Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

“เอ็มจี”นำประวัติศาสตร์แห่งยานยนต์อังกฤษสู่ประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวอย่าง “เอ็มจี6” เป็นทางการ



รูปลักษณ์การออกแบบฟาสต์แบ็คที่คำนึงถึงหลักทางอากาศพลศาสตร์ก้าวข้ามแนวคิดในการออกแบบรถยนต์แบบดั้งเดิม

กรุงเทพฯ 19 มิถุนายน 2557 เอ็มจี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับออุคสาหกรรมยานยนต์ไทย กับการแนะนำรถยนต์เอ็มจี6 ทั้งรูปแบบรถยนต์นั่งและรถฟาสต์แบ็ค 5 ประตู รถยนต์เอ็มจี6 จะทำการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ของเอ็มจี ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ด ในจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ซึ่งทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณ 9,000 ล้านบาท และมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 50,000 คันต่อปี

มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ระบุว่าการผลิตรถยนต์เอ็มจี6 นั้น จะมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่า 40% เพื่อทำการจำหน่ายในประเทศและตลาดส่งออก
เอ็มจีวางแผนที่จะส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังประเทศที่ใช้งานรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก ซี่งจะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของเอ็มจี และเราจะเดินหน้าแผนการตลาดสำหรับการส่งออก เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ในโรงงานแห่งนี้นายหวู่กล่าว
ด้วยการติดตั้งแนวคิดความสนุกสนานในการขับขี่ที่เรียกว่า บริท ไดนามิก (Brit Dynamic) ซึ่งเป็นการประกอบกันของคุณลักษณะที่สำคัญ 4 ประการ อันประกอบไปด้วย สมรรถนะ, การควบคุมรถ, การออกแบบและความปลอดภัย สู่การเป็นเป็นรถยนต์ที่มีความน่าสนใจ เอ็มจี6 เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่จิตวิญญาณนักขับถูกผสานเข้ากับวิศวกรรมจากสนามแข่ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยนตรกรรมที่ให้สมรรถนะที่โดดเด่น การออกแบบที่ปราศจากข้อติ การควบคุมที่เน้นให้นักขับเป็นศูนย์กลาง และความปลอดภัยระดับสากล

ขุมกำลังของรถยนต์คันนี้มาจากเครื่องยนต์ทีซีไอ-เทค 1.8 ลิตรที่มาพร้อมเทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (161 แรงม้า) ที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,500 รอบต่อนาที ที่ทำให้เอ็มจี6 มีความยืนหยุ่นที่เป็นเยี่ยม
เครื่องยนต์อลูมิเนียมแท้ทั้งเครื่อง มาพร้อมระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์เอ็มเอฟไอ (Multipoint Fuel Injection) และวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing) ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง และระบบการจัดการเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ EMS6204 ส่งกำลังอย่างลื่นไหลด้วยระบบ Dual Clutch Transmission (DCT) 6 สปีด พร้อมระบบเกียร์แพดเดิลชิฟท์ที่ติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่และความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้น ระบบเกียร์อัจฉริยะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก

เอ็มจี6 นับเป็นรถยนต์รุ่นเดียวในรถยนต์ระดับนี้ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรรุ่นนี้ สามารถให้พละกำลังและแรงบิดได้เทียบเท่ากับเครื่องยนต์รุ่นปกติขนาด 2.0 ลิตร นอกจากนี้ เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงอี20 ได้เช่นกัน นอกเหนือไปจากการให้สมรรถนะที่เร้าใจ เอ็มจี6 ยังนำเสนอการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีความโดดเด่นในเรื่องของระดับการปล่อยไอเสียแชสซีที่ออกแบบมาโดยมุ่งเน้นที่ความสปอร์ตของเอ็มจี6 ให้มาตรฐานการขับขี่ในแบบรถยนต์ยุโรป ด้วยการควบคุมรถที่แม่นยำ รวมไปถึงความมีเสถียรภาพของรถที่ความเร็วสูง ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการจูนตัวถังที่เหมาะสม รวมไปถึงการใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ที่ช่วยรักษาความสามารถในการสนับสนุนการขับขี่ของตัวรถในการเข้าโค้งอย่างรุนแรง
ระบบรองรับแรงสั่นสะเทือนที่ปรับจูนมาอย่างพอเหมาะ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีระหว่างการอัดและการคืนตัวของโช๊คอัพ ช่วงล่างแบบอิสระของเอ็มจี6 ประกอบไปด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทและช่วงล่างมัลติลิงค์แบบซี-ไทป์ที่ด้านหลัง มาพร้อมระบบช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในการใช้งาน ทั้งหมดนี้จะช่วยในเรื่องของการบังคับควบคุมรถที่แม่นยำและเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยรักษาเสถียรภาพระดับสูงของตัวรถ

การออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลแบบยูโรเปียนของเอ็มจี6 สร้างบรรยากาศแห่งความเคลื่อนไหวของตัวรถ แม้แต่ในยามที่รถจอดนิ่งสนิทสปอยเลอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus ให้สมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งแบบ 17 นิ้วและ 16 นิ้ว เสาอากาศรูปทรงครีบฉลามออกแบบแบบยูโรเปียน ได้รับการติดตั้งมาบนหลังคาของรถทุกคันห้องโดยสารภายในให้ความดึงดูดทั้งในเรื่องของรายละเอียดการออกแบบและความกว้างขวางของห้องโดยสาร สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบเชิงบูรณาการแบบไดนามิกของเอ็มจี เอ็มจี6 ได้พัฒนาเพื่อให้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่วางขาและพื้นที่ส่วนไหล่ของผู้โดยสาร เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย

ในรุ่นฟาสต์แบ็ค 5 ประตูนั้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ถูกขยายเพิ่มเติมเป็น 472 ลิตร พร้อมระบบพับเบาะที่นั่งตอนหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้
ทางด้านความปลอดภัยนั้น เอ็มจี6 มาพร้อมนวัตกรรมการออกแบบตัวถัง USD (Ultimate Stiffness Design) ที่โครงสร้างของตัวรถกว่า 63% ถูกสร้างขึ้นมาด้วยโลหะที่มีความแข็งแกร่งและโลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้รถคันนี้ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของยุโรประดับ 5 ดาวเลยทีเดียวระบบช่วยเหลือทางด้านความปลอดภัย 10 ระบบถูกติดตั้งอยู่ในรถยนต์เอ็มจี6 ซึ่งก็รวมถึงระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC - Vehicle Stability Control) ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS -  Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR - Motor Control Slide Retainer) ระบบช่วยควบคุมแรงดันถังเบรก (CBC - Cornering Brake Control) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD - Electronic Brake Distribution) ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS - Indirect Monitor Tire System) ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC - Brake Disc Cleaning) ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA - Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System)

ในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหน้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับน้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉพาะรถยนต์เอ็มจี6 เปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกัน 2 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ ตัวถังสปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู โดยในรุ่นฟาสต์แบ็คจะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย (เอ็กซ์และดี) ขณะที่ในรุ่นซีดานจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก (เอ็กซ์, ดีและซี)เอ็มจี6 สปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค ทั้งรุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ วางราคาจำหน่ายที่ 1,108,000 บาท และ 968,000 บาท ตามลำดับ

ขณะที่เอ็มจี6 ซีดาน รุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์เช่นกัน และวางราคาจำหน่ายที่ 1,098,000 บาท และ 898,000 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในรุ่นเอ็มจี6 ซีดาน ซี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบธรรมดา โดยวางราคาจำหน่ายที่ 848,000 บาท
บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายที่จะจำหน่ายเอ็มจี6 ไว้ทั้งสิ้น 2,000 คัน ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 30 รายทั่วประเทศได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และพร้อมที่จะเดินหน้าทำตลาดได้ในปีนี้ โดยตัวแทนจำหน่าย 9 แห่งแรกพร้อมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ตัวแทนจำหน่ายอีก 16 แห่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม เอ็มจีเชื่อว่าเพื่อการสร้างการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว การพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้เข้มแข็งจะเป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งของตราสินค้าในประเทศไทย

รถยนต์เอ็มจี6 พร้อมแล้วที่จะเปิดรับจองอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเอ็มจีได้เตรียมข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ ด้วยการมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (MG Roadside Assistance) บริการช่วยเหลือที่จุดบริการ (MG Mobile Service) และการรับประกันคุณภาพของสินค้านานถึง 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตรในส่วนของการให้บริการหลังการขายนั้น เอ็มจีได้ทำการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ (Parts Distribution Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ซึ่งได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล่าสึดสำหรับการจัดเก็บและขนส่งอะไหล่รถยนต์ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สามารถจัดเก็บอะไหล่ที่มีความแตกต่างกันได้มากกว่า 2,500 ชนิด ที่พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง
ศูนย์แห่งนี้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ อะไหล่ พนักงานและระบบต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการตามความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการรออะไหล่ลงไปได้ โดยศูนย์แห่งนี้มีเป้าหมายที่จะรองรับความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนายหวู่กล่าวเสริม

สำหรับศูนย์บริการและศูนย์ฝึกอบรมของเอ็มจี (MG Service Center and Training Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอ่อนนุชนั้น ได้ก่อตั้งเป็นที่เรียบร้อยและเปิดดำเนินการแล้วเช่นกัน

เกี่ยวกับ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด
ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คือ เซียงไฮ้ ออโด้โมบิล แอนด์ อินดัสเทรียล คอร์ปอเรชั่น (Shanghai Automobile and Industrial Corporation) ถือหุ้นร้อยละ 51 และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถือหุ้นร้อยละ 49 โดยมีศูนย์การผลิตรถยนต์เอ็มจีในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง เพื่อผลิตรถยนต์เอ็มจีพวงมาลัยขวาส่งขายไปยังตลาดทั้งใน ประเทศและตลาดอาเซียน ในส่วนของการจัดจำหน่าย บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลงานการตลาด การขาย เครื่อข่ายผู้จำหน่าย การบริการหลังการขาย โดยบริษัทตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร 

เกี่ยวกับ เอ็มจี
ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1924 เอ็มจี เป็นแบรนด์รถยนต์อังกฤษที่มีประวัติยาวนาน 90 ปีในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เอ็มจีมาจากคำว่า มอริส การาจ ปัจจุบันบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์สเป็นเจ้าของกิจการ มีศูนย์ออกแบบหลักอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เพื่อออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งศูนย์เทคโนโลยีตามมาตรฐานยุโรป เอ็มจีมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากการเป็นรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุน ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันรถยนต์เอ็มจียังได้รับการผลิตในหลากหลายรุ่น และจัดจำหน่ายไปทั่วโลก
 

“งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 38” อวดโฉมสปอร์ทโบราณ โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว ทรงเสน่ห์



สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ฟิวเจอร์พาร์ค จัด งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 38 ชวนทุกเพศ ทุกวัย ร่วมชมรถโบราณ รถคลาสสิค พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ ลุ้นรับรางวัลมากมาย ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ระหว่างวันที่ 19 - 22 มิถุนายน 2557

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 38 (THE GLOSSY HERITAGE AWARDS 2014) จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เช่นทุกปี ภายใต้แนวคิด “สปอร์ทไม่เคยเปลี่ยน” หรือSPORTS CARS ARE TIMELESS เนื่องจากรถสปอร์ท มากมายหลายรุ่นที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนนปัจจุบัน มีตำนานความเป็นมายาวนาน และแม้จะได้รับการพัฒนาทั้งรูปลักษณ์ เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่องตามยุคสมัย แต่สปอร์ทยุคเริ่มแรกก็ยังคงความเป็นสปอร์ท ซึ่งหมายถึงความโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว และทรงเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ผู้ให้การสนับสนุนด้านสถานที่จัดงานกล่าวว่า “ได้เนรมิตพื้นที่จัดแสดง กว่า 2,700 ตารางเมตร ทั่วศูนย์การค้า ชั้นจี แคสคาต้า และชั้น1 ของศูนย์การค้าฯ โดยตบแต่งบรรยากาศภายในงานให้มีกลิ่นอายสไตล์ยุโรปสุดคลาสสิค เพื่อให้เข้ากับรถโบราณอันทรงคุณค่า ช่วยให้การประกวดรถโบราณในครั้งนี้มีความยิ่งใหญ่ เข้ากับยุคสมัยของรถสปอร์ทโบราณ ตลอดจนสร้างความประทับใจ ตามคอนเซพต์  สปอร์ท ไม่เคยเปลี่ยน  สร้างสีสันให้แก่คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาชมงาน ตลอดจนร่วมอนุรักษ์รถโบราณได้เป็นอย่างดี

สำหรับรถเด่นตามแนวคิดการจัดงานปีนี้ ได้แก่ อัลฟา โรเมโอ สไปเดอร์ (ALFA ROMEO SPIDER) ที่เริ่มเดินสายการผลิตเมื่อปี 1966 และเผยโฉมครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวาปีเดียวกัน ออกแบบโดย ปินินฟารีนา เอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ คือ หัว/ท้าย ทรงมน ซึ่งเรียกกันว่า โบทเทล (BOAT TAIL) แต่คนไทยมักเรียกว่า ท้ายแมลงสาบ กันชนหน้ามีไฟเลี้ยวซ่อนอยู่ด้านใน และหลังคาเปิดประทุนได้

เมร์เซเดส-เบนซ์ 190 เอสแอล(MERCEDES-BENZ 190 SL) รถสปอร์ทเปิดประทุนที่มีทั้งหลังคาอ่อน และหลังคาแข็งแบบถอดได้ โดดเด่นด้วยดีไซจ์นโค้งมน กระจังหน้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า 4 ช่อง ติดโลโกดาวสามแฉกไว้ตรงกลาง ซุ้มล้อแต่งคิ้วเล็กๆ ทั้งล้อหน้า และหลัง ภายในหรูหราตามแบบฉบับรถเยอรมนี และปัจจุบันเป็นรถคลาสสิคยอดนิยมของบรรดานักสะสม
บีเอมดับเบิลยู 503 (BMW 503) เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ปี 1955 และออกจำหน่ายในปีถัดมา มีทั้งแบบ 2 ประตู คูเป และเปิดประทุน ทำยอดขายในตลาดโลกได้ทั้งหมด 412 คัน ได้รับคำชมว่าเป็นรถที่มีบุคลิกชัดเจน เย้ายวน บนเรือนร่างกะทัดรัด นับเป็นรถยนต์ที่โดดเด่นมากในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2
            แจกวาร์ อี-ไทพ์ ซีรีส์ 1 (JAGUAR E-TYPE SERIES I) ได้รับการออกแบบเพื่อใช้ในการแข่งขัน เลอ มองส์(LE MANS) ทดแทนรุ่น ดี-ไทพ์ ตัวถังเป็นอัลลอยน้ำหนักเบา ส่วนโครงสร้างหลักผสานกันระหว่างตัวถังแบบชิ้นเดียว (MONOCOQUE) กับแบบสเปศเฟรม (SPACE FRAME) ที่ใช้ในรถแข่ง รถรุ่นนี้ประสบความสำเร็จในด้านการค้า ด้วยยอดขายรวมสูงถึง 72,507 คัน

นอกจากนี้ ยังมีรถโบราณหาชมยากที่ได้รับการบูรณะให้คงสภาพเดิม เช่น ฟอร์ด โมเดล เอ (FORD MODEL A) ปี 1930 รถโบราณสัญชาติอเมริกัน ซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากยังมีชิ้นส่วนอะไหล่แท้จำหน่ายถึงปัจจุบัน และ เมร์เซเดส-เบนซ์ 170 เอสวี (Mercedes-Benz 170SV) ปี 1954 รถหลังสงคราม ซึ่งของเจ้าของบูรณะขึ้นจากเศษซาก จนกลับฟื้นคืนชีพ โดยใช้เวลากว่า 20 ปี
ภายในงานยังมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การประกวดเครื่องแต่งกายงามสมสมัย, การประกวดราชินีแห่งความสง่างาม (CONCOURS D'ELEGANCE - กงกูรส์ เดเลอกองศ์), ตลาดนัดอะไหล่ จำหน่าย หรือแลกเปลี่ยนอะไหล่สำหรับรถโบราณ พร้อมเลือกซื้อสินค้าสไตล์วินเทจในตลาดย้อนยุค เพื่อสร้างสีสันให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าชมงานได้สัมผัสถึงกลิ่นอายแห่งความคลาสสิค

อย่าพลาด! “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 38 เปิดให้เข้าชมฟรี ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ระหว่างวันที่ 19 - 22 มิถุนายน 2557 และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.vintagecarclub.or.th

BENZ NK เปิด WALD Complete Car ใหม่ล่าสุดพร้อมกัน 3 รุ่น ตอบสนองลูกค้าที่ต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัว



นายพิตินันทน์ กฤษดาธานนท์ กรรมการผู้จัดการ เบนซ์ เอ็น.เค. ออโต อิมพอร์ต เปิดเผยว่าในฐานะที่บริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายชุดแต่งระดับโลกอย่างเป็นทางการในประเทศไทยถึง 5 แบรนด์ ได้แก่ Hamann Motor Sport, Piecha, Prior-Design, Caractere และ WALD International โดยได้มีการเปิดตัวรถยนต์ตกแต่งในรูปแบบ Complete Car อย่างต่อเนื่องมากถึง 10 รุ่นนับตั้งแต่ได้มีการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Bangkok  International Auto Salon เมื่อเดือนมิถุนายนของปีที่แล้ว ถือเป็นการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำนโยบายหลักของทางบริษัทที่เน้นสร้างความแตกต่างในเรื่องการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึงชูจุดแข็งในเรื่องของโปรดักส์ที่มีความหลากหลายสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้ครบทุกความต้องการ ล่าสุดจัดงานเปิดตัว 3 ยนตรกรรมใหม่ล่าสุดจากค่าย WALD International ได้แก่ E-Class Facelift WALD, A-Class WALD และ SLK WALD Complete Car ถือเป็นการเปิดตัวประเทศที่สองในโลก หลังจากที่เพิ่งมีการเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับชุดแต่ง WALD รุ่น Black Bison ที่นำมาเปิดตัวทั้ง 3 รุ่นในครั้งนี้ตั้งใจนำเข้ามาตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถเมอร์เซเดสเบนซ์รุ่น A-Class, SLK และ E-Class Facelift โดยเฉพาะในรุ่นที่ไม่ได้มาพร้อมชุดแต่ง AMG ซึ่งมั่นใจว่าชุดแต่ง WALD จะสามารถสร้างความโดดเด่นสวยงามได้อย่างลงตัว สำหรับชุดแต่ง WALD รุ่น Black Bison ถือเป็นชุดแต่งซีรี่ย์ท็อปสุดของทางค่าย มาพร้อมพาร์ทรอบคันถึง 10 ชิ้นช่วยเพิ่มความโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยยังคงเอกลักษณ์การดีไซน์เน้นเส้นสายที่ดุดัน โฉบเฉี่ยวทันสมัยแต่งแฝงไปด้วยความโก้หรูสไตล์ WALD โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับล้อแม็ก WALD รุ่นท็อปสุด Portofino P21C ขอบ 19 นิ้ว โดยเน้นขนาดของล้อที่ไม่ใหญ่จนเกินไปเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานจริง ทั้งนี้จากการที่ทางบริษัทฯเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จึงพร้อมรับประกันคุณภาพสินค้าและการประกอบติดตั้งที่ถูกต้องจากโรงงาน เพื่อความมั่นใจของลูกค้าทุกท่าน
นายพิตินันทน์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงทิศทางการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังว่า จากการที่ในปีนี้ทางบริษัทดำเนินธุรกิจรถยนต์ก้าวเข้าสู่ปีที่ 46 และได้มีการจัดงาน Grand Opening เปิดโชว์รูม Benz NK Revolution อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากจากลูกค้า ในขณะเดียวกันปีนี้ทางบริษัทมีนโยบายทำตลาดรถยนต์นำเข้ายี่ห้ออื่นๆนอกเหนือจากรถเบนซ์ ทำให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้กว้างมากยิ่งขึ้น รวมถึงการรับประกันหลังการขายพร้อมวารันตี 3 ปีเต็ม ไม่จำกัดระยะทางจากศูนย์ซ่อมบริการมาตรฐานขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งนี้ทางบริษัทได้มีการแบ่งสัดส่วนของโปรดักส์ในการทำตลาดนับจากนี้เป็นต้นไปไว้ชัดเจนคือ รถเบนซ์ใหม่นำเข้า 50% รถยนต์นำเข้ายี่ห้ออื่นๆ 15% รถเบนซ์มือสอง 30% และรถยนต์ตกแต่งในรูปแบบ Complete Car 5% ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันระหว่างทางบริษัทกับทาง PRODRIVE พันธมิตรของเราในเรื่องชุดแต่ง โดยในครึ่งปีหลังทางบริษัทจะเน้นการจัดกิจกรรมแบบ Below The Line เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น พร้อมเตรียมแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเน้นนโยบายการให้บริการหลังการขายมาเป็นอันดับหนึ่ง พร้อมมั่นใจว่าโดยสถานการณ์ทางการเมืองที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติจะทำให้ยอดขายเป็นไปตามที่เราได้ตั้งเป้าไว้
สำหรับผู้ที่สนใจ WALD Complete Car ใหม่ล่าสุดทั้ง 3 รุ่นสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center : 087-634-7777 ติดตามอัพเดทรถใหม่ประจำวันได้ที่ Facebook.com/benznkautoimport และ Instagram @BenzNK_Revolution พร้อมชมโชว์รูมเบนซ์ เอ็น.เค.โฉมใหม่ได้ทาง Youtube : Benz NK Revolution

นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา: รถกระบะเจเนอเรชั่นใหม่ ปรากฏการณ์ยกระดับวงการรถกระบะครั้งใหม่




  • ได้รับการพัฒนาด้วยประสบการณ์และความเป็นผู้นำในการผลิตรถกระบะ อันเป็นตำนานของนิสสันที่มีมายาวนานกว่า 80 ปี
  • ออกแบบให้มีความทนทาน ทรงพลัง และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
  • ออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้สอย คำนึงถึงรูปลักษณ์และความสะดวกสบาย
กรุงเทพมหานคร (11 มิถุนายน 2557) : นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ นับเป็นรถกระบะพันธุ์แกร่งรุ่นที่ 12 ของนิสสัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ของนิสสันในด้านความเชี่ยวชาญและความน่า เชื่อถือในการออกแบบรถกระบะสำหรับตลาดที่ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็น เลิศ นอกจากนี้ เอ็นพี 300 นาวารา ยังมาพร้อมมาตรฐานใหม่ของความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีเหนือระดับ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตรถกระบะกว่า 80 ปี ประกอบกับความไว้วางใจของลูกค้าในรถกระบะของนิสสันที่ผ่านมา ทำให้นิสสันมั่นใจว่า เอ็นพี 300 นาวาราใหม่ จะสามารถครองใจทั้งลูกค้าทั่วไปหรือลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ ที่มองหารถกระบะที่สมบูรณ์แบบได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ ยังมาพร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการประหยัดน้ำมัน อัตราเร่ง การควบคุมรถในการขับขี่ ทั้งยังมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งทนทานยิ่งขึ้น และรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยแต่ยังคงความบึกบึน แข็งแกร่ง

นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาลดลง อันเนื่องมาจากการพัฒนาระบบการขับเคลื่อนที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพดียิ่ง ขึ้น พร้อมกับการลดน้ำหนักตัวถังลง และมีพื้นที่บรรจุสัมภาระใหญ่ขึ้น

นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ มาพร้อมตัวเลือกรูปแบบตัวถังและระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้อง กับความต้องการของลูกค้าส่วนบุคคลและตลาดที่แตกต่างกันออกไป อาทิเช่นตัวเลือกในด้านความกว้างของตัวถัง ทั้งทรงแคบ และทรงกว้าง ตัวเลือกสำหรับรูปแบบของตัวถังทั้งในแบบคิงแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ และระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้งแบบ 4 ล้อ และ 2 ล้อทีมออกแบบของนิสสัน มุ่งมั่นในการพัฒนาเอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ ให้มีความสปอร์ตและดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นนิสสันอยู่ รูปลักษณ์ด้านข้างของตัวรถ ดูสวยงามโดดเด่น และมีเอกลักษณ์พิเศษ อันเป็นผลมาจากการออกแบบให้เส้นสายด้านข้างตัวรถอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับ รถสปอร์ต ประกอบกับเสากลางประตูรถที่เป็นสีดำ บานประตูได้รับการออกแบบให้มีความโค้งมน พร้อมเส้นสายที่ทรงพลังสอดรับกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกัน กระจังหน้ารูปตัว V อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน ยังสามารถเห็นได้อย่างเด่นชัด สอดรับกับเส้นสายบนฝากระโปรงด้านบนอย่างต่อเนื่อง การออกแบบของนิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ โดดเด่นและมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยรูปทรงของไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ LED ด้านหน้าที่มีลักษณะคล้ายบูมเมอแรง นอกจากนี้ คิ้วโครเมียมข้างตัวรถ และกระจกมองข้างแบบโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว ยังช่วยเสริมความโฉบเฉี่ยวให้กับตัวรถยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ เอ็นพี 300 นาวารา ยังมาพร้อม 2 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีส้ม สะวันนาห์ และสีน้ำตาล เอิร์ธ บรอนซ์ ซึ่งช่วยเน้นภาพลักษณ์ของความทรงพลังและทันสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา

ส่วนด้านการออกแบบภายในของเอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ ทีมออกแบบของนิสสันได้ปรับโฉมพัฒนาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้าใหม่มาพร้อมเส้นสายที่ต่อเนื่องจากแผงคอนโซลกลางไป ยังเส้นสายด้านข้างประตูรถ พร้อมคำนึงถึงการออกแบบในเชิงอรรถประโยชน์ในทุกมุมมอง เพื่อให้มั่นใจว่าห้องโดยสารดูโปร่งสบาย นอกจากนี้ นิสสัน ยังได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการออกแบบภายในรถกระบะ ด้วยการแนะนำแผงหน้าปัดดีไซน์หรู และพวงมาลัยใหม่ พร้อมกับการใช้วัสดุสีอลูมิเนียมในการตกแต่งคอนโซลกลาง และงานเย็บตะเข็บเบาะหนังอันประณีต ผู้ที่ได้ครอบครองนิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ จะสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของรถเอนกประสงค์หรือ เอสยูวี ระดับหรูของนิสสัน จากการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้สอย การใช้วัสดุคุณภาพสูง ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี และการเข้าออกตัวรถที่สะดวกสบาย โดยรวมแล้ว เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ มอบพื้นที่และความผ่อนคลายภายในห้องโดยสาร ให้ความสะดวกสบายมอบพื้นที่สำหรับการพักผ่อนให้กับการเดินทางของทุกครอบครัว การเลือกใช้วัสดุ และงานประกอบภายในห้องโดยสารอันประณีต เช่น การเย็บตะเข็บสองแถวบนเบาะ บ่งบอกถึงคุณภาพและความหรูหราเหนือระดับได้เป็นอย่างดี

“ตั้งแต่นิสสันเริ่มผลิตรถกระบะในปี 1933 มีลูกค้ากว่า 14 ล้านคนทั่วโลก ได้มอบความไว้วางใจใช้รถกระบะของนิสสันในการใช้งานประจำ และบรรทุกของในสภาวะสมบุกสมบัน” แอนดี พาล์มเมอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าว “รถกระบะนิสสัน เปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงครอบครัวและสังคมของลูกค้าของเรา และลูกค้าของเราต้องการรถที่สามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายมากกว่ารถ รุ่นอื่นๆ การออกแบบรถกระบะที่ดีและตอบโจทย์ลูกค้าจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นิสสันได้นำเอาประสบการณ์กว่า 80 ปีของเรา ผนวกเข้ากับการออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบาย และอุปกรณ์ระดับหรูเฉกเช่นรถเอนกประสงค์ ประเภทเอสยูวี เพื่อผลิตเป็นรถกระบะ นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา เพื่อผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ”

“นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่นี้ ได้สร้างปรากฏการณ์และมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถกระบะ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง อรรถประโยชน์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ลูกค้ารถกระบะต้องการ” แอนดี พาล์มเมอร์ กล่าวเพิ่มเติม

แผงคอนโซลหน้าของนิสสัน เอ็นพี 300 นาวาราใหม่ มาพร้อมแผงหน้าปัตรที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัด และแผงคอนโซลกลางขนาดใหญ่ ติดตั้งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย พวงมาลัยมาพร้อมปุ่มควบคุมการสั่งงานต่างๆเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย ในเวลาขับขี่ ในส่วนของหน้าจอมาตรวัดมาพร้อมจอแสดงข้อมูลความละเอียดสูง ข้อมูลการขับขี่/การเตือนระยะบำรุงรักษา และยังสามารถแสดงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน นอกจากจะได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายแล้ว นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ยังได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้งานเพื่อรองรับการบรรทุกหนักได้ อย่างมั่นใจ รวมทั้งง่ายดายในการขนของทั้งขึ้นและลงจากกระบะท้าย ในส่วนของช่วงล่าง เอ็นพี 300 นาวารา มาพร้อมกับแชสซีส์แกร่งและแหนบรองรับแรงกระแทกที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการ ใช้งานอย่างสมบุกสมบันในทุกๆวัน เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้ารถกระบะนิสสันทั่วโลก นอกจากนี้ เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ ยังมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบลง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองอีกด้วย
ระบบขับเคลื่อนของนิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและการปล่อยมลพิษ พร้อมทั้งระบบควบคุมการทรงตัว และระบบเบรกที่เหนือระดับและเป็นผู้นำในตลาด ในส่วนของเครื่องยนต์ได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและ การปล่อยมลพิษที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความทรงพลังและอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร DOHC แบบ 4 สูบแถวเรียงใหม่นี้ ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า และ 163 แรงม้า ที่ 3600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 450 นิวตัน-เมตร ที่ 2000 รอบต่อนาที นอกจากนี้ด้วยระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ยังช่วยเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันยังสามารถลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้สูงถึง 11 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับรุ่นที่ผ่านมา ส่วนการเปลี่ยนสู่โหมดการเคลื่อนแบบ 4 ล้อสามารถทำได้ในขณะขับขี่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC) เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (LSD) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยเพิ่มสมรรถนะและความปลอดภัยในการขับแบบออฟโรด

เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ มาพร้อม ระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบคือ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ช่วยประหยัดน้ำมันในช่วงความเร็วต่ำ แต่คงไว้ซึ่งอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม พร้อมกับอัตราทดเกียร์ที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในทุกความเร็ว และความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ สำหรับระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ได้รับการพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันในทุกช่วง พร้อมพัฒนาให้มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนเกียร์

โดยสรุปแล้ว นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ มอบอรรถประโยชน์ใช้สอยในเชิงธุรกิจ และความสะดวกสบายเหนือระดับในการขับขี่ ให้แก่ลูกค้าทั่วไปและลูกค้าในรูปแบบบริษัท อันเป็นผลมาจากประสบการณ์ในการผลิตรถกระบะกว่า 80 ปี ของนิสสัน การออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อโครงสร้างที่แข็งแกร่งและระบบขับเคลื่อนอันทรง พลัง และการออกแบบที่ทันสมัยจากภายนอกจรดภายใน ที่ให้ประสบการณ์หรูและความพึงพอใจแก่ผู้ขับขี่

“บริษัทเชื่อมั่นว่า นิสสัน เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ จะสร้างปรากฏการณ์และมาตรฐานครั้งใหม่ให้กับวงการรถกระบะในทุกประเทศที่เรา ทำการจัดจำหน่าย ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างดีไซน์ทันสมัย สมรรถนะเป็นเลิศ ความแข็งแกร่งและความทนทาน จะทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และเพิ่มความคุ้มค่าทั้งใน ด้านธุรกิจและส่วนตัวในทุกๆวันได้ดียิ่งขึ้น เอ็นพี 300 นาวารา ใหม่ คือ รถกระบะที่จะพลิกโฉมหน้าใหม่แห่งตำนานของรถกระบะนิสสัน มอบประสบการณ์อันประทับใจผ่านนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เช่นเดียวกับรถนิสสันในทุกๆรุ่น” แอนดี พาล์มเมอร์ กล่าวสรุป

มาสด้า3 สกายแอคทีฟใหม่แรงไม่หยุดลงตลาดเดือนที่สอง ยอดโตแตะพันคัน


Ø    ส่งแคมเปญ “มาสด้า แม็กซ์ ดีล” เกาะกระแสบอลโลกช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 9 มิถุนายน 2557 - บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกมาตอกย้ำภาพรวมของยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มที่สดใส เริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ทั้งแรงและประหยัดนั้นสามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่านี่คือของจริงที่สามารถทำได้จริงจากประสบการณ์ตรงของลูกค้าเอง ด้วยความร้อนแรงของมาสด้า3 และมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ที่กอดคอกันกวาดยอดขายชนิดถล่มทลาย ส่งให้เดือนที่ผ่านมายอดขายสูงถึง 2,727 คัน พร้อมกับกระตุ้นตลาดต่อเนื่องด้วยการส่งแคมเปญพิเศษ “มาสด้า แม็กซ์ ดีล” เกาะกระแสบอลโลกหวังฟื้นกำลังซื้อให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นายโชอิชิ ยูกิ ประธานกรรมบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความร้อนแรงของเทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในวันนี้ คงต้องบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีบทพิสูจน์ใดๆ แล้ว จากปรากฏการณ์ของยอดขายที่ถล่มทลาย หลังจากเปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยทั้ง 2 รุ่น คือ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และล่าสุดมาสด้า3 ที่ผนึกกำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดยนต์เมืองไทย เราเริ่มกลับขยับกระตุ้นตลาดมากขึ้น ทั้งกิจกรรมด้านการขาย การตลาด และลูกค้าสัมพันธ์ และส่งผลให้ยอดขายเฉพาะรถยนต์ที่ฟลูสกายแอคทีฟทั้งคันนั้นทะลุถึง 5,959 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทย
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ช่วงที่ผ่านมาดูจะคลุมเครือ หรือทำอะไรไม่ได้คล่องมากนัก แต่กำลังซื้อของลูกค้ายังคงมีอยู่ปริมาณมาก หากเราไม่ลงมือทำอะไรเลยเท่ากับเป็นการหยิบยื่นโอกาสให้คนอื่น หรือปล่อยให้โอกาสดีๆ นี้หลุดลอยไป ยังมีช่องทางอีกมากที่จะสามารถกระตุ้นการจับจ่ายของลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายๆ อย่างเริ่มมองเห็นความกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่ดี ดังนั้นมาสด้าจึงเริ่มโปรเจคแรกเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ “READY FOR BRAZIL” เร่งสปีด...ติดขอบสนามบราซิล สำหรับต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้
ตามมาด้วยโปรเจคที่สองเอาใจแฟนๆ คอบอล ด้วยการจับมือกับ สยามสปอร์ต และพันธมิตรทางธุรกิจ จัดกิจกรรมร่วมทายผลแชมป์บอลโลก ในโครงการ “สตาร์ซอคเก้อร์ แจกโชคบอลโลก” โดยนำเอารถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า 2 รุ่นพิเศษ เรซซิ่ง ซีรีส์ มูลค่าถึง 686,000 บาท เป็นรางวัลใหญ่สำหรับคอบอลชาวไทย พร้อมรางวัลต่างๆ มากมายกว่า 2.3 ล้านบาท ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงส่งไปรษณียบัตร เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ทายว่า “ทีมชาติใดจะเป็นแชมป์บอลโลก 2014” ส่งมายังฝ่ายโฆษณา  บริษัท สยามสปอร์ต มีเดีย แมเนจเมนท์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 12 ก.ค. 2557 โดยจะทำการจับรางวัลวันที่ 25 ก.ค. 57 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีทางหนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเก้อร์ ฉบับวันที่ 31 ก.ค. 57
สำหรับโปรเจคที่สาม เน้นกลุ่มลูกค้าที่หลงใหลความเป็นสปอร์ตของรถยนต์มาสด้าให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายมาสด้าเตรียมกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษสำหรับลูกค้าคอรถสปอร์ตตัวจริง “มาสด้า แม็กซ์ ดีล” (Mazda MAXX Deal) คุ้มเกินใคร ได้มากกกกก...กว่าทุกข้อเสนอ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าให้เร็วขึ้น โดยมุ่งสื่อสารถึงสมรรถนะของรถยนต์ รูปลักษณ์ดีไซน์ความเป็นสปอร์ต และความคุ้มค่าด้วยข้อเสนอที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และรถยนต์ที่เข้าร่วมรายการมีดังนี้ รถยนต์มาสด้า2 ทั้งสปอร์ต และเอลิแกนซ์  รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 0.99% พร้อมฟรีประกันชั้นหนึ่ง 1 ปี หรือผ่อนเริ่มต้นเพียง4,999 บาทต่อเดือน แถมผ่อนนานถึง 60 เดือน สำหรับมาสด้า บีที-50 โปร ออกรถวันนี้ขับฟรี 90 วัน หรือนาน 3 เดือน แถมประกันชั้นหนึ่งฟรี 2 ปี และมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 แถมประกันชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสิ้นสุดถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้เท่านั้น
นางสาวสุรีทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การออกมากระตุ้นตลาดในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสร้างให้ตลาดเกิดความคึกคัก แล้ว ตอกย้ำความเป็นรถสปอร์ตที่ตรึงตาตรึงของลูกค้าชาวไทย พร้อมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สกายแอคทีฟ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังส่งผลดีกับผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะทรงพลัง ดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ คาดว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายในเดือนมิถุนายนต์ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้มาสด้า มองว่านับจากนี้เป็นต้นไปตลาดรถยนต์กำลังจะกลับมามียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังคงความแข็งแกร่ง ปรกอบกำลังซื้อของลูกค้าที่มีอยู่จำนวนมาก รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนการจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น
ด้วยการจัดกิจกรรมทางการตลาดมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว โดยมียอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2557 หรือ 5 เดือนแรกของปีนี้ มียอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 14,017 คัน โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 จำนวน 2,849 คัน รถยนต์นั่งมาสด้า3 จำนวน 2,772 คัน รถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 2,365 คัน รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 6,025 คัน และรถยนต์ประเภทพรีเมียมคาร์จำนวน 6 คัน

“BMF 2014” ประกาศพร้อมจัดงาน 2-6 กรกฎาคมนี้ ค่ายสองล้อ-อุปกรณ์ระดมสินค้าให้ช็อปกันอย่างจุใจ




แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2014 (Bangkok Motorbike Festival 2014) หรือ     “BMF 2014” เทศกาลรถมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศความพร้อมการจัดงานระหว่าง 2-6 กรกฎาคม2557 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) จัดภายใต้คอนเซ็ปต์ "Ride & Freedom" หรืออิสระแห่งการขับขี่ หวังเอาใจคนรักสองล้อ และกระแสความนิยมรถบิ๊กไบค์ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2014” (Bangkok Motorbike Festival 2014) ถือเป็นเทศกาลรถมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดภายใต้คอนเซ็ปต์ "Ride & Freedom" หรืออิสระแห่งการขับขี่ ที่สะท้อนมุมมองผ่านรูปแบบการใช้ชีวิตแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์รถที่ชื่นชอบ, สไตล์การแต่งตัวหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเส้นทางอันหลากหลายบนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในและด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้าและผู้ประกอบการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์ หลังจากผ่านพ้นวิกฤติการเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่าครึ่งปี ส่งผลให้การจัดงานนี้ถือเป็นเทศกาลการซื้อ-ขายที่ดีที่สุดของปี เพื่อเปิดโอกาสให้ค่ายผู้ผลิตและผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ทุกประเภทรถรุ่นใหม่ รุ่นยอดนิยม และผลิตภัณฑ์มาวางจำหน่ายให้แก่ชาวไบเกอร์และผู้สนใจทั่วไป

ภายในงานจะได้พบกับรถสองล้อระดับแนวหน้า    ทั้งจากฝั่งยุโรป  และเอเชียที่มีอยู่เกือบทุกแบรนด์ในเมืองไทย อาทิ KTM, MV Agusta, Indian, Victory, Honda, Yamaha, Suzuki, Kawasaki และ Zero Engineering  เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวบรวมสินค้าประเภทอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง อุปกรณ์ป้องกัน เครื่องแต่งกาย รวมไปถึงบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกกันอย่างหลากหลาย ตลอดจนถึงกิจกรรมที่น่าสนใจ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้สัมผัสบรรยากาศของงานแสดงรถมอเตอร์ไซค์อย่างเต็มอิ่ม ดำเนินการจัดงานโดย ไซเคิล คัลเจอร์
          
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2014 (Bangkok Motorbike Festival 2014) จัดระหว่างวันที่ 2-6 กรกฏาคม 2557 พบกับความบันเทิงสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ฟรีตลอดงาน    ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์)

เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี เผยโฉมรถยนต์คันแรกจากสายการผลิตฝีมือคนไทย พร้อมเปิดโลกใบใหม่ไปกับเอ็มจี 6 มาตรฐานความแรงแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ


กรุงเทพฯ – 4 มิถุนายน 2557: บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวรถยนต์รุ่นเอ็มจี 6 คันแรกจากสายการผลิตฝีมือคนไทย จากศูนย์การผลิตรถยนต์เอ็มจี ในนิคมอุตสาหกรรม     เหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี พร้อมประกาศธงรบเตรียมลุยตลาดไทยเต็มสูบ ตอกย้ำคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์ขับสนุก เร้าใจ สไตล์อังกฤษอย่างแท้จริง พร้อมรองรับตลาดรถยนต์ภายในประเทศและส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการสุดพิเศษกลางเดือนมิถุนายนนี้แน่นอน
มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เปิด เผยว่า รถยนต์  เอ็มจี 6 ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยนี้ ถือเป็นรถยนต์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ด้วยคุณสมบัติและการออกแบบที่โดดเด่นผนวกกับการผลิตอย่างประณีตและพิถีพิถัน สไตล์รถยนต์อังกฤษอย่างแท้จริง อีกทั้งรถยนต์เอ็มจี 6 ยังสะท้อนความโดดเด่นในเรื่องแบรนด์และบริทไดนามิค มาตรฐานการขับขี่แบบอังกฤษที่ผสานคุณสมบัติอันโดดเด่นทั้ง 4 ด้าน อันได้แก่สมรรถนะด้านการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเทอร์โบ การควบคุมรถอย่างแม่นยำและเหนือชั้น การออกแบบอันโดดเด่นสไตล์รถสปอร์ตแบบอังกฤษ และระบบความปลอดภัยที่ให้ความสำคัญสูงสุดแก่ผู้ขับขี่ ไว้อย่างลงตัว หวังว่าเอ็มจี 6 จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย
“วันนี้ เราได้แสดงให้ทุกท่านเห็นแล้วว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในทุกด้านในการผลิตรถยนต์มาตรฐานระดับโลกคันนี้ออกมา สู่ตลาดประเทศไทย เพื่อบริโภคชาวไทย โดยฝีมือของคนไทย ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้แสดงให้ทุกท่านเห็นถึงศักยภาพ ความสามัคคี ความเป็นมืออาชีพของเพื่อนพนักงานชาวไทย ผมหวังเป็นอย่างว่า เอ็มจี 6 รถยนต์อังกฤษมาตรฐานยุโรปคันนี้ จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เพราะนี่คือสิ่งที่เราตั้งใจ และผลิตออกมาด้วยหัวใจ เพื่อให้ถูกใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง” มร. หวู่ ฮวน กล่าว
    โดยในงานแถลงข่าวฯ ยังได้รับเกียรติจาก คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ใน การร่วมเป็นประธานในพิธีฉลองและเปิดตัวรถยนต์คันแรกจากสายการผลิตในประเทศ ไทย ทั้งยังให้เกียรติร่วมเขียนอวยพรบนรถยนต์เอ็มจี 6 เครื่องยนต์ 1.8 เทอร์โบ รุ่นเอ็กซ์ แบบ 4 ประตู สีรีกัลเรด พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นด้วยการเป็นเจ้าของรถยนต์เอ็มจี 6 เครื่องยนต์ 1.8 เทอร์โบ รุ่นเอ็กซ์ แบบ 5 ประตูฟาสต์แบ็ก สีแพลตตินั่มซิลเวอร์ ที่มาพร้อมกับซันรู้ฟ สุดหรู เป็นคนแรกในประเทศไทยอีกด้วย โดยมี มร. เฉิน หง ประธานกรรมการ บริษัทเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด เป็นผู้ส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวด้วยตัวเอง
“ผม เชื่อว่าวันนี้ประเทศไทยพร้อมแล้วในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาค นี้ ผมต้องขอบคุณบริษัทเซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ที่ไว้วางใจในเครือเจริญโภคภัณฑ์    จับมือกันสร้างบริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ และพัฒนารถยนต์ระดับโลก ให้คนไทยได้สัมผัส ถึงความสมบูรณ์แบบที่สุดทางด้านการขับขี่ ผมมั่นใจในฝีมือเพื่อนพนักงานไทย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันผลิตรถยนต์เอ็มจี 6 คันนี้ออกมา ผมหวังว่าทุกท่านจะประทับใจในสมรรถนะและรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ เอ็มจี 6 เหมือนเช่นที่ผมรู้สึกเช่นกัน”
    มร. หวู่ ฮวน กล่าว เพิ่มเติมว่า รถยนต์เอ็มจีทุกคันที่ผลิตในศูนย์การผลิตรถยนต์เอ็มจีแห่งนี้ จะต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างอย่างละเอียด โดยทีมงานและเครื่องมือตรวจสอบที่ได้คุณภาพมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่ารถยนต์เอ็มจี 6 ทุกคันได้มาตรฐานสูงสุดระดับโลกแน่นอน ทั้งนี้ปัจจุบันศูนย์การผลิตฯ มีกำลังการผลิตสูงถึง 50,000 คันต่อปี หรือ 25,000 คันต่อหนึ่งกะการผลิต โดยทางบริษัทฯ คาดว่า จะสามารถผลิตและส่งมอบรถยนต์รุ่นเอ็มจี 6 ได้ภายในไตรมาสที่สามของปีนี้อย่างแน่นอน
“วันนี้ รถยนต์รุ่นเอ็มจี 6 พร้อมแล้วที่จะพาทุกท่านไปพบกับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับทั้งใน ด้านนวัตกรรมและยนตกรรม ความสนุกสนานในการขับขี่แบบรถยนต์สปอร์ตสไตล์อังกฤษ...ให้คนไทยหลงรักเอ็มจี เหมือนที่คนทั้งโลกหลงรักมาแล้ว เอ็มจี”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เกี่ยวกับ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด

ก่อ ตั้งขึ้นในปี 2556 บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คือ เซียงไฮ้ ออโต้โมบิล อินดัสเทรียล คอร์ปอเรชั่น (Shanghai Automobile Industrial Corporation) ถือหุ้นร้อยละ 51 และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถือหุ้นร้อยละ 49 โดยมีศูนย์การผลิตรถยนต์เอ็มจีในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี เพื่อผลิตรถยนต์เอ็มจีพวงมาลัยขวาส่งขายไปยังตลาดทั้งในประเทศและตลาดอา เซียน ในส่วนของการจัดจำหน่าย บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลงานการตลาด การขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย การบริการหลังการขาย โดยบริษัทตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร  


เกี่ยวกับ เอ็มจี

ก่อ ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1924 เอ็มจี เป็นแบรนด์รถยนต์อังกฤษที่มีประวัติยาวนาน 90 ปีในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เอ็มจีมาจากคำว่า มอริส การาจ ปัจจุบันบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์เป็นเจ้าของกิจการ มีศูนย์ออกแบบหลักอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เพื่อออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งศูนย์เทคโนโลยีตามมาตรฐานยุโรป เอ็มจีมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากการเป็นรถยนต์สปอร์ตเปิด ประทุน ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันรถยนต์เอ็มจียังได้รับการผลิตในหลากหลายรุ่น และจัดจำหน่ายไปทั่วโลก


เชิญชม “งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 38” สัมผัส รถสปอร์ทย้อนยุคสุดเท่ 19-22 มิถุนายนนี้ ที่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต




จากภาพ  ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย (คนที่ 4 จากขวา) และนางรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด (ศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต) (คนที่ 3 จากซ้าย) เชิญชมรถโบราณ และรถคลาสสิคที่ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา ใน งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 38 (THE GLOSSY HERITAGE AWARDS 2014) ภายใต้แนวคิด สปอร์ท ไม่เคยเปลี่ยน"  ณ ศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ระหว่างวันที่ 19-22 มิถุนายน 2557

เอ.พี.ฮอนด้า ฉีกทุกความจำเจด้วย New Zoomer-X สีสันสุดแสบ “ต่อ-ฮอร์โมน” ร่วมเปิดมุมมองใหม่ๆให้วัยรุ่นผ่านแนวคิด “แสบสรรค์ มันส์นอกกรอบ”


    รถ จักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำไลฟ์สไตล์ความสนุกภายใต้แนวคิด “มาสนุกเปลี่ยนโลกกัน Power of Fun Project” พาวัยรุ่นไทยฉีกทุกกรอบแห่งความจำเจด้วยการเปิดตัว New Zoomer-X ภายใต้คอนเซปต์ “แสบสรรค์ มันส์นอกกรอบ” เผยความจัดจ้านสะใจด้วยสีสันใหม่สุดแสบลงตัวกับโครงสร้างแบบเปลือยและ พื้นที่ Free Space ใต้เบาะนั่ง เท่ล้ำด้วยล้อแม็กขนาด 12 นิ้ว โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับรองรับทุกแรงกระแทก เรือนไมล์แบบ X-Meter ดีไซน์ใหม่โดนใจวัยรุ่นยิ่งกว่าเดิม ขับขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์ขนาด 110cc. ระบบหัวฉีด PGM-FI ยุคใหม่ที่ดูแลรักษาง่ายขึ้น ทั้งยังประหยัดน้ำมันถึง 53 กิโลเมตร/ลิตร จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ปลอดภัยกว่าด้วยคอมบายเบรกพร้อมคาลิปเปอร์แบบ 3 ลูกสูบ เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนเป็นต้นไปที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ด้วยราคาแนะนำที่ 52,500 บาทสำหรับรุ่นดิสก์เบรก และ 55,000 บาทสำหรับรุ่นคอมบายเบรก พร้อมดึง ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร นักแสดงชื่อดังจากซีรีย์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่นมาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อเปิดมุมมอง ความสนุกใหม่ๆให้กับวัยรุ่นผ่านภาพยนตร์แอนิเมชันสุดแนว
    มร.โน บุฮิเดะ นางาตะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า “ในปี 2012 เอ.พี.ฮอนด้าได้สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัว Zoomer-X รถเนคเก็ดเอ.ที.ที่มีดีไซน์นอกกรอบที่สุด ด้วยโครงสร้างแบบเปลือยและฟรีฟอร์ม รวมถึงความลงตัวจากองค์ประกอบอื่นๆของรถได้ทำให้ Zoomer-X ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างรวดเร็วและยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ความ สนุกของแบรนด์รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี”
    “และ สำหรับในปี 2014 นี้ ภายใต้แบรนด์แคมเปญ “มาสนุก เปลี่ยนโลกกัน Power of Fun Project” เอ.พี.ฮอนด้า พร้อมแล้วที่จะนำวัยรุ่นไทยฉีกกรอบออกจากความซ้ำซาก พร้อมกับเปิดมุมมองใหม่ๆอีกครั้ง ด้วยการนำเสนอ New Zoomer-X ที่มีคาแรกเตอร์หลากสไตล์สำหรับวัยรุ่นที่ต้องการแสดงความเป็นตัวเองออกมา ตัวรถโดดเด่นด้วยสีสันที่สะดุดตาทั้งยังเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี นี่คือรถที่ตอบโจทย์ได้ทั้งการใช้งานและความต้องการทางอารมณ์สำหรับวัยรุ่น”

    New Zoomer-X ได้รับการเพิ่มดีกรีความสนุกขึ้นไปอีกขั้นภายใต้คอนเซปต์ “Life Unblocked แสบสรรค์ มันส์นอกกรอบ” ด้วยสีสันแบบ Hyper Color สะท้อนแสง ดูล้ำสมัยบนตัวถังแบบเปลือย (Naked) สอดรับกับพื้นที่ใต้เบาะแบบ Free Space ที่โปร่งทะลุรอบด้านไม่เหมือนใคร เท่ลงตัวด้วยล้อแม็กขนาด 12 นิ้วพร้อมยางแบบจุ๊บเลสหมดปัญหาเรื่องยางรั่วซึม หน้ายางกว้างช่วยให้การยึดเกาะเป็นไปอย่างมั่นใจ โดดเด่นกว่าใครด้วยแผงเรือนไมล์ X-Meter ดีไซน์ใหม่ และแฮนด์เปลือย สนุกกับการขับขี่ในหลากสภาพถนนด้วยโช้คแบบหัวกลับที่รองรับการกระแทกได้ดี กว่า มั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ด้วยระบบกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง Combi Brake System ทำร่วมกับคาลิปเปอร์ไฮดรอลิกแบบ 3 ลูกสูบ (เฉพาะรุ่นคอมบายเบรก)
    New Zoomer-X ขับขี่สนุกเต็มสมรรถะด้วยเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 110cc. ยุคใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันถึง 53 กิโลเมตร/ลิตร จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานค่าไอเสียที่สะอาดถึงระดับ 6 และรองรับน้ำมัน E20
    และ เพื่อให้การสื่อสารทางการตลาดเป็นไปอย่างชัดเจน ฮอนด้าได้เลือกต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร นักแสดงขวัญใจวัยรุ่นชื่อดังจากซีรีย์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่นมาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อจุดประกายให้วัยรุ่นกล้าเปิดมุมมองความสนุกใหม่ๆ กล้าฉีกกรอบของสังคมในปัจจุบัน โดยใช้ภาพยนตร์ “มันส์นิเมชัน มันส์นอกกรอบ” ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสุดแนวจำนวน 5 ตอนสำหรับ New Zoomer-X 5 สไตล์เป็นตัวแทนในการสื่อสาร ผู้ที่สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง www.youtube.com/hondamotorcycleTHA
    เอ.พี.ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย Zoomer-X ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนเป็นต้นไปที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ มีให้เลือกถึง 5 สี 5 สไตล์ ประกอบด้วยรุ่นสแตนดาร์ด 3 สีได้แก่สีเขียวเอเลี่ยนกรีน สีชมพูพิงค์รันเนอร์ สีส้มฮัลโลวีน และรุ่นคอมบายเบรกล้อแม็กสีทองอีก 2 สีได้แก่สีดำด้านแมทแบล็คมอนสเตอร์ และสีขาวไวท์แองเจิ้ล สนนราคาแนะนำสำหรับรุ่นดิสก์เบรกที่ 52,500 บาท และรุ่นคอมบายเบรกที่ 55,000 บาท
    ร่วม สนุกเปลี่ยนโลกกับเทคโนโลยีจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่เว็บไซต์ www.aphonda.co.th และเฟซบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

ซูซูกิ เปิดตัวอีโคคาร์คันที่ 2 “All New Suzuki CELERIO”




นายทาคายูคิ ซูกิยามา (ที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็ก “All New Suzuki CELERIO” ชู 3 จุดเด่น เน้นห้องโดยสารกว้างขวาง สมรรถนะเกินตัว ความประหยัดเป็นเยี่ยม ในราคาเริ่มต้น 359,000 บาท โดยมี นายจรวย ขันมณี (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการบริหาร และนายจตุพร ขันมณี (ซ้าย) รองประธานบริหาร บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา (ขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และนายวิลักษณ์ โหลทอง (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ร่วมงาน ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว เมื่อเร็วๆ นี้
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved