Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

การดูแลรักษาระบบเบรก และข้อควรระวัง

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก แม้ว่าจะไม่มีการรั่วหรือลดระดับลงอย่างใดก็ตาม น้ำมันเบรกควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะน้ำมันเบรกมีส่วนประกอบมาจากน้ำมันแร่ จึงมีการรวมตัวกับไอน้ำได้ง่าย ทำให้ระบบเบรกเกิดสนิม ความร้อนที่สูงเกินไปทำให้เกิดฟองอากาศในท่อน้ำมัน ฝุ่นผงที่สึกหรอของลูกยางเบรกจะเสียดสี กับแม่ปั้มเบรก ทำให้กระบอกเบรกเสียหายเร็วขึ้น น้ำมันเบรกต้องเลือกใช้ให้ตรงกับมารตราฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น DOT3 จะไม่สามารถนำน้ำมันเบรก DOT อื่นผสม หรือนำน้ำมันอื่นๆเติมแทน เพราะจะทำให้ลูกยางเบรกบวมได้ การเช็คระยะห่างผ้าเบรก ในระบบดรั้มเบรก ระยะห่างระหว่างผ้า และจานเบรกที่มากขึ้น จะสังเกตได้จากการเหยียบเบรกจะต่ำลง และการดึงเบรกมือที่สูงขึ้น ระดับน้ำมันเบรกลดต่ำลง ควรต้องทำการถอดจานเบรกมาทำความสะอาด เป่าฝุ่นทิ้ง และตั้งระยะผ้าเบรกให้ชิดขึ้น การตั้งจะใช้ไขควงเขี่ยเฟืองตั้งให้หมุนตามฟันตั้ง ด้านหลังจานเบรก ใส่ล้อไขให้แน่นแล้วหมุนสังเกตถ้าล้อเริ่มหมุนฝืดขึ้น ถือว่าใช้ได้ ทำทั้ง 2 ล้อ หรือสังเกตจากเสียงแกรกๆ เวลาดึงเบรกมือควรจะอยู่ที่ 5 – 7 แกรก


การตรวจสอบผ้าเบรก ผ้าเบรกเป็นส่วนที่สึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น เพราะมีการเสียสีทั้งจานเบรก และฝุ่นต่างๆ ควรถอดเช็คเป็นประจำ สังเกตเปรียบเทียบกับผ้าเบรกของใหม่แกะกล่อง จะมีความหนาเป็น 100 % ผ้าเบรกที่ใช้แล้วความหนาจะลดลงเรื่อยๆ ในจุดที่ต่ำกว่า 40 – 30 % นั้นถือว่าไม่ปลอดภัย เพราะผ้าเบรกในช่วงที่เหลือน้อย การสึกหรอจะรวดเร็วกว่าหลายเท่าตัว จนถึงระดับบางมาก เนื้อผ้าเบรกอาจหลุดร่อนได้อย่างกะทันหัน เป็นผลให้แผ่นเหล็กสีกับจานเบรกจนเสียหาย เสียเงินเพิ่ม หรือถ้าผ้าเบรกหลุดออกจากฝักเบรก ลูกสูบปั้มเบรก และน้ำมันเบรกจะหลุดออก ที่เรียกกันว่าเบรกแตกนั้นเองการเปลี่ยนจานเบรก และการเจียรจานเบรก การใช้ผ้าเบรกที่มีโลหะผสมอยู่มาก ฝุ่น หิน และการปล่อยให้ผ้าเบรกหมด จะทำให้จานเบรกเป็นรอย การขับรถลุยน้ำขณะที่จานเบรกร้อน จะทำให้จานเบรกคด หรือบิดตัว ต้องทำการเจียรจาน ด้วยเครื่องมือเจียรจานเบรก ทำได้ 2 วิธี การถอดจานเบรกมาเจียรด้วยเครื่องเจียรจาน แบบนี้ต้องใช้ค่าแรงสูงและอาจต้องมีการเปลี่ยนจารบีลูกปืนล้อใหม่ เสี่ยงต่อเศษฝุ่นผงเหล็กปะปนกับการประกอบจานเบรกคืน และการใช้เครื่องเจียรจานแบบประชิดล้อ แบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาถอดจานเบรก และลูกปืนล้อ แต่ความเที่ยงตรงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพดุมล้อ และลูกปืนล้อ ว่าหลวมหรือคดหรือไม่ การเจียรจะทำให้จานเบรกบางลง จานเบรกที่บางจะทำให้เกิดการแตกร้าว และคดได้ง่าย ควรเปลี่ยนจานเบรกใหม่ถือเป็นการดีที่สุดการทำความสะอาดจานเบรก ถ้ามีจารบี หรือสิ่งแปดเปื้อน ติดอยู่ที่จานเบรก ควรใช้น้ำยาล้างจานเบรกโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทำความสะอาด หรือถ้าไมมีจริงๆ ควรใช้ทินเนอร์ 100% หรือ แอลกอลฮอลบริสุทธิเท่านั้นการตรวจสอบสายอ่อนเบรก ควรตรวจสอบเป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าเห็นว่ามีอาการบวม บิดคดเสียรูป ปลอกหุ้มภายนอกฉีกขาด หรือมีการเสียดสี ควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะอาจจะเกิดการแตกได้ง่ายๆ


การล้างและเปลี่ยนชุดซ่อมเบรก เบรกที่ได้รับการใช้งานอยู่เป็นประจำ ควรได้รับการเปลี่ยนชุดซ่อม จำพวกลูกยางแม่ปั้มเบรก ลูกยางลูกสูบเบรก และยางกันฝุ่น อย่างน้อย 2 – 4 ปีครั้ง หรือถ้ามีมีการลุยน้ำ ต้องรีบตรวจเช็คทันที เพระลูกยางกันฝุ่นที่เก่าหมดสภาพ จะไม่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ น้ำที่ซึมผ่านเข้าไปในกระบอกเบรก และแม่ปั้มเบรก จะทำลายลูกสูบเบรกให้เกิดสนิม เป็นตามด ในกระบอกเบรก ทำให้เกิดอาการเบรกติด หรือน้ำมันเบรกรั่วซึม

อาการเบรกเฟด เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร

เบรกเฟด คืออาการเบรกลื่นๆ เบรกไม่อยู่ในขณะที่ใช้ความเร็วสูง หรือติดต่อกันหลายๆครั้ง หรือใช้เบรกแบบหักโหม อาการนี้เกิดขึ้นเช่น เวลาที่ขับรถมาด้วยความเร็วสูงมากๆ พอแตะเบรกครั้งแรกก็เบรกอยู่ดี พอแตะเบรกอีกหลายๆทีกลับเกินอาการลื่นเหมือนยังไม่เหยียบเบรกเลย ถือว่าน่ากลัวมาก


สาเหตุเกิดจาก ความร้อนของจานเบรกที่สูงเกินไป จานเบรกที่ใช้งานหนักอาจจะเกิดความร้อนสูงกว่า 1,000 องศา จานเบรกอาจเกิดการไหม้แดง เหมือนเหล็กถูกเผาไฟ และเกิดการขยายตัวมาก การระบายความร้อนของจานเบรกไม่ดี ผ้าเบรกที่มีคุณสมบัติในการทนความร้อนต่ำ จะเกิดการลุกไหม้เสียหาย ไม่สามารถจับจานเบรกให้อยู่ได้ รวมถึงน้ำมันเบรกที่คุณสมบัติในการทนความร้อนต่ำ จะทำให้น้ำมันเบรกเดือด เกิดการขยายตัวเป็นฟองอากาศ ทำให้แรงดันไฮโดลิคลดต่ำลง อาการเบรกเฟดนี้ ถือเป็นปัญหาของนักซิ่ง ที่ชอบใช้เบรกแบบรุนแรง เบรกบ่อยๆติดต่อกัน และ รถที่ขับด้วย ความเร็วสูง

อาการเบรกเสียงดัง เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกเสียงดัง อาการ มีเสียงดังที่เกิดขึ้นในขณะเบรก ส่วนมากเกิดมาจาก ผ้าเบรก และจานเบรก เช่นผ้าเบรกหมด จนเหล็กผ้าสีกับจาน จานเบรกเป็นรอยมากๆเนื่องจากฝุ่น และหินที่หลุดเข้าไปเสียดสี ต้องเจียรจานเบรกใหม่ แต่ถ้าผ้าเบรกก็ใหม่ จานเบรกก็เรียบดี เสียงที่ดังมักเกิดจาก เสียงของผ้าเบรกเอง ผ้าเบรกที่ผลิตไม่ได้มาตราฐาน อัดขึ้นรูปผิดพลาด จะเกิดรอยร้าว เป็นช่องว่างให้อากาศเข้าได้จะเกิดเสียงดัง แล้วอย่าหวังเลยครับว่าใช้ไปเรื่อยๆ แล้วเสียงจะหายเอง ถือว่าน้อยมาก การเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ

อาการเบรกสั่น เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกสั่น คืออาการที่เหยียบแล้ว แป้นเบรกเกิดอากาสั่นขึ้นๆลงๆ รู้สึกได้ด้วยเท้า รถที่เบรกสั่นมากๆจะรู้สึกสั่นถึงพวงมาลัย หรือเวลาเหยียบเบรก เกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งคัน
สาเหตุเกิดจาก จานเบรกเกิดการคดบิดตัว เพราะการใช้งานที่รุนแรงกินไป การลุยน้ำ (จานเบรกที่ร้อนจัด เวลาเจอน้ำมักจะบิดตัวได้ง่าย) ลูกปืนล้อหลวม น็อตล้อหลวม ผ้าเบรกสึกหรอไม่เท่ากัน อาการนี้เกิดได้ทั้งระบบดิสเบรก และดรัมเบรก

อาการเบรกหมด เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกหมด คืออาการ เบรกแล้วเกิดเสียงดัง เหมือนเหล็กสีกับเหล็ก เบรกลื่นๆ
เป็นอาการของเวลาที่ผ้าเบรกหมด ผ้าเบรกบางรุ่นจะมีส่วนที่เป็นตุ่มโลหะมาแตะกับจานเบรกเพื่อให้เกิดเสียงดัง เป็นอาการส่งสัญญาณเตือน หรือติดตั้ง สวิทซ์ไฟโชว์ไว้ที่แผงหน้าปัด ต้องรีบเปลี่ยนโดยทันที เพราะจะทำให้ผ้าเบรกสีกับจนเบรกเสียหาย จนต้อเปลี่ยนจานเบรกใหม่ เสียเงินเพิ่มอีก

อาการเบรกแตก เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกแตก คืออาการ เหยียบเบรกแล้ว แป้นเบรกที่ขาเบรกจม จนแป้นเบรกกระทบกับพื้นรถ หรือนิ่มหยุ่นๆก่อนแล้วจมลงติดพื้น เมื่อเหยียบเบรกแล้วรถยังคงวิ่งที่ความเร็วเท่าเดิม เหมือนไม่มีเบรก


สาเหตุ
1. เกิดจากรั่วของน้ำมันเบรก เช่นสายอ่อนเบรกแตก ท่อแป๊ปเบรกแตก หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมมาเป็นเวลานาน ลูกยางแม่ปั้มเบรก และแม่ปั้มเบรกเก่า เสียหายจนน้ำมันเบรกรั่วไหลออกจนหมด
2. ผ้าเบรกหมด จนหลุดออก เป็นไปได้บ่อยครั้งที่ เวลาที่ผ้าเบรกหมดนานๆ และยังปล่อยไว้ไม่ได้รับการเปลี่ยน ผ้าเบรกจะบางมากจนหลุดออกจากฝักก้ามปูเบรก จะทำให้ลูกสูบเบรกหลุด เบรกจะแตกทันที
3. ส่วนประกอบในระบบเกิดการหลุดหลวม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นสากแป้นเบรก (ที่ตั้งได้ไขไม่แน่นหลุดเกลียว หรือไม่ได้ใส่สลักล็อค) น็อตยึดขาเบรกหลุด ฝักเบรก หรือคาริบเปอร์เบรกยึดไม่แน่น และส่วนประกอบต่างๆในระบบเบรกประกอบไม่แน่นหลุดออก
4. สายอ่อนเบรกแตก สายอ่อนที่เก่ามากๆ จะเกิดอาการบวม เวลาปกติก็ดูดี แต่พอเหยียบเบรกกลับ พองตัวเหมือนลูกโป่ง พวกนี้อันตรายมาก เวลาเหยียบเบรกเบาๆแรงดันน้ำมันเบรกต่ำก็รู้สึกดี แต่พอเวลาคับขัน เหยียบเบรกกะทันหันอย่างแรง สายอ่อนเบรกก็เกิดการรับแรงดันไม่ไหวแตกออก และการติดตั้งสายอ่อนเบรกไม่ดี เสียดสีกับล้อ และยาง หรือเสียดสีกับระบบช่วงล่างของรถ

อาการเบรกติด เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกติด อาการเหมือนรถมีอาการเบรกทำงานอยู่ตลอดเวลา รถจะตื้อ เบรกร้อนมีกลิ่นเหม็นไหม้ เบรกปัดซ้าย-ขวา รถวิ่งไม่ออก จอดแล้วเข็นรถไม่ได้ เป็นอาการของเบรกติด ส่วนมากเกิดจาก การลูกยางกันฝุ่นของแม่ปั้มเบรกเสีย ทำให้มีน้ำซึมเข้าไปในกระบอกเบรก จนเกิดสนิมติดขัด ลูกสูบเบรกไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้าออกได้
การแก้ไข เปลี่ยนชุดซ่อมแม่ปั้มเบรกล่าง ถอดมาขัดสนิมออก ทั้งแม่ปั้ม และกระบอกเบรก หรือถ้ามีสนิมมากจนเกิดตามด จะทำให้น้ำมันเบรกรั่วซึมได้ ต้องเปลี่ยนลูกสูบเบรก หรือแม่ปั้มทั้งชุด

อาการเบรกต่ำ เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกต่ำ เวลาเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่า แป้นเบรกจมลงต่ำกว่าปรกติ เหยียบค้างไว้เบรกค่อยๆจมลงๆ เป็นอาการของเบรกต่ำ ส่วนมากเกิดมาจาก ลูกยางแม่ปั้มเบรกบน มีอาการสึกหรอ หรือบวม ทำให้แรงดันเบรกลดลง ต้องออกแรงเบรกมากขึ้น หรือต้องเหยียบเบรกซ้ำๆกัน หลายๆครั้ง

อาการเบรกตื้อ เป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร


เบรกตื้อ เป็นอาการที่เวลาเหยียบเบรก แล้วรู้สึกว่า เบรกมันไม่ค่อยอยู่ เบรกแข็งๆ ต้องออกแรงเหยียบเบรกมากๆ อาการเบรกตื้อ เกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น แรงดูดสุญญากาศของหม้อลมน้อย เพราะปั้มตูดไดชาร์จเสีย หรือผ้าในหม้อลมรั่ว วาล์ว PVC หรือ Combo Vale เสีย สายลมรั่ว

เปิดตัว MG ZS ท้าดวลครอสโอเวอร์ Honda HR-V และ Mazda CX-3

เมื่อ MG เปิดตัว ZS รถเอสยูวีรุ่นใหม่ออกทำตลาดด้วยราคาค่าตัวที่น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าที่มองหารถอเนกประสงค์ได้มีทางเลือกเพิ่มเติมขึ้นมาทันที
ถึงแม้ MG ZS จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าคู่แข่ง แต่ด้วยราคาจำหน่ายที่ย่อมเยากว่าอย่างชัดเจน ทำให้คนที่กำลังตัดสินใจเลือกรถเอสยูวีขนาดเล็กสักคันย่อมต้องเกิดอาการลังเล เราขอรวบรวมข้อมูลของรถในกลุ่มนี้ทั้ง MG ZS, Honda HR-V และ Mazda CX-3 มาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ

Honda HR-V


โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เน้นความสปอร์ตผสมผสานกับความหรูหราตามตำแหน่งการตลาด “สปอร์ต+พรีเมียม” มือจับเปิดประตูด้านท้ายซ่อนอยู่บริเวณเสาหลังคาหลังเพื่อให้ตัวรถดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น อ็อปชั่นตัวท็อปค่อนข้างครบครันอย่างมาก แต่เราขอนำเสนอรุ่นล่างสุดคือรหัส S ที่ถูกตัดทอนอุปกรณ์หลายชิ้นไป

เอชอาร์-วี รุ่น S ไม่มีหลังคาซันรูฟ ไฟหน้าเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไม่มีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ไฟท้ายเป็นแอลอีดี มีระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไม่มีไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยใช้ขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับมีสปอยเลอร์หลัง


โครงสร้างภายในโดยรวมคล้ายกับฮอนด้า แจ๊ส ตกแต่งด้วยสีดำ แผงคอนโซลเอียงเข้าหาคนขับซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถฮอนด้าเกือบทุกรุ่น ใช้วัสดุผ้าสลับกับหนังสังเคราะห์ มีระบบตาร์ทเครื่องยนต์แบบปุ่มสตาร์ท ระบบฮอนด้า สมาร์ท คีย์ ระบบปรับอากาศควบคุมด้วยการสัมผัส เบาะที่นั่งปรับมือ เครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธตามสมัยนิยม มีลำโพง 4 ตัว ระบบความปลอดภัยครบครันพอตัวเหมือนกับรุ่นท็อป แต่ขาดถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะและม่านนิรภัยซึ่งมีเฉพาะในรุ่นที่สูงกว่า

เครื่องยนต์มีขนาดใหญ่พอตัว บล็อกเบนซิน 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1.8 ลิตรแบบเดียวกับฮอนด้า ซีวิค ให้พละกำลัง 141 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร ประกบกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อมโหมด Paddle Shift 7 สปีด รองรับน้ำมัน E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า

สำหรับราคาจำหน่าย รุ่นเริ่มต้น S อยู่ที่ 9.33 แสนบาท รุ่น E ราคา 9.99 แสนบาท รุ่น E Limited ราคา 1.05 ล้านบาท และรุ่นท็อปไลน์ EL ค่าตัว 1.099 ล้านบาท

Mazda CX-3


มาพร้อมแนวคิด “ฟรีสไตล์ ครอสโอเวอร์” มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม “YUCCIES” หรือ Young Urban Creatives ทั้งในและนอกเมือง การออกแบบภายนอกสะดุดตาด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์โคโดะ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว คนที่ชื่นชอบเส้นสายพลิ้วปราดเปรียวแบบสปอร์ตย่อมถูกอกถูกใจเจ้าซีเอ็กซ์-3 แน่นอน

สำหรับซีเอ็กซ์-3 รุ่นเริ่มต้นใช้รหัส 2.0 E ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ไม่มีทั้งไฟตัดหมอกและเดย์ไลท์ บั้นท้ายมีสปอยเลอร์ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมปลายท่อโครเมียม

ภายในห้องโดยสาร ไม่มีระบบสมาร์คีย์ แต่มีปุ่มสตาร์ทเช่นกัน การตกแต่งใช้ผ้าสีดำทั้งหมด ส่วนวัสดุหุ้มเบาะที่นั่งเป็นสีดำสลับกับสีเทา วัสดุหุ้มพวงมาลัยเป็นยูริเทนเหมือนกับเอชอาร์-วี เบาะพับแยกส่วน 60:40 เช่นกัน มีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบสั่งการด้วยเสียง เครื่องเสียงตามมาตรฐานพร้อมลำโพงติดตั้งมาให้ 4 ตัวเหมือนกับคู่แข่งจากฮอนด้า

ระบบความปลอดภัยในรุ่น 2.0 อีนั้นถูกตัดออกไปเกือบทั้งหมด แต่ก็ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่หน้า


เครื่องยนต์ของรุ่นเริ่มต้นเป็นบล็อกเบนซิน สกายแอคทีฟ-จี ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตันเมตร อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 16.4 กม./ลิตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ 6 สปีด

ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.0 E ราคา 8.35 แสนบาท รุ่น 2.0 C ราคา 9.1 แสนบาท รุ่น 2.0 S ค่าตัว 9.75 แสนบาท รุ่น 2.0 SP ราคา 1.083 ล้านบาท และตัวท็อป 1.5 XDL เคาะราคาที่ 1.193 ล้านบาท

MG ZS


เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาด้วยราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายเกินคาด มาพร้อมแนวคิดสมาร์ทเอสยูวีด้วยระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ เทคโนโลยีไอสมาร์ท (i-SMART) สามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยครั้งแรกของโลก เอ็ทจี แซดเอสถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มการใช้งานในเมือง และพร้อมรองรับการใช้งานนอกเมืองได้อย่างสบาย

ด้วยรราคาจำหน่ายที่ย่อมเยา เราจึงหยิบแซดเอส ตัวท็อปไลน์รหัส X มาเปรียบเทียบให้เห็นกับคู่แข่ง ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีไฟเดย์ไลท์ แหงนมองหลังคามีซันรูฟแบบพาโนรามา มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ไฟท้ายแอลอีดี และไฟเบรกดวงที่สามแบบแอลอีดี กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว มีสปอยเลอร์หลังและราวหลัง

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีน้ำตาลและดำ วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์แบบซอฟต์ทัชให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เบาะพับได้ 60:40 มีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล และปุ่มสตาร์ท

ไฮไลท์อยู่ที่ระบบไอสมาร์ทที่สามารถสั่งการตัวรถได้ด้วยการออกเสียงภาษาไทย ทั้งซันรูฟ การใช้โทรศัพท์ พร้อมกับสามารถใช้หน้าจอสั่งการระบบนำทางและระบบเลขาส่วนตัว ผู้ใช้งานยังสามารถใช้โทรศัพท์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนในการสั่งการเปิดระบบแอร์ การล็อกประตู วางแผนการเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย

ระบบความปลอดภัยเริ่มจากระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการเบรกในโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย เรียกว่าแซดเอสมาพร้อมอ็อปชั่นครบครันกว่าใครเพื่อน


แต่จุดด้อยของรถยนต์สัญชาติอังกฤษรุ่นนี้คือ เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อน บล็อกเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังแรงม้าที่ 114 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Maunal Mode

ราคาจำหน่ายของ MG ZS เริ่มต้นรุ่น C ราคา 6.79 แสนบาท รุ่นกลาง D ราคา 7.29 แสนบาท และรุ่นสูงสุด X ราคา 7.89 แสนบาท

ที่มา : www.autospinn.com
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved