการสื่อสาร MZD connect ที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีมาให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2200 ซีซี ในรุ่น 2WD และ AWD และสกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2000 ซีซี เพิ่มความสปอร์ตหรูหรามีระดับด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ สร้างสีสันให้กับตลาดนี้ SUV และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

การปรับเพิ่มอุปกรณ์ในรถยนต์นั่งมาสด้า3 ด้วยการใส่อุปกรณ์ i-Stop เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

การเริ่มส่งมอบรถสปอร์ตโรดสเตอร์ระดับตำนานอย่าง มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา เป็นการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆ ผู้หลงใหลรถยนต์แห่งตำนานคันนี้ และเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้ายังคงเน้นการเพิ่มเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสมรรถนะในการขับขี่และการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานและมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคต สำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้นั้น มาสด้ามุ่งหวังที่จะเน้นสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นหลักเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและคุณค่าให้กับแบรนด์ ควบคู่ไปกับการออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอัตตราการเติบโตสูงสุด ซึ่งการเติบโตของมาสด้านี้เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์และเน้นความเป็นพรีเมียมแบรนด์ที่มาสด้าได้บุกเบิกเมื่อปี 2558 และในครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2559 นี้ มาสด้าก็ยังคงมั่นใจว่าจะยังเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย 42,000 คัน ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 5.4% โดยเรายังคงมีเป้าหมายที่จะรักษาอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า นอกเหนือจาก 4 Pillars หลักของมาสด้าที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว ในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้าเตรียมนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเสไทย พร้อมทั้งยังมุ่งเน้นที่จะเสริมสร้างคุณค่าต่างๆ ของรถยนต์มาสด้าที่ส่งมอบต่อลูกค้าไปตลอดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าด้านประโยชน์ใช้สอย ด้านอารมณ์และความสุข เพื่อเสริมสร้างคุณค่าความเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า และตอบสนองคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่มีแนวคิดที่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่รถยนต์ แต่ต้องการรถยนต์ที่สะท้อนบุคลิกของตัวเอง และสร้างสีสันกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ที่โดนใจและสมรรถนะที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ นอกเหนือจากความสมบูรณ์แบบของการใช้งาน ส่วนในแง่ของคุณภาพผลิตภัณฑ์มาสด้ามุ่งมั่นที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ภายใต้สายการผลิตที่มีแพลตฟอร์มเดียวกันทั่วโลกและอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิตเดียวกันเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพรถยนต์มาสด้าเฉกเช่นเดียวกับลูกค้ามาสด้าทั่วโลก

นอกจากจะประสบความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว ในปีนี้มาสด้าย้ำเน้นในเรื่องของการบริการหลังการขายเป็นนโยบายหลักสำคัญ กลยุทธ์การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า การพัฒนาบุคลากรในฝ่ายขายและฝ่ายบริการ โดยมุ่งเน้นในการดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งในส่วนของการดูแลลูกค้านั้น ณ ปัจจุบันจากผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าด้านบริการหลังการขาย มาสด้าก็ทำได้ดีขึ้นกว่าปี 2557 ในด้านผู้ให้คำแนะนำในการบริการและสถานที่รับบริการ ซึ่งนับเป็นสัญญาณอันดีในการแสดงถึงความทุ่มเทของมาสด้าในการดูแลลูกค้าหลังการขาย ในด้านคุณค่าของการเป็นเจ้าของรถ หรือ Cost of Ownership มาสด้ามีการพัฒนาปรับปรุงด้านนี้อย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากผลสำรวจ JD Power ในปี 2558 ที่มาสด้าได้รับการจัดลำดับเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้านรถยนต์นั่งในการให้บริการด้านการขาย (SSI) จากผลการสำรวจฯ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางของมาสด้าด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถมาจนถึงวันนี้ มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็น ”สังคมคนรักมาสด้า” ขนาดใหญ่ สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันของมาสด้าก็เป็นสิ่งที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมาตลอด เรามีการจัดกิจกรรมกับทางลูกค้าและชมรมคนรักมาสด้าต่างๆ ทุกปีเพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมและสืบทอดสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น Mazda Motorsport Day และ Jinba-Ittai Academy เพื่อส่งเสริมความรักและความผูกพันต่อแบรนด์มาสด้า จนลูกค้ากลายมาเป็น brand ambassador เป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับแบรนด์ และยังจะมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้าหลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุดกลายเป็นครอบครัวมาสด้าอย่างเหนียวแน่น ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริงจากรุ่นสู่รุ่น

ความสำเร็จที่ผ่านมา และความมุ่งมั่นสู่เส้นทางในอนาคต ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สู่ตลาดประเทศไทย ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้คือการขับเคลื่อนของมาสด้าที่จะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีหลังของปี พ.ศ. 2559 นี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป

“เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” เปิดโปรโมชั่นเร้าใจดอกเบี้ย 0%


“เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” เปิดโปรโมชั่นเร้าใจดอกเบี้ย 0%

กรุงเทพฯ 11 กรกฎาคม 2559 – นายพลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดโปรโมชั่นสุดเร้าใจ “เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” (Peugeot Expert) รถตู้อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง เครื่องยนต์ดีเซล HDi เทอร์โบ 2.0 ลิตร ประกอบฝรั่งเศสทั้งคัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.85 ล้านบาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ วารันตี 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สัมผัสความหรูหราอย่างมีระดับตลอดการเดินทาง เป็นเจ้าของ “เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” ได้แล้ววันนี้ ณ โชว์รูม เปอโยต์ 4 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ สาขาสุขาภิบาล 3 (ถนนรามคำแหง), สาขาทองหล่อ (สุขุมวิท55), สาขาหาดใหญ่ และเชียงใหม่

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ Peugeot Call Center 02-305-4445 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/peugeot.th

เอ.พี. ฮอนด้า ทุ่ม 600 ล้าน เนรมิตศูนย์ Honda Safety Riding Park ที่เชียงใหม่และภูเก็ต รองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่คนรุ่ นใหม่ สร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่สนุ กและปลอดภัย

มุ่งหน้าสู่เส้นทางความปลอดภั ยอย่างไม่หยุดยั้งเอ.พี. ฮอนด้า ทุ่ม 600 ล้าน เนรมิตศูนย์ Honda Safety Riding Park ที่เชียงใหม่และภูเก็ตรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่คนรุ่ นใหม่ สร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่สนุ กและปลอดภัย

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าในประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้ วยการประกาศเปิดตัวศูนย์ฝึกขั บขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ Honda Safety Riding Park ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุ ดในเอเชียอาคเนย์ เพียบพร้อมด้วยสนามฝึกสอนทั้ งทางเรียบและทางฝุ่น รองรับการขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้ทุกรูปแบบ วางเป้าหมายช่วยลดอุบัติเหตุบนท ้องถนนและสร้างวัฒนธรรมการขับขี ่ที่ดี มุ่งหน้าสู่เส้นทางความปลอดภั ยอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสังคมไทย

มร.โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ ไทย เอ.พี. ฮอนด้า ตระหนักดีถึงความสำคัญของการป้ องกันการเกิดอุบัติภัยทางถนน เราจึงได้ริเริ่มโครงการฮอนด้ าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัยมาตั้ งแต่ปี 2532 โดยโครงการนี้ประกอบด้วย 3 แกนหลักได้แก่ การให้ทักษะความรู้ผ่านศูนย์ฝึ กขับขี่ปลอดภัย การสร้างจิตสำนึกให้เกิดการปฏิ บัติจริงผ่านแคมเปญต่างๆอาทิ แคมเปญ Zero Accident และการประสานความร่วมมือกับหน่ วยงานต่างๆเพื่อลดอุบัติเหตุ”

“เครื่องมือสำคัญที่สุดที่ทำให้ เราก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านขั บขี่ปลอดภัยของเมืองไทย ก็คือการสร้างสรรค์ศูนย์ฝึกขั บขี่ปลอดภัยที่มีมาตรฐานสู งจนได้รับการรั บรองจากกรมการขนส่งทางบกให้เป็ นโรงเรียนสอนขับขี่ เอกชนรายแรกที่สามารถจัดสอบใบขั บขี่ได้ ทั้งนี้ ในปี 2537 เอ.พี. ฮอนด้า ได้เปิดตัวศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภั ยแห่งแรกในอาเซียนที่จังหวัดสมุ ทรปราการก่อนจะเปิดแห่งที่ สองในปี 2552 ที่กรุงเทพฯ ทั้งสองแห่งมีความทันสมั ยสามารถรองรับหลักสูตรต่างๆได้ อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมกับร้านผู้จำหน่ ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในพื้นที่ ต่างๆ เปิดศูนย์ฝึกฯในรูปแบบเดียวกั นนี้อีกถึง 10 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกับสนับสนุนการสร้างศูนย์ ฝึกขับขี่ปลอดภัยของกรมป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยอีก 12 แห่ง เพื่อให้การเผยแพร่ความรู้เป็ นไปอย่างกว้างขวางและทั่วถึง”

“ในปัจจุบันนี้ สังคมการขับขี่ของไทยได้เปลี่ ยนแปลงจากยุคของการขับขี่เพื่ อสัญจร สู่ยุคของการขับขี่ในเชิงไลฟ์ สไตล์ที่ผู้ขับขี่มองหาความสนุ กท้าทายจากการขับขี่มากขึ้น เอ.พี. ฮอนด้า จึงได้สร้างศูนย์ฝึกขับขี่ ปลอดภัย Honda Safety Riding Park ที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต ด้วยเงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เพื่อยกระดับให้ศูนย์ฝึกฯทั้ งสองแห่งนี้มีความสมบูรณ์แบบที่ สุดในเมืองไทยและมีขนาดใหญ่ที่ สุดในเอเชียอาคเนย์ ครบครันด้วยหลักสูตรและสนามฝึ กที่รองรับทุกรูปแบบการขับขี่ทั ้งทางเรียบและทางฝุ่น สอนโดยครูฝึกฯที่ได้รับการยอมรั บในระดับนานาชาติ พร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมั ยมาใช้ในการสอนเพื่อเพิ่มศั กยภาพให้ผู้ขับขี่ควบคู่ไปกั บความปลอดภัย สถานที่ถูกออกแบบให้ทันสมัยพร้ อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้ อมรองรับการเป็น Community Hub ของวันนี้”

“เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของ เอ.พี. ฮอนด้า ในการเปิด Honda Safety Riding Park คือความพยายามในการลดสถิติอุบั ติเหตุบนท้องถนน ควบคู่ไปกับการสร้างวั ฒนธรรมการขับขี่ที่ดี และเราจะมุ่งหน้าสู่เส้ นทางความปลอดภัยอย่างไม่หยุดยั้ งเพื่อคนไทยทุกคน”

สำหรับศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย Honda Safety Riding Park ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์ฝึ กฯที่มีขนาดใหญ่ สามารถรองรับการฝึกสอนได้ทั้ งทางเรียบและทางฝุ่น โดย Honda Safety Riding Park จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ อำเภอดอยสะเก็ด มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 18 ไร่ มีจุดเด่นอยู่ที่ Dirt Station ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยระยะทางรอบ Dirt Track ถึง 600 เมตร ในขณะที่ Honda Safety Riding Park จังหวัดภูเก็ตตั้งอยู่ที่ อำเภอถลาง มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 22 ไร่ มีจุดเด่นอยู่ที่สนามทางเรี ยบขนาดใหญ่ และทางตรงที่ยาวถึง 300 เมตรทำให้เรียนขับขี่ทางเรี ยบได้อย่างเต็มสมรรถนะ

ตัวอาคารของ Honda Safety Riding Park ทั้งสองแห่งได้รับการออกแบบให้ ประหยัดพลังงานและลดการใช้ไฟฟ้ าจากเครื่องปรับอากาศโดยใช้ ระบบถ่ายเทอากาศเข้ามาทดแทน ห้องฝึกอบรมติดตั้ งกระจกใสขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้เข้ าอบรมได้เห็นบรรยากาศจริ งของสนามขณะเรียนภาคทฤษฏีทำให้ เข้าใจการสอนได้ดียิ่งขึ้น ภายนอกอาคารถูกออกแบบให้เรียบง่ ายด้วยรูปทรงเรขาคณิตโดยใช้วั สดุโลหะสื่อถึงความเป็นยานยนต์ และนวัตกรรมแห่งอนาคต

สำหรับหลักสูตรขับขี่ปลอดภั ยแบบพิเศษที่ได้รับการพัฒนาขึ้ นมาเพื่อรองรับศูนย์ Honda Safety Riding Park แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่ Skilled Riding Course สำหรับการขับขี่ทางเรี ยบประกอบด้วย Cornering (เรียนรู้องศาในการเข้าโค้ง), Straight Rhythm (เรียนรู้การใช้คันเร่ง เบรก และเกียร์บนทางตรง), Gymkhana (เรียนรู้การขับขี่อย่างคล่องตั ว), และ Dirt Course สำหรับการขับขี่ทางฝุ่นประกอบด้ วย Dirt for Kids (ฝึกพื้นฐานให้กับเด็กอายุระหว่ าง 6-13 ปี), Dirt Bike Beginner (คอร์สเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ไม่ เคยขับขี่มาก่อน), Dirt Bike Basic (คอร์สสอนขับขี่พื้นฐาน), และ Dirt Bike Experience (เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การขับขี่ข้ามอุปสรรคต่างๆ)

ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย Honda Safety Riding Park จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดภู เก็ต เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอี ยดเพิ่มเติมได้ที่ www.hondasafetyridingpark.com

โตโยไทร์ จับมือสโมสรฟุตบอล กัมบะ โอซะกะ ประกาศพร้อมให้การสนับสนุนทีม


โตโยไทร์ จับมือสโมสรฟุตบอล กัมบะ โอซะกะ
ประกาศพร้อมให้การสนับสนุนทีม

โอซาก้า, ญี่ปุ่น วันที่ 24 มิถุนายน 2016 โตโยไทร์ประกาศลงนามร่วมมือกับสโมสรฟุตบอล กัมบะ โอซะกะ ทีมฟุตบอลลีกอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น J1 ลีก

สโมสร กัมบะ โอซะกะ ก่อตั้งขึ้นในปี 1980 และในปี 1993 พวกเขาได้ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ทีมที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในเจลีก โดยได้รับชัยชนะครั้งแรกในเจลีก ในปี 2005 และสามารถคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 2008 และในปี 2014 ทีมกัมบะ เอาชนะเจลีก ดิวิชัน 1 ได้สำเร็จอีกครั้ง ทั้งนี้ สโมสรกัมบะ โอซะกะ ยังได้ผลิตนักกีฬาชั้นนำมากมายที่ได้ไปเป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นทีมที่มีฐานแฟนคลับมากมายในโอซาก้าอีกด้วย
และตั้งแต่การออกตัวสโลแกนใหม่ของยางโตโยไทร์ “Surprising the world” เมื่อปีที่แล้ว บริษัทฯ จึงยังคงยืนหยัดในการส่งมอบความเซอรไพรซ์นี้อย่างไม่ลดละ โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ดีขึ้นเสมอ ส่วนทางด้านสโมสร กัมบะ โอซะกะ ซึ่งมีชื่อทีมที่หมายถึงการต่อสู้ และการมุ่งมั่นไปสู่จุดสูงสุด ประกอบกับผลงานที่ผ่านมาของทีม ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นทัศนคติที่คล้ายคลึงกัน ทางบริษัทฯ จึงมีความ ยินดีที่จะให้การสนับสนุนทีมอย่างเต็มที่

โดยการสนับสนุนในครั้งนี้ จะได้พบเห็นโลโก้ ของโตโย ไทร์ อยู่บนกางเกงของนักเตะ และจะมีป้ายโฆษณาของโตโย ไทร์ ติดตั้งอยู่ที่ สนามฟุตบอลนครซุอิตะ สนามใหม่ของสโมสร กัมบะ โอซะกะ ซึ่งสามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 40,000 คน พร้อมให้การสนับสนุนทีมโอซาก้า, ญี่ปุ่น วันที่ 24 มิถุนายน 2016 โตโยไทร์ประกาศลงนามร่วมมือกับสโมสรฟุตบอล กัมบะ โอซะกะ ทีมฟุตบอลลีกอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น J1 ลีก

สโมสร กัมบะ โอซะกะ ก่อตั้งขึ้นในปี 1980 และในปี 1993 พวกเขาได้ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ทีมที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในเจลีก โดยได้รับชัยชนะครั้งแรกในเจลีก ในปี 2005 และสามารถคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 2008 และในปี 2014 ทีมกัมบะ เอาชนะเจลีก ดิวิชัน 1 ได้สำเร็จอีกครั้ง ทั้งนี้ สโมสรกัมบะ โอซะกะ ยังได้ผลิตนักกีฬาชั้นนำมากมายที่ได้ไปเป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นทีมที่มีฐานแฟนคลับมากมายในโอซาก้าอีกด้วย

และตั้งแต่การออกตัวสโลแกนใหม่ของยางโตโยไทร์ “Surprising the world” เมื่อปีที่แล้ว บริษัทฯ จึงยังคงยืนหยัดในการส่งมอบความเซอรไพรซ์นี้อย่างไม่ลดละ โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ดีขึ้นเสมอ ส่วนทางด้านสโมสร กัมบะ โอซะกะ ซึ่งมีชื่อทีมที่หมายถึงการต่อสู้ และการมุ่งมั่นไปสู่จุดสูงสุด ประกอบกับผลงานที่ผ่านมาของทีม ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นทัศนคติที่คล้ายคลึงกัน ทางบริษัทฯ จึงมีความ ยินดีที่จะให้การสนับสนุนทีมอย่างเต็มที่

โดยการสนับสนุนในครั้งนี้ จะได้พบเห็นโลโก้ ของโตโย ไทร์ อยู่บนกางเกงของนักเตะ และจะมีป้ายโฆษณาของโตโย ไทร์ ติดตั้งอยู่ที่ สนามฟุตบอลนครซุอิตะ สนามใหม่ของสโมสร กัมบะ โอซะกะ ซึ่งสามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 40,000 คน

ปอร์เช่ คว้าอันดับ 1 จากผลสำรวจความพึงพอใจด้านคุณภาพของ J.D. Power ยนตกรรมคุณภาพสูงสุดจากสตุ๊ตการ์ท

ปอร์เช่ คว้าอันดับ 1 จากผลสำรวจความพึงพอใจด้านคุณภาพของ J.D. Power
ยนตกรรมคุณภาพสูงสุดจากสตุ๊ตการ์ท: ปอร์เช่ 911 คว้ารางวัลไปครองอีกครั้ง
สตุ๊ตการ์ท/Westlake Village.

สายการผลิตรถยนต์จากโรงงานปอร์เช่ กำหนดระดับมาตรฐานสูงสุดให้แก่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์: ผลการศึกษาวิจัย 'Initial Quality Study' ซึ่งจัดทำขึ้นในปีนี้ ด้วยการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาคสหรัฐอเมริกา โดยสถาบัน J.D. Power นั้น รถยนต์ปอร์เช่ 911 สามารถครองอันดับ 1 ด้านคุณภาพโดยรวมของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ นับได้ว่าเป็นการคว้าตำแหน่งสูงสุดดังกล่าวถึง 5 ครั้งติดต่อกัน บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลกแห่งนี้ มีฐานการผลิตหลักตั้งอยู่ที่ สตุ๊ตการ์ท-Zuffenhausen ซึ่งโรงงานดังกล่าวยังสามารถคว้าอันดับ 1 ในการจัดอันดับประเภทโรงงานผู้ผลิตไปครองอีกด้วย นอกจากนี้ มาคันน์ (Macan) รถสปอร์ต SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่ ยังสามารถคว้าตำแหน่งยานยนต์ที่มีความน่าสนใจเป็นอันดับ 1 มาครองอีกเช่นกัน ทั้งนี้ผลสำรวจดังกล่าวได้มาจากกลุ่มตัวอย่างอิสระมากกว่า 80,000 ราย จากการพิจารณารถยนต์ถึง 245 รุ่น จาก 33 ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำ

"ความต้องการของลูกค้าคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เราก้าวไปข้างหน้า" Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG กล่าว "เจ้าหน้าที่ของปอร์เช่ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทและพร้อมอุทิศแรงกายแรงใจอยู่ตลอดเวลา เพื่อส่งมอบรถยนต์ปอร์เช่อันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพสูงสุดให้แด่ลูกค้าทุกท่าน การทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่นจนฝังลึกเป็นวัฒนธรรม ที่ได้รับการยอมรับในทุกระดับและทุกส่วนขององค์กรนี้เอง ทำให้ผลงานที่สรรสร้างออกมาคือรถสปอร์ตสมบูรณ์แบบที่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง"

จากการคว้าตำแหน่งอันดับ 1 ไปครองในปีนี้  ทำให้ปอร์เช่ 911 ที่สุดของรถสปอร์ต คือยนต์กรรมที่ครองอันดับดังกล่าวต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 5 ในส่วนของการสำรวจ 'รถสปอร์ตขนาดกลางระดับพรีเมี่ยม' กลุ่มตัวอย่างจากลูกค้าในพื้นที่สหรัฐอเมริกายังคงยืนยันที่จะมอบความไว้วางใจให้แก่ปอร์เช่มาโดยตลอด นับตั้งแต่ปี  2012 เป็นต้นมา รถสปอร์ตสุดคลาสสิกจากสตุ๊ตการ์ท-Zuffenhausen คือตัวแทนของยนตกรรมที่เต็มไปด้วยความยอดเยี่ยมของคุณภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ปอร์เช่ 911 คือรถยนต์ที่มีข้อร้องเรียนจากผู้ใช้งานน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบจากรถยนต์รุ่นอื่นๆที่นำมาพิจารณาในการสำรวจครั้งนี้ สำหรับปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) นั้น สามารถคว้าอันดับสูงสุดในส่วนของการสำรวจ 'รถสปอร์ต SUVระดับพรีเมี่ยม' โดยได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มตัวอย่างเป็นปีที่ 2 หลังคว้าตำแหน่งเดียวกันนี้ไปครองเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา

เมื่อพิจารณาจากฐานผลสำรวจที่ได้รับในครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างของภูมิภาคสหรัฐอเมริกายังได้รับการพิจารณาเพื่อประเมินผลในส่วนของโรงงานผู้ผลิตอีกด้วย โดยขอบเขตในการสำรวจครอบคลุมพื้นที่ของโรงงานในยุโรปและแอฟฟริกา โรงงานผลิตหลักของปอร์เช่ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ใน สตุ๊ทการ์ท-Zuffenhausen อันเป็นโรงงานที่รับหน้าที่ในการผลิตรถยนต์ปอร์เช่รุ่น 911, 718 บ๊อกซ์เตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) คือโรงงานที่ได้รับตำแหน่งอันดับ 1 ไปครองเช่นเดียวกัน
"รถยนต์ปอร์เช่ทุกคัน คือเครื่องพิสูจน์ถึงมาตรฐานคุณภาพที่เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของเรา" Albrecht Reimold กรรมการบริหารฝ่ายผลิตและ Logistics ของ Porsche AG กล่าวต่อไปอีกว่า "ผู้ขับขี่ที่มีหัวใจสปอร์ตทุกคน ต่างให้การยอมรับในการแข่งขันโดยการเปรียบเทียบที่ตัดสินจากข้อมูลตัวเลขและดัชนีชี้วัดที่จับต้องได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือแนวทางที่เรายึดมั่นในการสร้างสรรค์ยนตกรรมสปอร์ตของปอร์เช่มาโดยตลอด บุคลากรของเราทุกคนล้วนตระหนักถึงความท้าทายดังกล่าว และพร้อมที่จะเผชิญกับทุกภารกิจที่รออยู่ข้างหน้า"

ในการศึกษาวิจัย 'Initial Quality Study' ของสถาบัน J.D. Power ประจำปี ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลผู้ขับขี่ที่ใช้รถยนต์ใหม่เป็นระยะเวลา 90 วันหลังการรับมอบรถจากผู้จำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย โดยการสำรวจดังกล่าวได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาถึงครั้งที่ 30 สำหรับปีนี้ ผลการศึกษาวิจัยได้มาจากการสอบถามลูกค้าผู้ใช้รถยนต์คันใหม่ในเขตพื้นที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม 2016 ด้วยหลักเกณฑ์และหมวดหมู่ในการตรวจสอบที่มีความแตกต่างกันถึง 233 รูปแบบ รวมทั้งคำถามที่ใช้วัดความพึงพอใจของผู้ใช้งานในหัวข้อของ ‘ประสบการณ์ที่ได้รับจากการขับขี่’ และ ‘เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง’                    

ปอร์เช่ 911 : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.8-12.1 กิโลเมตร/ลิตร (12.7-8.2 ลิตร/100กิโลเมตร); ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์: 296-191 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ Macan : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.8-16.3 กิโลเมตร/ลิตร (9.2-6.1 ลิตร/100กิโลเมตร); ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์: 216-159 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ Boxster : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11.1-12.6 กิโลเมตร/ลิตร (9.0-7.9 ลิตร/100กิโลเมตร); ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์: 211-183 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ Cayman : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.7-12.6 กิโลเมตร/ลิตร (10.3-7.9 ลิตร/100กิโลเมตร); ค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์: 238-183 กรัม/กิโลเมตร

เอ.พี. ฮอนด้า คว้ารางวัล AREA Awards 2016 สาขา Health Promotion จากการสร้างสรรค์กิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยอย่างต่อเนื่องและครบวงจร


เอ.พี. ฮอนด้า คว้ารางวัล AREA Awards 2016 สาขา Health Promotion จากการสร้างสรรค์กิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยอย่างต่อเนื่องและครบวงจร

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นองค์กรชั้นนำด้าน CSR ในระดับเอเชีย ด้วยการคว้ารางวัล AREA Awards (Asia Responsible Entrepreneurship Awards) ประจำปี 2016 สาขา Health Promotion จากสถาบัน Enterprise Asia ในฐานะองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการบริจาคโลหิตทั่วประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องและครบวงจร และมีการพัฒนายกระดับมาตรฐานของกิจกรรมให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้นอยู่เสมอ โดยมีพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการ ณ รีสอร์ตเวิลด์เซนโตซ่า ประเทศสิงค์โปร์ เมื่อเร็วๆนี้ ถือเป็นการคว้ารางวัล AREA Awards เป็นปีที่สองติดต่อกันหลังจากเคยได้รับในสาขา Investment in People เมื่อปี 2015 จากการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “จากเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน เอ.พี. ฮอนด้า ได้สร้างสรรค์กิจกรรมมากมายเพื่อนำสิ่งดีๆสู่สังคมไทย พร้อมกับจุดประกายให้คนไทยได้ทำความดีเพื่อผู้อื่น หนึ่งในนั้นคือการร่วมมือกับเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทำกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยมาตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบันรวม 12 ปี มีปริมาณโลหิตสะสมที่ส่งมอบให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยไปแล้วมากกว่า 131,000,000 ซีซี จากผู้มีจิตศรัทธากว่า 357,000 คน”

“สิ่งสำคัญที่ทำให้กิจกรรมของเราประสบความสำเร็จก็คือการผนึกกำลังกันระหว่าง เอ.พี. ฮอนด้า ในฐานะศูนย์กลาง และเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายฯหรือ Honda Wing Center ที่มีสาขาอยู่ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จึงสามารถส่งมอบโลหิตให้กับผู้ป่วยภายในจังหวัดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอโลหิตจากส่วนกลาง ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลา ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในขณะเดียวกันเรายังได้ดึงพรีเซนเตอร์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า หรือบุคคลผู้มีชื่อเสียงทั้งในวงการบันเทิงและกีฬาออกมาร่วมรณรงค์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างทัศนคติให้คนไทยเห็นความสำคัญของการบริจาคโลหิต”

“นอกจากการใช้จุดเด่นของเครือข่ายให้เป็นประโยชน์สูงสุดแล้ว เรายังได้ยกระดับการทำกิจกรรมในแต่ละปีให้สามารถส่งมอบความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการสนับสนุนทางด้านฮารด์แวร์ ทั้งนี้ ในปี 2015 เราได้มอบรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ 8 เตียง ที่สามารถรองรับผู้บริจาคได้มากถึง 200 คนต่อวัน และรถมินิบัสอีก 4 คัน สำหรับขนย้ายอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่เพื่อการบริจาคโลหิต ต่อมาในปี 2016 เอ.พี. ฮอนด้ายังได้มอบเงินอีก 8 ล้านบาทเพื่อจัดสร้างรถตู้เย็นขนส่งพลาสมา 2 คัน รถรับบริจาคโลหิตหมู่พิเศษอาร์เอชเนกาทีฟ 1 คัน และรถตู้ออกหน่วยเคลื่อนที่อีก 2 คัน ให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้การส่งเสริมเป็นไปอย่างครบวงจร เพิ่มขีดความสามารถในการรับบริจาคโลหิตให้มากที่สุด”

“ความมุ่งมั่นดังกล่าวทำให้เราได้รับเลือกให้รับรางวัล AREA Awards 2016 ในสาขา Health Promotion จากสถาบัน Asia Enterprise ถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจสูงสุด และยังเป็นการคว้ารางวัลนี้เป็นปีที่สองติดต่อกัน หลังจากที่เคยได้รับในสาขา Investment in People เมื่อปี 2015 จากการรณรงค์ส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย เราขอขอบคุณคนไทยผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้ร่วมส่งมอบความช่วยเหลือให้กับผู้อื่นในสังคม รางวัลนี้จะเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เอ.พี. ฮอนด้า ตั้งใจสานต่อกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง”

สำหรับสถาบัน Enterprise Asia เป็นองค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชีย เพื่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมอย่างเท่าเทียมกัน โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรอิสระของประเทศต่างๆ เพื่อยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของชาวเอเชีย พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจ และนวัตกรรม เพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ในสังคม ปัจจุบันมีเครือข่ายผู้ประกอบการมากกว่า 8,000 องค์กร ใน 34 ประเทศ และได้คัดเลือกองค์กรที่อุทิศตนในการทำโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสังคมเข้ารับรางวัล Asia Responsible Entrepreneurship Awards (AREA) เป็นประจำทุกปี โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 6 สาขาได้แก่ Social Empowerment, Investment In People, Health Promotion, Green Leadership, SME CSR, และ Responsible Business Leadership.

ปอร์เช่ ประเทศไทย ขนทัพรถสปอร์ตหรูร่วมงาน “FAST Auto Show Thailand 2016”



ปอร์เช่ ประเทศไทย ขนทัพรถสปอร์ตหรูร่วมงาน “FAST Auto Show Thailand 2016”

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยร่วมงาน “มหกรรม Fast Auto Show Thailand 2016” โดยนำสุดยอดรถยนต์ปอร์เช่ อาทิเช่น 911 คาร์เรร่า (911 Carrera), บ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S) พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid), คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid), มาคันน์ (Macan) พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษด้วยการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่และสิทธิประโยชน์มากมาย เมื่อจองรถภายในงานตั้งแต่วันนี้– 3 กรกฎาคม 2016 เวลา 10.00 - 21.00 น ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

มหกรรม FAST Auto Show Thailand 2016 จัดโดย บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด ภายใต้แนวคิด “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” โดยเอเอเอสฯ ไม่พลาดที่จะนำรถยนต์ปอร์เช่หลากหลายรุ่นมาให้ทุกท่านได้สัมผัส และจับจองภายในงาน พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษมากมาย เริ่มด้วย 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 370 แรงม้า (272 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตันเมตร หล่อหลอมประสิทธิภาพและสมรรถนะเครื่องยนต์สปอร์ตและความสะดวกสบายได้อย่างสมดุล สำหรับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงทำได้ดีเยี่ยม ซึ่งอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 7.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (13.51 กิโลเมตร/ลิตร) เท่านั้น ลดลง 0.8 ลิตร/100 กิโลเมตร และ บ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S) รถยนต์เปิดประทุน 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 3.4 ลิตร 6 สูบ เรียงนอน ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 315 แรงม้า (232 กิโลวัตต์) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 8.0 ลิตร/100 กิโลเมตร

เสริมทัพด้วยรถยนต์ปอร์เช่ยอดนิยม พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) รถซาลูนระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in ไฮบริดคันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู พละกำลัง 416 แรงม้า เครื่องยนต์ 3 ลิตร biturbo charging ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำได้ถึง 95 แรงม้า (70 กิโลวัตต์) และคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) รถ Plug-in Hybrid คันแรกของโลกในคลาสรถสปอร์ตอเนกประสงค์ เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ลิเธี่ยม-อิออน (lithium-ion battery) Plug-in ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถยนต์ที่คุ้มค่าเงินที่สุดในขณะนี้ รวมถึงมาคันน์ (Macan) รถสปอร์ต Compact SUV ที่มอบความสนุกสนานทุกการ ขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร 4 สูบ แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร รอให้ทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมาย ไม่เพียงเท่านี้เอเอเอสฯ ยังนำสินค้า Porsche Driver’s Selection คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดนำเข้าจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนี มาให้ท่านเลือกสรรในราคาพิเศษภายในงานเท่านั้น

ปอร์เช่ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์ รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trustซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 30 ปี

ตรีเพชรอีซูซุประกาศปลุกแบรนด์ “อีซูซุ” ในลาว "เปลี่ยนครั้งใหญ่" ยกระดับงานขายคู่บริการ

ตรีเพชรอีซูซุประกาศปลุกแบรนด์ “อีซูซุ” ในลาว "เปลี่ยนครั้งใหญ่" ยกระดับงานขายคู่บริการ 
 
ตรีเพชรอีซูซุเป็นปลื้มต่อเนื่อง เดินหน้าเปิดตัวในสปป.ลาวต่อจากกัมพูชา พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแบรนด์ “อีซูซุ” ในประเทศลาวครั้งสำคัญ ด้วยนโยบาย “เปลี่ยนครั้งใหญ่” ยกระดับความเป็นมืออาชีพด้านงานขายควบคู่การบริการเพื่อรุกคืบการเป็นแบรนด์รถอันดับหนึ่งในใจผู้ใช้รถชาวลาว มั่นใจส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ลาวทะยาน พุ่ง 30% ภายใน 5 ปี โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนลาวทุกแขนงและลูกค้ากลุ่ม เป้าหมายร่วมเป็นสักขีพยานอย่างล้นหลามในงานแถลงข่าวเปิดตัว “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์” และ “ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” ที่ ศูนย์การค้า Lao-ITECC ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่าน

มร. โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการดำเนินธุรกิจ"อีซูซุ"ในประเทศไทย ทำให้บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นในการขยายธุรกิจสู่ประเทศลาวและกัมพูชาในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถอีซูซุอย่างเป็นทางการ ประเทศลาวเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เพราะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตของ GDP สูงถึง 6% รวมทั้งยังมีสัดส่วนของการใช้รถปิกอัพสูงมาก ซึ่งคาดว่าตลาดรถยนต์ลาวจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีละ 5% ต่อเนื่องถึง 10 ปี โดยอีซูซุตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ 10% ภายใน 3 ปี และใน 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% "อีซูซุ" เป็นที่รู้จักในประเทศลาวแต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมมากนัก ดังนั้นการมาของตรีเพชรอีซูซุจึงมาเพื่อปลุกแบรนด์"อีซูซุ"ให้ยิ่งใหญ่ ด้วยแนวคิด “เปลี่ยนครั้งใหญ่” สู่ความสุดยอด เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ “อีซูซุ” ในลาว ทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานสูงได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการอีซูซุทุกแห่งในลาว ได้แก่ 2 แห่ง ในนครหลวงเวียงจันทน์ และอีก 2 แห่งที่ปากเซ ด้วยการยกระดับทั้งด้านการขายและบริการหลังการขายทั้งหมด มีการจัดฝึกอบรมพนักงานทั้งฝ่ายขาย และบริการหลังการขายโดยครูฝึกที่มีความเชี่ยวชาญจากสถาบันฝึกอบรมตรีเพชรอีซูซุในประเทศไทย พร้อมใช้วัฒนธรรมการบริการ “อีซูซุ...ยิ้มจากใจ” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเมืองไทย เพื่อสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าชาวลาว นอกจากนี้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดอย่าง “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์” และ “ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” ที่มีความประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ความแข็งแกร่งทนทาน สมรรถนะการทรงตัวยอดเยี่ยม และความปลอดภัยเหนือชั้น ซึ่งเป็น DNA ของรถอีซูซุที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว พร้อมทั้งดีไซน์ภายนอกที่สวยงามลงตัวและอุปกรณ์ภายในรถที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบอีกด้วย ขณะนี้ตรีเพชรอีซูซุอยู่ในระหว่างการพิจารณาที่จะขยายธุรกิจด้านการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ที่ประเทศลาว เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการซื้อรถอีกด้วย ตรีเพชรอีซูซุไม่ได้หวังเพียงแต่จะดำเนินธุรกิจในประเทศลาวเท่านั้นแต่ยังมุ่งมั่นที่จะเติบโตเคียงคู่สังคมลาว ตามปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ หรือ “วิถีอีซูซุ”-- “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” โดยเรามีแผนที่จะทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ในประเทศลาวด้วย การเปิดตลาดลาวและกัมพูชาของตรีเพชรอีซูซุในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งต่อความสำเร็จของแบรนด์ "อีซูซุ" จากประเทศไทยสู่ตลาดอาเซียน โดยอาศัยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมากว่า 6 ทศวรรษของเรา”

ตรีเพชรอีซูซุบุกตลาดลาวครั้งนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน ค่ำคืนของการเปิดตัวรถ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์” และ “ใหม่! อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” ในประเทศลาวจึงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่นและสุดแสนประทับใจ ทั้งการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ของ 2 ยนตรกรรมคุณภาพจากอีซูซุ และความบันเทิงจากศิลปินดังของทั้ง 2 ประเทศ ได้แก่ โชว์ B-Boy ของลาวบั้งไฟ และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง “ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา” พรีเซ็นเตอร์อีซูซุมิว-เอ็กซ์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของพี่น้องชาวลาวเป็นอย่างมาก นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของวงการยานยนต์ลาว

การเปิดตัวสุดอลังการของรถกระบะ Nissan TITAN Warrior โฉมใหม่ ปี2017 Concept Reveal







donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved