· ประกาศสร้างโรงงานแห่งใหม่ ด้วยเงินลงทุนกว่า 17,150 ล้านบาท ด้วยกำลังการผลิต 120,000 คันต่อปี· ลงทุนเพิ่มอีก 2,910 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานอยุธยาให้เป็น 300,000 คันต่อปี ในปี 2557
· ในปี 2558 เมื่อรวมกำลังการผลิตโรงงานทั้ง 2 แห่ง ฮอนด้าจะมีกำลังการผลิตรวมสูงถึง 420,000 คันต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยและการส่งออก
กรุงเทพมหานคร – 6 กุมภาพันธ์ 2556 – บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ประกาศแผนการลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่มูลค่า 17,150 ล้านบาทในจังหวัดปราจีนบุรี โดยโรงงานแห่งใหม่จะมีกำลังการผลิต 120,000 คันต่อปี เริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2556 นี้ และจะเริ่มเปิดเดินสายการผลิตได้ในปี2558 พร้อมทั้งประกาศขยายกำลังการผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มเป็น300,000 คันต่อปีภายในต้นปี 2557 เมื่อรวมกำลังการผลิตจากโรงงานทั้งสองแห่งจะส่งผลให้ฮอนด้ามีกำลังการผลิตรถยนต์โดยรวมที่420,000 คันต่อปี ในปี 2558
มร. ฮิโรชิ โคบายาชิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว ฮอนด้าต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายสืบเนื่องจากมหาอุทกภัยในปลายปี 2554 ที่ทำให้ต้องหยุดการผลิตที่โรงงานอยุธยา แต่ด้วยความมุ่งมั่นของพนักงานฮอนด้า ประกอบกับแรงสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากทุกภาคส่วนล้วนเป็นกำลังใจให้สามารถกลับมาเดินสายการผลิตได้ในปลายเดือนมีนาคม 2555 และหลังจากนั้นภายในเวลาเพียง 9 เดือน ฮอนด้ามีการรุกตลาดด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 10 รุ่น ตลอดจนความสำเร็จของรถยนต์รุ่นบริโอ้ อเมซ เหล่านี้ล้วนส่งผลให้ฮอนด้าสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พันธสัญญาของฮอนด้าที่มีต่อประเทศไทยไม่เคยสั่นคลอน ทั้งยังทำให้กลับมาได้อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม
"ฮอนด้าจะผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อตลาดในอาเซียน โอเชียเนีย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก การขยายการลงทุนในประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการเติบโตเคียงข้างสังคมไทย และยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งแนวโน้มความต้องการรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากระดับรายได้ของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น และพร้อมตอบสนองความต้องการรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ประหยัดเชื้อเพลิงในตลาดโลก โดยฮอนด้าจะลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุนกว่า 17,150 ล้านบาท พร้อมกับการเพิ่มการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่จังหวัดอยุธยา" มร.โคบายาชิ กล่าว
ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจระยะกลางในช่วงต่อไป ซึ่งจะสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2560 ฮอนด้าตั้งเป้าหมายในการส่งต่อความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกมากถึง 39 ล้านคน ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้าผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 25 ล้านคน ลูกค้าผู้ใช้เครื่องยนต์อเนกประสงค์ 8 ล้านคน และลูกค้าผู้ใช้รถยนต์อีก 6 ล้านคน ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายนั้น ฮอนด้าต้องเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในระดับโลก เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ดีที่สุด ในต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ โดยมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปพร้อมๆ กันใน 6 ภูมิภาคโดยแต่ละภูมิภาคจะมีส่วนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการพัฒนา การแนะนำรถยนต์รุ่นเดียวกันในทุกภูมิภาคในเวลาไล่เลี่ยกัน จะช่วยให้กำหนดภาพรวมการผลิตในระดับโลกได้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการจัดหาชิ้นส่วน 2) ประยุกต์การออกแบบให้เข้ากับแต่ละพื้นที่ เพื่อใช้วัตถุดิบ และโครงสร้างการผลิตที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 3) การปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายขีดความสามารถในการผลิต
"สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าแห่งใหม่ ที่จังหวัดปราจีนบุรี เบื้องต้นมีมูลค่า 17,150 ล้านบาท ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 1,600 ไร่ (ประมาณ 2.56 ล้านตารางเมตร) โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารโรงงาน 134 ไร่ (ประมาณ 214,000 ตารางเมตร) โรงงานแห่งใหม่นี้ จะมีกำลังการผลิต 120,000 คันต่อปี มีกำหนดเปิดเดินสายการผลิตในปี 2558 สร้างโอกาสในการจ้างงานประมาณ 2,500 อัตรา รวมพนักงานอัตราจ้างตามฤดูกาล” มร. โคบายาชิ กล่าว
ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่นี้ให้เป็นโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย โดยจะนำนวัตกรรมการผลิตอันล้ำสมัยของโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่โยริอิ ประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในกระบวนการผลิตแต่ละขั้นตอนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการเชื่อมตัวถัง การพ่นสี ไปจนถึงการประกอบรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงทำให้โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่นี้เป็นโรงงานที่มีความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีระบบการใช้น้ำหมุนเวียน เพื่อลดการใช้น้ำในทุกขั้นตอนการผลิตด้วย
“โรงงานแห่งใหม่นี้จะผลิตรถยนต์ซับคอมแพคท์ เพื่อรองรับตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยฮอนด้าจะเดินหน้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ขยายตัวในประเทศไทย รวมไปถึงป้อนตลาดต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา กลุ่มประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน และนานาประเทศทั่วโลก" มร.โคบายาชิ กล่าว
ในส่วนของโรงงานฮอนด้าในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตจาก 240,000 คันเป็น 280,000 คันต่อปี เมื่อสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยใช้เงินลงทุนขยายกำลังการผลิตในระยะแรกประมาณ 880 ล้านบาท เพื่อยกระดับเครื่องมืออุปกรณ์และระบบต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังเตรียมเพิ่มการลงทุนระยะที่ 2 ในเดือนเมษายนนี้ อีก 2,030 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 คันต่อปีภายในต้นปี 2557
“เมื่อผนวกรวมการขยายกำลังผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่อยุธยาและโรงงานแห่งใหม่ที่ปราจีนบุรีเข้าด้วยกัน ฮอนด้าจะมีกำลังผลิตรวม 420,000 คันต่อปี ในปี 2558 สำหรับสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศและการส่งออกอยู่ที่ 70:30 หรือผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ 300,000 คันและส่งออกอีก 120,000 คัน” มร. โคบายาชิ อธิบาย
ฮอนด้ามองภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2556 ว่า จะสามารถคงยอดจำหน่ายได้ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย โดยคาดการณ์ยอดจำหน่ายไว้ประมาณ 1.2 ล้านคัน สำหรับฮอนด้าเอง ตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไว้มากกว่า200,000 คัน
มร. โคบายาชิ กล่าวสรุปว่า “ในปี 2555 ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังเป็นตลาดที่สำคัญยิ่งของฮอนด้า บทบาทของฮอนด้าจะไม่หยุดอยู่ที่การเป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าชาวไทยเท่านั้น เรามุ่งมั่นในการสร้างสรรค์องค์กรให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการดำเนินงานและขยายการลงทุนเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก แผนการลงทุนครั้งสำคัญนี้ นับเป็นความท้าทายอีกครั้งที่พนักงานฮอนด้าทุกคนพร้อมที่จะเดินหน้าสู่ความสำเร็จในอนาคตเคียงข้างไปกับการเติบโตของสังคมไทย"