Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าผุดโชว์รูมต้นแบบตามคอนเซ็ปต์ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้ลูกค้าได้สัมผัส


มาสด้าผุดโชว์รูมต้นแบบตามคอนเซ็ปต์ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้ลูกค้าได้สัมผัส

กรุงเทพ – ประเทศไทย, 14 กันยายน 2559 – มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมาสด้า เอ็ม.เค. กรุ๊ป ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าแห่งใหม่ บนถนนพระราม 2 “มาสด้า เอ็ม.เค.” ภายใต้ Mazda Corporate Identity (MCI) คอนเซ็ปต์โชว์รูมใหม่ล่าสุดมีสไตล์ที่โดดเด่นทันสมัย บรรยกาศที่อบอุ่น พร้อมให้บริการครบทุกฟังก์ชั่น นับเป็นโชว์รูมแห่งแรกที่ถูกออกแบบและตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุดของมาสด้า ประกาศปรับภาพลักษณ์ทุกโชว์รูมทั่วประเทศทั้ง 147 แห่ง ให้เสร็จทันภายในปี 2561 เพื่อยกระดับแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเมื่อได้สัมผัสความเป็นมาสด้า ถ่ายทอดคุณค่าของแบรนด์และประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน พร้อมสร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับลูกค้าให้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือก

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นโยบายหลักสำคัญนอกเหนือจากการผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า คือ การขยายเครือข่ายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบในย่านชานเมืองที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง และกำลังเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เจริญเติบโต มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น การเปิดโชว์รูมมาสด้า เอ็ม.เค พระราม 2 ในวันนี้ คือสิ่งที่มาสด้ามุ่งมั่น เพื่อก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือก ความพร้อมของโชว์รูมและศูนย์บริการที่มีคุณภาพ รวมทั้งการบริหารงานอย่างมืออาชีพของผู้จำหน่ายมาสด้า เป็นตัวจักรสำคัญที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกๆ ด้าน ที่ลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสได้ รวมถึงเพื่อรองรับการเติบโตจากกระแสความนิยมรถมาสด้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ การดูแลเอาใจใส่ลูกค้า หรือ “Customer Care” เราจะมุ่งเน้นเรื่องการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการครอบครองรถยนต์มาสด้าอย่างดีที่สุด เพื่อสร้างความผูกพันกันในระยะยาว ความพึงพอใจของลูกค้า คือ สิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด

สำหรับมาสด้านั้นในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการสร้างแบรนด์เป็นอย่างยิ่ง จึงส่งผลไปถึงยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มาสด้ายังมีแผนงานที่ชัดเจนในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จำหน่ายและลูกค้า โดยเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้ยั่งยืน โดยมีหัวใจหลักสำคัญคือ

ด้านผลิตภัณฑ์: พัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและแนวทางการออกแบบรถยนต์อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมใส่ใจเป็นพิเศษกับความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า เพื่อความสอดคล้องกับเทรนด์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ด้านการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้งการขายและการบริการ: เดินหน้าขยายเครือข่ายทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ภายใต้รูปลักษณ์และคอนเซ็ปต์ใหม่ของมาสด้า หรือ Mazda Corporate Identity ซึ่งเป็นรูปแบบโชว์รูมที่มาสด้าได้มีการปรับปรุงภาพลักษณ์รูปแบบใหม่หมด เพื่อยกระดับแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเมื่อได้สัมผัสความเป็นมาสด้า โดยเริ่มจากโชว์รูมมาสด้าใหม่ที่พระราม 2 เป็นแห่งแรกซึ่งภายในสิ้นปีนี้มาสด้าจะปรับปรุงทั้งหมด 15 แห่ง โดยแบ่งเป็นในกรุงเทพ 3 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 12 แห่ง และทั้งหมด 147 แห่ง จะถูกปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในอีก 3 หรือ หรือภายในปี 2561

ด้านการผลิต: สนับสนุนการเติบโตของยอดขายด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตตามฐานการผลิตต่างๆ และใช้ศักยภาพของฐานการผลิตแต่ละแห่งอย่างเต็มที่

สำหรับภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่ของมาสด้านั้นสะท้อนถึงความเป็นพรีเมียมแบรนด์และยังให้ความรู้สึกถึงการขับเคลื่อนอันทรงพลังเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงความสนุกสนานในการขับขี่ อันเป็น DNA ของแบรนด์มาสด้า การออกแบบโชว์รูมใหม่ของมาสด้านั้นอยู่บนแนวคิดที่จะสร้างบรรยากาศเหล่านี้ให้ลูกค้าได้สัมผัส คือ

บรรยากาศที่ลุ่มลึก: ตัวอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นั้นต้องแสดงออกถึง “ความลุ่มลึกและคุณภาพ”

แรงดึงดูดทางอารมณ์: ดึงดูดผู้คนเข้าสู่โชว์รูม รถมาสด้าและแบรนด์มาสด้า

ทำให้รถดูสวยงามน่าหลงใหล: จัดแสดงให้ทั้งภายในและภายนอกอาคารนั้นขับเน้นความสวยงามของตัวรถ

บรรยากาศที่อบอุ่น: การผสมผสานของวัสดุและสีสันที่ใช้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบาย

สำหรับมาสด้า เอ็ม.เค. พระราม2 บริหารงานโดย นายพงษ์ศักดิ์ ชาญไพบูลย์รัตน์ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม เอ็ม.เค. กรุ๊ป มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 141/1 ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 นอกจากจะเป็นโชว์รูมที่ตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ใหม่ของมาสด้าแล้ว ก็ยังมีบริการครบวงจร ทั้งการขาย ศูนย์บริการ ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ามาสด้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ในขณะที่มาสด้ายังคงมุ่งมั่นเพื่อการบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าจะเลือกใช้ตราบนานเท่านาน

เชฟโรเลต คามาโร ฉลองครบ 50 ปี 5 ทศวรรษกับ 6 เจนเนอเรชั่นของรถสปอร์ตอเมริกันระดับตำนาน


เชฟโรเลต คามาโร ฉลองครบ 50 ปี
5 ทศวรรษกับ 6 เจนเนอเรชั่นของรถสปอร์ตอเมริกันระดับตำนาน 

ดีทรอยท์ – เชฟโรเลต คามาโร เริ่มทำตลาดตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) และได้เสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าที่ต่างเฝ้ารอรถสปอร์ตครั้งแรกของเชฟโรเลต คามาโรประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรกของการทำตลาดด้วยยอดขายเกือบ 221,000 คัน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกันอันเลื่องชื่อ

ตลอด 50 ปีนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก คามาโรออกทำตลาดรวมทั้งหมด 6 เจนเนอเรชั่น แต่ละรุ่นมีความโดดเด่นและแตกต่างกันออกไปด้วยการออกแบบที่สร้างความตื่นตาตื่นใจตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับขี่ที่เร้าใจ ซึ่งทำให้คามาโรรุ่นแรกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัววันแรก

เจนเนอเรชั่นที่ 1 ปี 1967-69
คามาโร เจนเนอเรชั่นแรก ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของรถมัสเซิลคาร์และยุคของรถแข่งแดร็กเรซซิ่ง รวมถึงรถแข่งโรดเรซซิ่ง เป็นที่มาของรุ่นแรกเริ่มแซด/28 (Z/28) ในปี 1967 คามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 1 ยังทำหน้าที่เป็นรถเพซคาร์ของการแข่งขันอินดี้ 500 ถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปี 1967 และครั้งที่สองในปี 1969 โดยรถรุ่นปี 1969 ที่มีตัวถังสีส้ม Hugger Orange และการตกแต่งด้วยสีส้มในห้องโดยสารถือเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่มีชื่อเสียงโด่งดังและติดตราตรึงใจมากที่สุดในยุคนั้น

เจนเนอเรชันที่ 2 ปี 1970-81
คามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 2 เป็นรุ่นที่ทำตลาดยาวนานที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด ถึงแม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ความนิยมในรถสมรรถนะสูงอย่างแซด28 (Z28) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คามาโร รุ่นที่ 2 มาพร้อมโครงสร้างใหม่ล่าสุดที่ลดศูนย์ถ่วงลงและขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นเล็กน้อย ทำให้คามาโรรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ โดยยังมาพร้อมกับสไตล์การออกแบบที่น่าทึ่งซึ่งได้อิทธิพลมาจากแถบยุโรป คามาโรทำยอดขายต่อปีสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 282,571 คันในปี 1979 รวมถึงยอดขายแซด28 (Z28) เกือบ 85,000 คัน

เจนเนอเรชั่นที่ 3 ปี 1982-92
คามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้รับการเปิดตัวพร้อมโครงสร้างใหม่หมด ช่วงล่างด้านหน้าแบบสตรัทที่ทันสมัย พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน และเทคโนโลยีใหม่อีกมากมาย แชสซีส์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ยกระดับรถที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงศักยภาพการควบคุมที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว กลายเป็นเครื่องจักรสังหารบนสนามแข่ง โดยเฉพาะรุ่นที่มาพร้อมแพ็คเกจ 1แอลอี (1LE) ที่เปิดตัวในปี 1988 สไตล์ตัวถังที่ดุดันยกระดับสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมของตัวรถ และนับเป็นคามาโรรุ่นแรกที่มาพร้อมตัวถังแฮทช์แบ็ก นอกจากนี้ แซด28 (Z28) รุ่นปี 1982 ยังเป็นรถอเมริกันโปรดักชั่นคาร์คันแรกที่มาพร้อมกราวด์เอฟเฟคต์เพิ่มความลู่ลม และได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากมอเตอร์เทรนด์ (Motor Trend Car of the Year)

เจนเนอเรชั่นที่ 4 ปี 1993-2002
สมรรถนะถูกยกระดับอย่างต่อเนื่องสำหรับคามาโร เจนเนอเรชั่นที่ 4 เครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น และการปรับปรุงแชสซีส์ใหม่ที่พัฒนาบนพื้นฐานของเจนเนอเรชั่นที่ 3 การออกแบบตัวถังมีวิวัฒนาการให้มีสัดส่วนที่โดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงกระจกบังลมที่ลาดเอียงซึ่งทำให้ตัวรถมีความปราดเปรียวอย่างแท้จริง ด้านหน้าของคามาโรรุ่นที่ 4 นี้ได้รับการปรับโฉมใหม่ในปี 1998 พร้อมกับการแนะนำรุ่นแอลเอส1 วี-8 (LS1 V-8) ทำให้รุ่นแซด28 (Z28) และเอสเอส (SS) รำลึกถึงยุครุ่งเรืองของรถมัสเซิลคาร์

เจนเนอเรชั่นที่ 5 ปี 2010-2015
ระยะเวลา 7 ปีที่ขาดหายไประหว่างเจนเนอเรชั่นที่ 4 และการเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 5 (ซึ่งเผยโฉมปี 2009 ในฐานะรุ่นปี 2010) อาจดูไม่ยาวนาน แต่ก็เหมือนชั่วนิรันดร์สำหรับโลกยานยนต์ เชฟโรเลตตัดสินใจว่าคามาโรรุ่นใหม่จะต้องสืบสานตำนานความสำเร็จอันยาวนานซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง คามาโร รุ่นที่ 5 มียอดจำหน่ายมากกว่า 500,000 คัน และแซงหน้ารถสปอร์ตคู่แข่งเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน พร้อมกับต่อยอดเป็นรถรุ่นใหม่ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่งอย่าง 1แอลอี (1LE) แซด/28 (Z/28) และแซดแอล1 (ZL1)

เจนเนอเรชั่นที่ 6 ปี 2016 เป็นต้นมา
คามาโร รุ่นที่ 6 คือคามาโรที่มีความเหนือชั้นที่สุด ทั้งในด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และความประณีตหรูหราซึ่งอัดแน่นอยู่ในโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาลงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากมอเตอร์เทรนด์ในปี 2016 สำหรับปี 2017 มีการเปิดตัวรุ่น 1แอลอี (1LE) ใหม่สำหรับสนามแข่ง และแซดแอล1 (ZL1) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยขุมพลังวี 8 ความจุ 6.2 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ รีดพละกำลังถึง 640 แรงม้า และส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดรุ่นใหม่

คามาโร เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี
เชฟโรเลตเฉลิมฉลอง 50 ปีของคามาโรในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยกิจกรรมมากมาย และการเข้าร่วมงานแสดงรถคลาสสิก วู๊ดเวิร์ด ดรีม ครูสในวันที่ 20 สิงหาคม รวมถึงการเยี่ยมชมศูนย์การผลิตคามาโรที่แลนซิง แกรนด์ ริเวอร์ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม

สำหรับรายละเอียดของกิจกรรมเข้าชมที่ www.camarofifty.com ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน ทั้งภาพในอดีต การออกแบบดีไซน์ และเรื่องราวความเป็นมา เข้าชมที่ www.camarofiftymedia.com

รู้หรือไม่: เชฟโรเลตใช้ชื่อ Z/28 ด้วยการใช้เครื่องหมายทับในคามาโรรุ่นแรก และเปลี่ยนจากเครื่องหมายทับเป็นเครื่องหมายขีด Z-28 ระหว่างการทำตลาดคามาโรรุ่นที่ 2 เชฟโรเลตเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Z28 ในการจัดจำหน่ายคามาโร รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ก่อนกลับมาใช้เครื่องหมายทับอีกครั้งสำหรับคามาโร Z/28 รุ่นปี 2014

อีซูซุสร้างสถิติใหม่ด้วย “นวัตกรรมประหยัดน้ำมันเปลี่ยนโลก” กับ “ครั้งแรก! อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ น้ำมันถังเดียว...เที่ยวไกลสุด คุนหมิง – กวางโจว 1,405 กม.”


อีซูซุสร้างสถิติใหม่ด้วย “นวัตกรรมประหยัดน้ำมันเปลี่ยนโลก” กับ “ครั้งแรก! อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ น้ำมันถังเดียว...เที่ยวไกลสุด คุนหมิง – กวางโจว 1,405 กม.”

อีซูซุจับมือผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริงจัดทริปประวัติศาสตร์ สร้างสถิติใหม่ของการประหยัดน้ำมันด้วย “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก” ให้เป็นที่ประจักษ์ในภารกิจสุดท้าทาย “ครั้งแรก! อีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ น้ำมันถังเดียว... เที่ยวไกลสุด คุนหมิง-กวางโจว 1,405 กม.” ทุบสถิติการเดินทางระยะไกลด้วย “น้ำมันถังเดียว” ครั้งก่อน โดยครั้งนี้เพิ่มความ ท้าทายขึ้นไปไกลกว่าเดิมอีก 87 กิโลเมตร ตอกย้ำความประหยัดน้ำมันเหนือชั้นกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 2,500 ซีซีถึง 19% ในสภาพการจราจรจริง ท่ามกลางสักขีพยานมากมาย โดยอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีที่สุดอยู่ที่ 24.38 กม./ลิตร เติมเต็มความเชื่อมั่นในความประหยัดน้ำมันของ “อีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” และวิธีขับรถประหยัดน้ำมันในชีวิตประจำวันนั้นทำได้ไม่ยาก

“ครั้งแรก! อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ น้ำมันถังเดียว... เที่ยวไกลสุด คุนหมิง-กวางโจว 1,405 กม.” เป็นคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ของอีซูซุ ด้วยการพิสูจน์ความประหยัดน้ำมันในแบบฉบับเหนือชั้นของอีซูซุ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2-4 กันยายนที่ผ่านมา นับเป็นเส้นทางที่ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์การจัดคาราวาน “น้ำมันถังเดียว” ของอีซูซุ ด้วยความเชื่อมั่นในสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นของ “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก” ใน “อีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ “อีซูซุอินไซท์” (Isuzu Insight) หนึ่งเดียวแห่งวงการรถปิกอัพที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถอีซูซุสามารถพัฒนาการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และขับได้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น เดินทางทั้งสิ้น 3 วัน โดยใช้รถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” จำนวน 5 คัน รถทุกคันล้วนเป็นรถมาตรฐานโรงงาน ครบทุกรุ่น ครบทุกระบบขับเคลื่อน และผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริงจากการแข่งขันขับประหยัดน้ำมันในกิจกรรม “อีซูซุไดร์ฟวิ่งคลับ” (Isuzu Driving Club) ครั้งล่าสุด จำนวน 10 ท่าน ขับตามสภาพการจราจรจริงของประเทศจีนที่ไม่คุ้นเคย บนเส้นทางที่ยาวไกลเต็มไปด้วยอุปสรรคหลากหลาย ทั้งเส้นทางขึ้น-ลงภูเขาสูง ทางโค้ง การซ่อมถนน รถบรรทุกขนาดเล็ก-ใหญ่ที่หนาแน่น สภาพการจราจรที่แออัดในเขตเมือง และฝนที่ตกหนักในบางช่วง อย่างไรก็ตามรถทุกคันถูกกำหนดให้เปิดแอร์ตลอดเส้นทาง โดยใช้ความเร็วเฉลี่ย 80-90 กม./ชม. แบบเดียวกับการขับในชีวิตประจำวัน และเป็นความเร็วที่ประเทศจีนกำหนด โดยมีกล้องตรวจจับความเร็วตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีการแวะพักเข้าห้องน้ำ และรับประทานอาหารในแต่ละวัน ที่สำคัญใช้น้ำมันเพียง 1 ถังเท่านั้น นับเป็นสร้างประวัติศาสตร์การประหยัดน้ำมันบนเส้นทางที่ยาวไกลกว่าทุกครั้ง โดยมีสักขีพยาน ทั้งคณาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ และสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์คาราวานในครั้งนี้ตลอดเส้นทาง รวมทั้งสิ้น 3 วัน โดยแบ่งระยะทางดังนี้

2 กันยายน 2559 : คุนหมิง (KUNMING) – ป่ายเซ่อ (BAISE) ระยะทาง 578 กม.

3 กันยายน 2559 : ป่ายเซ่อ (BAISE) – หลัวติ้ง (LUODING) ระยะทาง 599 กม.

4 กันยายน 2559 : หลัวติ้ง (LUODING) – กวางโจว (GUANGZHOU) ระยะทาง 228 กม.

เพื่อยืนยันการใช้น้ำมันเพียง 1 ถัง ตลอดการเดินทาง ฝาถังน้ำมันของรถทุกคันจะถูกปิดด้วยสติกเกอร์พิเศษที่มีลายเซ็นจากสักขีพยานกำกับตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง และจะไม่ได้รับการเปิดออกจนกว่าจะถึงที่หมาย อีกทั้งเมื่อจบการเดินทางในแต่ละวัน คณะกรรมการสักขีพยานได้เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของสติกเกอร์บนจุดต่างๆ ของรถ ก่อนที่จะใช้ สติกเกอร์พิเศษปิดประตู กระจก และเก็บกุญแจรถพร้อมปิดสติกเกอร์ไว้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในรถได้อีก จนในที่สุดภารกิจการเดินทางที่ยาวไกลก็ประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสักขีพยาน และผู้คนที่อยู่ ณ HAIXINSHIA ASIAN GAME PARK ซึ่งอยู่ใกล้กับ CANTON TOWER หรือหอคอยเมืองกวางโจว เมื่อรถ “ อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ทั้ง 5 คันที่ขับฝ่าสายฝนที่ตกพรำในช่วงเช้าได้มาถึงจุดหมายปลายทางเป็นผลสำเร็จ โดยรถทุกคันไม่มีสัญญาณไฟเตือนน้ำมันใกล้หมดปรากฏเลยสักคันเดียว!

จากนั้นได้มีการดึงข้อมูล “อีซูซุอินไซท์” (Isuzu Insight) จากรถทั้ง 5 คันเพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่เป็นรายคันและสรุปออกมาเป็นผลคะแนนจากการวิเคราะห์ 5 ด้าน ได้แก่ ความเร็วและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การใช้ช่วงรอบเดินเบา การใช้รอบเครื่องยนต์ การใช้เบรก และการเหยียบคันเร่ง ที่ส่งผลให้เกิดสถิติการประหยัดน้ำมันอันน่ามหัศจรรย์เฉลี่ยสูงถึง 22.40 กม./ลิตร ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่าที่อีซูซุเคยจัดกิจกรรมคาราวานท่องเที่ยวด้วย “น้ำมันถังเดียว” โดยมีคันที่ได้คะแนนเต็ม 100 มากถึง 3 คัน ส่วนอีก 2 คันได้คะแนน 98 และ 97 ตามลำดับ จบภารกิจอีซูซุได้นำผู้ขับพร้อมครอบครัวตะลุยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองกวางโจว อย่างสนุกสนาน

มร.โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
 เผยความรู้สึกต่อความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ผมขอขอบคุณนักขับทุกท่านที่มีส่วนช่วยสร้างสถิติประหยัดน้ำมันใหม่อันโดดเด่นให้แก่วงการรถยนต์เมืองไทย ด้วยความสำเร็จในการเดินทางจากเมือง คุนหมิง สู่เมืองกวางโจว ระยะทาง 1,405 กิโลเมตร โดยใช้น้ำมันไม่ถึงหนึ่งถัง นับเป็นคาราวานประหยัดน้ำมันระยะทางไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ที่อีซูซุเคยจัดมา และยังเป็นครั้งแรกที่รถร่วมขบวนทุกคันเป็นรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ซึ่งเป็นที่ยอมรับในความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยม กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความมั่นใจ ใน “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก” เพราะ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม 2500 ซีซี ที่มีชื่อเสียง ทั้งแรงม้า และแรงบิดสูงกว่ารุ่นเดิมมากๆ จึงอยากจะให้สมรรถนะเรื่องความประหยัดน้ำมันของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ทุกรุ่น พร้อมทั้ง “อีซูซุอินไซท์” (Isuzu Insight) เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันและปลอดภัย เอกลักษณ์ของรถปิกอัพอีซูซุ เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สาธารณชน โดยเฉพาะเรื่องความประหยัดน้ำมันที่มากกว่าถึง 19 % เพราะว่าเมื่อ 2 ปีก่อน อีซูซุเคยจัดคาราวานประหยัดน้ำมันระยะทาง 1,318 กม. สำเร็จมาแล้ว ดังนั้นด้วยสมรรถนะ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ที่เหนือชั้นกว่ารุ่น 2500 ซีซี ในทุกด้าน ผมจึงคิดว่าระยะทาง 1,405 กม. นั้นไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งรถทุกคันไม่มีคันไหนเลยที่ไฟเตือนน้ำมันใกล้หมดปรากฏให้เห็น เป็นสิ่งที่อีซูซุภาคภูมิใจมาก นอกจากนี้ความสำเร็จของคาราวานประหยัดน้ำมันครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงการขับรถแบบประหยัดน้ำมันและพัฒนาการขับขี่ให้มีประสทธิภาพ เพื่อช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าของโลกให้เหลือใช้ต่อกันไปได้นานๆ”

ฮอนด้าเปิดตัว New Zoomer-X จัดจ้านโดนใจด้วยคู่สีแบบคอนทรา สต์ ต่อ-ธนภพ รับบทพรีเซนเตอร์ใหม่ ถ่ายทอดคาแรกเตอร์เท่นอกกรอบ


ฮอนด้าเปิดตัว New Zoomer-X จัดจ้านโดนใจด้วยคู่สีแบบคอนทรา สต์
ต่อ
-ธนภพ รับบทพรีเซนเตอร์ใหม่ ถ่ายทอดคาแรกเตอร์เท่นอกกรอบ

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย เสริมแกร่งความเป็นผู้นำเทรนด์วั ยรุ่นนอกกรอบด้วยการเปิดตัว New Zoomer-X รถเอ.ที.แบบเรียลเนคเกด สีสันใหม่แบบคอนทราสต์ที่โดดเด่ นไม่เหมือนใครภายใต้คอนเซปต์ ได้เวลาปล่อยของ” พร้อมดึง ต่อ-ธนภพ นักแสดงวัยรุ่นสุดฮอตของเมืองไท ยมาร่วมถ่ายทอดความเท่แบบนอกกรอ บ วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

            นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.  ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทยเปิดเผยว่า“Zoomer-X เป็นรถที่สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับ วงการตั้งแต่เปิดตัวสู่ตลาดครั้ งแรกเมื่อปี 2012 และกลายเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแตกต่างโดยทันที เพราะรถรุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งดีไซ น์และฟังก์ชันการใช้งาน อีกทั้งยังเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดี ยวถึงปัจจุบันที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยพื้นที่ฟรีสเปซที่ สามารถใช้งานหรือตกแต่งได้ หลากหลายรูปแบบ จนมาถึงปี 2015 ฮอนด้าได้ปรับโฉม Zoomer-X ให้มีความโปร่งและดุดันมากขึ้นจ นได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ใน วงกว้างอย่างรวดเร็ว

            แม้ Zoomer-X จะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ฮอนด้าก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำ เสนอความแปลกใหม่ให้กับผู้ใช้ อยู่เสมอ ล่าสุดในปี 2016 นี้ เราได้เพิ่มความสนุกให้กับ New Zoomer-X ด้วยการออกแบบรถให้มีสีสันที่แต กต่างออกไปจากเดิม เพิ่มความร้อนแรงด้วยคู่สีที่ตั ดกันอย่างมีมิติบนตัวรถและล้อรถ ทำให้ New Zoomer-X โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น พร้อมกันนี้ เรายังได้ดึงต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร นักแสดงวัยรุ่นระดับแนวหน้าของเ มืองไทยมาร่วมถ่ายทอดคาแรกเตอร์ นอกกรอบและสีสันที่ไม่มีวั นหมดของคนรุ่นใหม่ในฐานะพรี เซนเตอร์ของ New Zoomer-X อีกด้วย

            New Zoomer-X ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันภายใ ต้คอนเซปต์ ได้เวลาปล่อยของ” โดดเด่นด้วยการแมตช์สีแบบต่างขั้วไว้ในคันเดียวทั้งเฟรมและล้อแม็ กที่มาพร้อมกับยางหน้ากว้างแบบจุ๊ บเลส เพิ่มความเท่ด้วยกราฟิกแบบใบมีด ที่ลงตัวกับโครงสร้างแบบทัฟเฟรม เน้นความโปร่งเป็นพิเศษในสไตล์เ รียลเนคเกดด้วยพื้นที่ X-CITE FREE SPACE ขนาดใหญ่ ด้านหน้ารถติดตั้งโช้กหัวกลับรอ งรับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่า แผงหน้าปัดสุดล้ำแบบดิจิตอลแสดง การทำงานชัดเจน

New Zoomer-X ล้ำหน้าด้วย Honda Smart Technology ที่รวมที่สุดของเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สมบู รณ์แบบเข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยเครื่องยนต์ประสิทธิภ าพสูง eSP(Enhanced Smart Power) ขนาด110ซีซี ระบบหัวฉีดPGM-FI ที่มีระบบการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ สมรรถนะสูง แรงเสียดทานต่ำ ทำงานร่วมกับระบบหยุดเครื่องยนต์ อัตโนมัติ Idling Stop System จึงมีอัตราประหยัดน้ำมันที่สูงถึ ง 62.3 กิโลเมตร/ลิตร (วัดตามมาตรฐาน สมอ. ECE R40 Mode)และติดตั้งระบบกระจายแรงเบรกหน้ า-หลัง Combi Brake System เพื่อความมั่นใจ ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้ วยค่าไอเสียที่สะอาดผ่านมาตรฐาน ระดับ 6และรองรับน้ำมัน E20
            เอ.พี. ฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย New Zoomer-X พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ สิงหาคม 2559 ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกถึง คู่สี สไตล์ได้แก่สีมิดไนท์ซัน(น้ำเงิ น-ดำ)สีเอเนอร์เจติกเรด(แดง-ดำ)สีไวลด์กรีน (เขียว-ดำ)สีส้มอินดัสเตรียลออเรนจ์(ขาว-ดำ)สีอินสไปเรชันไวโอเลต(ม่วง-ดำ)สีทัฟแบล็ค(ดำด้าน-ส้ม) ด้วยราคาแนะนำที่ 55,700 บาท
            พร้อมกันนี้ ทางฮอนด้ายังได้เอาใจคนชอบรถแต่ งด้วย New Zoomer-X Street Hero Limited Edition ออกแบบพิเศษด้วยสีไตรคัลเลอร์ติ ดตั้งชุดแต่งH2C ทั้งคันแบบฟูลออพชัน ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น ราคาแนะนำ65,600 บาท
อัพเดทข่าวสารของรถจักรยานยนต์ฮ อนด้าได้ทางเว็บไซต์ 

มาสด้าวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ที่โรงงาน MPMT พร้อมเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์รองรับความต้องการลูกค้า


มาสด้าวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ที่โรงงาน MPMT
พร้อมเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์รองรับความต้องการลูกค้า


ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะมีการเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตเครื่องยนต์ต่อปีของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่โรงงาน มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด หรือ MPMT ที่ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 122,000 เครื่อง ภายในครึ่งปีแรกของปี 2561 นอกจากนี้ยังได้ประกาศแผนลงทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่โดยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเทียบเท่ากับกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ในปัจจุบัน

สำหรับกำลังการผลิตต่อปีของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่ MPMT ซึ่งเริ่มสายการผลิตอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 30,000 หน่วยต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้ประกอบเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร เพื่อป้อนให้กับโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที สำหรับทำการผลิตในรถยนต์มาสด้า2

มาสด้าได้ทุ่มทุนกว่า 22.1 พันล้านเยน (หรือประมาณ 7,200 ล้านบาท) ในการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์เป็น 122,000 เครื่องต่อปี โดยทางมาสด้าจะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่สำหรับการขึ้นรูปผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ด้วย เพื่อขยายสายการผลิตให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย โครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง โดยจะเพิ่มสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ ขนาด 2.0 ลิตร เพื่อทำการส่งออกเครื่องยนต์ดังกล่าวไปยังฐานการผลิตในกลุ่มประเทศอาเซียน อันได้แก่ มาเลเซีย และเวียดนาม


ภาพโรงงาน MPMT เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ประกอบด้วยโรงงานผลิตระบบส่งกำลัง (ซ้ายบน) และโรงงานประกอบเครื่องยนต์ (ขวาล่าง)

นาย มาซาโตชิ มารุยามา Managing Executive Officer ผู้รับผิดชอบส่วนงานการผลิตระดับโลก (Global Production) ของมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น กล่าวว่า “ การขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยนั้นนับเป็นนโยบายหลักของเราในความพยายามที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สายการผลิตทั่วโลก ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์และการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่ตามแผนงานที่กำหนด พร้อมคุณภาพที่ได้รับประกันนี้ มาสด้ามีความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอดโรงงาน MPMT ให้กลายเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นสำหรับการส่งออกเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยยกระดับเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตระดับโลกของมาสด้า และส่งเสริมความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”

มาสด้ายังคงมุ่งมั่นในการเติมเต็มชีวิตชีวาผู้คนผ่านทางจุดต่างๆ ในชีวิตของพวกเขา รวมถึงกาผลิตรถยนต์คุณภาพสูง และกลายเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่สร้างความผูกพันอย่างเหนียวแน่นในใจของลูกค้าได้

สำหรับความเคลื่อนไหวในประเทศไทยทางคณะผู้บริหารระดับสูงของมาสด้า ประกอบไปด้วย นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ นายมิตซึโนบุ มูไคดะ ประธานบริหาร มาสด้า พาวเวอร์เทรนด์ เมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบกับ นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เพื่อแสดงความมั่นใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทยครั้งนี้ รวมถึงให้ข้อมูลพร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนและผลิตภัณฑ์หลักที่จะทำการผลิตขึ้นที่โรงงงานแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้โรงงานแห่งใหม่นี้กลายเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์คลีนดีเซลขนาดเล็กของมาสด้าหลังจากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติโครงการลงทุนของมาสด้าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

*บริเวณสีเทาอ่อนในภาพ คือ โรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่

องค์กรอิสระ รณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกเป็นนิสัย เปิดตัว “โครงการสังคมหัวแข็ง” ปฏิวัติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก


องค์กรอิสระ รณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกเป็นนิสัยเปิดตัว “โครงการสังคมหัวแข็ง” ปฏิวัติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัวโครงการรณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกภายใต้ชื่อโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ด้วยคอนเซปต์ ปฏิว้ติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก วางเป้าหมายให้เกิดการปฏิบัติจริง ด้วยความต่อเนื่องและจริงจังผ่านการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่อใช้รถจักรยานยนต์เพื่อปกป้องตนเองจากอุบัติเหตุ

นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด
เปิดเผยว่า “ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่คนไทยกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการปกป้องตนเองจากความเสี่ยงดังกล่าว ดั่งเช่นข้อมูลล่าสุดในปีที่ผ่านมาจากไทยโรดส์จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเมืองไทยที่ใส่หมวกกันน็อกเพียงแค่ 43% เท่านั้น โดยคนไทยมักจะมีข้ออ้างที่จะไม่ใส่หมวกกันน็อกมากมายจนกลายเป็นความเคยชินตลอดมา”

“ในฐานะผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทย เอ.พี. ฮอนด้า มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนเมืองไทยสู่เส้นทางของความปลอดภัยอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้โครงการฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย โดยหนึ่งในการดำเนินงานหลักคือการรณรงค์ให้เกิดการปฎิบัติจริง ในปีนี้เราจึงได้สร้างสรรค์โครงการใหม่ที่มีชื่อว่าสังคมหัวแข็ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกจิตสำนึกและเปลี่ยนพฤติกรรมให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งมุ่งประสานความร่วมมือกับภาคีต่างๆสร้างความเป็นต้นแบบจากแต่ละเครือข่าย ต่อยอดขยายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมต่อสังคมไทยในวงกว้างต่อไป”

“โครงการนี้จะเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวัน โดยมีเพลงสังคมหัวแข็งซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจังหวะที่จริงจังของเพลงปลุกใจ มาใส่ความสนุกสนานร่วมสมัยในสไตล์ฮิพฮอพ โดยในเนื้อเพลงจะกล่าวถึง 3 กฏเหล็กของการใส่หมวกกันน็อกที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัย ได้แก่ขี่ซ้อนเราใส่ ใกล้ไกลเราใส่ ใครไม่ใส่เราไม่ยอม บอกเล่าผ่านสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น มิวสิควีดีโอ ออนไลน์คลิป ภาพยนตร์โฆษณา สื่อกลางแจ้ง และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยมีจอห์น วิญญู, แป้งโกะ จินตนัดดา และกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งต่างก็เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่มาร่วมรณรงค์ในฐานะผู้นำสังคมหัวแข็งในการสร้างจิตสำนึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์”

“ในขณะเดียวกัน เอ.พี. ฮอนด้า ก็จะเป็นต้นแบบที่ทำให้เกิดการปฏิบัติจริง โดยในช่วงแรกของโครงการ เราจะร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยรวม 12 บริษัท และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ สร้างสรรค์สังคมหัวแข็งต้นแบบ โดยมีพนักงานรวมกว่า 35,000 คน มาเป็นตัวอย่างที่ดีของคนไทยที่ใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อใช้รถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะขยายแนวคิดนี้ไปยังสถานศึกษา สถานที่ราชการ และชุมชนต่างๆทุกจังหวัด ก่อเกิดเป็นสถานศึกษาและชุมชนหัวแข็งต้นแบบ แล้วยกระดับไปสู่การรณรงค์ในระดับประเทศ โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการดำเนินงานของแต่ละแห่งอย่างเป็นรูปธรรม”

“และในอนาคตอันใกล้นี้ ทางเอ.พี.ฮอนด้า จะร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กับหน่วยงานต่างๆต่อไป โดยจะมีการร่วมตกลงถึงรายละเอียดในการประสานความร่วมมือ การกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ และวิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้”

สำหรับโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ภายใต้คอนเซปต์ ปฏิวัติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก ถือเป็นการประสานความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่อใช้รถจักรยานยนต์ เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนสังคมไทยให้ดีขึ้น ด้วยการใส่หมวกกันน็อกให้เป็นนิสัย แล้วติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ www.aphonda.co.th

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดเทสไดร์ฟทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมหรู


แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจัดเทสไดร์ฟทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมหรู

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก โดย นายคมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฮอริเทจ มอเตอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ไทยแลนด์) จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจัดงาน Driving Experience 2016 ทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมหรู แอสตัน มาร์ติน ณ กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์
โดยกิจกรรมเทสต์ไดร์ฟในปีนี้ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก นำรถสปอร์ตหรูมาให้สัมผัส 2 รุ่น เริ่มจาก วี 8 แวนเทจ เอส (V8 VANTAGE S) และ แวนควิช (VANQUISH) โดยมีเหล่าเซเลบริตี้ อาทิ ปุ๊ก-จงกล ตั้งประดิษฐ์ พร้อมสมาชิกผู้ทรงเกียรติบัตรแพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด (Platinum M Card) สยามพารากอนอย่าง วิศรุต พุทธารี, เอกภัทร-อภิภัทร พรประภา พร้อมด้วยผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรองจาก แอสตัน มาร์ติน ให้คำแนะนำในการทดลองขับอย่างใกล้ชิด

V8 VANTAGE S พลังแห่งความเคลื่อนไหว สายพันธุ์จากการแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ V8 อันทรงพลังตอบสนองดั่งใจสั่ง และเกียร์ Sportshift II แบบ 7 Speeds คือบทสรุปของสุดยอดรถในฝันของผู้ขับขี่หัวใจสปอร์ต ด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ใช้ในการแข่งขันรถ GT ดีไซน์ภายในที่ใส่ใจทุกรายละเอียด พลังและการตอบสนองต่อการขับขี่ที่เร้าใจ ทำให้ V8 Vantage S เป็นรถที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถสปอร์ต อย่างแท้จริง
VANQUISH วิสัยทัศน์ที่เป็นหนึ่งจากสองสุดยอด Super GT New Vanquish Coupe การผสานระหว่างศิลปะ เทคโนโลยี งานฝีมืออันปราณีตและความเร้าใจ สรรสร้างเป็นสัญญลักษณ์แห่งความห้าวหาญ ตัวถังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคันพร้อมด้วยคอนโซลกลางที่ล้ำสมัยควบคุมด้วยการสัมผัส การออกแบบภายในใหม่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่เก็บสัมภาระ พร้อมมอบเอกสิทธิ์พิเศษด้วยการเลือกออกแบบภายในรถยนต์ได้ตามเอกลักษณ์ของคุณ

แอสตัน มาร์ติน ที่สุดแห่งยนตรกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เปี่ยมด้วยความหรูหราคลาสสิก ที่มาพร้อมขีดสุดแห่งสมรรถนะ

ส่องบูธ GPX Racing ส่งโปรฯฉ่ำรับหน้าฝนกับทัพรถสายพันธุ์ไทยในงาน BIG Motor Sale 2016


ส่องบูธ GPX Racing ส่งโปรฯฉ่ำรับหน้าฝนกับทัพรถสายพันธุ์ไทยในงาน BIG Motor Sale 2016

กลับมาอีกครั้ง! กับงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “BIG Motor Sale 2016” “อยากได้รถ จบในงานเดียว” งานที่รวมเหล่าคนรักรถ ทั้งรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์มาไว้ในงานเดียวกัน ซึ่งงานนี้ค่ายรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติไทยอย่าง GPX Racing ก็ไม่พลาดที่จะขนทัพรถมาร่วมอวดโฉมในงานกันอีกเช่นเคย

อันดับแรกเพียงเดินผ่านก็ต้องสะดุดตากับความสวยงามของบูธ ที่มีทัพรถสายพันธุ์ไทย ขนกันมาจัดวางเรียงรายไว้ได้อย่างลงตัว กับรถทั้ง 4 รุ่นที่ GPX Racing ส่งลงมาลุยตลาดในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น DEMON (2016) มินิไบค์ในขุมพลังพิกัด 125 ซีซี ที่เปิดตัว Minor Change กันไปเมื่อปลายปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงแรงดีไม่มีตก ขนมาให้ชมครบทั้ง 3 สี คือ สีแดง สีขาวมุก และสีดำ นอกจากนี้ยังมีรถตัวแต่งสุดเท่ ที่อัดแน่นของแต่งแบบจัดเต็มจากสำนักแต่ง 55BIKE และ LMC Racing มาอวดโฉมให้ได้ชมกันอีกด้วย

ตามมาด้วยรุ่น CR5 200 ซีซี ในรูปโฉมสุดโฉบเฉี่ยว มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี ทั้งสีขาว สีดำ และสีเหลือง สำหรับรุ่นนี้ก็ถือว่ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ใครที่ชอบสไตล์สปอร์ต เน็กเก็ต มาเจอ CR5 200 ซีซี คันนี้ ที่มากับราคาไม่ไกลเกินเอื้อม ขอบอกเลยว่าตอบโจทย์ ถูกใจ ใช่เลย!

มาถึงอีกรุ่นที่น่าจับตามองอย่างเจ้า LEGEND 200 ซีซี รถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์คลาสสิค คาเฟ่เรเซอร์ (Cafe Racer) มากับรูปโฉมสุดโดนใจ ที่งานนี้มีมาให้ชมกันทั้งแบบฉบับดั้งเดิม และรถตัวแต่ง จากสำนักแต่งสายคลาสสิคชื่อดังอย่าง ZEUS Custom และอีกหนึ่งคันที่ส่งตรงมาจากพัทยา จากสำนักแต่ง INDY Custom Pattaya ซึ่งจัดเต็มกับการผสมผสานไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ ที่ชอบการเล่นกีฬา Kitesurf หรือ Kiteboarding จนออกมาเป็นสไตล์ไม่ซ้ำใคร ในแบบฉบับเฉพาะตัว

ปิดท้ายด้วยอีกรุ่นในรหัส LEGEND 150 ซีซี ที่มาในสไตล์แทรคเกอร์ (Tracker) อีกหนึ่งตัวเลือกของสายคลาสสิคสุดเก๋า กับสีสันสดใสของคันสีเขียวอ่อนที่หยิบยกมาโชว์ในงาน แต่ไม่ได้มีเพียงสีนี้เท่านั้น เพราะยังมีให้เลือกกันอีกถึงสองสี คือ สีครีมและสีดำ

ตื่นตากับการชมรอบบูธกันแล้ว มาตื่นใจไปกับโปรโมชั่นสุดฉ่ำรับหน้าฝน ที่ทาง GPX Racing ขนมาเอาใจเหล่าสาวกไบค์เกอร์ที่มาในงานนี้ กันเลย จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!

โปรโมชั่นสุดพิเศษ!

จองรถมอเตอร์ไซค์ GPX Racing ภายในงาน ค่าจองเพียง 1,000 บาท สะดวกสบายเพียงเลือกสาขาที่จะไปออกรถใกล้บ้าน พร้อมรับของแถม อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 4,500 บาท ดังนี้

• จองรถรุ่น DEMON (2016) และ รุ่น CR5 200 ภายในงาน รับฟรี! ค่าทะเบียน + พรบ. พร้อมของแถม Gift Set เสื้อยืด GPX Racing + กระเป๋าคาดเอว + พวงกุญแจ และ หมวกกันน็อค Real รุ่น Hornet Star

• จองรถรุ่น LEGEND 200 และ รุ่น LEGEND 150 ภายในงาน รับฟรี! ค่าทะเบียน + พรบ. พร้อมรับของแถม เสื้อเชิ้ตออกแบบพิเศษเฉพาะรุ่น LEGEND + ผ้าบัฟ อเนกประสงค์ + ถุงมือหนังแท้สีดำ + แว่นคาดหมวก และ หมวกกันน็อคเฉพาะรุ่น LEGEND

เห็นแบบนี้แล้ว พลาดไม่ได้! ใครยังไม่ได้มา รีบมากันได้แล้ว ที่งาน BIG Motor Sale 2016 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2559 นี้

แล้วพบกันที่ บูธ GPX Racing (รหัสบูธ C09) ฮอลล์ EH106 นะจ๊ะ!

“สมาคมผู้นำเข้าฯ” ผนึกกำลังภาครัฐ ต้านรถผิด กม.เร่งเคลียร์ใจภาษี CO2/นำเข้า


“สมาคมผู้นำเข้าฯ” ผนึกกำลังภาครัฐ
ต้านรถผิด กม.เร่งเคลียร์ใจภาษี CO2/นำเข้า


“สมาคมผู้นำเข้าฯ” ผนึกกำลังภาครัฐยกระดับมาตรฐานรถนำเข้า ชูนโยบาย “รวดเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส” ต้านรถนำเข้าผิด กม.เร่งเคลียร์ปัญหาภาษี CO2 & กระทุ้งคลังฯ ปรับลดภาษีนำเข้า สู้ศึกตลาดเดือด พร้อมตั้งศูนย์รับร้องเรียนทุกปัญหารถนำเข้า

นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ในฐานะนายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายของสมาคมฯ หลังได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสมาคมฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนใหม่ ว่า

ทางสมาคมฯ มีนโยบายในการผนึกกำลังกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐให้มีการประสานงานและสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่จากต่างประเทศ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับการดำเนินธุรกิจและผลประโยชน์ของประเทศไทย โดยคณะทำงานที่มีความรู้และความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงานของทั้งธุรกิจรถยนต์นำเข้าและหน่วยงานของภาครัฐต่างๆ เพื่อสานความเข้าใจให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน

โดยเฉพาะในเรื่องของการรณรงค์การนำเข้ารถยนต์ที่ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และร่วมต่อต้านการนำเข้ารถยนต์ผิดกฎหมาย รวมถึงรถยนต์ที่หนีภาษี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสีย และเสียงชื่อเสียงให้แก่บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่เป็นอย่างมาก ทั้งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค และทำให้หน่วยงานราชการขาดรายได้ที่จะนำมาสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอีกด้วย

ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงมีแนวนโยบายที่ชัดเจนในการรณรงค์ไม่ให้สมาชิกของสมาคมฯ กระทำผิดกฎหมาย และร่วมกันสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่า รถยนต์ที่นำเข้าและจำหน่าย โดยผ่านบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ จะไม่มีรถยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะสมาคมฯ ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนหรือเอาเปรียบผู้บริโภค

พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฯ มีนโยบายที่เร่งผลักดันในเรื่องของการร่วมมือและสร้างความเข้าใจกับภาครัฐต่อปัญหาของขั้นตอนการจัดเก็บอัตราภาษีใหม่ของกรมสรรพสามิต ที่คำนวณจากค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือค่าCo2 ที่ปัจจุบันได้รับการแก้ไขในเรื่องของขั้นตอนการดำเนินงาน และระยะเวลาให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าในช่วงแรก ซึ่งในเรื่องนี้ต้องขอขอบคุณสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่เร่งดำเนินการและร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกับทางสมาคมฯ ได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรฐานการกำหนดภาษีรูปแบบใหม่ รวมถึงการจัดทำ ECO Sticker ที่ถือเป็นแนวคิดที่ดี และมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค และประเทศชาติ หากเป็นเรื่องที่ใหม่ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้ขั้นตอนในการดำเนินงานยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลาในการดำเนินงานค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องร่วมงานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐถึง 4 หน่วยงาน ประกอบกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ และสถานที่ในการตรวจสอบค่ามาตรฐานยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อปริมาณรถยนต์นำเข้า ทำให้บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการกำหนดราคาจำหน่าย เนื่องจากไม่สามารถวิเคราะห์ต้นทุนได้อย่างแท้จริง ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนมีการผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการจำหน่ายรถยนต์อีกด้วย

ส่วนนโยบายที่เร่งด่วนอีกเรื่อง คือ ทางสมาคมฯ มีนโยบายที่จะเร่งผลักดันในเรื่องของการเจรจากับกระทรวงการคลัง เพื่อขอปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ให้ต่ำลงกว่าอัตราปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคคนไทยที่ต้องการความหลากหลาย และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับอัตราภาษีดังกล่าวมีอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และประกาศใช้มาเป็นเวลานานมากกว่า 30 ปี ทำให้ไม่เหมาะกับการแข่งขันหรือการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน ซึ่งทางสมาคมฯ มีนโยบายจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าว

พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฯ มีนโยบายในการเพิ่มศักยภาพและยกระดับมาตรฐานด้านบริการ โดยเฉพาะด้านบริการหลังการขาย ของสมาชิกในสมาคมฯ มากขึ้น เน้นการสร้างมาตรฐานและเพิ่มคุณภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น และรองรับกับการแข่งขันของตลาดรถยนต์ที่มีทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สมาคมฯ จะมีการวางระเบียบและมาตรฐานของสมาชิกในสมาคมฯ ที่พึ่งปฏิบัติต่อลูกค้า เพื่อลดปัญหาผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยมีนโยบายจัดตั้งเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องราวร้องเรียน หรือเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ของผู้บริโภคที่ประสบปัญหาในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายจากบริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์จากต่างประเทศ

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางสมาคมฯ ได้เร่งขยายจำนวนสมาชิกใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการร่วมผนึกกำลังในการดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน พร้อมส่งเสริมความสามัคคีในกลุ่มผู้ประกอบการ ด้วยการจัดกิจกรรมให้แก่หมู่สมาชิก ตามความเหมาะสม หรือตามคำแนะนำของสมาชิกในสมาคมฯ รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติอีกด้วย


ไฮไลท์สำคัญของบูธรถยนต์ปอร์เช่ งาน BIG Motor Sale 2016 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย


ไฮไลท์สำคัญของบูธรถยนต์ปอร์เช่ งาน BIG Motor Sale 2016
718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมเผยโฉม 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) รถสปอร์ตโร้ดสเตอร์ ใหม่ล่าสุด สู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ งาน Bangkok International Grand Motor Sale 2016 พร้อมทัพรถยนต์ปอร์เช่อีกมากมาย อาทิ 911 คาร์เรร่า (Carrera), คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid), มาคันน์ (Macan) พร้อมให้ท่านจับจองเป็นเจ้าของภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 20 - 28 สิงหาคม 2016 ณ ไบเทคบางนา ทั้งนี้งานเปิดตัว 718 Boxster มีขึ้นวันที่ 20 สิงหาคม 2016 เวลา 13:50 – 14:05 น.

ข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อซื้อรถยนต์ปอร์เช่จากเอเอเอสฯ ภายในงานส่วนลดพิเศษสำหรับปอร์เช่ ทุกรุ่น
รับประกันจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี นาน 9 ปี (9 years Factory Warranty)

ปอร์เช่คือรถยนต์ที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ขับขี่รับรองผลการวิจัยโดยสถาบัน J.D. Power รถยนต์ปอร์เช่ในรุ่น 911, บ็อกซเตอร์ (Boxster), และ มาคันน์ (Macan) คือรถยนต์ที่ได้รับตำแหน่งอันดับ 1 ในประเภทรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้นมาจากผลการสอบถามเจ้าของรถยนต์ใหม่มากกว่า 80,000 ราย และผ่านการพิจารณารถยนต์รุ่นต่างๆ มากกว่า 245 รุ่น จาก 33 โรงงานผู้ผลิต

718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ รถสปอร์ตโร้ดสเตอร์เครื่องยนต์ 4 สูบวางกลาง พละกำลังสูงสุดถึง 300 แรงม้า (220 กิโลวัตต์) จากขนาดความจุเครื่องยนต์เพียง 2.0 ลิตร แรงบิดมหาศาลสูงสุดถึง 380 นิวตันเมตร อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.5 – 14.4 กิโลเมตรต่อลิตร; (7.4-6.9 ลิตร/100 กิโลเมตร) ทุกจุดของตัวรถล้วนแต่ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง ตั้งแต่หัวจรดท้าย ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรง กระจกบังลมหน้า ภายในของหลังคาประทุน รวมไปถึงชุดแผงหน้าปัดและคอนโซลที่ได้รับการดีไซน์ขึ้นใหม่ทั้งหมด พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 7.2 ล้านบาทเท่านั้น

911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมด 911 คาร์เรร่า (Carrera) มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 370 แรงม้า (272 กิโลวัตต์) จากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งทางด้านหลัง ส่วนรุ่น 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงถึง 420 แรงม้า (309 กิโลวัตต์) โดยทั้ง 2 รุ่น เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 20 แรงม้า นอกจากนี้เครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีขนาดความจุที่ 3 ลิตร เครื่องยนต์ของรุ่นใหม่จะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นถึง 12% 911 คาร์เรร่า (Carrera) มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง PDK ซึ่งมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 13.51 กิโลเมตร/ลิตร ในขณะที่รุน 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) พร้อมด้วย PDK จะมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 12.99 กิโลเมตร/ลิตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียงแค่ 4.2 วินาทีเท่านั้น ถือได้ว่าเร็วกว่าเดิมถึง 2 ใน 10 ของวินาทีเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม หากเป็นรุ่น 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) พร้อมด้วย PDK และ Sport Chrono Package จะทำได้เพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น (เร็วขึ้น 0.2 วินาที) พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 12.2 ล้านบาทเท่านั้น

มาคันน์ (Macan) ใหม่ล่าสุด รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดคอมแพ็ค (Compact SUV) จากปอร์เช่ ด้วยความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ ทุกๆ สภาวะของถนนด้วยการขับเคลื่อนที่ โดดเด่นแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพการเบรกที่ทรงพลัง และรูปลักษณ์ภายนอกยังคงเส้นสายความเป็นสปอร์ต โดดเด่นด้วยด้านข้างตกแต่ง Slide Blades สี Lava Black ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น เครื่องยนต์ Bi-Turbo ขนาด 2 ลิตร 4 สูบ เบนซิน มาพร้อมกับ Turbocharging อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 13.88 กิโลเมตร/ลิตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Porsche Doppelkupplung (PDK) ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลก สามารถตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัวทั้งในด้านสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ ความสะดวกสบายในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันและสนุกสนานในทุกการขับขี่ อีกทั้งประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 6.35 ล้านบาทเท่านั้น

คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E–Hybrid) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ระดับพรีเมี่ยมคันแรกของโลกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี แบตเตอรี่แบบความดันสูงสามารถชาร์จพลังงานผ่านอุปกรณ์ชาร์จหรือชาร์จระหว่างที่รถกำลังขับเคลื่อนได้ และอีกหนึ่งจุดที่โดดเด่นคือเบรก คาลิปเปอร์สีเขียว Acid ที่มาพร้อมกับคำว่า “Porsche” อย่างโดดเด่นสะดุดตา สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 18-36 กิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 5.9 วินาทีเท่านั้น ด้วยความเร็วสูงสุด 243 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 7.99 ล้านบาทเท่านั้น

และพลาดไม่ได้สำหรับนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบในสินค้า Accessories ของรถยนต์ปอร์เช่ เพราะในงานนี้เอเอเอสฯ ได้นำสินค้าและของที่ระลึกต่างๆ จาก Porsche Driver’s Selection คอลเลคชั่นใหม่ มาให้ทุกท่านเลือกสรรในราคาพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็น

ทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ซึ่งได้รับการ

ฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญ

ทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของ

ท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 30 ปี
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved