Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

จากัวร์ เอ็กซ์อี คว้า 2 รางวัลใหญ่จาก 2 เวทีระดับโลก พร้อมเปิดตัวในไทยไตรมาสสามปีนี้


รางวัลรถยนต์ที่สวยที่สุด ประจำปี 2014” จากงาน 30th Festival Automobile International in Paris และ รางวัลรถยนต์ขนาดใหญ่ยอดเยี่ยม ประจำปี 2015” จาก Diesel Car Magazine Awards




กรุงเทพฯ – จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจากงานประกาศผล 2 เวทีใหญ่ของโลก โดยได้รับรางวัล “รถยนต์ที่สวยที่สุด (Most Beautiful Car)” ประจำปี 2014 จากงาน 30th Festival Automobile International in Paris ซึ่งวัดผลจากการโหวตของผู้บริโภคกว่า 100,000 คนใน 59 ประเทศ โดย จากัวร์ เอ็กซ์อี ชนะด้วยคะแนนโหวตถึง 28% และรางวัล “รถยนต์ขนาดใหญ่ที่ยอดเยี่ยม (Best Large Car)” ประจำปี 2015 จากงาน Diesel Car Magazine ประเทศอังกฤษ ซึ่งพิจารณาจากระดับราคา ความสวยงามทั้งภายนอกและภายใน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราต่ำ รวมไปถึงประสบการณ์การขับขี่ที่โฉบเฉี่ยวเร้าใจอย่างเหนือระดับของยานยนต์

จากัวร์ เอ็กซ์อี คือรถสปอร์ตซีดานหรูขนาดกลางระดับพรีเมี่ยม โดยเป็นรถยนต์ขนาดกลางรุ่นแรกที่ริเริ่มใช้วัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยเกรดใหม่ชื่อ RC 5754 เป็นวัสดุหลักในการผลิต ซึ่งวัสดุนี้เกิดจากการผสมระหว่างอะลูมิเนียมและวัสดุรีไซเคิล ซึ่งนอกจากให้ความแข็งแรงที่สูงมาก ยังมีน้ำหนักเบากว่าและมอบแรงต้านการบิดในระดับสูงสุด การคิดค้นวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยชนิดนี้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของจากัวร์ ในการบรรลุซึ่งเป้าหมายด้านการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตให้มากถึง 75% ก่อนปี พ.ศ. 2563 วัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยเกรดใหม่นี้ยังช่วยให้ยานยนต์สามารถประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 75 ไมล์/แกลลอน* (น้อยกว่า 4 ลิตร/100 กม.) ตามอัตราการใช้เชื้อเพลิงรวมหน่วยยูโร อีกทั้ง จากัวร์ เอ็กซ์อี ยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนขั้นสูงเพื่อมอบคุณภาพแห่งการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมการควบคุมได้ดั่งใจและการเลี้ยวโค้งที่แม่นยำในทุกสภาวะ

ยานยนต์ จากัวร์ เอ็กซ์อี ใช้เครื่องยนต์ “อินจีเนียม” (Ingenium) รุ่นใหม่ นำเสนอทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งมีอัตราประหยัดเชื้อเพลิงดีเยี่ยมที่ 26.5 กม./ลิตร มอบความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. หรือ 186 ไมล์/ชม. พร้อมอัตราการปล่อยมลพิษต่ำกว่า 100 กรัม/กม.

นอกจากนั้น จากัวร์ เอ็กซ์อี ยังมาพร้อมเทคโนโลยีสำหรับคนรุ่นใหม่เพื่อการเข้าถึงทุกแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนได้ด้วยฟังก์ชั่น InControl Apps บนหน้าจอสัมผัสภายในห้องโดยสาร คุณจึงสามารถประชุมสายผ่านโทรศัพท์ ค้นหาจุดจอดรถบริเวณใกล้เคียง หรือแม้แต่จองโรงแรมได้จากภายในรถยนต์ของคุณเอง และด้วยฟังก์ชั่นจุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบ Wi-Fi จากเสาสัญญาณของตัวรถ ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์สื่อสารของคุณได้หลากหลายรูปแบบ


กรลักษณ์ แก้วกัลยา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความยินดีมากที่จะนำเสนอ จากัวร์ เอ็กซ์อี สู่ตลาดเมืองไทยในช่วงไตรมาสที่สามปี 2558 นี้
จากัวร์ เอ็กซ์อี เป็นรถสปอร์ตซีดานหรูขนาดกลาง ที่เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้า ทั้งผู้บริหารระดับสูงและหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ต้องการยานยนต์สมรรถนะเยี่ยมพร้อมภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ไม่ว่าจะขับรถไปทำงานหรือท่องเที่ยวในวันหยุด บริษัทฯ จึงนำเสนอในราคาที่คุ้มค่าเพื่อให้แฟนจากัวร์เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น พร้อมกันนั้นยังเสนอบริการบำรุงรักษาชั้นเยี่ยมแก่ลูกค้าทุกท่าน นอกจากนี้บริษัทฯจะเปิดตัวแคมเปญ #FEEL XE ขึ้นในประเทศไทยพร้อมๆ กับการเปิดตัว จากัวร์ เอ็กซ์อี เพื่อให้ลูกค้าของเราได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการขับขี่ที่เหนือกว่าร่วมกับเรา และเข้าถึงความเป็นแบรนด์จากัวร์ได้มากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”

ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป ชวนลุ้นสาวงามคว้ามงกุฎ Miss Motorsale2015 ทูตประชาสัมพันธ์ BIG Motor Sale 2015 มหกรรมของยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ รอบตัดสิน 9 กรกฎาคม ศกนี้ ลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 800,000 บาท


อีกหนึ่งสีสันของงาน BIG Motor Sale คือ การประกวดสาวงาม Miss Motorsale 2015 เพื่อทำหน้าที่ทูตประชาสัมพันธ์งาน “Bangkok International Grand Motor Sale 2015 หรือ BIG Motor Sale 2015”  มหกรรมของยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ   ที่แม้ปีนี้จะจัดเป็นปีที่ 2 แต่ด้วยความสำเร็จเกินคาดของงานBIG Motor Sale ในปีที่แล้ว ได้ทำให้สาวงามหน้าใหม่ๆ หลั่งไหลเข้าประกวดในปีนี้อย่างเนืองแน่น  ซึ่งรอบตัดสินรอบสุดท้ายจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2558 ณ ห้องอังรีดูนังต์ สมาคมราชกรีฑาสโมสมร ในเวลา 10.00 – 12.30 น. 
นายจรวย  ขันมณี  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน  BIG Motor Sale  เผยว่า สาวงามกับยานยนต์ เป็นความขัดแย้งที่น่าหลงใหลที่จะพบได้ในงาน BIG Motor Sale 2015 ของปีนี้   ไม่เพียงคนไทยจะเป็นชาติแรกที่ได้ชม และได้ใช้รถรุ่นใหม่ล่าสุดหลายแบรนด์  คาดการณ์ว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 8 รุ่น  และรถมอเตอร์ไซค์/บิ๊กไบค์ ไม่ต่ำกว่า 3 รุ่น  ที่พร้อมใจกันมาเปิดตัวครั้งแรกเพื่อขายทั่วโลกในประเทศไทย  หรือที่เรียกว่า World Premiere Cars  ในงานนี้เท่านั้น แต่ยังจะได้ชมโฉมสาวงามในบูธรถยนต์ต่างๆ     นอกจากนี้ทางยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป ยังได้คัดเฟ้นสาวงามเข้ารับตำแหน่ง  Miss Motorsale 2015 เพื่อทำหน้าที่ทูตประชาสัมพันธ์พิเศษของงาน ซึ่งในปีนี้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผลมาจากความสำเร็จและชื่อเสียงของงาน BIG Motor Sale ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่มีอย่างต่อเนื่อง   ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการท้าทาย พลิกฤดูการขายใหม่จากโลว์ซีซั่น สู่ นิวซีซั่น  รวมทั้งความร่วมมือของผู้ประกอบการต่างๆ ที่เตรียมงัดสุดยอดแคมเปญมาประชันกันอย่างดุเดือดเพื่อเอาใจลูกค้า ตอบโจทย์คนอยากได้รถ  จบในงานเดียว  ตามความตั้งใจให้เป็นมหกรรมเพื่อขายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีความครบวงจรมากที่สุด   ทั้งนี้การประกวด Miss Motorsale 2015 รอบตัดสินรอบสุดท้าย จะจัดขึ้น ณ ห้องอังรีดูนังต์ สมาคมราชกรีฑาสโมสร  ในวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม ศกนี้  โดยมีคณะกรรมการตัดสิน  ทั้งจากคณะกรรมการจัดงาน  สื่อมวลชน และผู้ให้การสนับสนุน
การประกวด Miss Motorsale 2015  ในเบื้องต้นรอบคัดเลือกจะคัดให้เหลือเพียง 30 สาวงามที่จะเข้าร่วมกิจกรรม Workshop โดยมีผู้สนับสนุนการประกวด ได้แก่ Embelli Clinic- กรุงเทพมหานคร– การแพทย์และสุขภาพ โรงเรียนสอนแต่งหน้า MTI   และ สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส ทั้งนี้ก่อนถึงวันตัดสินรอบสุดท้ายยังได้จัดกิจกรรมเปิดโหวตทางสื่อออนไลน์ให้กับสาวงามที่ผ่านรอบคัดเลือก ผ่านทาง facebook: Bigmotorsale ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม เพื่อเฟ้นหา Miss Popular Vote 2015  ซึ่งจะได้รับรางวัลและค่าตอบแทนพิเศษรวม 130,000 บาท   ก่อนขึ้นเวทีชิงมงกุฏ  สายสะพาย  ถ้วยรางวัล  เงินรางวัล  และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 8 แสนบาท และ พิเศษสุดสำหรับตำแหน่ง Miss Motorsale 2015  คือรถยนต์  TOYOTA Yaris E อีก 1 คัน มูลค่า 549,000 บาท 
คุณสมบัติของ Miss Motorsales 2015  ที่จะทำการตัดสินในวันที่ 9 กรกฎาคม ศกนี้  อายุระหว่าง 20-28 ปี ส่วนสูง 160 ซม.ขึ้นไป   มีบุคลิกภาพดี สวยน่ารัก โดดเด่น มีความสามารถสูง และมีอัธยาศัยดี รวมทั้งต้องมีความรู้เกี่ยวกับยานยนต์อีกด้วย  เพราะผู้ที่ได้รับตำแหน่ง Miss Motorsale 2015 และรองอันดับ 1-4 จะทำหน้าที่เป็นทูตประชาสัมพันธ์ของงาน BIG Motor Sale 2015 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2558 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา  และร่วมกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในแวดวงยานยนต์เมืองไทยในระหว่างที่รับตำแหน่งอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมงาน BIG Motor Sale 2015 ทางยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป ได้จัดโปรโมชั่นร่วมกับร้าน 7-Eleven  โดยการซื้อสินค้าผ่านบัตร 7-Cardครบ 40 บาทขึ้นไป สามารถนำใบเสร็จดังกล่าวมาแลกรับส่วนลดค่าเข้างานได้ถึง 50 จากราคาปกติ 100 บาท เหลือเพียง 50 บาท  เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน เป็นต้น   หรือเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท สามารถขอรับบัตรฟรี 1 บัตรต่อ 1 ใบเสร็จ ได้ตั้งแต่ 10 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม หรือการใช้บริการโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อมาชมงาน BIG Motor Sale 2015 ที่ไบเทค  สามารถซื้อบัตรเข้าชมงานในราคา 50 บาทเช่นกัน โดยทางยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จะหักรายได้จากการขายบัตร 10 บาทต่อบัตร มอบให้สภากาชาดไทยเพื่อการกุศล  นอกจากนี้บัตรเข้าชมงานยังใช้ในการร่วมสนุกชิงรางวัลมูลค่ารวม 1,846,000 บาท  ได้แก่ รถยนต์ 3 รางวัล ได้แก่ รถยนต์ SUZUKI CIAZ รถยนต์ MITSUBISHI Attrageรถยนต์ MG3 และรถมอเตอร์ไซค์ YAMAHA Grand Filano อีก 6 รางวัล  
งาน BIG Motor Sale 2015 เราย้ำชัดที่จะสร้างมาตรฐานการจัดงานยานยนต์เพื่อขายสู่ระดับสากล เพื่อกระตุ้นตลาดรถยนต์เมืองไทยไตรมาส 3 ได้พุ่งขึ้นจากที่เคยเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของตลาดรถยนต์เมืองไทย  คาดว่าในช่วงงาน 1-9 สิงหาคมนี้ จะสร้างยอดขายรถยนต์มากกว่า 25,000 คัน บิ๊กไบค์มากกว่า 4,000 คัน  และฟันธงว่า ยอดจำหน่ายรถกระบะดัดแปลง หรือ PPV จะมียอดขายรวมเป็นอันดับหนึ่งในงานนี้  ซึ่งคาดว่าจะมียอดผู้เข้าชมงานมากกว่า 1,300,000 คนแน่นอน”  นายจรวยกล่าวทิ้งท้าย

ซิตี้ ออโต้โมบิล จัดโปรโมชั่นเอาใจแฟนจากัวร์แลนด์โรเวอร์ ต้อนรับสายฝนตลอดเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2558


นำเสนอสุดยอดเอสยูวีและสปอร์ตซาลูนระดับพรีเมี่ยม 4 รุ่น
พร้อมแพ็คเกจการรับประกันสุดคุ้มในราคาที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้!



กรุงเทพฯ 11 มิถุนายน 2558 ซิตี้ ออโต้โมบิล ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดโปรโมชั่นร้อนแรงเอาใจแฟนจากัวร์แลนด์โรเวอร์ เสนอยานยนต์เกรดพรีเมี่ยมระดับโลกจากสหราชอาณาจักร 4 รุ่นในราคาสุดพิเศษที่นักขับพลาดไม่ได้ อาทิ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค (Range Rover Evoque) เรนจ์โรเวอร์ (Range Rover) แลนด์โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ (Land Rover Freelander) และ จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (Jaguar XF) พร้อมแพ็คเกจการรับประกัน บริการชั้นเลิศและส่วนลดมากมาย ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2558 นี้เท่านั้น โดยซิตี้ ออโต้โมบิล จะเป็นผู้จัดสรรยานยนต์แต่ละรุ่นในจำนวนจำกัดให้แก่ผู้จัดจำหน่ายในเครือ ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาติตต่อก่อนจะได้สิทธิ์การจองยานยนต์ก่อนใคร   

สุดยอดยานยนต์ที่นำมาจัดรายการทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค เอสยูวีระดับพรีเมี่ยมที่จะสะกดทุกสายตากับดีไซน์โฉบเฉี่ยวสุดล้ำ เสนอขายในราคาเริ่มต้นเพียง 4.4 ถึง 4.8 ล้านบาท หรือเลือกเป็นเจ้าของ เรนจ์โรเวอร์ เอสยูวีภาพลักษณ์หรูหรามีระดับที่พร้อมตะลุยไปในทุกเส้นทางอย่างทรงพลังในราคา 10.99 ล้านบาท (เพียง 2 คันเท่านั้น) และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบยานยนต์เอสยูวีขนาดกะทัดรัดแต่เปี่ยมด้วยสมรรถนะไม่แพ้รุ่นใหญ่ แลนด์โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ คือคำตอบที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมี่ยมให้คุณ พร้อมออพชั่นแบบ Full body กับราคาเริ่มต้นเพียง 3.69 ล้านบาท และสำหรับแบรนด์จากัวร์ นำเสนอสุดยอดสปอร์ตซาลูนสมรรถนะเป็นเลิศที่ทุกคนหมายปองอย่าง จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ ในราคาที่คุ้มสุดคุ้มเพียง 3.99 ล้านบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ ยานยนต์ทุกคันยังมาพร้อมแพ็คเกจการรับประกันที่คุ้มค่าสูงสุดในตลาดยานยนต์ระดับหรูของเมืองไทย กับการรับประกันนานถึง 3 ปี หรือ 100,000 กม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอดจนรับบริการหลังการขายและบริการซ่อมบำรุงชั้นเลิศด้วยมาตรฐานระดับโลกที่รับรองจากจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ประเทศไทย โดย ซิตี้ ออโต้โมบิล

หากต้องการข้อมูลเชิงเทคนิคของยานยนต์แต่ละรุ่น กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.landroverthailand.com หรือ www.jaguarthailand.com

พานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition): แกรนด์ทัวริสโม่ มาพร้อมการเสริมคุณสมบัติที่โดดเด่นยิ่งขึ้น



สตุ๊ดการ์ท. พานาเมร่า (Panamera) (1) รุ่นพิเศษมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่หรูหราโดดเด่นผสมผสานเข้ากับอุปกรณ์มาตรฐานอย่างครบครัน  โดยพานาเมร่า (Panamera) รุ่นพิเศษนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง 6 สูบ นั่นคือรุ่นพานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition) (2)  และพานาเมร่า 4 อิดิชั่น (Panamera 4 Edition)(3) ทั้ง 2 รุ่นทรงพลังด้วยกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 310 แรงม้า (228 กิโลวัตต์) ในขณะที่มีรุ่นพานาเมร่า ดีเซล อิดิชั่น (Panamera Diesel Edition) (4) มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 300 แรงม้า (221 กิโลวัตต์) และรุ่นพานาเมร่า 4 อิดิชั่น (Panamera 4 Edition) มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมด้วยการควบคุมด้วยไฟฟ้า และกับระบบ
map-controlled multi-plate clutch (ระบบ Porsche Traction Management, PTM)

รถสปอร์ต 4 ประตูจากปอร์เช่คือส่วนหนึ่งในการสร้างผลกำไรที่เติบโต และยังทำให้ปอร์เช่ลดความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อรถสปอร์ตรุ่นใหม่ในอนาคตอีกด้วย พานาเมร่า (Panamera) ประสบความสำเร็จตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009 โดยมียอดส่งมอบถึง 24,864 คันในปี 2014 และมียอดจำหน่าย 9,250 คันที่ประเทศจีน ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับรุ่นพานาเมร่า (Panamera) อีกด้วย

ภายนอกห้องโดยสารของพานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition) ได้รับการสรรสร้างด้วยสีโทนแตกต่างกัน รวมถึงการพ่นสีดำเงาให้กับขอบกระจกข้าง ส่วนที่เปิดประตูเป็นสีเดียวกันเมื่อติดตั้งระบบ Porsche Entry & Drive ล้อมาตรฐานขนาด 19 นิ้วลาย Panamera Turbo II design พร้อมด้วยฝาดุมล้อลาย Porsche Crest แบบสี

ภายในห้องโดยสารของพานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition) มาในรูปแบบ 2 สี เป็นหนังส่วนหนึ่ง คือสีดำ-เบจ โดยมีโลโก้ปอร์เช่สลักอยู่บนพนักพิงศรีษะของเบาะ, พวงมาลัยสปอร์ต (Sport Design steering wheel), กาบประตูประดับตัวหนังสือคำว่า “Edition” และพรมแบบพิเศษ ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ได้รับการติดตั้งเป็นระบบมาตรฐาน มาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เพื่อใช้ในการตรวจสอบและแสดงผลการทำงานของระบบเสียง, ระบบการค้นหาเส้นทาง และระบบการสื่อสารต่างๆ อีกด้วย ระบบเสียงคุณภาพสูง Bose Surround Sound System จากลำโพง 14 ตัว มาพร้อมกำลังขับสูงสุดที่ 585 วัตต์เลยทีเดียว



คุณสมบัติทางเทคนิคที่ได้รับการติดตั้งมาจากโรงงาน สำหรับรุ่นพานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition) คือระบบช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM), ระบบไฟหน้าไบซีนอนพร้อมด้วยไฟเลี้ยวแบบ Porsche Dynamic Light System (PDLS), ระบบช่วยจอดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Park Assist front and rear รวมถึงกล้องถอยหลังและระบบพวงมาลัยแบบ Power Steering Plus

รุ่นที่พิเศษนี้มีจำหน่ายใน 2 ประเทศ คือรุ่นพานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition) สำหรับประเทศจีน ซึ่งทำการตกแต่งเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีคนขับรถให้โดยอำนวยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารด้วยเบาะด้านหลังและการใช้ม่านไฟฟ้าของกระจกข้างและกระจกหลัง ส่วนรุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกามาพร้อมกับเบาะนั่งแบบสะดวกสบายเช่นเดียวกัน ซึ่งปรับได้ 14ทิศทาง เสริมด้วยแพ็คเกจหน่วยความจำรวมถึงการเพิ่มความร้อนให้กับเบาะทั้งด้านหน้าและด้านหลังอีกด้วย 

(1) รุ่นพานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 10.5–6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร;
(9.52-15.62
กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 245–169 กรัม/กิโลเมตร;

(2) รุ่นพานาเมร่า อิดิชั่น (Panamera Edition): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบในเมืองอยู่ที่ 11.4 ลิตร/100 กิโลเมตร; (8.77 กิโลเมตร/ลิตร) แบบนอกเมือง 6.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; (14.50 กิโลเมตร/ลิตร) แบบเฉลี่ยอยู่ที่
8.5 ลิตร/100 กิโลเมตร; (11.76 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 199
กรัม/กิโลเมตร
;

(3) รุ่นพานาเมร่า 4 อิดิชั่น (Panamera 4 Edition): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบในเมืองอยู่ที่ 11.6 ลิตร/100 กิโลเมตร; (8.62 กิโลเมตร/ลิตร) แบบนอกเมืองอยู่ที่ 7.2 ลิตร/100 กิโลเมตร; (13.88 กิโลเมตร/ลิตร) แบบเฉลี่ยอยู่ที่ 8.8 ลิตร/100 กิโลเมตร; (11.36 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 206
กรัม/กิโลเมตร
;

(4) รุ่นพานาเมร่า ดีเซล (Panamera Diesel Edition): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบในเมืองอยู่ที่ 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; (13 กิโลเมตร/ลิตร) แบบนอกเมืองอยู่ที่ 5.6 ลิตร/100 กิโลเมตร; (17.85 กิโลเมตร/ลิตร) แบบเฉลี่ยอยู่ที่
6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร
; (15.62 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 169
กรัม/กิโลเมตร
;

ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า  เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณหรือ AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

Toyota รั้งผู้นำแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

 
 
โตโยต้าคว้าตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกประจำปี 2015 ในการจัดอันดับของ BrandZ Top 100 Most Valuable Global Brands 2015
ผลการสำรวจประจำปีนี้ระบุว่า มูลค่าของแบรนด์โตโยต้าอยู่ที่ 28,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำหน้าบีเอ็มดับเบิลยูอยู่ห่างๆ ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 26,300 ล้านเหรียญฯ ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ตามมาเป็นอันดับสามที่ 21,700 ล้านเหรียญฯ
“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ BrandZ เริ่มจัดอันดับมูลค่าแบรนด์รถยนต์ โตโยต้ารั้งตำแหน่งผู้นำถึงแปดครั้ง และติดอันดับ 2 อีกสองครั้ง” Toyota ระบุด้วยความภาคภูมิใจ
แบรนด์รถยนต์ที่ติดอันดับท็อป 10 ที่เหลือคือ ฮอนด้า ฟอร์ด นิสสัน ออดี้ โฟล์คสวาเกน แลนด์โรเวอร์ และปิดท้ายอันดับ 10 โดยเลกซัส
ออดี้มีอัตราเติบโตสูงสุด โดยมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 43% ขณะที่เชฟโรเลตและฮุนไดถูกเบียดไปจาก 10 อันดับแรกโดยแลนด์โรเวอร์และเลกซัสมาแทนที่
BrandZ ระบุว่ามูลค่าของแบรนด์รถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกค่าย โดยให้เหตุผลว่ายอดขายที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกาและจีนช่วยส่งเสริมการเติบโต แต่ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปทำให้การขยายตัวไม่สูงขึ้นเท่าที่ควร


มาสด้า-นิสสัน ปรับทัพผู้บริหารรับมือการแข่งขันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย



 
อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยถึงคราวเปลี่ยนแปลงอีกรอบ มาสด้าปรับระบบบริหารงานใหม่เป็นระบบเขตดีลเลอร์ ขยับผู้บริหารเดิมรับมือ ฟากนิสสันเปลี่ยนประธานกระทันหัน หลังคนเดิมลาออกจากตำแหน่ง
การเปลี่ยนแปลงภายในอุตสาหกรรมยานยนต์ล่าสุดน่าจะส่งผลกระทบต่อการทำตลาดของแบรนด์มาสด้าและนิสสันมากพอสมควร จากการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารในช่วงที่่ผ่านมา
มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศขยับทีมบริการตามแนวทางการบริหารจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นแนวทางที่ ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานคนใหม่ที่เติบโตมาจากสายดีลเลอร์มีความชำนาญเป็นพิเศษ
 
ด้วยการขยับ สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี จากรองประธานฝ่ายการตลาดไปเป็น รองประธานที่ดูแลการขายและตัวแทนจำหน่ายในกรุงเทพมหานคร ส่วนในโซนต่างจังหวัดนั้น เกริกฤทธิ์ คำสุระ ผู้อำนวยการฝ่ายขายจะเป็นผู้ดูแล
“การปรับโครงสร้างในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่องค์กรของมาสด้าใหญ่ขึ้น ขณะที่ตัวเลขยอดจำหน่ายในกทม.เองก็ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร จึงปรับให้คุณสุรีทิพย์เข้ามาดูแลตรงนี้อย่างใกล้ชิด” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจานี้ ยังได้ขยับ ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ จากผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจสัมพันธ์และผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ดูแลงานสื่อสารการตลาดประชาสัมพันธ์และสินค้า และปาสกาล เศรษฐบุตร ไปดูแลเรื่องความพึงพอใจของลูกค้า

 
ฟากนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ก็มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารสูงสุดเช่นกัน เมื่อ ฮิโรยูกิ โยชิโมโตะ ประธานบริษัทได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผลตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โทรุ ฮาเซกาวา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตลาดเอเชีย และโอเชียเนีย และประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิค จํากัด จะเข้ามารับหน้าที่แทนตําแหน่งดังกล่าว โดยผู้บริหารที่รายงานตรงต่อประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด จะเปลี่ยนเป็นรายงานตรงต่อฮาเซกาวาโดยตรง




สแกนเนีย จับมือภาครัฐและเอกชน ทุ่ม 10 ล้าน จัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 การแข่งขันทักษะนักขับรถบรรทุกและรถโดยสารที่ใหญ่ที่สุดของไทย ชิงเงินและของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาท ยกระดับนักขับรถขนส่งไทยสู่มาตรฐานสากล



สแกนเนีย จับมือภาครัฐและเอกชน ยกระดับพร้อมพัฒนานักขับรถบรรทุกและรถโดยสารไทยสู่ระดับมาตรฐานสากล พร้อมเปิดโอกาสให้นักขับรถบรรทุกและรถโดยสารสแกนเนียทั่วประเทศได้พิสูจน์ฝีมือด้านทักษะการขับขี่ในการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015  (Scania Driver Competitions Thailand 2015) การแข่งขันทักษะนักขับรถบรรทุกและรถโดยสารมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุดของไทยขึ้น ชิงเงินและของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาท

 มร.มาร์ติน นีลสัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงการจัดการแข่งขัน  สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ว่า การแข่งขันรายการนี้ถือเป็นการแข่งขันทักษะนักขับรถบรรทุกและรถโดยสารมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ที่สแกนเนีย ได้จัดขึ้นทั่วโลก เป็นหนึ่งในรายการใหญ่ที่นักขับรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่มืออาชีพให้การรอคอย โดยมีวัตถุประสงค์การจัดการแข่งขันเพื่อต้องการยกระดับความสามารถของผู้มีอาชีพขับรถขนส่ง พร้อมทั้งเป็นการพัฒนาเพิ่มทักษะการขับขี่ให้แก่นักขับรถขนส่งมืออาชีพ ให้มีความสามารถในการขับขี่อย่างปลอดภัย ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และลดมลภาวะที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งความสำเร็จของการแข่งขันรายการนี้ เห็นได้จากความสนใจของผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันจากทั่วโลก จากการเริ่มต้นในปี 2003 มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วม 18,000 คน ถึงวันนี้เรามีนักขับสนใจเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 100,000 คน จากทั่วโลก

การแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 นอกจากเป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดนักขับรถขนส่งมืออาชีพของไทยแล้ว ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะฝีมือในการขับขี่ให้แก่นักขับนักขับไทยให้มีความสามารถทัดเทียมมาตรฐานนักขับระดับโลก ซึ่ง สแกนเนีย มองว่านักขับรถที่มีทักษะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของทั้งภาคอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ภาคธุรกิจขนส่ง และ ภาคสังคม นักขับมืออาชีพที่มีความสามารถจะช่วยให้การดำเนินการขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงเวลา ประหยัดเชื้อเพลิง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ ที่สำคัญคือสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินลงได้

ด้าน นายภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาค บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงความพิเศษของการจัดการแข่งขัน  สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ครั้งนี้ว่า การจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่ง สแกนเนีย ต้องการเพิ่มความเข้มข้นในการแข่งขันให้มากขึ้น ทั้งเรื่องของการทดสอบที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับ สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ระดับโลก พร้อมทั้งทุ่มงบการจัดการแข่งขันกว่า 10 ล้านบาท จนมีผู้สนใจเข้าสมัครเข้าร่วมการแข่งขันถึง 1,500 คนจากทั่วประเทศ โดยคัดเลือกนักขับ 64 คนจากผู้ที่ผ่านการทดสอบข้อเขียน เข้าร่วมทดสอบทักษะการขับขี่จริงในรอบคัดเลือก ณ ศูนย์บริการ สแกนเนีย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเราได้ 16 นักขับฝีมือดีเข้าร่วมชิงชัยในการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 รอบสุดท้ายทั้งประเภทรถบรรทุกและรถบัสโดยสาร โดยมีรางวัลรวมกว่า 1.9 ล้านบาท

โดยการจัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 ได้รับความร่วมมือในการจัดการแข่งขันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ คือ กรมการขนส่งทางบก องค์กรภาคเอกชน คือ สถาบันยานยนต์ องค์กรทางสังคม คือ กองทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พันธ์มิตรทางธุรกิจ อย่างบริษัท สยามมิชลิน จำกัดและ โรงเรียนสอนขับรถ ไอดี ไดร์ฟเวอร์  ซึ่งจากรอบคัดเลือกที่ผ่านมาความน่าสนใจของการแข่งขันครั้งนี้ คือ ความสามารถของนักขับรถขนส่งไทยที่มีทักษะความสามารถสูงขึ้น ครั้งนี้เราได้เห็นนักขับหน้าใหม่ที่มากความสามารถแต่อายุน้อยลง ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการฝึกอบรม ความมีระเบียบวินัย การเคารพกฎจราจร และ ความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่ สแกนเนีย เน้นย้ำในการอบรมนักขับตลอดมา นอกเหนือการให้ความรู้และการพัฒนาทักษะความสามารถในการขับขี่ สแกนเนีย เชื่อมั่นว่าการจัดการแข่งขัน สแกนเนีย ไดร์เวอร์ คอมเพททิชั่น ไทยแลนด์ 2015 จะมีส่วนสร้างและยกระดับนักขับรถขนส่งไทยให้มีทักษะฝีมือในระดับมาตรฐานสากลมากขึ้น อันจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ และ ภาคธุรกิจขนส่ง ให้มีการเติบโตได้มากขึ้น ส่วนในภาคสังคมนั้น เราได้ปลูกฝังจิตสำนึกในการมีระเบียบวินัย การเคารพกฎจราจร การมีเมตตา มีจริยธรรม และ มีจิตสำนึกในความปลอดภัยของการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน อันจะสร้างความปลอดภัยและสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นกับนักขับรถขนส่งของไทยอีกด้วย

ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก วัดคุณภาพรถกระบะ Revo / Navara / Triton / Ranger

 


สิ้นสุดการรอคอยอันเนิ่นนานของนักเลงรถปิกอัพเมืองไทยและเป็นการเริ่มต้นศึกใหญ่ในตลาดรถเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว เมื่อโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยประกาศเปิดตัวโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโวออกทำตลาดอย่างเป็นทางการ
ไฮลักซ์ รีโวเป็นรถกระบะรุ่นที่ 4 ที่เปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยในรอบไม่ถึง 2 ปี ถัดจากนิสสัน นาวาร่า มิตซูบิชิ ไทรทันและฟอร์ด เรนเจอร์ที่เพิ่งเผยโฉมแบบไม่เปิดราคาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าเซกเมนท์รถกระบะเมืองไทยยังคงมีความสำคัญและเป็นตลาดใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทีมงาน Autospinn.com จะหยิบข้อมูลจุดเด่นและจุดด้อยของรถใหม่ที่เปิดตัวไล่เลี่ยกันมาเปรียบเทียบ เชิญชมกันได้เลย
การออกแบบและอุปกรณ์

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว

 

เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่สมกับการรอคอยนานนับปี โตโยต้าโวลั่นว่าไฮลักซ์ รีโว ซึ่งเป็นรถกระบะไฮลักซ์เจนเนอเรชั่นที่ 8 เป็นการ “ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต” การออกแบบภายนอกเน้น “ความแกร่ง” สร้างประสบการณ์การขับขี่เฉกเช่นรถเอสยูวีระดับหรู กระจกมองข้างโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอย 17 นิ้ว เดย์ไลท์ LED ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้ายพร้อมไฟตัดหมอก สีตัวถังมีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Nebula Blue สีแดง Crimson Spark Red และสีขาวมุก White Pearl Crystal
รูปลักษณ์ภายนอกดูทันสมัยยิ่งขึ้นชัดเจนโดยเฉพาะด้านหน้า ส่วนบั้นท้ายยังคงสไตล์คล้ายรุ่นเดิม หากมองหน้าตาในภาพรวมอาจไม่โดนใจบางคน แต่ก็มีหลายคนที่มองว่ารีโวมีความโดดเด่นและน่าใช้กว่าวีโก้ (ซึ่งทำตลาดมานานมาก) เราปล่อยให้ท่านผู้อ่านพิจารณากันตามอัธยาศัย
ภายในห้องโดยสารเน้นย้ำแนวคิดการถ่ายทอดรถเอสยูวีหรูไว้อย่างชัดเจน ด้วยโครงสร้างและดีไซน์ที่ออกไปทางรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ครบครันด้วยอ็อปชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูสคอนโทรล หน้าจอแสดงผลข้อมูล 4.2 นิ้ว เนวิเกเตอร์แสดงผลผ่านจอสัมผัส 7 นิ้ว ปุ่มสตาร์ทและเข้าออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ กล่องเก็บของรักษาความเย็น ช่องปรับอากาศสำหรับเบาะหลัง
ความปลอดภัยถือว่าเหนือชั้นเกินความคาดหมาย ทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เพียบพร้อมอย่างระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบควบคุมการออกตัวทั้งทางขึ้นและทางลง กล้องมองหลังและที่สำคัญคือถุงลมนิรภัยที่มีมาให้ถึง 7 ลูกเลยทีเดียว
รุ่นดับเบิ้ลแค็บ และรุ่นมาตรฐาน พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับรุ่นสมาร์ทแค็บ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้และจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

นิสสัน นาวาร่า

 

นาวาร่าถือเป็นรถกระบะที่ให้บรรยากาศของการเป็นรถยนต์นั่งและรถที่รองรับการใช้งานในเมืองมากกว่าใครเพื่อน โดดเด่นด้วยไฟเดย์ไลท์แอลอีดีที่กรอบโคมไฟหน้า การออกแบบที่เน้นเส้นสายไล่ไปตามตัวถังมากกว่ารถปิกอัพทั่วไป ตัวถังของนาวาร่ามีขนาดกว้าง 1,850 มม. ยาว 5,255 มม. สูง 1,820 มม. มีระยะฐานล้อยาว 3,150 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 220 มม.
ความสะดวกสบายในห้องโดยสารตอนหน้าของนาวาร่าให้อารมณ์ที่ใกล้เคียงรถเก๋งมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมาะสำหรับคนที่มองหารถปิกอัพที่มีสไตล์แบบรถยนต์นั่งและ “ขับหล่อ” นาวาร่ายังมีช่องจ่ายไฟสามจุด เบาะหลังของรุ่นดับเบิลแค็บนั่งสบายเนื่องจากปรับเอนได้มากกว่าเดิม พร้อมพรั่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังและระบบปรับอากาศที่ตอนหลังเรียกว่าออกแบบมาตอบสนองกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น
ล่าสุด นิสสันยังเพิ่งเปิดตัวรุ่นซิงเกิลแค็บที่มาพร้อมกล้องมองหลังและที่เหยียบขึ้นกระบะด้านข้าง ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่นแชสซีส์แค็บ) เพื่อเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่มากขึ้นในขณะถอยจอดสำหรับการบรรทุกของหนัก

มิตซูบิชิ ไทรทัน


 
เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของไทรทันใหม่เริ่มลดน้อยลงไปพร้อมกับตัวเลขยอดขายที่ไม่ขี้เหร่ หากมองกันแบบไร้อคติแล้ว ไทรทันใหม่ถือเป็นการผสมผสานสไตล์รถกระบะเข้ากับความโฉบเฉี่ยวแบบรถยนต์นั่งได้อย่างค่อนข้างลงตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอปล่อยให้เป็นวิจารณญาณของท่านผู้อ่านดีกว่า
มิติตัวถังของไทรทันมีขนาดใหญ่ขึ้นและเน้นเหลี่ยมคมที่ชัดเจนขึ้นกว่ารุ่นเดิม เห็นได้ว่าทีมนักออกแบบต้องการเน้นภาพลักษณ์แข็งแกร่ง บึกบึน ให้ความรู้สึกในด้านการใช้งานเรื่องการขนส่งได้ดีพอสมควร ขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายแบบรถยนต์นั่งตามเทรนด์ของรถกระบะในปัจจุบัน โดยเฉพาะโคมไฟหน้าที่ฉีกกว้างและมาพร้อมไฟเดย์ไลท์ดูหรูหราอลังการ
นักขับรถทดสอบของ Autospinn ได้สัมผัสรุ่นไทรทัน พลัส ตัวยกสูง การขึ้นลงรถทำได้โดยสะดวกด้วยกาบบันไดข้างและมือจับโหนตัว ในรายละเอียดปลีกย่อยที่ติดตั้งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาร์ท เอนทรีที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูพร้อมกุญแจอัจฉริยะ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบพับอัตโนมัติขณะล็อกรถทำให้รถคันนี้ดูหรูหราขึ้นมาเกินกว่าที่จะนำไปขนของจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทางมิตซูบิชิยังชูจุดขายในเรื่องความเงียบในค็อกพิท มองในภาพรวมไม่ถือว่าโดดเด่น แต่ก็รองรับการใช้งานได้ดี
นอกจากนี้ยังมีรุ่นไทรทัน ซิงเกิล แค็บ 3 รุ่นที่เพิ่งขายจริงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เน้นรองรับการบรรทุกได้ลงตัวมากขึ้น เสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วยโครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame รวมไปถึงเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่

ฟอร์ด เรนเจอร์

 
ถือเป็นการปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ หน้าตาภายนอกมีความสดใหม่ยิ่งขึ้นโดยเฉพาะฝากระโปรงมีเส้นสายที่ดุดันกว่าเดิม เข้ากับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ขณะที่ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่เสริมให้ตัวรถดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก ฟอร์ดเผยว่าเรนเจอร์ใหม่สามารถขับขี่ลุยน้ำได้ที่ความลึกถึง 800 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าลึกที่สุดในรถประเภทนี้ ส่วนพื้นรถสูง 230 มิลลิเมตร ออกแบบมาเพื่อรับมือกับเส้นทางวิบากได้อย่างคล่องตัว ด้วยมุมตัดที่ 28 องศาและมุมจากที่ 25 องศา ทำให้ผู้ขับขี่ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่สามารถขับขี่ขึ้นลงทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 2 ระบบเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารภายในตัวรถรุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบการรับคำสั่งผ่านเสียง โดยผู้ขับขี่สามารถพูดคำสั่งภาษาอังกฤษเช่น “Temperature 20 degrees” “play AC/DC” หรือ “I’m hungry” เพื่อควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบความบันเทิง หรือระบบนำทางของรถได้ทันที ส่วนจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และคำสั่งแบบแยกสี ช่วยให้การเลือกใช้งานเมนูต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังติดตั้งช่องชาร์จไฟแบบ 240 โวลต์ ซึ่งสามารถใช้ชาร์จไฟคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคได้
นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเต็มรูปแบบ ที่จะช่วยให้ทุกการขับขี่ของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งระบบรักษาช่องทางขับขี่ (Lane Keeping Aid) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า (adaptive cruise control) ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Impairment Monitor) และเซนเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง (Front and Rear Parking Sensors)

เครื่องยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว

 
เครื่องยนต์ตระกูล GD บล็อกใหม่เอี่ยมได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิด “Efficient Boost” เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ลดการสูญเสียความร้อนและแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ เริ่มจากรุ่นท็อปไลน์ที่ติดตั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น รหัส 1GD-FTV (High) เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว 2.8 ลิตร พร้อมวีเอ็น เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที พร้อมให้แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-2,600 รอบต่อนาที
ขณะที่รุ่นดีเซลรองลงมาใช้มรหัส 1GD-FTV รีดกำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,400 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร มาพร้อมรหัสเครื่องยนต์ 2GD-FTV ที่มีพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,800 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System)
ลูกค้ายังสามารถเลือกรุ่นเครื่องยนต์เบนซินบล็อกเดิมที่ได้รับการพัฒนาด้วยการติดตั้งระบบดูอัล วีวีที-ไอให้กับเครื่องรหัส 2TR-FE ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีดและระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟและระบบล็อกเฟืองท้าย

เครื่องยนต์นิสสัน นาวาร่า

 
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง DDTi บล็อก 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2.5 ลิตร ซึ่งเป็นการพัฒนาบนพื้นฐานของเครื่องยนต์รุ่นเดิม มีพละกำลังสองระดับให้เลือกใช้คือ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรและ 163 แรงม้า แรงบิด 402 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
เครื่องยนต์ของนาวาร่า เอ็นพี300 รุ่นใหม่ได้รับการปรับเปลี่ยนระบบเทอร์โบชาร์จ ใช้มอเตอร์ควบคุมเทอร์โบแปรผัน พร้อมปรับลดกำลังส่วนอัดเหลือ 15:1 ดูแล้วรุ่นล่าง 163 แรงม้าก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ทางนิสสันเพิ่มทางเลือกและมูลค่าทางการตลาดด้วยการนำเสนอรุ่นสูงสุด 190 แรงม้าที่มีพลังเหลือเฟือ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ ระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ ให้กำลังแรงสูงสุด 169 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 241 นิวตันเมตร การขับขี่ของนาวาร่าถูกเซ็ทอัพให้นุ่มนวลยิ่งขึ้นตามบุคลิกของตัวรถที่ขยับเข้าใกล้รถยนต์นั่ง โดยเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ 4 ประตูที่นิ่มนวลที่สุด ส่วนการควบคุมพวงมาลัยอยู่ในระดับมาตรฐานถ้าไม่พุ่งทะยานด้วยความเร็วจัดเกินไป

เครื่องยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน



 
มิตซูบิชิ ไทรทันใหม่เป็นรถกระบะรุ่นแรกที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลพลังงานสะอาด เทคโนโลยีไมเวค วีจี เทอร์โบ (MIVEC VG Turbo) ความจุ 2.4 ลิตร พละกำลัง 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตรโดยมีความประหยัดมากกว่าเดิม 20 เปอร์เซ็นต์
ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 128 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตรและเครื่องยนต์เบนซินรหัส 4G64 ความจุ 2.4 ลิตรที่มีพลัง 128 แรงม้า แรงบิด 194 นิวตันเมตร
ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและ 6 สปีด รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ง่ายต่อการขับขี่โดยสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ง่ายด้วยสวิตซ์หมุนแบบไฟฟ้า รวมไปถึงรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูงและรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
นักทดสอบของ Autospinn เผยว่าการตอบสนองของเครื่องยนต์รุ่น 2.4 ลิตรและระบบส่งกำลังของรุ่นไทรทัน พลัสถือว่ามีความลงตัวและรองรับการใช้งานทั่วไปได้ดี การเรียกกำลังทำได้อย่างง่ายดายทั้งจากจังหวะออกตัวและจังหวะการเร่งแซงที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม การขับขี่ที่ความเร็วปานกลางขึ้นไปและเปลี่ยนความเร็วกะทันหันไม่ว่าจะเร็วขึ้นหรือช้าลง ดูเหมือนเครื่องยนต์จะต้องใช้เวลาในการปรับอยู่ชั่วเสี้ยววินาที ทำให้การขับขี่ยังไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร

เครื่องยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์


ขุมพลังของฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่เริ่มจากขนาด 2.2 ลิตร ดีเซล ดูราทอร์ค พละกำลังสองระดับคือ 125 แรงม้าและ 150 แรงม้า (รุ่นวีจี เทอร์โบ) ส่วนแรงบิดมีทั้งระดับ 330 นิวตันเมตรและ 385 นิวตันเมตรซึ่งกินน้ำมันลดลง 20%
ขณะที่เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบรุ่นล่าสุดมีการติดตั้งระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่เพื่อความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมอบพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้าและแรงบิด 470 นิวตันเมตร สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะและแรงบิดสูงสุดในการลากจูง นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค ขนาด 2.5 ลิตร ที่มอบพละกำลังสูงสุด 122 กิโลวัตต์ และแรงบิด 225 นิวตันเมตร
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม และรับน้ำหนักบรรทุกสูงถึง 1,175 กิโลกรัม ระบบเกียร์มีทั้งแบบอัตโนมัติและธรรมดาแบบ 6 สปีด ฟอร์ดยืนยันว่าเครื่องยนต์ทั้ง 4 รุ่นเปี่ยมด้วยสมรรถนะและความคุ้มค่าในทุกสภาพการขับขี่ และยังตอกย้ำเอกลักษณ์ความขับสนุกในสไตล์ฟอร์ดอีกด้วย
เพื่อการประหยัดน้ำมันสูงสุด ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ มีการติดตั้งระบบสตาร์ทและดับเครื่องอัตโนมัติ (Automatic Start/Stop) ซึ่งจะดับเครื่องขณะที่รถหยุดนิ่งอยู่กับที่ เช่นขณะที่รอสัญญาณไฟเขียว ช่วยประหยัดน้ำมันสูงถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราทดเฟืองท้ายได้รับการปรับแต่งยาวขึ้น ช่วยให้ประหยัด
น้ำมันดียิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง

สรุป
มิตซูบิชิ ไทรทัน เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 4.75 แสนบาทไปจนถึง 1 ล้านบาทเศษซึ่งมีครบครันทั้งซิงเกิล แค็บ เมกะแค็บและดับเบิลแค็บ ด้านนิสสัน นาวาร่าเคาะค่าตัวที่ 5.16 แสนบาทถึง 9.96 แสนบาทที่มาพร้อมหน้าทุกรุ่นย่อยเช่นกัน

 
 
ขณะที่ยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งอย่างโตโยต้าเปิดราคาไฮลักซ์ รีโวเริ่มต้นที่ 5.69 แสนบาทไปจนถึงตัวท็อปไลน์ 1.139 ล้านบาทซึ่งถือว่าแพงที่สุดในเวลานี้ ไฮลักซ์ รีโวมีรุ่นย่อยให้เลือกมากมายกันถึง 33 รุ่นใครสนใจชมตัวจริงเชิญได้ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤษภาคมนี้

 
คอรถกระบะอเมริกันอาจต้องรอการประกาศราคาของเรนเจอร์ใหม่กันก่อน แต่ถ้ารอไม่ไหวก็สามารถหันไปเลือก “เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี่” รถกระบะพรีเมียมที่เพิ่งเผยโฉมในงานบางกอก มอเตอร์โชว์กันได้ซึ่งเคาะราคาจำหน่ายที่ 1.029 ล้านบาท
 
 
ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาทองของคนที่กำลังมองหารถกระบะรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพราะมีทางเลือกมากมาย การแข่งขันที่ดุเดือดทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกใส่มาให้กันแบบเต็มพิกัด จึงสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการและกำลังทรัพย์ในกระเป๋า
 
 
ลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือลูกค้าที่มองหารถกระบะระดับบนซึ่งควรพิจารณาอุปกรณ์และรูปลักษณ์เป็นหลักว่าตอบสนองรสนิยมและความต้องการใช้งานได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่ลูกค้าอีกกลุ่มจะมองหารถกระบะที่รองรับการใช้งานหนัก ซึ่งควรให้ความสำคัญที่ราคาจำหน่าย โปรโมชั่นส่งเสริมการขายและการบริการที่จะมอบความคุ้มค่าและช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นได้
ควรสัมผัสตัวรถคันจริงด้วยตนเองเพื่อทดลองขับและพิจารณาอ็อปชั่นอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ต่างๆอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจ

 



นิสสันมั่นใจตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าส่งออกนาวาร่าดันเพิ่มการผลิตในไทย



นายใหม่นิสสันระบุตลาดรถยนต์ไทยแข่งขันรุนแรงตามตลาดหดตัว แต่มั่นใจภาพรวมครึ่งปีหลังฟื้นตัวรับอัตราภาษีใหม่ปี 2559 เร่งกำลังซื้อผู้บริโภคหลบราคาเพิ่ม 3-5% ยันเดินหน้าใช้กำลังการผลิตในโรงงานไทยเพื่อส่งออก คาดปีนี้ผลิตทะลุ 2 แสนคัน
คะซุทากะ นัมบุ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าตลาดรถยนต์ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง หลังจากการหดตัวของตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในช่วงต้นปี 2558 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มของตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จากการที่รัฐบาลมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ที่จะประกาศใช้ต้นปี 2559 ซึ่งจะทำให้รถยนต์ส่วนมากต้องปรับราคา 3-5% จึงเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคจะเร่งการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงดังกล่าว
นอกจากนี้ ราคาพืชผลทางการเกษตรที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ยางพารา ก็น่าจะส่งผลดีในภาพรวม ปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มรายได้ให้กับบุคคลทั่วไป รวมไปถึงการกระตุ้นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เริ่มเห็นเป็นรูปธรรม ก็จะช่วยผลักดันตลาดทั้งสิ้น

 
“เรามองตลาดอยู่ที่ระดับ 8 แสนกว่าคันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยังไม่ต้องปรับเป้าหมายด้านการจำหน่าย ซึ่งในปีนี้ นิสสันยังคาดหวังที่จะเติบโตประมาณ 10% เป็นผลจากการที่เอ็กซ์-เทรลและนาวาร่าที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ จะได้ทำตลาดเต็มปีเป็นครั้งแรก”
ทั้งนี้ มองว่าการผลิตรถนิสสันในประเทศไทยปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าจะผลิตได้ถึง 2 แสนคัน เป็นผลจากการเริ่มส่งออกนาวาร่าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งโรงงานทั้ง 2 แห่งของนิสสันในประเทศไทย มีกำลังผลิตรวม 2.95 แสนคัน และในปีที่ผ่านมาใช้อยู่ราว 1.8 แสนคันเท่านั้น
 



เปิดสเปกเครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ของ Toyota Hilux Revo

 
ก่อนการเปิดตัวจริงโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว (Toyota Hilux Revo) ในวันพรุ่งนี้ (21 พฤษภาคม) เรามาดูเครื่องยนต์ตระกูล GD ใหม่ล่าสุดกันก่อน ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้จะมาแทนที่ตระกูล KD ที่ใช้มายาวนานหลายปีแล้ว
แน่นอนว่ารถรุ่นแรกที่จะใช้เครื่องยนต์ GD ใหม่เอี่ยมแกะกล่องที่เพิ่งเปิดตัวในงานเวียนนา มอเตอร์ ซิมโพเซียมคือรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโวที่หลายคนรอคอย ก่อนที่จะวางอยู่ใต้ฝากระโปรงของโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์และโตโยต้า อินโนว่าออกจำหน่ายในตลาดอาเซียนและอีกหลายประเทศ
เครื่องยนต์รุ่นล่าสุดนี้แบ่งออกเป็นสองขนาด คือ 2GD-FTV ความจุ 2.4 ลิตรและ 1GD-FTV ความจุ 2.8 ลิตร ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยี Economy with Superior Thermal Efficient Combustion หรือ ESTEC หัวฉีดคอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่นที่มีแรงดัน 1,350 บาร์ พ่วงเทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติแบบ 6 สปีด

สำหรับพละกำลังมีดังนี้
1GD-FTV
ความจุ 2.8 ลิตร
พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 อบ/นาที
2GD-FTV
ความจุ 2.4 ลิตร
พละกำลังสูงสุด 160 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบตระกูล GD ถือเป็นการยกระดับจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน เนื่องจากขุมพลัง 3.0 ลิตรในตระกูล KD รุ่นเก่านั้นมีพละกำลังเพียง 172 แรงม้าและมีแรงบิด 352 นิวตันเมตรเท่านั้น



donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved