Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

โรลส์-รอยซ์ “SWEPTAIL” สู่ฝันที่เป็นจริงของยนตรกรรมสั่งผลิตหนึ่งเดียวใน


โรลส์-รอยซ์ “SWEPTAIL” สู่ฝันที่เป็นจริงของยนตรกรรมสั่งผลิตหนึ่งเดียวใน

29 พฤษภาคม 2560 – กรุงเทพฯเมื่อครั้งที่โรลส์-รอยซ์เปิดตัวยานยนต์วิสัยทัศน์รุ่น 103EX สู่สายตาชาวโลก ได้ปลุกความปรารถนาของบรรดาลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่สั่งผลิตตัวถังพิเศษเพียงคันเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของตนเอง ยานยนต์แห่งจินตนาการของโรลส์-รอยซ์รุ่นนี้ได้นำเสนอปรากฏการณ์แห่งยานยนต์สั่งผลิตที่มอบความหรูหราและสื่อถึงเอกลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถเนรมิตรถยนต์ในฝันของทุกคนได้ในทุกรายละเอียด และถือเป็นนิยามแห่งยานยนต์สั่งผลิตระดับหรูที่แสดงถึงตัวตนของผู้ครอบครองได้อย่างแท้จริง

แนวคิดของยานยนต์สั่งผลิตแห่งอนาคตของโรลส์-รอยซ์นี้ได้ปลุกความปรารถนาขึ้นในตัวชายผู้หนึ่ง ซึ่งต่อมา เขาได้เดินทางมายังโรลส์-รอยซ์และบอกเล่าถึงความฝันการผลิตรถยนต์แบบ 2 ที่นั่งในแบบฉบับของเขาเอง ซึ่งโรลส์-รอยซ์ได้เนรมิตขึ้นและขนานนามว่า“สเวพเทล (Sweptail)” ซึ่งมีกลิ่นอายของยานยนต์โรลส์-รอยซ์ยอดนิยมในยุค 1920 โดยชายผู้นี้ได้ขอให้โรลส์-รอยซ์ปรับรูปลักษณ์ใหม่ เพื่อสร้างสรรค์สุดยอดมอเตอร์คาร์ที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของเขาเอง

งานเปิดตัว โรลส์-รอยซ์ สเวพเทล รอบสื่อมวลชนจัดขึ้นภายในงานคอนคอร์โซ เดอ'เอเลแกนซา ณ วิลลา เดสเต (Concorso d’Eleganza at Villa d’Este) เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2560 โดย มร.ทอร์สเทน มูลเลอร์ ออทวอส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า “สเวพเทล คือรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ซึ่งเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลแห่งการเดินทางในแบบฉบับของตัวเองและถือเป็นอนุสรณ์อันน่าเกรงขามแห่งโลกของยานยนต์สั่งผลิตที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก โรลส์-รอยซ์คือผู้นำในโลกของรถยนต์สั่งผลิตระดับหรูที่สั่งสมเกียรติประวัติมาอย่างยาวนานจนได้รับการยอมรับไปทั่วโลก การเปิดตัวยานยนต์รุ่น 103EX ได้ฉายแสงสู่อนาคตแห่งธุรกิจนี้ให้แก่โรลส์-รอยซ์ และวันนี้ สเวพเทล คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์แห่งความสำเร็จของโรลส์-รอยซ์ ในฐานะผู้นำของแบรนด์ยานยนต์สั่งผลิตตัวจริง เรารับฟังความต้องการของลูกค้าคนสำคัญอย่างละเอียด เพื่อนำเงินลงทุนของเขามาสู่การสร้างสรรค์ยานยนต์ในฝันเพียงหนึ่งเดียวในโลกให้เป็นจริง ในขณะเดียวกัน เราก็พยายามเสาะหาเฉพาะทรัพยากรที่ดีที่สุดเพื่อการนำเสนอบริการที่โดดเด่นเพื่อลูกค้าชั้นเลิศของเรา”

สเวพเทล – จากจินตนาการสู่ความเป็นจริง

“สเวพเทล เปรียบเสมือนยานยนต์แห่งแฟชั่นระดับโอต์ กูตูร์” จิลส์ เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายนักออกแบบ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าว “รถยนต์คันนี้ได้รับการออกแบบและผลิตตามคำสั่งเฉพาะโดยโรลส์-รอยซ์ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าเพียงรายเดียว โดยลูกค้ารายนี้เดินทางมายังสำนักงานใหญ่พร้อมแนวคิดการสร้างรถยนต์ เสมือนเราให้คำปรึกษาเรื่องเสื้อผ้าแก่เขา และเราก็ทำหน้าที่ตัดเสื้อผ้าชุดนั้นด้วย อาจกล่าวได้ว่า เราเป็นผู้ตัดชุดสูทที่แสดงถึงตัวตนของเขานั่นเอง”

ด้วยแรงบันดาลใจจากรถยนต์สั่งผลิตอันงดงามของโรลส์-รอยซ์ในช่วงทศวรรษที่ 1920 และ 1930 ลูกค้าต้องการรถยนต์คูเป้สั่งผลิตแยกตัวถังแบบ 2 ที่นั่ง โดยมีหลังคากระจกขนาดใหญ่แบบพานอรามิกยาวตามแนวรถ และเช่นเดียวกับลูกค้ารถยนต์สั่งผลิตของโรลส์-รอยซ์ทั่วไป เขามีแรงบันดาลใจจากรถยนต์ยอดนิยมหลายรุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 รวมถึงความหรูหราสง่างามจากรูปทรงของเรือยอชท์ทั้งแบบคลาสสิกและแบบโมเดิร์นในหลากหลายรุ่น

เทย์เลอร์และทีมนักออกแบบของเขาต้องทำงานกับลูกค้ารายนี้เป็นเวลาหลายปี เสมือนการเดินทางที่ต้องใช้สติปัญญาอย่างมากเพื่อมอบชีวิตให้แก่รถยนต์ในจินตนาการของลูกค้ารายนี้ และผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมที่ปรากฏในท้ายที่สุดคือ โรลส์-รอยซ์ สเวพเทล สุดยอดยานยนต์ที่มอบความโดดเด่นเหนือใคร



สเวพเทล – จินตนาการแห่งเอกลักษณ์ยานยนต์

สเวพเทลนำเสนอเอกลักษณ์อันเป็นแบบฉบับของรถยนต์โรลส์-รอยซ์ทุกรุ่นอย่างชัดเจน ซึ่งโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ด้านหน้าตัวรถที่สื่อถึงความมั่นใจและบึกบึน ดึงดูดทุกสายตาด้วยดีไซน์ตะแกรงหน้าอันงามสง่าในสไตล์ Rolls-Royce Pantheon ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมแข็งและขัดเงาอย่างประณีตโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญให้ใสเงางามดั่งกระจกเงา พร้อมแต่งขอบด้านหน้าทั้งหมดด้วยกรอบอลูมิเนียมขัดขาวที่มอบความเด่นชัดให้แก่ด้านหน้าของตัวรถ

ส่วนดีไซน์ด้านข้างมอบความงดงามที่สะกดสายตาด้วยเส้นสายที่หรูหราและพลิ้วไหว ให้ล้อรับกับดีไซน์อันสง่างามด้านหน้าของตัวรถและสื่อถึงยานยนต์คูเป้ชั้นสูงอย่างชัดเจน ด้วยการออกแบบกระจกหน้าและแนวเส้นหลังคาที่ต่อเนื่องกันอย่างไร้ที่ติ ดึงสายตาสู่ส่วนท้ายของตัวรถอย่างราบรื่นประหนึ่งมอเตอร์คาร์ชั้นสูง และนำสายตาไปจนถึงส่วนกระโปรงท้ายที่ออกแบบให้ยื่นยาวออกไปอย่างหรูหรา

ส่วนท้ายรถนำเสนอดีไซน์ที่เปี่ยมเสน่ห์และงดงามไร้ที่ติ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการแข่งขันเรือยอชท์ของลูกค้าที่เสาะหารูปทรงที่ชื่นชอบมาอย่างพิถีพิถัน เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าส่วนท้ายที่ลู่ลงแบบสอบเข้านั้นให้ความรู้สึกตรงข้ามกันอย่างมากกับส่วนหน้ารถที่ดูบึกบึนแข็งแกร่งแบบมอเตอร์คาร์ และนี่คือการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่อันน่าหลงใหลของยานยนต์โรลส์-รอยซ์คูเป้แห่งยุคนี้

รูปทรงที่ลู่ลมด้านท้ายยังได้รับการตกแต่งด้วยตัวเลข 08 ที่ทำจากแท่งอลูมิเนียมและขัดเงาโดยช่างฝีมือ เพื่อสร้างเอกลักษณ์และยังเป็นหมายเลขทะเบียนของยานยนต์คันนี้

ความหรูหราทันสมัยของการตกแต่งภายในห้องโดยสาร

ด้วยรูปทรงที่หรูหราสะอาดตาและภูมิฐานของตัวรถด้านข้าง ประกอบกับหน้าต่างขนาดยาวพิเศษและหลังคากระจกแบบพานอรามิก ได้ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางการออกแบบตกแต่งภายในของรถคูเป้ 2 ที่นั่งคันนี้ เพื่อสะท้อนถึงความเป็นหนึ่งเดียว ความทันสมัย และความเรียบง่ายที่เปี่ยมด้วยผลงานของช่างฝีมือชั้นสูงของโรลส์-รอยซ์

ในขณะขับขี่และมองเห็นภูมิทัศน์ภายนอกเคลื่อนผ่านหน้าต่างขนาดใหญ่ไปนั้น ผู้โดยสารยังจะได้สัมผัสถึงปรัชญาการออกแบบภายในที่เน้นความเรียบง่ายและโปร่งสบายตา อันเกิดจากการผสมผสานองค์ประกอบและรูปทรงที่บริสุทธิ์อย่างลงตัว การตกแต่งภายในเน้นการใช้ไม้มากัสซาอีโบนีและไม้พัลดาโอขัดเงาเพื่อสร้างมิติการมองและสัมผัสอันหรูหราที่แตกต่าง ซึ่งให้ทั้งความรู้สึกคลาสสิกและร่วมสมัยไปพร้อมกัน พร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยหนังมอคเคซินและหนังดาร์กสไปซ์ในส่วนของเบาะนั่ง ที่พักแขน และส่วนบนของแผงควบคุม

ด้วยแรงบันดาลใจจากรายการแข่งขันจีทีในอีกฝากฝั่งทวีปที่โรลส์-รอยซ์ เป็นผู้ริเริ่มจัดขึ้นในยุค 1920 และ 1930 บริเวณที่นั่งด้านหลังจึงถูกแทนที่ด้วยแผงไม้ตกแต่งขนาดใหญ่และประดับด้วยแผ่นกระจกขัดเงา ส่วนบริเวณใต้ฝากระโปรงท้ายที่ติดตั้งไฟแบ็กไลท์ ติดตั้งที่แขวนหมวกที่ออกแบบมาอย่างสวยหรู เงางาม พร้อมด้วยรางเก็บกระเป๋าสัมภาระพร้อมสรรพ

บริเวณด้านหลังเบาะนั่ง ติดตั้งด้วยส่วนประกอบที่เรียกว่า พาสซาเรลล์ (Passarelle) ที่ไล่จากขอบหลังของกระจกหน้าและเชื่อมไปถึงที่แขวนหมวกด้านหลัง เพื่อให้เกิดเส้นนำสายตาเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบภายในเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน

ดีไซน์ส่วนแผงหน้าปัดให้ความรู้สึกเรียบหรูและมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว เรื่อยไปจนถึงส่วนสวิตช์เกียร์ที่ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ให้สอดคล้องกับหน้าปัด ซึ่งหน้าปัดดีไซน์แบบชิ้นเดียวครั้งแรกของโลกโดยโรลส์-รอยซ์นี้เป็นงานฝีมือที่ผลิตจากไม้วีเนียร์มากัสซาที่มีความบางที่สุด ติดตั้งนาฬิกาฝังลงบนแผงหน้าปัด โดดเด่นด้วยกลไกเข็มไทเทเนียมอันเที่ยงตรง ซึ่งเข็มทั้งสามบนแผงหน้าปัดที่ประกอบด้วยมือนี้ใช้วัสดุไทเทเนียมทั้งหมด



นอกจากนี้ สเวพเทล ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานลับอีก 2 จุดที่น่าประทับใจซุกซ่อนอยู่

ภายใต้แผงปิดเครื่องยนต์ส่วนท้ายของด้านข้างรถ ซึ่งอยู่หลังประตูแบบ Coach Door ติดตั้งช่องสัมภาระที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งภายในบรรจุช่องใส่เอกสารแบบแฮนด์เมดที่ติดกระดุมสวยหรู โดยทั้งสองช่องถูกออกแบบให้มีที่เก็บสัมภาระแบบฟูลเซ็ตเหมือนกัน ด้วยดีไซน์ในแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์สำหรับยานยนต์สเวพเทลคันนี้เท่านั้น

เสน่ห์ที่แท้จริงของสเวพเทล คือรายละเอียดแห่งงานดีไซน์ระดับมาสเตอร์ที่งดงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะคอนโซลกลางซึ่งติดตั้งระบบกลไกที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในรถยนต์คันนี้เท่านั้น พร้อมช่องใส่ขวดแชมเปญและช่องวางแก้วแชมเปญคริสตัลอีกสองช่อง เพื่อการเฉลิมฉลองการเดินทางอันน่ารื่นรมย์

การรังสรรค์ยานยนต์สั่งผลิตรุ่น โรลส์-รอยซ์ สเวพเทล คันนี้มีความสมบูรณ์แบบในทุกองค์ประกอบ โดยเลือกใช้วัสดุคัดเกรดพรีเมี่ยม ติดตั้งโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญด้วยความใส่ในใจทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง และนี่คืออีกหนึ่งสุดยอดยานยนต์ที่มีเพียงคันในโลกจากโรลส์-รอยซ์

อีซูซุเปิดเวที Isuzu Creative Brains Challenge ค้นหานักออกแบบรถอีซูซุในฝัน



อีซูซุเปิดเวที Isuzu Creative Brains Challenge ค้นหานักออกแบบรถอีซูซุในฝัน


อีซูซุเปิดเวทีประชันไอเดีย ค้นหานักออกแบบยานยนต์รุ่นใหม่ไฟแรงในกิจกรรม“ISUZU DREAM CAR” Design Contest ในโครงการ “Isuzu Creative Brains Challenge 2017” อีซูซุ... คิดให้ต่างอย่างคนรุ่นใหม่ โดยเชิญชวน นิสิต นักศึกษา ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี จากสถาบันอุดมศึกษา หรือระดับอนุปริญญาจากสถาบันอาชีวศึกษา จัดทีมระดมสมองออกแบบรถอนาคตของอีซูซุในจินตนาการ ชิงรางวัลทุนการศึกษา รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หมดเขตส่งผลงาน 11 กรกฎาคม ศกนี้


กลุ่มตรีเพชร โดย คุณปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ตลอด 60 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อีซูซุไม่เคยหยุดยั้งการคิดค้นนวัตกรรมแห่งยานยนต์ เพื่อให้ผู้ใช้รถชาวไทยและทั่วโลกได้ใช้รถที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบที่ตอบรับทุกความต้องการของผู้ใช้รถ สมรรถนะที่เป็นเยี่ยมในทุกด้าน และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ “Isuzu Creative Brains Challenge 2017” อีซูซุ...คิดให้ต่างอย่างคนรุ่นใหม่ ในปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 6โดยจัดการประกวดในหัวข้อ “Isuzu Dream Car” Design Contest เพื่อเป็นเวทีให้น้องๆ นิสิต นักศึกษารุ่นใหม่ในสถาบันเดียวกัน จัดกลุ่มรวมกันเป็นทีมมาร่วมสร้างสรรค์ และโชว์ศักยภาพในการออกแบบยานยนต์อีซูซุแห่งโลกอนาคตตามจินตนาการ และแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นรถปิกอัพ รถยนต์นั่งเอนกประสงค์ หรือรถบรรทุก ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีให้น้องๆ ได้ฝึกฝนฝีมือ และสร้างสรรค์ไอเดียสุดครีเอทีฟได้อย่างไม่จำกัด”


กิจกรรม “Isuzu Dream Car” Design Contest ในโครงการ “Isuzu Creative Brains Challenge 2017” เป็นการประกวดออกแบบรถอนาคตในจินตนาการ เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี จากสถาบันอุดมศึกษา หรือระดับอนุปริญญาจากสถาบันอาชีวศึกษา ทั่วประเทศ อายุไม่เกิน 25 ปี ทีมละ 3 – 5 คน จากสถาบันเดียวกัน ไม่จำกัดคณะ และชั้นปี มาร่วมสร้างสรรค์ออกแบบยานยนต์แห่งโลกอนาคต ได้ทั้งรถปิกอัพ รถยนต์นั่งเอนกประสงค์ และรถบรรทุก โดยสร้างสรรค์ผลงานได้ทั้งวาดมือ และผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยผู้สมัครจะต้องออกแบบรถใน 3 มุม คือ ด้านหน้ารถ ข้างรถ และหลังรถ พร้อมอธิบายแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยไม่จำกัดจำนวนผลงานที่ส่งเข้าประกวด ชิงรางวัลทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 1 ล้าน หมดเขตส่งผลงานวันที่ 11 กรกฎาคม 2560

ติดตามรายละเอียดการแข่งขัน และสมัครได้ที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด www.isuzucreativebrainschallenge.comและ Facebook: ISUZU ICBC

มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน จัดงาน “เธอคือแรงแห่งลมหายใจ” ขอบคุณผู้ร่วมปลูกฝังความซื่อสัตย์สุจริตในสังคมไทย



มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน จัดงาน “เธอคือแรงแห่งลมหายใจ”
ขอบคุณผู้ร่วมปลูกฝังความซื่อสัตย์สุจริตในสังคมไทย


“IMC สื่อสากล” ผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน” เชิญภาครัฐ ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และสื่อมวลชนร่วมงาน “เธอคือแรงแห่งลมหายใจ” แสดงความขอบคุณที่เป็นแรงสนับสนุนการรณรงค์แก้ปัญหามลพิษ และส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีจิตสำนึกแห่งความซื่อสัตย์สุจริต

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์" และประธานมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน เปิดเผยว่า งาน “เธอคือแรงแห่งลมหายใจ” ในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่บริษัทฯ ต้องการแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อถือ การยอมรับ และความสำเร็จของมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน โดยเฉพาะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. มอบโล่เชิดชูเกียรติอันดับหนึ่งตอบแทนการทำคุณงามความดีในการส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปี 2559ให้แก่ประธานมูลนิธิเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 ล้วนมาจากการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมกิจการเด็กและเยาวชน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และสื่อมวลชนทุกแขนง


รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่ซื้อบัตรเข้าชมงาน “มหกรรมยานยนต์” ในวันแรกของงาน ซึ่งจัดให้เป็นวันมหากุศล โดยนำรายได้จากการจำหน่ายบัตรในวันนั้นทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน

“ด้วยเหตุนี้เราจึงตั้งชื่องานว่า “เธอคือแรงแห่งลมหายใจ”เพื่อขอบคุณทุกภาคส่วนที่เป็นเสมือน “แรง” ผลักดัน และเกื้อหนุนให้มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ได้อย่างแข็งขัน สร้างสภาพแวดล้อมที่สดใส และสังคมไทยที่มีจิตสำนึกแห่งความซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”

ประธานมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน ยังเปิดเผยถึงความเป็นมาของแนวคิดและวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิฯ ว่า เนื่องจากบริษัท สื่อสากล จำกัด มีความรับผิดชอบในสองสถานะ ที่มิอาจแยกออกจากกันได้ นั่นคือสถานะสมาชิกของอุตสาหกรรมยานยนต์ และสถานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาของยานยนต์ว่าเป็นตัวการสร้างมลพิษในอากาศ ส่วนปัญหาใหญ่ของสังคมไทย คือการทุจริตคอร์รัพชันที่เกิดขึ้นในทุกระดับ

ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงก่อตั้งมูลนิธิลมหายใจไร้มลทินในปี 2550 โดยมีเป้าหมายสำคัญสองประการคือ รณรงค์ลดมลพิษในอากาศที่เกิดจากการใช้ยานยนต์ และปลูกฝังจิตสำนึกความซื่อสัตย์สุจริต ให้แก่เยาวชน

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมามูลนิธิฯ สนับสนุนให้อากาศและสภาพแวดล้อมปลอดมลพิษจากการผลิตและการใช้ยานยนต์ ด้วยการมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นประจำทุกปี

ส่วนด้านสังคม “IMC สื่อสากล” ได้นำรายได้จากวันมหากุศลของงาน “มหกรรมยานยนต์” และรายได้จากการจัดงานกาลาดินเนอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทรถยนต์มาใช้ในการจัดกิจกรรม รณรงค์ปลูกฝังค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่เยาวชนไทยทั่วประเทศ พร้อมสร้างเครือข่ายเยาวชนให้เป็นแกนนำในการรณรงค์ดังกล่าวอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการตอบรับจากเยาวชนและสถานศึกษาเป็นจำนวนมาก จนถึงปัจจุบัน มีเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฯ กว่า 20,000 คน และมีสถานศึกษาให้ความร่วมมือเป็นเครือข่ายของมูลนิธิฯ กว่า 2,000 แห่ง

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมของมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน ได้ที่ www.lomhaijai.org หรือhttp://www.facebook.com/lomhaijaimotorexpo ส่วนสถานศึกษาที่ต้องการร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิ สามารถติดต่อได้ที่ โทร 0-2641-8444 ต่อ 215

อีซูซุเฟ้นหาเจ้าแห่งนักขับ ปะทะ เจ้าแห่งรถบรรทุก NEW! ISUZU KING OF TRUCKS สร้างมาตรฐานการขับขี่ระดับสากลเพื่อยกระดับวงการขนส่งไทย



อีซูซุเฟ้นหาเจ้าแห่งนักขับ ปะทะ เจ้าแห่งรถบรรทุก NEW! ISUZU KING OF TRUCKS สร้างมาตรฐานการขับขี่ระดับสากลเพื่อยกระดับวงการขนส่งไทย


อีซูซุร่วมกับกรมการขนส่งทางบกจัดการแข่งขัน “อีซูซุยอดนักขับมือทอง”ประจำปี 2560 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 พร้อมนำสุดยอดรถบรรทุกอีซูซุ ใหม่! เจ้าแห่งรถบรรทุก “Isuzu King of Trucks” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ ร่วมประลองฝีมือการขับขี่ของสิงห์รถบรรทุกทั่วประเทศ เฟ้นหาเจ้าแห่งนักขับรถบรรทุกเมืองไทย ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1,100,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย และต่อยอดสู่ความเป็นที่หนึ่งร่วมกันของธุรกิจขนส่งยุคใหม่ในแบบ “อีซูซุ...คู่คิดมืออาชีพ”

การแข่งขัน “อีซูซุยอดนักขับมือทอง ครั้งที่ 12 ประจำปี 2560” นับเป็นเวทีเกียรติยศที่เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับเหล่าสิงห์รถบรรทุก ซึ่งนับเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักของวงการธุรกิจขนส่งเมืองไทย เพื่อเฟ้นหา “เจ้าแห่งนักขับ” ที่มีความเชี่ยวชาญและมีทักษะการควบคุมรถบรรทุกให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยต้องผ่านด่านทดสอบสุดหินทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ ซึ่งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจขนส่งของไทยให้ก้าวไกลสู่มาตรฐานระดับสากล โดยปีนี้ได้นำสุดยอดรถบรรทุกอีซูซุที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ใหม่! เจ้าแห่งรถบรรทุก “Isuzu King of Trucks” ที่พัฒนาไปอีกขั้นสู่ความเป็นสุดยอดในทุกด้าน ทั้งดีไซน์ ความสะดวกสบาย สมรรถนะ ความปลอดภัย และความประหยัดน้ำมัน ร่วมลงแข่งขันเป็นสนามแรก ทั้งในประเภทรถหัวลาก และประเภทรถสิบล้อลากพ่วง โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือกระดับภูมิภาคและรอบชิงชนะเลิศ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับภูมิภาค ผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับ 1-4 จะได้รับรางวัลเงินสด 10,000, 8,000, 6,000, 4,000 และ 3,000 บาท ตามลำดับ และยังได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการชิงชัยในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง ประเภทละ 5 คน รวมทั้งสิ้น 50 คน ส่วนเจ้าของกิจการของพนักงานขับรถที่ได้รับรางวัลในรอบคัดเลือกจะได้รับรางวัลบัตรกำนัลอีซูซุมูลค่า 10,000, 8,000, 6,000, 4,000 และ 3,000 บาท ตามลำดับอีกด้วย โดยจัดแข่งขันในจังหวัดต่าง ๆ รวม 5 ครั้งทั่วประเทศ ดังนี้

· ลานอเนกประสงค์ รร.นิภาการ์เด้น จังหวัดสุราษฎร์ธานี : วันเสาร์ที่ 17มิถุนายน 2560

· ลานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ : วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2560

· ลานกิจกรรม ศูนย์ค้าส่งอู้ฟู่ จังหวัดขอนแก่น : วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2560

· ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี : วันเสาร์ที่ 15 และวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2560

สำหรับรอบชิงชนะเลิศกำหนดจัดการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม ศกนี้ ณ สนามทดสอบไทยบริดจสโตน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับ 1-2 ของทั้ง 2 ประเภท จะได้รับรางวัลเงินสด 100,000, 50,000 และ 30,000บาท พร้อมโล่เกียรติยศจากอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ตามลำดับ เจ้าของกิจการจะได้รับรางวัลบัตรกำนัลอีซูซุมูลค่า 20,000บาท

ท่านเจ้าของรถบรรทุกอีซูซุหรือพนักงานขับรถบรรทุกอีซูซุทั่วประเทศที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดการสมัครแข่งขัน “อีซูซุยอดนักขับมือทอง” ครั้งที่ 12 ประจำปี2560 เพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.comและ Facebook: Isuzu Trucks Thailand Official หรือสายด่วนอีซูซุลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2118-0777



การจับมือกับหุ้นส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและร่วมทุนทางธุรกิจเพื่อสรรสร้างเทคโนโลยีแห่งอนาคต เปิดตัว Porsche Digital, Inc ที่ ซิลิคอน วัลเล่ย์



การจับมือกับหุ้นส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและร่วมทุนทางธุรกิจเพื่อสรรสร้างเทคโนโลยีแห่งอนาคต

เปิดตัว Porsche Digital, Inc ที่ ซิลิคอน วัลเล่ย์

สตุ๊ทการ์ท/ซานตา คลารา. ปอร์เช่เดินหน้าสู่อนาคตแห่งโลกยุคดิจิตอลอย่างเต็มสมรรถนะ: ด้วยการเปิดตัวฐานบัญชาการแห่งใหม่ Porsche Digital, Inc. ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่เมืองซานตา คลารา, ซิลิคอน วัลเล่ย์, รัฐแคลิฟอร์เนีย นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นโครงการมากมายของหนึ่งในศูนย์นวัตกรรมและดิจิตอลระดับชั้นนำ ที่มีความสำคัญสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก เหนือสิ่งอื่นใด จุดมุ่งหมายหลักของ Porsche Digital คือการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหุ้นส่วนผู้มีความชำนาญในด้านการรังสรรค์นวัตกรรมและเป็นผู้นำสำหรับการก่อกำเนิดเทคโนโลยียุคใหม่ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการประสานงานกับบริษัทร่วมทุนทางธุรกิจรายอื่น ทั้งนี้ปอร์เช่มีความต้องการลงทุนโดยตรงกับบรรดาองค์กรสายเลือดใหม่ เพื่อนำเสนอแนวความคิดและวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ สำหรับอนาคตของโลกดิจิตอลที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ในปัจจุบัน Porsche Digital, Inc. ถือเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา ภายใต้การกำกับดูแลของ Porsche Digital GmbH โดยมีบุคลากรร่วมปฏิบัติงานประมาณ 100 คน

องค์กรด้านเทคโนโลยีของปอร์เช่แห่งนี้ ได้รับมอบหมายให้ทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อการจัดวางแผนกลยุทธ์เกี่ยวกับโลกดิจิตอลอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงการเฝ้าติดตามและเกาะกระแสความนิยมที่มีอิทธพลต่อกลไกการตลาดภายในภูมิภาคสหรัฐอเมริกา เพื่อรับรู้สถานการณ์อย่างทันท่วงที เพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนอง การปรับปรุงพัฒนาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และค้นคว้าทดสอบ ทดลองวิธีการใหม่ๆ ให้แก่ปอร์เช่ เป็นหนึ่งในการเพิ่มความใกล้ชิดกับหน่วยงานเทคโนโลยีอื่น ซึ่งจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการจุดประกายให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ องค์กรแห่งนี้จะรับหน้าที่ในการดูแลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิตอล เครือข่ายการติดต่อสื่อสาร และระบบการคมนาคมอัจฉริยะ


“รถยนต์กำลังจะกลายเป็นสุดยอดของอุปกรณ์สื่อสารในระยะเวลาอีกไม่นาน และอนาคตดังกล่าวจะถูกกำหนดขึ้นในซิลิคอน วัลเล่ย์แห่งนี้” ข้างต้นคือคำกล่าวของ Thilo Koslowski ผู้อำนวยการของ Porsche Digital “นั่นหมายความว่า จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องเลือกเคาะประตูของบรรดาองค์กรเทคโนโลยีสารสนเทศระดับหัวแถวที่เหมาะสมในประเทศสหรัฐอเมริกา การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้เราสามารถเกาะติดกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นได้อย่างทันทีทันใด และตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ยิ่งไปกว่านั้นในแง่ของการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมของปอร์เช่เอง เรายังคงมีความต้องการหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งสำหรับภารกิจดังกล่าว” บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกแห่งนี้ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณสำหรับการร่วมทุนทางธุรกิจในชื่อว่า กองทุน “E.ventures US.” และในอนาคตอันใกล้โครงการดังกล่าวจะได้รับการยกระดับศักยภาพและขยายขอบเขตเพิ่มเติมไปยังองค์กรอื่นๆ ใน ซานตา คลารา

ภายหลังการเปิดตัว Porsche Digital GmbH ซึ่งตั้งอยู่ใน Ludwigsburg เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก้าวต่อไปตามแผนกลยุทธ์ด้านดิจิตอลของปอร์เช่ คือการก่อตั้งบริษัทลูกของศูนย์ค้นคว้าวิจัยข้างต้นในประเทศสหรัฐอเมริกา Koslowski ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เพื่อเป็นการจัดเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างประสบการณ์ในการตอบสนองรสนิยมของลูกค้าปอร์เช่ได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เรามีความจำเป็นต้องตระหนักถึงนวัตกรรมที่จะสามารถนำพาเราเข้าถึงกลไกการตลาดได้อย่างชาญฉลาดและมีทิศทางการนำเสนอที่โดนใจ” ก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปอร์เช่ Koslowski ใช้เวลากว่า 20 ปี ในซิลิคอน วัลเล่ย์ ด้วยการปฏิบัติงานกับ Gartner บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของสหรัฐอเมริกา เขาคือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีต่างๆ


Porsche Digital คือ ศูนย์กลางขององค์ความรู้ด้านดิจิตอล สถานที่อันเป็นหัวใจสำคัญในการรวบรวมความคิดสร้างสรรค์และผลิตภัณฑ์ดิจิตอลล้ำสมัยทั้งหลาย จำแนกแยกแยะประเภทและนำมาประยุกต์ให้เป็นรูปเป็นร่าง โดยประสานการทำงานกับหน่วยงานอื่นของปอร์เช่ทั่วทุกมุมโลก อีกบทบาทหนึ่งคือการติดตามกระแสโลกาภิวัตน์ พิจารณาและประเมินแนวโน้มต่างๆ ที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของผู้คน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าปอร์เช่จะสามารถเข้าไปอยู่ในใจของความเป็นไปทางเทคโนโลยีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ศูนย์วิจัย Porsche Digital ดำรงอยู่ในฐานะของจุดเชื่อมต่อระหว่างโรงงานปอร์เช่และองค์กรด้านนวัตกรรมต่างๆ ทั่วโลก นอกเหนือจากที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย Ludwigsburg Berlin และล่าสุดที่ ซานตา คลารา ปอร์เช่ยังมีแผนการขยายส่วนงานที่มีความสำคัญด้านเทคโนโลยีลักษณะนี้ไปยังภูมิภาคอื่น ของโลก อาทิ ทวีปเอเชีย เป็นต้น

สามารถค้นหาภาพประกอบเนื้อหาข่าวได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com) และข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน Porsche press database (https://presse.porsche.de)

THAILAND INTERNATIONAL TRUCK SHOW 2017 มุ่งสู่การขนส่งแห่งภูมิภาคอาเซี่ยนอย่างแท้จริง




THAILAND INTERNATIONAL TRUCK SHOW 2017
มุ่งสู่การขนส่งแห่งภูมิภาคอาเซี่ยนอย่างแท้จริง


TTS 2017 ครั้งที่ 2 ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านงานแสดงสินค้า ด้านรถบรรทุกและโลจิสติกส์ พร้อมร่วมกับ ATF กระตุ้นภาคอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยงานสัมมนานาชาติด้านการลงทุนในอาเซี่ยนมากมาย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 มิถุนายน 2560ฮอลล์ 1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

Mr.Kazunori Shibamoto ประธานคณะกรรมการจัดงานThailand International TRUCK SHOW กล่าวว่า จุดมุ่งหมายสำคัญของงานคือการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการขนส่ง และกระตุ้นอุตสาหกรรมการขนส่งทางรถบรรทุกของภูมิภาคอาเซี่ยน การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการจับคู่ทางธุรกิจ กิจกรรมการสัมมนาต่างๆ ที่น่าสนใจ ตลอดจนถึงการลงนามความร่วมมือ การพัฒนาบุคคลากรและผู้ชำนาญการในวิชาชีพโลจิสติกส์ ระหว่าง สมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต (TLAPS) และJapan Material Handling Society (JMHS) ซึ่งในครั้งนี้เราจึงมั่นใจว่า ภายใต้แนวคิด Move Forward with ASEAN Truck Logistics นั้นจะทำให้การลงทุนในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

Mr.Yukio Okuda เลขาธิการคณะกรรมการจัดงาน เปิดเผยว่า จากการจัดงานในครั้งแรก เราได้รับเกียรติจากตัวแทนในแวดวงการขนส่งทางถนนจากประเทศต่างๆ ในอาเซี่ยนซึ่งเข้าใจวัตถุประสงค์การจัดงานอย่างแท้จริง ถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาคนี้ และแน่นอนว่าการจัดงานครั้งที่ 2 ของปีนี้ จะมีการประชุมของกลุ่มสุดยอดผู้นำจากATF ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้แทนจากสมาคมต่างๆ ในอาเซี่ยน ยิ่งไปกว่านั้น ATF ยังร่วมกับ ศูนย์วิจัยขีดความสามารถ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จัดสัมมนานานาชาติ One Belt One Roadขึ้นภายในงานตลอดจนถึงการสัมมนาการลงทุนในพม่า สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าไปทำธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อเป็นช่องทางในการแบ่งปันประสบการณ์ของกูรูชั้นนำของประเทศไทยอีกด้วย ตลอดจนผู้เข้าชมงานที่มากขึ้นอย่างแน่นอน

“ในส่วนของงานแสดงสินค้านั้น มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะแมททีเรี่ยลด้านระบบบริหารจัดการต่างๆ การเปิดตัวของรถบรรทุกรุ่นๆ ใหม่จากค่ายรถใหญ่ชั้นนำ รถปิคอัพเพื่อการพาณิชย์ และกิจกรรมต่างๆ ภายในงานอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่มุ่งเน้นความเป็นนานาชาติที่มากขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา เรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ใช้จุดแข็งของความเป็นญี่ปุ่นของเรานี้ สร้างสรรค์งานเทรดด้านรถบรรทุกที่มีคุณภาพ เป็น “Only one in Thailand” และมีส่วนช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งรถบรรทุกให้เติบโตและ ดียิ่งขึ้น”



ทางด้าน คุณยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน หรือ ATF ในฐานะผู้ร่วมจัดงานกล่าวว่า บทบาทสำคัญในครั้งนี้ ก็เป็นผลจากความสำเร็จของการประชุมกลุ่มผู้นำด้านโลจิสติกส์ ในภูมิภาคอาเซี่ยน จนส่งผลให้เกิดการจัดตั้ง ASEAN TRUCKING FEDERATION หรือ ATF ขึ้นภายในงาน Thailand International Truck SHOW 2015 จนถึงตอนนี้ ATF มีความชัดเจน มีความเป็นสากลมากขึ้น จนในปัจจุบัน เป็นองค์กรด้านเอกชนที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านขนส่งและโลจิกสติกส์ในภูมิภาคอาเซี่ยน ไม่ว่าจะเป็นสำนักเลขาธิการอาเซี่ยน, International Road Transport Union หรือ UN-CEFACT, GMS Business Council เป็นต้น “เพื่อเป็นการสานต่อการทำงาน ATF จัดให้มีการประชุมสามัญประจำปีขึ้น ในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2560 โดยจะมีกลุ่มผู้นำของสมาชิกมาร่วมประชุมกว่า 200 คน และหัวใจสำคัญในวันนั้น คือ การลงนามเข้าร่วมเป็นสมาชิก ATF ของสมาคมจากประเทศฟิลิปปินส์ถึง2 แห่งด้วยกัน อันได้แก่

1.Confederation of Trucker Association ok the Philiphines. Inc (CTAP)
2.Port Users Confederation, Inc (PUC)
ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ จะทำให้ ATF มีสมาชิกครบจาก10 ประเทศอาเซี่ยน

นอกเหนือจากการประชุมของกลุ่มผู้นำจาก 10 ประเทศอาเซี่ยนแล้ว ภายในงาน ทรัคโชว์ปีนี้ ATF ยังได้ร่วมกับ ศูนย์วิจัยขีดความสามารถในการแข่งขัน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประดิษฐ์ วิธิศุภกร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยขีดความสามารถในการแข่งขัน จัดสัมมนานานาชาติ ในหัวข้อ ONE BELT ONE ROAD ไชน่า – อาเซี่ยน โลจิสติกส์ แอนด์ อีโคโนมิก ลิ้งค์เกท ซึ่งนิด้า เป็นหน่วยงานสำคัญในการวิจัยโครงการดังกล่าว ซึ่งมภิมหาโปรเจ็คนี้ กำลังเป็นที่จับตาของทั่วโลก โดยสัมมนาดังกล่าว จะเป็นการจุดประกายด้านธุรกิจของผู้ที่สนใจการเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียเข้ากับยุโรป ซึ่งอาเซี่ยนจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยอย่างแน่นอน ณ ตอนนี้ได้รับการตอบรับ ในส่วนของผู้เข้าร่วมบรรยาย ทั้งผู้แทนจากประเทศจีน ผู้แทนจากกลุ่ม CLMV ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งกระผมไม่อยากให้ท่านที่สนใจพลาดการสัมมนาในครั้งนี้ เพราะการแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละประเทศนับว่าเป็นโอกาสที่ท่านจะหาได้ยากยิ่ง โดยจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2560 เวลา 13.00 -17.00 น. ณ ห้องวีนัส 3 -4ฮอลล์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ”

นอกจากนั้น ATF ยังร่วมกับ GIZ จัดสัมมนาในหัวข้อ "Enhancing Road Safety in ASEAN" และร่วมกับกรมการขนส่งทางบก จัดสัมมนาในหัวข้อ “Land Connectivity Agreement”และ “การลงทุนในเมียนม่าร์อย่างไร ไม่มีสะดุด” ในวันศุกร์ที่ 9มิถุนายน 2560 เวลา 10.00-12.30 น. ณ ห้องวีนัส 2-3-4 ฮอลล์ 1-2อิมแพค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ

เตรียมนับถอยหลังร่วมกัน วันที่ 8 -10 มิถุนายน 2560ฮอลล์ 1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“Rebel Republic” คัสตอมแนวคิด...บ่งบอกตัวตนให้ชั ดเจนที่สุด ร่วมกิจกรรมปลดปล่อยตัวตน เปิดโลกแห่งการคัสตอม ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง



“Rebel Republic” คัสตอมแนวคิด...บ่งบอกตัวตนให้ชั ดเจนที่สุด
ร่วมกิจกรรมปลดปล่อยตัวตน เปิดโลกแห่งการคัสตอม ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง


ค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเอาใจสา วกผู้รักการขับขี่และหลงใหลการคั สตอมสองล้อคันโปรด จัดกิจกรรมสุดคูล “Rebel Republic” เชิญชวนเหล่านักบิดเข้ามาปลดปล่ อยไอเดียสร้างสรรค์ บ่งบอกตัวตนความมีสไตล์ได้อย่าง ชัดเจน และเปิดสังคมแห่งการคัสตอม พร้อมร่วมชมงานศิลปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับบรรดาสต รีทอาร์ตตัวพ่อ และที่สำคัญยังได้สัมผัสประสบกา รณ์ใหม่กับ Honda Rebel รถคัสตอมบ็อบเบอร์ดีไซน์รุ่นล่า สุดของโลก

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย พลิกโฉมรูปแบบการจัดงานของวงการ สองล้อในบ้านเรา ผ่านการสรรค์สร้างกิจกรรมสุดคูล ล่าสุด “Rebel Republic” ภายใต้สโลแกน คัสตอมแนวคิด...บ่งบอกตัวตนให้ชั ดเจนที่สุด โดยยึดแลนด์มาร์กสำคัญหรืออีเว้ นท์ใหญ่ ให้เป็นจุดนัดพบของเหล่าไบค์เกอ ร์ผู้หลงรักการขับขี่ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่มีความหล งใหลสองล้อซึ่งได้รับการตกแต่ งดีไซน์ในสไตล์คัสตอมไบค์


สำหรับกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเปิ ดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาใช้ชีวิ ตในแบบที่เป็นตัวเอง ได้ปลดปล่อยตัวตน ความคิด เพื่อค้นหาไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ ความต้องการได้อย่างลงตัว จากการชมงานศิลปะแห่งการคัสตอมใ นรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในโซน “Customized Activity” ซึ่งจะมีเหล่าสตรีทอาร์ตหลากหลา ยแนวที่มีคาแร็คเตอร์โดดเด่นเป็ นของตัวเอง พร้อมสาธิตวิธีการสร้างสรรค์ผลง านเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจ และจุดประกายไอเดียให้กับผู้ร่ว มชมงานอย่างใกล้ชิด อาทิ Customized Paint โดย ตั้ง MQQNEYES BKK & เสือMr. Pinman, Customized D.I.Y. โดย TOP Kustompaint Mania และ Customized Sticker โดย ตั๊ก 10 OS รวมถึงร่วมประมูลหมวกกันน๊อคคัส ตอมจากศิลปินได้ทุกวัน

ขณะเดียวกันหากชมแล้วมีข้อสงสัย ต้องการคำแนะนำแบบเจาะลึก สามารถเข้ามาที่โซน“Customized Life Talk” เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดการ คัสตอมมอเตอร์ไซค์คันโปรด กับเหล่ากูรูแห่งการคัสตอมของเมื องไทย ได้แก่ พี่เอ๋อ 8080 Café, น๊อต Zeus Custom(จ.ขอนแก่น) และ ต้น Up Bike Custom (จ.เชียงใหม่)

นอกจากนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ยังเปิดพื้นที่โซนพิเศษ สำหรับผู้ที่สนใจต้องการสัมผัสป ระสบการณ์ใหม่กับ Honda Rebel รถคัสตอมบ็อบเบอร์ดีไซน์รุ่นล่า สุดของโลก ภายในงานนี้ก็สามารถทดลองขับขี่ กันได้อีกด้วย


สำหรับกิจกรรมจะเริ่มวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2560 ที่งาน Bangkok Hod Rod Custom Show 2017 ไบเทคบางนา วันที่ 19-21 พฤษภาคม 2560 ที่งาน Rubbers Rebel Ground 2017 ริมทะเลสาบเมืองทองธานี และวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2560 ที่กาดมาลิน จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงาน “Rebel Republic” สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ มได้ที่ www.aphonda.co.th และ www.facebook.com/hondamotorcyc lethailand

“อพอลโล” ตอกย้ำผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น เดินหน้ารุกตลาด เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบสนองนวัตกรรมแห่งอนาคต



“อพอลโล” ตอกย้ำผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น
เดินหน้ารุกตลาด เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบสนองนวัตกรรมแห่งอนาคต


บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น ฉลองความสำเร็จ ในโอกาสครบรอบ 48 ปี จัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ ลุ้นโชคชิงตั๋วร่วมลุ้นฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ที่ประเทศอังกฤษ พร้อมเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะตลาดบิ๊กไบค์ และรถยนต์เครื่องดีเซล-เบนซิน โชว์นวัตกรรมแห่งอนาคต “ประหยัดพลังงาน-ถนอมเครื่องยนต์-ป้องกันการสึกหรอ” ตอบสนองตลาดน้ำมันเครื่องที่คาดการณ์จะขยายตัว โตกว่า 85,000 ล้านบาทในปี2560

ดร.จักรกริช วหาวิศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันอพอลโล ประเทศไทย จำกัด ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น ภายใต้ชื่อ “IDEMITSU” และ “DAPHNE” ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และในประเทศไทย มายาวนานกว่า 48 ปี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันเครื่องในประเทศไทยในปัจจุบัน มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ส่งผลให้เศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดี ประกอบกับประเทศไทยก่อนหน้านี้มีการเปิดเสรีทางการค้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) มาตรการหักลดหย่อนภาษีจากการลงทุนซื้อรถการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ รวมทั้งการส่งเสริมและผลักดันนโยบายจากรัฐบาลผ่านเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ส่งผลให้การแข่งขันและการเติบโตของตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศไทยได้รับอานิสงส์ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2560 นี้ ความต้องการน้ำมันเครื่องในประเทศไทย โดยรวมจะอยู่ที่ 720 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 85,000 ล้านบาท



จากความมุ่งมั่นของบริษัทที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือนวัตกรรมต่างๆ โดยการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน ผ่านการทดสอบและกระบวนการทำวิจัยกับบริษัทค่ายรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่

- IDEMITSU NANO PRO 4T SYN MA2 10W-40 สุดยอดนวัตกรรมน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ผลิตจากสารสังเคราะห์ชนิดพิเศษ PAO Plus Ester ลดการเกิดครัทช์เลื่อนให้ทุกจังหวะการขับขี่ ช่วยให้การเข้าเกียร์ที่กระชับ แม่นยำและนุ่มนวล เหมาะกับรถจักยานยนต์รุ่นใหม่และรถบิ๊กไบค์ (Big Bike) ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ

- IDEMITSU EXTREME PRO SN/GF-5 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เกรดพรีเมี่ยม เทคโนโลยีเฉพาะจาก IDEMITSU KOSAN จากประเทศญี่ปุ่น เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงทุกประเภท เช่น รถยนต์ Hybrid รถยนต์ECO Car

- IDEMITSU DURA PRO SYN ACEA A1/B1-12 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% เกรดมาตรฐาน คุณภาพจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ในทวีปยุโรป ผลิตจากน้ำมันเครื่องพื้นฐานสังเคราะห์ (VHVI) ผ่านกระบวนการ Hydroprocessingเหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้งเทอร์โบชาร์จอินเตอร์คูลเลอร์ และรถยนต์ดีเซลที่ใช้งานทั่วไป


สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันอุตสาหกรรมในอนาคต บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้น้ำมันหล่อลื่นในแต่ละกระบวนการผลิต บริษัทฯ ยังมุ่งสู่การใช้วัตถุดิบสังเคราะห์อย่างเต็มรูปแบบ Fully Synthetic Base Oil, Group 4, Group 5 (PAO, Easter, Biodegradable, PVE Oil) ควบคู่ไปกับการให้ความรู้แก่ลูกค้า และการบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำสู่การแข่งขันด้านการผลิตในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมแผนการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ ขยายฐานการรับรู้สู่กลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ตลอดจนกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจัดแผนสนับสนุนการขาย กิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ อีกมากมาย และในโอกาสที่ปี 2560 นี้ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 48 ปี จึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันครบรอบในวันที่13 พ.ค.นี้ ภายใต้ธีมงานสุดยิ่งใหญ่ Apollo 48th presents “The Journey of Dream” พร้อมคืนกำไรให้กับลูกค้าทุกท่าน ผ่านแคมเปญ “IDEMITSU ลุ้นทอง ชิงบิ๊กไบค์ เชียร์สะใจ ศึกพรีเมียร์ลีก” โดยลูกค้าสามารถร่วมสนุกด้วยการส่งฝาผลิตภัณฑ์ชิงโชคร่วมลุ้นชิงรางวัล ทองคำ รถบิ๊กไบค์ และรางวัลสุดยิ่งใหญ่ บัตรชมฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ที่ประเทศอังกฤษ โดยจะมีการจับฉลากสมนาคุณให้กับลูกค้าทุกเดือน ตลอดระยะเวลา 5 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. นี้เป็นต้นไป

“จากแนวโน้มความต้องการของลูกค้าและบริษัทค่ายรถยนต์ต่างๆในปัจจุบัน ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นในปริมาณที่น้อยลง พร้อมคุณสมบัติถนอมเครื่องยนต์ และป้องกันการสึกหรออย่างดีเยี่ยม ทำให้บริษัทมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน จนมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องมีคุณภาพสูง ตรงความต้องการ เหมาะกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งจากแนวทางในการดำเนินธุรกิจตามที่กล่าวมานั้น ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 2560 นี้ จะสามารถดำเนินธุรกิจ มียอดขายเติบโตกว่า16% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ5,800 ล้านบาท” ดร.จักรกริช กล่าวในท้ายที่สุด

ทัพนักบิดยามาฮ่ากวาดโพเดี้ยม ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 2



ทัพนักบิดยามาฮ่ากวาดโพเดี้ยม ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 2

ทัพนักบิดสังกัด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM โชว์ฟอร์มการขับขี่สุดร้อนแรง ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการกระชากคันเร่งรถแข่งตระกูล R-Series ผงาดขึ้นยืนโพเดี้ยมได้สำเร็จทุกรุ่นที่ลงแข่งขัน โดย เบิร์ด-ประวัติ ญาณวุฒิ #95 ควบ YZF-R6 คว้าชัยชนะอันดับ 1 รุ่น Super Sport 600 cc. (SS1) โซ่-อานนท์ สังวาลย์ #3 ควบ YZF-R1 คว้าชัยชนะอันดับ 1 รุ่น Super Stock 1000 cc. (ST1) และ ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 กดคันเร่ง YZF-R1 ทำเบสต์แล็บก่อนคว้าอันดับที่ 2 รุ่น Super Bike 1000 cc. (SB1) ตอกย้ำความแรงของรถแข่งตระกูล R-Series ในการแข่งขันรายการ PTT BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 1 ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 2 ซึ่งจัดการแข่งขันขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้


ทัพนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ฟอร์มสุดแกร่ง!!! กระชากคันเร่งรถแข่ง R-Series ผงาดยืนโพเดี้ยม ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 2

ทัพนักบิดยามาฮ่าทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ยังคงโชว์ฟอร์มสุดแกร่งแบบเหนือชั้น กระชากคันเร่งรถแข่งตระกูล R-Series ผงาดยืนโพเดี้ยมศึก ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนาม 2 ในการแข่งขันรายการ PTT BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2017 สนาม 1 ซึ่งเป็น 1 ใน 3 รายการของศึกชิงแชมป์ประเทศไทย โดยในการชิงชัยในสนามนี้นักบิดยามาฮ่าสามารถทำผลงานยืนโพเดี้ยมได้ทุกรุ่นที่ลงชิงชัย พร้อมผลงานคว้าชัยชนะในรุ่น ST1 และ SS1 ได้สำเร็จ ตอกย้ำความแรงของรถสายพันธุ์สปอร์ตตระกูล R-Series เป็นอย่างดี

สำหรับการแข่งขันรายการ PTT BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2017 สนาม 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พฤษภาคม 2560 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ยังคงลงทำการชิงชัยตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยด้วยกันทั้ง 3 รุ่น นำทัพโดย ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 รุ่น Super Bike 1000 cc. (SB1), โซ่-อานนท์ สังวาลย์ #3 รุ่น Super Stock 1000 cc. (ST1) และ เบิร์ด-ประวัติ ญาณวุฒิ #95 รุ่น Super Sport 600 cc. (SS1) ซึ่งนอกจากจะมีเป้าหมายอยู่ที่ตำแหน่งแชมป์ประจำปีแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายของนักบิดยามาฮ่าก็อยู่ที่การคว้าสิทธิ์ไวลด์การ์ดเพื่อลงแข่งขันในศึก WORLD SUPERBIKE CHAMPIONSHIP และ ASIA ROAD RACING CHAMPIONSHIP ในปีหน้าอีกด้วย

โดยในรอบของการควอลิฟายนั้น นักบิดยามาฮ่าทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ต่างก็สามารถทำเวลาได้ดีกันทั้ง 3 คน เริ่มจากรุ่น Super Sport 600 cc. (SS1) ซึ่งเป็นหน้าที่ของ “เจ้าเบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ #95 ที่ควบรถแข่ง YZF-R6 คู่ใจกดเวลาต่อรอบดีที่สุดอยู่ที่ 1’40.978 นาที ในรอบที่ 5 จากการลงวิ่งจับเวลารวมทั้งหมด 9 รอบสนาม ยึดตำแหน่งโพลโพซิชั่นออกสตาร์ทจากกริดที่ 1 ได้แบบเหนือชั้น โดยทำเวลาทิ้งห่างคู่แข่งอยู่ถึงกว่า 3 วินาทีเลยทีเดียว

จากนั้น “เจ้าโซ่” อานนท์ สังวาลย์ #3 ที่ใช้รถแข่ง YZF-R1 ลงชิงชัยในรุ่น Super Stock 1000 cc. (ST1) ก็ลงทำการควอลิฟายต่อทันที ซึ่งนักบิดยามาฮ่าทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ลงวิ่งจับเวลารวมทั้งหมด 8 รอบสนาม แต่สามารถกดเวลาดีที่สุดได้ตั้งแต่รอบที่ 3 ด้วยเวลา 1’38.846 นาทีต่อรอบ ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดในรุ่นนี้ทำให้คว้าตำแหน่งโพลโพซิชั่นไปครองพร้อมกับออกสตาร์ทสนามแรกในกริดที่ 1 ได้สำเร็จ

ปิดท้ายกันการควอลิฟายด้วยรุ่น Super Bike 1000 cc. (SB1) ที่เป็นรุ่นที่แรง และเร็วที่สุดในการแข่งขัน ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 นักบิดยามาฮ่าทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ที่ปีนี้เจอศึกหนัก ลงทำการวิ่งจับเวลาด้วยรถแข่ง YZF-R1 รวมทั้งหมด 10 รอบสนาม ก่อนที่จะคว้าตำแหน่งสตาร์ทกริดที่ 2 มาครองได้ ด้วยเวลาดีที่สุดในรอบสุดท้าย 1’36.486 นาทีต่อรอบ เวลาตามหลังเจ้าของโพลโพซิชั่นอยู่เพียงแค่ 0.1 วินาทีเท่านั้น

สำหรับรอบวันแข่งขันของรายการ PTT BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2017 สนาม 1 ในช่วงเช้าซึ่งเป็นรอบของการขับขี่วอร์มอัพเพื่อเช็คความพร้อมครั้งสุดท้ายนั้น ถูกประกาศให้เป็น Wet Race เนื่องจากช่วงกลางคืนมีฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้พื้นแทร็คของสนามเปียกชุ่มน้ำ และมีความชื้นสูงมาก แต่ 3 นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ก็ลงขับขี่ด้วยความมั่นใจ และทำเวลาในช่วงนี้รั้งตำแหน่งอยู่หัวแถวได้ทั้ง 3 รุ่น โดยรุ่น Super Sport 600 cc. (SS1) “เจ้าเบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ #95 ทำเวลา 1’49.667 นาทีต่อรอบ รุ่น Super Stock 1000 cc. (ST1) “เจ้าโซ่” อานนท์ สังวาลย์ #3 ทำเวลา 1’44.237 นาทีต่อรอบ
และรุ่น Super Bike 1000 cc. (SB1) ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 ทำเวลา 1’38.546 นาทีต่อรอบ เป็นการสร้างความมั่นใจก่อนลงทำการชิงชัยในช่วงบ่ายได้เป็นอย่างดี

ประเดิมความมันส์ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 2 ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ที่สภาพอากาศกลับมาแจ่มใส และพื้นแทร็คแห้งสนิทกันด้วยรุ่น Super Sport 600 cc. (SS1) ซึ่ง “เจ้าเบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ #95 จะได้ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลโพซิชั่นกริดสตาร์ทที่ 1 โดยการชิงชัยในรุ่นนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 12 รอบสนาม และทันทีที่สัญญาณไฟแดงสตาร์ทดับลง นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ก็กดคันเร่งรถแข่ง YZF-R6 ทะยานออกตัวไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อผ่านออกจากโค้งแรกไปก็ยืดระยะห่างในช่วงทางตรงยาวทิ้งห่างคู่แข่งด้านหลังออกไปทันทีตั้งแต่ต้นเกม

จากนั้นเกมการชิงชัยในรุ่นนี้ก็ตกอยู่ในมือของ “เจ้าเบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ #95 แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยิ่งจำนวนรอบการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ นักบิดยามาฮ่าก็ยิ่งทำเวลาทิ้งห่างคู่แข่งออกไปได้มากเท่านั้น โดยหลังจากที่ผ่านไปเพียงแค่ 6 รอบ “เจ้าเบิร์ด” ก็ทิ้งห่างคู่แข่งด้านหลังออกไปถึงกว่า 20 วินาที ห่างจนยากที่คู่แข่งจะไล่เข้ามากดดันได้ โดยเวลาต่อรอบดีสุดอยู่ที่ 1’41.045 นาที ซึ่งทำได้จากการแข่งขันรอบที่ 2 และทำความเร็วสูงสุดในสนามนี้อยู่ที่ 254.7 กม./ชม. เลยทีเดียว
จนกระทั้งเข้าสู่ช่วงท้ายเกมนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ก็เริ่มที่จะผ่อนคันเร่งลงแต่ยังคงระยะห่างจากผู้ตามด้านหลังไว้อยู่พอประมาณ และในรอบสุดท้ายสามารถไล่แซงน็อครอบคู่แข่งได้ก่อนที่จะทะยานเข้าเส้นชัยรับธงตราหมากรุกเป็นคันแรกผงาดยืนโพเดี้ยมอันดับที่ 1 ในสนามนี้ได้สำเร็จแบบนำม้วนเดียวจบ ด้วยเวลารวม  พร้อมเก็บอีก 25 แต้ม ส่งผลให้ “เจ้าเบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ #95 มีคะแนนสะสม 50 คะแนนเต็ม จากการแข่งขันศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 2 พร้อมกับรั้งตำแหน่งผู้นำในรุ่นนี้ต่อไป
“เจ้าเบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ #95 กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “สนามนี้ทีมงานได้ทำการเซ็ทอัพรถแข่งใหม่ทั้งโช้คหน้า และหลัง ทำให้รถแข่งมีความสมบูรณ์เป็นอย่างมากในการลงแข่งวันนี้ แต่เวลาในวันนี้ยังทำได้ไม่เท่ากับวันซ้อมที่ทำเบสต์แล็บได้ดีกว่านี้ แต่ก็รู้สึกดีใจมากที่สามารถคว้าชัยชนะได้เป็นสนามที่ 2 ในศึกชิงแชมป์ประเทศไทย และสนามหน้าที่สนามพีระพัทยาจะพยายามคว้าชัยชนะให้ได้อีกครั้ง ต้องขอขอบคุณทีมงาน YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ที่ช่วยกันเซ็ทรถแข่งได้อย่างสมบูรณ์ ขอบคุณผู้สนับสนุน และกองเชียร์ที่ให้การสนับสนุน และส่งกำลังใจให้กับผมในการแข่งขันด้วยครับ”

ขยับความมันส์มาที่รุ่น Super Stock 1000 cc. (ST1) ซึ่ง “เจ้าโซ่” อานนท์ สังวาลย์ #3 รับหน้าที่ลงสู้ศึกให้กับทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM โดยออกสตาร์ทจากกริดสตาร์ทที่ 1 หลังจากคว้าโพลโพซิชั่นมาครองได้ในรอบควอลิฟาย ทันทีที่เริ่มเกมการแข่งขันนักบิดยามาฮ่าทะยานออกตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ได้โฮลช๊อตในโค้งแรกแต่ก็สามารถทะยานขึ้นได้ทันทีหลังจากนั้น เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำได้สำเร็จ “เจ้าโซ่” ก็กระชากคันเร่งรถแข่ง YZF-R1 คู่ใจแบบเต็มกำลังยืดระยะห่างจากคู่แข่งออกไปทันที
จากนั้น “เจ้าโซ่” อานนท์ สังวาลย์ #3 แม้ว่าจะขึ้นเป็นผู้นำแต่ก็ยังรักษาความเร็วในช่วงต้นเกมเอาไว้ โดยในรอบที่ 2 นักบิดยามาฮ่าสามารถทำเบสต์แล็บได้ด้วยเวลา 1’39.029 นาทีต่อรอบ ทำให้สามารถยืดเวลาทิ้งห่างจากผู้ตามได้ออกไปได้พอสมควร ก่อนที่ในช่วงกลางจะเริ่มประคองคันเร่ง และรักษาเวลาต่อรอบให้คงที่เอาไว้ ซึ่งคู่แข่งก็ยากที่จะไล่เข้ามากดดันได้ ทำให้กองเชียร์ และทีมงานคลายความกังวลได้พอสมควร

จนกระทั้งครบรอบการแข่งขันทั้ง 12 รอบสนาม “เจ้าโซ่” อานนท์ สังวาลย์ #3 ก็ควบรถแข่งคู่ใจทะยานผ่านรับธงตราหมากรุกเป็นคันแรกได้สำเร็จ โดยทำเวลาทิ้งห่างคู่แข่งกว่า 5 วินาที ผงาดคว้าชัยชนะขึ้นยืนโพเดี้ยมอันดับที่ 1 รุ่น Super Stock 1000 cc. (ST1) ในรายการนี้ได้สำเร็จ ส่งผลให้คะแนนสะสมในศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 หลังจบสนามที่ 2 นี้ ขึ้นเป็นผู้นำตารางคะแนนสะสมด้วยการเก็บ 50 คะแนนเต็ม

โดย “เจ้าโซ่” อานนท์ สังวาลย์ กล่าวหลังคว้าชัยชนะว่า “เกมในวันนี้ก่อนลงแข่งค่อนข้างตึงเครียดเล็กน้อย เพราะคู่แข่งมีดีกรีที่เคยเป็นแชมป์ SB1 มาก่อน แต่ด้วยความพร้อม และสมรรถนะของรถแข่งที่สมบูรณ์มาก และด้วยสภาพร่างกายของผม ทำให้มีความมั่นใจในการขับขี่สนามนี้ ซึ่งวางแผนไว้ว่าช่วงแรกจะออกไปทำเวลาให้ดีที่สุด ซึ่งก็สามารถทำได้ตามแผนด้วยการยืดระยะออกไปได้ ทำให้ช่วงท้ายเกมขับขี่ได้สบายมากขึ้น ก็รู้สึกดีใจมากที่สามารถคว้าชัยชนะได้เป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน และจะพยายามจะเก็บชัยชนะให้ได้ทุกสนามที่ลงแข่งขันครับ ต้องขอขอบคุณทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ที่เซ็ทรถแข่งได้อย่างสุดยอด ขอบคุณผู้สนับสนุน และกองเชียร์ด้วยครับ”

ปิดท้ายความมันส์สุดเร้าใจการแข่งขันรายการ PTT BRIC SUPERBIKE CHAMPIONSHIP 2017 สนาม 1 ด้วยรุ่นใหญ่สุดอย่างรุ่น Super Bike 1000 cc. (SB1) ซึ่ง ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ต้องรับบทหนักในการต่อกรกับคู่แข่งที่เคยผ่านสนามแข่งระดับโมโตทูมาแล้ว โดยนักบิดยามาฮ่าออกสตาร์ทแถวหน้าในกริดสตาร์ทที่ 2 แต่ช่วงออกตัวเสียจังหวะเล็กน้อยทำให้หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 4 ในช่วงต้นเกม

จากนั้น ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 ที่พยายามกดคันเร่งรถแข่งคู่ใจ YZF-R1 ก็สามารถขยับอันดับขึ้นมาจนอยู่ในอันดับที่ 2 ตามหลังผู้นำเพียงแค่ 0.5 วินาที ได้สำเร็จ ทำให้ในช่วงกลางของเกมการแข่งขันเต็มไปด้วยความเร้าใจชนิดที่กองเชียร์ของแต่ละทีมต่างต้องลุ้นกันทุกรอบสนาม ซึ่งนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM เองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไล่บี้เข้าไปใกล้ผู้นำให้ได้มากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถกดเวลาเบสต์แล็บของการแข่งขันด้วยเวลา 1’36.608 นาทีต่อรอบ ได้สำเร็จในรอบที่ 10 ของการชิงชัย ในการแข่งขัน 2 รอบสุดท้าย ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 ไล่บี้คู่แข่งผู้นำจนติดท้ายได้สำเร็จ และพยายามหาจังหวะขึ้นแซงหน้าอย่างเต็มที่ จนกระทั้งในรอบสุดท้ายโค้งสุดท้ายนักบิดยามาฮ่าก็ยกคันเร่งลึกแล้วขึ้นนำได้ก่อนเข้าโค้ง 12 ของสนามช้างฯ แต่ทำให้เสียจังหวะในการออกโค้งไปทำให้คู่แข่งแซงคืนได้ก่อนเข้าเส้นชัยเพียงเล็กน้อย ทำให้ ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 ผ่านเส้นชัยรับธงตราหมากรุกได้ยืนโพเดี้ยมเพียงอันดับที่ 2 ด้วยเวลาที่ห่างจากผู้ชนะเพียงแค่ 0.3 วินาที เท่านั้น ทำให้คะแนนสะสมหลังจบการแข่งขัน ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 2 รั้งอยู่ที่อันดับที่ 2 ด้วยการมี 40 แต้ม

โดย ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “เกมวันนี้วางแผนไว้ว่าจะพยายามเกาะกลุ่มหน้าไปให้ได้ก่อน เพราะต้องการเซฟยาง และเครื่องยนต์เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน ซึ่งช่วงออกตัวผมก็ติดขัดนิดหน่อยทำให้หล่นไปที่ 4 กว่าจะขึ้นมาได้ผู้นำก็ทิ้งไปไกลพอสมควร ผมก็พยายามขี่ตามแผนโดยทำเวลาต่อรอบให้ดีขึ้นที่ละนิดจนขยับเข้าใกล้ผู้นำได้ในที่สุด ก่อนจะตัดสินใจแซงในรอบสุดท้ายที่โค้งสุดท้ายแต่ด้วยระยะที่ห่างมากทำให้ต้องยกลึก จึงทำให้ควบคุมรถได้ยากมาก แต่ก็ถือว่าได้ลองเพราะถ้าเอาอยู่ก็ชนะครับ ผมเลยลองที่จะแลก ก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่เราก็ต้องนำไปแก้ไขในสนามต่อๆ ไปครับ”

นอกจากนี้ คุณธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บอสใหญ่ของทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ได้กล่าวถึงภาพรวมของทีมในการแข่งขันสนามนี้ว่า “โดยส่วนตัวประทับใจกับเกมการแข่งขันในสนามนี้เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเราจะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ทุกรุ่นที่ลงแข่งขันเหมือนที่ผ่านมา แต่นัยยะสำคัญอยู่ที่เราทำงานกันได้อย่างดีที่สุดหรือไม่ โดยรุ่น ST1 กับ SS1 เราได้แชมป์ ซึ่งนักแข่งอย่าง โซ่-อานนท์ และ เบิร์ด-ประวัติ ทั้งคู่ทิ้งห่างคู่แข่งขัน ตรงนี้ผมถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนรุ่น SB1 ของ ซุป-อนุชา เราพบปัญหามาตลอดตั้งแต่ช่วงของการซ้อมพึ่งจะมาแก้ไขได้ก่อนแข่งเล็กน้อยบวกกับนักแข่งมีอาการบาดเจ็บจากการล้มช่วงควอลิฟาย และเสียโอกาสเล็กน้อยในช่วงการออกสตาร์ท แต่โดยรวมแล้วเกมการแข่งขันถือว่ามีคุณภาพ และมีความประทับใจแม้ว่าจะจบอันดับ 2 แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจ โดยสนามต่อไป ซุป ก็มีการบ้านที่ต้องทำ ผมก็เชื่อว่าเขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอนครับ”

ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งของทัพนักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ที่สามารถยืนโพเดี้ยมได้ทุกครั้งที่ลงทำการแข่งขัน พร้อมกับเก็บคะแนนสะสมรั้งอยู่หัวแถว ทำให้โอกาสในการคว้าตำแหน่ง “แชมป์ประเทศไทย” อีก 1 สมัยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม รวมให้กำลังใจ และติดตามผลงานของทัพนักบิดยามาฮ่า และสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางแฟนเพจ Yamaha Society Thailand และ Yamaha Thailand Racing

มาสด้าผงาดคว้าแชมป์ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ ดึง “มานะ พรศิริเชิด” ร่วมทีมมอเตอร์สปอร์ต


มาสด้าผงาดคว้าแชมป์ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์
ดึง “มานะ พรศิริเชิด” ร่วมทีมมอเตอร์สปอร์ต


กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 5 พฤษภาคม 2560 – วงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยเริ่มเปิดฉากประลองความเร็วกันแล้ว โดยเฉพาะรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบยอดนิยมของเมืองไทยและอาเซียน รายการ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2017 ที่มีรถยนต์หลากหลายรุ่นเข้าร่วมทำการแข่งขัน โดยเฉพาะมาสด้าที่ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลงานในวงการมอเตอร์สปอร์ต อย่างต่อเนื่อง เพื่ออวดสมรรถนะความแรงของเจ้าจิ๋วตัวจี๊ด มาสด้า2 สกายแอคทีฟ-ดี เครื่องยนต์คลีนดีเซล ที่สำคัญดึงนักแข่งประสบการณ์ขั้นเทพอย่าง “มานะ พรศิริเชิด” มาร่วมทีม Mazda Innovation Motorsport เสริมความแข็งแกร่ง ประกบคู่มากับ มร. ไมเคิล ฟรีแมน ลงประเดิมสนามแรกก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าแชมป์แรกมาครองได้สำเร็จ พร้อมเก็บคะแนนสะสมขึ้นอันดับ 1 ในประเภท Thailand Super Compact

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยอาวุโสฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า มาสด้าโลดแล่นอยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยมานาน มาสด้ากับความเป็นสปอร์ตมีดีเอ็นเอเดียวกัน และเราได้สร้างทีมแข่งขึ้นมาภายใต้ชื่อทีม Mazda Innovation Motorsport ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันความเป็นสายพันธุ์สปอร์ตตัวจริง และแสดงถึงสมรรถนะอันทรงพลังของรถมาสด้าได้ชัดเจนที่สุด ในปีนี้ส่งแข่งขันรายการ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ เป็นปีที่ 3 โดยมีรถมาสด้า2 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-ดี ขนาด 1500 ซีซี ทั้งสองคัน ในรุ่นซีดาน 4 ประตู หมายเลข 55 ขับโดย ไมเคิล ฟรีแมน และความพิเศษของปีนี้คือการต้อนรับสมาชิกน้องใหม่ของทีม “มานะ พรศิริเชิด” ที่มีประวัติอันโชกโชนในวงการแข่งขันรถยนต์ พร้อมลงประเดิมสนามแรกร่วมกับทีมโดยควบมาสด้า2 รุ่น แฮตช์แบค 5 ประตู หมายเลข 43 พร้อมลงประลองความเร็วครบทั้ง 8 สนาม ในประเภท Thailand Super Compact ซึ่งเป็นคลาสที่มีรถลงแข่งค่อนข้างหลากหลาย ความท้าทายจึงมากขึ้นด้วย นอกจากนี้เรายังได้รับการสนับสนุนจาก มาสด้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนารถแข่งให้มีสมรรถนะดีเยี่ยมเต็มเปี่ยมด้วยขุมพลังยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์ให้มากที่สุด


ผลการแข่งขัน 2 สนามแรกที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้น ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา มาสด้าส่ง 2 นักแข่ง ลงทำการแข่งขันในประเภท Thailand Super Compact โดยสนามแรก มานะ พรศิริเชิด หมายเลข 43 เข้าวินมาเป็นที่ 2 ส่วน มร. ไมเคิล ฟรีแมน หมายเลข 55 จบในอันดับที่ 3 ส่วนสนาม 2 ไมเคิลสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ส่วนมานะตามมาติดๆ คว้ารองแชมป์มาครอง ส่งผลทำให้คะแนนสะสมของนักแข่งทั้ง 2 คน และประเภททีมขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่ง

ด้านนักแข่งน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมกับมาสด้า มานะ พรศิริเชิด กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากได้เข้ามาร่วมทีมมาสด้าว่า “ที่จริงแล้วผมคลุกคลีกับรถมาสด้ามานานมาก เพราะมีโอกาสได้สัมผัสและเรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ ของมาสด้า ที่มีเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ มาครบทุกรุ่น และมีโอกาสได้นำเอาความรู้ความสามารถเหล่านี้ไปพัฒนาทีมงานฝ่ายขายของมาสด้า รวมทั้งมีโอกาสในการเพิ่มทักษะการขับขี่แบบแอดว๊านให้กับลูกค้ามาสด้ามานาน โดยเฉพาะงานด้านมอเตอร์สปอร์ตที่มาสด้าจัดให้กับลูกค้าเป็นประจำ ส่วนการได้รับโอกาสจากมาสด้าในครั้งนี้คือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมมาก ด้วยความคุ้นเคยและคลุกคลีกับรถมาสด้าอยู่แล้ว เลยทำให้สามารถนำเอาประสบการณ์ต่างๆ มาปรับให้เข้ากับการแข่งขัน จนสามารถคว้าอันดับ 2 มาได้ทั้ง 2 สนาม และคะแนนสะสมอยู่ในอันดับที่ 2 ส่งผลให้นักแข่งทีม Mazda Innovation Motorsport ขึ้นโพเดียมใน 2 สนามแรกได้อย่างสวยงาม เปิดโอกาสลุ้นแชมป์ของรายการ


สำหรับโปรแกรมการแข่งขันสนามต่อไป

สนาม 3-4 วันที่ 27 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2560 ณ บางแสน สตรีท เซอร์กิต จังหวัด ชลบุรี

สนาม 5-6 วันที่ 21-24 กันยายน 2560 ณ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

สนาม 7-8 วันที่ 26-29 ตุลาคม 2560 ณ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved