เข้าสู่โลกแห่งอนาคต: เร่งทะยานด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in ไฮบริดคันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู เอเอเอสฯ เปิดตัว พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) เจเนอเรชั่นที่ 2 ครั้งแรกในประเทศไทย

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวใน ประเทศไทย จัดงานเปิดตัวพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid)   ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ในวันที่ 24 กันยายน 2556 พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด ใหม่ล่าสุดคันนี้ ถือได้ว่าเป็นรถไฮบริดระดับหรูที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ มาพร้อมพละกำลังเครื่องยนต์ 416 แรงม้า ไม่เพียงเท่านี้ปอร์เช่ยังพิถีพิถันในเรื่องการออกแบบให้กับพานาเมร่าใหม่ คันนี้มีรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นสปอร์ต และมีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ดังนั้นปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ใหม่ล่าสุดจึงได้กลายมาเป็นรถที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและสปอร์ตอย่างเต็ม พิกัด พร้อมความสะดวกสบายและหรูหราอย่างเหลือล้ำ

ซึ่งในวันนี้ เอเอเอสฯ พร้อมแล้วที่จะนำท่านสัมผัสกับอีกหนึ่งสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์จากปอร์เช่ ที่สรรสร้างและรวบรวมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมาสู่ ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) คันนี้ได้อย่างใกล้ชิด และเมื่อซื้อรถยนต์ ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ใหม่จากทางเอเอเอสฯ รับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีนาน 9 ปี* (Terms & Condition Apply)

เกี่ยวกับ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด ใหม่

คำตอบของการผสมผสานระหว่างมาตรฐานเครื่องยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ ประสิทธิภาพ และการทำงานที่สะดวกได้อย่างลงตัว

พา นาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) คือระบบเครื่องยนต์แบบ parallel full hybrids ที่ได้รับการพัฒนา ให้มีความล้ำสมัย มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง เพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ โดยสามารถให้พลังงานกับเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำได้ถึง 95 แรงม้า (70 กิโลวัตต์) ซึ่งถือได้ว่ามากกว่ารุ่นเดิมกว่าเท่าตัว ซึ่งรุ่นเดิมทำได้ที่ 47 แรงม้า (34 กิโลวัตต์) พลังงานนั้นได้รับจากแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน(lithium-ion battery) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และมีกำลังถึง 9.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งมากกว่าแบตเตอรี่แบบ nickel metal hydride ที่ใช้อยู่ในรุ่นเดิมทำได้ที่ 1.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้แบตเตอรี่ยังสามารถชาร์จไฟผ่านเครื่องมือชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) ที่ได้มาตรฐานในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้น

พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) คันนี้ยังมีระบบส่งผ่านกำลังที่มีประสิทธิภาพสูงนั่นคือ ระบบเกียร์อัตโนมัติทริปทรอนิค เอส (Tiptronic S) 8 จังหวะ ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการทำงานของฟังก์ชั่นสตาร์ท/  สต็อป โดยระบบจะทำการปิดการทำงานของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นเมื่อกำลังจะหยุดการทำ งานของระบบ Coasting ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น พร้อมระบบแบบขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อส่งเสริมการวิ่งทะยานไปข้างหน้าที่โดดเด่นอย่างไร้ขีดจำกัด เสริมทัพฟังก์ชั่นมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้ ได้มากที่สุด อีกทั้ง ยังสามารถเปิดการใช้งานได้โดยผ่าน App ของสมาร์ทโฟน อาทิเช่น ตัวบ่งบอกถึงสถานะแบตเตอรี่ที่ได้รับการชาร์จ หรืออุปกรณ์เสริมการควบคุมอุณหภูมิ (climate control option) ไฟหน้าแบบ LED พานาเมร่าได้รับการดีไซน์ รูปลักษณ์ภายนอกใหม่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ไฟหน้าได้รับการเปลี่ยนแปลงให้มีความโดดเด่นมากขึ้น ทั้งตัวไฟไล่ยาวไปถึงกระจกด้านหน้า หากมองจากด้านหลังจะพบว่าพานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดนี้ได้ รับการออกแบบฝาท้ายด้านหลังใหม่หมด กระจกหลังออกแบบให้เห็นเส้นสายความคมเข้มตามแบบฉบับแกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) ให้ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ทางตอนหลังได้รับการออกแบบใหม่หมดรวมถึงสปอยเลอร์ที่ ขยายกว้างขึ้นและเชื่อมต่อกับไฟท้ายได้อย่างกลมกลืน

บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวใน ประเทศไทย ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรมากด้วยประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง การันตีด้วยการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) คอยให้บริการรถยนต์ปอร์เช่ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

Read more »

MOTOR EXPO จัดคอนเสิร์ท “FOREVER YOUNG WITH THE YOUNGSTERS” รายได้สมทบทุน มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน

สื่อสากล  โต้โผงาน“มหกรรมยานยนต์” จัดคอนเสิร์ทการกุศลของวงดนตรีรุ่นเก๋า “The Youngsters” ร่วมกับออร์เคสตรา มหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมนักร้องรับเชิญ พลเอกวินัย ภัททิยกุล รศ.ดร.ชัยพร พิบูลศิริ สมชัย ขำเลิศกุล ศรีไศล สุชาตวุฒิ และแอม เสาวลักษณ์ หวนรำลึกบรรยากาศยุค 50’s-60’s รายได้สมทบทุนมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดี และสังคมซื่อสัตย์สุจริต วันที่ 9 พฤศจิกายนศกนี้

             ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน”มหกรรมยานยนต์” (THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO) และหัวหน้าวง เธอะ ยังสเตอร์ส (The Youngsters) เปิดเผยว่า เมื่อปี2550 บริษัทฯ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ (สท.) ริเริ่มโครงการ “ลมหายใจไร้มลทิน” เพื่อสนับสนุนการกำจัดมลพิษในอากาศที่เกิดจากการใช้ยานยนต์ รวมถึงรณรงค์ปลูกจิตสำนึกด้านความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่เยาวชนไทย

และเพื่อให้สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ บริษัทฯ จึงได้ก่อตั้งมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ขึ้น พร้อมจัดแสดงคอนเสิร์ทการกุศล “FOREVER YOUNG WITH THE YOUNGSTERS” ขึ้น เพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิฯดังกล่าว

“เธอะ ยังสเตอร์ส เกิดขึ้นจากการรวมตัวของเพื่อนนักเรียนอัสสัมชัญตั้งแต่ยังนุ่งขาสั้นและผูกพันเหนียวแน่นถึงปัจจุบัน ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งวง ผมและเพื่อนๆ ในวง ได้แก่ ปานสรวง ชุมสาย ณ อยุธยา และจิรพรรณ อังศวานนท์ จึงพูดคุยถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในนามมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน จนเป็นที่มาของคอนเสิร์ทครั้งนี้” ขวัญชัย กล่าว

ด้าน ปานสรวง ชุมสาย ณ อยุธยา นักดนตรีและนักแต่งเพลงชื่อดัง สมาชิกวง เธอะ ยังสเตอร์ส กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นมากกับการจัดคอนเสิร์ท ที่จะเนรมิตห้องรอยัล จูบีลี่ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 700 คน ให้มีกลิ่นอายและบรรยากาศของยุค 50’s-60’s อีกทั้งมีสไตลิสต์ช่วย

 ออกแบบเครื่องแต่งกายของศิลปินให้เหมาะกับยุคและบุคลิกของแต่ละคน  เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้หวนกลับไปสู่อดีตอีกครั้ง

ขณะที่ จิรพรรณ อังศวานนท์ นักดนตรีและนักแต่งเพลงชื่อดัง สมาชิกวงอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า คอนเสิร์ทครั้งนี้จะชวนให้แฟนเพลงได้ย้อนรำลึกถึงบรรยากาศแห่งความสุข และความทรงจำดีๆจากเพลงของนักร้องดังในอดีต อาทิ CLIFF RICHARD, THE SHADOWS, ELVIS PRESLEY และ THE BEATLES

และที่พิเศษคือ มีวงออร์เคสตรา 46 ชิ้น คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาร่วมบรรเลงด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีศิลปินรับเชิญมากความสามารถอย่างพลเอกวินัย ภัททิยกุล รศ.ดร.ชัยพร พิบูลศิริ สมชัย ขำเลิศกุล ศรีไศล สุชาตวุฒิ และแอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร มาร่วมคอนเสิร์ทด้วย

          คอนเสิร์ทการกุศล “FOREVER YOUNG WITH THE YOUNGSTERS” จัดแสดง ณ ห้องรอยัล จูบีลี่ อิมแพค เมืองทองธานี ในคืนวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19.00 น. เพียงรอบเดียว รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบทุนมูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน ดำเนินการจัดคอนเสิร์ทโดย บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด

Read more »

โรงเรียน Spirit4X4 เปิดอบรมหลักสูตรขั้นพื้นฐานใหม่ เจาะกลุ่มผู้ใช้รถ SUV เพิ่มขึ้น

สุกานดา ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (Spirit of the 4x4 Driving School) หนึ่งในโครงการคุณภาพเครือสื่อสากล เปิดเผยว่าหลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการจัดการอบรมรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบชั่วคราว (Part Time) มาเป็นเวลา 13 ปีแล้ว เมื่อวันที่ 14-15 กันยายนที่ผ่านมา จึงจัดให้มีการอบรมรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบถาวร (Full Time) เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก โดยหลักสูตรประกอบด้วย ภาคทฤษฎี ซึ่งเป็นการอธิบายให้เกิดความเข้าใจในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั้ง 2 แบบ รวมถึงการฝึกให้รู้จักตำแหน่งล้อซ้าย-ขวาที่ถูกต้อง รู้จักวิธีการดูแลรักษารถยนต์ ซึ่งสามารถทำได้เองอย่างง่ายๆ นอกจากนี้ผู้เรียนยังได้ขับรถท่องเที่ยวไปตามสถานที่น่าสนใจรอบๆ อำเภอสวนผึ้ง อาทิ ห้วยคอกหมู จุดชมวิวสวยงามสุดแดนสยามด้านตะวันตก ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมครั้งนี้ จะได้รับทั้งความสนุกสนานพร้อมทั้งได้ฝึกฝนการใช้รถประเภทนี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมีครูฝึกผู้ชำนาญการคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและตารางการเปิดอบรมครั้งต่อไป ได้ที่ โรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อ โทร.0-2641-8444 ต่อ 404 หรือที่ www.autoinfo.co.th/spirit 4x4, http://www.facebook.com/spirit4x4

Read more »

บริดจสโตนมอบรางวัลประกวดไอเดียสร้างสรรค์ "Bridgestone Lifestyle Idea Contest 2013"

[กรุงเทพฯ] ( 19 กันยายน 2556) – มร.ชินอิจิ ซาโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด     [แถวบน:คนที่ 2 จากขวา] มอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดในกิจกรรม"Bridgestone Lifestyle Idea Contest 2013"      ผลการตัดสินปรากฏว่าทีม  “Walkin”  คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง  ทีม “Ripe” และทีม  “Lukyang” ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1และรองชนะเลิศอันดับ 2 ตามลำดับ พร้อมรับเงินรางวัลรวม 350,000 บาท  โดยมีคณะกรรมการตัดสินผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการ ร่วมเป็นเกียรติในการมอบรางวัล ซึ่งกิจกรรมการประกาศผลการประกวดครั้งนี้จัดขึ้นในงาน “Bridgestone Always with You” ณ ลาน พาร์คพารากอน เมื่อเร็วๆนี้

กิจกรรม "Bridgestone Lifestyle Idea Contest 2013" เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร ภายใต้แนวคิด "Bridgestone Always With You-เคียงข้างคุณทุกเส้นทาง" โดยนำเสนอแคมเปญนี้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์บริดจสโตนที่ทันสมัยและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตผ่านกิจกรรมอันหลากหลาย ตลอดจนสร้างการรับรู้ถึงสินค้าและการบริการที่ดีเยี่ยมในวงกว้าง เพื่อครองความเป็นที่ “หนึ่ง” ในใจของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเพิ่มความผูกพันธ์กับบริดจสโตนในระยะยาวต่อไป

รางวัลชนะเลิศ

ชื่อทีม  “Walkin”

ชื่อผลงาน “RELASTIK”

แนวคิด “ต้องการนำยางในของรถขนาดเล็กที่ถูกมองข้ามมา ออกแบบเป็นรองเท้า ที่สามารถพาคุณไปถึงที่หมายได้เสมือนยางรถที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของรถทุกชนิดที่จะพาคุณไปสู่จุดหมายเช่นกัน  ซึ่งปกติเราเคยเห็นผลิตภัณฑ์ที่นำยางในรถมาออกแบบอยู่มาก แต่โดยส่วนมากนั้น จะนิยมนำยางในรถบรรทุก หรือยางในรถขนาดใหญ่มาออกแบบ ส่วนยางในรถจักรยานยนต์หรือรถขนาดเล็กกลับไม่ได้รับความสนใจที่จะนำมาใช้ประโยชน์ด้วยเหตุผลนี้จึงต้องการที่จะทำมาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม”

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ  2

ชื่อทีม  “Lukyang”

ชื่อผลงาน “Erlenmeyer-condiment Set”

แนวคิด “เป็นชุดเครื่องปรุงที่ได้จากการนำขวดทดลอง erlenmeyer วัสดุที่มีผลิตในระบบอุตสาหกรรมทั่วไปอยู่แล้วมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นวัสดุทดแทนได้ เพื่อลดขั้นตอนการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางของความต้องการของสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่ค่อยมี และถูกเพิ่มฟังชั่น โดยจะมีที่ใส่เกลือพริกไทยเป็นที่ฝาปิดขวด ส่วนตัวขวดนั้นไว้ใส่เครื่องปรุงประเภทของเหลว ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการวางชุดใส่เครื่องปรุงลงไปได้”

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

ชื่อทีม  “Ripe”

ชื่อผลงาน “Chairs Share”

แนวคิด “ที่นั่่ง “chairs & share” ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามสถานการณ์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนรูปแบบการนั่งได้ทั้งหมดถึง 5 รูปแบบ วัสดุที่เลือกใช้ มาจาก ไม้ขนาด 1’’x1’’ ได้จาก โครงของป้ายหาเสียงเลือกตั้ง หรือป้ายโฆษณาต่างๆ และป้ายหาเสียงฟิวเจอร์บอร์ด ที่มีเป็นจำนวนมากหลังจบการเลือกตั้ง โดยโครงสร้างเป็นสามเหลี่ยมที่สามารถรับน้ำหนักได้ดีที่สุด เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงการนำวัสดุเหลือใช้ มาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดประโยชน์ และสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจ

Read more »

เปิดตัว “ดิ ออล-นิว จากัวร์ F-TYPE” ครั้งแรกในเมืองไทย สุดยอดรถสปอร์ตหรูพร้อมขุมพลังใหม่ในรูปลักษณ์สะกดทุกสายตา

กรุงเทพฯ 18 กันยายน 2556 – บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวยอดยนตกรรมระดับโลกที่ทุกคนรอคอย ดิ ออล-นิว จากัวร์ F-Type (The ALL-NEW Jaguar F-TYPE)ครั้งแรกของประเทศไทย เผยโฉมยานยนต์สองที่นั่งในกลุ่มรถสปอร์ตรุ่นท็อปของจากัวร์ ซึ่งเป็นเลิศทั้งด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ รูปทรงที่ปราดเปรียวและการตอบสนองอย่างฉับไวต่อการขับขี่ในทุกสภาวะ

นายดนัย จันทรงาม ผู้จัดการทั่วไป  บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด เปิดเผยว่า “การเปิดตัว ดิ ออล-นิว จากัวร์ F-Type ถือเป็นหนึ่งในหลักชัยสำคัญของหน้าประวัติศาสตร์จากัวร์ ประกาศถึงการก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยานยนต์แนวสปอร์ตซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์จากัวร์มาช้านาน โดยเฉพาะยานยนต์รุ่น ดิ ออล-นิว จากัวร์ F-Type รุ่นปี 14 (The ALL-NEW Jaguar F-TYPE 14MY) ถือเป็นรุ่นที่เหมาะสมกับตลาดของเมืองไทย และสามารถตอบสนองความต้องการของนักขับชาวไทยที่หลงใหลในจิตวิญญาณแห่งรถสปอร์ตของจากัวร์ได้อย่างเต็มสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จ โครงตัวถังอะลูมิเนียมน้ำหนักเบารุ่นใหม่ และเทคโนโลยีการขั้นสูงที่ตอบสนองต่อการควบคุมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากัวร์ จากัวร์ F-Type มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำหน้าด้วยความเป็นเลิศทั้งสี่ด้าน ได้แก่ สมรรถนะความเร็ว การตอบสนองที่แน่นอนฉับไว ภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว และเสน่ห์อันยากจะต้านทานของยานยนต์สปอร์ตระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทำให้ ดิ ออล-นิว จากัวร์ F-Type ครองตำแหน่งผู้นำในโลกแห่งยนตกรรมระดับโลก”  

สมรรถนะความเร็ว

ดิ ออล-นิว จากัวร์ F-Type คือการผสมสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีอันล้ำสมัยกับพลังการขับเคลื่อนอันดุดัน โครงสร้างน้ำหนักเบาและดีไซน์ที่ปราดเปรียวช่วยเพิ่มความคล่องตัว พร้อมเสริมความเสถียรในการขับขี่ด้วยการออกแบบอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง จากัวร์ F-Type จะพาคุณพุ่งทะยานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V6 และ V8 พร้อมติดตั้งระบบอัดอากาศซูเปอร์ชาร์จแบบ ทวิน-วอร์เท็กซ์ ทุกรุ่น ด้วยกำลังสูงสดถึง 495 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 625 นิวตันเมตร ซึ่งเร่งความเร็วสูงสุดได้ในชั่วพริบตาจากศูนย์ถึง 100 กม./ชม. เพียง 4.3 วินาที และด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 กม./ชม. จึงมั่นใจได้ว่า จากัวร์ F-Type คือนวัตกรรมแห่งความเร็วที่เปี่ยมสมรรถนะสูงสุด

ระบบเกียร์อัตโนมัติ Quick shift 8 สปีดแบบ Close-ratio ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและควบคุมได้อย่างง่ายดายจากแผงควบคุมบนพวงมาลัยหรือคอนโซลส่วนกลาง พร้อมเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตที่ออกแบบให้โอบอุ้มสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมั่นใจ ให้คุณโลดแล่นไปตลอดเส้นทางกับเสียงคำรามอย่างองอาจ จากท่อไอเสียดีไซน์ Active Sports Exhaust จากจากัวร์   

การตอบสนองที่แน่นอนฉับไว

ห้องโดยสารของ จากัวร์ F-Type ได้รับการออกแบบให้หรูหราในทุกมุมมอง สร้างความรู้สึกเสมือนห้องควบคุมอากาศยานที่ภูมิฐานด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัยซึ่งบรรจงจัดวางตำแหน่งไว้อย่างพิถีพิถัน ผสานการควบคุมทั้งระบบหน้าจอทัชสกรีนและระบบอะนาล็อกเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ควบคุมได้ดั่งใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยเฉพาะส่วนที่นั่งคนขับซึ่งได้รับการออกแบบให้เอื้อต่อการควบคุมอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยลดระดับความสูงของเบาะนั่งให้มีตำแหน่งใกล้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถและมีทัศนวิสัยที่ครอบคลุมมากกว่า กล่าวได้ว่าทุกองค์ประกอบของ จากัวร์ F-Type ถูกสร้างสรรค์ให้ผสานประสิทธิภาพร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการขับขี่ที่จะปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัสของคุณ

ภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว

จากัวร์ F-Type โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ของยานยนต์ที่งามสง่า เรียบง่ายและเฉียบคมในทุกองศา การออกแบบโครงรถภายนอกเน้นการหุ้มเครื่องยนต์กลไกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อสื่อถึงขุมพลังภายใน ซึ่งอัดแน่นด้วยกลไกสมัยใหม่ที่สามารถซ่อนอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆได้อย่างมิดชิด และพร้อมตอบสนองการใช้งานได้อย่างฉับไว อาทิ การออกแบบอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง มือจับประตูรถแบบพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า และช่องระบายลมอัจฉริยะ ทำให้ จากัวร์ F-Type มีเส้นสายที่ดูสบายตา ภายใต้รูปทรงที่หรูหราและหมดจดทุกมุมมอง เสมือนการตวัดวาดลายเส้นของนักออกแบบเพื่อสร้างรูปทรงบริสุทธิ์ที่สื่อถึงความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นที่มาแห่งสัญลักษณ์ของเสือจากัวร์

เสน่ห์อันยากจะต้านทาน

นอกจากรูปลักษณ์ที่หรูหราและรูปทรงที่เสริมสมรรถนะการขับขี่ การออกแบบ จากัวร์ F-Type ยังให้ความสำคัญกับความเสถียรและประโยชน์สูงสุดจากวัสดุต่างๆ ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบารุ่น Gen-2 ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการผสมผสานอันชาญฉลาดระหว่างพลาสติกรีไซเคิลและอะลูมิเนียม เกิดวัสดุโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ถึง 85% และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทันทีถึง 95% ทั้งยังประหยัดน้ำมันสูงสุดด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ Quickshift และเทคโนโลยี Intelligent Stop Start System นอกจากนี้ ยังเพียบพร้อมด้วยออพชั่นมากมาย อาทิ หลังคาระบบไฟฟ้าที่ใชเวลาเปิด-ปิดเพียง 12 วินาที ระบบตรวจสอบจุดบอด (Blind Spot Monitor) ระบบตรวจจับด้านหลังตัวรถ (Reverse Traffic Detection) และกล้องส่งหลัง ฯลฯ ทำให้ จากัวร์ F-Type คือยานยนต์เปี่ยมสมรรถนะรอบด้านซึ่งมอบความสะดวกสบายที่เหนือความคาดหมายให้แก่ผู้ขับขี่อย่างแท้จริง

“ซิตี้ ออโต้โมบิล พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลกแก่ลูกค้าจากัวร์ทุกท่าน เราได้สร้างเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายขึ้นใหม่และมุ่งเน้นที่การให้บริการชั้นเลิศแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งยังลงทุนเพื่อการอัพเกรดศูนย์บริการ การใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการซ่อมบำรุงขั้นสูง เพื่อให้ลูกค้าจากัวร์ในประเทศไทยได้รับบริการตามมาตรฐานสากลทุกประการ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญซึ่งผ่านการฝึกอบรมโดยตรงจากจากัวร์คอยดูแลและให้คำแนะนำทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าของเรา” นายดนัย กล่าวเสริม

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ศูนย์บริการสาขาถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02 651 4545 ต่อ 131 และ สาขาพระราม 3 (เลขที่ 507/581 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาว) โทรศัพท์ 02 674 3600 ต่อ 101 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com

Read more »

ยางนิตโตะ โตสวนกระแส เพิ่มไลน์สินค้า ลุยกวาดมาร์เก็ตแชร์ ส่ง NT850+ Premium CS ชิงเค้กก้อนโต ตลาดรถตู้

ยางนิตโตะ ยางนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น  100% สวนกระแสตลาดส่งยางระดับอัลตร้าพรีเมี่ยม NITTO NT850+ Premium CS ยางตัวจริง ของรถตู้ ชูจุดเด่นด้วยนวัตกรรมการผลิตและการออกแบบเพื่อการใช้งานสำหรับรถตู้เมื่อไทยโดยเฉพาะ จึงทำให้ NITTO NT850+ Premium CS นุ่มเงียบ เกาะถนน และทนทานยาวนานยิ่งกว่า กับโครงสร้างยางที่แข็งแกร่ง ด้วยชั้นผ้าใบถึง 6 ชั้น ลดอาการยางบวม เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ตลอดการเดินทาง โดยได้มีขนาด 225/55 R17 ออกวางจำหน่ายเป็นขนาดแรก

นายอภิชัย  ตั้งวงศ์ศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยางนิตโตะ กล่าว “ในปัจจุบันภาพตลาดการแข่งขันของตลาดยางรถยนต์นั้น เรียกได้ว่ารุนแรงมาก ทั้ง Promotion ต่างๆ รวมถึงการผลิตยาง Fighting Brand ออกมาสู้กันในเรื่องของราคา แต่ด้วยนโยบายของทางบริษัทฯ ที่เราเน้นการจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพด้วยราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงการมองภาพตลาดในมุมกว้าง พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ตรงกลุ่ม รวมถึงบริการหลังการขายของยาง     นิตโตะ ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องรับประกันคุณภาพจากการผลิต ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งมีเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทย จึงทำให้ยางนิตโตะ ครองใจผู้ใช้และบอกต่อมาโดยตลอด”

“สำหรับ NITTO NT850+ Premium CS เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดที่บริษัทฯ ได้ทำการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา ร่วมกับ บริษัท NITTO TIRE Corporation ประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารถตู้ในประเทศไทย ที่มีการดัดแปลงรถตู้สำหรับใช้เป็นรถตู้โดยสารทั้งส่วนตัวและรับจ้าง ซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกและผู้โดยสารได้จำนวนมากกว่ายางทั่วไป และด้วยเทคโนโลยีการออกแบบของยาง NITTO NT850+ Premium CS ที่มีผนังของร่องดอกยางแบบซิกแซก ทำให้สามารถลดเสียงรบกวนจากยางขณะขับขี่ได้เป็นอย่างดี พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนทุกพื้นผิว ด้วยบล็อกดอกยางต่อเนื่องขนาดใหญ่ และร่องตรงรีดน้ำขนาดกว้างมากถึง 4 ร่อง เพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำ และความมั่นคง เกาะถนนสูงสุดในทุกช่วงความเร็ว รวมถึงการออกแบบผนังของร่องดอกยางที่มีรูปทรง 3มิติ ทำให้ดอกยางสึกเรียบสม่ำเสมอและลดอายุการใช้งาน ได้รับการยอมรับและการันตีจากผู้ใช้งานตัวจริง มั่นใจได้ว่า ยาง NITTO NT850+ Premium CS จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของยางนิตโตะ ที่สร้างนวัตกรรมใหม่สู่ตลาด ตอบโจทย์ผู้ใช้งานรถตู้ได้ตรงความต้องการ ปลอดภัยทุกการเดินทาง” นายอภิชัย กล่าวปิดท้าย

Read more »

Bridgestone arranges an Event – “The Journey of Idea” to emphasize the Corporate Brand Image with the key message – “Bridgestone Always with You”

[Bangkok – Parc Paragon] (6^th September, 2013) – Bridgestone Sales (Thailand) Co., Ltd., led by Mr. Shinichi Sato, Managing Director, hosts an event to emphasize the success of corporate brand image under the communication concept – “Bridgestone Always with You”.  The idea has been conveyed through “The Journey of Idea”, reflecting unique idea and creativity of each individual’s journey together with Bridgestone.  The event has been introduced with various lifestyle activities; 

[1] Street Performance, [2] D.I.Y. Workshop, [3] Exhibition of Bridgestone Lifestyle Idea Contest’s Final Round Contestants, [4] Innovative and Customized Product Range of Bridgestone, and [5] Mini Concert from “MILD” and “THAITANIUM”.  Also, at the event, having Khun Koi Saturday Seiko, Mr. Kittirat Pitipanitch, Mr. Makorn Chaowanich, and Mr. Wuttichai Harnpanich as honorable arbiters, the winners of the contest have been announced with prizes worth a total of more than 350,000 BAHT.                 

This brand image campaign has been successfully promoted for three consecutive years.  Bridgestone has presented strategy of brand image-building creating admiration under the core communication concept – “Bridgestone Always with You” by expanding its customer-base including young generation.  The campaign has been first introduced in 2011, presented by Tattoo Color which conveyed through a character of young generation’s way of life.  For the second year, to enhance the intimate bonding with target groups, Bridgestone continued on using music, composed by Mr. Burin Boonvisut and “Groove Rider”, as the main key to communicate.  Continued on its third year, with vibrant aim, inspiration, and creativity, Bridgestone converses with the music composed by “THAITANIUM”, with “PAE-WONG-MILD” as a singer.  Undoubtedly, the campaign has been communicated through mainstream media; [TVs, radios, print media, and outdoor media], social online media, and two way communication through various lifestyle events.                    

Throughout 44 year history in Thailand, Bridgestone has focused on developing superior quality products and services along with augmenting brand image to ensure its “No.1” brand in consumers’ mind, including young generation people. Building up brand’s image to be modern and coincident with lifestyles is essential to helping enhancing relationship between consumers and Bridgestone which will become royalty to the product’s brand in long term.   

Further information could be seen at Facebook: www.facebook.com/BridgestoneAlwaysWithYou

Read more »

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่และบีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ ครั้งแรกในงาน BMW Xpo 2013

ในภาพจากซ้าย คุณจตุพล พุทธวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย,คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร  ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, มร.ราล์ฟ บิสซิงเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, มร.คริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย,
  และ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
ถ่ายภาพร่วมกัน ในงานแถลงข่าวเปิด BMW Xpo 2013 งานแสดงนวัตกรรมแห่งยนตรกรรม    ระดับหรูแห่งปี พร้อมเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 4 คูเป้ และรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู            ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่และนวัตกรรมแห่งยนตรกรรมล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ ที่เปิดตัวในประเทศ
ไทยเป็นครั้งแรกในงาน BMW Xpo 2013 ซึ่งจัดแสดงนวัตกรรมและการดีไซน์แห่งยนตรกรรม       ระดับหรู พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ระหว่างวันที่ 5 ถึง 8 กันยายน พ.ศ. 2556 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรุ่นอื่นๆ รวม 16 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 116i M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d, บีเอ็มดับเบิลยู ActiveHybrid 7 L M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู 640i คูเป้ M Sport, มินิ คูเปอร์ เอสดี ออล 4 คันทรี่แมน และ ยนตรกรรมระดับหรูรุ่นต่างๆ อีกมากมาย

มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู  กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยูมุ่งมั่นพัฒนาและสรรค์สร้างยนตรกรรมที่ลงตัวที่สุดสำหรับลูกค้าทุกท่านเสมอมา  เราจึงจัดงาน BMW Xpo ขึ้นเพื่อนำเสนอยานยนต์ระดับหรูคุณภาพดีเยี่ยมที่สุดให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับในแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยูอย่างใกล้ชิด ทั้งในความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี การดีไซน์ รวมถึงวิศวกรรมแห่งยนตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปีนี้ ผู้ร่วมชมงานจะได้พบ บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นล่าสุดในตระกูลซีรี่ส์ 3 ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมากมาย และทั้งรถยนต์ทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้รับการจัดแสดงเป็นไฮไลท์ของงานนี้โดยเฉพาะ”

นวัตกรรมแห่งยนตรกรรมล่าสุด  บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้

บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุครถยนต์สไตล์คูเป้ของ
บีเอ็มดับเบิลยูอย่างแท้จริง โดยได้รับการเปิดตัวในฐานะรถยนต์สไตล์สปอร์ต คูเป้ขนาดกลาง
เจเนอเรชั่นที่ 4 ตอกย้ำความสำคัญของสุนทรียภาพขณะขับขี่ในยนตรกรรมระดับหรู ด้วยฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ต่างๆที่ล้ำสมัยทำให้บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่เปี่ยมด้วยพลังและความสะดวกสบายสูงสุดขณะขับขี่ในทุกเส้นทาง ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากบีเอ็มดับเบิลยู โดยซีรี่ส์ “4” นี้ แสดงถึงการเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์สไตล์คูเป้ที่ไม่เพียงเน้นความสำคัญของการดีไซน์เท่านั้น แต่รวมถึงความหรูหราสง่างามและสมรรถนะเปี่ยมประสิทธิภาพในทุกๆ รายละเอียดอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ ใหม่มาพร้อมกับความยาวของฐานล้อและความกว้างของ ตัวรถที่มากกว่าบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 คูเป้ในรุ่นก่อนหน้านี้ ในขณะที่ความสูงลดลงเพื่อความ ปราดเปรียวตามสไตล์สปอร์ตคูเป้มากยิ่งขึ้น ผสานกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบีเอ็มดับเบิลยู ได้แก่ ระยะห่างระหว่างล้อกับกันชนหน้าที่กระชับขึ้น แต่ยังคงความยาวของฝากระโปรงหน้า และ ห้องโดยสารที่เน้นความสะดวกสบาย รวมถึงแนวหลังคาที่ลาดลงอย่างไหลลื่นสวยงาม ส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้มีดีไซน์แห่งยนตรกรรมที่สมดุลไร้ที่ติ โดยมีการเพิ่มตัวกรอง Air Breather บริเวณส่วนหลังของซุ้มล้อหน้าเพื่อลดแรงต้านของบริเวณโดยรอบอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบให้มีซุ้มล้อขนาดใหญ่และระยะห่างระหว่างล้อเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้รับกับดีไซน์ด้านท้ายของตัวรถที่ลาดต่ำลงและโดดเด่นสะดุดตาด้วยเส้นสายด้านข้างรถที่ยาวจากซุ้มล้อหน้าจรดไฟท้ายสร้างความปราดเปรียวเหนือใคร

 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่มอบประสบการณ์แห่งยนตรกรรมหรูรุ่นล่าสุด

บีเอ็มดับเบิลยูต่อยอดความสำเร็จของโมเดลรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 เพิ่มนวัตกรรมล่าสุดให้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน โดยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายเหนือระดับขณะเดินทาง

ด้วยมิติใหม่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo รุ่นใหม่ล่าสุดทำให้ผู้โดยสารทุกท่านเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายเหนือระดับ และการเดินทางที่เปี่ยมด้วยอิสระเหนือใคร เบาะที่นั่งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังถูกยกให้สูงขึ้น 59 มิลลิเมตร มอบทัศนียภาพที่สวยงามชัดเจนมากยิ่งขึ้น และให้ความสะดวกสบายขณะขึ้น-ลงรถมากขึ้นเช่นกัน โดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่ยังเพิ่มช่องว่างระหว่างศีรษะกับเพดานรถให้มากขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มมากขึ้นถึง 70 มิลลิเมตร ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน มอบความกว้างขวาง หรูหราเหนือระดับกว่ารถยนต์ซีดานและทัวริ่งทั่วไป ขยายพื้นที่แห่งความสุขให้แก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง

“บีเอ็มดับเบิลยู  ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงที่เป็นเยี่ยมและได้สร้างมาตรฐานแห่งความหรูหราที่เหนือกว่า เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการสำหรับยนตรกรรมระดับหรูในประเทศไทยของบีเอ็มดับเบิลยู เราจึงเชื่อมั่นว่าบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 Gran Turismo จะเป็นอีกหนึ่งในตระกูลซีรี่ส์ 3 ที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับรถยนต์โมเดล ซีรี่ส์ 3 อื่นๆ ในประเทศไทย” มร.แมทธิอัสกล่าว

รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 Gran Turismo ใหม่จะวางจำหน่ายที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู ในราคา 3,199,000 บาท สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo Sport หรือ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo Luxury

 

บีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู Z4 sDrive20i Highline ใหม่ มาพร้อมกับสีที่มีให้เลือกได้ถึง 8 สี รวมถึงโทนสีใหม่ล่าสุด เช่น สี Mineral Grey Metallic, สี Glacier Silver Metallic, และ สี Valencia Orange Metallic ที่มีให้เลือกโดยเฉพาะสำหรับ BMW Z4 sDrive20i Highline พร้อมชุดตกแต่งพิเศษที่ผสมผสานระหว่างการดีไซน์แบบ Design Pure Traction และชุดแต่ง M Sport  ซึ่งชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction นี้โดดเด่นและเหนือชั้นกับทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์ เน้นความเป็นผู้นำแห่งโรดสเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร สะกดทุกสายตากับตัวรถสีส้ม Valencia Orange ในมาดสปอร์ตล้ำสมัย ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีที่ตัดกัน เพื่อแสดงถึงความปราดเปรียวคล่องแคล่วของบีเอ็มดับเบิลยู Z4 เพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยหนังแบบ Alcantara สีส้มตัดกับหนังสีดำทั้งเบาะนั่งแบบสปอร์ตและแผงประตู ในส่วนของคอนโซลกลางสีดำแบบ Black Piano ได้รับการ                      

ติดตั้งพร้อมหนังที่เย็บด้วยตะเข็บสีส้ม  เพิ่มบุคลิกความเป็นสปอร์ตเข้ากันอย่างลงตัว ในชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction
สำหรับชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Balance นั้น เพิ่มเสน่ห์แห่งความลงตัวด้วยภายในที่ผสมผสานหนังแท้สีดำกับสีน้ำตาลเข้ม (Cohiba Brown) ของเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ Merino และตัดขอบด้วยตะเข็บสีขาว ช่วยสร้างความรู้สึกของห้องโดยสารในแบบคลาสสิคพร้อมด้วยความสะดวกสบายอย่างไร้ที่ติ
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู Z4 sDrive20i Highline พร้อมชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction หรือ Design Pure Balance ยังเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นด้วยชุดตกแต่ง M Sport Package พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว และชุดแต่ง M แอโรไดนามิครบครัน รวมถึงเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หุ้มด้วยหนังแท้สไตล์สปอร์ตแบบ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย กาบบันได M รวมถึงผ้าบุหลังคาสี anthracite หรูหราอย่างลงตัวและเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะสำหรับรถยนต์โรดสเตอร์ในตำนานของบีเอ็มดับเบิลยูโดยเฉพาะ

บีเอ็มดับเบิลยู Z4 sDrive20i Highline ใหม่ ทั้งรุ่นชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction พร้อมกับชุดตกแต่ง M Sport และรุ่นชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Balance พร้อมกับชุดตกแต่ง M Sport จะวางจำหน่ายที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู ในราคา 4,099,000 บาท

มินิ  คันทรี่แมน

ในฐานะรถยนต์แบรนด์สไตล์อังกฤษรุ่นแรกที่ได้รับการประกอบขึ้นภายในประเทศไทย  มินิ คูเปอร์ มินิ คูเปอร์ ดี และ มินิ คูเปอร์ เอสดี ออล 4 คันทรี่แมน นำคุณก้าวผ่านทุกเส้นทางติดขัดในตัวเมืองได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมเสนอประสิทธิภาพเอนกประสงค์สูงสุดสู่เหล่าสาวกมินิชาวไทย
มินิ คันทรี่แมนมาพร้อมกับดีไซน์ 4 ประตู พร้อมประตูท้ายที่กว้างเป็นพิเศษ และพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 5 ท่าน และยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษมากมาย ผสานกับอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ต ทำให้มินิสร้างจุดเด่นของการเป็นรถยนต์อันเลื่องชื่อจากประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรที่มอบความตื่นเต้นเร้าใจขณะขับขี่ได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง

มาตรฐานใหม่แห่งคุณภาพและนวัตกรรมของรถยนต์ระดับหรู
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อความเป็นผู้นำแห่งยนตรกรรมระดับหรู ด้วยนวัตกรรมและคุณภาพมาตรฐานระดับโลกตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยูในการผลิตยนตรกรรมเปี่ยมสมรรถนะและประสิทธิภาพเพื่อลูกค้ามาโดยตลอด และด้วยการดำเนินงานด้านการตลาดและยอดการขายที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และในปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้สร้างสถิติอัตราการเติบโตของยอดขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงที่สุดสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปทั่วโลก

 

เพื่อต่อยอดความสำเร็จนี้  บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป  ประเทศไทย จึงจัดงาน BMW Xpo 2013 งานแสดงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของลูกค้าในตลาดรถยนต์ระดับหรูภายในประเทศ โดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่นำมาจัดแสดงภายในงานสะท้อนถึงความเป็น          สุดยอดยนตรกรรมแห่งความหรูหรา โดดเด่นด้วยสุนทรียภาพของการดีไซน์ ผนวกกับนวัตกรรมด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่เหนือระดับ มอบคุณภาพระดับสูงให้แก่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่น

รายละเอียดเพิ่มเติมของรถยนต์ที่จัดแสดงในงาน BMW Xpo 2013
รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่จัดแสดงในโซน Central Court

• บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d xLine : 2,799,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d Highline : 3,699,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู 528i Sport : 4,299,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู Z4 sDrive20i Highline (พร้อมชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction และชุดตกแต่ง M Sport) : 4,099,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู 116i M Sport : 1,999,000 บาท

รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่จัดแสดงในโซน Eden

• บีเอ็มดับเบิลยู คอนเซปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้
• บีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo Sport : 3,199,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport : 2,899,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู 520d : 3,699,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู ActiveHybrid 7 L M Sport : 8,899,000 บาท
• บีเอ็มดับเบิลยู 640i Coupe M Sport : 11,399,000 บาท

 รถยนต์มินิที่จัดแสดงในโซน Atrium II

• มินิ คูเปอร์ คันทรี่แมน  Look2 : 1,990,000 บาท
• มินิ คูเปอร์ ดี คันทรี่แมน Look2 : 2,190,000 บาท
• มินิ คูเปอร์ เอสดี ออล 4 คันทรี่แมน : 2,490,000 บาท
• มินิ คูเปอร์ พร้อมชุดตกแต่ง JCW รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด: 2,360,000 บาท
• มินิ คูเปอร์ เอส พร้อมชุดตกแต่ง JCW รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด : 2,740,000 บาท
• มินิ คูเปอร์ เพซแมน : 2,490,000 บาท

*ราคาข้างต้นรวมโปรแกรม BSI - BMW Service Inclusive 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู หรือ MSI - MINI Service Inclusive 3 ปี / 50,000 กิโลเมตร สำหรับรถยนต์มินิ


*ข้อเสนอและของสมนาคุณพิเศษในงาน BMW Xpo 2013
สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูภายในงาน BMW Xpo 2013 และรับการส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 จะได้รับของสมนาคุณสุดพิเศษดังนี้:

• สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18i, บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d (รุ่น ราคาเริ่มต้น 2,199,000 บาท ขึ้นไป) และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 (รุ่นราคาเริ่มต้น 2,679,000 บาท ขึ้นไป) จะได้รับ ไอแพด มินิ 16 GB WiFi และ Cellular

•  สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 และรถยนต์รุ่นนำเข้าทุกรุ่น (ยกเว้น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ทัวริ่ง และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 ทัวริ่ง) จะได้รับ   ไอแพด มินิ 32 GB WiFi และ Cellular

•  สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และบีเอ็มดับเบิลยู ActiveHybrid 7 L (ยกเว้น บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Business) จะได้รับกล้องถ่ายรูป Leica X2

สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มินิภายในงาน BMW Xpo 2013 และรับการส่งมอบรถภายในวันที่       30 กันยายน พ.ศ. 2556 จะได้รับของสมนาคุณสุดพิเศษดังนี้:

•  สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ มินิ คูเปอร์ / คูเปอร์ เอส แฮทช์ จะได้รับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 2 ปี
• สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ มินิ คูเปอร์ คูเป้ จะได้รับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 5 ปี
• สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ มินิ คูเปอร์ คันทรี่แมน ด้วยราคาเริ่มต้น 1,840,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 13,900 บาท**  สำหรับการทำสัญญาทางการเงินกับ MINI Financial Services

* บีเอ็มดับเบิลยู  กรุ๊ป ประเทศไทยขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ 

   ทราบล่วงหน้า

** เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Read more »