Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้าวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ที่โรงงาน MPMT พร้อมเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์รองรับความต้องการลูกค้า


มาสด้าวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ที่โรงงาน MPMT
พร้อมเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์รองรับความต้องการลูกค้า


ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะมีการเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตเครื่องยนต์ต่อปีของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่โรงงาน มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด หรือ MPMT ที่ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 122,000 เครื่อง ภายในครึ่งปีแรกของปี 2561 นอกจากนี้ยังได้ประกาศแผนลงทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่โดยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเทียบเท่ากับกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ในปัจจุบัน

สำหรับกำลังการผลิตต่อปีของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่ MPMT ซึ่งเริ่มสายการผลิตอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 30,000 หน่วยต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้ประกอบเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร เพื่อป้อนให้กับโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที สำหรับทำการผลิตในรถยนต์มาสด้า2

มาสด้าได้ทุ่มทุนกว่า 22.1 พันล้านเยน (หรือประมาณ 7,200 ล้านบาท) ในการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์เป็น 122,000 เครื่องต่อปี โดยทางมาสด้าจะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่สำหรับการขึ้นรูปผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ด้วย เพื่อขยายสายการผลิตให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย โครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง โดยจะเพิ่มสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ ขนาด 2.0 ลิตร เพื่อทำการส่งออกเครื่องยนต์ดังกล่าวไปยังฐานการผลิตในกลุ่มประเทศอาเซียน อันได้แก่ มาเลเซีย และเวียดนาม


ภาพโรงงาน MPMT เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ประกอบด้วยโรงงานผลิตระบบส่งกำลัง (ซ้ายบน) และโรงงานประกอบเครื่องยนต์ (ขวาล่าง)

นาย มาซาโตชิ มารุยามา Managing Executive Officer ผู้รับผิดชอบส่วนงานการผลิตระดับโลก (Global Production) ของมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น กล่าวว่า “ การขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยนั้นนับเป็นนโยบายหลักของเราในความพยายามที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สายการผลิตทั่วโลก ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์และการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่ตามแผนงานที่กำหนด พร้อมคุณภาพที่ได้รับประกันนี้ มาสด้ามีความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอดโรงงาน MPMT ให้กลายเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นสำหรับการส่งออกเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยยกระดับเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตระดับโลกของมาสด้า และส่งเสริมความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”

มาสด้ายังคงมุ่งมั่นในการเติมเต็มชีวิตชีวาผู้คนผ่านทางจุดต่างๆ ในชีวิตของพวกเขา รวมถึงกาผลิตรถยนต์คุณภาพสูง และกลายเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่สร้างความผูกพันอย่างเหนียวแน่นในใจของลูกค้าได้

สำหรับความเคลื่อนไหวในประเทศไทยทางคณะผู้บริหารระดับสูงของมาสด้า ประกอบไปด้วย นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และ นายมิตซึโนบุ มูไคดะ ประธานบริหาร มาสด้า พาวเวอร์เทรนด์ เมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบกับ นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เพื่อแสดงความมั่นใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทยครั้งนี้ รวมถึงให้ข้อมูลพร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนและผลิตภัณฑ์หลักที่จะทำการผลิตขึ้นที่โรงงงานแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้โรงงานแห่งใหม่นี้กลายเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์คลีนดีเซลขนาดเล็กของมาสด้าหลังจากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติโครงการลงทุนของมาสด้าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

*บริเวณสีเทาอ่อนในภาพ คือ โรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่

องค์กรอิสระ รณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกเป็นนิสัย เปิดตัว “โครงการสังคมหัวแข็ง” ปฏิวัติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก


องค์กรอิสระ รณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกเป็นนิสัยเปิดตัว “โครงการสังคมหัวแข็ง” ปฏิวัติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัวโครงการรณรงค์ให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกภายใต้ชื่อโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ด้วยคอนเซปต์ ปฏิว้ติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก วางเป้าหมายให้เกิดการปฏิบัติจริง ด้วยความต่อเนื่องและจริงจังผ่านการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่อใช้รถจักรยานยนต์เพื่อปกป้องตนเองจากอุบัติเหตุ

นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด
เปิดเผยว่า “ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่คนไทยกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการปกป้องตนเองจากความเสี่ยงดังกล่าว ดั่งเช่นข้อมูลล่าสุดในปีที่ผ่านมาจากไทยโรดส์จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเมืองไทยที่ใส่หมวกกันน็อกเพียงแค่ 43% เท่านั้น โดยคนไทยมักจะมีข้ออ้างที่จะไม่ใส่หมวกกันน็อกมากมายจนกลายเป็นความเคยชินตลอดมา”

“ในฐานะผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทย เอ.พี. ฮอนด้า มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนเมืองไทยสู่เส้นทางของความปลอดภัยอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้โครงการฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย โดยหนึ่งในการดำเนินงานหลักคือการรณรงค์ให้เกิดการปฎิบัติจริง ในปีนี้เราจึงได้สร้างสรรค์โครงการใหม่ที่มีชื่อว่าสังคมหัวแข็ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกจิตสำนึกและเปลี่ยนพฤติกรรมให้คนไทยใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งมุ่งประสานความร่วมมือกับภาคีต่างๆสร้างความเป็นต้นแบบจากแต่ละเครือข่าย ต่อยอดขยายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมต่อสังคมไทยในวงกว้างต่อไป”

“โครงการนี้จะเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวัน โดยมีเพลงสังคมหัวแข็งซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจังหวะที่จริงจังของเพลงปลุกใจ มาใส่ความสนุกสนานร่วมสมัยในสไตล์ฮิพฮอพ โดยในเนื้อเพลงจะกล่าวถึง 3 กฏเหล็กของการใส่หมวกกันน็อกที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัย ได้แก่ขี่ซ้อนเราใส่ ใกล้ไกลเราใส่ ใครไม่ใส่เราไม่ยอม บอกเล่าผ่านสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น มิวสิควีดีโอ ออนไลน์คลิป ภาพยนตร์โฆษณา สื่อกลางแจ้ง และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยมีจอห์น วิญญู, แป้งโกะ จินตนัดดา และกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งต่างก็เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่มาร่วมรณรงค์ในฐานะผู้นำสังคมหัวแข็งในการสร้างจิตสำนึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์”

“ในขณะเดียวกัน เอ.พี. ฮอนด้า ก็จะเป็นต้นแบบที่ทำให้เกิดการปฏิบัติจริง โดยในช่วงแรกของโครงการ เราจะร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทยรวม 12 บริษัท และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ สร้างสรรค์สังคมหัวแข็งต้นแบบ โดยมีพนักงานรวมกว่า 35,000 คน มาเป็นตัวอย่างที่ดีของคนไทยที่ใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อใช้รถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะขยายแนวคิดนี้ไปยังสถานศึกษา สถานที่ราชการ และชุมชนต่างๆทุกจังหวัด ก่อเกิดเป็นสถานศึกษาและชุมชนหัวแข็งต้นแบบ แล้วยกระดับไปสู่การรณรงค์ในระดับประเทศ โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการดำเนินงานของแต่ละแห่งอย่างเป็นรูปธรรม”

“และในอนาคตอันใกล้นี้ ทางเอ.พี.ฮอนด้า จะร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กับหน่วยงานต่างๆต่อไป โดยจะมีการร่วมตกลงถึงรายละเอียดในการประสานความร่วมมือ การกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ และวิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้”

สำหรับโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ภายใต้คอนเซปต์ ปฏิวัติความคิดใหม่ คนไทยใส่หมวก ถือเป็นการประสานความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่อใช้รถจักรยานยนต์ เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนสังคมไทยให้ดีขึ้น ด้วยการใส่หมวกกันน็อกให้เป็นนิสัย แล้วติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ www.aphonda.co.th

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดเทสไดร์ฟทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมหรู


แอสตัน มาร์ติน แบงคอก เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจัดเทสไดร์ฟทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมหรู

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก โดย นายคมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฮอริเทจ มอเตอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ไทยแลนด์) จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจัดงาน Driving Experience 2016 ทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมหรู แอสตัน มาร์ติน ณ กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์
โดยกิจกรรมเทสต์ไดร์ฟในปีนี้ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก นำรถสปอร์ตหรูมาให้สัมผัส 2 รุ่น เริ่มจาก วี 8 แวนเทจ เอส (V8 VANTAGE S) และ แวนควิช (VANQUISH) โดยมีเหล่าเซเลบริตี้ อาทิ ปุ๊ก-จงกล ตั้งประดิษฐ์ พร้อมสมาชิกผู้ทรงเกียรติบัตรแพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด (Platinum M Card) สยามพารากอนอย่าง วิศรุต พุทธารี, เอกภัทร-อภิภัทร พรประภา พร้อมด้วยผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรองจาก แอสตัน มาร์ติน ให้คำแนะนำในการทดลองขับอย่างใกล้ชิด

V8 VANTAGE S พลังแห่งความเคลื่อนไหว สายพันธุ์จากการแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ V8 อันทรงพลังตอบสนองดั่งใจสั่ง และเกียร์ Sportshift II แบบ 7 Speeds คือบทสรุปของสุดยอดรถในฝันของผู้ขับขี่หัวใจสปอร์ต ด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ใช้ในการแข่งขันรถ GT ดีไซน์ภายในที่ใส่ใจทุกรายละเอียด พลังและการตอบสนองต่อการขับขี่ที่เร้าใจ ทำให้ V8 Vantage S เป็นรถที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถสปอร์ต อย่างแท้จริง
VANQUISH วิสัยทัศน์ที่เป็นหนึ่งจากสองสุดยอด Super GT New Vanquish Coupe การผสานระหว่างศิลปะ เทคโนโลยี งานฝีมืออันปราณีตและความเร้าใจ สรรสร้างเป็นสัญญลักษณ์แห่งความห้าวหาญ ตัวถังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคันพร้อมด้วยคอนโซลกลางที่ล้ำสมัยควบคุมด้วยการสัมผัส การออกแบบภายในใหม่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่เก็บสัมภาระ พร้อมมอบเอกสิทธิ์พิเศษด้วยการเลือกออกแบบภายในรถยนต์ได้ตามเอกลักษณ์ของคุณ

แอสตัน มาร์ติน ที่สุดแห่งยนตรกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เปี่ยมด้วยความหรูหราคลาสสิก ที่มาพร้อมขีดสุดแห่งสมรรถนะ

ส่องบูธ GPX Racing ส่งโปรฯฉ่ำรับหน้าฝนกับทัพรถสายพันธุ์ไทยในงาน BIG Motor Sale 2016


ส่องบูธ GPX Racing ส่งโปรฯฉ่ำรับหน้าฝนกับทัพรถสายพันธุ์ไทยในงาน BIG Motor Sale 2016

กลับมาอีกครั้ง! กับงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “BIG Motor Sale 2016” “อยากได้รถ จบในงานเดียว” งานที่รวมเหล่าคนรักรถ ทั้งรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์มาไว้ในงานเดียวกัน ซึ่งงานนี้ค่ายรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติไทยอย่าง GPX Racing ก็ไม่พลาดที่จะขนทัพรถมาร่วมอวดโฉมในงานกันอีกเช่นเคย

อันดับแรกเพียงเดินผ่านก็ต้องสะดุดตากับความสวยงามของบูธ ที่มีทัพรถสายพันธุ์ไทย ขนกันมาจัดวางเรียงรายไว้ได้อย่างลงตัว กับรถทั้ง 4 รุ่นที่ GPX Racing ส่งลงมาลุยตลาดในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น DEMON (2016) มินิไบค์ในขุมพลังพิกัด 125 ซีซี ที่เปิดตัว Minor Change กันไปเมื่อปลายปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงแรงดีไม่มีตก ขนมาให้ชมครบทั้ง 3 สี คือ สีแดง สีขาวมุก และสีดำ นอกจากนี้ยังมีรถตัวแต่งสุดเท่ ที่อัดแน่นของแต่งแบบจัดเต็มจากสำนักแต่ง 55BIKE และ LMC Racing มาอวดโฉมให้ได้ชมกันอีกด้วย

ตามมาด้วยรุ่น CR5 200 ซีซี ในรูปโฉมสุดโฉบเฉี่ยว มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี ทั้งสีขาว สีดำ และสีเหลือง สำหรับรุ่นนี้ก็ถือว่ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ใครที่ชอบสไตล์สปอร์ต เน็กเก็ต มาเจอ CR5 200 ซีซี คันนี้ ที่มากับราคาไม่ไกลเกินเอื้อม ขอบอกเลยว่าตอบโจทย์ ถูกใจ ใช่เลย!

มาถึงอีกรุ่นที่น่าจับตามองอย่างเจ้า LEGEND 200 ซีซี รถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์คลาสสิค คาเฟ่เรเซอร์ (Cafe Racer) มากับรูปโฉมสุดโดนใจ ที่งานนี้มีมาให้ชมกันทั้งแบบฉบับดั้งเดิม และรถตัวแต่ง จากสำนักแต่งสายคลาสสิคชื่อดังอย่าง ZEUS Custom และอีกหนึ่งคันที่ส่งตรงมาจากพัทยา จากสำนักแต่ง INDY Custom Pattaya ซึ่งจัดเต็มกับการผสมผสานไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ ที่ชอบการเล่นกีฬา Kitesurf หรือ Kiteboarding จนออกมาเป็นสไตล์ไม่ซ้ำใคร ในแบบฉบับเฉพาะตัว

ปิดท้ายด้วยอีกรุ่นในรหัส LEGEND 150 ซีซี ที่มาในสไตล์แทรคเกอร์ (Tracker) อีกหนึ่งตัวเลือกของสายคลาสสิคสุดเก๋า กับสีสันสดใสของคันสีเขียวอ่อนที่หยิบยกมาโชว์ในงาน แต่ไม่ได้มีเพียงสีนี้เท่านั้น เพราะยังมีให้เลือกกันอีกถึงสองสี คือ สีครีมและสีดำ

ตื่นตากับการชมรอบบูธกันแล้ว มาตื่นใจไปกับโปรโมชั่นสุดฉ่ำรับหน้าฝน ที่ทาง GPX Racing ขนมาเอาใจเหล่าสาวกไบค์เกอร์ที่มาในงานนี้ กันเลย จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!

โปรโมชั่นสุดพิเศษ!

จองรถมอเตอร์ไซค์ GPX Racing ภายในงาน ค่าจองเพียง 1,000 บาท สะดวกสบายเพียงเลือกสาขาที่จะไปออกรถใกล้บ้าน พร้อมรับของแถม อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 4,500 บาท ดังนี้

• จองรถรุ่น DEMON (2016) และ รุ่น CR5 200 ภายในงาน รับฟรี! ค่าทะเบียน + พรบ. พร้อมของแถม Gift Set เสื้อยืด GPX Racing + กระเป๋าคาดเอว + พวงกุญแจ และ หมวกกันน็อค Real รุ่น Hornet Star

• จองรถรุ่น LEGEND 200 และ รุ่น LEGEND 150 ภายในงาน รับฟรี! ค่าทะเบียน + พรบ. พร้อมรับของแถม เสื้อเชิ้ตออกแบบพิเศษเฉพาะรุ่น LEGEND + ผ้าบัฟ อเนกประสงค์ + ถุงมือหนังแท้สีดำ + แว่นคาดหมวก และ หมวกกันน็อคเฉพาะรุ่น LEGEND

เห็นแบบนี้แล้ว พลาดไม่ได้! ใครยังไม่ได้มา รีบมากันได้แล้ว ที่งาน BIG Motor Sale 2016 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2559 นี้

แล้วพบกันที่ บูธ GPX Racing (รหัสบูธ C09) ฮอลล์ EH106 นะจ๊ะ!

“สมาคมผู้นำเข้าฯ” ผนึกกำลังภาครัฐ ต้านรถผิด กม.เร่งเคลียร์ใจภาษี CO2/นำเข้า


“สมาคมผู้นำเข้าฯ” ผนึกกำลังภาครัฐ
ต้านรถผิด กม.เร่งเคลียร์ใจภาษี CO2/นำเข้า


“สมาคมผู้นำเข้าฯ” ผนึกกำลังภาครัฐยกระดับมาตรฐานรถนำเข้า ชูนโยบาย “รวดเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส” ต้านรถนำเข้าผิด กม.เร่งเคลียร์ปัญหาภาษี CO2 & กระทุ้งคลังฯ ปรับลดภาษีนำเข้า สู้ศึกตลาดเดือด พร้อมตั้งศูนย์รับร้องเรียนทุกปัญหารถนำเข้า

นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ในฐานะนายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายของสมาคมฯ หลังได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสมาคมฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนใหม่ ว่า

ทางสมาคมฯ มีนโยบายในการผนึกกำลังกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐให้มีการประสานงานและสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่จากต่างประเทศ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับการดำเนินธุรกิจและผลประโยชน์ของประเทศไทย โดยคณะทำงานที่มีความรู้และความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงานของทั้งธุรกิจรถยนต์นำเข้าและหน่วยงานของภาครัฐต่างๆ เพื่อสานความเข้าใจให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน

โดยเฉพาะในเรื่องของการรณรงค์การนำเข้ารถยนต์ที่ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และร่วมต่อต้านการนำเข้ารถยนต์ผิดกฎหมาย รวมถึงรถยนต์ที่หนีภาษี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสีย และเสียงชื่อเสียงให้แก่บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่เป็นอย่างมาก ทั้งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค และทำให้หน่วยงานราชการขาดรายได้ที่จะนำมาสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอีกด้วย

ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงมีแนวนโยบายที่ชัดเจนในการรณรงค์ไม่ให้สมาชิกของสมาคมฯ กระทำผิดกฎหมาย และร่วมกันสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่า รถยนต์ที่นำเข้าและจำหน่าย โดยผ่านบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ จะไม่มีรถยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะสมาคมฯ ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนหรือเอาเปรียบผู้บริโภค

พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฯ มีนโยบายที่เร่งผลักดันในเรื่องของการร่วมมือและสร้างความเข้าใจกับภาครัฐต่อปัญหาของขั้นตอนการจัดเก็บอัตราภาษีใหม่ของกรมสรรพสามิต ที่คำนวณจากค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือค่าCo2 ที่ปัจจุบันได้รับการแก้ไขในเรื่องของขั้นตอนการดำเนินงาน และระยะเวลาให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าในช่วงแรก ซึ่งในเรื่องนี้ต้องขอขอบคุณสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่เร่งดำเนินการและร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกับทางสมาคมฯ ได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรฐานการกำหนดภาษีรูปแบบใหม่ รวมถึงการจัดทำ ECO Sticker ที่ถือเป็นแนวคิดที่ดี และมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค และประเทศชาติ หากเป็นเรื่องที่ใหม่ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้ขั้นตอนในการดำเนินงานยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลาในการดำเนินงานค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องร่วมงานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐถึง 4 หน่วยงาน ประกอบกับอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ และสถานที่ในการตรวจสอบค่ามาตรฐานยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อปริมาณรถยนต์นำเข้า ทำให้บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการกำหนดราคาจำหน่าย เนื่องจากไม่สามารถวิเคราะห์ต้นทุนได้อย่างแท้จริง ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนมีการผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการจำหน่ายรถยนต์อีกด้วย

ส่วนนโยบายที่เร่งด่วนอีกเรื่อง คือ ทางสมาคมฯ มีนโยบายที่จะเร่งผลักดันในเรื่องของการเจรจากับกระทรวงการคลัง เพื่อขอปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ให้ต่ำลงกว่าอัตราปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคคนไทยที่ต้องการความหลากหลาย และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับอัตราภาษีดังกล่าวมีอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และประกาศใช้มาเป็นเวลานานมากกว่า 30 ปี ทำให้ไม่เหมาะกับการแข่งขันหรือการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน ซึ่งทางสมาคมฯ มีนโยบายจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าว

พร้อมกันนี้ ทางสมาคมฯ มีนโยบายในการเพิ่มศักยภาพและยกระดับมาตรฐานด้านบริการ โดยเฉพาะด้านบริการหลังการขาย ของสมาชิกในสมาคมฯ มากขึ้น เน้นการสร้างมาตรฐานและเพิ่มคุณภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น และรองรับกับการแข่งขันของตลาดรถยนต์ที่มีทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สมาคมฯ จะมีการวางระเบียบและมาตรฐานของสมาชิกในสมาคมฯ ที่พึ่งปฏิบัติต่อลูกค้า เพื่อลดปัญหาผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยมีนโยบายจัดตั้งเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องราวร้องเรียน หรือเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ของผู้บริโภคที่ประสบปัญหาในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายจากบริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์จากต่างประเทศ

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางสมาคมฯ ได้เร่งขยายจำนวนสมาชิกใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการร่วมผนึกกำลังในการดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน พร้อมส่งเสริมความสามัคคีในกลุ่มผู้ประกอบการ ด้วยการจัดกิจกรรมให้แก่หมู่สมาชิก ตามความเหมาะสม หรือตามคำแนะนำของสมาชิกในสมาคมฯ รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติอีกด้วย


ไฮไลท์สำคัญของบูธรถยนต์ปอร์เช่ งาน BIG Motor Sale 2016 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย


ไฮไลท์สำคัญของบูธรถยนต์ปอร์เช่ งาน BIG Motor Sale 2016
718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมเผยโฉม 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) รถสปอร์ตโร้ดสเตอร์ ใหม่ล่าสุด สู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ งาน Bangkok International Grand Motor Sale 2016 พร้อมทัพรถยนต์ปอร์เช่อีกมากมาย อาทิ 911 คาร์เรร่า (Carrera), คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid), มาคันน์ (Macan) พร้อมให้ท่านจับจองเป็นเจ้าของภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 20 - 28 สิงหาคม 2016 ณ ไบเทคบางนา ทั้งนี้งานเปิดตัว 718 Boxster มีขึ้นวันที่ 20 สิงหาคม 2016 เวลา 13:50 – 14:05 น.

ข้อเสนอสุดพิเศษเมื่อซื้อรถยนต์ปอร์เช่จากเอเอเอสฯ ภายในงานส่วนลดพิเศษสำหรับปอร์เช่ ทุกรุ่น
รับประกันจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี นาน 9 ปี (9 years Factory Warranty)

ปอร์เช่คือรถยนต์ที่สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ขับขี่รับรองผลการวิจัยโดยสถาบัน J.D. Power รถยนต์ปอร์เช่ในรุ่น 911, บ็อกซเตอร์ (Boxster), และ มาคันน์ (Macan) คือรถยนต์ที่ได้รับตำแหน่งอันดับ 1 ในประเภทรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้นมาจากผลการสอบถามเจ้าของรถยนต์ใหม่มากกว่า 80,000 ราย และผ่านการพิจารณารถยนต์รุ่นต่างๆ มากกว่า 245 รุ่น จาก 33 โรงงานผู้ผลิต

718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ รถสปอร์ตโร้ดสเตอร์เครื่องยนต์ 4 สูบวางกลาง พละกำลังสูงสุดถึง 300 แรงม้า (220 กิโลวัตต์) จากขนาดความจุเครื่องยนต์เพียง 2.0 ลิตร แรงบิดมหาศาลสูงสุดถึง 380 นิวตันเมตร อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.5 – 14.4 กิโลเมตรต่อลิตร; (7.4-6.9 ลิตร/100 กิโลเมตร) ทุกจุดของตัวรถล้วนแต่ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง ตั้งแต่หัวจรดท้าย ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรง กระจกบังลมหน้า ภายในของหลังคาประทุน รวมไปถึงชุดแผงหน้าปัดและคอนโซลที่ได้รับการดีไซน์ขึ้นใหม่ทั้งหมด พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 7.2 ล้านบาทเท่านั้น

911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมด 911 คาร์เรร่า (Carrera) มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 370 แรงม้า (272 กิโลวัตต์) จากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งทางด้านหลัง ส่วนรุ่น 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงถึง 420 แรงม้า (309 กิโลวัตต์) โดยทั้ง 2 รุ่น เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 20 แรงม้า นอกจากนี้เครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีขนาดความจุที่ 3 ลิตร เครื่องยนต์ของรุ่นใหม่จะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นถึง 12% 911 คาร์เรร่า (Carrera) มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง PDK ซึ่งมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 13.51 กิโลเมตร/ลิตร ในขณะที่รุน 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) พร้อมด้วย PDK จะมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 12.99 กิโลเมตร/ลิตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียงแค่ 4.2 วินาทีเท่านั้น ถือได้ว่าเร็วกว่าเดิมถึง 2 ใน 10 ของวินาทีเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม หากเป็นรุ่น 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) พร้อมด้วย PDK และ Sport Chrono Package จะทำได้เพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น (เร็วขึ้น 0.2 วินาที) พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 12.2 ล้านบาทเท่านั้น

มาคันน์ (Macan) ใหม่ล่าสุด รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดคอมแพ็ค (Compact SUV) จากปอร์เช่ ด้วยความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ ทุกๆ สภาวะของถนนด้วยการขับเคลื่อนที่ โดดเด่นแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพการเบรกที่ทรงพลัง และรูปลักษณ์ภายนอกยังคงเส้นสายความเป็นสปอร์ต โดดเด่นด้วยด้านข้างตกแต่ง Slide Blades สี Lava Black ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น เครื่องยนต์ Bi-Turbo ขนาด 2 ลิตร 4 สูบ เบนซิน มาพร้อมกับ Turbocharging อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเพียง 13.88 กิโลเมตร/ลิตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Porsche Doppelkupplung (PDK) ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลก สามารถตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัวทั้งในด้านสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ ความสะดวกสบายในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันและสนุกสนานในทุกการขับขี่ อีกทั้งประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 6.35 ล้านบาทเท่านั้น

คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E–Hybrid) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ระดับพรีเมี่ยมคันแรกของโลกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี แบตเตอรี่แบบความดันสูงสามารถชาร์จพลังงานผ่านอุปกรณ์ชาร์จหรือชาร์จระหว่างที่รถกำลังขับเคลื่อนได้ และอีกหนึ่งจุดที่โดดเด่นคือเบรก คาลิปเปอร์สีเขียว Acid ที่มาพร้อมกับคำว่า “Porsche” อย่างโดดเด่นสะดุดตา สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 18-36 กิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 5.9 วินาทีเท่านั้น ด้วยความเร็วสูงสุด 243 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมให้ท่านครอบครองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 7.99 ล้านบาทเท่านั้น

และพลาดไม่ได้สำหรับนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบในสินค้า Accessories ของรถยนต์ปอร์เช่ เพราะในงานนี้เอเอเอสฯ ได้นำสินค้าและของที่ระลึกต่างๆ จาก Porsche Driver’s Selection คอลเลคชั่นใหม่ มาให้ทุกท่านเลือกสรรในราคาพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็น

ทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ซึ่งได้รับการ

ฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญ

ทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของ

ท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 30 ปี

จากัวร์เปิดตัวสุดยอดยานยนต์ 2 รุ่นในไทยอย่างเป็นทางการ ในงาน BIG MOTOR SALE 2016 พบกับ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 20-28 สิงหาคม 2559 ณ ไบเทค บางนา


จากัวร์เปิดตัวสุดยอดยานยนต์ 2 รุ่นในไทยอย่างเป็นทางการในงาน BIG MOTOR SALE 2016
พบกับ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016
20-28 สิงหาคม 2559 ณ ไบเทค บางนา

จากัวร์ เปิดตัว 2 นวัตกรรมยานยนต์รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในเมืองไทย ได้แก่ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มในงาน BIG MOTOR SALE 2016
สู่นิยามใหม่แห่งยานยนต์ซาลูนจากจากัวร์ “เบากว่า แกร่งกว่า ทนทานกว่า” กับ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ เริ่มต้น 4,499,000 บาท และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ เริ่มต้น 6,999,000 บาท  
ข้อเสนอพิเศษสุดเฉพาะในงาน ฟรีค่าซ่อมบำรุง 5 ปี ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี และประกันตัวรถนาน 3 ปี สำหรับรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ทุกรุ่น
จองคิวทดสอบสมรรถนะยานยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ได้ทันที ที่บูทภายในงาน BIG MOTOR SALE 2016

(ในภาพ):ชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่นใหม่สู่ตลาดรถหรูเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ได้แก่  ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ รุ่นปี 2016 ภายในงาน บิ๊ก มอเตอร์ เซลล์ 2016 ณ ไบเทค บางนา

กรุงเทพฯ 20 สิงหาคม 2559 - จากัวร์ เปิดตัว 2 นวัตกรรมยานยนต์รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในเมืองไทย ได้แก่ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 ในงาน BIG MOTOR SALE 2016 ระหว่างวันที่ 20 - 28 สิงหาคม 2559 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา    ตื่นตากับยานยนต์ยอดนิยมเจ้าของรางวัลระดับโลกมากมายที่มาในรูปโฉมใหม่หมดจด ด้วยน้ำหนักตัวรถที่เบาขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่า และมอบความทนทานเป็นเลิศ จนครองตำแหน่งสุดยอดยานยนต์ที่ดีที่สุดในคลาส พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ อาทิ ฟรีค่าซ่อมบำรุง 5 ปี ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี และประกันตัวรถนาน 3 ปี สำหรับผู้ที่สั่งจองรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ทุกรุ่นภายในงาน และสำหรับผู้สนใจสามารถจองคิวทดสอบสมรรถนะยานยนต์ได้ทันทีที่บูทจากัวร์แลนด์โรเวอร์

ชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า “ยานยนต์ซาลูนจากจากัวร์เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกถึงความเป็นเลิศที่เหนือระดับ ทั้งในด้านสไตล์ที่โดดเด่น ความสะดวกสบายของห้องโดยสาร การขับขี่ที่ดีเยี่ยมและภาพลักษณ์ที่สง่างามทุกมุมมอง ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 นำเสนอมาตรฐาน ‘การขับขี่อันไร้ที่ติ’ ที่แท้จริง โดยยังคงสมดุลระหว่างความสะดวกสบายในห้องโดยสารและพลศาสตร์ของการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม จนคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วกว่า 145 รางวัล นับเป็นยานยนต์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักขับชาวไทยที่ชื่นชอบความสะดวกสบายและเทคโนโลยี โดยเฉพาะผู้บริหารและผู้จัดการระดับกลางที่ต้องเดินทางติดต่อธุรกิจด้วยตนเองและต้องการทั้งภาพลักษณ์ที่ภูมิฐานและความคล่องตัว สำหรับ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 เป็นยานยนต์ลีมูซีนที่ครองความเป็นเลิศในด้านความหรูหราระดับโลก จนถูกใช้เป็นยานพาหนะของบุคคลระดับสูง เซเลบริตี้ชื่อก้อง และมหาเศรษฐีชั้นนำของโลกอย่างกว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคระดับสูงในเมืองไทยที่ต้องการภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือใคร โดยผู้ที่ต้องการครอบครองสุดยอดยานยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งข้อเสนอด้านการเงินที่คุ้มค่า ราคาเปิดตัวพิเศษ และสิทธิพิเศษอื่นๆ เมื่อสั่งจองภายในงาน Big Motor Sale 2016 ครั้งนี้”

จากัวร์นำเสนอยานยนต์ซาลูน 2 รุ่นใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ระดับหรูของเมืองไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้บริโภคระดับสูงจำนวนมากที่ต้องการยานพาหนะสายพันธุ์อังกฤษที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยรถทั้ง 2 รุ่นนำเสนอในเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล 2.0 ลิตร ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในมหานครที่การจราจรวุ่นวายอย่างกรุงเทพฯ หากยังคงความสมบูรณ์แบบด้วยประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน การลดเสียงรบกวน ลดการสะเทือนและลดความกระด้างในการขับขี่ ทั้งยังมีต้นทุนการขับขี่ที่ต่ำกว่า ด้วยพลังการขับเคลื่อนที่นักขับทั่วโลกต่างมั่นใจ

“งาน Big Motor Sale 2016 ถือเป็นโอกาสดีที่ทำให้จากัวร์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงและงานออกแบบยานยนต์อันล้ำสมัยสู่ตลาดรถหรูในกรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากรถยนต์ 2 รุ่นใหม่นี้ ผู้เข้าชมงานยังจะได้สัมผัสยานยนต์ยอดนิยมอีก 4 รุ่นอย่างใกล้ชิด ทั้ง จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE), แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต (Land Rover Discovery Sport), เรนจ์โรเวอร์ อีโวค รุ่นปี 2016 (Range Rover Evoque Year 2016) และ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต รุ่นปี 2016 (Range Rover Sport 2016) งานครั้งนี้ยังเปิดโลกทัศน์แก่นักขับรุ่นใหม่ที่หลงใหลในยานยนต์ของจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ซึ่งสามารถครอบครองสุดยอดรถยนต์ในฝันเจ้าของรางวัลระดับโลกได้ในราคาที่คุ้มค่า” ชาญชัย มหันตคุณ กล่าวเสริม

ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 – ซาลูนหรูพร้อมสุดยอดพลศาสตร์การขับเคลื่อน

ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 พัฒนาขึ้นตามแนวคิด “The Art of Performance” เพื่อทลายขอบเขต ทั้งในด้านนวัตกรรม การออกแบบ และวิศวกรรมยานยนต์ ซึ่งทำให้สุดยอดยานยนต์รุ่นนี้สามารถคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย รวมถึง “Best Executive Car” จากงาน  Fleet World Honours และรางวัล “Best Sedan” จากนิตยสาร Top Gear Magazine ด้วยการออกแบบที่ผสานดีไซน์ใหม่ล่าสุด เข้ากับสมรรถนะความแรงเหนือชั้น และการปรับปรุงเทคโนโลยีการขับขี่ ทำให้นักขับมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย การเชื่อมต่อที่ราบรื่น และความบันเทิงชั้นเลิศในห้องโดยสาร ด้วยการยึดมั่นพัฒนายานยนต์ที่ถึงพร้อมด้วยประสิทธิภาพการขับขี่อัจฉริยะ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ จึงมอบความเร็วสูงสุดถึง 250 กม./ชม. ด้วยอัตราการปล่อยไอเสียเพียง 104 กรัม/กม. น้ำหนักตัวรถต่ำสุดในคลาสเพียง 1,545 กก. พร้อมเทคโนโลยีไฮเทคครบครันในแบบฉบับของแบรนด์จากัวร์ ภายใต้งานดีไซน์โครงสร้างที่หรูหราโดดเด่น ซึ่งสะท้อนถึงความสะดวกสบายและประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน

ด้วยสัมประสิทธิ์แรงต้านลมที่ 0.26 ซึ่งดีเยี่ยมที่สุดในคลาส ทำให้ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ เสมือนวิ่งผ่านอากาศอย่างราบรื่น ด้วยการเคลื่อนตัวที่เฉียบคมและมีเสียงลมรบกวนน้อยมาก ห้องโดยสารภายในเปี่ยมด้วยความสวยงามของงานช่างฝีมืออันประณีตด้วยการตกแต่งอย่างหรูหราในแบบร่วมสมัย พร้อมช่องวางเข่าที่กว้างสบายถึง 51 มม. ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบาย เหมาะสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่ต้องการความมั่นใจและไม่ขาดการติดต่อแม้เสี้ยววินาที ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ นำเสนอยานยนต์ 4 รุ่นยอดนิยมสู่ตลาดเมืองไทย ได้แก่ รุ่น เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร XF R-Sport และรุ่น XF Portfolio รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร XF Prestige และ  XF Portfolio

ซึ่งรุ่น R-Sport นั้นจะมอบความแรงและดุดันเหนือใคร ส่วน รุ่น Portfolio และ รุ่น Prestige เน้นความภูมิฐาน หรูหรา พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยเสน่ห์อันท้าทาย

ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ ยังมอบความปลอดภัยสูงสุดในทุกเส้นทาง เพิ่มเติมด้วยออฟชั่นเสริมระบบควบคุมเสถียรภาพในทุกสภาพถนน (Surface Progress Control) ไฟหน้า LED แบบปรับระดับได้ ระบบการรับรู้สัญญาณไฟจราจรพร้อมระบบจำกัดความเร็วแบบปรับระดับ ระบบช่วยควบคุมรถในช่องทางพร้อมการตรวจจับสภาพร่างกายผู้ขับขี่ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติ พร้อมระบบหยุดและออกตัวรถโดยอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ สถาปัตยกรรมโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาทำให้โครงมีความคงตัวกว่ารุ่นก่อนถึง 28% ทนทานกว่า และมอบความคล่องตัวและความนิ่งในการขับขี่ที่น่าทึ่ง

นอกจากนี้ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ ยังมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน 190 กก. พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบสปอร์ตพันธุ์แท้ที่พร้อมพุ่งทะยานไปในทุกสภาพถนน โดยยังคงความมั่นใจแก่นักขับได้ตลอดเส้นทาง ทั้งยังเป็นซาลูนสำหรับนักธุรกิจเพียงรุ่นเดียวที่นำเสนอระบบไฟหน้าแบบ LED ทั้งหมด ช่วยเสริมทัศนวิสัยให้นักขับสามารถสนุกกับการขับขี่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบใดก็ตาม

จุดเด่นของ ออล นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ

·         ราคาเริ่มต้น 4,499,000 บาท สำหรับรุ่น Prestige ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร
·         น้ำหนักเบาขึ้น ประสิทธิภาพสูงขึ้น และติดตั้งเทคโนโลยีรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ในทุกด้าน รวมถึงด้านพลศาสตร์และงานดีไซน์ยานยนต์ขั้นสุดยอด

·         รุ่นเอ็กซ์เอฟ (XF) ถือเป็นยานยนต์แบบซาลูนของจากัวร์ โดยอยู่ระหว่างรุ่น เอ็กซ์อี (XE) ที่มีรูปลักษณ์แบบสปอร์ตที่ดุดัน กับรุ่น เอ็กซ์เจ (XJ) ที่เปี่ยมด้วยความหรูหราภูมิฐาน

·         สัมประสิทธิ์แรงต้านลมที่ 0.26 ซึ่งต่ำที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน

·         เพิ่มพื้นที่ช่องวางเข่าในห้องโดยสารด้านหลังอีก 24 มม. พื้นที่วางขาของเบาะหลังเพิ่มขึ้น 15 มม. และพื้นที่เหนือศีรษะสูงขึ้นอีก 27 มม.
·         สถาปัตยกรรมโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบากว่า 75% ของจากัวร์ ทำให้ เอ็กซ์เอฟมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน 190 กก. ทนทานกว่า และโครงมีความคงตัวกว่ารุ่นก่อนถึง 28%
·         เพิ่มเติมด้วยออฟชั่นเสริมไฟหน้า LED แบบปรับระดับได้ ระบบการรับรู้สัญญาณไฟจราจรพร้อมระบบจำกัดความเร็วแบบปรับระดับ ระบบช่วยควบคุมรถในช่องทางพร้อมการตรวจจับสภาพร่างกายผู้ขับขี่ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วแบบปรับอัตโนมัติ พร้อมระบบหยุดและออกตัวรถโดยอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
·         ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) แบบสปอร์ตพันธุ์แท้ของจากัวร์และรูปแบบแห่งการพุ่งทะยาน ผสานกับองค์ประกอบด้านการควบคุมโครงรถที่ได้แรงบันดาลใจมากจากรุ่นเอฟ-ไทป์ (F-TYPE) จึงสัมผัสได้ถึงการขับขี่แนวสปอร์ตอันทรงพลังของรุ่นเอ็กซ์เอฟอย่างชัดเจน

เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 – ยานยนต์รุ่นแฟล็กชิพแห่งความหรูหราสง่างามจากจากัวร์

 เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ คือลีมูซีนยอดนิยมระดับโลก ด้วยภาพลักษณ์อันหรูหราที่เหนือชั้น ทั้งในแง่การขับเคลื่อน งานประกอบโครงสร้าง และการตกแต่งห้องโดยสารภายในที่น่าสวยงามประทับใจ ทั้งในด้านสไตล์และความสะดวกสบายที่เป็นเลิศ อวดโฉมสู่ผู้บริโภคด้วยภาพลักษณ์ที่โดดเด่น การออกแบบหน้ารถใหม่และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเสริมความงามสง่ายิ่งกว่าเดิม ส่วนห้องโดยสารถูกออกแบบให้กว้างขวางและโออ่ายิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งรู้สึกผ่อนคลายและสัมผัสได้ถึงประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ

โครงสร้างอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียวของ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ ไม่เพียงมอบความแข็งแกร่งและความคงตัวสูง แต่ยังมีน้ำหนักเบามาก ทำให้รถมีความคล่องตัวและความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารเป็นเยี่ยม ทั้งยังทำให้ เอ็กซ์เจ เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เบาที่สุดในคลาส เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ นำเสนอสู่ตลาดรถหรูเมืองไทยในรุ่น LWB Luxury  และ LWB Premium Luxury ทั้ง 2 รุ่นมาในเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในมหานครกรุงเทพฯอย่างมาก

การออกแบบแผงคอนโซลรุ่นใหม่รวบรวมความไฮเทคไว้อย่างครบครัน ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Head-up ขนาด 12.3 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลทั้งความเร็ว ปริมาณเชื้อเพลิง และอุณหภูมิรถ พร้อมจอทัชสกรีน 8 นิ้ว ทำให้นักขับสามารถทราบข้อมูลในการขับขี่ การนำทาง และสัมผัสกับระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ได้พร้อมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์หรือใช้โหมดการขับขี่รูปแบบใดอยู่ก็ตาม

เบาะนั่งแถวหลังติดตั้งการทำงานแบบมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนระดับได้อย่างสมบูรณ์แบบตามความต้องการเฉพาะบุคคล โดยผู้ซื้อสามารถเลือกออพชั่นชุดการปรับแต่งที่นั่งแถวหลังได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการจากแพ็คเกจ Rear Seat Option Packs ซึ่งถือเป็นมาตรฐานเฉพาะของจากัวร์เท่านั้น ระบบเสียงคุณภาพสูงของห้องโดยสาร เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ ได้รับการออกแบบโดย Meridian แบรนด์ผู้นำด้านระบบเสียงดิจิตัลระดับโลกเพื่อคุณภาพเสียงที่ไม่เป็นรองใคร นอกจากนี้ ยังสามารถจัดพื้นที่เพื่อการประชุมได้อย่างง่ายดายภายในรถ ด้วยระบบการควบคุมแบบ hands-free และการตรวจจับเสียงพูด ตลอดจนโต๊ะทำงานสำหรับที่นั่งด้านหลังที่สามารถพับเก็บได้อย่างง่ายดาย

เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ มอบทางเลือกการปรับแต่งยานยนต์ได้ดั่งใจ โดยเฉพาะโทนสีรถที่มีหลากหลายเฉดซึ่งนักขับเลือกให้เหมาะกับภาพลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนได้มากที่สุด เพื่อสร้างความโดดเด่นที่จะดึงดูดทุกคู่สายตาและมอบประสบการณ์แห่งการขับขี่และการโดยสารที่เหนือระดับให้กับคุณ เพราะ เอ็กซ์เจ คือวิถีแห่งยานยนต์ระดับหรูเพียงหนึ่งเดียวในโลก

จุดเด่นของ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ

·         นำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร รุ่นฐานล้อกว้าง LWB Luxury ราคาเริ่มต้น 6,999,000 บาท
·         ตอกย้ำสถานะรถซาลูนชั้นนำที่โดดเด่นด้านความหรูหราและพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
·         ระบบ Infotainment รุ่นใหม่ มอบฟังก์ชั่นการนำทางที่สมบูรณ์แบบ พร้อมระบบเสียง Meridian Digital Reference Audio System กำลังแรง 1,300 วัตต์
·         พื้นที่ช่องวางขาของเบาะหลังกว้างกว่าหนึ่งเมตร พร้อมเพิ่มความจุพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมากถึง 478 ลิตร
·         ดีไซน์ภายนอกใหม่หมดจดด้วยไฟหน้า LED เต็มแผง และไฟตัดขอบสไตล์ J-Blade Signature สำหรับกลางวันอันเป็นแบบฉบับของเอ็กซ์เจ
·         ชุดระบบช่วยเหลือนักขับขั้นสูง ประกอบด้วย ระบบปรับความเร็วรถตามสภาพการจราจรและคำนวณระยะห่างรถคันหน้า, ระบบตรวจจับด้านหลังตัวรถ, ระบบตรวจจับรถยนต์ด้านหลังจากระยะไกล, กล้องตรวจจับ 360 องศา, และระบบช่วยจอดกึ่งอัตโนมัติ
·         ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (Electric Power Assisted Steering: EPAS) มอบสุดยอดแห่งการตอบสนองที่ฉับไว การควบคุมได้ดั่งใจ และการเสริมกำลังยานยนต์ได้แบบฉับพลัน โดยนักขับสามารถเลือกขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิง

เชิญสัมผัสโลกแห่งยานยนต์หรูระดับโลกจาก จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ได้ที่งาน BIG MOTOR SALE 2016

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อโชว์รูมและศูนย์บริการ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ โทรศัพท์ 02 713 6777 หรืออีเมล์ sales@jaguarlandroverthailand.com โดยติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ www.jaguar.co.th และ www.landrover.co.th

เริ่มแล้วอย่างยิ่งใหญ่ มหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ BIG Motor Sale 2016


เริ่มแล้วอย่างยิ่งใหญ่ มหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ BIG Motor Sale 2016

นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด และประธานกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ Bangkok International Grand Motor Sale 2016 หรือ BIG Motor Sale 2016 ได้ทำพิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานในพิธี เพื่อร่วมเป็นพลังกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

“BIG Motor Sale 2016” พร้อมกระหึ่ม เริ่มแล้ว 20-28 สิงหาคม ศกนี้ มหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติปีที่ 3 ครบทุกแบรนด์ พร้อมโปรสุดแรง ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ฟื้นตัว

พร้อมกระหึ่ม!!! งาน Bangkok International Grand Motor Sale 2016 หรือ BIG Motor Sale 2016 จัดโดย บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด มหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ ได้เปิดฉากแล้วอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดย ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างๆ ที่เข้าร่วมแสดงผลิตภัณฑ์ ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนง พบค่ายรถยนต์/บิ๊กไบค์ครบทุกแบรนด์ รถนำเข้า และรถมือสอง มาพร้อมข้อเสนอพิเศษในแบบ “โปรไม่ยั้งไม่กั๊ก” ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม 2559

นายจรวย ขันมณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์ สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงาน เผยว่า “BIG Motor Sale 2016 ปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งงานปีนี้ผมมั่นใจว่าจะคึกคัก เพราะตลาดหดตัวลงเยอะ ประกอบกับคนซื้อรถอั้นกันมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะรถในโครงการรถคันแรกเข้าปีที่ 5 ซึ่งครบกำหนดการถือครองตามเงื่อนไขรัฐบาล น่าจะมีคนมาเลือกซื้อรถยนต์กันมากขึ้น ผมขอขอบคุณทุกๆ ความร่วมมือ และการสนับสนุนจากทุกฝ่ายในวงการยานยนต์เมืองไทยที่ร่วมกันสร้างมิติใหม่ของการขายแบบ "จัดหนัก จัดเต็ม” ด้วยการอัดแคมเปญขายดุเดือดชนิด “โปรไม่ยั้งไม่กั๊ก” เพื่อช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายรถไตรมาส 3 ให้พุ่งขึ้นไปด้วยกัน และกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยงานนี้เป็นจุดนับพบสำคัญของผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะเป็นเทศกาลงานขายที่มีความครบวงจร เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของผู้บริโภค และผู้ประกอบการด้านยานยนต์เพราะได้รวมรถยนต์ 29 แบรนด์ และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ 12 แบรนด์ นอกจากนี้ยังได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ยูสด์คาร์พรีเมี่ยมจำนวน 10 รายและกลุ่มผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตอีก 5 ราย มาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของตามสโลแกน "อยากได้รถ จบในงานเดียว" และปีนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ในงาน BIG Motor Sale 2016 ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการรถยนต์ระดับโลกที่ตั้งใจให้มีการเปิดตัว และเปิดจำหน่ายรถรุ่นใหม่ล่าสุดรวมกว่า 10 แบรนด์ มากกว่า 16 รุ่น โดยรถที่นำความสดใหม่มาเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยในงานนี้ ได้แก่ “เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์” (Chevrolet Trailblazer) “ซูบารุ เอ็กซ์วี ครอสเทร็ค” (SUBARU XV CROSSTREX) 2 รุ่นล่าสุดจากจากัวร์ “เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ” (The New Jaguar XF) และ “เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ” (The New Jaguar XJ) “เปอร์โย 308SW” (PEUGEOT 308 SW) “ออดี้ A4” (Audi A4) และ “ออดี้ Q7” (Audi Q7) "ซันยอง นิว สตาวิค ทัวริสโม” (New Stavic Turismo) และ "ซันยอง ทิโวลี” (All New Tivoli) รวมทั้งรถรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ อาทิ “โตโยต้า เซียนต้า” (Toyota Sienta) “โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่” รุ่นปรับปรุงใหม่ “ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4” (Ford Ranger FX4) และ ฟอร์ด เรนเจอร์ 4 รุ่นใหม่ในกลุ่ม XL และ XLS “ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่” (New Honda Accord Hybrid) “ปอร์เช่ 718” (PORSCHE 718) สำหรับค่ายที่แม้ไม่มีรถใหม่ในช่วงนี้แต่ก็ยังได้ยกทัพรถยอดนิยมทั้งรถปิกอัพ รถอเนกประสงค์ และรถเก๋งซีดานมานำเสนอแบบครบเครื่อง นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ อีกไม่ต่ำกว่า 8 รุ่น”

"ผมมั่นใจว่างาน BIG Motor Sale จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายรถในช่วงไตรมาส 3 และกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม คาดว่าจะมีเงินสะพัดในงานมากกว่า 25,000 ล้านบาท และยังมั่นใจว่าจะมียอดผู้เข้าชมงานมากกว่า 1.35 ล้านคนอย่างแน่นอน ซึ่งด้วยบรรยากาศที่เปี่ยมสุขของการซื้อ-ขาย และจับจ่ายภายในงานที่ต้องการให้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในครอบครัว หากผู้ร่วมงานแต่ละแบรนด์ได้ทุ่มเทเรื่องโปรโมชั่นแบบไม่ยั้งไม่กั๊กให้มากกว่าที่จะหาได้จากโชว์รูมทั่วไป เรียกว่าร่วม “ให้” กับผู้ซื้อมากขึ้น เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายร่วมกัน คือ คนซื้อมีความสุข คนขายมีความสุข คนจัดก็มีความสุข และทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งปีมียอดขายโดยรวมถึง 750,000 คันได้ไม่ยาก และทำให้เป้าหมายยอดการจำหน่ายรถยนต์ที่ผมได้ปรับลงตามความเหมาะสมของสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นจริงจาก 25,000 คัน เป็น 20,000 คัน และบิ๊กไบค์จาก 5,000 คัน เป็น 4,000 คัน อาจกลับขึ้นไปอยู่ที่เดิม หรือเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดหมายไว้ได้ หากงานที่จัดไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถเป็นแรงสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในบ้านเราดังที่ตั้งใจไว้ และไม่ยิ่งใหญ่สวยงามอย่างที่ได้ลงแรงลงมือก็จะไม่มีครั้งต่อไป เพราะผมประกันความพึงพอใจของงานนี้ด้วยตัวผมเอง" นายจรวย กล่าว

จากความสำเร็จอย่างสูงของการจัดงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา งาน BIG Motor Sale ได้สร้างมิติใหม่งานขายรถช่วงกลางปีหรือฤดูฝน ซึ่งเคยเชื่อกันว่าเป็นช่วง "โลว์ซีซั่น" ของตลาดรถยนต์เมืองไทยให้กลายเป็น "นิวซีซั่น" สร้างยอดจำหน่ายรถเพิ่มเติมได้มากเกินความคาดคิด และในงาน BIG Motor Sale 2016 ปีนี้ยังได้สร้างมิติใหม่อีกอย่างที่ไม่เหมือนงานขายรถใดๆ นั่นคือ การจัด "มิดไนท์เซลส์" (Midnight Sale) ชั่วโมงดีนาทีทอง ช่วงเวลาสุดพิเศษเพียง 2 ชั่วโมง ระหว่าง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืนของวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมที่จะมีการจำหน่ายสินค้าแบบลดกระหน่ำ สร้างความสุขให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานทุกท่านมีสิทธิ์ลุ้นโชคจากบัตรเข้าชมงาน มูลค่ารวมกว่า 2.5 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์ซูซูกิ 3 คัน Suzuki Ertiga Dreza มูลค่า 715,000 บาท Suzuki CIAZ RS มูลค่า 675,000 บาท และ SUZUKI Swift Sai มูลค่า 599,000 บาท และ มอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าอีก 3 รุ่น รวม 6 คัน ได้แก่ YAMAHA MT-03 มูลค่าคันละ 177,000 บาท YAMAHA Tricity คันละ 79,000 บาท และ YAMAHA Fino 125 Premium คันละ 48,500 บาท รุ่นละ 2 คัน ซึ่งจะมีการจับรางวัลในวันสุดท้ายของการจัดงานคือวันที่ 28 สิงหาคม 2559 เวลา 19.19 น. และร่วมทำบุญให้กับสภากาชาดไทยแบบง่ายๆ กับกิจกรรม “BIG Like, BIG Charity, BIG Motor Sale ผ่านทาง Facebook : Bigmotorsale ทุก 1 Like & Share เท่ากับ 1 ปันน้ำใจของการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อมอบรถยนต์อเนกประสงค์ Suzuki Ertiga จำนวน 1 คัน และค่าน้ำมัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1 ล้านบาทได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 สิงหาคม 2559

งาน BIG Motor Sale 2016 ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคมนี้จะเป็น 9 วันที่ “จัดเต็ม” บนพื้นที่จัดงานกว่า 40,000 ตารางเมตร นอกจากจะมีรถรุ่นใหม่และรุ่นยอดนิยมครบทุกแบรนด์ รถหรูนำเข้า และรถมือสองให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจซื้อหารถคันใหม่แล้ว ยังมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ ทั้งหมด “ราคาพิเศษ” และ “ข้อเสนอพิเศษ” รับโปรโมชั่นไม่ยั้งไม่กั๊ก ตั้งแต่ฮอลล์ 101 ไปจนถึงฮอลล์ 106 รวมไปถึงชั้นใต้ดินที่จัดให้เป็น BIG Market, BIG Charity, BIG Motor Sale จัดจำหน่ายสินค้าสุดคูล อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ซึ่งการจับจ่ายนี้ยังเป็นการร่วมทำบุญเนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้จะนำรายได้ร่วมสมทบทุนให้กับ 5 มูลนิธิการกุศลอีกด้วย อีกทั้งยังเตรียมบริการทางการเงินจากลีสซิ่งกสิกรไทยที่จัดมาเป็นพิเศษเพื่อให้การเกิดการซื้อง่าย-ขายคล่อง เป็นมหกรรมยานยนต์เพื่อขายที่ครบวงจร มอบความคุ้มค่าให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมความบันเทิงมากมายเพื่อความอลังการ ครบครัน สำหรับผู้เข้าชมงาน ทั้งนี้ผู้จัดงานเองได้จัดเตรียมตุ๊กตา JR Mascot สำหรับผู้ที่จองรถในงาน 1 คันต่อ 1 ตัว และยังมีของขวัญของที่ระลึกไว้มอบให้ผู้มาชมงานมากมาย ห้ามพลาด!!!

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมงาน BIG Motor Sale 2016 ระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เปิดเวลา 11.00 – 22.00 น. วันธรรมดา เปิดเวลา 12.00– 22.00 น. และวันพิเศษ Midnight Sale วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2559 ชั่วโมงดีนาทีทอง เวลา 22.00 – 24.00 น.

ตลาดปิกอัพเดือดมาสด้าส่ง บีที-50 โปร ใหม่ เติมออฟชั่นเต็มคัน เสริมทัพลุยงาน Big Motor Sale 2016


ตลาดปิกอัพเดือดมาสด้าส่ง บีที-50 โปร ใหม่ เติมออฟชั่นเต็มคัน เสริมทัพลุยงาน Big Motor Sale 2016

มาสด้าเปิดแนวรบตลาดปิกอัพส่งมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ใส่ออฟชั่นเต็มคัน ขุมพลังเต็มสูบ ชูช่วงล่างซูเปอร์ DE-S ที่ผ่านการพิสูจน์สมรรถนะเกาะถนนดีเยี่ยม
ตอบโจทย์การใช้งานเสมือนขับรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและความบันเทิง เพลิดเพลินได้ทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้พบกับรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ซีเอ็กซ์-5, ซีเอ็กซ์-3, มาสด้า3 และมาสด้า2 ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่
พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานฯ

ปอร์เช่ ประเทศไทย เข้าร่วมโครงการเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (PTT EV Station) ร่วมกับ ปตท.


ตอบรับนโยบายพลังงานทดแทนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ปอร์เช่ ประเทศไทย เข้าร่วมโครงการเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (PTT EV Station) ร่วมกับ ปตท.

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตอบรับนโยบายรัฐบาล ด้วยการเข้าร่วมโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
 (PTT EV Station) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทค่ายรถยนต์ชั้นนำ 6 แห่ง เพื่อให้ผู้บริโภคคนไทยได้ใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังพลักดันให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยมีพลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ณ สถานนีน้ำมัน ปตท. The Crystal PTT ถ. ชัยพฤกษ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2016

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันพัฒนาและทดลองระบบการใช้งาน PTT EV Station พร้อมศึกษาความเป็นไป ได้ในการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดย ปตท. จะเป็นผู้ก่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจ ของ ปตท. และ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง 6 ราย จะเป็นผู้ศึกษาและพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามแผน ธุรกิจของแต่ละบริษัทต่อไป ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้และความมั่นใจสู่สาธารณะในการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ต่อไปนับเป็นอีกความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังงานทางเลือกให้ก้าวทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาเพื่อดูแลความมั่นคงทางพลังงานของประเทศให้มีใช้อย่างเพียงพอ ทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทาง
การแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ซึ่งได้รับการฝึกอบรม
จากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง
(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตาม
นโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 30 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911

ไฮไลท์สำคัญของบูธรถยนต์ปอร์เช่ งาน BIG Motor Sale 2016 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย


ไฮไลท์สำคัญของบูธรถยนต์ปอร์เช่ งาน BIG Motor Sale 2016
718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมเผยโฉม 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) รถสปอร์ตโร้ดสเตอร์ ใหม่ล่าสุด สู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ งาน Bangkok International Grand Motor Sale 2016 พร้อมทัพรถยนต์ปอร์เช่อีกมากมาย อาทิ 911 คาร์เรร่า (Carrera), คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid), มาคันน์ (Macan) รอให้ท่านจับจองเป็นเจ้าของภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 20-28 สิงหาคม 2016 ณ ไบเทคบางนา

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ซึ่งได้รับการ

ฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญ

ทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของ

ท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can Trust ความไว้วางใจที่ให้คุณได้มากกว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินการมา กว่า 30 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิต โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการ โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911

มาสด้าแต่งตั้ง “ชาญชัย” ขึ้นเป็นประธานบริหารคนไทยคนแรก


มาสด้าแต่งตั้ง “ชาญชัย” ขึ้นเป็นประธานบริหารคนไทยคนแรก

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 9 สิงหาคม 2559 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ขึ้นเป็นประธานบริหารคนไทยคนแรกของมาสด้า พร้อมยกทีมผู้บริหารคนไทยรุ่นใหม่ไฟแรงขึ้นแท่นนั่งบริหารงานครบทุกแผนก แสดงถึงศักยภาพความรู้ความสามารถของคนไทยที่สามารถก้าวขึ้นมาบริหารงานในตำแหน่งสำคัญๆ ในบริษัทข้ามชาติ พร้อมเดินหน้านำมาสด้าก้าวสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

หลังจากที่คลุกคลีอยู่กับการผลิตรถยนต์มาสด้ามาตั้งแต่ยุคก่อสร้างโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ เอเอที จังหวัดระยอง เป็นเวลากว่า 20 ปี และถือเป็นผู้บริหารที่ทำงานร่วมกับมาสด้ามาตั้งแต่ยุคเริ่มของการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย จนกลายเป็นผู้ที่มีเชี่ยวชาญการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ และในอุตสาหกรรมรถยนต์ จึงกลายเป็นจุดแข็งสำคัญที่สามารถยกระดับการบริหารงานขององค์กรมาสด้าสู่ความเป็นสากล มียุทธศาสตร์ในการทำงานเด่นชัด การเสริมทัพในครั้งนี้มีเป้าหมายในการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าสูงสุดในทุกๆ องค์ประกอบ

ด้วยความรู้ความสามารถของคุณชาญชัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมรถยนต์มาอย่างยาวนาน และเข้าใจโครงสร้างการบริหารงานเกี่ยวกับองค์กรขนาดใหญ่ ผ่านการบริหารงานในตำแหน่งหลักสำคัญๆ ในโรงงานผลิตรถยนต์ออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 รับผิดชอบในส่วนของหัวหน้าทีมวิศวกรเครื่องยนต์ และก้าวขึ้นมาเป็น รองประธานบริหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ปี พ.ศ. 2558 รวมระยะเวลาถึง 19 ปี ที่สั่งสมประการณ์ในการบริหารธุรกิจให้องค์กรจนรุ่งเรืองเติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคง กลายเป็นแหล่งผลิตรถยนต์และรถปิกอัพที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าสู่การผลิตในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ อดีตประธานบริหารที่เพิ่งครบวาระการทำงานต้องเดินทางกลับไปรับหน้าที่ในการบริหารงานด้านการขายของมาสด้าทั่วโลก กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับมาสด้าในวันนี้ เป็นนโยบายของคณะกรรมการบริหาร หรือ บอร์ดบริหาร ใน มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ในความพยายามเพื่อจะพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารชาวไทย ดึงเอาขีดความสามารถของผู้บริหารในทุกระดับให้สามารถบริหารจัดการกับธุรกิจของมาสด้า เพราะมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าคนไทยนั้นมีความสามารถ มีศักยภาพ และความพร้อมในทุกๆ ด้าน รวมถึงความเข้าใจต่อตลาดและลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง แล้วในที่สุดวันนี้ก็ได้มาถึง ความพร้อมที่ถูกหล่อหลอมมาอย่างยาวนาน ถูกบ่มเพาะเมล็ดพันธ์เพื่อเติบโตแตกกิ่งก้านสาขา ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในความเป็นคนไทย พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีโลก นี่คือประธานบริหารคนใหม่ และเป็นคนไทยคนแรกในมาสด้า ที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้มาสด้าทั่วโลกได้ประจักษ์

การเสริมทัพผู้บริหารภายในมาสด้าครั้งนี้ ถือเป็นการดันผู้บริหารที่เป็นคนไทยขึ้นมาบริหารในองค์กร เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารงานขององค์กรให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น อย่างผลักดันผู้บริหารระดับสูง นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ประธานบริหาร เพื่อเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้นโยบายการทำงานเป็นทีม “One Mazda” หลอมรวมทุกหน่วยงานเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพ ให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหารคนใหม่ล่าสุด กล่าวว่า เพราะทุกก้าวคือการพัฒนา เพราะเรากล้า…ที่จะแตกต่าง มาสด้าเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความแตกต่างไม่เหมือนใคร เรา กล้า...ที่จะต่าง และได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมายในอดีตจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือแนวทางการทำงานเพื่อมุ่งสู่ชัยชนะอันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ในขณะที่ผู้อื่นจะมองสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นมาตรฐานที่ดีและควรปฏิบัติตามในปัจจุบัน แต่เรากลับมองว่านี่คือสิ่งที่เราต้องท้าทายเพื่อให้เกิดการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดียิ่งขึ้น แนวคิดและมุมมองในการทำงานเหล่านี้ทำให้เราสามารถบรรลุถึงการปฏิวัติการพัฒนางานวิศวกรรมที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งลูกค้าจะสามารถสัมผัสได้ในรถยนต์มาสด้าทุกๆ คัน เรามีความภาคภูมิใจและจะยืนหยัดในหลักการและแนวทางนี้ตลอดไป

วิสัยทัศน์ หรือ Visions ที่ผมจะนำพามาสด้าสู่ความสำเร็จประกอบไปด้วย

การสร้างแบรนด์เพื่อให้เป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ถูกเลือก นั่นคือการพัฒนาคุณค่าของแบรนด์ในทุกๆ ด้านที่ลูกค้าสามารถรับรู้ได้ ทั้งด้านความรู้สึกที่ได้รับและการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพื่อรองรับการเติบโตจากความนิยมของรถยนต์มาสด้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราจะมุ่งเน้นเรื่องการดูแลลูกค้าตลอดระยะเวลาการครอบครองรถยนต์มาสด้าอย่างดีที่สุด เพื่อสร้างความผูกพันกันในระยะยาว ความพึงพอใจของลูกค้า คือ สิ่งที่เราให้ความสำคัญ “Customer Care”

การทำงานแบบไร้รอยต่อทั้งในทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของการขาย การบริการหลังการขาย ภาคการผลิต รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้จำหน่ายเพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เป็น “One Mazda One Team” ที่ทุกคนล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยในทุกๆ ปี เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดและนำเสนอสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าของเรา “Product and Technology Enhancement” ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก “Global Platform Global Standard”

การขยายและพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายผู้จำหน่าย โดยเน้นการพัฒนาเชิงคุณภาพตลอดเวลากับการสร้างเครือข่ายที่ครอบคลุมการดูแลลูกค้า Dealer Network Qualitative Growth and Coverage

การผลักดันให้ผู้บริหารคนไทยและพนักงานทุกคนที่เป็นผู้มีความชำนาญและประสบการณ์ในการทำงาน มีความเข้าใจในตลาด และเข้าใจความต้องการของลูกค้าคนไทย ได้มีโอกาสบริการจัดการอย่างเต็มที่ในทุกๆ ฟังค์ชั่น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดต่อลูกค้า “Optimize Global and Local Initiatives, Empower local Thai Management Team”

ต่อจากนี้คงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของมาสด้ากับก้าวที่กล้าในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ความสำเร็จของมาสด้าที่เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเกิดจากความโชคดีแต่อย่างไร และมิใช่มีเพียงตัวเลขของยอดขายที่เติบโตขึ้นเท่านั้น ตัวเลขด้านความพึงพอใจของลูกค้าก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งด้านความพึงพอใจด้านการบริการหลังการขาย (CSI) และความพึงพอใจด้านการขาย (SSI) หากแต่เกิดจากความมุ่งมั่น ความทุ่มเท การเอาใจใส่ในรายละเอียด รวมถึงการสร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับลูกค้า และการสร้างความพึงพอใจสูงสุด เพื่อให้ลูกค้าเกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์มาสด้า การดูแลรับผิดชอบที่มาสด้ากระทำต่อลูกค้ามิใช่จบสิ้นเพียงแค่การส่งมอบรถยนต์มาสด้าให้ลูกค้าเท่านั้น หากแต่ยังคงเกิดขึ้นตลอดนับจากวันที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกให้มาสด้าเป็นรถยนต์คู่กาย ซึ่งมาสด้าไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญ กับการจัดกิจกรรมที่จะช่วยให้มาสด้าจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลูกค้า รวมทั้งเกิดความใกล้ชิดกันระหว่างลูกค้ากับลูกค้าด้วยกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและยืนยาว ต่อยอดไปสู่การขยายกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่จะเกิดจากการบอกต่อในอนาคตด้วย

สำหรับ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข จะเริ่มทำงานกับมาสด้าในตำแหน่ง ประธานบริหาร มาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ยังวางผู้บริหารคนไทยขึ้นมายกชุดครอบคลุมทุกแผนก เพื่อให้โครงสร้างการบริหารงานเป็นไปอย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ ฝ่ายการตลาด โดยมี ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์, ฝ่ายขายกรุงเทพ มีนายเกริกฤทธ์ คำสุระ, ฝ่ายกลยุทธการขายและงานบริหารความพึงพอใจลูกค้า นายพาสกาล เศรษฐบุตร, ฝ่ายบริการหลังการขายและบริการส่วนภูมิภาค มี ดร. ปณัสย์ บุญค้ำ, ฝ่ายบริการหลังการขายเขตกรุงเทพ นายเฉลิมพร เบญจาธิกุล, ฝ่ายอะไหล่และการจัดส่งอะไหล่ นางสาวจีรภา เสพสวัสดิ์, ฝ่ายบัญชี การเงิน และบริหาร มีนางสาวสุวรรณี ชุติรัตนโรจน์, ฝ่ายบุคคลและรัฐกิจสัมพันธ์ ดร. อรรถวิท เตชะวิบูลย์วงศ์, โดยมีผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคอยสนับสนุน มร. อะสึชิ ยาซูโมโต้ เป็นรองประธานบริหาร, มร. ฮิโรโนริ ทานากะ รองประธานฝ่ายวางแผนองค์กร และ มร. ฮิโรชิ คูโก รองประธานฝ่ายบริการลูกค้าและอะไหล่

รายชื่อผู้บริหารชุดใหม่ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

Mr. Chanchai Trakarn-Udomsuk, President

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร

Mr. Atsushi Yasumoto, Excusive Vice President

นายอะสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหาร

Mr. Hironori Tanaka, Vice President – Corporate Planning

นายฮิโรโนริ ทานากะ รองประธานบริหาร งานวางแผนองค์กร

Mr. Hiroshi Kugo, Vice President - Customer Service and Parts Supply

นายฮิโรชิ คูโก รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการลูกค้าและอะไหล่

Mr. Pascal Sethabut, Vice President – Sales & Customer Satisfaction

นายพาสกาล เศรษฐบุตร รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและบริหารความพึงพอใจลูกค้า

Mr. Thee Permpongpanth, Marketing Director

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด

Dr. Panat Boonkham, Senior Director - Customer Service and Head of Regional Parts & Service

ดร. ปณัสย์ บุญค้ำ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริการหลังการขายและงานอะไหล่และบริการภูมิภาค

Mr. Krerkrit Khamsura, Director - Head of Regional Representative Office 1

นายเกริกฤทธิ์ คำสุระ ผู้อำนวยการ หัวหน้าสำนักธุรกิจผู้จำหน่ายภูมิภาค-1

Mr. Chalermporn Benjatikul, Director - Customer Service and Head of Regional Parts & Service 1

นายเฉลิมพร เบญจาธิกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายบริการหลังการขายและงานอะไหล่และบริการภูมิภาค-1

MS. Suwanee Chutiratanaroaj, Finance and Corporate Administration Director

นางสาวสุวรรณี ชุติรัตนโรจน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายบัญชี การเงิน และบริหาร

Mr. Sarawut Bunyongkul, Regional Part & Service Director-2

นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการ อะไหล่และบริการระดับภูมิภาค-2

Ms. Cheerapa Sepswasdi, Parts Supply Director

นางสาวจีรภา เสพสวัสดิ์ ผู้อำนวย การฝ่ายอะไหล่

Mr. Annop Rattanakusoom, Regional Dealer Business Director-2

นายอรรณพ รัตนกุสุมภ์ ผู้อำนวยการ ธุรกิจผู้จำหน่ายระดับภูมิภาค-2

Mr. Jirayuth Saovana, Regional Dealer Business Director-2

นายจิรยุทธ เสาวนะ ผู้อำนวยการ ธุรกิจผู้จำหน่ายระดับภูมิภาค-2

Mr. Supachai Kongtanakawee, Regional Dealer Business Director-2

นายศุภชัย คงธนกวี ผู้อำนวยการ ธุรกิจผู้จำหน่ายระดับภูมิภาค-2

Dr. Atthawit Techawiboonwong, HR & Government Affair Director

ดร. อรรถวิท เตชะวิบูลย์วงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายบุคคลและรัฐกิจสัมพันธ์

Mr. Panupong Attaprapas, Senior Marketing Communication Manager

นายภาณุพงศ์ อัฐฐะประภาส ผู้จัดการอาวุโส งานสื่อสารการตลาด

#

คอนติเนนทอล เปิดตัว “คอนติเพรสเชอร์เช็ค” ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง ครั้งแรกในประเทศไทย


คอนติเนนทอล เปิดตัว “คอนติเพรสเชอร์เช็ค” ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง ครั้งแรกในประเทศไทย เพิ่มความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย

กรุงเทพ ฯ, 5 สิงหาคม 2559 บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำนวัตกรรมด้านยางยนต์ และถือเป็นหนึ่งในบริษัทรายใหญของโลกซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง คอนติเพรสเชอร์เช็ค (ContiPressureCheckTM) มีคุณสมบัติในการตรวจวัดแรงดันลมและอุณหภูมิภายในยางล้อรถ เหตุผลที่จัดขึ้นในประเทศไทยเพราะว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจ

คอนติเนนทอลเป็นที่ไว้วางใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว ความประหยัด นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้วยังมีลักษณะเฉพาะและราคาที่เหมาะสมจึงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการในธุรกิจด้านต่าง ๆ ทั่วโลก

ระบบ CPC นี้ได้รับการรับรองว่าระบบการวัดแรงดันมีความแม่นยำสูง ติดตั้งง่าย และสะดวกในการใช้งาน โดยอุปกรณ์ตรวจจับที่ฝังอยู่ภายในยางล้อรถจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนหน้าปัดรถจึงทำให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของแรงดันลมได้ตลอดเวลา ซึ่งจากการสังเกตการณ์ที่ผ่านมาผู้ขับขี่รถยนต์ขนาดใหญ่ส่วนมากละเลยในการให้ความสำคัญของแรงดันลมยาง ซึ่งบางครั้งการที่มีแรงดันลมยางอ่อนเกินไปและรับน้ำหนักมากทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นและมีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง นี่คือเหตุผลที่ทำให้คอนติเนนทอลต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นมิติใหม่แห่งการตรวจสอบสภาพยางโดยระบบดังกล่าว ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ดังนี้

ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดแรงดันลมยาง – คือการตรวจวัดความดันและอุณหภูมิ ซึ่งถูกติดตั้งไว้ภายในท้องยาง
ระบบประมวลผลกลาง (CCU) –เป็นตัวส่งและรับสัญญาณการตรวจวัดแรงดันและอุณหภมิของยางส่งข้อมูลโดยตรงไปยังเครื่องรับสัญญาณ และประมวลผลผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
เครื่องรับสัญญาณเพิ่มเติม – ใช้เพื่อรับสัญญาณระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยางเมื่อคลื่นความถี่ปกติเปิดความขัดข้องหรือผิดปกติ
หน้าจอ – สำหรับแสดงผลของแรงดันลมและอุณหภูมิของยาง แจ้งเตือนต่อคนขับเมื่อยางมีแรงดันลดลง
เครื่องส่งสัญญาณแบบองค์รวม (สามารถเลือกได้) – เชื่อมกับตัวส่งสัญญาณท้องถิ่นเพื่อใช้ในสังเกตการณ์แบบสด  

“ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็ค พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการใช้และการดูแลรักษายาง ดิฉันได้พูดคุยกับคนขับรถหลายๆคน ล้วนมองว่าการติดตั้งระบบนี้จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้พวกเขาได้ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในแต่ละวันได้ ซึ่งทางคอนติเนนทอลมุ่งมั่นที่จะหาแนวทางแก้ไขในทุกความต้องการของลูกค้า ไม่เพียงแค่ช่วยในด้านธุรกิจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย”     ศิริวรรณ คูอัมพร กรรมการผู้จัดการ, บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คได้แก่
เพิ่มประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของยาง – การทำให้ยางมีแรงดันลมที่ดีและอุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยางได้ และทำให้ยางมีอายุยืนขึ้น โครงยางอยู่ในสภาพดี สามารถนำกลับมาหล่อดอกได้อีกครั้ง และขายได้ในราคาที่สูง
เพิ่มความปลอดภัยต่อคนใช้ถนนทุกคน
เพิ่มระยะการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมัน – การขับรถด้วยแรงดันลมที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอัตราการใช้น้ำมันได้เป็นอย่างดีอีกทั้งเพิ่มระยะการขับเคลื่อนได้อีกด้วย

มร.แพทริค ฮาร์แมน ผู้อำนวยการธุรกิจรถบรรทุก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “กลยุทธ์ในทำการตลาดธุรกิจรถบรรทุกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2560 นั้นมองว่าตลาดในประเทศไทยเหมาะสำหรับการเริ่มใช้ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คเป็นอย่างยิ่ง”
“คอนติเนนทอล ในประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นผู้นำด้านยางรถยนต์ ระบบยานพาหนะ และชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมีจุดแข็งที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสมัย, คุณภาพสูง และบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ อีกทั้งราคาที่เหมาะสม และเราจะไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยยึดหลักคุณภาพ ประหยัด และปลอดภัย” มร.แพทริค ฮาร์แมน กล่าวเพิ่มเติม

ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คติดตั้งง่ายและรองรับระบบส่งสัญญาณและยางในแบรนด์ต่างๆ เนื่องจากข้อมูลอุณหภูมิและแรงดันลมยางสามารถแสดงในระบบจอแสดงผลพร้อมกับระบบการส่งสัญญาณสามารถช่วยผู้ควบคุมในการจัดการข้อมูลและสามารถดาวน์โหลดข้อมูลไปเก็บไว้ในอุปกรณ์ภายนอกได้ด้วย

บริษัท Continental เราเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการขนส่งมวลชนและการขนส่งสินค้าและเป็นที่ไว้วางใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว ความประหยัด ด้วยยอดขายถึง 39.2 พันล้านยูโร ในปี 2558 โดยการพัฒนานี้ได้แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 ด้านได้แก่ ด้านโครงสร้างรถยนต์และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ด้านระบบภายใน ด้านระบบส่งกำลัง ด้านยางล้อรถ และด้านเทคโนโลยีเรียกว่า Contitech และมีพนักงานถึง 208,000 คนใน 55 ประเทศ

ธุรกิจยางล้อรถ ปัจจุบันมีแหล่งผลิตและพัฒนาอยู่ 24 แห่งทั่วโลก ด้วยฐานการผลิตที่กว้างขวางและคิดค้นพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้เป็นการลดต้นทุนควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบนิเวศน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็นผู้นำด้านผู้ผลิตยางรถยนต์ที่มีบุคลากรกว่า 47,000 คน ธุรกิจยางรถยนต์จึงมียอดขายถึง 9.8 พันล้านยูโรในปี 2557

Honda Safety Riding Park อบรมขับขี่ปลอดภัยให้ตำรวจภูเก็ ต กว่า 500 นาย เสริมทักษะความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ และเพิ่มศักยภาพในการป้องกัน ปราบปราม


Honda Safety Riding Park อบรมขับขี่ปลอดภัยให้ตำรวจภูเก็ ต กว่า 500 นาย
เสริมทักษะความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ และเพิ่มศักยภาพในการป้องกัน
ปราบปราม

Honda Safety Riding Park ภายใต้การดำเนินงานโครงการฮอนด้ าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย โดยบริษัท เอ. พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เปิดโครงการอบรมการขับขี่รถจัก รยานยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำ รวจ (CBR300R)   เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปร าบปราม และงานจราจร รวมถึงการขับขี่ติดตามจับกุมผู้ กระทำความผิด  ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย “Honda Safety Riding Park” จังหวัดภูเก็ต

นายอัครเดช โรจน์สิรวรพัฒน์  ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานวางแผนธุรกิจ และส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนการดำ เนินกิจกรรมภายใต้โครงการ “อบรม การขับขี่รถจักรยานยนต์เบื้องต้ นแก่ข้าราชการตำรวจ (CBR300R)” ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำ รวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมอบ รมทั้งสิ้น 10 รุ่น รวม  500 นาย ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย “Hond a Safety Riding Park” จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญและเพิ่มประสิทธิภาพใน การป้องกันและปราบปราม เพื่อดูแลความสงบสุขของประชาชน

โครงการ “อบรมการขับขี่รถจักรยา นยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำรว จ (CBR300R)” ในครั้งนี้  สอดคล้องกับพันธกิจหลักขององค์ กรที่มุ่งหวังจะสร้างความปลอดภั ยสู่สังคมไทย  ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดีของสัง คม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “เอ.พี.ฮอนด้า ตระหนักดีว่า  การส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย คือส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบขอ งเรา จึงได้ริเริ่มดำเนินกิจกรรมเผยแ พร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัยสู่สั งคมไทย ภายใต้สัญลักษณ์ Safety Thailand มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2532 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 2 7 ปี  ได้เผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัย สู่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปกว่า 20 ล้านคน ปัจจุบันฮอนด้ามีศูนย์ฝึกขับขี่ ปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งท างบก ให้เป็นโรงเรียนสอนขับรถที่สามา รถอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุ ญาตขับรถจักรยานยนต์ได้ โดยเป็นศูนย์ที่ฮอนด้าลงทุนเอง  4 แห่ง เป็นของร้านผู้จำหน่ายจำนวน 11  แห่ง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนนโยบายรัฐบาล รณรงค์ป้องกัน ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ทั้งปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขต่อสังค มโดยรวม
 
ด้าน พลตำรวจตรี ธีระพล  ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภู เก็ต กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้รับมอ บรถจักรยานยนต์ CBR300R จำนวน 140 คัน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจ ต่างๆ และในโอกาสที่ตำรวจภูธรจังหวัดภู เก็ต ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนคือ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด และ บริษัท ภูเก็ตนำแสง จำกัด ที่ได้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม การฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มทักษะการขับขี่ให้กับ ข้าราชการตำรวจในพื้นที่แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิ บัติหน้าที่ และสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ แก่บุคลาการของรัฐอีกด้วย  

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวั ดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า โครงการ “อบรมการขับขี่รถจักรยา นยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำรว จ (CBR300R)” เพื่อเพิ่มทักษะความ ชำนาญในการขับขี่ให้ข้าราชการตำ รวจ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่ อการปฏิบัติหน้าที่ได้จริง ทั้งงานป้องกันและปราบปรามและงา นจราจรในการขับขี่ขณะปฏิบัติหน้ าที่ได้อย่างมีประสิทธิภา
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved