Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

แอ็กซอลตาประกาศเทรนด์สีรถ ประจำปี 2017ได้แก่ สีเทา (Gallant Gray)



แอ็กซอลตาประกาศเทรนด์สีรถ ประจำปี 2017ได้แก่ สีเทา (Gallant Gray)


แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ ผู้นำระบบสีพ่นรถยนต์อันดับหนึ่งของโลกทั้งสีน้ำและสีฝุ่นประกาศเทรนด์สีรถยนต์ ประจำปี 2017 ได้แก่ สีเทา (Gallant Gray) ซึ่งสีที่แสดงถึงความหรูหรานี้ ประกอบด้วยเม็ดสีน้ำเงินและสีเงินทำให้เกิดสีที่เป็นประกาย มีมิติ การจัดงานเพื่อนำเสนอเทรนด์สีรถยนต์นี้จะจัดขึ้นต่อเนื่อง ในปี 2017 มีการจัดให้ชมครั้งแรกในงาน นอร์ท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้ โชว์ (NAIAS) ณ เมืองดีทรอยต์ และมีวีดิโอให้ชมในงานอายส์ออน ดีไซน์ อวอร์ดส (EyesOn Design awards) จัดในวันที่ 10 มกราคม2017 เรื่องเทรนด์สีนี้จะกล่าวถึงในงาน แอ็กซอลตา สปอนเซอร์ แชริตี้ พรีวิว (Axalta-sponsored Charity Preview) ในวันที่ 13 มกราคม 2017 ด้วย และในงานจะมีการระดมทุนเพื่อบริจาคแก่เด็กผู้ด้อยโอกาส
จากแรงบันดาลใจ และการวิจัย ทำให้ผู้ออกแบบสีของแอ็กซอลตาและผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เลือกสีเทา (Gallant Gray) เป็นสีรถแห่งปี เป็นที่นิยมสูงในตลาด ออกแบบมาให้ดูโดดเด่นในรถทุกรูปแบบ ทุกขนาด สีที่ผสมอย่างมืออาชีพ สร้างสีที่แน่น เป็นประกาย มีมิติ

”ที่แอ็กซอลตา เราสังเกตุแนวโน้มตลาดรถยนต์ และมีการพยากรณ์แนวโน้มเรื่องสีรถ ความนิยม ที่มีผลในการเปลี่ยนแปลงในตลาด” แนนซี ล็อคฮาร์ท ผู้จัดการฝ่ายการตลาดด้านสีของแอ็กซอลตา กล่าว“เรามีความยินดีในการร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ ในการมอบสีพ่นเคลือบที่ช่วยให้รถเกิดความสวยงาม มีความโดดเด่น เป็นที่พอใจของลูกค้า ด้วยสีเทา (Gallant Gray) ดังที่สีน้ำเงินและสีเขียวเป็นสีแห่งความทันสมัยและความสง่างาม เรานำแนวคิดทั้งหมดมาพิจารณาและคิดว่าสีเทา (Gallant Grey) จะเปรียบเป็นสีเงินใหม่ สำหรับตลาด”

แอ็กซอลตา มีการประกาศรายงานความนิยมด้านสีรถยนต์ประจำปี 2016 โดยในเนื้อหาเอกสารประกอบด้วยเทรนด์สีตามภูมิภาค ซึ่งปรากฎว่าสีที่ได้รับความนิยมทั่วโลกคือสีเทา สีโทนกลางยังคงเป็นที่นิยมและโดดเด่นในตลาดตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แม้สีขาวและสีดำจะยังคงได้รับความนิยมทั่วโลก สีเทาก็ยังคงนิยมเท่ากับสีเงิน ที่ 11 % สีเทาได้รับความนิยมเพิ่มมากกว่าสีเงินในตลาดยุโรป (6 %) อเมริกาเหนือ (5 %) เกาหลีใต้ (7 %) อินเดีย (12 %) ผลรายการของแอ็กซอลตาชิ้นนี้เป็นฉบับที่64

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องสีเทา (Gallant Gray) ที่axalta.com/color

เติมเต็มความสมบูรณ์แบบของสายพันธ์รถสปอร์ต ปอร์เช่ 911 ปอร์เช่ 911 จีทีเอส (911 GTS) ใหม่ โดดเด่นด้วยสมรรถนะ ล้ำหน้าด้วยความสะดวกสบาย พร้อมประสิทธิภาพ ที่เหนือกว่า






เติมเต็มความสมบูรณ์แบบของสายพันธ์รถสปอร์ต ปอร์เช่ 911
ปอร์เช่ 911 จีทีเอส (911 GTS) ใหม่ โดดเด่นด้วยสมรรถนะ ล้ำหน้าด้วยความสะดวกสบาย พร้อมประสิทธิภาพที่เหนือกว่า


สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่เพิ่มความแรงให้รถสปอร์ต 911 ด้วยรหัส GTS ใหม่ พร้อมทำตลาดช่วงเดือน มีนาคม 2017 ในประเทศเยอรมนี ด้วยทางเลือกที่แตกต่างกันถึง 5 รุ่น: เริ่มด้วย 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (911 Carrera GTS) ขับเคลื่อนล้อหลัง ตามด้วย 911 คาร์เรร่า 4 จีทีเอส (911 Carrera 4 GTS) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับสไตล์ความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยตัวถังคูเป้และเปิดประทุนคาบริโอเลตทั้ง 2 รุ่น ปิดท้ายด้วย 911 ทาร์ก้า 4 จีทีเอส (911 Targa 4 GTS) ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเช่นเดียวกัน ทุกรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเจอร์ 6 สูบนอนขนาดความจุ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นสูงสุดกว่า 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) มากกว่า ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) ถึง 30 แรงม้า (22 กิโลวัตต์) และมากกว่า GTS รุ่นที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ถึง 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) พร้อมระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 7 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานหรือเลือกติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่อัจฉริยะ Porsche Doppelkupplung (PDK) เป็นอุปกรณ์พิเศษเหนือกว่าด้วยพละกำลังและสมรรถนะการขับขี่

ด้วยแรงบิดสูงสุดกว่า 550 นิวตันเมตร ไม่เพียงมอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น แต่ยังให้ความสะดวกสบาย ในการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ด้วยแรงบิดมหาศาล ซึ่งรอให้เรียกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่ การทำงานของเครื่องยนต์ระหว่าง 2,150 จนถึง 5,000 รอบต่อนาที ระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่างด้วย อิเล็กทรอนิกส์ Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน GTS ทุกรุ่น ทั้งนี้ใน GTS ตัวถังคูเป้มาพร้อม PASM sports chassis ลดระดับความสูงของตัวรถลงอีก 10 มิลลิเมตร เพื่อเสถียรภาพในการทรงตัวที่ไร้ข้อผิดพลาด สัมผัสขีดสุดแห่งสมรรถนะในรุ่น 911 คาร์เรร่า 4 จีทีเอส (911 Carrera 4 GTS) คูเป้ ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่อัจฉริยะ PDK และชุดแต่งสปอร์ตโครโน ให้อัตราเร่งจากจุดสตาร์ทไปยัง ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวดเร็วที่สุดในรุ่น 911 ภายในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาทีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น GTS ทุกรุ่น สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในรุ่นตัวถังคูเป้ เกียร์ธรรมดา ขับเคลื่อน ล้อหลัง ทะยานไปที่ความเร็วสูงสุดได้กว่า 312 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เพียงสมรรถนะการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ปอร์เช่ 911 จีทีเอส (911 GTS) ยังคงประสิทธิภาพการทำงานและอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดในรุ่น 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (911 Carrera GTS) ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ PDK มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 12.0 กิโลเมตรต่อลิตร (8.3 ลิตร/100 กิโลเมตร) ตามมาตรฐาน NEDC รวมทั้งมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ที่ 188 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

เอกลักษณ์ของรหัสความแรง GTS: คมเข้ม ดุดัน ด้วยงานตกแต่งทั้งภายนอกและภายในปอร์เช่ 911 จีทีเอส (911 GTS) งามสง่า โดดเด่นยิ่งกว่าเพื่อนพ้องร่วมสายพันธ์รถสปอร์ต ไม่เพียงในเชิงของความล้ำ หน้าด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ที่เหนือระดับ แต่รวมถึงงานดีไซน์ชั้นเยี่ยมที่แสดงให้เห็นเพียงแรกสัมผัส: GTS ทุกคันสร้างขึ้นบนพื้นฐานตัวถังของรถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีความกว้างของตัวถังอยู่ที่ 1,852 มิลลิเมตร แม้แต่ในรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็ได้รับการออกแบบพัฒนาชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าใหม่ทั้งหมด โดยให้ความ สำคัญกับภาพลักษณ์ที่ปราดเปรียว ดุดัน สไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น ผสานรูปทรงที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบตามหลักอากาศ พลศาสตร์ สปอยเลอร์หน้าวางตัวในแนวต่ำพร้อมขยายขนาดและเพิ่มระดับความสูงของสปอยเลอร์หลัง วัตถุประสงค์ หลักในการลดแรงยกตัวที่เกิดขึ้นกับตัวถังด้านหน้าและด้านหลังให้น้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) มุมมองด้านท้ายของ GTS คืออีกหนึ่งประติมากรรมชิ้นเอกอันไร้ที่ติ: ไฟท้ายรมดำ กระจังหน้ารับอากาศสีดำเงา silk-gloss พร้อมปลายท่อไอเสียคู่สีดำเข้มต่อเนื่องจากระบบระบายไอเสียแบบสปอร์ตบริเวณกึ่งกลางกันชนท้าย ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คิ้วขอบตัวถังสีดำเชื่อมระหว่างไฟท้าย 2 ฝั่งบ่งบอกถึงความปราดเปรียว กร้าวแกร่ง ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ สร้างความแตกต่างสวยงามด้วยคิ้วขอบตัวถังแบบเรืองแสง กระจกมองข้างดีไซน์สปอร์ต ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว แบบเซ็นทรัลล๊อค สีดำเงา silk-gloss ตราสัญลักษณ์ GTS ประจำรุ่นติดตั้งบริเวณมุมประตูทั้งคู่ พิเศษสุดเป็นครั้งแรกของ 911 จีทีเอส (911 GTS) ด้วยโครงหลังคาทาร์ก้าสีดำ เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แบ่งแยกจากรุ่นมาตรฐานของ 911 Targa (911 ทาร์ก้า)

Porsche Track Precision แอพพลิเคชั่นใหม่จากปอร์เช่ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกคุณภาพสูงความยอดเยี่ยมเหนือระดับของสายพันธุ์รถสปอร์ตเปี่ยมสมรรถนะในรหัส GTS จากปอร์เช่ สะท้อนให้เห็นแม้แต่งานตกแต่งภายในห้องโดยสาร นาฬิกาจับเวลาจากชุดแต่งสปอร์ตโครโน ติดตั้งบริเวณกึ่งกลางของแผงคอนโซลหน้า ล้ำหน้าด้วยแอพพลิเคชั่นล่าสุด Porsche Track Precision ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกร่วมกับการมาถึงของยนตกรรม สปอร์ตรุ่น GTS เปี่ยมสารพัดประโยชน์จากฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อมูลอัตโนมัติ หรือความสามารถในการแสดงรายละเอียดและผลวิเคราะห์การขับขี่ผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ผู้โดยสารภายใน 911 จีทีเอส (911 GTS) จะได้สัมผัสกับเบาะนั่งสปอร์ต Alcantara ซึ่งได้รับการตัดเย็บขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประทับตราสัญลักษณ์ GTS บริเวณหมอนรองศรีษะ เบาะนั่งสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง เพิ่มส่วนรองรับบริเวณปีกด้านข้างของเบาะเพื่อความสบายสูงสุดในการขับขี่ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารอื่นๆ ได้แก่ ชิ้นงานประดับบนแผงหน้าปัดผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมปัดเงา สีดำอโนไดซ์ และงานตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara บนพวงมาลัย คอนโซลกลางและท้าวแขน เป็นต้น

ติดตามภาพข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.de) และข้อมูลเพิ่มเติมจาก Porsche press database (http://presse.porsche.de)

เกี่ยวกับ AAS Auto Service

ปอร์เช่ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทาง

การได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่านด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับ เหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 30 ปี

มาสด้าโตสูงสุดอันดับหนึ่งในตลาด ปีนี้ส่งอีก 6 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าโต 18%



มาสด้าโตสูงสุดอันดับหนึ่งในตลาดปีนี้ส่งอีก 6 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าโต 18%

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 12 มกราคม 2560 – บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ออกมาเปิดเผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2559 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านยอดขายมาสด้ากลายเป็นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่อัตราการเติบโตมาเป็นอันดับ 1 สูงสุดถึง 8% สวนทางกับยอดรวมของตลาดที่ลดลง 4% พร้อมประกาศลั่นปี 2560 เตรียมเสริมทัพรถยนต์รุ่นใหม่อีก 6 รุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SKYACTIV-Vehicle Dynamics การันตีความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี กลยุทธ์หลักคือลูกค้าสำคัญสูงสุด เตรียมขยายโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศภายใต้รูปลักษณ์และแนวคิดใหม่ MCI เน้นพัฒนาบริการหลังการขาย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 50,000 คัน ภายในปี 2560 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 18%

ในปีที่ผ่านมามาสด้าถือเป็นค่ายรถยนต์ที่ออกมาลุยจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งกับลูกค้าและการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากถึง 5 รุ่น จนได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะการยอมรับกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่สามารถสัมผัสได้จริงจนลูกค้าเกิดการบอกต่อปากต่อปากถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยม การเกาะถนน และการประหยัดน้ำมัน ส่งผลทำให้มาสด้ากลายเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในตลาด โดยมียอดขายเกือบ 43,000 คัน

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวแสดงความคิดว่า ในปีที่ผ่านมาภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ และสภาพด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป หรืออีกมุมหนึ่งคือแทบจะไม่มีปัจจัยบวกอะไรเข้ามากระตุ้นตลาดให้เกิดความคึกคัก ส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีไม่เติบโตมากนัก อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย แต่ยอดขายตลาดรถยนต์โดยรวมก็ถือว่าประสบความสำเร็จสามารถบรรลุถึงยอดขายใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ คือประมาณ 767,000 คัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่าน จากตัวเลขยอดขายรวมอยู่ที่ 797,242 คัน

โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา มาสด้าตั้งมั่นในเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน และพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เกิดความแข็งแกร่งมาโดยตลอด ด้วยการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่น แม้ทั้งหมดจะเป็นรุ่นปรับโฉมใหม่ แต่ก็ช่วยสร้างความคึกคักให้กับตลาดและได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ถือว่าเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของมาสด้า จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 767,000 คัน เป็นยอดขายของมาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 42,537 คัน ซึ่งมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุด 8% เมื่อเทียบจากปี 2558 ที่ผ่านมาที่มียอดขายอยู่ที่ 39,471 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย คือ 5.5% โดยยอดขายในแต่ละรุ่นประจำปี 2559 มีดังนี้

All New Mazda2 จำนวน 23,223 คัน เพิ่มขึ้น 22% ส่วนแบ่งการตลาด 12.64%

All New Mazda3 จำนวน 4,121 คัน ลดลง 42% ส่วนแบ่งการตลาด 8.13%

All New Mazda CX-3 จำนวน 4,787 คัน เพิ่มขึ้น 262% ส่วนแบ่งการตลาด 14.61%

All New Mazda CX-5 จำนวน 3,323 คัน ลดลง 13% ส่วนแบ่งการตลาด 30.30%

New Mazda BT-50 PRO จำนวน 7,052 คัน ลดลง 12% ส่วนแบ่งการตลาด 2.12%

Mazda MX-5 จำนวน 31 คัน เพิ่มขึ้น 11% ส่วนแบ่งการตลาด na

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่ทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์มาสด้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างมุ่งมั่น และแข็งแกร่ง จนกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกโดยพิจารณาจากแบรนด์ก่อน นับว่ามาสด้านั้นประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งจนทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์และตัดสินใจเลือกรถจากแบรนด์เป็นอันดับแรกแล้วจึงค่อยเลือกรุ่นรถที่เหมาะสมกับความต้องการของตน ทั้งนี้เป็นเพราะลูกค้าต่างมั่นใจในคุณภาพที่เหนือกว่าของรถยนต์มาสด้า ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะและความประหยัดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่พิสูจน์ได้จริง รวมถึงดีไซน์อันโดดเด่นของโคโดะ ดีไซน์ เป็นที่ดึงดูดใจของลูกค้าอยู่เสมอ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวว่า นโยบายสำคัญที่มาสด้ามุ่งเน้นมาโดยตลอด คือ การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ดังนั้นมาสด้าพุ่งเป้าไปที่กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยในปีที่ผ่านมาเราดำเนินกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิเช่น ในด้าน Sports Marketing ที่เริ่มจากการเปิดตัว “โปรช้าง” คุณธงชัย ใจดี นักกอล์ฟระดับโลกและอันดับหนึ่งของประเทศไทย มาเป็น SKYACTIV TECHNOLOGY AMBASSADOR คนแรกของมาสด้า ตามด้วยการเดินหน้าผลักดันแผนพัฒนากีฬาควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย จับปากกาลงนามต่อสัญญาฉบับใหม่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของทีม “สวาดแคท” เจ้าแมวพิฆาต เพื่อลุยสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว นับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ มาสด้าไม่ลืมที่จะตอบแทนลูกค้า และทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมไทยตามแผนพัฒนาธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เริ่มประเดิมโครงการแรกตั้งแต่ต้นปี ด้วยการสร้างสรรค์รายการผ่านสื่อโทรทัศน์ภายใต้ชื่อ FootSteps By MAZDA ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทุกวันอาทิตย์ นำเสนอ สาระโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นตัวอย่างในการทำงานและดำเนินชีวิต หวังพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย และผลักดันแนวคิดตามพระราชดำริเพื่อเป็นแนวทางสานต่อสู่ชุมชนในภูมิภาคในการน้อมนำคำสอนและเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ในด้านการรักษาฐานลูกค้า มาสด้าก็ได้จัดกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิ การจัดกิจกรรม CRM เอาใจคนรักมอเตอร์สปอร์ต จับลูกค้ามาเข้าคอร์สเสริมทักษะการเรียนรู้ด้านความปลอดภัย ฝึกอบบรมเทคนิคการขับขี่แบบ แอดวานซ์เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง การขับขี่ปลอดภัย รวมถึงการขับขี่ในแบบ จินบะ-อิตไต จากนักแข่งมืออาชีพ พร้อมกระทบไหล่ดาราเซเลบนักซิ่งชื่อดังของเมืองไทย เปิดประสบการณ์ขับขี่สุดเร้าใจกับรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ให้กับลูกค้าได้ร่วมทดสอบสมรรถนะสูงสุดของรถมาสด้าในแทร็คเสมือนลงสนามแข่งจริง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้ามาสด้า ตอบรับนโยบายสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

นอกจากนี้มาสด้ายังได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เริ่มจาก MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN การเดินทางแบบคาราวานครั้งประวัติศาสตร์เชื่อมโยงอารยธรรมของสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมพิสูจน์สมรรถนะรถมาสด้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ประกอบด้วยรถยนต์มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 3 และมาสด้า ซี-เอ็กซ์ 5 และต่อยอดเส้นทางประวัติศาสตร์ เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก กับบันทึกการเดินทางเพื่อพิชิตดินแดนที่ไม่เคยมีใครกล้าพิสูจน์ ด้วยการทดลองขับรถ สปอร์ตอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ Mazda CX-3 และ Mazda CX-5 กับเส้นทางที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติ ภูมิประเทศอันสวยงาม และภูมิอากาศสุดขั้ว ที่ท้าทายทั้งรถและคนขับ ไม่มีอะไร...หยุดยั้งเราได้ “Only the sky is the limit” นำสื่อมวลชนไปพิชิตดินแดนไซบีเรียผ่านทะลุหลังม่านเหล็กของรัสเซีย ที่ความท้าทาย สนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ ด้วยระยะทางกว่า 6,500 กิโลเมตร

พร้อมกันนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาธุรกิจของมาสด้าในปี 2560 โดยคาดว่ายอดขายรวมของตลาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8% หรือมากกว่า 800,000 คัน สำหรับมาสด้าเตรียมเปิดตัวรถใหม่มากถึง 6 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้าการขายที่ท้าทายด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 18% หรือมากกว่า 50,000 คัน และตั้งเป้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6% โดยปีนี้จะเน้นการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ หรือ Mazda Corporate Identity ยกระดับสู่ประสบการณ์แบบพรีเมียมของแบรนด์ และเน้นการบริการทั้งก่อนและหลังการขายด้วยการเสริมศักยภาพทีมงานผู้จำหน่ายทั้งสองด้านอย่างไม่หยุดยั้ง

ในขณะที่รองประธานบริหารชาวญี่ปุ่น นายอัตสึชิ ยาสึโมโต กล่าวถึงบทบาทของมาสด้าประเทศไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมาสด้าว่า ประเทศไทย คือ ตลาดหลักที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับมาสด้าในการสร้างยอดขาย และประเทศไทยยังถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มียอดขายสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตด้านยอดขายในปีที่ผ่านมานั้น เพิ่มขึ้นถึง 8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.5% เพิ่มขึ้น 0.7% ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 1 ของมาสด้าทั่วโลก และกลายเป็นตลาดอันดับสองที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดรองจากประเทศออสเตรเลีย

นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกนอกจากประเทศญี่ปุ่นของมาสด้า ที่สามารถผลิตทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และการประกอบรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานมาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีที่เริ่มผลิตและส่งออกระบบเกียร์อัตโนมัติ สกายแอคทีฟ ไปยังประเทศเม็กซิโก ประเทศจีน และในภูมิภาคอื่นๆแล้ว หรือโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ในจังหวัดระยอง และยังเป็นฐานการผลิตและฐานส่งออกสำคัญของมาสด้า ผลิตรถยนต์มาสด้ามากถึง 4 รุ่น นั่นคือ Mazda3, Mazda2, CX-3 และมาสด้า บีที-50 โปร

ด้วยความสำคัญของประเทศไทยที่มีต่อมาสด้านั้น มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จึงเล็งเห็นถึงศักยภาพขีดความสามารถของบุคลากรไทยที่สั่งสมประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนาน และเข้าใจตลาดภายในประเทศไทยเป็นอย่างดี จนกลายเป็นจุดแข็งของมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ที่มีโครงสร้างองค์กรที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกันในทุกระดับ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน เหนือสิ่งอื่นใด มาสด้านั้นมีการส่งเสริมความรัก ความหลงใหลในการทำงานจากภายในสู่ภายนอก จากบุคลากรเจ้าหน้าที่ในองค์กรสู่เครือข่ายผู้จำหน่ายและคู่ค้าต่างๆ เกิดเป็นความมุ่งมั่นทุ่มเทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อสร้างแบรนด์มาสด้าอันเป็นที่รักของเราทุกคนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดของมาสด้าในปีนี้ว่า เรายังคงมุ่งไปที่การสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น ประกอบกับสร้างแบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้นทั้งระบบ ทั้งผลิตภัณฑ์ รูปแบบของศูนย์บริการ ศักยภาพของพนักงาน การบริการด้านการขาย และคุณภาพของการบริการหลังการขาย รวมทั้งการตอบรับเป็นอย่างดียิ่งต่อเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และรูปลักษณ์การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ที่วันนี้มาสด้าได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ที่สุดของเทคโนโลยีในวันนี้และวันหน้า คือ สกายแอคทีฟ ที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้ทั้ง 2 อย่าง คือ ความแรง และประหยัดน้ำมัน ตามที่เราสื่อสารไปยังลูกค้า รวมทั้งการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทย ตลอดจนเสียงตอบรับอย่างล้นหลามในทุกรุ่น ในปีนี้ นอกเหนือจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากถึง 6 รุ่น แล้ว ลูกค้ายังจะได้พบกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากมาสด้า นั่นคือ SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่กำลังจะมาพร้อมกับมาสด้า3 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 24 มกราคมนี้

และทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้คือการขับเคลื่อนของมาสด้าที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จและมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป

Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมจัดงาน 1-5กุมภาพันธ์นี้


Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมจัดงาน 1-5กุมภาพันธ์นี้
Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมจัดงาน 1-5กุมภาพันธ์นี้
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) เทศกาลสำหรับคนที่หลงใหลในรถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2560ชมฟรี!! ตลอดงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ราชประสงค์) จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "Spirit of Ride" ที่จะพาแฟนพันธุ์แท้และผู้หลงใหลในรถจักรยานยนต์ย้อนไปสู่รากเหง้าและจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ทั้งภายในและบริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าฯ
 
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) จัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา โดยมีค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำระดับโลกขานรับร่วมงานมากมาย อาทิBenelli, BMW, Ducati, Harley-Davidson, Honda, Indian, Kawasaki, Royal Enfield, Suzuki, Triumph, Ural, Victory, Yamaha และ Zero Engineering รวมถึงบริษัท และห้างร้านผู้จำหน่ายอะไหล่, อุปกรณ์ตกแต่ง, เครื่องแต่งกาย และบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างมากมายครบครัน พร้อมด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
 
อย่าพลาด!!! แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) จัดระหว่างวันที่ 1-5กุมภาพันธ์ 2560 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรี!! ตลอดงาน
 
ติดตามข่าวสารความคืบหน้าของ แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) เพิ่มเติมได้ที่ www.bangkokmotorbikefestival.com
 

ฮอนด้า เดินหน้าโครงการวิจัยเพื่อเมือง ไทยไร้อุบัติเหตุ ต่อเนื่อง 4 ปี เป็นแห่งแรกของโลก หวังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ บนท้องถนนในประเทศไทย


ฮอนด้า เดินหน้าโครงการวิจัยเพื่อเมือง ไทยไร้อุบัติเหตุ ต่อเนื่อง ปี เป็นแห่งแรกของโลก หวังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ บนท้องถนนในประเทศไทย
         ฮอนด้าประกาศจัดทำโครงการวิจัย “เพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ โดยฮอนด้า” เพื่อศึกษาสาเหตุการเกิดอุบัติเ หตุยานยนต์ในเอเชียและโอเชียเนี ย ระหว่างปี 2559-2063 นำร่องประเทศไทยเป็นแห่งแรก โดยผนึกกำลังศูนย์วิจัยอุบัติเห ตุแห่งประเทศไทย หรือ TARC ในการศึกษา 1,000 กรณีจากเหตุการณ์จริง คาดสามารถยกระดับและพัฒนาเทคโนโ ลยีความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้  
โดยในงานแถลงข่าว ได้รับเกียรติจาก นายกอบชัย บุญอรณะรองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสา ธารณภัยกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย มร.โนริอากิ อาเบะ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารปฏิ บัติการ ประจําภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนี ย, บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัดประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด รศ.ดร. กัณวีร์ กริษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแ ห่งประเทศไทย และ นพ.แท้จริง ศิริพาณิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมงานแถลงข่าวโครงการวิจัย “เพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ โดยฮอนด้า”
จากการที่ฮอนด้าซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายยานยนต์ มีสินค้าหลากหลายตอบสนองการใช้ชี วิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก ฮอนด้าได้เล็งเห็นความปลอดภัยเป็ นมาตรฐานสูงสุด จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างควา มมั่นใจเรื่องความปลอดภัยแก่ผู้ ใช้รถใช้ถนนทุกภาคส่วน อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน ตลอดจนผู้ใช้ถนนทั่วไป ดังสโลแกนฮอนด้าทั่วโลก “Safety for Everyone” ภายใต้คำมั่นนี้ ฮอนด้าจึงมุ่งที่จะลดปัญหาความสู ญเสียอันเกิดจากอุบัติเหตุ จากการจราจรเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ ถนนขับรถได้อย่างเสรีและมีความป ลอดภัย
ทั้งนี้พบว่าบางภูมิภาคในโลกยัง มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่สูง มาก โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย อันเป็นที่มาของโครงการวิจัยเชิ งลึกหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุย านยนต์ในเอเชียและโอเชียเนียครั้ งนี้ ซึ่งจะเริ่มนำร่องที่ประเทศไทยเ ป็นแห่งแรก ด้วยเป็นประเทศที่มีอัตราการเสี ยชีวิตจากอุบัติเหตุสูงที่สุดใน เอเชีย (อ้างอิงจาก Global Status Report on Road Safety 2015 โดยองค์การอนามัยโลก(WHO) )
มร.อาเบะ กล่าวว่า "ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นที่จะสร้า งสรรค์สังคมปลอดอุบัติเหตุ" เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความสุ ขจากการใช้ยานยนต์ ทั้งนี้อัตราการเกิดอุบัติเหตุใ นภูมิภาคเอเชียถือเป็นเรื่องเร่ งด่วนที่จะต้องแก้ไขโดยเร็ว โดยในส่วนของผู้ผลิตและจำหน่ายย านยนต์ ฮอนด้าจะทำการศึกษาวิเคราะห์เพื่อค้นหาปัจจัยต้นเหตุของการเกิดอุ บัติเหตุเพื่อนำไปสู่การการแก้ ปัญหาอย่างตรงจุดและเหมาะสมต่ อไป เราเชื่อมั่นว่าโครงการวิจัยอุบั ติเหตุในประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นโครงการนำร่องที่สามารถเพิ่ มพูนองค์ความรู้ต่างๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีและความรู้ด้ านความปลอดภัยบนท้องถนนรวมทั้งช่ วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในปร ะเทศไทยและภูมิภาคได้อย่างแน่ นอน
สำหรับโครงการวิจัยฯ ดังกล่าวจะทำการศึกษาเป็นระยะเว ลา 4 ปี โดยจะศึกษาจังหวัดที่มีอัตราการ เกิดอุบัติเหตุสูง เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, นครราชสีมา และสงขลา โดยจะทำการศึกษาจากเหตุการณ์จริ งจำนวน 1,000 กรณี ในระหว่าง พ.ศ. 2559-2563
สำหรับกระบวนการศึกษานั้น ฮอนด้าจะร่วมกับศูนย์วิจัยอุบัติ เหตุแห่งประเทศไทย หรือ TARC ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการเก็บข้อ มูลอุบัติเหตุ โดยจะส่งทีม TARC ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลตามกรอ บการศึกษาและระเบียบวิธีวิจัย จากนั้นจะวิเคราะห์ข้อมูลและส่ง รายงานให้ฮอนด้าเพื่อวิเคราะห์แ ละนำไปปรับใช้ในงานวิจัยและพัฒน าของตนในขั้นต่อไป โดยคาดว่าผลการศึกษาชิ้นแรกจะเส ร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2560
ขั้นตอนการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้ อมูลเริ่มจากทีม TARC จะแบ่งทีมลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อ มูลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยจะเก็บข้อมูลครอบคลุมหลายด้า น อาทิ ระดับอาการบาดเจ็บของผู้ประสบอุ บัติเหตุ ระดับความเสียหายของยานยนต์ ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ที่เกิ ดอุบัติเหตุ สัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบเหตุการณ์จากกล้องวงจ รปิด ซึ่งทีม TARC จะทำการบันทึก เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้ มา และสรุปปัจจัยสาเหตุของการเกิดอุ บัติเหตุ เพื่อส่งรายงานให้กับฮอนด้าเพื่ อการวิเคราะห์ในขั้นต่อไป
ทั้งนี้ ฮอนด้าและทีม TARC ได้ดำเนินโครงการนำร่องโดยศึกษา อุบัติเหตุจริง 30 กรณีมาเมื่อต้นปี 2559  และโครงการศึกษาในครั้งนี้ เป็นการขยายจำนวนและพื้นที่การวิ จัยให้กว้างมากขึ้นต่อยอดจากโคร งการนำร่องดังกล่าว
ฮอนด้าคาดว่าข้อค้นพบจากการศึกษ าในครั้งนี้ จะนำไปสู่การปฎิบัติเพื่อลดอุบั ติเหตุจากการจราจร ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีด้านค วามปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสำหรั บยานยนต์ฮอนด้าในท้องตลาด อีกทั้งช่วยปรับปรุงเนื้อหาการฝึ กอบรมการขับขี่ยานยนต์ให้ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้ น ฮอนด้าหวังว่าโครงการวิจัยอุบัติ เหตุนี้จะนำประโยชนมาสู่สังคมแล ะสร้างจิตสำนึกการขับขี่อย่ างปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้จริงต่ อไปในอนาคต

เอ.พี. ฮอนด้า ผนึกภาครัฐ-เอกชน-องค์กรอิสระ ดึงพิธีกรและนักแข่งดัง เปิดแคม เปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่ วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจเช็ครถจั กรยานยนต์ฟรี!



เอ.พี. ฮอนด้า ผนึกภาครัฐ-เอกชน-องค์กรอิสระ ดึงพิธีกรและนักแข่งดัง เปิดแคม เปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่ วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจเช็ครถจั กรยานยนต์ฟรี! พร้อมสถานีพักระหว่างบนทางหลวงส ายมิตรภาพ

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย มุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมด้านการขั บขี่ปลอดภัยในเมืองไทยมาอย่างต่ อเนื่อง ล่าสุดแถลงข่าวเปิดแคมเปญรณรงค์ ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2560 ภายใต้โครงการ“ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย” โดยผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระ พร้อมดึง จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ พรีเซ็นเตอร์แคมเปญ “สังคมหัวแข็ง”, ฟิล์ม รัฐภาคย์ และโฟลท รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ สองพี่น้อง นักแข่งรถจักรยานยนต์ชื่อดังของ เมืองไทย มาร่วมกันรณรงค์ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก เริ่มจากกิจกรรมให้บริการตรวจเช็ ครถจักรยานยนต์ฟรีที่ศูนย์ฮอนด้ า วิง เซ็นเตอร์ ทั่วประเทศ รวมถึงจัดตั้งจุด Honda Rest Station จุดบริการพักรถพิเศษที่ตั้งบนทา งหลวงสายมิตรภาพเพื่อให้ผู้ขั บขี่ได้พักเหนื่อยและสามารถนำรถ เข้าซ่อมบำรุงได้สำหรับรถจั กรยานยนต์ทุกประเภท พร้อมกันนี้ เอ.พี. ฮอนด้ายังได้ร่วมมือกับผู้จำหน่ ายฯ จัดฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กั บนักศึกษาก่อนออกหน่วยบริการประ ชาชนของสำนักคณะกรรมการอาชีวศึ กษาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 250 จุดทั่วประเทศ

คุณอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “เทศกาลปีใหม่จะเป็นเทศกาลแห่งค วามสุขได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ ความสูญเสียต้องไม่เกิดขึ้น เอ.พี.ฮอนด้าเองตระหนักในสิ่งนี้ เราจึงได้จัดแคมเปญรณรงค์ลดอุบั ติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในทุกๆปี โดยปีนี้เราได้ร่วมมือกับภาคีเค รือข่ายลดอุบัติเหตุ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมทั้งยังได้พลังคนรุ่นใหม่อ ย่างจอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ สองพี่น้องนักแข่งรถจักรยานยนต์ ชื่อดังของเมืองไทย ฟิล์ม รัฐภาคย์ และโฟลท รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ รวมถึงมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช จากทีมเอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ มาช่วยรณรงค์เพื่อกระตุ้นให้คนไ ทยตระหนักถึงอุบัติเหตุและผลั กดันแคมเปญนี้ไปพร้อมๆกัน”

“การรณรงค์และดำเนินกิจกรรมในเปิ ดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เราทำอย่างครบวงจร อันดับแรกคือมุ่งสร้างจิตสำนึกใ ห้พร้อม ผ่านแคมเปญ “สังคมหัวแข็ง” ที่สร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใ ส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่ อใช้รถจักรยานยนต์ ต่อมาคือการเตรียมรถให้พร้อมและ ปลอดภัยในการขับขี่ผ่านการให้ บริการตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ฟรี และสุดท้ายคือการทำให้คนพร้อมต่ อการขับขี่ยานพาหนะ โดยเราได้ตั้งจุด Honda Rest Station บนเส้นทางถนนมิตรภาพเพื่อเป็นจุ ดแวะพักให้แก่ผู้ขับขี่ ซึ่งเราได้จัดเตรียมจุดบริการซ่ อมบำรุงรถจักรยานยนต์ บริการนวดผ่อนคลาย จุดชาร์ตแบตเตอรี่มือถือ รวมถึงเครื่องดื่มและของว่างต่า งๆไว้คอยบริการ รวมทั้งยังให้บริการจำหน่ายหมวก กันน็อคราคาพิเศษ โดยรายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดจ ะมอบให้กับมูลนิธิเมาไม่ขับ”

“ในปีนี้เรายังได้จัดเตรียมโซนสำ หรับผู้ที่เข้ามารับบริการจะได้ ร่วมกันถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช อีกด้วย”
สำหรับบริการตรวจเช็คฟรี (Free Service) ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสามาร ถนำรถเข้ารับตรวจฟรี 10 รายการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ในราคาพิเศษเพียง 30 บาท และส่วนลดพิเศษ 30%สำหรับอะไหล่ ยางนอก และแบตเตอรี่ ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้า วิง เซ็นเตอร์ ทั่วประเทศระหว่างวันที่ 22 – 24 ธันวาคม2559 ในส่วนของจุดแวะพักพิเศษ (Honda Rest Station) ตั้งอยู่ที่จุดพักรถกิโลเมตรที่ 15 (ขาออก) เทศบาลตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ระหว่างวันที่ 28 – 31 ธันวาคม 2559 โดยไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใด

ไทยฮอนด้า จับมือ เอ็นเซ็ท ยกระดับระบบผลิตพลังงานสะอาดในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์


ไทยฮอนด้า จับมือ เอ็นเซ็ท ยกระดับระบบผลิตพลังงานสะอาดในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์
 
กรุงเทพฯ, 15 ธันวาคม 2559 – ไทยฮอนด้าจับมือเอ็นเซ็ท ยกระดับกระบวนการผลิตในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ด้วยพลังงานสะอาด ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตร้อยละ 13 ต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ปีละกว่า 7 พันตันคาร์บอน* ตอกย้ำวิสัยทัศน์การสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีให้สังคมไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเปิดดำเนินการภายในต้นปี 2561
บริษัทไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (ไทยฮอนด้า) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทเอ็นเอส โอจี เอ็นเนอร์จี โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (NSET) ผู้ให้บริการด้านธุรกิจพลังงานแก่โรงงานอุตสาหกรรม ประกาศเริ่มวางระบบผลิตพลังงานร่วม  (Co-generation Power Plant) บนพื้นที่ภายในบริษัทไทยฮอนด้าที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ช่วยให้กระบวนการผลิตพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากทุกการดำเนินงานของทั้งสององค์กร
ระบบผลิตพลังงานร่วมแห่งนี้ จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการภายในต้นปี 2561 โดยเทคโนโลยีอันทันสมัยของระบบจะสนับสนุนให้ไทยฮอนด้าสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าพร้อมพลังงานร่วมได้แก่ ไอน้ำ น้ำร้อน และน้ำเย็น สู่กระบวนการผลิตได้อย่างเหมาะสมและเต็มกำลัง ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตได้ถึงร้อยละ 13 ต่อปี พร้อมทั้งเพิ่มเสถียรภาพให้ระบบการจ่ายพลังงานของโรงงานไทยฮอนด้า ผลจากการลดพลังงานทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ได้ถึงปีละกว่า 7 พันตันคาร์บอน* นอกจากนี้ โครงการยังได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการจาก Joint Credit Mechanism (JCM) ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ความร่วมมือนี้เริ่มจากพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมของไทยฮอนด้า ที่ต้องการลด CO2 ในทุกกิจกรรมในองค์กร โดยไทยฮอนด้าร่วมมือกับ NSET ซึ่งเชี่ยวชาญการวางระบบพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงและวางระบบพลังงานร่วมดังกล่าว โดยไทยฮอนด้าได้ให้ข้อมูลการใช้พลังงานที่ต้องการแก่ NSET เพื่อนำไปใช้ออกแบบและวางระบบ ซึ่ง NSET จะให้บริการครอบคลุมงานด้านวิศวกรรมโยธา การจัดหาอุปกรณ์ งานก่อสร้าง และให้คำปรึกษาด้านการควบคุมการทำงาน พร้อมทั้งดูแลรักษาระบบเป็นระยะเวลา 15 ปี
ไทยฮอนด้า และ NSET คาดว่าระบบพลังงานสะอาดใหม่นี้จะร่วมสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำตามปณิธานของทั้งสององค์กรที่จะสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเมืองไทยและโลกใบนี้ต่อไป 
*ข้อมูลตามประกาศ Global Environment Center Foundation ประเทศญี่ปุ่น
                                          

MOTOR EXPO 2016 ปิดฉากประทับใจ ทุกฝ่ายชื่นชม รถหรู บิกไบค์ขายดี เงินหมุนเวียน 4.5 หมื่นล้าน!


MOTOR EXPO 2016 ปิดฉากประทับใจ ทุกฝ่ายชื่นชม
รถหรู บิกไบค์ขายดี เงินหมุนเวียน 4.5 หมื่นล้าน!


สิ้นสุดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ทั้งภาครัฐ สื่อมวลชน และผู้ชมล้วนชื่นชมจัดงานได้เหมาะสม ทุกค่ายรถพอใจ ตลาดรถหรูขยายตัวชัดเจน จักรยานยนต์มาแรง ยอดจองสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนรวม 4.5 หมื่นล้านบาท

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” เปิดเผยว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจและขอขอบคุณทุกคำชมเชยเกี่ยวกับการจัดงาน โดยเฉพาะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า งานนี้แสดงถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งชื่นชมการแต่งกายของพริททีในงาน มีความเรียบหรู สวยสง่า เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองและวัฒนธรรมที่งดงามของไทย”

“นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังมีหนังสือขอบคุณและชื่นชมบริษัท สื่อสากล จำกัด ที่เอาใจใส่กวดขันการแต่งกายของพริททีในงาน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองเช่นเดียวกัน ซึ่งคำชมดังกล่าวผมขอส่งต่อให้ผู้ร่วมจัดแสดงที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างเต็มที่”

ด้านยอดจองรถในงานปีนี้มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 7,942 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 98.6 % อันดับ 1 ได้แก่ GPX 1,109 คัน อันดับ 2 VESPA 1,059 คัน อันดับ 3 YAMAHA 1,040 คัน อันดับ 4 HONDA 791 คัน และ อันดับ 5 STALLIONS 722 คัน

ขณะที่รถยนต์มียอดจองรวมอยู่ที่ 32,422 คัน ลดลงจากปีก่อน 17.1% เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า รวมทั้งรถใหม่หลายรุ่นที่ประชาชนสนใจได้เลื่อนการเปิดตัวออกไป อย่างไรก็ตาม ตลาดรถหรูซึ่งมีรถรุ่นใหม่มาแนะนำ ยอดจองเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดย MERCEDES-BENZ ขายได้ 1,722 คัน BMW 979 คัน VOLVO 206 คัน LEXUS 106 คัน PORSCHE 70 คัน LAND ROVER 15 คัน JAGUAR 11 คัน ASTON MARTIN 2 คัน และ ROLLS-ROYCE 2 คัน

ส่วนรถยนต์ทั่วไป 5 อันดับยอดจองสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 TOYOTA 5,124 คัน อันดับ 2 HONDA 4,902 คัน อันดับ 3 ISUZU 3,620 คัน อันดับ 4 MAZDA 3,434 คัน และอันดับ 5 FORD 2,441 คัน

ด้านราคาเฉลี่ยรถที่ขายได้ในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,177,393 บาท เนื่องจากปีนี้ผู้บริโภคให้ความสนใจรถเก๋งหรู รถเอสยูวี และรถกระบะ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เงินหมุนเวียนภายในงานปีนี้อยู่ที่ 45,000 ล้านบาท ผู้เข้าชมงานจำนวน 1,191,718 คน ลดลง 19.3%

ต.สยาม เปิดประตูสู่อีสาน ปักหมุด! สระบุรี เปิดGRIP by ประดิษฐ์การยาง




ต.สยาม เปิดประตูสู่อีสาน ปักหมุด! สระบุรี เปิดGRIP by ประดิษฐ์การยาง

บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายยาง TOYO TIRES , NITTO TIRE และ KUMHO TIRE อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัว GRIP by ประดิษฐ์การยาง ณ อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็น ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “GRIP” ร้านแรกของจังหวัดสระบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่ภาคอีสาน โดยได้รับเกียรติจาก นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นประธานในพิธี

ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร GRIP by ประดิษฐ์การยาง เป็นศูนย์บริการและจำหน่ายยางรถยนต์ และสินค้าตกแต่งรถยนต์ ให้บริการครบทุกด้าน เช่น จำหน่ายยางรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ระดับโลก อาทิ TOYO TIRES, NITTO TIRE และ KUMHO TIRE และจำหน่ายล้อแม็กซ์มากมายหลายขนาด กว่า 100 ลาย นอกจากนั้นยังมีบริการ ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซ่อมช่วงล่าง เติมลมไนโตรเจน ซึ่งครบครันด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ในการตรวจสอบที่ทันสมัยพร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ในด้านการดูแลรักษารถยนต์

สำหรับชาวสระบุรี และที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง หรือผู้ที่เดินทางสู่ภาคอีสาน สามารถแวะใช้บริการที่สนใจใช้บริการได้แล้ววันนี้ ที่ GRIP by ประดิษฐ์การยาง สระบุรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 081-946-1797 และเตรียมพบกับร้าน GRIP สาขาต่อไปใกล้บ้านท่านเร็วๆนี้

คาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำพาธารน้ำใจจากประชาคม อีซูซุสู่โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ “พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพราะเราเชื่อว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ไปถึงได้ทุกที่ พลังที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นั่นคือ...พลังของความดี



คาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำพาธารน้ำใจจากประชาคม อีซูซุสู่โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
“พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพราะเราเชื่อว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ไปถึงได้ทุกที่ พลังที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นั่นคือ...พลังของความดี


นับจากอีซูซุได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางจัดทำและเผยแพร่ภาพยนตร์สั้น “เรื่องจริง...พลังแห่งความดีที่อมก๋อย” ผ่านสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ค ภายใต้แนวคิด “พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มุ่งมั่นใช้พลังดีในตัวเปลี่ยนโลกนี้ให้น่าอยู่ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงที่ยากลำบากของเหล่าครู โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่สุดของประเทศไทย กลุ่มครูผู้มีพลังดีอยู่เต็มตัวและหัวใจที่ยอมละทิ้งความสะดวกสบาย เพื่อไปเป็นครูจิตอาสาที่เป็นมากกว่าครูในที่ที่ห่างไกลและทุรกันดาร โดยมีพลังใจที่ยิ่งใหญ่ คือเด็กนักเรียนกว่า 100 ชีวิตที่มีความตั้งใจอยากมาเรียนให้สังคมได้รับรู้ ด้วยเนื้อหาที่กินใจจนหลายๆ คนน้ำตาซึม ทำให้มียอดคนดูพุ่งสูงกว่า 3.3 ล้านวิวภายในระยะเวลาอันสั้น

ล่าสุดกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยจึงขอต่อยอดตอบแทนพลังดีเหล่านั้น ด้วยการรวบรวมน้ำใจของชาวประชาคมอีซูซุทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนบ้านแม่สะเตอย่างจริงจัง โดยจัดขบวนคาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำคณะผู้บริหารของกลุ่มอีซูซุและเหล่าพนักงานจิตอาสานำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้กับทางโรงเรียน ซึ่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ วี-ครอส จำนวน 16 คัน เริ่มออกเดินทางจากตัวอำเภออมก๋อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางบนเขาระยะทางเพียง 67 กม. ในช่วงหน้าหนาวที่พื้นแห้ง ว่ากันว่าลดความโหดของเส้นทางช่วงหน้าฝนไปถึง 50% นั้นมีครบทุกรูปแบบทั้งทางหิน ร่องยาว ธารน้ำ ยกเว้นถนนดี รอพิสูจน์ความตั้งใจจริงของทุกคน เพราะต้องใช้เวลาในการขับเคี่ยวอยู่นานมากกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะเข้าถึงโรงเรียนบ้านแม่สะเตที่มีน้องๆ นักเรียนตัวจริงที่เห็นจากภาพยนตร์สั้น “เรื่องจริง...พลังแห่งความดีที่อมก๋อย” มารอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอันสดใส

ทั้งนี้ นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ได้เป็นตัวแทนกลุ่มอีซูซุมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 1,039,674 บาท โดยได้นำเงินบริจาคส่วนหนึ่งไปใช้จัดสร้างถนนในช่วงที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของครู นักเรียน และชาวบ้านทั่วไปเพื่อให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้นตามความประสงค์ของทางโรงเรียน อีกทั้งมอบรถ “รถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ วี-ครอส” พร้อมอุปกรณ์ออฟโรด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเติมเต็มความคล่องตัวสำหรับทางโรงเรียนในการเดินทางขึ้น-ลงเขาที่ต้องลุยฝ่าเส้นทางหฤโหด พร้อมกันนี้ทางกลุ่มอีซูซุยังได้จัดเต็ม นำเมนูที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวและของกินอื่นๆ มาจัดเลี้ยงเป็นอาหารกลางวัน หลังจากได้สอบถามมาแล้วว่าเป็นอาหารโปรดที่นานๆ จะได้ลิ้มรส เพราะโรงเรียนไม่มีตู้เย็นจึงไม่สามารถเก็บเนื้อสัตว์และอาหารสดไว้ได้ โปรตีนที่คุ้นเคยที่สุดของครูและนักเรียนที่นี่ คือ โปรตีนจากปลากระป๋อง

นายพงษ์วิศรุต ปันมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่สะเต
ผู้ซึ่งสอนที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นปีที่ 10 กล่าวขอบคุณด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ทุกคนในโรงเรียนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของชาวอีซูซุที่ได้จัดทำภาพยนตร์สั้นเรื่องราวของพวกเราและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้มีน้ำใจหลั่งไหลมาที่โรงเรียนมากมาย และตอนนี้ความฝันเป็นจริง รถอีซูซุ วี-ครอสที่ได้รับมอบนั้น เราจะใช้สำหรับรับ-ส่งนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไปให้พวกเขาได้มีโอกาสมาเรียนมากขึ้น และใช้ขนสัมภาระในกิจกรรมต่างๆ ต้องขอบคุณอีซูซุในทุกเรื่องด้วยครับ”

ท่ามกลางความขาดแคลนไปเสียทุกอย่างของโรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย แต่ที่นี่กลับล้นเหลือไปด้วย “พลังดี...เปลี่ยนโลก” ที่มาจากความเสียสละความสุขส่วนตัวของเหล่าครูอาสาที่ไม่เคยหยุดจะเป็นผู้ให้ ทำให้ระยะทางขากลับสู่ตัวอำเภออมก๋อยอีก 4 ชั่วโมงของคาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความอิ่มเอมใน “พลังดี” ตามแบบวิถีอีซูซุ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา”
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved