Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ มินิคูเปอร์(MINI Cooper) ด้วยระบบหุ่นยนต์เป็นหลัก(Robotic System)

รุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความสปอร์ตของคาเยนน์ (Cayenne) คาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS): เสียงสะท้อนที่ทรงพลัง




สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่เผยโฉมคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) ที่เต็มไปด้วยความสปอร์ตใหม่ล่าสุดสู่ตลาด คำว่า GTS ทำให้นึกย้อนไปถึงรถ   904 Carrera GTS ในปี 1963 ที่โด่งดัง ต่อมาปี 2007 ปอร์เช่ได้ส่งคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) ออกมาสู่ตลาดเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นที่โด่งดังและยอมรับจากบรรดาสาวกรถสปอร์ตกันอย่างกว้างขวาง คำว่า GTS ได้กลายมาเป็นตัวแทนของคำว่าสปอร์ตที่พิเศษจากปอร์เช่ ไม่เพียงเท่านี้ปอร์เช่ยังได้เผยโฉมคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.6 ลิตร V6 ในงานนี้ด้วยเช่นกัน

ผู้ขับขี่ปอร์เช่ต่างชื่นชอบให้รถมีความเป็นสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นรถ 2 ประตูหรือ 4 ประตู คาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) รุ่นก่อนมียอดขายถึง 11% จากยอดขายรวมของคาเยนน์ (Cayenne) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ปอร์เช่ประสบความสำเร็จในเรื่องของผลกำไรอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ปอร์เช่ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อไป เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นต่างๆ ให้ออกมามีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นเพื่อเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ไม่ใช่แค่เพียงชื่อคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตเท่านั้น หากแต่เครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งให้มีความเหนือชั้นเช่นกัน เครื่องยนต์ขนาด 3.6 ลิตร V6 bi-turbo เน้นเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์และประสิทธิภาพที่โดดเด่น พร้อมการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงควบคู่กันไป หากเทียบกับรุ่นก่อนที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V8 จะพบกว่าพละกำลังเครื่องยนต์สูงขึ้นอีก 20 แรงม้า โดยมีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 440 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 85 นิวตันเมตร เป็น 600 นิวตันเมตร ในขณะที่อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 0.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เลยทีเดียว อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยังคงความเหนือชั้นไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำได้ในเวลาเพียงแค่ 5.2 วินาที หรือเพียง 5.1 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วย ซึ่งถือได้ว่าทำเวลาได้ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 0.5-0.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 262 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมกับระบบท่อไอเสียสปอร์ตซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นระบบมาตรฐาน และจะมอบเสียงแห่ง GTS ได้อย่างกระหึ่มและทรงพลัง

ตัวถังและช่วงล่างของรถคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) มีการพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจในยามเข้าโค้งมากขึ้น ระบบช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM) damping system ได้รับการตั้งค่าแบบสปอร์ต มาพร้อมกับช่วงล่างแบบเหล็กสปริงที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ และจะลดระดับรถลงได้ 24 มิลลิเมตร หากติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งเป็นระบบเสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้จะลดระดับลง 20 มิลลิเมตร อีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งคือเบรกที่มาจากรุ่นคาเยนน์ เทอร์โบ (Cayenne turbo) มาพร้อมกับจานเบรกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 390 มิลลิเมตร ที่เพลาหน้า (358 มิลลิเมตร ที่เพลาหลัง) พร้อมด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีแดงสร้างความโดดเด่นตามรูปแบบเทอร์โบได้อย่างเหนือชั้น

การออกแบบอื่นๆ ได้เสริมให้คาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS)  มีความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้านหน้าได้นำความโดดเด่นจากรุ่นเทอร์โบ (Turbo) มาใช้ นั่นคือช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เสริมด้วยแพ็คเกจตกแต่งสปอร์ต  Sport Design packageที่มาพร้อมกระจังข้างและฐานล้อที่ขยายเพิ่มเติมมากขึ้น
สปอยเลอร์หลังคาและสปอยเลอร์ล่างด้านหลังของรถได้รับการพ่นสีให้เป็นสีเดียวกันกับตัวรถ ตัดกับสีดำสร้างความโดดเด่น ตัวอักษรโลโก้จะเป็นสีดำทั้งหมด ล้อลาย
RS Spyder design ขนาด 20 นิ้ว ระบบท่อไอเสียสปอร์ต ระบบไฟหน้าแบบไบซีนอล และไฟท้าย LED แบบพ่นดำ ต่างได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสร้างความดุดันโฉบเฉี่ยวให้กับรถมากขึ้น ประตูข้างประทับด้วยอักษรโลโก้ GTS ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน

ความเป็นสปอร์ตได้ถูกขยายเข้าไปสู่ห้องโดยสาร เบาะมาพร้อมกับความเป็นรถสปอร์ตแบบ GTS ปรับเปลี่ยนด้วยไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ทำจากหนังและหนัง Alcantara ประดับด้วยโลโก้ GTS บนที่พักศรีษะ ซึ่งติดตั้งมาเป็นเบาะมาตรฐาน แพ็คเกจภายในห้องโดยสาร GTS package สามารถเลือกติดตั้งได้ในรูปแบบ Carmine Red หรือ Rhodium Silver ที่จะนำไปใช้กับเข็มหน้าปัด ขอบตะเข็บ โลโก้บนที่พักศรีษะ และเข็มขัดนิรภัย

เครื่องยนต์ที่ใช้ในคาเยนน์ จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ 3.6 ลิตร V6 ผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 300 แรงม้า อัตราเร่งของคาเยนน์ (Cayenne) จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 7.7 วินาที และ 7.6 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono package มาด้วย ถือได้ว่าเร็วกว่าเดิมถึง 0.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเหมือนเช่นคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นอื่นๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากระบบ coasting, Auto Stop/Start function และ thermal management ที่จะทำให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ซึ่งหากเทียบกับรุ่นก่อนจะพบว่าลดลง 0.7 ลิตร/100 กิโลเมตร เป็น 9.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.87 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 215 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งถือได้ว่าต่ำกว่าเดิม 21 กรัมเลยทีเดียว

อุปกรณ์มาตรฐานได้ถูกติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นหากเทียบกับรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ทริปทรอนิค เอส (Tiptronic S) ฟังก์ชั่น Auto Start/Stop และ Coasting รวมถึงไฟหน้าไบซีนอลที่มาพร้อมกับ four-point LED daytime driving lights พวงมาลัยสปอร์ตอเนกประสงค์ที่มาพร้อมกับก้านเกียร์ และฝากระโปรงท้ายแบบเปิดปิดอัตโนมัติ

คาเยนน์ (Cayenne) และคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2014 ในงานมหกรรมยานยนต์ Los Angeles Auto show

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche
Service Support Mission 2014
จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า  เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณหรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ   101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

“MOTOR EXPO 2014” ดัชนีวัดความร้อนแรงตลาดยานยนต์ไทย คาดเงินสะพัด 5.4 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดตัวรถใหม่ครั้งแรกในโลก



           “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31” จัดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีม้าทอง ต้อนรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เปิดตัวรถใหม่ครั้งแรกในโลก ทุกค่ายระดมอัดแคมเปญดีที่สุดในรอบปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย คาดเม็ดเงินสะพัดในงาน 5.4 หมื่นล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นคืนกำไรแก่ผู้เข้าชมงาน แจกรถยนต์ บิ๊กไบค์ และรางวัลพิเศษมากมาย รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท พบกัน 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมนี้ ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่31" หรือTHE 31st THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2014เผยว่าเราได้พัฒนามาตรฐานการจัดงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้งานมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ค่ายรถที่ร่วมงานมีจำนวน 40 ยี่ห้อจาก 13 ประเทศ และรถจักรยานยนต์อีก 11 ยี่ห้อ จาก 7 ประเทศ โดยไฮไลท์ของงานที่ไม่ควรพลาดคือ การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ครั้งแรกในโลก มั่นใจว่างานปีนี้จะคึกคัก พร้อมคาดการณ์ยอดจองรถในงานสูงถึง 50,000 คัน (ข้อมูลปี 2556 ยอดจอง 4.1 หมื่นคัน) ผู้ชมงาน 1.5 ล้านคน (ปี 2556 ผู้ชมงาน 1.35 ล้านคน) และเม็ดเงินจะสะพัดในงาน 5.4 หมื่นล้านบาท

สำหรับกิจกรรมคืนกำไรแก่ผู้เข้าชมงาน ซึ่งมีรางวัลรวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ได้แก่ ซื้อรถ ชิงรถ, ซื้อบัตร ชิงรถ, SMSชิงรถ, ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ชิงบิ๊กไบค์, ซื้อสินค้า ชิงรางวัล ฯลฯ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.      ซื้อรถ ชิงรถเมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรางวัลรถยนต์ MG รุ่น MG6 FASTBACK 1.8X TURBO SUNROOF มูลค่า 1,128,000 บาท จำนวน 1รางวัล
2.      “ซื้อบัตร ชิงรถ ผู้ที่ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงโชครถยนต์ FORD ALL-NEW ECOSPORT
รุ่น TREND มูลค่า 759,000 บาท จำนวน 1 รางวัล พร้อมรางวัลพิเศษอีกมากมาย
3.      “SMS ชิงรถหรือ กิจกรรม “ร่วมลุ้นแบบคนรุ่นใหม่” สำหรับผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์มือถือในระบบเครือข่าย TRUEMOVE และ TRUEMOVE H 3G+ สามารถร่วมลุ้น ชิงรถยนต์ SUZUKI CELERIO รุ่น GL มูลค่า 439,000 บาท จำนวน 1 รางวัล พร้อมรางวัลพิเศษอีกมากมาย
4.      ซื้อมอเตอร์ไซค์ ชิงบิ๊กไบค์ เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงานมีสิทธิ์ชิงรางวัลรถจักรยานยนต์ HONDA รุ่น CBR 650F มูลค่า 300,000 บาท จำนวน 1รางวัล
5.      “ซื้อสินค้า ชิงรางวัล” เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านเดียวกันทุกๆ 1,000บาท จะได้รับคูปอง ชิงโชค 1 ใบเพื่อลุ้นรางวัล รวมมูลค่า 549,600 บาท
6.      MOTOR EXPO SMART PRETTY VOTE 2014  โหวท PRETTY ในงาน ชิงสร้อยคอทองคำ และของรางวัลมูลค่ารวมกว่าแสนบาท


นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การประกวดภาพถ่ายตามหัวข้อ มนต์เสน่ห์ยานยนต์พร้อมข้อความบรรยายภาพเข้าร่วมประกวด “MOTOR EXPO PHOTO CONTEST 2014 ผู้ชนะเลิศรับถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมกล้องถ่ายรูป CANON รุ่น EOS 7D MARK II (Body) และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท เป็นต้น
งานดีๆ ส่งท้ายปี..ห้ามพลาด!! มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2557 พร้อมรับชมการถ่ายทอดสดงานได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5ในวันเสาร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2557 ตั้งแต่เวลา 14.00 – 16.00 น.

มาสด้าขึ้นไลน์ผลิตรถอีโคคาร์เฟส2 รายแรก ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ปั้นไทยเป็นฐานผลิตรถประหยัดพลังงานป้อนตลาดโลก

Ø    มาสด้าประกาศเปิดสายการผลิตมาสด้า อีโคคาร์ เป็นรายแรก ภายใต้โครงการอีโคคาร์ เฟส 2  
Ø    มาสด้า อีโคคาร์ ใช้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟเต็มคัน พร้อมเครื่องยนต์คลีนดีเซล
Ø    มาสด้า2 เริ่มผลิตที่โรงงานเอเอที จ.ระยอง เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกทั่วโลก
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 6 พฤศจิกายน 2557, มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์มาสด้า ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซล พร้อมทั้งเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่ โดยสามารถเริ่มสายการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2558ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน พร้อมส่งออกรถยนต์คุณภาพเยี่ยมจากฝีมือคนไทยไปยังตลาดโลก
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์ในโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2หรือโครงการอีโคคาร์  เฟส 2 เป็นรายแรก โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ผู้แทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เป็นประธานพิธีเปิดงานฯ อย่างเป็นทางการ ร่วมด้วย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มร. ซิเกะคะสุ ซะโต รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย, มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์นั่งมาสด้า2 อย่างเป็นทางการ ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวว่า  “รัฐบาลทุกสมัยได้มีการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ชัดเจน และต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการพัฒนาสอดคล้องับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่มุ่งพัฒนาไปสู่ “Sustainable Mobility” โดยอาศัยกลไกของโครงสร้างภาษีและการส่งเสริมการลงทุน เริ่มต้นจากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยเปลี่ยนหลักเกณฑ์การให้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีสรรพสามิต จากรถยนต์ที่มีขนาด ซี.ซี.ต่ำ แรงม้าน้อยมาเป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ สะอาด ประหยัด ปลอดภัย แล้วต่อมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้เปิดให้มี
การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ 5 รายเดิมในการขยายกำลังการผลิตอีโคคาร์ รวมทั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกรายในการผลิตอีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก ทั้งในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่  นโยบายส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ ระยะที่ 2 มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมถึง 10 ราย (ซึ่งรวมถึง บริษัท มาสด้าฯ ด้วย) นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมทั้ง เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลกที่ครบวงจร”
รถยนต์ “Mazda2”เป็นอีโคคาร์ที่มีลักษณะเด่น 2 ประการ คือ 1) เป็นรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกที่จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งพบว่า เครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Diesel)มีแนวโน้มจะเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์เบนซินมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ 2) เป็นรถยนต์นั่งคันแรกที่มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) โดยมีระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อก (ABS) ซึ่งได้ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UN Reg.13H
“Mazda2”  เป็นอีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก และรถยนต์นั่งแบบ B ในทุกด้าน ทั้งในด้านการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า (มีอัตราการใช้พลังงาน 4.3 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 23 กิโลเมตรต่อลิตร) ด้านการปล่อยมลพิษที่น้อยลง(มาตรฐานมลพิษระดับ ยูโร 5 โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กรัมต่อกิโลเมตร) และด้านความปลอดภัยระดับสากลที่สูงกว่า โดยเป็นมาตรฐานความปลอดภัยในระดับเดียวกับที่บังคับใช้ในสหภาพยุโรป ได้แก่ คุณสมบัติการป้องกันอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและการชนด้านข้าง รวมทั้ง คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) ดังที่กล่าวมาแล้ว สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า รถยนต์ “Mazda2” เป็นรถยนต์คุณภาพสูงที่สามารถรองรับความต้องการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลของผู้บริโภคในสังคมยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน
มร. ยูจิ นากามิเน่ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ผมและทีมงานมาสด้าทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในวันนี้ ที่รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการและเป็นรายแรกของโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ Eco Car ระยะที่ 2 ด้วยการผ่านข้อกำหนดอันเข้มงวดที่สุดในโลก รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ (BOI) กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ที่ได้ให้วิสัยทัศน์และมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี การได้รับอนุมัติโครงการในครั้งนี้จะช่วยให้มาสด้าสามารถนำเสนอรถยนต์นั่งขนาดกะทัดรัดที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ มากมายแก่ลูกค้าชาวไทยในอัตราภาษีที่ดีขึ้นได้ การผลิตรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ในประเทศไทยจะช่วยยกระดับมาตรฐานทางเทคนิคของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ภายในประเทศ นอกจากนี้ เนื่องจากรถมาสด้า2 นั้นเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ดังนั้นการผลิตรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกนี้จึงจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างมีนัยสำคัญ”
รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ รุ่นนี้เพิ่งทำการเปิดตัวแนะนำในประเทศญี่ปุ่น สามารถคว้ารางวัล Japan Car of the Year ของประเทศญี่ปุ่น นับเป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นที่ 5 แล้วที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อจาก Mazda CX-5 เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้กำลังจะทำการเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ช่วงปลายเดือนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า มาสด้ามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ารถยนต์รุ่นนี้จะสามารถเอาชนะใจลูกค้าชาวไทยและทำให้ลูกค้าหันมาเห็นคุณค่าของความสนุกสนานในการขับขี่ได้อีกครั้ง”
มร. ยูจิ นากามิเน่ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “มาสด้ามีความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นของมาสด้าที่มีต่อประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยเฉพาะในเดือนมกราคมปีหน้า มาสด้าจะเริ่มสายการผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติที่โรงงานผลิตเกียร์อันทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า โดยจะผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติให้กับทั้งเอเอทีและโรงงานอื่นๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์นั่งที่โรงงานเอเอทีจาก 50,000 คันต่อปี เป็น 120,000 คันต่อปี นอกจากนี้มาสด้ากำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้จะเริ่มสายการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2558 นอกจากนี้มาสด้ายังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานในสไตล์ของมาสด้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตของลูกค้าชาวไทย ด้วยการเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างสายสัมพันธ์พิเศษให้กับลูกค้า และไม่มีรถยนต์แบรนด์อื่นใดเข้ามาทดแทนได้”

ข้อมูลเพิ่มเติม
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
สำนักงานใหญ่มาสด้าตั้งอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา บนที่ราบลุ่มแม่น้ำโอตะอันเงียบสงบ ท่ามกลางภูมิประเทศอันสวยงามระหว่างทิวเขาและท้องทะเลสีคราม เป็นศูนย์รวมของการบริหารรูปแบบใหม่ และยังเป็นที่ตั้งของการออกแบบ การทดสอบรวมถึงการผลิตและประกอบรถยนต์ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีกำลังการผลิตสูงถึง 1,400,00 คันต่อปี ส่งออกไปทั่วโลกมาสด้าเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ด้วยเกียรติภูมิของตัวเองเป็นระยะเวลายาวนานถึง 92 ปี ทั้งในด้านการออกแบบที่ยอดเยี่ยม การนำเสนอรถยนต์ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้าล้วนรับรู้ถึงภาพลักษณ์ความเป็นยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตอย่างแท้จริง และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจ เป็นยานยนต์ที่ขับสนุก นอกจากนี้มาสด้ายังเป็นบริษัทรถยนต์ชั้นแนวหน้าในด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์  ระบบช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องยนต์แบบโรตารี่ ที่ทำให้มาสด้าได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน เลอ มังค์ ในปี 1991 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกและรายเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
ข้อมูลโรงงานผลิตรถยนต์ออโต้อัลลายแอนซ์
บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และ ฟอร์ด มอเตอร์ คมปานี (สหรัฐอเมริกา) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โรงงานแห่งนี้ทำการผลิตรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายกว่า 100 ตลาดทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกากลาง อเมริกาใต้ อัฟริกา และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เป็นต้น โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง ประเทศไทย และมีพนักงานกว่า 9,000 คน มีกำลังการผลิตสูงสุดสำหรับรถยนต์สำเร็จรูปหรือ CBU อยู่ที่ 260,000 คันต่อปี รถยนต์ที่ผลิตจากออโต้อัลลายแอนซ์ในปัจจุบัน ประกอบด้วย มาสด้า บีที-50 โปร มาสด้า2 มาสด้า3 ฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอร์เรสต์
รายละเอียดข้อมูลมาตรฐานโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน
รายละเอียด
โครงการอีโคคาร์ เฟส 1
โครงการอีโคคาร์ เฟส 2
1. ผลิตภัณฑ์
อัตราการประหยัดพลังงาน


มาตรฐานด้านความปลอดภัย











มาตรฐานมลพิษ


ขนาดของเครื่องยนต์

-          ไม่เกินกว่า 5 ลิตร/100 กิโลเมตร (20 กม./ลิตร)

-          คุณสมบัติป้องกันผู้โดยสารจากการชน  ด้านหน้ารถ UNECE R94 และด้านข้าง UNECE R95, Rev.1 หรือระดับสูงกว่า
-          คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิง ป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุเหตุ (Active Safety)






-          มาตรฐาน EURO4, CO2 ไม่เกินกว่า 120g/km

-          เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุไม่เกิน 1.3 ลิตร
-          เครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุไม่เกิน 1.4 ลิตร

-          ไม่เกินกว่า 4.3 ลิตร ต่อ/ 100 กิโลเมตร (23.25 กม./ลิตร)

-          คุณสมบัติป้องกันผู้โดยสารจากการชนด้านหน้ารถ UNECE R94 และด้านข้าง UNECE R95, Rev.1 หรือระดับสูงกว่า
-          คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิง ป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ  (Active Safety) ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE R13H Rev.2 หรือระดับสูงกว่า โดยอย่างน้อยต้องมีระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อก ABS ซึ่งติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเลคทรอนิกส์ ESC

-          มาตรฐาน EURO5, CO2 ไม่เกินกว่า 100g/km

-          เครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุไม่เกิน 1.3 ลิตร
-          เครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุไม่เกิน 1.5 ลิตร
2. กำลังการผลิต
-          ไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปีตั้งแต่ปีที่ 5 ถึงปีที่ 8
-          ไม่น้อยกว่า 100,00 คันต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปและต้องดำเนินการผลิตภายในปี พ..2562
3. จำนวนเงินลงทุน
-          ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
-          ต้องมีขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์ อย่างน้อย 4 ใน 5 ได้แก่ (Cylinder Head, Cylinder Block, Crankshaft, Camshaft และ Connecting Rod โดยมีขั้นตอน Machining ของ Cylinder Head Cylinder Block, Crankshaft เป็นอย่างน้อย)
-          ไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท
-          และสามารถลงทุนเพิ่มได้ในส่วนการสนับสนุนทางด้าน STI หรือการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศมูลค่า 500 หรือ 800 ล้านบาท
-          ต้องมีขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์ อย่างน้อย 4 ใน 5 ได้แก่ (Cylinder Head, Cylinder Block, Crankshaft, Camshaft และ Connecting Rod โดยมีขั้นตอน Machining ของ Cylinder Head Cylinder Block, Crankshaft เป็นอย่างน้อย)
4. สิทธิพิเศษ
-          ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคล 8 ปี
-          ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเครื่องจักร
-          สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุ 90%
-          ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคล 6-8  ปี (ในปีที่ 7 และ 8 จะได้รับสิทธิเมื่อลงทุนทางด้าน STI มูลค่า 500 และ 800 ล้านบาท ตามลำดับ)
-          ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเครื่องจักร
-          สำหรับชิ้นส่วนและวัสดุ 90%

donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved