คอนติเนนทอล เปิดตัว “คอนติเพรสเชอร์เช็ค” ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง ครั้งแรกในประเทศไทย เพิ่มความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย
กรุงเทพ ฯ, 5 สิงหาคม 2559 บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำนวัตกรรมด้านยางยนต์ และถือเป็นหนึ่งในบริษัทรายใหญของโลกซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง คอนติเพรสเชอร์เช็ค (ContiPressureCheckTM) มีคุณสมบัติในการตรวจวัดแรงดันลมและอุณหภูมิภายในยางล้อรถ เหตุผลที่จัดขึ้นในประเทศไทยเพราะว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจ
คอนติเนนทอลเป็นที่ไว้วางใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว ความประหยัด นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้วยังมีลักษณะเฉพาะและราคาที่เหมาะสมจึงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการในธุรกิจด้านต่าง ๆ ทั่วโลก
ระบบ CPC นี้ได้รับการรับรองว่าระบบการวัดแรงดันมีความแม่นยำสูง ติดตั้งง่าย และสะดวกในการใช้งาน โดยอุปกรณ์ตรวจจับที่ฝังอยู่ภายในยางล้อรถจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนหน้าปัดรถจึงทำให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของแรงดันลมได้ตลอดเวลา ซึ่งจากการสังเกตการณ์ที่ผ่านมาผู้ขับขี่รถยนต์ขนาดใหญ่ส่วนมากละเลยในการให้ความสำคัญของแรงดันลมยาง ซึ่งบางครั้งการที่มีแรงดันลมยางอ่อนเกินไปและรับน้ำหนักมากทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นและมีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง นี่คือเหตุผลที่ทำให้คอนติเนนทอลต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นมิติใหม่แห่งการตรวจสอบสภาพยางโดยระบบดังกล่าว ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดแรงดันลมยาง – คือการตรวจวัดความดันและอุณหภูมิ ซึ่งถูกติดตั้งไว้ภายในท้องยาง
ระบบประมวลผลกลาง (CCU) –เป็นตัวส่งและรับสัญญาณการตรวจวัดแรงดันและอุณหภมิของยางส่งข้อมูลโดยตรงไปยังเครื่องรับสัญญาณ และประมวลผลผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
เครื่องรับสัญญาณเพิ่มเติม – ใช้เพื่อรับสัญญาณระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยางเมื่อคลื่นความถี่ปกติเปิดความขัดข้องหรือผิดปกติ
หน้าจอ – สำหรับแสดงผลของแรงดันลมและอุณหภูมิของยาง แจ้งเตือนต่อคนขับเมื่อยางมีแรงดันลดลง
เครื่องส่งสัญญาณแบบองค์รวม (สามารถเลือกได้) – เชื่อมกับตัวส่งสัญญาณท้องถิ่นเพื่อใช้ในสังเกตการณ์แบบสด
“ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็ค พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการใช้และการดูแลรักษายาง ดิฉันได้พูดคุยกับคนขับรถหลายๆคน ล้วนมองว่าการติดตั้งระบบนี้จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้พวกเขาได้ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในแต่ละวันได้ ซึ่งทางคอนติเนนทอลมุ่งมั่นที่จะหาแนวทางแก้ไขในทุกความต้องการของลูกค้า ไม่เพียงแค่ช่วยในด้านธุรกิจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย” ศิริวรรณ คูอัมพร กรรมการผู้จัดการ, บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คได้แก่
เพิ่มประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของยาง – การทำให้ยางมีแรงดันลมที่ดีและอุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยางได้ และทำให้ยางมีอายุยืนขึ้น โครงยางอยู่ในสภาพดี สามารถนำกลับมาหล่อดอกได้อีกครั้ง และขายได้ในราคาที่สูง
เพิ่มความปลอดภัยต่อคนใช้ถนนทุกคน
เพิ่มระยะการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมัน – การขับรถด้วยแรงดันลมที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอัตราการใช้น้ำมันได้เป็นอย่างดีอีกทั้งเพิ่มระยะการขับเคลื่อนได้อีกด้วย
มร.แพทริค ฮาร์แมน ผู้อำนวยการธุรกิจรถบรรทุก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “กลยุทธ์ในทำการตลาดธุรกิจรถบรรทุกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2560 นั้นมองว่าตลาดในประเทศไทยเหมาะสำหรับการเริ่มใช้ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คเป็นอย่างยิ่ง”
“คอนติเนนทอล ในประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นผู้นำด้านยางรถยนต์ ระบบยานพาหนะ และชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมีจุดแข็งที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสมัย, คุณภาพสูง และบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ อีกทั้งราคาที่เหมาะสม และเราจะไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยยึดหลักคุณภาพ ประหยัด และปลอดภัย” มร.แพทริค ฮาร์แมน กล่าวเพิ่มเติม
ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คติดตั้งง่ายและรองรับระบบส่งสัญญาณและยางในแบรนด์ต่างๆ เนื่องจากข้อมูลอุณหภูมิและแรงดันลมยางสามารถแสดงในระบบจอแสดงผลพร้อมกับระบบการส่งสัญญาณสามารถช่วยผู้ควบคุมในการจัดการข้อมูลและสามารถดาวน์โหลดข้อมูลไปเก็บไว้ในอุปกรณ์ภายนอกได้ด้วย
บริษัท Continental เราเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการขนส่งมวลชนและการขนส่งสินค้าและเป็นที่ไว้วางใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว ความประหยัด ด้วยยอดขายถึง 39.2 พันล้านยูโร ในปี 2558 โดยการพัฒนานี้ได้แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 ด้านได้แก่ ด้านโครงสร้างรถยนต์และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ด้านระบบภายใน ด้านระบบส่งกำลัง ด้านยางล้อรถ และด้านเทคโนโลยีเรียกว่า Contitech และมีพนักงานถึง 208,000 คนใน 55 ประเทศ
ธุรกิจยางล้อรถ ปัจจุบันมีแหล่งผลิตและพัฒนาอยู่ 24 แห่งทั่วโลก ด้วยฐานการผลิตที่กว้างขวางและคิดค้นพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้เป็นการลดต้นทุนควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบนิเวศน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็นผู้นำด้านผู้ผลิตยางรถยนต์ที่มีบุคลากรกว่า 47,000 คน ธุรกิจยางรถยนต์จึงมียอดขายถึง 9.8 พันล้านยูโรในปี 2557