Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

“มร.โทชิอากิ มาเอคาวะ” คว้ารางวัล“ผู้นำธุรกิจดีเด่นแห่งเอเชียแปซิฟิก”



มร.โทชิอากิ มาเอคาวะ” คว้ารางวัลผู้นำธุรกิจดีเด่นแห่งเอเชียแปซิฟิก

กลุ่มตรีเพชร โดย มร. โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับรางวัล ผู้นำธุรกิจดีเด่นแห่งเอเชียแปซิฟิก 2560 (Asia Pacific Entrepreneurship Awards 2017) ในฐานะผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ดีเด่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค จัดโดย Enterprise Asiaองค์กรอิสระที่สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ณ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ

มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ผู้พิชิตรางวัลอันทรงเกียรติคว้ารถยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย Thailand Car of The Year 2016



มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ผู้พิชิตรางวัลอันทรงเกียรติคว้ารถยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย Thailand Car of The Year 2016
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย - 20 มีนาคม 2560, สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย จัดงานใหญ่มอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี หลังจากที่กรรมการสมาคมและสมาชิกทุ่มเททำงานกันมาอย่างหนักเพื่อเฟ้นหาสุดยอดรถยนต์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยมานานหลายเดือน กว่าจะได้รถยนต์ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาทั้งสิ้น 10 คัน โดยมีผู้ทรงคุณด้านการทดสอบรถยนต์ ประกอบด้วย สมาชิกผู้คร่ำหวอดในการทดสอบรถยนต์

ค่ำคืนแห่งการรอคอยก็มาถึง ณ สโมสรทหารบก บนถนนวิภาวดีรังสิต ได้ก็เวลาประกาศผลรถยนต์ที่พิชิตความเป็นรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2559 ผลปรากฏว่าปีนี้ มาสด้า CX-3 คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครองได้สำเร็จ ด้วยคุณสมบัติความโดดเด่นของสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีล้ำสมัย ความสวยงาม ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความคุ้มค่าคุ้มราคา

สำหรับโครงการประกวด “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี” หรือ THAILAND CAR OF THE YEAR ได้ริเริ่มรางวัลนี้ขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2558 โดยมีวัตถุประสงค์หลักสำคัญเพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาประเทศ รวมถึงต้องการให้สมาชิกได้นำเสนอรายละเอียดต่างๆ เพื่อผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่มีคุณภาพ โดยรางวัลดังกล่าวของสมาคมฯ ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการสักขีพยานผู้ทรงคุณวุฒิด้านยานยนต์ และสื่อมวลชนผู้เชี่ยวชาญด้านทดสอบรถยนต์ คอลัมน์นิสต์ ผู้สื่อข่าว บรรณาธิการข่าวสายยานยนต์ ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ โดยรอบแรกนั้นสมาชิกทั้งหมดได้คัดเลือกรถยนต์ที่เปิดตัวแนะนำในปี 2559 และรอบสุดท้ายมีเพียง 10 คันเท่านั้น แล้วจัดการทดสอบขึ้นที่สนามแข่งรถไทยแลนด์ เซอร์กิต จังหวัดนครปฐม โดยมีคณะกรรมเข้าร่วมทำการทดสอบครั้งนี้กว่า 50 คน เพื่อเฟ้นหารถยนต์ที่ดีที่สุดแห่งปี

มาตรฐานและหลักเกณฑ์การพิจารณาเพื่อคัดเลือกของสมาคมฯ คือ ต้องเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ (Model Change) ที่เปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดในช่วง 12 เดือน (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคมถึง 30 กันยายนของทุกปี) เป็นรถยนต์ที่เปิดตัวแนะนำ (Official Launching) และเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีการประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ, เป็นรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ (CKD) กรณีที่ผู้ผลิตเปลี่ยนการผลิตจากรถ CBU เป็นรถ CKD ให้ถือการ Re-Launch รถยนต์ประกอบในประเทศ (CKD, SKD) เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย

โดยรถยนต์ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายและได้เข้าชิงรางวัลในปีนี้มีทั้งหมด 10 รุ่น ประกอบด้วย มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 (Mazda CX-3), เอ็มจี5 (MG5), เอ็มจี จีเอส (MG GS), บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ วัน (BMW X1), บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 7 (BMW 7 Series), ฮอนด้า บีอาร์-วี (Honda BR-V), ฮอนด้า ซีวิค (Honda Civic), ไทยรุ่ง ทีอาร์ ทรานส์ฟอเมอร์ ทู (Thairung TR Transformer2), เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี (Mercedes-Benz GLC) และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี (Mercedes-Benz GLE)

กระบวนการตัดสินของคณะกรรมการได้แบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบแรก คณะกรรมการเลือกรถยนต์ที่เข้าคุณสมบัติ (Qualify) ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เข้ารอบมาทั้งหมด (ปีนี้มีรถยนต์เข้ารอบสุดท้าย 10 คันให้เลือกเพียง 5 คัน) โดยรถยนต์ที่ถูกเลือกจะได้รับคันละหนึ่งคะแนน ต่อกรรมการหนึ่งท่าน และเมื่อได้ผลการคัดเลือกแล้ว ให้นำรถทั้งหมดที่เข้าคุณสมบัติ (Qualify) ไปลงคะแนนในรอบตัดสิน (Final Round) ต่อไป

ขณะที่รอบตัดสิน (Final Round) คณะกรรมการจะพิจารณาตัดสินรถยนต์ที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบแรกให้ได้รับรางวัลเพียง 1 คันเท่านั้น โดยหลักเกณฑ์ คือ คณะกรรมการแต่ละคนจะมีคะแนนอยู่ 25 คะแนน กรรมการจะต้องให้คะแนนอย่างน้อย 5 คัน คันใดที่กรรมการพิจารณาตามองค์ประกอบแล้วชื่นชอบที่สุดจะต้องให้คันนั้น 10 คะแนน ส่วนที่เหลืออีก 15 คะแนน ให้กระจายไปยังรถคันอื่น ห้ามมิให้คะแนนเต็ม 10 เท่ากับรถที่เลือกไว้เป็นลำดับแรก รถคันใดที่ได้คะแนนรวมสูงสุดจึงเป็นคันที่ได้รับรางวัลไป ซึ่งในปีนี้ ผลปรากฏว่าผู้ชนะที่ได้รับคะแนนสูงสุด ก็คือ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 นั่นเอง

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับกิจรรมต่างๆ ของทางสมาคมฯ และสมาชิกทุกคน การที่มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ คือ รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2559 หรือ Thailand Car of the Year 2016 จากสรยท. นั้น ถือเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า เทคโนโลยีสกายแอคทีฟอันล้ำสมัยของมาสด้านั้นเป็นที่ยอมรับจากผู้ทรงคุณวุฒิจากสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่มาจากหลากหลายความเชี่ยวชาญ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่สามารถพิสูจน์ได้จริงในหมู่ลูกค้าชาวไทยและทั่วโลก ทั้ง เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่ให้ทั้งสมรรถนะแรงและประหยัดน้ำมัน รวมทั้งรูปลักษณ์การออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม ความทันสมัยของ MZD Connect และเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลกที่จับต้องได้ของ i-ACTIVSENSE โดยมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 นั้นมีจุดเด่นที่รูปลักษณ์โดดเด่นล้ำสมัย สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนของคนรุ่นใหม่ เป็นรถที่ไม่เพียงแต่มีบุคลิกภาพอันโดดเด่นเท่านั้นแต่ยังให้คุณภาพที่เหนือชั้นทั้งการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน และความปลอดภัยอีกด้วย 



มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 รถอเนกประสงค์ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์จากมาสด้า ที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกในงาน Los Angeles Auto Show เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ 5 ในบรรดารถยนต์มาสด้าเจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและรูปลักษณ์สวยงามลุ่มลึกแบบ KODO – จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว โดยในรถมาสด้าซีเอ็กซ์-3 รูปโฉมของ โคโดะ ดีไซน์ ที่สื่อออกมาได้รับการปรับให้เฉียบคมขึ้นเพื่อเน้นความรู้สึกถึงสปีดของรถ มาสด้าซีเอ็กซ์-3 ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ 2.0 ลิตรและเครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟ 1.5 ลิตร เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 จนถึงปัจจุบันได้รับการยอมรับอย่างล้นหลามมียอดขายไปแล้วกว่า 7,000 คัน

มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ไม่ได้ประสบความสำเร็จเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น นับตั้งแต่เปิดตัว ความสวยงามโดดเด่นและสมรรถนะของรถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ก็เป็นที่ยอมรับในวงการรถยนต์ทั่วโลก ได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย อาทิเช่น
พิชิตรางวัล “คุณภาพการออกแบบยอดเยี่ยมแห่งปี” ประเทศเยอรมนี ปี 2015 ( 2015 Red Dot Design Award – Outstanding Design Quality)
คว้ารางวัล “การออกแบบภายนอกยอดเยี่ยมแห่งปี” ประเทศเยอรมนี ปี 2015 ( 2015 German Design Council – “Best of the Best” in the Exterior Volume Brand Category)
เข้าชิงรอบสุดท้าย 1 ใน 10 ของรถยนต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก 2016 หรือ World Car of the Year ประจำปี 2016
เข้าชิงรอบสุดท้าย 1 ใน 3 ของรถยนต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก 2016 หรือ World Car Design of the Year ประจำปี 2016 (Top 3 in the World)
คว้ารางวัล 2016 IIHS Top Safety Pick Plus จาก Insurance Institute for Highway Safety ประเทศสหรัฐอเมริกา

นี่คือเหล่ารางวัลระดับโลกซึ่งการันตีความยอดเยี่ยมของมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก จากชัยชนะอันงดงามของมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 กับรางวัล Thailand Car of The Year 2016 (รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2559) ที่ได้รับในวันนี้ จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จอีกขั้นของมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสื่อมวลชน ผู้ทรงคุณวุฒิชาวไทยเพื่อสร้างมาตรฐานไปสู่เวทีระดับโลก

ซึ่งเร็วๆนี้ มาสด้าซีเอ็กซ์-3 ก็จะมีการปรับโฉมให้ทันสมัยโดนใจลูกค้ายิ่งขึ้นอีก ซึ่งลูกค้าก็จะได้พบกับการปรับโฉมครั้งใหม่นี้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 ปลายเดือนมีนาคมนี้

ทางด้านนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) นายยุทธพงศ์ ภาษี ประธานดำเนินการจัดงานฯ กล่าวว่า โครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2559” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2016) นี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยทางคณะกรรมการสมาคมฯ ได้จัดให้สมาชิกฯ ได้ลงคะแนนและกิจกรรมทดสอบรถยนต์ที่มีคุณสมบัติเข้าชิงรางวัล ทั้ง 10 รุ่น ซึ่งรถยนต์มาสด้าซีเอ็กซ์-3 ก็ได้รับมติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแล้วว่าเป็นรถยนต์ที่มีคุณภาพ, สมรรถนะดี, มีความสะดวกสบาย,ปลอดภัย, เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุด คือ ให้ความคุ้มค่าของราคาแก่ผู้บริโภคได้อีกด้วย

สาวสวยดีกรีมีมงกุฎระดับโลก "Mrs International 2016" และเป็น 1 เดียวของไทย กับอีกหนึ่งภารกิจขอประลองความเร็วสู่ครอบครัว "ม้าลำพอง" เพื่อนำความภาคภูมิใจสู่ประเทศอีกครั้ง


21 มีนาคม 2560 / บริษัท คาวาลลิโน่ มอเตอร์ จำกัด
สาวสวยดีกรีมีมงกุฎระดับโลก "Mrs International 2016" และเป็น 1 เดียวของไทย กับอีกหนึ่งภารกิจขอประลองความเร็วสู่ครอบครัว "ม้าลำพอง" เพื่อนำความภาคภูมิใจสู่ประเทศอีกครั้ง

เป็นที่ทราบกันดีว่า เฟอร์รารี่เป็นรถยนต์หรู ยิ่งเป็นรถแข่งก็ระดับรถหรูเฟิร์สคลาส ที่ให้ความเร็วที่เหนือชั้น กับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม รถเฟอร์รารี่จึงเป็นที่นิยมสำหรับทุกสนามแข่งและยังได้รับชัยขนะจากการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ความหรูหรา และความร่ำรวยฉายาที่คนไทยรู้จักกันดีอีกชื่อหนึ่งของเฟอร์รารี่คือว่า "ม้าลำพอง"

วันนี้ ดร. กันธิชา ฉิมศิริ (ยุ้ย) สาวสวยดีกรีที่ไม่ธรรมดาเพราะเธอเป็นทั้งนางงาม นักธุรกิจ ดารา นางแบบ พิธีกร นักสะสมรถยนต์ และบทบาทล่าสุดคือ การเป็นนักแข่งรถสปอร์ตหรูอย่าง " Ferrari 488 Spider" ด้วยความที่ ดร. กินธิชา ฉิมศิริ เธอชอบเดินทาง ท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ชอบไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ตื่นเต้น ท้าทาย การแข่งรถจึงตอบโจทย์ของการเป็นสาวนักผจญภัย ปัจจุบันสนามแข่งที่ดี มีมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับก็ต้องการแข่งขันระดับเวิลด์คลาสอย่างรถเฟอร์รารี่ ที่หรูหราลงตัว กับสมรรถภาพเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม ความเร็วที่ท้าทาย และการันตรีเรื่องความปลอดภัยขั้นสูง

ดร. กันธิชา ฉิมศิริ ผู้หลงไหลการแข่งรถถึงขนาดบินไปฝึกอบรมที่ประเทศอิตาลี ต้นกำเนิดรถเฟอร์รารี่ จนได้ใบประกาศหรือไลเซนส์ที่ถูกต้องตามหลักสากล สามารถไปแข่งขันที่สนามไหนก็ได้ตามตารางทัวร์นาเม้นท์ของปี



สำหรับตารางการแข่งขันแข่งรถเฟอร์รารี่ 7 สนามทั่วโลกทั้งเอเชียและแปซิฟิค ของปี 2017
(Ferrari 488 Challenge Racing Asia Pacific 2017)

1, 6-8 เม.ย 2017 กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

2, 27-29 พค. 2017 กรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

3, 9-11 มิ.ย. 2017 มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน

4, 7-9 ก.ค. 2017 บริเวณแถบภูเขาฟุจิ ประเทศญี่ปุ่น

5, 25-27 สิงหาคม 2017 สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย

6, 15-17 กันยายน 2017 สนามฟอร์มูล่าวัน ประเทศสิงคโปร์ (F1GP)

7, 26-29 ตุลาคม 2017 สนาม มูเจลโล่ ประเทศอิตาลี

การแข่งรถ Ferrari 488 Challenge Racing Asia Pacific 2017 รายการนี้สามารถรับชมการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกผ่านสถานีช่องกีฬาอันดับหนึ่งของโลกอย่าง" FOX Sport News" กว่าร้อยประเทศ สำหรับประเทศเอเชียและแปซิฟิค ที่สามารถรับชมการถ่ายทอดได้แก่ ประเทศ บรูไน กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง มาเก๊า มาเลเซีย อินโดนีเซีย มองโกเลีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เวียดนามและประเทศไทย ขอเชิญชวนแฟนคลับคุณยุ้ย ตลอดจนพี่น้องชาวไทยที่ชื่นชอบการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รถยนต์หรูหรา สง่างาม ม้าลำพองกับรถเฟอร์รารี่ สามารถติดตามชมได้ตามช่องกีฬา Fox sport news หรือ ติดตามไปเชียร์ติดขอบสนามแข่งจริงได้ตามตารางข้างบน คุณจะได้อรรถรส ความตื่นตา ตื่นใจยิ่งขึ้น และสามารถติดตามตารางการแข่งรถและรายละเอียดต่างๆ ได้ทางเว็บไซต์ http://www.ferrari.com/en_th/

วันนี้เธอพร้อมแล้วสำหรับสนามแรกของปี 2017 ที่จะประเดิมขึ้น ระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย. 60 ที่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดินแดนทะเลทรายและน้ำมัน เธอหวังว่าจะนำชัยชนะและความภาคภูมิใจมาให้ประชาชนชาวไทย พวกเรามาให้กำลังใจและแรงเชียร์ สาวสวยผู้มากความสามารถคนนี้ งานนี้ต้องขอขอบคุณ ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท คาวาลลิโน่ มอเตอร์ จำกัด ที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกตลอดระยะเวลาแข่งรถฯตลอดปี 2017 นี้



ดร. กันธิชา ฉิมศิริ (คุณยุ้ย) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มาแสดงความยินดีและรอทำข่าวว่า "วันนี้ดิฉันพร้อมมากๆ กับอีกบทบาทการการเป็นนักแข่งรถ ซุปเปอร์คาร์ "Ferrari 488 Challenge Racing Asia Pacific 2017" ที่ตัดสินใจเลือกรถเฟอร์รารี่ เพราะความแกร่งแต่มีสมรรถภาพที่เหนือชั้น ความเร็วที่ท้าทาย กับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ความปลอดภัยที่ไว้ใจได้ มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม การจะไปแข่งในรายการนี้ได้ต้องผ่านการฝึกฝน การเรียนรู้ จนได้ไลเซนส์ระดับสากลที่จะแข่งได้ทุกสนาม ต้องมีใจรักและทุ่มเทอย่างมาก ดิฉันชอบการสะสมรถและการประลองความเร็ว อยากทำหน้าที่อีกหน้าที่หนึ่ง นอกจากภารกิจช่วยเหลือสังคม นอกเหนือจากการเป็นนางงาม การแข่งรถยนต์หรู ก็เป็นโอกาสๆหนึ่งที่ดีที่ควรคว้ามันมาไว้ มิใช่ว่าจะมีมาได้ง่ายๆ ในการGo inter แบบนี้ และเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงคนไทย ในฐานะผู้หญิงไทยคนแรกในสนามเฟอร์รารี่นี้ สนามแรกที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.นี้ ฝากให้คนไทยและแฟนคลับ อย่าลืมให้กำลังใจและเชียร์ยุ้ยนะคะ ผ่านทางช่องกีฬาดังอย่าง Fox sport news หรือจะไปเชียร์ที่ขอบสนามฯได้ ยุ้ยพร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องที่นั่งระดับวีไอพีให้ค่ะ " คุณยุ้ย สาวนักแข่งเฟอร์รารี่คนใหม่กล่าว

ด้านคุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน่ มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน "วันนี้ดิฉันรู้สึกยินดี และดีใจมากที่ คุณยุ้ยได้เป็นตัวแทนคนไทยและผู้หญิงไทยคนแรกในสนามการแข่งขันรถซุปเปอร์คาร์ "Ferrari 488 Challenge Racing Asia Pacific 2017" ซึ่งเป็นสนามแข่งระดับโลก และภูมิใจที่เธอเลือกรถ "Ferrari 488 Spider" รถสปอร์ตหรู ที่คู่ควรกับ นางงาม และคนสวยอย่างเธอ เฟอร์รารี่ มี ประวัติมายาวนาน เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี่ และปีนี้ก็จะครบรอบ 70 ปีแล้ว มิใช่ใครๆจะไปขับได้ต้องผ่านการฝึกฝนและมีใบใบอนุญาตขับขี่ หรือ license เฉพาะของเฟอร์รารี่ บริษัท คาวาลลิโน่ มอเตอร์ จำกัด ยินดีสนับสนุนคุณยุ้ย และขอเป็นกำลังใจให้เธอนำชัยชนะมาสู่ประเทศไทยขอให้เธอได้ขึ้นโพเดี่ยม เปิดแชมเปญ ฉลองชัยทุกสนาม ด้วยค่ะ "


เกี่ยวกับ ดร. กันธิชา ฉิมศิริ (คุณยุ้ย)
ตำแหน่ง Mrs.International 2016
Mrs.Universe Thailand 2016
Mrs.international Thailand 2016

อาชีพ นักแสดง,นางแบบ,เดินแบบ พิธีกรรายการทีวีและพิธีกรงานอีเว้นท์ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์,นักบริหารพอทหุ้น มีลูกชายวัย 2 ขวบกว่า มีสามีเป็นเศรษฐีชาวเยอรมัน ชื่อ อเล็กซานเดอร์ ปาเป้ เธอยังทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายอย่าง และมีกิจกรรมที่โปรดปรานสุดท้าทายอย่างการแข่งรถ สะสมรถโบราณ และท่องเที่ยวไปทั่วโลก คุณยุ้ยชอบสะสมรถยนต์หลากหลายแบรนด์เช่น Ferrari R430, Porsche Limited 91150, BMW i8, BMW i640, Porsche Cayenne, MG รุ่น MGB เป็นรถโบราณ Rolls Royce รุ่น Silver Shadow และรุ่น 1973 และมี Camaro รุ่น 1979 Gen 1 สะสมมาหลายปีแล้ว จึงแรงบันดาลใจทำให้อยากเป็นนักแข่งรถ

ก่อนหน้านี้คุณยุ้ยเป็นผู้หญิงไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน BMW Driving Academy Maisach ประเทศเยอรมนี.สำหรับประวัติการแข่งรถที่เมืองไทย เคยได้แชมเปี้ยน ที่สนามเทพนคร ถ.พระราม 2 เคยลงสนามรถปอร์เช่ของไทยเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้เธอก็ได้ไลเซนส์มาเรียบร้อยแล้วเพื่อเปิดทางลงสนามแข่งในต่างประเทศ คุณยุ้ยไปลงสนามฝึกของเฟอร์รารีที่ต่างประเทศจนจบคอร์สและได้ไลเซนส์เฉพาะสำหรับการแข่งขันเฟอร์รารี่ในที่สุด



เกี่ยวกับ Ferrari 488 Spider

เฟอร์รารี่ เจ้าแห่งสนามแข่งเฟอร์รารี่เป็นผู้นำของแบรนด์รถแข่งหรูจากอิตาลี ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มาราเนลโล่ และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรถแข่งระดับหรูที่ให้ความเร็วที่เหนือชั้น ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม รถเฟอร์รารี่เป็นที่นิยมสำหรับทุกสนามแข่งและยังได้รับชัยขนะจากการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ทั่วโลกอีกด้วย เฟอร์รารี่ยังนำเสนอรถสำหรับวิ่งบนท้องถนนให้ลูกค้าทั่วไปได้เลือกด้วยซึ่งรถรุ่นนี้จะถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเร็ว ความหรู และความร่ำรวยฉายาที่คนไทยรู้จักกันดีอีกชื่อหนึ่งของเฟอร์รารี่คือว่า "ม้าลำพอง"

ประวัติการก่อตั้งเฟอร์รารี่ก่อตั้งโดย เอนโซ่ เฟอร์รารี่ ในปี 1929 ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของนักแข่งในเมืองมาดีนา ประเทศอิตาลี หลังจากนั้นก็ได้กลายเป็นหัวหน้าของฝ่ายกีฬาแข่งรถเร็วที่สำนักงานใหญ่แอลฟ่า โรมิโอ ในปี 1938 อีกทั้งยังได้ก่อตั้งบริษัท "ออโต้ อวิโอ คอสทรูซซิโอนิ เฟอร์รารี่" ในปี 1941 ซึ่งจะทำการผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องบิน และอุปกรณ์เครื่องยนต์อื่นๆหลังจากที่มีการโดนห้ามจากการแข่งขันโดยรัฐบาลเบนิโต้ มูสสโลลินี่ แต่ว่าหลังจากช่วงเวลานั้น เอนโซ่ เฟอร์รารี่ก็สามารถที่จะผลิตรถเฟอร์รารี่คันแรกออกมาได้ ซึ่งคือ ทิโป 815 การผลิตรถยนต์ก็ได้ถูกย้ายไปผลิตที่มาราเนลโล ในปี 1943 และได้ทำการสร้างใหม่ในปี 1946 หลังจากที่ถูกระเบิดในปี 1944

Ferrari 488 Spider เป็นรถซุปเปอร์คาร์เปิดประทุนที่มีความสวยงาม และสปอร์ตที่ลงตัว โดยเน้นการออกแบบให้เป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ เสริมด้วยสเกิร์ตรอบคันที่เน้นในเรื่องความสปอร์ต อีกทั้งยังใช้เวลาเปิด-ปิดหลังคาเพียงแค่ 14 วินาทีเท่านั้นที่สำคัญ และเป็นจุดเด่นของ Ferrari 488 Spider ก็คือ การที่แชสซีส์สเปซเฟรมผลิตมาจากอลูมิเนียมอัลลอยถึง 11 ชนิด ผสมผสานเข้ากับแม็กนีเซียม ซึ่งจะทำให้ได้ความแข็งแกร่ง และความเหนียวของแชสซีส์เพิ่มขึ้นถึง 25% เลยทีเดียว

โดย Ferrari 488 Spider มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ความจุกระบอกสูบ 3.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 670 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิด 760 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3 วินาที และสามารถทำความเร็วจาก 0-200 กม./ชม. ได้ในเวลา 8.7 วินาทีเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นรถที่มีเครื่องยนต์แรงสุดๆ อันดับต้นๆ ของทางค่ายก็ว่าได้

"เฟอร์รารี 488 GTB ให้ประสิทธิภาพสูงสุดบนสนามแข่งที่ผู้ขับขี่สามารถสนุกสนานกับการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่แม้ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือผู้ขับขี่ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยการตอบสนองที่รับประกันความเป็นเอกลักษณ์ของสุนทรียะในการขับขี่ที่เหนือชั้นและได้รับการตอบรับที่ดีมาตั้งแต่ก่อนเปิดตัวในประเทศไทย เรามีความมั่นใจว่า 488 GTB จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง"

เครื่องยนต์เบอลิเน็ตต้าใหม่ล่าสุดนี้ซ่อนเร้นประสบการณ์แห่งเฟอร์รารี่ทั้งในการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง และการแข่งขันทดสอบความทนทานของรถยนต์และผู้ขับขี่ระดับโลก ที่ 458 GT คว้าตำแหน่งแชมป์โลกไปครองและได้ยังได้ชัยชนะในการแข่งขันทดสอบความทนทานยาวนานถึง 24 ชั่วโมงที่ Le Mans อีกด้วย โดยรถรุ่นใหม่นี้ได้รวบรวมสุดยอดช่างเทคนิคของเฟอร์รารี่ในทศวรรษที่ผ่านมาเข้าด้วยกันเพื่อส่งมอบโปรแกรม XX ที่ทำให้รถแข่งกลายเป็นรถที่นิ่มนวลต่อผู้ขับขี่ โดยได้มีการปรับแต่งระบบไฟฟ้าและระบบการควบคุมตัวรถที่เฉียบคม เพื่อผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสประสบการณ์อันยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อของรถคันใหม่คันนี้

ตัวเลข 488 ในชื่อเล่นของรถยนต์คันนี้บ่งชี้ถึงหน่วยของเครื่องยนต์ ในขณะที่ชื่อ GTB นั้นมาจาก แกรน ทัวริสโม เบอลิเน็ตต้า (Gran Turismo Berlinetta) อันเป็นที่มาอันยาวนานแห่งประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่

***ราคา 600,000 ยูโร หรือประมาณ 24 ล้านบาท

สำหรับประเทศไทย บริษัท คาวาลลิโน่ มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย


New Honda MSX125SF โฉมใหม่ จัดเต็มเทคโนโลยีเบรก ABS ครั้งแรกของมินิสปอร์ตไบค์เมื องไทย




New Honda MSX125SF โฉมใหม่ จัดเต็มเทคโนโลยีเบรก ABS ครั้งแรกของมินิสปอร์ตไบค์เมื องไทย

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าในประเทศไทย เอาใจนักบิดผู้ชื่นชอบการขับขี่ มินิสปอร์ตไบค์ เผยโฉม New Honda MSX125SFโฉมใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Endorphins Clutcher ฟินไม่มีสะดุด สนุกทุกการคอนโทรล” มินิไบค์สายพันธุ์สปอร์ตที่ มาพร้อมการออกแบบอันโฉบเฉี่ยวล้ำ สมัย ชูสมรรถนะการควบคุมด้วยระบบคลั ทช์มือที่ให้ความสนุก เร้าใจ ใช้งานในเมืองได้อย่างสะดวกคล่ องแคล่ว พร้อมอัดแน่นเทคโนโลยี ตวามปลอดภัยด้วยระบบเบรกABS โดดเด่นลงตัวกับการจับคู่สีสั นใหม่ เริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่วั นนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ 

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ประเภทสปอร์ ตไบค์ในเมืองไทยกำลังขยายสัดส่ วนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าที่ มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรั บจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี นั่นคือ รุ่น Honda MSX125SF ซึ่งหลังจากเปิดตัวโฉมแรกตั้ งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา มินิไบค์สายพันธุ์สปอร์ตรุ่นนี้ ก็ครองความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ในกลุ่มรถสปอร์ตขนาดไม่เกิน 150 ซีซีโดยทันที รวมถึงล่าสุดในปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายรวมสูงสุดถึง 125,000 คัน”

“ในฐานะที่ฮอนด้าเป็นผู้ นำตลาดจักรยานยนต์ในเมืองไทย 28 ปีซ้อน พร้อมให้คำยืนยันว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภั ณฑ์เพื่อตอบสนองความต้ องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างดี ที่สุดต่อไป และในปี 2017 นี้ ฮอนด้าจึงได้ยกระดับ New Honda MSX125SF ขึ้นมาใหม่ให้มีความสมบูรณ์ และเหนือกว่าไปอีกขั้น ด้วยการเติมเต็มเทคโนโลยี ระบบเบรก ABS นับเป็นครั้งแรกจากบิ๊กไบค์หรื อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่สู่มินิ สปอร์ตเมืองไทย ซึ่งทำให้ New Honda MSX125SFโฉมใหม่ นอกจากจะมีรูปลักษณ์การออกแบบที่ โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุ กสนานเร้าใจแล้ว ยังให้การควบคุมสั่งการทำงานหยุ ดรถได้อย่างมั่นใจ และมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วย”
New Honda MSX125SF ปี 2017 โฉมใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์“Endorphins Clutcher ฟินไม่มีสะดุด สนุกทุกการคอนโทรล” โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์มินิไบค์ สายพันธุ์สปอร์ต มาพร้อมการจับคู่สีสั นลวดลายใหม่, ฝาครอบเครื่องยนต์สีทอง, ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสูงแยกดวง, แผงหน้าปัดแบบฟูลดิจิตอล แสดงทุกสถานะการทำงานของตัวรถ, ฝาถังน้ำมันแบบติดกับตัวถังให้ ความสะดวกขณะเติมน้ำมันเชื้ อเพลิง, กุญแจแบบพับได้เพื่ อความสะดวกสบายในการพกพา, ระบบช่วงล่างสไตล์สปอร์ต โช้คหน้าแบบหัวกลับ-หลังโช็คเดี่ ยว ลงตัวกับขอบล้อสีเดียวกันขนาด 12 นิ้ว
ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 125 ซีซี. ระบบหัวฉีด PGM-FI ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 และรองรับน้ำมัน E20 ตัดต่อการส่งกำลังด้วยระบบคลั ทช์มือ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุก เร้าใจ และมีความคล่องตัว ขณะที่ความปลอดภัยเหนือกว่า ด้วยระบบเบรก ABS พร้อมดิสก์เบรกหน้า-หลัง
นอกจากการปรับโฉมครั้งใหม่ของ New Honda MSX125SF ปี 2017 แล้ว เอ.พี.ฮอนด้ายังได้นำเสนอเวอร์ ชั่นพิเศษ The Ultimate Pink ที่มาพร้อมชุดแต่งH2C ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ รักการแต่งรถอีกด้วย

เอ.พี.ฮอนด้า พร้อมเริ่มทยอยวางจำหน่าย New Honda MSX125SF ปี 2017 โฉมใหม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยรุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ดำ-ชมพู (สีใหม่) และดำ-น้ำเงิน (สีใหม่) ดำ-เหลือง แดง-ดำ ราคาแนะนำโดยประมาณเริ่มต้นที่ 70,500 บาท ส่วนรุ่นABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ แดง-เทา และดำ-เทา ราคาแนะนำโดยประมาณเริ่มต้นที่78,000 บาท ขณะที่รุ่นตกแต่งพิเศษ The Ultimate Pink ผลิตจำนวนจำกัด 1,000คัน ราคาแนะนำโดยประมาณที่ 83,600 บาท ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถติ ดตามรายละเอียดเพิ่มเติม New Honda MSX125SF ปี 2017 โฉมใหม่ ได้ที่www.aphonda.co.th

BMW Motorrad Days 2017 ประสบการณ์สุดพิเศษเพื่อคนรักบิ๊กไบค์



BMW Motorrad Days 2017 ประสบการณ์สุดพิเศษเพื่อคนรักบิ๊กไบค์

เมื่อเร็วๆ นี้ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย จัดกิจกรรมแห่งปีเพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้เหล่าแฟนๆ บิ๊กไบค์ได้มาร่วมมันส์ใน BMW Motorrad Days 2017 ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ นอกจากการเปิดตัวของรถมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Racer รุ่นใหม่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย



เหล่าคนรักบิ๊กไบค์ยังได้ทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอีกหลากหลายรุ่น พร้อมช้อปจุใจกับอุปกรณ์ตกแต่ง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และคอลเลคชั่นของสะสมพิเศษ BMW Motorrad Days จากร้านค้าอีกมากมาย พิเศษกับสตั๊นโชว์ระดับโลกจาก Big Jim และคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง ทั้งวงนูโว วงฟลัวร์ ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ และวิน สควีซแอนนิมอล ที่ยกเครื่องกันมาสร้างความมันส์สะเทือนริมฝั่งเจ้าพระยา



ติดตามภาพมันส์ๆ เพิ่มเติม พร้อมกิจกรรมดีๆ ได้ที่www.facebook.com/BMWMotorradTH

มาสด้าจัดแข่งขัน MAZTECH SKILL COMPETITION เฟ้นหาสุดยอดช่างเทคนิคระดับประเทศ ยกระดับคุณภาพบริการลูกค้า





มาสด้าจัดแข่งขัน MAZTECH SKILL COMPETITION เฟ้นหาสุดยอดช่างเทคนิคระดับประเทศ ยกระดับคุณภาพบริการลูกค้า


กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 10 มีนาคม 2560 - มาสด้าเดินหน้าเร่งสร้างความมั่นใจด้านการบริการหลังการขายให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ หวังกำจัดจุดอ่อน สร้างจุดแข็งให้กับการบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง รองรับกับความต้องการของลูกค้ามาสด้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งด้านความพึงพอใจสูงสุด จัดแข่งขันทักษะช่างเทคนิคด้านการบริการหลังการขาย เพื่อหาช่างที่เก่งที่สุดระดับประเทศ ไปแข่งขันกับช่างเทคนิคบนเวทีระดับโลก ซึ่งมาสด้าดำเนินการจัดการแข่งขันทักษะด้านบริการประจำปี ครั้งนี้นับเป็นการจัดครั้งที่ 14 อย่างต่อเนื่อง
               

ดร. ปณัสย์ บุญค้ำ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริการหลังการขาย งานอะไหล่ และบริการภูมิภาค บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดเกินความคาดหมายของลูกค้า โดยในปีนี้ การปรับปรุงและพัฒนาบริการหลังการขายถือเป็นกลยุทธ์สำคัญ โดยจัดให้มีการฝึกอบรมช่างเทคนิคมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาทักษะให้เกิดความเชี่ยวชาญในด้านการบริการรองรับจำนวนลูกค้ามาสด้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากยอดขายที่แรงสวนกระแสตลาดจนกลายเป็นแบรนด์อันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง สำหรับการแข่งขันทักษะด้านบริการประจำปี 2559 ครั้งที่ 14 จัดขึ้นที่ศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า หรือ Mazda Thailand Training Center โดยการแข่งขันครั้งนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานฝีมือช่างเทคนิคของมาสด้าทุกคนให้เกิดความเชี่ยวชาญและใส่ใจในการให้บริการลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น



ความสำเร็จที่ผ่านมาของมาสด้านั้น ไม่ได้มาจากการผลิตรถยนต์ออกมาภายใต้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยเท่านั้น ทั้ง เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่ให้ความเร้าใจแต่ปลอดภัยในยามขับขี่ รวมทั้งรูปลักษณ์การออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงามเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญสูงสุดของมาสด้า คือ การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เพื่อสร้างสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษและทำให้รถยนต์มาสด้ากลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของลูกค้า เพื่อก้าวสู่ความเป็นพรีเมียมแบรนด์ ซึ่งในแต่ละโชว์รูมต้องมีการบริการที่ยอดเยี่ยม ฉะนั้นมาสด้าจึงต้องมีการปรับปรุงความรู้ความสามารถต่างๆ เพิ่มทักษะของบุคลากรในศูนย์บริการให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น การสร้างมาตรฐานการบริการที่ดีในทุกๆ ศูนย์บริการมาสด้า คือ เป้าหมายที่สำคัญเพราะมาสด้ามุ่งมั่นที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของลูกค้าทุกคน ส่วนบุคลากรของผู้จำหน่ายก็จะเกิดขวัญและกำลังใจ อีกทั้งความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมาสด้า อันจะช่วยรักษาบุคลากรในองค์กรต่อไป

การแข่งขันในครั้งนี้แบ่งออกเป็นประเภทบุคคลและผู้จำหน่าย โดยแบ่งออกเป็น ประเภทช่างเทคนิค ที่ปรึกษาด้านบริการ และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ มีทั้งหมด 3 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือก รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ โดยในรอบชิงชนะเลิศนี้เป็นการแข่งขันภาคปฏิบัติที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเข้าแข่งขันในทุกสถานี มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 30 ราย จากการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท ประเภทละ 10 ราย และคัดเลือกจนเหลือผู้ชนะเพียง 1 รายในแต่ละประเภทเท่านั้น



สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภทได้แก่

ประเภทช่างเทคนิค: คุณอนุภาส อยู่สุวรรณ จากศูนย์บริการมาสด้ามหาราช จ.จันทบุรี

ประเภทที่ปรึกษาด้านงานบริการ: คุณรณรนก ปริญกวินทรา จากศูนย์บริการมาสด้า บิซ มอเตอร์ส สาขาสุขุมวิท 65 กรุงเทพมหานคร

ประเภทเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์: คุณสุรีวัลย์ อยู่ยาง จากศูนย์บริการดำรงทรัพย์ มาสด้า กรุงเทพมหานคร

ผู้ชนะในแต่ละประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตร พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาทและของที่ระลึก โดยผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทช่างเทคนิค จะได้เข้าร่วมการแข่งขันทักษะฝีมือช่างเทคนิคในระดับนานาชาติต่อไป

“เอช เซม มอเตอร์” เผยโฉมโชว์รูมบางนา สร้างความมั่นใจ ใกล้ชิดลูกค้า พร้อมบริการครบวงจร



“เอช เซม มอเตอร์” เผยโฉมโชว์รูมบางนา
สร้างความมั่นใจ ใกล้ชิดลูกค้า พร้อมบริการครบวงจร
“เอช เซม มอเตอร์” ทุ่มงบ 15 ล้านบาท ปักหมุดพื้นที่บางนา เปิดโชว์รูมใหม่ พร้อมศูนย์บริการครบวงจร รองรับการขยายตัวของสินค้า ทั้ง SEV และ STC เพื่อให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น วางแผนเปิดอีก 2 โชว์รูม ภายในสิ้นปีนี้
คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “จากประสบการณ์การทำงานจากธุรกิจของครอบครัว “ฮั่วเฮงหลี” มากว่า 38 ปี ได้สะสมวิสัยทัศน์และมุมมองธุรกิจที่สามารถต่อยอด เหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาของ เอช เซม มอเตอร์ ที่ขยายธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รถไฟฟ้า SEV(Siam Electric Vehicle) รถกอล์ฟไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ และรถสามล้อเอนกประสงค์ STC (Siam Tricycle) โดยเปิดโชว์รูมแรกและเป็นสำนักงานใหญ่อยู่ที่พระนครศรีอยุธยา
ด้วยความตั้งใจที่จะดูแลลูกค้าให้ได้รับการบริการไม่เพียงเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน แต่รวมถึงการบริการหลังการขาย เรื่องซ่อมบำรุงต่างๆ เราจึงตัดสินใจขยายธุรกิจด้วยการลงทุนกว่า15 ล้านบาท สร้างโชว์รูม และศูนย์บริการครบวงจรบนพื้นที่บางนา เพื่อให้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และเราจะไม่หยุดนิ่งที่ก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาการบริการและการดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดอย่างแน่นอน
โชว์รูมบางนา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 148 ตรม. ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ขาเข้า ด้านการออกแบบอาคารมีความทันสมัย โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ H SEM MOTOR โลโก้ SEV และ STC สามารถมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน แสดงถึงความโปร่งใสในการดำเนินงานที่มีมายาวนาน สำหรับภายในอาคารออกแบบพื้นที่เป็นสัดส่วน เน้นความสว่างคู่กับการประหยัดพลังงาน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อต้อนรับลูกค้าทุกท่าน


ภายในโชว์รูมจัดแสดง รถไฟฟ้า SEV (Siam Electric Vehicle) แบ่งเป็น 5 ประเภทดังนี้ รถกอล์ฟไฟฟ้า (GOLF SERIES) รถสามล้อไฟฟ้า (ELECTRIC TRICYCLE SERIES) รถไฟฟ้าสำหรับธุรกิจรีสอร์ท (RESORT SERIES) รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (MOTORCYCLE SERIES) และรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ (UTILITY VEHICLE)
อีกทั้ง จัดแสดง รถสามล้อเอนกประสงค์ STC(Siam Tricycle) ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ตั้งแต่ธุรกิจรายย่อย ฟู้ดทรัค จนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แบ่งเป็น

STC 110 Scooter เครื่องยนต์ 110 ซีซี ขับเพลา ระบบช่วงล่างรองรับน้ำหนักด้วย แหนบและโช๊ค กระบะกว้าง 1.00 เมตร ยาวถึง 1.40 เมตร รับน้ำหนักบรรทุกได้ 300 - 500 กิโลกรัม
         STC 
150 Sp รถสามล้อบรรทุกเอนกประสงค์ เครื่องยนต์ 150 ซีซี ขับเพลา ระบบช่วงล่างรองรับน้ำหนักด้วย แหนบและโช๊ค กระบะกว้าง 1.30 เมตร ยาวถึง 1.80 เมตร รับน้ำหนักบรรทุกได้ 500 - 700กิโลกรัม
และ STC Truck Food รถสามล้อบรรทุก สร้างอาชีพ ตกแต่งตามแบบ ใช้งานได้จริง ตอบโจทย์ร้านค้าเคลื่อนที่ในยุคนี้ ด้วยรูปแบบที่สวยงาม บรรทุกหนักได้เป็นอย่างดี
คุณวันชัย กล่าวต่อว่า “นอกจากโชว์รูมที่ทันสมัยแล้วนั้น เอช เซม มอเตอร์ สาขาบางนา ได้ลงทุนสร้างศูนย์บริการครบวงจร เพื่อตอบสนองการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการสำรองอะไหล่ การซ่อมบำรุงที่ได้มาตรฐาน ทีมช่างที่มีความชำนาญ ผ่านการอบรมให้รู้จักถึงสินค้าของเรา เพื่อตอบโจทย์การบริการแบบวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า”
“ความสำเร็จในปัจจุบันเริ่มต้นจากการไว้วางใจจากลูกค้าที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 38 ปี จึงต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเรา และเรายืนยันว่าจะพัฒนาสินค้า รวมถึงบริการให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยตั้งเป้าที่จะขยายสาขาในส่วนรถไฟฟ้า (SEV) ให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ เป็นต้น ส่วนรถสามล้อเอนกประสงค์ (STC) ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 30 ราย ทั่วประเทศ และจะขยายเครือข่ายเพิ่มอีก 30เปอร์เซ็นต์ในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะส่งให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า” คุณวันชัย กล่าวทิ้งท้าย
          ผู้สนใจสามารถแวะชมสินค้าทั้ง SEV และSTC ของ “เอช เซม มอเตอร์” ได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 บูธ 17/1อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 29มีนาคม – 9 เมษายน 2560 หรือเข้าชมที่สำนักงานใหญ่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือที่โชว์รูมบางนาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 092-276-5005

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ทำเซอร์ไพรส์เปิดตัว All New CBR1000RRที่สุดแห่งยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ต ดึง นิกกี้ เฮเด้น อดีตแชมป์ MOTO GP ร่วมเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่



ฮอนด้าบิ๊กไบค์ทำเซอร์ไพรส์เปิดตัว All New CBR1000RRที่สุดแห่งยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ต ดึง นิกกี้ เฮเด้น อดีตแชมป์ MOTO GP ร่วมเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำสายพันธุ์สปอร์ตตัวจริงด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ได้แก่All New Honda CBR1000RR และ All New Honda CBR1000RR SP ที่ครั้งนี้ได้เปลี่ยนโฉมใหม่ภายใต้แนวคิด“Total Control’” โดดเด่นทั้งในด้านขุมพลังของเครื่องยนต์ที่ถ่ายทอดจากสนามแข่งและที่สุดแห่งการควบคุม เสริมด้วยเทคโนโลยีการขับขี่กับชุดอุปกรณ์ควบคุม อิเล็กทรอนิคที่จะช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น และยังเป็นรถที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในรถคลาสเดียวกัน พร้อมดึง นิกกี้ เฮเด้น สุดยอดนักบิดชาวอเมริกันเจ้าของดีกรีแชมป์โลกโมโต จีพี ปี 2006 และสเตฟาน แบรดเดิล แชมป์โลกโมโตทู ปี2011 สังกัดทีม Red Bull Honda World Superbike มาร่วมเปิดตัวสุดยอดยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตให้คนไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และพร้อมให้จับจองเป็นเจ้าของได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 นี้



นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า“ความนิยมรถบิ๊กไบค์ในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเภทรถสปอร์ตที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับกลุ่ม รถประเภทอื่น ซึ่งแน่นอนกลุ่มประเภทรถสปอร์ตของฮอนด้าก็ต้องเป็นรถในตระกูล CBR ที่มีชื่อเสียงในด้านสมรรถนะและการควบคุมรถ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะCBR1000RR ที่มีจุดกำเนิดตั้งแต่ปี 1992 และมีแนวคิดการพัฒนาคือ การนำเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง และ การควบคุมการขับขี่ที่ง่าย เข้ามาไว้ด้วยกัน ซึ่งฮอนด้าได้ยึดถือแนวคิดการออกแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน”



“ทั้งนี้ ฮอนด้าได้พัฒนา All New Honda CBR1000RR ขึ้นมาใหม่ ให้เป็นรถซุปเปอร์สปอร์ตที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่การขับขี่ท้องถนนได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง น้ำหนักที่เบาลง และสามารถควบคุมได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น ประกอบกับสีสันและดีไซน์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวสไตล์เรซซิ่งไบค์ และในครั้งนี้เรายังได้นำรุ่นCBR1000RR SP ที่เป็นรุ่นระดับท็อปที่มีเทคโนโลยีระดับรถที่ใช้แข่งขันเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย”

All New Honda CBR1000RR ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 1000ซีซี. ที่ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาด้วยอัตราส่วนกำลังอัดที่ 13.0 และสามารถทำกำลังสูงสุดได้ 141 กิโลวัตต์ที่ 13,000 รอบต่อนาที เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น TBW & APS เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้า (Throttle by Wire) ที่ทำงานประสานกับเซ็นเซอร์ APS ที่ฝังอยู่ใน Handlebar grip เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบสนองกับแรงบิดของผู้ขับขี่ได้อย่างดีที่สุด, Power Selectorระบบการตั้งค่าการขับขี่ โดยผู้ขับขี่เลือกตั้งค่ากำลังจากเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับแรงบิดของคันเร่ง, HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบควบคุมแรงบิดแบบเลือกได้ของฮอนด้า เพื่อตรวจจับความเร็วล้อด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้การควบคุมรถได้อย่างราบรื่น และ Engine Brake Control ซึ่งสามารถปรับเลือกได้ตามโหมดขับขี่ที่ที่ตั้งไว้เป็นค่ามาตรฐานหรือผู้ใช้สามารถตั้งค่าเองได้ตามต้องการ สะท้อนภาพลักษณ์รถสปอร์ตได้อย่างลงตัวด้วยชุดไฟหน้า ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED และ ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ที่ทำจากไทเทเนียมทำให้มีน้ำหนักเบาแต่ยังคงความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ CBR1000RR มีสองสีให้เลือกด้วยกัน ได้แก่ สีแดง (Victory Red) และ สีดำ (Mat Ballistic Black Metallic)



ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับรุ่น All New CBR1000RR SP พร้อมกับชุดสีดีไซน์ใหม่แบบ Tri-color (Victory Red) โดยถังน้ำมันได้ถูกทำขึ้นจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างไทเทเนียม ทำให้รถรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นปัจจุบันถึง 17 กิโลกรัม และยังอัดแน่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Quick shifter ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ ระบบโช๊ค Ohlins ทั้งหน้า-หลัง ที่สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า และระบบเบรคคู่หน้าเป็นคาลิปเปอร์เบรคMonoblock 4 POT จาก Brembo เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเพิ่มการควบคุมรถสำหรับการ ขับขี่ในสนามแข่งได้สนุกยิ่งขึ้น

ฮอนด้า บิ๊กไบค์พร้อมวางจำหน่าย All New Honda CBR1000RR และ All New Honda CB1000RR SP ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 ที่จะถึงนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของรถ All New CBR1000RR ทั้ง 2 รุ่น ได้ที่เว็ปไซต์www.hondabigbike.com และwww.facebook.com/hondabigbikeTH

โตโย ไทร์ ส่ง PROXES R888 ตอกย้ำสมรรถนะยางสุดซิ่ง ประชันศึก “TOYO TIRES 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2017”



โตโย ไทร์ ส่ง PROXES R888 ตอกย้ำสมรรถนะยางสุดซิ่ง
ประชันศึก “TOYO TIRES 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2017”


นายปฏิภาณ อนันต์รัตนสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายยางโตโย ไทร์ ร่วมงานแถลงข่าว ปล่อยตัวรถแข่ง ISUZU ONE MAKE RACE ในรายการ “TOYO TIRES 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2017” จำนวน 30 คัน ซึ่งเป็นรายการแข่งที่มีจำนวนรถปิคอัพเข้าแข่งขันมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่ง ONE MAKE RACE ของประเทศไทย พร้อมจัดส่งยาง TOYO TIRES PROXES R888 ประจำการรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE ตลอดการแข่งขัน พร้อมพิสูจน์ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน สร้างความมั่นใจในการควบคุม พร้อมสร้างสถิติใหม่ในการแข่งขัน

ทายาทลำดับที่ 2 ของรถสปอร์ตซาลูนขุมพลังไฮบริดจากปอร์เช่ พานาเมร่า เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ที่เมืองเจนีวา


ทายาทลำดับที่ 2 ของรถสปอร์ตซาลูนขุมพลังไฮบริดจากปอร์เช่ พานาเมร่า เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ที่เมืองเจนีวา
ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ขีดสุดของพละกำลังเหนือระดับ

สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่เดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในฐานะยนตกรรมสมรรถนะสูง ด้วยการเปิดตัว พานาเมร่าเทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ใหม่ล่าสุด นับเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกแห่งนี้ เปิดผ้าคลุมเผยโฉมยานยนต์พลังขับเคลื่อน plug-in hybrid ในตำแหน่งเรือธงของรถยนต์สปอร์ตซาลูนประจำค่าย ออกสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกในโลก ขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 4.0 ลิตร ซึ่งประจำการอยู่ใน พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ได้รับการติดตั้งผสานการทำงานอย่างกลมกลืน ลงตัวกับมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือพละกำลังสูงสุดกว่า 680 แรงม้า/500 กิโลวัตต์ พร้อมตอบสนองทันทีที่เหยียบคันเร่ง : แรงบิดมหาศาลระดับ 850 นิวตันเมตร จะนำพา พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) พุ่งทะยานอย่างเต็มสมรรถนะเมื่อเข็มวัดรอบเครื่องยนต์ตวัดพ้นรอบเดินเบา นั่นหมายถึงอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น สำหรับความเร็วสูงสุดทะลุเพดานไปถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไม่ยากเย็น กระบวนการจัดการพลังงานระดับอัจฉริยะของ พานาเมร่า (Panamera) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive คันนี้ ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถซูเปอร์สปอร์ตอย่างปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) จากการทดสอบโดยใช้มาตรฐานของ New European Driving Cycle จะได้ตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ เพียง 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.9 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พานาเมร่า (Panamera) รุ่น เรือธงคันนี้ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เป็นระยะทางสูงสุดได้ถึง 50 กิโลเมตร พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) คืออัตลักษณ์และตัวแทนที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนายานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากปอร์เช่

แนวคิดในการผสานพลังขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V8 และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
ผลจากความสำเร็จอย่างงดงามหลังจากการเปิดตัว พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ซึ่งได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ปอร์เช่จึงไม่รีรอที่จะแสดงศักยภาพเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน hybrid ล้ำอนาคตที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะชั้นเลิศให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้งด้วย พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ใหม่ล่าสุด ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) เป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องยนต์ V8 (ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้า/404 กิโลวัตต์) ด้วยอุปกรณ์ de-coupler ซึ่งติดตั้งอยู่ภายใน Porsche hybrid module ควบคุมการทำงานด้วยระบบelectromechanically ผ่านชุดคลัทช์ไฟฟ้า electric clutch actuator (ECA) เช่นเดียวกับ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ผลคืออัตราการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังคงความนุ่มนวลไม่เปลี่ยนแปลง ภายใต้แนวคิดเดียวกันในการออกแบบพัฒนาปอร์เช่ พานาเมร่า เจเนอเรชั่นที่ 2 ทุกคัน ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ คลัทช์คู่ 8 จังหวะ Porsche Doppelkupplung (PDK) เปลี่ยนอัตราทดได้อย่างแม่นยำฉับไว เพียงเสี้ยววินาที ถ่ายทอดพละกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ adaptive all-wheel drive อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์ผ่านระบบ Porsche Traction Management (PTM) ทั้งหมดนี้คือแนวคิด E-Performance ซึ่งขับเน้นสมรรถนะอันยอดเยี่ยมให้แก่ยนตกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู เร่งออกตัวก้าวข้ามพิกัดความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึงกว่า 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) คือยนตกรรมแกรนทัวริ่งระดับผู้นำที่กำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถยนต์ระดับเดียวกัน พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม air suspension เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่งมอบประสิทธิภาพการทรงตัวและการยึดเกาะที่มั่นคงสไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบ โดยยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวล สะดวกสบายตอบรับทุกลักษณะการใช้งาน ให้ทุกการขับขี่และเดินทางเป็นประสบการณ์แห่งสมรรถนะเหนือระดับที่ได้รับจากยอดยนตกรรมสปอร์ตซาลูนคันนี้เท่านั้น

มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ liquid-cooled lithium-ion ซึ่งมีความจุถึง 14.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมงโดยสามารถชาร์จพลังงานกลับจนกระทั่งเต็มความจุของแบตเตอรี่ภายในระยะเวลา 6 ชั่วโมง เมื่อใช้สายชาร์จแบบ 10A 230-V ในกรณีที่เลือกใช้อุปกรณ์พิเศษ สายชาร์จแบบ on-board ขนาด 7.2 กิโลวัตต์ 32A 240-V แทนที่อุปกรณ์มาตรฐานขนาด 3.6 กิโลวัตต์ จะสามารถชาร์จพลังงานกลับไปยังแบตเตอรี่จนเต็มความจุได้ภายในเวลาเพียง 2.4 ชั่วโมงเท่านั้น ขั้นตอนการชาร์จพลังงานจะได้รับการจับเวลาด้วยระบบ Porsche Communication Management (PCM) นอกจากนี้ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ยังได้รับการติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ auxiliary air conditioning เพิ่มขีดความสามารถในการทำความเย็นหรือทำความอบอุ่นให้แก่ห้องโดยสารแม้ในขณะอยู่ระหว่างขั้นตอนการชาร์จ



สนองตอบ 3 วัตถุประสงค์การใช้งานอย่างยอดเยี่ยม สมรรถนะสปอร์ตเต็มขั้น ความสะดวกสบายผ่อนคลายในการเดินทาง และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงชั้นเลิศ

สมรรถนะการขับขี่ หรูหราสะดวกสบาย และประสิทธิภาพการทำงาน คือความสมบูรณ์แบบ 3 สิ่งที่รวมกันอยู่ในรถยนต์ คันนี้ : ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ออกสตาร์ทด้วยรูปแบบการขับเคลื่อนจากพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวด้วยโปรแกรม “E-Power” เป็นมาตรฐาน รถสปอร์ต 4 ประตูคันนี้ สามารถวิ่งในสภาวะ ยานยนต์ปราศจากมลพิษ หรือ zero emissions ได้ด้วยระยะทางสูงสุดถึง 50 กิโลเมตร แต่ในทันทีที่ผู้ขับขี่เรียกหาพละกำลังจากรถยนต์คันนี้ด้วยการเหยียบคันเร่งมากขึ้น หรือในขณะที่พลังงานในแบตเตอรี่ลดต่ำลงกว่าระดับที่กำหนด พานาเมร่าจะปรับการทำงานไปยังโปรแกรมการขับขี่แบบ “Hybrid Auto” ซึ่งกำลังขับเคลื่อนจากจุดกำเนิดทั้ง 2 จะได้รับการนำมาใช้พร้อมกัน อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐานการทดสอบของ New European Driving Cycle (NEDC) สำหรับรถยนต์ plug-in hybrid ทำได้ที่ 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.9 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่ 66 กรัมต่อกิโลเมตร) และมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 16.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร

เพิ่มทางเลือกด้วยรุ่นฐานล้อพิเศษ
เรือธงคันใหม่ของ ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นที่ 2: พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) กำลังจะได้รับการเผยโฉมเป็นครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ Geneva Motor Show (จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 ถึง 19 มีนาคม 2017) ในโอกาสนี้ยนตกรรมแกรนทัวริ่ง 4 ประตูมาพร้อมทางเลือกที่สนองตอบความเหนือระดับยิ่งขึ้นจากความพิเศษในรุ่น Executive ซึ่งได้รับการขยายความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นถึง 150 มิลลิเมตร

ในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งใน พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ประกอบด้วย ระบบเบรก Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) ระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) พร้อมระบบ Power Steering Plus และล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์ 911 Turbo นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ auxiliary air-conditioning อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ และ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ three-chamber air suspension พร้อมระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ในรุ่นฐานล้อพิเศษติดตั้งระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering เป็นมาตรฐาน

ติดตามภาพข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.de) และข้อมูลเพิ่มเติมที่ Porsche press database (http://presse.porsche.de)

อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์


พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.6-10.7 กิโลเมตรต่อลิตร (9.4-9.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) ในเมือง 7.8-7.7 กิโลเมตรต่อลิตร (12.9-12.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) นอกเมือง 13.8-13.6 กิโลเมตรต่อลิตร (7.3-7.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร), อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 214-212 กรัมต่อกิโลเมตร

พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร (2.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 16.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 66 กรัมต่อกิโลเมตร

พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด เอ็กซ์เซคคูทีฟ (Panamera Turbo S E-Hybrid Executive) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร (2.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 16.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 66 กรัม ต่อกิโลเมตร

**ค่าที่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของยางรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้ง
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved