Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

สปข.เดินหน้า SAFETY BUS THAILAND มั่นใจ รถ 2 ชั้นไทย ปลอดภัยแน่นอน


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2559 สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย นำโดย ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคม พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกของสมาคม ได้ร่วมกันจัดงานประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2559 ภายใต้แนวคิด “SAFETY BUS THAILAND 2016 ปีแห่งความปลอดภัยในรถโดยสาร สาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ปี 2559 เป็นปีแห่งความปลอดภัย ในรถโดยสารสาธารณะตลอดจนถึงผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
อีกทั้งภายในงานยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ กำหนดอนาคต รถ 2 ชั้นไทย” ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณธานี สืบฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก, รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและกระบวนการ บัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน (TGGS) และคุณจริญ เอี่ยมยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท รุ่งจริญ แอร์บัส จำกัด ร่วมเสวนา
ซึ่งบทสรุปของการเสวนาในวันนั้นในภาคของหน่วยงานรัฐบาลผู้กำหนดทิศทางยืนยันไม่มีกฎระเบียบหรือประกาศใดยกเลิกห้ามใช้รถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น และยินดีให้ความร่วมมือกับภาคเอกชน ที่ผ่านมาหากจะมีการบัง คับใช้ระเบียบใดๆ ก็จะมีการเรียกผู้ประกอบการเข้าร่วมหารือ
ทางด้านมุมมองของนักวิชาการชี้ชัดปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุมี 3 ข้อคือ คน รถ ถนน ซึ่ง 80% เกิดจากตัวบุคคลหรือพนักงานขับรถ ควรเร่งพัฒนาด้านบุคลากร พร้อมยินดีให้ข้อมูลทางด้านเทคนิคและวิศวกรรม ยานยนต์ที่เป็นประธยชน์แก่ทุกฝ่าย   
ปิดท้ายที่ผู้ประกอบการ พร้อมขานรับนโยบายด้านความปลอดภัย เตรียมเดินหน้าติดตั้ง GPS ในรถโดยสาร และพัฒนาคุณภาพของพนักงานขับรถร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพต่อไป มั่นใจ รถโดยสาร 2 ชั้นไทย ปลอดภัยแน่นอน รถทุกคันได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมการขนส่งทางบก  

Niche Cars Group hosts New Year party for customers



In photo: Niche Cars Group led by President Seree Chinabarramee (3rd right) and Managing Director Vittawat Chinabarramee (2nd right) recently hosted New Year party for customers at Niche Cars Showroom, Motorway Km 1. Joined the event were Chairat Sangthong (3rd left), CEO of 8 Thonglor and his wife (4th right).  


Bangkok – Niche Cars Group, Thailand’s leading high-end distributor of elite automotive brands, led by President Seree Chinabarramee and Managing Director Vittawat Chinabarramee, recently hosted Niche Cars New Year party 2016 for all customers to show the appreciation for the support given throughout the year as well as celebrating the birthday for customers born in December. The memorable event was joined by Pasupong Leenutaphong, President, McLaren Owner’s Club Thailand; Mr.Van Zuilekom; Chompunuj Leeissaranukul; Vichai Songthaveepol; Mongkhon Tassanapanya; Wisoot Leelakhajornkiat; Thawee Chongkavinit; Kamol Lertdechdecha; Chidchanok Phumkhacha, at Niche Cars Showroom, Motorway, Km 1.

13 ค่ายมอเตอร์ไซค์ระดมรถ-อัดโปรฯ แรง ร่วมกระหึ่ม แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2016 มั่นใจตลาดรถบิ๊กไบค์ฮอตต่อเนื่อง คาดเงินสะพัดกว่า 600 ล้านบาท ผู้ชมงานกว่า 1.2 ล้านคน


13 ค่ายมอเตอร์ไซค์แบรนด์ดังชั้นนำแห่ร่วมงาน แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2016” (BMF 2016) สุดยอดเทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระดมรถไฮไลท์หลากหลายรุ่น  และเผยโฉมรถรุ่นใหม่ พร้อมทั้งอัดโปรโมชั่นแรงที่มีเฉพาะในงาน มั่นใจ ด้วยศักยภาพของงานที่ยิ่งใหญ่และตอบโจทย์นักขับขี่ครบครัน คาดจะมีเงินสะพัดกว่า 600 ล้านบาท มีผู้ชมงานกว่า 1.2 ล้านคน  
          
นายณัฐพล ไตรณัฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซเคิล คัลเจอร์ โชว์ จำกัด ผู้จัดงาน แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2016” (Bangkok Motorbike Festival 2016 หรือ BMF 2016) สุดยอดเทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยถึงความพร้อมในการจัดงานปีนี้ว่า มีค่ายรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำเข้าร่วมงาน 13 ค่าย ประกอบด้วย BMW, Benelli, Honda Bigbike, Indian, Kawasaki, KTM, Suzuki, Scomadi, Ural, Vespa, Victory, Yamaha, Zero Engineering พร้อมทั้งร้านค้าอุปกรณ์ของตกแต่งและชุดแต่งกายกว่า 40 แบรนด์ชั้นนำจากกลุ่มผู้ประกอบการชาวไทยและจากต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร ทั้งภายในและบริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์(ราชประสงค์) เพื่อจัดงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “Ride With Respect” สะท้อนความตั้งใจในการให้ชาวไบค์เกอร์ร่วมกันสร้างสรรค์วัฒนธรรมการขับขี่อันดีงาม รวมถึงการแสดงน้ำใจที่มีให้กันบนท้องถนน โดยใช้งบประมาณกว่า 15ล้านบาท ในการบริหารจัดการและนำเสนอกิจกรรมที่น่าสนใจตลอด 5 วันของการจัดงานที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31มกราคม 2559 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) 
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายเพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศงานอย่างจุใจ ทั้งโซนแสดงรถคัสตอมไบค์โซน Motorcycle Club, การประกวดตกแต่งมอเตอร์ไซค์จากค่ายรถและสำนักแต่งรถต่างๆ โดยเนรมิตพื้นที่ลานหน้าเซ็นทรัล เวิลด์ เปิดเป็นลานกิจกรรม โดยเฉพาะช่วงเย็นมีลานเบียร์และดนตรีสด ณ บริเวณหน้าศูนย์การค้าฯ เพื่อให้เป็นมุมพบปะสังสรรค์ของชาวไบค์เกอร์ทุกคน
สำหรับพื้นที่การจัดงานภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ โดยค่ายรถต่างๆ จะนำรถรุ่นไฮไลท์มาจัดแสดงและเปิดรับจองด้วยแคมเปญพิเศษที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างค่ายรถและสถาบันทางการเงินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ ของแถมส่วนลด ฟรีกันภัย และของตกแต่งรถอีกมากมาย บางค่ายรถมอเตอร์ไซค์จะใช้งานนี้ เป็นเวทีในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกด้วย
ขณะที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการจอดรถมอเตอร์ไซค์ได้มากกว่า 1,000 คัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยก ระดับการจัดงานให้มีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลเป็นจุดนัดพบของคนรักสองล้อภายใต้บรรยากาศเฉลิม ฉลองสไตล์งานเฟสติวัล สมกับชื่องาน “Bangkok Motorbike Festival” มากกว่าการคำนึงถึงการขายพื้นที่บู๊ธ ถือเป็นการตอบสนองกระแสความนิยมรถบิ๊กไบค์ที่มีทั้งปริมาณรถ และผู้รักการขับขี่ที่มาร่วมงานมากขึ้น 
แม้ปีนี้ ไม่ได้จัดพื้นที่เฉพาะให้กลุ่มดีไซเนอร์นำผลิตภัณฑ์ชุดแต่งกาย ของตกแต่งรถ หมวกกันน็อค มาจัดแสดงในงานและมีโอกาสเจรจาธุรกิจในลักษณะ (B2B) ก็ตาม แต่ด้วยเสน่ห์ของงานเรา ทำให้กลุ่มดีไซเนอร์เหล่านี้ติดต่อจองพื้นที่บู๊ธเอง เพื่อต่อยอดธุรกิจของตนเองหลายราย นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการจัดงาน ขณะที่ภาพรวมความสำเร็จการจัดงาน ซึ่งในปีนี้เราจัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของตลาดรถบิ๊กไบค์ และกระแสความนิยมของผู้ขับขี่ได้เช่นกัน สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้รถบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง เป็นงานที่คนรักการขับขี่จะมาพบปะแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เป็นที่รวบรวมอุปกรณ์ของแต่ง คอลเลคชั่นเครื่องแต่งกาย และรถมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมากที่สุด มีการจำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษสุดจริงๆ โดยปีที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรถกว่า 1,000 คัน มีเงินสะพัด (รวมมูลค่าอุปกรณ์ของตกแต่ง) มากกว่า 500 ล้านบาท ส่วนปี 2559 คาดว่า จะมียอดจำหน่ายรถประมาณ 1,200 คัน มีเงินสะพัดราว 600 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงานกว่า 1.2 ล้านคน มั่นใจว่า การจัดงานของเราในปีนี้จะประสบความสำเร็จแน่นอน ทั้งปริมาณจำหน่ายรถในงาน  จำนวนผู้ชม และความสำเร็จของค่ายรถและบริษัทห้างร้านอุปกรณ์ของตกแต่ง ซึ่งสามารถจะไปต่อยอดธุรกิจของตนเองได้หลังจากได้ร่วมงานกับเรา”  

นายณัฐพล ไตรณัฐี เปิดเผยต่อว่า จากข้อมูลการจดทะเบียนกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่า ปี 2558 ที่ผ่านมา รถบิ๊กไบค์ (ขนาดความจุ 400 ซีซี ขึ้นไป) มีปริมาณการจดทะเบียนกว่า 19,000  คัน เติบโตมากกว่าปี 2557 ราว 20% ซึ่งเป็นไปตามที่ค่ายผู้ผลิตรถคาดการณ์ไว้ โดยได้รับปัจจัยหนุนหลายด้าน ไม่ว่าผู้ขับขี่เปลี่ยนรสนิยมหันมาใช้รถที่มีขนาดความจุซีซีที่ใหญ่ขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถบิ๊กไบค์จากประเทศญี่ปุ่น (JTEPA : ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น) จะลดลงเรื่อยๆ รวมทั้งค่ายผู้ผลิตรถชั้นนำจากยุโรปได้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิต ส่งผลให้ราคาจำหน่ายถูกลง โดยเฉพาะกลุ่มรถมิดไซร์หรือรถขนาดกลางจะได้รับความนิยมสูงขึ้น เนื่องจากมีระดับราคาถูกลง ทั้งจากภาษีนำเข้าที่ลดลง และผู้ผลิตหลายรายเข้ามาทำตลาดในตรงนี้มากขึ้น ขณะที่ตลาดรวมรถบิ๊กไบค์ที่มีขนาดความจุเครื่องยนต์ 400 ซีซี ปีที่ผ่านมามียอดเติบโตราว 20% ด้วยยอดจดทะเบียนกว่า 19,000 คัน สะท้อนให้เห็นว่า ความนิยมของรถบิ๊กไบค์มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
นายณัฐพล ไตรณัฐี กล่าวในท้ายสุดว่า การเข้าสู่การเป็นเขตการค้าเศรษฐกิจเสรีอาเซียน (AEC) อย่างเต็มตัวของชาติต่างๆ ในภูมิภาคนี้ จะสร้างความคึกคักกับรถบิ๊กไบค์เมืองไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการขับขี่ท่องเที่ยว เนื่องจากประเทศไทย เป็นศูนย์กลางและจุดเชื่อมต่อไปยังชาติต่างๆ ในภูมิภาคนี้ 
สัมผัสความยิ่งใหญ่ แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2016” (BMF 2016) สุดยอด เทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ทีสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเลือกรถบิ๊กไบค์คันที่ใช่! และหาซื้ออุปกรณ์ของตกแต่งรถ คอลเลคชั่นชุดแต่งกายเสื้อผ้าทีโดนใจ จัดระหว่าง 27-31  มกราคมนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรี! ตลอดงาน           

เอเอเอสฯ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วยการจัดโร้ดโชว์อย่างต่อเนื่อง


ปอร์เช่ ประเทศไทย ขนทัพปอร์เช่อวดโฉมรับศักราชใหม่ ณ Central Festival EastVille
กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รับศักราชใหม่ด้วยการนำรถ SUV ยอดนิยม อย่าง คาเยนน์ เอส
อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) และ มาคันน์ (Macan) จัดแสดงในงาน “Porsche Roadshow : Central Festival EastVille” เชิญทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ ในแบบฉบับของปอร์เช่อย่างใกล้ชิด พร้อมรับข้อเสนอและแคมเปญสุดพิเศษมากมายภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 18 - 28 มกราคม 2016 ณ บริเวณชั้น 1 ห้างสรรพสินค้า Central Festival EastVille  

เอเอเอสฯ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยการเดินหน้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ยึดพื้นที่ย่านรามอินทรา พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้งาน “Porsche Roadshow : Central Festival EastVille”  กลางห้างสรรพสินค้า Central Festival EastVille แห่งใหม่ล่าสุดย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งท่านจะได้สัมผัสกับ รถยนต์ปอร์เช่ยอดนิยม อย่าง มาคันน์ (Macan) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดคอมแพ็ค (Compact SUV) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วย คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E–Hybrid) รถ
สปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ระดับพรีเมี่ยมคันแรกของโลก มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ซึ่งเป็นรถ SUV ที่คุ้มค่าเงินมากที่สุดในขณะนี้  รวมถึงการบริการจากพนักงานขายซึ่งคอยให้คำปรึกษาเรื่องรถยนต์ปอร์เช่อย่างมืออาชีพ

ไม่เพียงเท่านี้เอเอเอสฯ ขอมอบการรับประกันสุดพิเศษนานถึง 9 ปี รวมถึงความมั่นใจในการดูแลรักษารถยนต์จากทีมวิศวกรและศูนย์บริการภายใต้มาตรฐานโรงงานจากประเทศเยอรมนี ซึ่งความเหนือระดับในแบบฉบับของปอร์เช่ที่ไม่เหมือนใครนี้มีเพียงผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการเท่านั้นที่มอบสิทธิพิเศษนี้ให้ท่านได้ และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสินค้าปอร์เช่ห้ามพลาดกับ Porsche Driver’s Selection ของสะสมและของที่ระลึกจากปอร์เช่หลากหลายชนิด เช่น โมเดลรถ เสื้อ พวงกุญแจ กระเป๋า หมวก ฯลฯ เสริมทัพด้วย ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศอังกฤษ Autoglym มีให้เลือกซื้อในราคาพิเศษภายในงานเท่านั้น

พบกับยนตรกรรมสุดหรูจากปอร์เช่และข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่
“Porsche Roadshow : Central Festival EastVille”
ตั้งแต่วันที่ 18 - 28 มกราคม 2016 ณ บริเวณชั้น 1 ห้างสรรพสินค้า Central Festival EastVile


สำหรับ ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) คือรถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดคอมแพ็ค (Compact SUV) มาพร้อมกับความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ ทุกๆ สภาวะของถนน โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ Bi-Turbo ขนาด 2 ลิตร 4 สูบ เบนซิน มาพร้อมกับ Turbocharging อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 13.88 กิโลเมตร/ลิตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Porsche
Doppelkupplung (PDK)

ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-hybrid) รุ่นใหม่เครื่องยนต์มาในรูปแบบ Parallel full hybrid พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบบ Plug-in, Supercharged ขนาดเครื่องยนต์ 3 ลิตร V6 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า  ผลิตพละกำลังเครื่องยนต์โดยรวมสูงสุดที่ 416 แรงม้า (306 กิโลวัตต์); ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Tiptronic S; ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Permanent all-wheel drive; อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 5.9 วินาทีเท่านั้น; ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 243 กิโลเมตร/ชั่วโมง; หากขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 125 กิโลเมตร/ชั่วโมง; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 3.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (29.4 กิโลเมตร/ลิตร); ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 18-36 กิโลเมตร; สมถรรนะทรงประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นรถ SUV ที่คุ้มค่าเงินมากที่สุดในขณะนี้

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 30 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111

Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911

มาสด้าโต 15% สูงสุดในตลาด ขายกว่า 4 หมื่นคัน ปีนี้เตรียมส่งอีก 7 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าเพิ่มอีก 10%


  • ปี 2558 ทำเซอร์ไพรส์กระโดดขึ้นครองอันดับ 3 ของตลาดรถเก๋ง
  • ปี 2559 วางเป้าแชร์ 16% ครองตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 19 มกราคม 2559 – บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ที่ผ่านมา จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆมากที่สุดถึง 5 รุ่น พร้อมกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ต่างยกย่องให้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟคือที่สุดของยานยนต์ในยุคนี้ ส่งผลให้ยอดขายทะลุกว่า 40,000 คัน เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 15% ในขณะที่ปีนี้มาสด้ายังคงเดินหน้าสร้างความสำเร็จด้านยอดขาย เตรียมพร้อมการเป็นพรีเมียมแบรนด์ และถือเป็นการร่วมพัฒนายานยนต์ให้ก้าวไปอีกขั้นให้พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมเปิดตัวเข้าสู่ตลาดมากถึง 7 รุ่น พร้อมงัดกลยุทธ์การตลาดมาใช้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งปี คาดว่าการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในปีนี้จะดุเดือดมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา  เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองให้เป็นไปตามเป้าหมาย  ทั้งแคมเปญส่งเสริมการขาย ไปจนถึงการปรับราคาตามโครงสร้างภาษีใหม่ ถือเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของทุกแบรนด์อย่างแท้จริง
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์ไทยในปี 2559 นั้น ในช่วงไตรมาสแรกยังคงได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่กำลังฟื้นตัว โดยจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง และจะเห็นแววความสดใสชัดเจนขึ้นในตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สอง โดยจะเป็นการเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากปีที่ผ่านมาแม้ว่ากำลังซื้อจะมีน้อยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากยอดขายของปีที่ผ่านมา มาสด้ายังสามารถเดินหน้าได้ตามแผนงานอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามมาสด้ายังคงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะมียอดขายทะลุถึง 8 แสนคัน อันเนื่องมาจากกำลังซื้อยังมีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวี ซึ่งมาสด้าได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วจากยอดการขายรถเก๋งที่สามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ของตลาด ในขณะที่ปีนี้มาสด้ามองว่าเซ็กเม้นของรถอเนกประสงค์เอสยูวีจะเป็นอีกรุ่นที่สอดแทรกเข้ามา โดยเฉพาะมาสด้ามั่นใจว่าจะสามารถครองก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเซ็กเม้นต์นี้
ตลาดรถยนต์และสภาวะเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างครบครัน มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล ไตร่ตรองมากขึ้น และไม่บริโภคสินค้าตามเทรนด์กระแสของตลาด ทำให้มาสด้าเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการสื่อสารในรูปแบบดิจิตอลที่สามารถเจาะถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายจนกลายเป็นเครื่องสำคัญ และเข้ามามีบทบาทในการสื่อสารมากขึ้น เมื่อพิจารณาจากยอดขายรวมของตลาด พบว่ารถยนต์ที่มีราคาตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไปจนถึงราคาที่สูงระดับ 1 ล้านบาท มียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ในขณะเดียวกันมีรถยนต์อีโคคาร์เข้ามาทำตลาดหลากหลายค่าย เสนอขายในราคาสบายกระเป๋า เพื่อรับกับสถานการณ์รัดเข็มขัด แต่กลับต้องอัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างหนักเพื่อจูงใจผู้บริโภค ทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนว่าปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อไม่ใช่เพียงสินค้าราคาถูก หรือแคมเปญส่งเสริมการขายเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการซื้อขายในยุคปัจจุบัน คือ สินค้าที่สามารถตอบสนองได้ครบทุกความต้องการที่มาพร้อมกับราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่มาสด้าใช้ในการสร้างยอดในปี 2558 ที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย

สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมาสด้า จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 797,000 คันโดยประมาณ เป็นยอดขายรถยนต์มาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 39,471 คัน ซึ่งมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดถึง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 34,326 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย คือ 5% โดยยอดขายในแต่ละรุ่นประจำปี 2558 มีดังนี้
  • All New Mazda2 จำนวน 19,091 คัน เพิ่มขึ้น 181% ส่วนแบ่งการตลาด 8.9%
  • New Mazda BT-50 PRO จำนวน 8,054 คัน ลดลง 38% ส่วนแบ่งการตลาด 2.5%
  • All New Mazda3 จำนวน 7,143 คัน ลดลง 20% ส่วนแบ่งการตลาด 17.3%
  • All New Mazda CX-5 จำนวน 3,832 คัน ลดลง 32% ส่วนแบ่งการตลาด 3.1%
  • All New Mazda CX-3 จำนวน 1,321 คัน NA ส่วนแบ่งการตลาด 1.1%
  • Mazda MX-5 จำนวน 28 คัน NA
  • Mazda CX-9 จำนวน 2 คัน NA
อีกหนึ่งที่มาของความความสำเร็จของมาสด้าในปี 2558 กับการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่น มาสด้าก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของการขับขี่ ทำให้เกิดเป็นความแปลกใหม่และแตกต่าง ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีอย่างคาดไม่ถึง สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของรถยนต์แต่ละเซ็กเม้นต์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งรถยนต์ที่ได้เปิดตัวในปี 2558 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย
  1. All New Mazda2 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นแฮตช์แบค และรุ่นซีดาน และมีการเพิ่มรุ่นเข้ามาโดยการเพิ่มไฟหน้า LED และกล้องมองหลัง รวมทั้งการเพิ่ม Daytime Running Light ส่งผลให้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา แถมอัตราการประหยัดน้ำมันดีที่สุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน กลายเป็นรถยนต์นั่งสปอร์ตพรีเมียมขนาดซับคอมแพ็คหนึ่งเดียวในคลาส สร้างภาพลักษณ์ให้มีความชัดเจน พร้อมแนะนำแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของรถมาสด้า2 สกายแอคทีฟ นั่นคือ น้องนาย ณภัทร เสียงสมบุญ นายแบบ นักแสดงคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถรอบตัว    
  2. New Mazda BT-50 PRO นับเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญที่เพิ่มความสปอร์ตให้แกร่งมากขึ้นอีกระดับภายใต้คอนเซ็ปต์ Tough as Life ที่มาพร้อมเครื่องดีเซล คอมมอนเรล อันทรงพลัง สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถปิกอัพ และบรรลุยอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 700 คัน
  3. All New Mazda CX-3  อีกหนึ่งน้องใหม่ ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ สร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับคนไทย เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น ที่ต้องการความแปลกใหม่ จัดเต็มทั้ง โคโดะ ดีไซน์ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ใส่ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE มีมาให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2000 ซีซี ซึ่งได้สร้างสีสันให้กับตลาดนี้เป็นอย่างมาก สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
  4. All New Mazda MX-5 ที่เป็นรถสปอร์ตระดับไอคอนที่เอาใจผู้ที่หลงใหลความสปอร์ตของมาสด้า การกลับมาคราวนี้พร้อมรูปลักษณ์ใหม่หมดทั้งคัน หวังปลุกชีพคนรักความสปอร์ตให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง สมรรถนะขั้นเทพที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่การตอบสนองได้ทันใจ ให้ความแม่นยำในการควบคุมในแบบ จินบะ-อิตไต และเสน่ห์ของรถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่มีบทพิสูจน์จากการตอบรับของผู้ใช้ทั่วโลกกับการเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลกจากการบันทึกของกินเนสบุ๊คเวิร์ลออฟเรคคอร์ด
ในส่วนของสายการผลิตนั้น ในปีที่ผ่านมา มาสด้าสามารถผลิตได้ตามเป้าทั้งการขยายสายการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งขายทั้งภายในไทยและต่างประเทศ มีการเริ่มเปิดสายการผลิตทั้งเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ ณ โรงงานแห่งใหม่ มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ได้อย่างราบรื่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นของมาสด้าที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของมาสด้าทั่วโลก นอกเหนือจากที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับมีการลงทุนในประเทศจีน และเม็กซิโก เพื่อขยายธุรกิจ และตอบรับกับยอดขายที่มาสด้าที่คาดว่าจะโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 44,000 คัน และตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 5.5% ซึ่งจะเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา สำหรับยอดรวมของตลาดรถยนต์ของไทยในปีนี้คาดว่าจะจบที่ 800,000 คัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่ทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และมียอดจำหน่ายทะลุเป้าในปีที่ผ่านมานั้น เกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์มาสด้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างมุ่งมั่น และแข็งแกร่ง ประกอบกับความเป็นแบรนด์พรีเมียมที่ลูกค้าสัมผัสและรับรู้ได้ในทุกองค์ประกอบของมาสด้า     ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้ในทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สวยงามภายใต้ โคโดะ ดีไซน์    บ่งบอกถึงความมีรสนิยมของผู้ขับขี่ เครื่องยนต์พลังแรงให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกเร้าใจ เชื่อมต่อออนไลน์ด้วยระบบ MZD Connect ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันการเกิดเหตุกับระบบ i-ACTIVSENE และประหยัดน้ำมันล้ำที่สุดกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ให้ได้ทั้งความแรงและสามารถประหยัดน้ำมันในรถยนต์คันเดียวกัน การนำเสนอราคาที่เหมาะสม คุ้มค่า นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกระดับคุณภาพของโชว์รูมและศูนย์บริการ การพัฒนาศักยภาพของพนักงานในทุกๆหน่วยที่ได้มาตรฐานการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย
อีกหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ คือ จากนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมาซึ่งคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบ ส่งผลให้ราคารถยนต์ของมาสด้าในปี 2559 มีการปรับทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง หรือบางรุ่นมาสด้ายืดอกรับภาระบางส่วนแทนลูกค้า พร้อมมอบความคุ้มค่าให้ลูกค้าเพิ่มเติมด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาของแต่ละรุ่น ดังนี้
  1. All New Mazda 2 : ได้ประกาศปรับราคาใหม่ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยปรับลดลง 21,000 บาท หลังจากที่รถยนต์รุ่นนี้เข้าร่วมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลระยะที่ 2 หรือ โครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ที่มีข้อกำหนดทั้งเรื่องสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานด้านความปลอดภัย จากเดิมที่มีอัตราภาษีที่ 17% ลดลงเหลือ 14% เนื่องจากมีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร ส่งผลให้ราคาขายรถยนต์รุ่นนี้โดยรวมปรับลดลงทุกรุ่น
  2. New Mazda BT-50 PRO : แม้ว่าอัตราภาษีใหม่ของรถปิกอัพจะมีการปรับขึ้นในบางรุ่นรูปแบบตัวถัง พร้อมกับการนำเอาเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้เพื่อกำหนดอัตราภาษีใหม่ มาสด้ายังคงยืนยันที่จะจำหน่ายในราคาเดิมโดยไม่มีการปรับขึ้นหรือปรับลงแต่อย่างใดในทุกรุ่น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถปิกอัพได้ง่ายขึ้น
  3. All New Mazda CX-5 : ในขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาใหม่ โดยการประกาศราคาใหม่จะมาพร้อมกับการเปิดตัวรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
  4. All New Mazda CX-3 : มาสด้ายืนยันจำหน่ายในราคาเดิมตั้งแต่ในช่วงการเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E85 และผ่านเกณฑ์การปล่อยไอเสียตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ช่วยให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ที่โฉบเฉี่ยวในราคาที่จับต้องได้
  5. All New Mazda 3 : มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยปรับเพิ่มเพียง 5,000 และ 14,000 บาท แต่ทางมาสด้าได้เพิ่มความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ไม่เพียงสามารถช่วยเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกเหนือไปจากการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E85 อีกด้วย ประกอบด้วย เพิ่มระบบประหยัดน้ำมัน i-Stop เพิ่มกล้องมองหลัง (Rear View Camera) ระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) ตั้งแต่ในรุ่น 2.0C เป็นต้นไป และเปลี่ยนสีเบาะนั่งและแผงประตูในรุ่น 2.0SP จากสีครีม-ดำ เป็นสีดำ เพิ่มอารมณ์สปอร์ต
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ มาสด้าเตรียมเปิดตัวและเผยโฉมใหม่มากถึง 7 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ในปีนี้มาสด้าได้วางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยจะพุ่งเป้าไปที่ลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น มีประสบการณ์ที่ดี มุ่งเน้นการเอาใจใส่ดูแล สร้างความพึงพอใจ เพื่อให้เกิดความจงรักภักดี และก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุด ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากนี้ การสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความโดดเด่น แตกต่าง สร้างจุดแข็งให้กับสินค้าทุกรุ่นให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้รถก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยมุ่งสื่อสาร 4 Key Pillars อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ประกอบไปด้วย เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, โคโดะ ดีไซน์, MZD Connect และ i-ACTIVSENSE และการสร้าง Brand Loyalty ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ
ในส่วนของงานบริการหลังการขายนั้น มาสด้าได้เปิดโครงการศูนย์กลางอะไหล่ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน พร้อมพัฒนาบริการหลังการขายที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ มีมาตรฐานที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเรา มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็น ”สังคมคนรักมาสด้า” ขนาดใหญ่
สำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้นั้น จากการสังเกตในปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ จึงมีการปรับกลยุทธ์ให้มีความชัดเจน และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของแต่ละพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของกระบวนการทำงาน ในด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าซึ่งเป็นเสมือนประตูใหญ่ของแบรนด์ทั่วประเทศ มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างยอดขาย และให้ทุกโชว์รูมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่ง ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมสมบูรณ์แบบ และเติบโตไปด้วยกันในอนาคต และเตรียมวางนโยบายการการบริหารของผู้จำหน่าย เพื่อสร้างมาตรฐานและควบคุมคุณภาพให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลทั่วประเทศ เตรียมพบกับรูปแบบภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่ ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความทันสมัย และการเป็นพรีเมียมแบรนด์ ตอบรับกับการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว
ความสำเร็จที่กล่าวมาข้างต้น มาสด้าจะไม่ลืมที่จะตอบแทนสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม โดยจะเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้มากยิ่งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นให้ให้ความรู้ ถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในด้านการใช้รถยนต์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมการจราจรของประเทศไทย

ทั้งหมดที่ผู้บริหารมาสด้าได้กล่าวมาในวันนี้ คือ ยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของมาสด้าที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป เพื่อต่อยอดความสำเร็จ  และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved