Posted by Contemporary industry
Posted on 05:10
* แจ๊ช ไฮบริด IMA ยนตรกรรมรักษ์โลก รถไฮบริดรุ่นแรกของกลุ่มซับคอมแพคท์ประเทศไทย*รับประกัน 5 ปี ทั้งระบบ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุม แบตเตอรี่ไฮบริด และระบบสายไฟไฮบริด แบบไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับสิทธิคืนภาษีรถยนตร์คันแรก*ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Assist ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันอย่างเต็มประสิทธิภาพ26-7-2555 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว แจ๊ซ ไฮบริด ยนตรกรรมไฮบริด IMA รุ่นแรกของกลุ่มซับคอมแพคท์ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนทันสมัย รักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มาในคอนเซ็ปต์ "เงียบ" และ "ล้ำสมัย" แตกต่างด้วยกระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้ายแบบใหม่สไตล์ไฮบริด ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ Eco Assist ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน มาตรวัดแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เพิ่มสมรรถนะการประหยัดเชื้อเพลิงเต็มขั้น เพื่อให้ทุกการขับขี่โลดแล่นอย่างมีสไตล์
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า " แจ๊ช ไฮบริด ที่เปิดตัวในประเทศไทยตัวนี้นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของฮอนด้าที่ใช้เทคโนโลยี ไฮบริด ผสานการทำงานร่วมกับเครื่องยนตร์อัจฉริยะ i-VTEC ขนาด 1.3 ลิตร ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความลงตัวสำหรับการใช้งาน เปั้ยมด้วยสมรรถนะ ขับสนุก ควบคุมได้ดั่งใจ ประหยัดน้ำมัน ใช้งานได้หลากหลาย มีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่กว่ารถในระดับเดียวกัน ราคาย่อมเยา และประการสำคัญยังเป็นรถไฮบริดที่ทุกคนก็สามารถเป็นเจ้าของได้มร.ชิงโกะ นากามิเนะ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริดใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า "เป้าหมายการพัฒนาแจ๊ซไฮบริด ใหม่ คือ การสร้างสรรค์รถยนตร์ขนาดซับคอมแพคท์ที่มีความลงตัวสำหรับการใช้งาน รวมถึงการปรับปรุงนวัตกรรมด้านเทคนิคและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริดได้ผสมผสาน 2 เทคโลโนยีเข้าไว้ด้วยกัน
ชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ IPU ขนาดกระทัดรัดและน้ำหนักเบา จัดไว้บริเวณพื้นห้องเก็บสัมภาระด้านหลังของตัวรถ ซึ่งสามารถปรับระดับได้หลากหลายรูปแบบ มีพื้นที่ใช้สอยตอบสนองการใช้งานและจัดเก็บสัมภาระได้อย่างเต็มที่
แจ๊ช ไฮบริด เครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า(ที่5,800 รอบต่อนาที) และมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 14 แรงม้า(ที่ 1,500 รอบต่อนาที) เครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร (ที่ 4,500 รอบต่อนาที) และมอเตอร์ไฟฟ้าใฟ้แรงบิดสูงสุด 78 นิวตัน-เมตร (ที่ 1,000 รอบต่อนาที) โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อน และเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตัวและเริ่งแซง เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำคงที่ เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเข้าสู่ EV Mode โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลีกในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์เข้าสู่ EV Mode จะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ช่วงลดความเร็วหรือเบรก เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปขณะที่เบรกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า
ส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริด เพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป และเมื่อรถหยุด เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานอัตโนมัติ และเข้าสู่โหมด Iding Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษ เทคโนโยไฮบริดนี้จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึงประมาณ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร
แจ๊ช ไฮบริด ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานสไตล์สปอร์ตใหม่ล่าสุด อาทิ กระจังหน้า ไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่ดีไซน์ไฮบริด คิ้วโครเมี่ยมฝากระโปรงท้าย ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ปุ่ม ECON ระบบปรับอากาศอัตโนมัติหน้าจอแสดงข้อมูล MID หน้าจอแสดงข้อมูลสถานะการทำงานของเมเตอร์ไฟฟ้า ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย เครื่องเสียงแบบโมดูลพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX กล่องเก็บของใต้เบาะนั่งหลังช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางอเนกประสงค์ พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายกว้างขวาง รอบรับทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตรา ซีท ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายโหมด เสริมความมั่นใจด้วยโครงสร้างตัวถังรถยนต์แบบ G-CON นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานด้วยถุงลมคู่หน้า Dual SRS และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD"นอกจากนี้ ฮอนด้ายังรับประกันระบบไฮบริด ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุม แบตเตอรี่ไฮบริด และระบบสายไฟไฮบริด โดยรับประกันทั้งระบบ เป็นระยะเวลาถึง 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด ยังได้รับสิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรกด้วยมีให้เลือก 4 สี สีขาวบริลเลียนท์ สีเงินอลาบาสเตอร์ สีเขียวเฟรชไลม์ และสีฟ้าเซรูเลียน ภายในเบาะสีดำ และสีน้ำเงินเข้ม
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:25
“สื่อสากล” เปิดเกมรุกพัฒนามาตรฐาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” เต็มรูปแบบ เปิดให้สื่อมวลชนลงทะเบียนร่วมงานผ่านระบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม – 30 กันยายนนี้
ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป เปิดเผยว่า ผู้จัดมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานจัดงานอย่างต่อเนื่อง และการที่งาน MOTOR EXPO ได้รับรองจากสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก หรือ UFI นับว่ามีส่วนผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางจัดแสดงและจำหน่ายรถยนต์แห่งภูมิภาคอาเซียน
สำหรับปีนี้นับเป็นปีที่ 2 แล้วที่ผู้จัดพัฒนาโพรแกรมซอฟท์แวร์ดูแลระบบฐานข้อมูลการลงทะเบียนสื่อมวลชนที่จะเข้าร่วมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” ผ่านทางเวบไซท์
www.motorexpo.co.th แบบเปิดออนไลน์ 24 ชั่วโมง หลังจากปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จมีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศลงทะเบียนผ่านระบบดังกล่าวประมาณ 700 คน
“สื่อมวลชนทุกแขนงสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม – 30 กันยายน 2555 ซึ่งหลังจากลงทะเบียนแล้วระบบตอบรับอัตโนมัติจะส่งข้อความไปยังอีเมล์ส่วนตัวและส่งSMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ให้ไว้เพื่อยืนยันการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์” ชลัทชัย กล่าว
นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารงาน MOTOR EXPO ด้วยแอพพลิเคชันที่หลากหลายผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ (Andriod และ Blackberry) แทบเลท คอมพิวเตอร์ และโนทบุค
ยิ่งกว่านั้นเพื่อเตรียมพร้อมรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ผู้จัดอยู่ระหว่างรวบรวมฐานข้อมูลสื่อมวลชนต่างประเทศในเขตภูมิภาคอาเซียนเพื่อเชิญร่วมงานปีนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าMOTOR EXPO คือ งานแสดงยานยนต์เดียวในเมืองไทยที่มีศักยภาพสะท้อนภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ รวมถึงเป็นงานหลักที่หน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ และภาคเอกชนให้การยอมรับนำไปวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มตลาดรถยนต์ในปีถัดไป ซึ่งมั่นใจว่าภายในงานมีข้อมูลด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกประชาคมอาเซียนและประชาชนในระดับมหภาคด้วย
อย่าพลาด..งาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29" ณ อาคารชาเลนเจอร์1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2555 เวลาเปิด-ปิดงานวันธรรมดาเวลา 12.00-22.00 น.วันเสาร์/อาทิตย์และวันหยุดราชการเวลา 11.00-22.00 น. ปิดจำหน่ายบัตรเข้างานเวลา 21.00 น.ของทุกวัน
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:25
กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย ร่วมกับภาคีภาครัฐ และปตท. สนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการไทย-ญี่ปุ่นในโครงการ“นวัตกรรมไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากพืชที่ไม่ใช่อาหาร” ร่วมทดสอบน้ำมันไบโอดีเซลจากต้นสบู่ดำ โดยใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุด “Partial Hydrogenation” ซึ่งมีศักยภาพที่จะนำมาใช้งานเชิงพาณิชย์ในยานยนต์เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงทางพลังงานของชาติในอนาคต
มร. เอช. นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ท่ามกลางวิกฤตพลังงานที่เราต้องเผชิญอยู่ขณะนี้ การค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกเป็นทางออกที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจ อีซูซุในฐานะผู้นำด้านเครื่องยนต์ดีเซลของโลกเล็งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ จึงให้การสนับสนุนโครงการ “นวัตกรรมไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากพืชที่ไม่ใช่อาหาร” ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการไทย - ญี่ปุ่นในการค้นคว้าวิจัยน้ำมันไบโอดีเซลทางเลือกจาก “ต้นสบู่ดำ” ที่น่าจะเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูงในการใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ อีซูซุภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ โดยกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยได้มอบเงินสนับสนุนทุนวิจัย พร้อมรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ สเปซแค็บ รุ่นใหม่หมด!” และเครื่องยนต์อีซูซุซูเปอร์คอมมอนเรล 2500 ดีดีไอแก่ทีมวิจัยในการใช้ทดสอบประสิทธิภาพของไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากพืชที่ไม่ใช่อาหาร รวมทั้งช่วยเหลือด้านการทดสอบรถและเครื่องยนต์ซึ่งอีซูซุมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูงเพื่อให้เกิดความมั่นใจสูงสุดตามมาตรฐานของอีซูซุ นอกจากนี้กลุ่มอีซูซุยังจัดเตรียมห้องปฏิบัติการทดสอบสารมลพิษสำหรับการประเมินผลรถที่ใช้ไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากพืชที่ไม่ใช่อาหารอีกด้วย เราหวังว่าการวิจัยน้ำมันไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากสบู่ดำนี้จะมีศักยภาพที่จะนำมาใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จะส่งผลให้เกิดความมั่นคง และเสถียรภาพทางด้านพลังงานของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้"
โครงการ “นวัตกรรมไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากพืชที่ไม่ใช่อาหาร” เป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยและญี่ปุ่นในการค้นคว้าวิจัยน้ำมันไบโอดีเซลจากต้นสบู่ดำ โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Partial Hydrogenation ในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลคุณภาพสูง และมีต้นทุนไม่สูงนักภายใต้ความร่วมมือของภาคีภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น ต้นสบู่ดำนี้เป็นพืชที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เติบโตง่าย มีความทนทานต่อความแห้งแล้งและแมลงได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่ไปกระทบห่วงโซ่อุปทานของอาหาร เพราะเป็นพืชที่ไม่สามารถนำมาใช้รับประทานได้ ไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากสบู่ดำซึ่งผ่านกระบวนการ Partial Hydrogenation นี้ทำให้สามารถผสมกับน้ำมันดีเซลได้ในสัดส่วนมากกว่า 5% (B5) ซึ่งเป็นสัดส่วนการผสมของเชื้อเพลิงดีเซลทั่วไปในท้องตลาดปัจจุบัน
ไบโอดีเซลสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ได้ หากแต่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตยังมีราคาแพงกว่าดีเซลจากปิโตรเลียม แต่ละประเทศจะใช้วัตถุดิบในการผลิตที่แตกต่างกันตามลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับอาหาร เช่น ประเทศไทยผลิตไบโอดีเซลจากปาล์มเป็นหลัก ดังนั้น “ต้นสบู่ดำ” ซึ่งเป็นพืชที่ไม่สามารถใช้เป็นอาหารได้ จึงได้รับความสนใจในฐานะพืชพลังงานที่สามารถ นำมาผลิตไบโอดีเซลเพื่อความยั่งยืนในอนาคต ความร่วมมือทางวิชาการไทย - ญี่ปุ่นในโครงการ “นวัตกรรมไบโอดีเซลทางเลือกใหม่จากพืชที่ไม่ใช่อาหาร” จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังใหม่เพื่อผลิตไบโอดีเซลที่มีคุณภาพที่สูงขึ้น และมีศักยภาพในการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมีต้นทุนการสร้างโรงงานหรือต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่ไม่สูงนัก อีกทั้งสามารถปรับเปลี่ยนจากโรงงานผลิตไบโอดีเซลอยู่เดิมได้ ซึ่งชุมชนต่างๆยังคงใช้ประโยชน์จากโรงงานแบบเดิมไว้ได้ นับเป็นการสร้างงานและความเป็นดีอยู่ดีของชุมชนตามวิถีอีซูซุ
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:22
เมื่อเร็วๆ นี้ นายบรมกช ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรมการบริหาร “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” ได้รับเกียรติเป็นผู้จับไปรษณียบัตร ให้แก่ผู้โชคดีที่จะได้รับรางวัลพิเศษ จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ รถยนต์โฟล์คสวาเกน รุ่นกอล์ฟ จีที 1.4 รถซีดานสปอร์ตคลาสสิค 4 ประตู มูลค่า 1,980,000 บาท กับรางวัลรถยนต์เฌอรี่ รุ่นบิ๊ก-บี รถตู้เอนกประสงค์ระดับหรู 14 ที่นั่ง มูลค่า 959,000 บาท ภายในงานพิธีจับไปรษณียบัตร “โครงการทายผลแชมป์ฟุตบอลยูโร 2012 ครั้งที่14” ของหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” ณ สำนักงานหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” ซึ่งผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ได้แก่
1.คุณฉวีวรรณ เขมะสุริจันทร์โญ จากกรุงเทพฯ รางวัลรถยนต์โฟล์คสวาเกน รุ่นกอล์ฟ จีที 1.4
2.คุณแก้วตา วงศ์สุวรรณกิต จากปทุมธานี รางวัลรถยนต์เฌอรี่ รุ่นบิ๊ก-ดี
ทั้งนี้ทาง “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการ “ไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลยูโร ปี 2012” ของหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” นับเป็นโครงการที่ส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาฟุตบอลให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และร่วมสร้างสีสันในการเชียร์ฟุตบอลยูโรให้มีความสนุกสนานมากขึ้น ทั้งได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนคนไทยเป็นอย่างดี โดยมีผู้ร่วมส่งไปรษณีบัตรสูงเกือบ 160 ล้านฉบับ นับเป็นหนึ่งในโครงการที่ประสบความสำเร็จสูงสุดสำหรับในปีนี้
Posted by Contemporary industry
Posted on 22:59
เซี่ยงไฮ้มีการคาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2573 ประชากรกว่า 60 เปอร์เซนต์ของโลก จะอาศัยอยู่ในเขตชุมชนเมืองเป็นจำนวนมากถึง 8,000 ล้านคน ซึ่งอาจส่งผลทำให้มีความต้องการด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันระบบดังกล่าวยังไม่สามารถตอบสนองต่อความเพียงพอได้มากนัก อินดัสทรี่ (เอสเอไอซี) ได้ร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการเดินทางของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง พัฒนาระบบทางเลือกใหม่แห่งการขับขี่ของยานยนต์ในโลกอนาคต และได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำยุคขึ้นภายใต้โครงการรถยนต์เทคโนโลยี อีเอ็น-วี
หรือ ที่ย่อมาจาก Electric Networked-Vehicle เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เพื่อลดข้อจำกัดในการเดินทาง และลดปัญญาด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี อีเอ็น- วี จะเป็นรถยนต์ขนาดสองที่นั่ง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความคับคั่งของการจราจร ปัญหาในการหาที่จอดรถ ปัญหาคุณภาพอากาศ และปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นในเมืองใหญ่
รถยนต์รุ่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาตามขึ้นตามหลักปรัชญาของประเทศจีน โดยมุ่งเน้นถึงความภาคภูมิใจ (Jiao/Pride) ความน่าหลงใหล (Miao/Magic) ความสนุกสนาน (Xiao/Laugh) ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นที่แตกต่างกันไป
“อีเอ็น-วี เป็นเทคโนโลยีซึ่งรวมเอาความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัดมาพลิกโฉมยานยนต์ยุคใหม่ จะทำให้การขับขี่ยานพาหนะในโลกอนาคตไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง และจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และยังสามารถช่วยลดปัญหาด้านการจราจรและการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้อีกด้วย พร้อมกันนี้ยังสามารถสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ และการออกแบบที่มีสีสัน”
สำหรับเทคโนโลยีนี้จะสามารถค้นหาข้อมูลการจราจรในเวลาปัจจุบันได้ทันที ทำให้สามารถเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็วที่สุด เทคโนโลยีใหม่นี่ยังรวมถึงระบบเครือข่ายไร้สายที่ผู้ขับขี่สามารถติดต่อกับผู้ขับขี่รายอื่น เพื่อนฝูง และลูกค้าได้ รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีอีเอ็น-วี ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักที่เบากว่าเพียง 500 กิโลกรัม และมีความยาวประมาณ 1.5 เมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับรถยนต์ในปัจจุบันที่มีน้ำหนักมากถึง 1,500 กิโลกรัม และยาวกว่าถึง 3 เท่า อีกทั้งยังต้องการพื้นที่ในการจอดรถมากกว่า 10 ตารางเมตร ซึ่งหมายความว่าที่จอดรถยนต์ทั่วไปสามารถรองรับรถยนต์เอ็นอี-วี ได้มากถึง 5 คัน
ทางด้านการออกแบบโดยอาศัยหลักปรัชญาของประเทศจีน โดยเริ่มตั้งแต่ความสนุกสนานในการขับขี่ (Xiao/Laugh) ที่ได้ถูกริเริ่มขึ้นโดยทีมออกแบบของ จีเอ็ม โฮลเดนประเทศออสเตรเลีย โดยเลือกสีฟ้าสดใสเป็นจุดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลในวันที่อากาศแจ่มใส ขณะที่รูปลักษณ์ที่เน้นถึงความภาคภูมิใจ (Jiao/Pride) ได้ถูกออกแบบโดยทีมงานออกแบบของ จีเอ็ม ยุโรป ที่มีต้นแบบมาจากรถไฟความเร็วสูงของประเทศญี่ปุ่น และหน้ากากที่ใช้ในการแสดงอุปรากรจีน ส่วนแนวคิดความน่าหลงใหล (Miao/Magic) ได้รับการออกแบบมาจากทีมงานของ จีเอ็ม ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เน้นความแข็งแรง ทะมัดทะแมง
เมื่อแนวคิดทั้งสามมารวมกันจนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์อีเอ็น-วี แสดงออกมาถึงรูปลักษณ์ภายนอกอันสง่างาม สีสันเย้ายวนใจ ส่วนภายในบ่งบอกถึงความหรูหรา ซึ่งคอนเซ็ปต์ในการออกแบบรถยนต์ อีเอ็น-วี นี้ เป็นการระดมความคิดของทีมออกแบบของจีเอ็มทั่วโลก” นาย เครย์ ดีน ผู้อำนวยการฝ่ายการออกแบบ บริษัท จีเอ็ม แห่งภูมิภาคอเมริกาเหนือ อะคลีลิก ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้ในการผลิตรถยนต์เพื่อการแข่งขัน เครื่องบินรบ ยานอวกาศ เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทาน และมีน้ำหนักเบา การนำนวัตกรรมใหม่ทางด้านวัสดุเหล่านี้มาใช้ก่อให้เกิดโอกาสในการเรียนรู้สำหรับทีมงานการออกแบบของจีเอ็ม ซึ่งนำไปสู่การพัฒนารยนต์แห่งโลกอนาคต
“ในอนาคตเราจะเดินทางสัญจรไปในเมืองใหญ่ๆ อย่างนครเซี่ยงไฮ้ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยียานยนต์อันทันสมัย ผนวกกับโครงสร้างของระบบสาธารณูปโภคด้านการคมนาคมที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์รุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิทยาการใหม่ๆ ที่จะสามารถช่วยในเรื่องการเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”