รวมข่าวสาร ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์  | ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ | การออกแบบผลิตภัณฑ์ด้านยนต์กรรม | รวมข้อมูลทั่วไปของเทคโนโลยีต่างๆด้านยานยนต์ 
car donation in new york | car donation los angeles | car donation oakland | car donation programs | car donation sacramento | car donation san francisco | car donation san jose | car donation tax | car donation tax value | car donation tax write off | car donation to charity | cars for donation | charities that accept car donations | 
วิศวกรจากเบนท์ลี่ย์พัฒนาคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพสูงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร twin-turbo V8 ซึ่งสามารถผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 572 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 700 นิวตันเมตร น้ำหนักรถลดลงถึง 100 กิโลกรัม อีกทั้งยังสามารถลดระยะเวลาการทดเกียร์ลงได้อีกด้วย อัตราเร่งของคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ถือได้ว่าเร็วที่สุดสำหรับเบนท์ลี่ย์เลยทีเดียว และอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในระยะเวลา 3.8 วินาที
ระบบขับเคลื่อนได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดโดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ติดตั้งระบบการกระจายแรงบิดมาด้วยเป็นครั้งแรก ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Stability Control (ESC)
และตัวถังที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและแข็งแกร่ง คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คือรถที่คล่องตัวที่สุด ตอบสนองได้ดีที่สุด และสอดคล้องกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่ใช้วิ่งบนท้องถนนอีกด้วย
Wolfgang Dürheimer ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารของเบนท์ลี่ย์ได้กล่าวไว้ว่า:
“ประสบการณ์จากการขับขี่คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ และทำให้สมรรถนะความคล่องตัวของรถแกรนด์ ทัวเร่อ ของเราก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ พวกเราได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บางสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับรถที่ใช้บนท้องถนนครบครันด้วยประสิทธิภาพดั่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ของเรา ถือได้ว่าเป็นการสรรสร้างขึ้นมาจากความหลงใหลใน เบนท์ลี่ย์และความต้องการสร้างรถที่เหนือชั้นให้กับผู้ขับขี่ได้ใช้งานตามความเป็นเบนท์ลี่ย์อย่างแท้จริง ดังนั้นคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คันนี้จึงเป็นรถแกรน ทัวเร่อ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่งและความหรูหราอย่างที่สุด ส่งผลให้รถรุ่นนี้สร้างเครื่องหมายการค้า (Trademark) ให้กับพวกเราในเรื่องของการผสมผสานกันระหว่างความหรูหราและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของรถได้อย่างลงตัว
ปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนใหม่เพื่อพัฒนาอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
เบนท์ลี่ย์ทำการพัฒนาและผสมผสานประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน รวมถึงระบบไอเสียให้มีประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับ GT3-R โดยเครื่องยนต์มีขนาด 4.0 ลิตร Twin-Turbo V8 ซึ่งได้รับการพิสูจน์ถึงความเหนือชั้นมาแล้วบนสนามแข่ง โดยคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) มาพร้อมด้วย Turbo chargers ที่มีกำลังสูงและแม่นยำ อีกทั้งยังพัฒนาซอฟแวร์ในการควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ได้พละกำลังเครื่องยนต์ที่เหนือชั้นถึง 572 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตันเมตร จากรอบเครื่องยนต์ 1,700 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว
ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์หรือระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ของคอนติเนนทัล ยังช่วยเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ให้มากขึ้น ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงเพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับอัตราเร่งของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด และเสริมระบบการกระจายแรงบิดเข้าไปเพื่อช่วยในการควบคุมแรงบิดบนล้อหลังแต่ละล้อเพื่อการขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกในรถคันนี้อีกด้วย ซอฟแวร์ที่ใช้ในการควบคุมระบบได้รับการตั้งค่าใหม่หมดซึ่งนั่นหมายถึงโหมดขับขี่แบบ Drive และ Sport ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ละโหมดมีคุณลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป สำหรับโหมด Sport จะให้สัมผัสถึงการขับขี่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นรถสปอร์ต ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ผ่านฟังก์ชั่นบนก้านเกียร์
ระบบไอเสียแบบไทเทเนี่ยมใหม่ล่าสุดทำให้รถมีเสียงของเครื่องยนต์ที่ไพเราะและเหมาะกับระดับของสมรรถนะเครื่องยนต์ ไม่ใช่แค่เพียงช่วยลดน้ำหนักของรถลง 7 กิโลกรัม เท่านั้น ยังช่วยให้ได้มาซึ่งเสียงของเครื่องยนต์ที่ดุดันและไพเราะอีกด้วย
ระบบตัวถังเพื่อการขับขี่ที่เหนือชั้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะการขับเคลื่อนที่มีความคล่องตัวสูงเหมาะกับกลุ่มตลาดแกรนด์ ทัวริ่ง (Grand Touring) คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) จึงได้พัฒนาระบบตัวถังใหม่โดยเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพเป็นหลัก ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ สปริงแบบ Air Springs และโช้คช่วงล่างได้รับการพัฒนาใหม่ โดยการตั้งค่าให้เน้นความเป็นสปอร์ตเป็นสำคัญ เหมือนกับที่ใช้กับรถรุ่นคอนติเนนทัล V8 เอส (Continental V8 S) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถที่มีศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพได้ดีที่สุดจากเบนท์ลี่ย์ ล้อมีขนาด 21 นิ้ว น้ำหนักเบา ติดตั้งยาง Pirelli เพื่อทำการส่งผ่านพละกำลังของเครื่องยนต์
ระบบเหล่านี้จะทำงานร่วมกับระบบ Electronic Stability Control programme ที่เน้นความเป็นสปอร์ต ส่งผลให้รถมีเสถียรภาพในการทรงตัวในระดับที่ดีเยี่ยม เกาะถนนได้เป็นอย่างดี ตัวถังและระบบขับเคลื่อนจะตอบสนองต่อคันเร่งได้โดยทันที
การลดอัตราเร่งของเครื่องยนต์ด้วยระบบเบรก Carbon Silicon Carbide (CSiC) braking system โดยจานเบรกทางด้านหน้ามีขนาด 420 มิลลิเมตร มาพร้อมกับ      คาลิปเปอร์เบรกแบบ 8 สูบ และพ่นสีเขียวสร้างความโดดเด่น ทางด้านหลังมีขนาด 356 มิลลิเมตร ระบบเบรก CSiC นี้คือผลงานชิ้นโบว์แดงของวิศวกรจากเบนท์ลี่ย์
Rolf Frech สมาชิกบอร์ดบริหารฝ่ายวิศวกรของเบนท์ลี่ย์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ไว้ว่า:
“พวกเราต้องการพัฒนาระบบขับเคลื่อนและระบบตัวถังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อนสำหรับโปรเจคคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) นี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) คันนี้มีความคล่องตัวที่มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และมาพร้อมกับระบบการกระจายแรงบิด torque vectoring system เพื่อลดอาการปัด ตัวถังได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีการตอบสนองโดยตรงมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้เรายังสร้างความแตกต่างให้กับโหมด Drive และโหมด Sport มากขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่มีตัวเลือกในการใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น แบบสะดวกสบายผ่อน
คลายหรือต้องการการตอบสนองแบบกระชับทันทีอย่างแกรนด์ ทัวเร่อ (Grand Tourer) และการตอบสนองแบบซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริง เครื่องยนต์ V8 ได้รับการพัฒนาให้มาพร้อมกับ Turbo chargers ใหม่ล่าสุดเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกำลังจากเทอร์โบ เบนท์ลี่ย์คือรถที่มีความคล่องตัวสูง เรียกได้ว่าเป็นรางวัลสำหรับผู้ขับขี่นั่นเอง”
มอบความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น
เบนท์ลี่ย์คือการผสมผสานความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น          คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) เช่นเดียวกัน ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่งเต็มไปด้วยงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมจากคาร์บอน ไฟเบอร์และหนัง Alcantara® ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้เหมาะกับประสิทธิภาพการขับขี่ที่คล่องตัว
เบาะ 2 ที่นั่งออกมาในรูปแบบเบาะสปอร์ต bespoke sporting seats ใหม่ล่าสุด ซึ่งมีหมอนเบาะด้านข้างที่ลึกมากยิ่งขึ้นรวมถึงการออกแบบชั้นโฟมใหม่เพื่อความสะดวก สบายมาก หนังเป็นสี Beluga black ควบคู่กับหนัง Alcantara® ที่มีรอยตะเข็บแบบ diamond-quilted คอนโซลกลางและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ประตูได้รับการเติมแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยเช่นกัน และเสริมด้วยหนัง Alcantara® ลาย diamond-quilted ห้องโดยสารด้านหลังได้รับการออกแบบ และตกแต่งลายขอบใหม่หมด มาพร้อมกับชิ้นส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์โดยรอบและปิดท้ายด้วยหนัง Alcantara®
เส้นขอบตกแต่งบริเวณที่นั่งด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่ให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับคาร์บอน ไฟเบอร์ และหนังโดยรอบ โดยหนังจะเป็นสี Beluga ผสมผสานกับสีของมอเตอร์สปอร์ตนั่นคือ Vivid accent Green ที่ตัดกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด แผงประตู และเบาะนั่ง โลโก้ GT3-R ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง และสลักด้วยสีเขียวบนที่พักศรีษะด้วยเช่นกัน
รูปลักษณ์ภายนอกที่แสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ภายในของรถได้อย่างชัดเจน
ภายนอกของ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ทีมออกแบบได้เน้นการออกแบบให้เห็นถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ ด้านหน้ารถมีความดุดันเหมาะกับปีกหลังที่ติดตั้งมากับฝากระโปรงหลังรถด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 2 ชิ้นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ฝากระโปรงของเครื่องยนต์มาพร้อมกับที่ระบายอากาศ 2 ตัวเพื่อทำการดักอากาศให้เข้ามาระบายความร้อนของระบบขับเคลื่อนสำหรับการเร่งเครื่องซ้ำ ดังนั้นที่รูปลักษณ์และสัดส่วนของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3
(Continental GT3) คันนี้เน้นในเรื่องของการออกแบบตามฟังก์ชั่นการทำงานนั่นเอง (Form follows function)
การใช้คาร์บอนไฟเบอร์แบบเงาจะตัดกับสีขาว Glacier White ของรถทั้ง 300 คันได้เป็นอย่างดี ความโดดเด่นของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) เพิ่มเติมโดยการใช้เส้นสายของสีเขียวทูโทนให้เป็นลายของรถทางด้านข้างเริ่มจากด้านหลังของล้อหน้าเรื่อยไปจนถึงด้านหลังอีกด้วย
เพื่อให้คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) สะท้อนและให้สัมผัสถึงความโดดเด่นมากขึ้น แผงโครงไฟหน้า ตะแกรงเมทริกซ์ ขอบกระจกและเส้นของกันชนออกมาในรูปแบบสีดำเงา
รูปลักษณ์ของคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ถูกเสริมด้วยล้อน้ำหนักเบาขนาด 21 นิ้วใหม่ล่าสุด ทำจากล้ออัลลอยด์คุณภาพสูงเพื่อความแข็งแกร่งและพ่นสีดำเงาเพื่อความดุดัน
คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) พร้อมให้ท่านจับจองได้แล้ววันนี้และพร้อมส่งมอบในช่วงปลายปี 2014
 
  | เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Bentley Continental GT3-R)  | 
เครื่องยนต์  | 
  | 
ชนิด  | 4.0 ลิตร twin-turbo V8  | 
พละกำลังของเครื่องยนต์สูงสุด  | 572 แรงม้า / 426 กิโลวัตต์ @ 6,000 รอบต่อนาที  | 
แรงบิดสูงสุด  | 700 นิวตันเมตร / 1,700 รอบต่อนาที  | 
ระบบส่งกำลังเครื่องยนต์  | 
  | 
ชนิด  | เกียร์อัตโนมัติ ZF 8-speed มาพร้อมกับระบบ  Quickshift, Block Shifting และ separate Drive, โหมด Sport และโหมด Tiptronic ,  พวงมาลัยแบบก้านเกียร์ paddle shift  | 
ระบบขับเคลื่อน  | ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบต่อเนื่อง Continuous all-wheel drive (40:60 เน้นไปทางด้านหลัง) มาพร้อมกับระบบการกระจายแรงบิด  | 
อัตราการทดเกียร์  | 1st : 4.71; 2nd: 3.14; 3rd: 2.1; 4th: 1.67; 5th: 1.29; 6th: 1.00; 7th: 0.839; 8th: 0.667  | 
Final Drive  | 3.50  | 
เบรก  | 
  | 
หน้า  | 420 มิลลิเมตร Carbon Silicon Carbide, cross-drilled  | 
หลัง  | 356 มิลลเมตร Carbon Silicon Carbide, cross-drilled  | 
ล้อและยาง  | 
  | 
ล้อ  | 9.5J x 21”  | 
ยาง  | 275/35 ZR21  | 
พวงมาลัย  | 
  | 
ชนิด  | Rack & pinion, power assisted,         speed-sensitive ZF Servotronic  | 
Turns lock-to-lock  | 2.6 รอบ  | 
Turning circle  | 11.3 เมตร / 37.1 ฟุต  | 
ระบบช่วงล่าง  | 
  | 
ด้านหน้า  | ช่วงล่างแบบ Four link double wishbones, ระบบช่วงล่างแบบถุงลมลดระดับอัตโนมัติโดยการควบคุมของคอมพิวเตอร์, มาพร้อมกับ anti-roll bar  | 
ด้านหลัง  | ช่วงล่างแบบ Trapezoidal multi-link, ระบบช่วงล่างแบบถุงลมลดระดับอัตโนมัติโดยการควบคุมของคอมพิวเตอร์, มาพร้อมกับ anti-roll bar  | 
Damping  | Continuous Damping Control และได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะความคล่องตัวมากที่สุด   | 
ขนาด  | 
  | 
ระยะห่างของฐานล้อ  | 2,746 มิลลิเมตร / 108.1 นิ้ว  | 
ความยาวโดยรวม  | 4,806 มิลลิเมตร / 189.2  นิ้ว  | 
ความกว้าง (รอบรถ)  | 1,944 มิลลิเมตร / 76.5  นิ้ว  | 
ความกว้าง (รวมกระจกข้าง)  | 2,227 มิลลิเมตร / 87.7  นิ้ว  | 
ความสูงโดยรวม  | 1,394 มิลลิเมตร / 54.9 นิ้ว  | 
ความจุของถังน้ำมัน  | 90 ลิตร  | 
ความจุของช่องเก็บสัมภาระ  | 358 ลิตร  | 
น้ำหนักรถเปล่า (EU)  | 2,195 กิโลกรัม  | 
น้ำหนักรวมของรถ  | 2,750 กิโลกรัม  | 
สมรรถนะ  | 
  | 
ความเร็วสูงสุด  | 273 กิโลเมตร/ชั่วโมง  | 
0-60 ไมล์/ชั่วโมง  | 3.6 วินาที  | 
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง  | 3.8 วินาที  | 
 
 อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (EU cycle)*  | 
  | 
ในเมือง  | 18.5 ลิตร/100 กิโลเมตร (5.4 กิโลเมตร/ลิตร)  | 
นอกเมือง  | 9.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.87 กิโลเมตร/ลิตร)  | 
เฉลี่ย  | 12.7 ลิตร/100 กิโลเมตร (7.87 กิโลเมตร/ลิตร)  | 
อัตราการปล่อย CO2   | 295 กรัม/กิโลเมตร  | 
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง  (EPA cycle)**  | 
  | 
ในเมือง (US mpg)  | 13  | 
ทางหลวง (US mpg)  | 20  | 
เฉลี่ย (US mpg)  | 15  | 
การควบคุมมลพิษ  | EU 6 และ US LEV II  | 
    
* ตัวเลขเกี่ยวกับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่ได้รับการรับรอง 
** อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับการรับรองจาก EPA
เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ คือแบรนด์รถหรูหนึ่งแบรนด์ของโลก ในปี 2013 ที่ผ่านมาเบนท์ลี่ย์ถือเป็น 1 ใน 4 ของรถหรูที่ส่งมอบให้ลูกค้าทั่วโลกได้มากที่สุด และถือได้ว่าเป็นปีที่ดีที่สุดของเบนท์ลี่ย์ในรอบ 95 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดส่งมอบรถให้ลูกค้าทั่วโลกที่เติบโตขึ้น 19% จากปี 2012 นั่นคือ 10,120 คันเลยทีเดียว ตลาดที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดของเบนท์ลี่ย์คือตลาดในอเมริกา โดยส่งมอบรถไปแล้วถึง 3,140 คัน ส่วนประเทศจีนยังคงเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และมียอดส่งมอบถึง 2,191 คัน ในขณะที่ทวีปยุโรปนั้นส่งมอบไปถึง 1,480 คัน สำหรับประเทศอังกฤษซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเบนท์ลี่ย์ส่งมอบถึง 1,381 คันและในตลาดตะวันออกกลางส่งมอบไป 1,185 คัน ซึ่งในปี 2013 เบนท์ลี่ย์มีตัวแทนจำหน่ายถึง 200 แห่งใน 54 ประเทศ
สำนักงานใหญ่ของเบนท์ลี่ย์ตั้งอยู่ ณ เมือง Crewe โดยเป็นสถานที่รวมตัวของทีมออกแบบ ทีม R&D ทีมวิศวกรและเป็นที่ที่ใช้ในการผลิตรถทั้ง 3 รุ่นของเบนท์ลี่ย์ นั่นคือ คอนติเนนทัล (Continental) ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying spur) และมูซาน (Mulsanne) การใช้งานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมเข้ามาผสมผสานนั้นได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่างเบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษ ที่มีพนักงานถึง 3,700 คน ณ เมือง Crewe เลยทีเดียว