รอยัล เอนฟิลด์ เปิดตัว Custom Bike ดีไซน์รถยุคสงครามโลก ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33
รอยัล เอนฟิลด์มอบหมวกนิรภัย Open Face ทรง คลาสสิควินเทจสีดำ มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท
เผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน, รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์, รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน และรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู
ภาพข่าว (จากซ้ายไปขวา) : รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ร่วมถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก เปิดตัวสีใหม่และแนะนำ รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ในมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 โดยมี คุณวราทิพย์ เชยศักดิ์ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด และคุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านปฏิบัติงาน ทั่วไปของงานมหกรรมยานยนต์ ให้เกียรติถ่ายรูปร่วมกับ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่าย รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ และนีโน่-เมทนี บุรณศิริ (ที่ 4 จากซ้าย) ณ บูธ รอยัล เอนฟิลด์
กรุงเทพฯ, พฤศจิกายน 2559 - รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก ลงบนรอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ พร้อมเปิดตัวรถรอยัล เอนฟิลด์รุ่นใหม่ เซอร์ไพรส์ แคมเปญพิเศษในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016
ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ กล่าวว่า “รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสไตล์รถทหารที่ใช้ในสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2”
“รอยัล เอนฟิลด์เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสัญชาติอังกฤษที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลกถึง 115 ปี โดยสายการผลิตเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2444 ต่อมาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457 – พ.ศ.2461) ทางรอยัล เอนฟิลด์ได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งแรกด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้แก่กองทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีรถพ่วงข้างติดปืนกลแบบวิคเกอร์ที่สามารถโจมตีทางด้านอากาศ นอกจากนี้รอยัล เอนฟิลด์ยังได้ผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้กับกรมกิจการสงครามอังกฤษและรัฐบาลจักรวรรดิรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกันจนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
(พ.ศ. 2482 – พ.ศ.2488) ทางรอยัล เอนฟิลด์ก็ได้รับคำสั่งให้ช่วยผลิตรถจักรยานยนต์สำหรับกองทหารอังกฤษอีกครั้ง โดยรถคันดังกล่าวถูกเรียกขานโดยเหล่าทหารว่า “เจ้าหมัดบิน” (Flying Flea) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ออกแบบสำหรับใช้ลำเลียงไปกับร่มชูชีพโดยกองกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง รอยัล เอนฟิลด์ยังคงผลิตรถรุ่นที่พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามมาอย่างต่อเนื่องจนได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่อย่างรถรุ่น Bullet ในเวลาต่อมา และกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ยังคงมีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ด้วยจุดเด่นด้านความทนทานและสามารถใช้งานได้ทุกสภาวะ ชื่อของรอยัล เอนฟิลด์จึงถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เคียงคู่กับเหล่าทหารกล้าแห่งสมรภูมิรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2” ม.ล.พลอยนภัส กล่าวเสริม
สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016 ในครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ ได้สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของรอยัล เอนฟิลด์ด้วยการนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดดีไซน์ใน รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ยุคสมัยปัจจุบัน โดยสำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต (Libero Moto) หลากหลายรุ่นดังนี้
1. รถ Custom Royal Enfield Classic 500 Side Car
รถคัสตอมแบบพ่วงข้างกลิ่นอายสมัยสงครามโลก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ทั้งชิลด์หน้าทรงสูง กันชนหน้าสแตนเลส ระบบดิสก์เบรคลิงค์กับเบรคหลัง ระบบสัญญาณหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย กล่องเก็บของพร้อมตะแกรงหลัง รวมถึงเบาะที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 255,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic 500 Side Car และราคา 269,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic Chrome Side Car
2. รถ Custom Royal Enfield Continental GT White
อิสรภาพที่แลกมาซึ่งความเสียสละของเหล่านักรบ ทั้งหลาย โดดเด่นด้วยตัวถังน้ำมันสีขาวคาดดำ มาพร้อมแผงคอบนล่าง และบังโคลนหน้าหลังสีเงิน นอกจากนี้ ยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันผ่านการคัสตอมองค์ประกอบต่างๆ ทั้งก้านเบรค คลัช แฮนด์ ปลอกแฮนด์ กระจกปลายแฮนด์ทรงกลม ฝาครอบด้านข้างซ้ายขวา ยางหุ้มโช้ค ชุดเกียร์โยง และไฟท้ายใน โทนสีดำ เบาะยาว
สะดวกกับคนซ้อนมากขึ้น ล้อรางนี้พร้อมชุดซี่ลวดขอบ 17 นิ้วหน้าหลังสีเงิน ท่อจาก สำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 289,800 บาท
3. รถ Custom Royal Enfield Classic Flying Tigers
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝูงบินของนักบิน อาสาสมัครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีสัญลักษณ์รูปฉลามบนส่วนหัวของเครื่องบินรบ P-40 เพื่อใช้ในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ทั้งนี้ เพื่อ เป็นการรำลึกถึงผู้กล้าที่ฝ่าฟันข้าศึก รถคัสตอม Classic Flying Tigers คันนี้ จึงมีการใช้ถังน้ำมันรูปฉลาม ซึ่งมีงานตัวอักษรที่ฝาครอบและกรองอากาศแบบเดียวกับเครื่องบินรบ P-40 พร้อมของแต่งทั้งมือเบรคคลัทช์ ไฟเลี้ยว ท่อ Fully System จาก ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 218,800 บาท
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีการเผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล
เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน (Royal Enfield Continental GT Green) รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน (Royal
Enfield Classic Chrome Green) และ รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู (Royal Enfield Classic Squadron
Blue) รวมถึง รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์ (Royal Enfield Bullet Marsh Grey) รุ่นต่างๆเหล่านี้ยังมีดีไซน์ที่คงความเป็นตำนานคลาสสิคได้อย่างชัดเจน
สำหรับแคมเปญพิเศษในงาน Motor Expo 2016 ครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์จะมอบหมวกนิรภัย Open Face ทรงคลาสสิควินเทจสีดำ ขอบหมวกหุ้มด้วยหนังแท้สีน้ำตาล มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ -12 ธันวาคม 2559 โดยสามารถจองได้ทั้งภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ และที่ รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ