Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เอ.พี.ฮอนด้า เปิดแผนระยะกลาง 3 ปีฉบับใหม่ มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน ตั้งเป้ากวาดยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 1.4 ล้านคัน จากตลาดรวม 1.85 ล้านคันในปี 2014 เปิดตลาดไตรมาสแรกอย่างร้อนแรงด้วย All New PCX150 และ New MSX125


เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย สร้างความยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีผู้นำ ประกาศความสำเร็จในปี 2013 ด้วยยอดจำหน่ายที่สูงถึง 1,493,000 คัน จากตลาดรวม 2,004,000 คัน เริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยการเปิดตัวแผนระยะกลาง 3 ปี ระหว่างปี 2014-2016 มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่างๆเพื่อความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้ายอดจำหน่ายปี 2014 ที่ 1,400,000 คัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,850,000 คัน ก่อนเดินเกมรุกตั้งแต่ไตรมาสแรกด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ All New PCX150 รถเอ.ที.ดีไซน์ใหม่สุดหรูหราด้วยไฟ LED รอบคัน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีระดับโลกทั้งขุมพลัง eSP (Enhanced Smart Power) เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 150cc. ที่ให้ทั้งสมรรถนะและความประหยัด, ระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System, กลไกล็อกเบาะขณะเปิดอัตโนมัติ Seat Stopper เพื่อความสะดวกและปลอดภัย และ New MSX125 มินิสตรีทไบค์คลัทช์มือโฉมใหม่ดุดันยิ่งกว่าเดิมด้วยตัวถังสีน้ำเงินและล้อแม็กสีทอง ก่อนทยอยส่งโมเดลใหม่ๆลงตลาดตลอดทั้ง 3 ปี รวม 12 รุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม
            
มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2013 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เริ่มจากภาคการส่งออกที่ซบเซาในช่วงต้นปีสืบเนื่องมาจากภาวะแข็งตัวของค่าเงินบาท ก่อนจะประสบกับปัญหาความไม่สงบทางการเมืองและความไม่แน่นอนของราคาสินค้าเกษตรในช่วงปลายปี ส่งผลให้จีดีพีของไทยเติบโตเพียง 2.8% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.5% และส่งผลให้ยอดจดทะเบียนตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2,004,000 คัน หรือปรับตัวลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 2012 อย่างไรก็ตาม จากการที่รถรุ่นใหม่ๆของฮอนด้าอย่าง Zoomer-X และ MSX125 ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย ได้ทำให้ฮอนด้ามียอดจำหน่ายในปี 2013 อยู่ที่ประมาณ 1,493,000 คัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1% ส่งผลให้ฮอนด้ามีส่วนแบ่งในตลาดที่ 74.5% ครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเป็นปีที่ 25 ติดต่อกัน
            
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2014 เอ.พี.ฮอนด้าได้เริ่มต้นแผนระยะกลาง 3 ปี ฉบับใหม่ (2014-2016) เพื่อปรับตัวองค์กรให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยแผนระยะกลางฉบับใหม่นี้มีเป้าหมายอยู่ที่การก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน ด้วยมาตรการสำคัญ 3 ประการประกอบไปด้วย
             
มาตรการแรก การเป็นผู้นำด้านความรับผิดชอบต่อสังคม โดยในด้านความปลอดภัยเอ.พี.ฮอนด้าได้ร่วมมือกับภาครัฐและสถาบันอาชีวศึกษาจัดทำโครงการ “One Dealer One School หนึ่งร้านสร้างสรรค์ หนึ่งสถาบันสร้างสังคมเช่นเดียวกับโครงการ “Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศูนย์ เริ่มที่ตัวคุณ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึงในแผนระยะกลางฉบับใหม่นี้ เอ.พี.ฮอนด้าจะเสริมความเข้มข้นในการทำกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยเพื่อผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนภายใต้สโลแกน “Safety for Everyone” โดยร่วมกับเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายฯ จัดตั้งศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยอีก 6 แห่งทั่วประเทศ พร้อมผลักดันการให้ความรู้ด้านกฏจราจร และปลูกฝังวิธีการขับขี่ปลอดภัยให้แก่นักเรียนตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนด้านสิ่งแวดล้อมเอ.พี.ฮอนด้าได้ผลักดันให้ร้านผู้จำหน่ายฯพัฒนาสู่การเป็นร้าน กรีนดีลเลอร์หรือศูนย์บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนจากเดิมที่มีอยู่ 540 แห่งในปัจจุบันเป็น 1,200 แห่งภายใน 3 ปี ในขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมนำเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับสูง อาทิ ระบบคอมบายเบรก และระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ มาติดตั้งในรถเอ.ที.ขนาดเล็กรุ่นใหม่ๆ เพราะเป็นกลุ่มที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย
             
มาตรการที่สอง การสร้างคุณค่าอันเป็นเลิศในธุรกิจรถจักรยานยนต์ ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าในระดับสูง พัฒนาเพื่อผู้ใช้ชาวไทยในทุกๆกลุ่ม ซึ่งในช่วง 3 ปีนับจากนี้ไป เอ.พี.ฮอนด้า จะเปิดตัวและวางจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ถึง 12 รุ่น พร้อมต่อยอดการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่บิ๊กไบค์ให้กับผู้บริโภคชาวไทยอย่างมั่นคง ด้วยการวางจำหน่ายรถบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายฮอนด้าบิ๊กวิง
            
มาตรการที่สาม การขยายคุณค่าแบรนด์สูงสุด โดยการประชาสัมพันธ์องค์กรให้มากขึ้นผ่านกิจกรรมต่างๆทั้งในด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อมุ่งสู่การเป็นที่ยอมรับจากสังคมทั้งจากผู้ที่ขี่และไม่ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ควบคู่ไปกับการต่อยอดแบรนด์แคมเปญซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นเป็นเป้าหมายหลัก
            มร.จิอากิ คาโต ได้กล่าวว่า ในแผนระยะกลางฉบับใหม่ที่จะนำมาใช้ระหว่างปี 2014-2016 นี้ เอ.พี.ฮอนด้าพร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รักและเป็นที่ยอมรับของสังคมไทย ผ่านการทำกิจกรรมและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของเรานั่นคือการก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง
            
 ในส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2014 เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังขาดแรงกระตุ้นในเชิงบวก เราคาดการณ์ว่าตลาดรวมตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ 1,850,000 คัน โดยเอ.พี.ฮอนด้าตั้งเป้าการจำหน่ายไว้ที่ 1,400,000 คัน โดยฮอนด้าเตรียมกระตุ้นดีมานด์ให้กับตลาดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง All New Honda PCX150 ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ของรถเอ.ที.ระดับพรีเมียมรุ่นนี้หลังจากที่เคยเปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2009 และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดีจนมียอดจำหน่ายสะสมกว่า 130,000 คัน โดยในปี 2014 นี้ All New PCX150 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่หมดทั้งคัน ล้ำสมัยด้วยไฟแบบ LED และเทคโนโลยีต่างๆ ถือเป็นมิติใหม่ของวงการรถจักรยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ เรายังได้เปิดตัว New MSX125 รถมินิไบค์ดีไซน์ใหม่ดูเท่ยิ่งกว่าเดิม ในขณะเดียวกันเรายังได้เพิ่มสีเหลืองให้กับรุ่น Zoomer-X เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่นอีกด้วย
            
ทั้งนี้ All New Honda PCX150 ถือเป็นรถเอ.ที.ระดับพรีเมียมที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ภายใต้คอนเซปต์ “THE ONE AND ONLY เสน่ห์ความเท่หนึ่งเดียวที่ไม่มีใครเทียบเคียงดีไซน์หรูหรา โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Dual LED Head Light พร้อมไฟเลี้ยวและไฟท้ายแบบ LED ทั้งหมด, แผงหน้าปัดหรูสไตล์ Cockpit, เบาะนั่งดีไซน์ใหม่แบบ Sit-In นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนด้วยพื้นที่เหยียดขาที่มากขึ้น, กลไกล็อกเบาะขณะเปิดอัตโนมัติ Seat Stopper เพื่อความสะดวกและปลอดภัย, เก็บของสะดวกสบายเหมือนรถยนต์ด้วย Console Box พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟสำหรับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
             
ในด้านการขับเคลื่อน All New PCX150 ใช้ขุมพลัง eSP (Enhanced Smart Power) เครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 150cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System อันเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อประหยัดน้ำมัน และรักษาสิ่งแวดล้อม, ปลอดภัยด้วยระบบคอมบายเบรกแบบไฮดรอลิกพร้อมคาลิปเปอร์ 3 ลูกสูบ,อุ่นใจทุกครั้งที่จอดรถด้วยระบบสัญญาณกันขโมยกุญแจนิรภัยพร้อมรีโมทคอนโทรล Anti-Theft Alarm with Respond Remote Key เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ All New PCX150 มีให้เลือก 4 สีได้แก่ขาวด้าน, เทาด้าน แดงเงา, และดำเงา
             
สำหรับ New MSX125 รถมินิไบค์ขับขี่แบบคลัทช์มือที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ก็ได้รับการปรับโฉมให้มีความดุดันมากขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “Clutching Adrenaline ปล่อยมันส์ ออกมาซะด้วยล้อแม็กสีทองสไตล์รถแต่งขนาด 12 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้าง ทะยานดั่งใจด้วยเครื่องยนต์ PGM-FI ขนาด 125cc. มีให้เลือก 4 สีได้แก่น้ำเงิน(สีใหม่ล่าสุด), ขาว, แดง, และดำ
            
 เอ.พี.ฮอนด้าจะวางจำหน่าย New MSX125 ผ่านศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2557 เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำที่ 67,800 บาท ตามด้วย All New Honda PCX150 ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th และติดตามกิจกรรมต่างๆของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand.com

All New toyota yaris 2013 2014 โตโยต้า ยาริส

มาอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับAll New toyota yaris 2013 2014  โตโยต้า ยาริส

 

มาดูภายนอก  toyota yaris  โตโยต้า ยาริส กันนะครับ

เรื่องของการออกแบบภายนอกนั้นสามารถจะออกแบบได้โดดเด่นมากสะดุดทุกสายตาที่มองมา โดดเด่นทุกการโลดแล่นบนถนน ไฟหน้าแบบรีแฟลกเตอร์ที่โฉบเฉี่ยวเร้าใจ  กันชนหน้าแบบ Sport เร้าใจ

 



 

มาดูภายใน  toyota yaris  โตโยต้า ยาริส กันนะครับ

สำหรับภายในของ  toyota yaris นั้น หลายๆ คนกลังคิดว่าจะแคบ แต่ที่จริงแล้วก็กว้างพอสมควรเลยก็ว่าได้ สามารถจะตอบรับทุกการใช้งานได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมายทั้งเครื่องเล่น DVD AUX และยังสามารถจะเชื่อต่อกับอุปกรณ์ไร้สายได้อีกด้วย






 

เอ.พี.ฮอนด้า เปิดตัวแคมเปญ Zero Accident ปี 5 รับเทศกาลปีใหม่ชูคอนเซปต์ “ดื่มไม่ขี่” ให้บริการตรวจรถฟรี 10 รายการ พร้อมเปิดจุดพักรถพิเศษสำหรับผู้เดินทางไกล



เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกการขับขี่อย่าง ปลอดภัยรับเทศกาลปีใหม่ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศุนย์ เริ่มที่ตัวคุณ” ปืที่ 5 หลังจากที่ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 และประสบความสำเร็จด้วยเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนล่าสุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ได้เน้นไปที่การลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนพร้อมสร้างการรับรู้และเตือนสติกลุ่มเป้าหมายคนวัยทำงานและวัยรุ่นทั่วไปให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุด “ดื่มไม่ขี่” ออกอากาศทางฟรีทีวีและเคเบิลทีวีพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป อีกทั้งยังผนึกกำลังร่วมกับเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศจัดโครงการFree Service บริการตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ฮอนด้าฟรีถึง 10 รายการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพียง 30 บาท และมอบส่วนลดพิเศษอีกถึง 30 % สำหรับยางและแบตเตอรี่ระหว่างวันที่ 19-21 ธันวาคม 2556 ตามด้วยการเปิดจุดพักรถพิเศษให้บริการฟรีเครื่องดื่มและสปานวดเท้า สำหรับผู้ที่เดินทางไกลด้วยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบนเส้นทางหลวงขึ้นสู่ภาคเหนือตั้งแต่ 27 ธันวาคม – 2 มกราคม 2557 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.aphonda.co.th

นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหารส่วนงานส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด และผู้อำนวยการศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า “จากแนวคิดการรณรงค์ให้มีการขับขี่อย่างปลอดภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ทาง เอ.พี.ฮอนด้าได้ริเริ่มโครงการ Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศูนย์เริ่มที่ตัวคุณ มาตั้งแต่ปี 2553 ด้วยคำพูดบอกเล่าผ่านศิลปินที่เป็นพรีเซนเตอร์ของฮอนด้าในช่วงแรก และมีการสานต่อมาโดยตลอด จนมาถึงการร่วมมือกับนักเตะชื่อดังจากทีมแมนฯยูฯและลิเวอร์พูลในช่วงต้นปี 2556 เพื่อตอกย้ำถึงแมสเสจต่างๆของ Zero Accident ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากจุดประสงค์ในการสร้างจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนให้รู้จักลดอุบัติเหตุด้วยการเริ่มที่ตัวเอง จนได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆของทั้งภาครัฐและเอกชนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดของกรมการขนส่งทางบกทำให้เราได้ทราบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในลำดับต้น
ๆยังคงมาจากการดื่มสุราแล้วขับขี่ ดังนั้น ในการเข้าสู่ปี 2557 ซึ่งจะเป็นปีที่ 5 ของโครงการ Zero accident นี้ เราจึงให้ความสำคัญไปที่การรณรงค์ไม่ให้มีการดื่มแล้วขี่ กลายเป็นเป็นที่มาของการสร้างภาพยนตร์โฆษณาชุดดื่มไม่ขี่ ทั้งนี้ก็เพื่อเตือนสติให้ผู้บริโภคได้ฉุกคิดถึงครอบครัวและคนที่รักทุกครั้งก่อนออกสตาร์ทรถ ว่าถ้าหากเลือกที่จะดื่ม ก็ไม่ควรที่จะขับขี่ หรือหากทราบว่าจะต้องขับขี่ก็ไม่ควรดื่มตั้งแต่แรก เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเราเชื่อว่าภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้จะช่วยปลูกจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ตระหนักในการดื่มไม่ขี่มากขึ้น เพื่อให้เทศกาลปีใหม่นี้เป็นเทศกาลของความสุขสำหรับคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง”

สำหรับภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของโครงการ Zero Accident อุบัติเหตุเป็นศูนย์เริ่มที่ตัวคุณ ชุดดื่มไม่ขี่มีแนวทางการสื่อสารอยู่ที่การสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชม ในเสี้ยวขณะที่ทุกคนกำลังจะไปมีความสุขในโอกาสต่างๆโดยลืมที่จะนึกถึงครอบครัวและคนรักที่รออยู่ โดยนำเสนอเป็น 3 เวอร์ชัน จากเรื่องราวของคุณพ่อในวัยทำงานกับครอบครัว และบันฑิตหนุ่มจบใหม่กับคุณแม่ เวอร์ชันละ 30 วินาที และเวอร์ชันเต็มความยาว 60 วินาที ทั้งนี้ เอ.พี.ฮอนด้า จะเริ่มออกอากาศภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆทั่วประเทศ

นอกจากการรณรงค์ให้มีการขับขี่อย่างปลอดภัยผ่านโฆษณาชุดใหม่แล้ว เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้ร่วมกับเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ทั่วประเทศจัดโครงการ Free Service ในช่วงปีใหม่
มอบบริการตรวจเช็คสภาพสำหรบผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าฟรีถึง 10 รายการ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในราคาพิเศษเพียง 30 บาทเท่านั้น และยังมอบส่วนลดพิเศษอีก 30% สำหรับยางอะไหล่และแบตเตอรี่ ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 ธันวาคม 2556 ตามด้วยการเปิดจุดพักรถพิเศษให้บริการฟรีเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นรวมถึงของว่าง พร้อมบริการสปานวดเท้า

สำหรับผู้ที่เดินทางไกลด้วยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบนเส้นทางหลวงขึ้นสู่ภาคเหนือสายชัยนาทสรรพยาตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2556 ถึง 2 มกราคม 2557 ผู้สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.aphonda.co.th

นิสสัน เปิดตัว “นิสสัน จู๊ค” รถสปอร์ตครอสโอเวอร์ โดดเด่น มีเอกลักษณ์


  • -ผู้นำรถยนต์ประเภทคอมแพค สปอร์ตครอสโอเวอร์ ครั้งแรกในเมืองไทย
  • -สัมผัสประสบการณ์สมรรถนะการขับขี่ กับระบบ I-Con และ I-Connect
  • -เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจวัยมันส์ “พีช พชร จิราธิวัฒน์”

กรุงเทพฯ – 26 พฤศจิกายน 2556 – บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้นเร้าใจ ประกาศเปิดตัวรถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์คันแรกในไทย “นิสสัน จู๊ค” ฉีกกฏรถยนต์ประเภทแฮทช์แบคอย่างสิ้นเชิง

ด้วยยอดขายมากกว่า 680,000 คันทั่วโลกนับตั้งแต่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2553 จู๊ค ถ่ายทอดความแตกต่างอย่างมีสไตล์ บังคับควบคุมได้อย่างคล่องแคล่ว ขับสนุก และเทคโนโลยีที่ใช้ได้ง่าย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของรถประเภทครอสโอเวอร์ ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก

“ด้วยจำนวนของรถยนต์ประเภทสปอร์ตครอสโอเวอร์ที่เพิ่มมากขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เราได้เล็งเห็นโอกาสที่จะแนะนำรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย” นายทาคายูกิ คิมูระ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและเสริมว่า “เนื่องจาก นิสสัน จู๊ค มีสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมที่ดีในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือนอกเมือง ผมมั่นใจจู๊คจะกลายเป็นรถที่มีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นบนท้องถนนเมืองไทย”

ภายใต้แนวคิด “Born to excite” จู๊ค มีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว ดุดันและกลมกลืน มีเอกลักษณ์ สะดุดทุกสายตาด้วยไฟหน้าและไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง ผสานสไตล์รถคูเป้ ให้อารมณ์สปอร์ต ด้วยเส้นด้านข้างแบบ high waistline และโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ช่วยเสริมสมรรถนะการทรงตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน

นอกจากนี้ องค์กรที่มีชื่อเสียงด้านการสำรวจและวิจัยตลาด เจ ดี พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิค ได้ประกาศว่า นิสสัน จู๊ค ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ของรูปลักษณ์ภายนอกของกลุ่มรถยนต์ประเภทคอมแพค และอยู่ในระดับที่ดีมากของในประเภทการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์
นอกเหนือจากดีไซน์โฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ จู๊ค ยังมาพร้อมกับ ระบบควบคุมการทำงานอัจฉริยะ I-Con (Integrated-Control System) ที่มีโหมดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร (Climate Mode) และโหมดควบคุมรูปแบบการขับขี่ (Drive Mode) ที่เลือกปรับได้ 3 รูปแบบ ทั้งโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) เน้นขับสนุกเต็มสปีด เร่งแซง ได้รวดเร็วทันใจ และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Eco Mode) เน้นการขับขี่ที่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด

นิสสัน จู๊ค ยังจัดเต็มเทคโนโลยีสุดล้ำเติมอารมณ์การขับขี่ให้สนุกมากขึ้น ด้วยระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและความบันเทิง I-Connect บนหน้าจอสัมผัสแบบพกพาขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถอดออกจากแผงหน้าจอหลักได้เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วยสัญญาณ WIFI ผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS หรือแอนดรอยด์  สามารถชมและแชร์ไฟล์ภาพ เพลง วิดีโอได้อย่างไร้ขีดจำกัดบนหน้าจอเมื่อใช้ Micro SD Card/USB หรือเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการ iOS หรือแอนดรอยด์ผ่านระบบ DLNA พร้อมฟังเพลงหรือโทรออก-รับสายเรียกเข้าได้อย่างปลอดภัยขณะขับรถเมื่อเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ สะดวกสบายทุกการใช้งานด้วยระบบสั่งการเมนูหลักด้วยเสียง Voice Recognition พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย

และเพื่อสะท้อนความเป็น จู๊ค ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นิสสัน เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ขวัญใจวัยมันส์ “พีช พชร จิราธิวัฒน์” พร้อมกับกลยุทธ์ Entertainment Marketing โดยกำหนดทิศทางสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด “Born to excite” ครอบคลุมสื่อมัลติมีเดียเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทุกรูปแบบ อาทิ บทเพลงจากศิลปินสุดฮอต “Getsunova” มิวสิควิดีโอ หนังสั้นโดยผู้กำกับฝีมือเยี่ยมที่มีผลงานกระแทกใจวัยรุ่น “ปวีณ ภูริจิตปัญญา” สติ๊กเกอร์ LINE และภาพยนตร์โฆษณา

นิสสัน จู๊ค ขับเคลื่อนปราดเปรียวด้วยเครื่องยนต์สุดล้ำ HR16 ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบหัวฉีดคู่ (Dual Injector System) ผสานกับระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin C-VTC และระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะ XTRONIC CVT สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่ 154 นิวตัน-เมตร (15.7 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (พีเอส) ที่ 5,600 รอบต่อนาที  เผาไหม้เชื้อเพลิงหมดจด ประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม มั่นใจในสมรรถนะการเกาะถนนด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง มีจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 1.6E และรุ่น1.6V มีให้เลือก 6 สี คือ สีแดงเบิร์นนิ่งเรด สีน้ำเงินแปซิฟิคบลู  สีดำแบล็คโซลิด  สีขาวไวท์โซลิด  สีเทาทไวไลท์เกรย์  และสีเงินบริลเลียนท์ซิลเวอร์

“เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย ตอบสนองเพื่อให้ประสบการณ์ขับขี่ที่สนุก เร้าใจ จู๊ค คือสิ่งที่แบรนด์ นิสสัน ยืนหยัด ซึ่งก็คือ นวัตกรรมที่สร้างความเร้าใจให้กับทุกคน  การเปิดตัว จู๊ค อยู่ในแผนงานที่เราต้องการมอบรถยนต์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้า เราเชื่อมั่นว่า จู๊ค จะเปิดกลุ่มรถยนต์สายพันธุ์ใหม่ที่จะดึงดูดใจลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน”นายคิมูระ กล่าว

“MOTOR EXPO 2013” ยอดจองรถ 41,083 คัน ยอดผู้ชมกว่า1.36 ล้านคน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ปิดฉากยิ่งใหญ่


ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการเมือง แต่ผู้ชมกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง ระดับ B+ ถึง A ยังจองรถใหม่คับคั่ง ส่งผลให้รถยนต์นั่งขนาดกลางและรถประเภทเอสยูวี ขายดี ดันราคารถเฉลี่ยในงานทะลุหลักล้าน สร้างเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า46,000ล้านบาท

 ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” “ถึงแม้ว่าช่วงเวลาจัดงานจะมีการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อแต่ถือว่ายังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดี จำนวนผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,367,357 คน ลดลง 14.5% จากยอดประเมินเดิม 1.6 ล้านคน โดยมียอดจองรถตลอดทั้ง 12 วัน รวม 41,083 คัน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานได้กว่า 46,000ล้านบาท (รวมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ รถมือสอง ค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน 5 อันดับแรก

อันดับ 1 โตโยตา มียอดจองทั้งสิ้น 9,075 คัน 
อันดับ 2 ฮอนดา 6,099 คัน 
อันดับ 3 นิสสัน 4,007 คัน
อันดับ 4 อีซูซุ 3,753 คัน และ 
อันดับ 5 มิตซูบิชิ 3,689 คัน

 ส่วนรถเก๋งหรู นำโดยเมร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจอง 1,227 คัน ตามด้วยบีเอมดับเบิลยู 763 คัน 

 “ผู้จัดได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ร่วมรายการซื้อรถ ชิงรถ ปีนี้ พบว่า รถเก๋ง มียอดจองคิดเป็นสัดส่วน 51.4% ของยอดจองทั้งหมดในงานรถเอสยูวี 26.8% รถกระบะ 14.6% และรถประเภทอื่น 7.2%” ที่น่าสนใจคือราคาเฉลี่ยรถในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,046,457 บาท จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800,000 บาท 

เนื่องจากความต้องการซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (อีโคคาร์) ลดลงจากเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งมีนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล

โดยปีนี้ผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถเอสยูด้านรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม มียอดจองรวม 2,104 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.6% โดยฮอนดาขายได้ 1,001 คัน คาวาซากิ 254 คัน และเบเนลี 222 คัน ตามลำดับ



“ซูบารุ”อัดแคมเปญพิเศษงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 พร้อมเปิดตัว“SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl



“ซูบารุ” จัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษที่เหนือกว่า ให้คุณเป็นเจ้าของซูบารุทุกรุ่นได้ง่ายขึ้น สำหรับทุกท่านที่จองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 พร้อมเปิดตัว “SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl ภายในงาน เพื่อตอบสนองตอบความต้องการของลูกค้าและต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายยอดจองตลอดทั้งงานกว่า 1,000 คัน ขณะเดียวกันเตรียมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคมนี้ ณ ลานกิจกรรม ริมทะเลสาบ P9 เมืองทองธานี
นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่าบริษัท ฯ ได้นำรถยนต์ซูบารุครบทุกรุ่น จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 หรือ “The 30th Thailand International Motor Expo 2013” ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งโปรดักซ์ไฮไลท์ของงานนี้ คือ SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจองเป็นเจ้าของได้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ที่มียอดจองรถยนต์ “SUBARU XV” กว่า 3,000 คัน
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับ ซูบารุทุกรุ่น รับดอกเบี้ยพิเศษที่ 1.79% พร้อมรับบริการ Roadside assist 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง “SUBARU XV 2.0i PREMIUM” รับเพิ่มประกันชั้น 1 และบัตรเติมน้ำมัน PTT CASH CARD
นายอภิชัย กล่าวต่อว่า ภายในงานบริษัทฯ นำรถยนต์ซูบารุมาจัดแสดงครบทุกรุ่น นำโดย SUBARU XV 2.0i PREMIUM ราคา 1.35 ล้านบาท, ALL New Forester 2.0 i-ราคา 1.89 ล้านบาท, ALL New Forester 2.0 XT ราคา 2.59 ล้านบาท , Outback 2.5i ราคา 2.59 ล้านบาท, Legacy 2.5GT Sedan ราคา 3.45 ล้านบาท ,WRX STI ราคา 3.45 ล้านบาท และสุดยอดรถสปอร์ทที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ BRZ 2.0MT ราคา2.56 ล้านบาท, BRZ 2.0AT ราคา 2.64 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับทุกรุ่น เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของซูบารุได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าหมายยอดจองตลอดทั้งงานกว่า 1,000 คัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” โดยนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก “รัสส์ สวิฟท์” เจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ที่บินตรงมาโชว์การแสดงระดับโลก ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2556โดยจัดการแสดง 3 รอบต่อวัน เวลา 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น. ณ ลาน P9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยผู้ที่สนใจสามารถรับบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงดังกล่าวได้ ณ บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“เอ็มจี” ประกาศความพร้อมบุกตลาดไทย อวดโฉมรถยนต์ จากประวัติศาสตร์สู่อนาคตในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30



•           พบกับนวัตกรรมการออกแบบแห่งอดีตสู่อนาคตรวม 4 รุ่น พร้อมเตรียมส่งรถยนต์รุ่นแรกบุกตลาดไทยในปี 2557
•           ร่วมรำลึกถึงความสำเร็จของรถยนต์แบรนด์ เอ็มจี ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันผ่าน อินเตอร์แอคทีฟ วอลล์ที่ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมได้
•           การแสดง และการออกแบบบูธอันล้ำสมัย สะท้อนให้เห็นภาพอดีตอันรุ่งเรืองสู่ความรุ่งโรจน์ของแบรนด์ เอ็มจี ในปัจจุบัน และอนาคต
            กรุงเทพฯ – 28 พฤศจิกายน 2556:เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี เดินหน้าเปิดตัว เอ็มจี แบรนด์รถยนต์อังกฤษชื่อดัง สู่ตลาดรถยนต์ไทย จัดขบวนทัพนวัตกรรมการออกแบบด้านยานยนต์แห่งอดีตและอนาคต 4 รุ่น ประกาศความยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2556 ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมเตรียมส่ง เอ็มจี 6” รถยนต์รุ่นแรกบุกตลาดไทยปีหน้า
            มร. หวู่ ฮวน ประธานบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี เป็นการร่วมทุนระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กับบริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโต้โมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SAIC) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์อังกฤษภายใต้แบรนด์ เอ็มจี” เพื่อเจาะตลาดไทย โดย เอสเอไอซี มอเตอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% และซีพี49%
            “ในขั้นต้น เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพีวางแผนที่จะแต่งตั้งดีลเลอร์อย่างน้อย 30 รายทั้งในกรุงเทพฯและตามจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์พวงมาลัยขวาแห่งใหม่ขึ้นด้วยเม็ดเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ
            มร. แอนโธนี วิลเลียมส์-เคนนี ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ เอ็มจี ในลองบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และเซี่ยงไฮ้ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า การร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ เอ็มจี ในการบุกตลาดไทย ซึ่งในก้าวแรกนี้จะมีการจัดแสดงรถยนต์ 4 รุ่น ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมการออกแบบแห่งอดีตและอนาคตที่ เอ็มจี ภาคภูมิใจ ประกอบด้วยรถยนต์รุ่น เอ็มจี เอ เอ็มจี บี เอ็มจี ไอคอน และ อี 50 ให้ชมกันภายในงาน
เอ็มจี เอ เป็นรถสปอร์ตอันโด่งดังของ เอ็มจี ผลิตโดยบริษัท บริติช มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ในช่วงปี พ.ศ. 2498 ถึง 2505 และเป็นรุ่นที่แสดงให้เห็นถึงสไตล์ที่แตกต่างจากรถรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน ส่วน เอ็มจี บี ที่ออกสู่ตลาดในปี พ.ศ. 2505 เป็นรถรุ่นต่อมาที่ได้รับการออกแบบให้มีความแปลกใหม่ทันสมัย ทั้งสองรุ่นจะทำให้คนไทยได้เห็นอดีตอันรุ่งเรืองของ เอ็มจี และเป็นการฉลองก้าวแรกของเราในตลาดรถยนต์เมืองไทย” มร. วิลเลียมส์-เคนนี กล่าว
ค่ายรถอังกฤษเจ้าของตราสัญลักษณ์รูปแปดเหลี่ยมยังได้เตรียมจัดแสดง เอ็มจี ไอคอน คอนเซ็ปต์คาร์ระดับรางวัลที่มีความสวยงามสะดุดตา และเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและการออกแบบที่เป็นสากลของ เอ็มจี
รถยนต์คอนเซ็ปต์คาร์ เอ็มจี ไอคอน คือรถเอสยูวีต้นแบบรุ่นแรกของ เอ็มจี ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถสปอร์ตอย่าง เอ็มจี เอ และ เอ็มจี บี โดย เอ็มจี ไอคอน จะสะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบเพื่อผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกและเป็นก้าวสำคัญในพัฒนารถยนต์เพื่ออนาคตของแบรนด์นี
มร. วิลเลียมส์-เคนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่มีค่านิยมและปรัชญาที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้เราสามารถออกแบบยานยนต์แต่ละรุ่นให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เอ็มจี ไอคอน ถือเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของรถยนต์ เอ็มจี รุ่นใหม่ นอกจากนั้น เอ็มจี ไอคอน ยังแสดงให้เห็นว่าเราสามารถพัฒนารถยนต์เอสยูวี ที่คงคุณลักษณะเฉพาะ ที่สืบทอดมายาวนานของ เอ็มจี ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความกว้างของตัวรถ รูปลักษณ์ที่ดูทรงพลัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตราสัญลักษณ์รูปแปดเหลี่ยมของแบรนด์ ที่ยังคงไว้ได้อย่างลงตัว
สำหรับรถรุ่นท้ายสุดที่ เอ็มจี นำมาจัดแสดงคือ อี50 ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่มบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีการจัดวางตำแหน่งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รวมถึงการออกแบบตัวรถที่คำนึงถึงความสมดุลระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์กับความสะดวกสบายของคนขับและผู้โดยสาร ทั้งยังมีการจัดสรรพื้นที่ภายในรถอย่างเหมาะสม ประกอบกับการพัฒนาสมรรถนะอย่างสูงสุดในทุกระบบ ซึ่งให้ทั้งความปลอดภัยและลดการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี
อี50 คือเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรามีความสามารถในการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต รวมถึงสามารถผลิตชิ้นส่วนหลัก และส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ประเภทนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดได้เป็นอย่างดี” มร. วิลเลียมส์-เคนนี กล่าวทิ้งท้าย
พบกับนวัตกรรมยานยนต์ภายใต้แนวคิด “History for Future” พร้อมสัมผัสประสบการณ์ “Passion Drives” จาก เอ็มจี ได้ที่บูธ B03ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารจากเอ็มจีได้ที่ www.mgcars.co.th และwww.facebook.com/mgcarsthailand

เกี่ยวกับ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโต้โมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น หรือ เอสเอไอซี ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ในสัดส่วน 51:49 เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ได้ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อประกอบรถยนต์ภายใต้แบรนด์ เอ็มจี จากประเทศอังกฤษ สำหรับจำหน่ายในไทยและภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งตั้งบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ดูแลด้านการขาย การตลาด บริการหลังการขาย และการจัดจำหน่าย ที่ผ่านมาในปี 2555 เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์พวงมาลัยขวาในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อสะดวกในการส่งออกสินค้า
เกี่ยวกับ เอ็มจี
เอ็มจี ย่อมาจาก มอริส การาจ (Morris Garages) เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2467 และบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ได้เข้ามาดำเนินกิจการในปี พ.ศ. 2548 โดยการดำเนินงานยังคงอยู่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและออกแบบ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ แบรนด์ เอ็มจี จึงเป็นการผสมผสานเทคโนโลยียานยนต์ของยุโรปกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดหาชิ้นส่วนและการควบคุมคุณภาพจาก เอสเอไอซี ทั้งนี้ เอ็มจี เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากการผลิตรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุน 2 ที่นั่งในอดีต อีกทั้งมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหลายรุ่นที่ส่งไปจำหน่ายทั่วโลกในปัจจุบัน

ซิตี้ ออโต้โมบิล เผยโฉม The All New Range Rover Sport ครั้งแรกในประเทศไทย สุดยอดรถสปอร์ต SUV ที่เร็วและแรงที่สุดเพื่อการขับขี่สุดเร้าใจจากแลนด์โรเวอร์ ยานยนต์สปอร์ตหรูสมรรถนะแรงเหนือระดับพาคุณพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในชั่วพริบตาเพียง 5 วินาที! พบกันในงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30’




กรุงเทพฯ – สรรพงษ์ ชื่นโรจน์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด และ ดนัย จันทรงาม (ขวา) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย ร่วมเผยโฉม ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (The All-New Range Rover Sport)” สุดยอดรถสปอร์ตเอนกประสงค์สุดหรูเร็วที่สุดและแรงที่สุดจากแลนด์โรเวอร์ พร้อมนิยาม More Range Rover More Sport  เปิดตัวในเมืองไทย 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ราคาตั้งแต่ 7,750,000 – 10,050,000 บาท ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” พร้อมสิทธิพิเศษ สำหรับ ท่านแรก ที่ซื้อรถ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ภายในงาน รับบัตรเข้าชมการแข่งขัน F1 Singapore Grand Prix 2014  

 “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” คือ ยานยนต์เรนจ์โรเวอร์สปอร์ตรุ่นที่ 2 และเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกในคลาสที่ใช้สถาปัตยกรรมโครงสร้างฐานและตัวถังรถเป็นอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาทั้งหมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เฉียบทันสมัย โดยยังคงประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้นในสไตล์ SUV ระดับโลก เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมสมรรถนะสูงที่ทรงพลัง ขับสนุกสุดเร้าใจ พร้อมตอบสนองฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่   นำเสนอรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยเฉียบ พร้อมสมรรถนะที่แรงอย่างเหนือระดับ ทั้งด้านความเร็ว ความคล่องตัวในการขับขี่ ผสานสมรรถนะของสุดยอดความสมบุกสมบันในโหมดออฟโร้ดเข้ากับประสิทธิภาพการขับขี่บนทางเรียบและอัตราเร่งที่เหนือกว่า ตัวรถทั้งหมดยังสร้างจากโครงอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อให้ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” เติมเต็มประสบการณ์การขับเคลื่อนสี่ล้อที่สนุกเร้าใจ เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งการควบคุมที่จะปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส พร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อการพุ่งทะยานไปอย่างองอาจด้วยมาดแห่งผู้นำในทุกสุภาพถนน

นายสรรพงษ์ ชื่นโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด เปิดเผยว่า “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต คือรถสปอร์ตอเนกประสงค์จากแลนด์โรเวอร์ที่ถือเป็นสุดยอดแห่งขุมพลังและการตอบสนองต่อการควบคุมที่เป็นเลิศ โดยตั้งแต่เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต รุ่นแรกสามารถจำหน่ายได้กว่า 415,000 คันทั่วโลกตั้งแต่ปี 2005-2013  ขณะนี้แลนด์โรเวอร์ ได้นำเสนอ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” รุ่นที่สอง และถือได้ว่าเป็น เรนจ์โรเวอร์สปอร์ตพันธุ์แท้’ ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้อย่างประสบความสำเร็จทั้งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปและหลังจากนี้ ด้วยการออกแบบที่เน้นทุกรายละเอียดตั้งแต่แผงหน้าปัดที่ให้ความเร้าใจในยามขับขี่มากยิ่งขึ้น ผสานการออกแบบที่นั่งคนขับระบบ Command Driving Position ที่มอบความรู้สึกภูมิฐานสง่างาม พร้อมประสิทธิภาพการควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต เป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์ระดับหรูที่เร็ว แรง และคล่องตัวสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นเครื่องยนต์ V8 ที่สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยใช้ในเวลาเพียง 5 วินาที ถือเป็นความเร็วระดับสุดยอดสำหรับยานยนต์สปอร์ต  โดยในประเทศไทย ซิตี้ ออโตโมบิล เตรียมทำตลาดในรุ่นดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ในราคาตั้งแต่ 7,750,000 บาท”

สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์
เทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ระดับโลกของ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” นำเสนอความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่ด้านรุ่นใหม่,ระบบควบคุมการเอียงแบบฉับพลันด้วยฟังกชั่น Dynamic Response, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชันและระบบช่วยการออกตัวรถบนทางชัน, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ, ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมอัตราทดเกียร์ป้องกันการลื่นไถล, ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นวัตกรรมอัจฉริยะใหม่ Terrain Response 2 Auto® สั่งการและควบคุมการขับขี่สั่งการอัตโนมัติ สามารถตรวจจับสภาพพื้นถนนและเลือกโปรแกรมการขับขี่ที่เหมาะสมได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเต็มขั้น โดยได้ติดตั้ง ทอร์ก เวคเตอริ่ง (torque vectoring) เพื่อช่วยในการการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อลดอาการดื้อโค้งเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและเข้าโค้ง รวมทั้งเรดาร์ตรวจจับด้านหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ถอยหลัง ระบบควบคุมการจอดอัตโนมัติ  ทั้งจอดแบบตั้งฉาก (Perpendicular) จอดแบบขนาน (Parallel Park) และ การออกจากรถ (Park Exit)  รวมทั้ง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติตามระยะห่างระหว่างยานยนต์ (Adaptive Cruise Control), ระบบแจ้งเตือนระยะห่างของยานยนต์คันหน้า (Queue Assist), ระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking), ระบบตรวจจับจุดบอดและยานยนต์ระยะประชิด ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยที่สุดในบรรดารถสปอร์ตคลาสเดียวกัน     

สุดยอดแห่งความหรูหราและสะดวกสบาย
“ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” ยังมอบความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยการออกแบบเบาะด้านหลังให้มีความโอ่อ่าและกว้างขวางเป็นพิเศษเพื่อการโดยสารแสนสบายตลอดเส้นทาง โดยขยายความยาวฐานล้ออีก 178 มม. เพื่อเพิ่มพื้นที่ผ่อนคลายของผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งยังสามารถลดระดับความสูงเบาะหลังได้มากขึ้นและมีช่องประตูที่ใหญ่กว่าเดิม นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกโทนสีรถให้สะท้อนรสนิยมและบุคลิกของผู้ขับได้ตามต้องการ ซึ่งมีทั้งโทนสีเดี่ยว แบบทูโทน และแบบสามเฉดสี ที่แตกต่างกันรวมกว่า 11 แบบ  นอกจากนี้ ที่นั่งด้านหน้าปรับได้ถึง 18 จังหวะ รวมทั้งมีฟังก์ชั่นระบบนวด พร้อมที่นั่งแถวสามารถแบบปรับอัตโนมัติแบบ 5+2

การออกแบบแผงหน้าปัดมีให้เลือกสองออพชั่น คือแบบมาตรฐานและแบบสามมิติ โดดเด่นด้วยจอมอนิเตอร์กลางคอนโซลขนาด 8 นิ้ว เพื่อง่ายต่อการจัดสรรรายการความบันเทิงระหว่างการเดินทาง อีกทั้งยังติดตั้งแผนที่ประเทศไทยในระบบเนวิเกเตอร์ผ่านดาวเทียม เบาะหลังติดตั้งจอภาพยนตร์มีให้เลือกทั้งขนาด 8 นิ้วและ 10.2 นิ้ว พร้อมหูฟังไร้สายและช่องเชื่อมต่อ USB เพิ่มพิเศษ ระบบปรับอากาศยังสามารถแบ่งควบคุมได้ทั้งแบบ 2, 3 หรือ 4 โซน เพื่อมอบความสบายที่ตรงตามความต้องการทั้งสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน ด้วยระบบล็อกประตูอัตโนมัติ ระบบปรับอุณหภูมิเครื่องยนต์ด้วยรีโมทและการตั้งอุณหภูมิห้องโดยสารล่วงหน้า ตลอดจนรูปแบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อที่ไร้ข้อจำกัด ทำให้ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต”  คือยานยนต์สปอร์ตระดับหรูที่นำคุณสู่ทุกจุดหมายปลายทางด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยยิ่งกว่า

สุดยอดยานยนต์สปอร์ต SUV
“ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” คือสุดยอดยานยนต์สปอร์ตขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถพาคุณโลดแล่นไปบนทุกเส้นทางตั้งแต่ถนนทางเรียบในเมืองใหญ่ไปจนถึงการผจญภัยแบบออฟโร้ดในสภาพพื้นที่อันท้าทาย โดยยังคงมอบความแม่นยำในการขับขี่ สมรรถนะการควบคุมที่ดีเยี่ยม แรงขับเคลื่อนอันทรงพลังและประสิทธิภาพที่เชื่อมั่นได้ตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองไทยที่มีทั้งพื้นที่ดินโคลน ถนนขรุขระ ดินทราย ตลอดจนสภาพพื้นถนนที่ยากลำบากแบบอื่นๆ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” จึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมสมรรถนะสูงที่ทรงพลัง ขับสนุกสุดเร้าใจ พร้อมตอบสนองฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่ด้วยสัญชาติแห่ง สปอร์ตพันธุ์แท้

มอบคุณภาพและบริการหลังการขายเหนือระดับ
ซิตี้ ออโต้โมบิล ในฐานะผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์เพียงรายเดียวในประเทศไทย พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลกแก่ลูกค้าทุกราย ปัจจุบัน บริษัทได้สร้างเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายขึ้นใหม่และมุ่งเน้นที่การให้บริการชั้นเลิศแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ

“บริษัทยังมอบการรับประกันมาตรฐาน 3 ปี แก่ลูกค้า พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง  นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนเพื่อการอัพเกรดศูนย์บริการ ใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการซ่อมบำรุงขั้นสูง และมอบบริการโดยช่างซ่อมบำรุงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในประเทศไทยได้รับบริการตามมาตรฐานสากลทุกประการ  โดยเฉพาะศูนย์บริการที่ถนนวิทยุและสาขาพระราม 3 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีมาตรฐานระดับสากลและเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในปัจจุบัน โดยบริษัทได้ทุ่มทุนกว่า 150 ล้านบาท เพื่อการเตรียมเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ถนนพระราม 4 ในช่วงไตรมาส 3 ในปี 2557 ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ ซิตี้ ออโตโมบิล ยังมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทุกปี ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะสร้างการเติบโตของแบรนด์จากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ ในประเทศไทยอย่างจริงจังในระยะยาว” นายสรรพงษ์กล่าว

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ศูนย์บริการสาขาถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02 651 4545 ต่อ 131 และ สาขาพระราม 3 แขวงช่องนนทรี หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved