“A better way forward” คือหัวใจหลักของมิชลิน ที่จะมุ่งมั่นพัฒนายางที่ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมในทุก ๆ ด้านอย่างสมดุล ได้แก่ คุณสมบัติด้านความปลอดภัย อายุการใช้งานยาวนาน และการประหยัดน้ำมัน
นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่สำหรับมิชลิน มิชลิน เป็นผู้ผลิตยางที่มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพยางในทุกๆ ด้าน ซึ่งการพัฒนาประสิทธิภาพทุกด้านให้เป็นจริงได้เช่นนี้ เป็นวิถีนำไปสู่การพัฒนาการสัญจรบนถนนอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยางมิชลินให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เป็นเยี่ยมแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีกเพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน ยางมิชลินมีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งด้านการประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้ยังสามารถได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมได้ และเป็นสิ่งที่เรายังคงทำต่อไป
นอกจากองค์ประกอบทางเคมีของเนื้อยางและหลักฟิสิกส์ของยางแล้ว ทีมวิจัยและพัฒนาของมิชลินก็ยังสำรวจความเป็นไปได้ในการประกอบยางและล้อใหม่ๆ อีกด้วย
MICHELIN Active Wheel นวัตกรรมใหม่ของล้อรถ
ในปี 2008 มิชลินเปิดตัวแนวคิดยาง Active Wheel บนรถต้นแบบ ยางรุ่นนี้รวมส่วนประกอบสำคัญๆ ไว้ในตัวล้อ ซึ่งทำให้ไม่ต้องติดเครื่องยนต์ไว้ที่ห้องเครื่องด้านหน้าหรือหลัง ไม่ต้องใช้ระบบกันสะเทือนแบบเดิมๆ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่งกำลังรวมถึงการไม่ต้องติดตั้งเกียร์บ็อกซ์
ผลที่ได้ก็คือประโยชน์มากมายสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งล้อ Active Wheel ของมิชลิน ซึ่งเป็นยางอัจฉริยะที่สามารถขับเคลื่อนรถด้วยพลังงานไฟฟ้า ในขณะที่ยังสามารถดูดซับแรงสะเทือนและเบรกได้เพื่อให้การยึดเกาะถนนและความนุ่มสบายอย่างยอดเยี่ยม
ยาง MICHELIN Active Wheel สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการขนส่งทางถนนเพราะสามารถให้ความปลอดภัย การประหยัดพลังงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นผลจากการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนขนาดเล็กและระบบกันสะเทือนไฟฟ้าในตัวล้อ ซึ่งนวัตกรรมที่มิชลินคิดค้นขึ้นเหล่านี้เป็นการเริ่มต้นแห่งการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ในวงการยานยนต์
นี่เป็นครั้งแรกที่ล้อ MICHELIN Active Wheel รวมส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกันดังนี้ 1.จานเบรก 2.มอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า 3.มอเตอร์ระบบกันสะเทือน
การออกแบบล้อ MICHELIN Active Wheel สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ผลิตรถยนต์และลักษณะการใช้งานของรถยนต์ได้ นั่นคือ MICHELIN Active Wheel อาจจะติดมอเตอร์สี่ตัว (ตัวละล้อ) หรือแค่สองตัว (ที่สองล้อหน้า) ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ยังคงสามารถออกแบบรถได้ทั้งรถขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ
ด้วยล้อ MICHELIN Active Wheel แหล่งพลังงานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์จึงเป็นพลังงานไฟฟ้าเสมอ ซึ่งอาจดึงพลังงานมาใช้จากแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนหรือจากแบตเตอรรี่รูปแบบอื่นได้ เช่นเซลล์เชื้อเพลิง และ/หรือ ตัวผลิตกระแสไฟฟ้าสองชั้น (supercapacitor) แหล่งพลังงานเหล่านี้ให้คุณประโยชน์สำคัญ 2 ประการ คือไม่ก่อมลภาวะและให้มีความเงียบ รถที่ติดล้อ MICHELIN Active Wheel จะไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้เครื่องยนต์ไฟฟ้ายังทำงานเงียบ ซึ่งถือว่าเป็นข้อเด่นทั้งสำหรับผู้โดยสารและสิ่งแวดล้อมโดยรอบอีกด้วย กล่าวโดยสรุปคือรถที่ติดตั้งล้อ MICHELIN Active Wheel จะเป็นรถที่ทำให้อากาศสะอาดสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตในเมือง
ความสำเร็จของล้อ MICHELIN Active Wheel คือการให้ประสิทธิภาพในการขับขี่บนถนนที่ยอดเยี่ยมพร้อมกันกับการรักษาสภาพแวดล้อม ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยระบบกันสะเทือนที่เกาะถนนและให้ความนุ่มสบายดีเยี่ยม MICHELIN Active Wheel ไม่เพียงแต่ตัดการใช้เครื่องยนต์ออกไปเท่านั้นแต่เปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งระบบนี้ให้การตอบสนองที่รวดเร็วเพียง 0.003 ต่อวินาที ทำให้ทุกจังหวะแห่งการเคลื่อนไหวของล้อถูกปรับให้สมดุลย์ได้อัตโนมัติ
MICHELIN Active Wheel ทำให้การออกแบบรถยนต์เป็นเรื่องง่ายเพราะสามารถตัดอุปกรณ์เครื่องยนต์ต่างๆ ในรถ ออกไปได้จำนวนมาก เพราะรถที่ใช้ MICHELIN Active Wheel ไม่จำเป็นต้องมีเกียร์บ็อกซ์ คลัช ระบบส่งกำลัง และไม่ต้องมีระบบโช๊ค ทั้งหมดนี้จะทำให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้น และสามารถประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
MICHELIN Active Wheel เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาการอีกขั้นที่สามารถตอบโจทย์แห่งการสัญจรในอนาคตได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของพลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก สภาพจราจรติดขัดในเมือง และมลภาวะในเมือง
Michelin Lunar Wheel
มิชลิน ผู้นำนวัตกรรมยางยนต์ระดับโลก ได้ออกแบบล้อพิเศษสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์รุ่นใหม่ที่ประกอบจากวัสดุพิเศษเฉพาะ ซึ่งทำให้ยานสำรวจดวงจันทร์ขององค์การนาซ่า สามารถขับเคลื่อนได้อย่างดีภายใต้สภาวะพื้นผิวที่ขรุขระของดวงจันทร์
มิชลินได้พัฒนาล้อใหม่สำหรับยานสำรวจดวงจันทร์รุ่นล่าสุดขององค์การนาซ่า โดยใช้วัสดุผสมผสานที่ได้รับการคุ้มครองทางสิทธิบัตร โครงสร้างรองรับยางและล้อได้รับการพัฒนาโดยศูนย์วิจัยมิชลินในยุโรปและอเมริกาเหนือ และผลจากการพัฒนาเฉพาะกิจในครั้งนี้ มิชลินจะช่วยให้ภารกิจสำรวจดวงจันทร์ในทศวรรษต่อไปสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบที่ต้องใช้ทีมนักบินและไม่ใช้ทีมนักบิน
ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยี MICHELIN TWEEL® มิชลิน ลูนาร์ วีล จึงมีความยืดหยุ่นและแรงกดดันพื้นผิวที่คงที่ ทำให้ยานสามารถเคลื่อนตัวไปบนพื้นผิวที่ยวบยุบและเป็นหลุมเป็นบ่อได้ นอกจากนี้ มิชลิน ลูนาร์ วีล ยังประกอบด้วยมวลสารที่มีอนุภาคต่ำและสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าล้อที่ประกอบยาน Apollo ถึง 3.3 เท่า ทั้งนี้ ลายดอกยางยังได้พัฒนาร่วมกับ Clemson University และ Milliken & Company จึงทำให้ มิชลิน ลูนาร์ วีล สามารถเคลื่อนตัวอยู่ที่อุณหภูมิต่ำมากๆ ได้
มิชลิน ลูนาร์ วีล ได้รับการทดสอบเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 13 พฤศจิกายน 2551 ที่ฮาวาย การทดสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวัดและประเมินผลขององค์การนาซา ทั้งนี้ สภาพพื้นผิวของเกาะฮาวายที่ประกอบด้วยหินและดินนั้น มีความคล้ายคลึงกับพื้นผิวบนดวงจันทร์เป็นอย่างมาก
มิชลิน ลูนาร์ วีล ถูกนำมาแสดงครั้งแรกในงานเฉลิมฉลอง ประธานาธิบดีคนที่ 56 ของสหรัฐอเมริกา โดยนักบินอวกาศขององค์การนาซาได้ขับเคลื่อนยานต้นแบบที่ติดตั้งด้วยยางเทคโนโลยีที่ไม่ต้องสูบลมจากมิชลินนี้ไปในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีบารัก โอบามา
ในฐานะผู้ร่วมลงทุนที่ยาวนาน มิชลินได้ผลิตยางสำหรับยานอวกาศให้กับองค์การนาซามากว่า 20 ปี
ข้อมูลจำเพาะ
มิชลิน ลูนาร์ วีล
คุณสมบัติทางเทคนิค
1. น้ำหนักของยาง : 33 ปอนด์ (15 กิโลกรัม)
2. เส้นผ่าศูนย์กลาง : 28 นิ้ว (710 มิลลิเมตร)
3. ความกว้าง : 9 นิ้ว (230 มิลลิเมตร)
4. ค่าภาระน้ำหนักสูงสุดเมื่ออยู่กับที่ 1,000 ปอนด์ (450 กิโลกรัม)
5. ค่าภาระน้ำหนักสูงสุดขณะเคลื่อนที่ 510 ปอนด์ (230 กิโลกรัม)
6. ความทนทานของรูปทรง 3,120 ไมล์ ที่น้ำหนัก 510 ปอนด์ (5,000 กิโลเมตร ที่ 230 กิโลกรัม)
7. ช่วงอุณหภูมิที่ทำงานได้ -380 ถึง 280 องศาฟาเรนไฮต์ (–230 องศาเซลเซียส -140 องศาเซลเซียส)
8. การรองรับแรงกระแทกจากสิ่งกีดขวางที่ความสูง 4 นิ้ว (10 ซ.ม.) ด้วยความเร็ว 6 ไมล์ต่อชั่วโมง (10 กิโลเมตร/ชั่วโมง ) ภายใต้น้ำหนัก 510 ปอนด์ (230 กิโลกรัม)
9. ความดันที่กดลงบนพื้น : 11 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (0.75 บาร์)
10. คุณสมบัติทางกลที่ดีขึ้นภายใต้อุณหภูมิเย็นจัด อาทิ การบิดล้า ความเหนียวภายใต้แรงดึงหรือแรงบีบ
รายละเอียดเชิงเทคนิคของวัสดุผสมของมิชลิน
ตารางด้านล่างแสดงให้เห็นค่าความยืดหยุ่นจำเพาะของวัสดุผสมของมิชลิน มีค่าสูงกว่าของอลูมิเนียมและเหล็ก 4.7 เท่า และ 7.2 เท่า ตามลำดับ
การเปรียบเทียบอ้างอิงกับอลูมิเนียมระดับที่ใช้กับอากาศยานและเหล็กกล้าโครเมียม
วัสดุ ความยืดหยุ่น ความหนาแน่น ความยืดหยุ่นจำเพาะ * ระยะยืดหยุ่น
ความเหนียวของเหล็กกล้า 850 MPa 7.8 109 0.4 %
อลูมิเนียมระดับที่ใช้กับอากาศยาน 470 MPa 2.8 167 0.6 %
วัสดุผสมของมิชลิน 1500 MPa 1.9 790 5 %
* ค่าความยืดหยุ่นจำเพาะคำนวณได้จากสัดส่วนระหว่างความยืดหยุ่นและความหนาแน่น เป็นค่าที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถพื้นฐานของวัสดุนั้นๆ