Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

ฮอนด้าเผยโฉม CBR300R –CB300F เวอร์ชั่นปี 2016เผ็ดร้อนเร้าใจทุกองศา!


ฮอนด้าเผยโฉม CBR300R –CB300F เวอร์ชั่นปี 2016เผ็ดร้อนเร้าใจทุกองศา!
            
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำผู้นำเทรนด์สปอร์ตด้วยการเปิดตัวNew Honda CBR300R และ CB300F เวอร์ชันปี 2016 พร้อมสมรรถนะที่โดดเด่นจากเครื่องยนต์ 300ซีซี วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ

          นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า รถในตระกูล 300Series ของฮอนด้าซึ่งประกอบด้วย Honda CBR300R และ CB300F ล้วนแต่เป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทยเพราะตัวรถตอบโจทย์ผู้ใช้ทั้งในเรื่องดีไซน์ที่ให้ความเป็นรถสปอร์ตขั้นสุด และสมรรถนะจากเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ที่ให้แรงบิดเต็มซีซี ความลงตัวนี้ทำให้รถทั้งสองรุ่นได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

          แม้จะได้รับความนิยมเพียงใด แต่ตลาดก็ยังต้องการความสดใหม่อยู่เสมอ ในปี 2016 นี้เราจึงได้ปรับโฉม Honda CBR300R และHonda CB300F ให้มีความดุดันเหนือความคาดหมาย โดยใช้การผสมผสานที่ลงตัวของสีสันที่ร้อนแรง และกราฟิกที่โฉบเฉี่ยว ในขณะที่โครงสร้างของรถยังคงความเป็นสปอร์ตขนาดกลางที่ขับขี่คล่องตัว มีแรงบิดดี เหมาะทั้งกับการใช้งานในเมือง และขี่ทะยานระยะไกล

          New Honda CBR300R และ CB300F เวอร์ชันปี 2016 โดดเด่นในแบบ Urban Style ท้าทายทุกสายตาให้เหลียวมองด้วยการผสมผสานที่ลงตัวของดีไซน์ที่ดุดันและสีสันที่ร้อนแรง กราฟิกใหม่แบบ CBR Signature และโลโก้ Honda ขนาดใหญ่ที่แฟริ่งด้านล่างของรถซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถซูเปอร์ไบค์ CBR1000RRเพิ่มกลิ่นอายความเป็นบิ๊กไบค์ด้วยแครงค์เคสสีทอง โคมไฟหน้าคู่แบบ Dual Multi Reflector (รุ่น CBR300R) และแบบ V-Shape (รุ่นCB300F) เท่มีสไตล์ติดตั้งท่อไอเสียแสตนเลส Sport Mufflerพร้อมชีลด์กันความร้อนระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Link® Rear Suspension ให้ความนุ่มนวลและเพิ่มความสามารถในการทรงตัว ปลอดภัยทุกเส้นทางด้วยระบบเบรก ABS

          New Honda CBR300R และ CB300F แรงด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ จังหวะ 300ซีซี ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ วาล์ว ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่คำนวณการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างอัจฉริยะ ให้แรงต้นที่จัดจ้าน ขับขี่สนุกคล่องตัว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่าไอเสียที่สะอาดถึงระดับ ทั้งยังปลอดภัยด้วย Engine Stop Switch ที่สามารถหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

          เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย New Honda CBR300R และCB300F ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center  ทั่วประเทศ โดยราคาแนะนำสำหรับ Honda CBR300R อยู่ที่ 133,000บาท มีให้เลือก สไตล์ได้แก่ สีส้ม-ดำสีแดง-ดำ, สีเหลือง-ดำ, สีดำ และ Honda CB300F สนนราคาแนะนำอยู่ที่ 126,000 บาท มีให้เลือก สไตล์ได้แก่ สีเทา-เหลืองสีแดง-ดำสีดำ

          พร้อมกันนี้ ฮอนด้ายังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อHonda CBR300R สีส้ม-ดำ และ Honda CB300F สีเทา-เหลือง รับฟรีทันทีแจคเก็ตลิมิเต็ดอิดิชั่นจากฮอนด้า จำนวนจำกัดเพียง 1,000ตัวเท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th
                                                

โดนใจนักศึกษา “ขับเป็น..ขับปลอดภัย กับสื่อสากล” เต็มทุกรอบ


โดนใจนักศึกษา “ขับเป็น..ขับปลอดภัย กับสื่อสากล” เต็มทุกรอบ

ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการ โครงการ “ขับเป็น..ขับปลอดภัย กับสื่อสากล” (Skill Driving Experience) เปิดเผยว่า โครงการปีนี้ ประสบความสำเร็จมาก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สมัครเข้าร่วมอบรมเต็มทั้ง 2 รอบ

“นักศึกษาทั้งหมดได้รับการอบรมการขับขี่ปลอดภัยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิ การรับมืออาการรถหมุนและดื้อโค้ง (Over-steering & Under-steering)การควบคุมรถเวลาเสียหลัก (Lane Change & ELK Test) รวมทั้งการเบรคฉุกเฉินและหักหลบสิ่งกีดขวาง (Emergency Brake & Brake Avoiding) ปิดท้ายด้วยการแสดงขับรถแข่ง และ Hot Lap ซึ่งเมื่ออบรมจบหลักสูตร นักศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรจากโครงการ”

ผู้สนใจ สามารถสมัครเรียนคอร์สสุดท้ายของปีนี้ได้ที่งาน MOTOR EXPO 2016 หรือสอบถามตารางการอบรม ค่าใช้จ่ายในการสมัคร และรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่ http://www.skilldriving-imc.com/ https://www.facebook.com/skilldriving หรือ โทร.0-2641-8444 ต่อ 214

ฮอนด้าเอาใจวัยรุ่น เปิดตัวสกู๊ปปี้ไอ โดโมะคุง ลิมิเต็ด อิดิชั่น จำนวนจำกัด 2,000 คันเท่านั้น

 
ฮอนด้าเอาใจวัยรุ่น เปิดตัวสกู๊ปปี้ไอ โดโมะคุง ลิมิเต็ด อิดิชั่น จำนวนจำกัด 2,000 คันเท่านั้น
            
แบรนด์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เอาใจสาวกแอนิเมชั่นญี่ปุ่นด้ วยการเปิดตัวรถแฟชั่นเอ.ที.รุ่ นพิเศษ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ โดโมะคุง ลิมิเต็ด อิดิชั่น ลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ส่งมอบคาแรกเตอร์สดใสของโดโมะคุ งซึ่งเป็นมาสคอตชื่อดังของญี่ปุ่ น วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็ นต้นไป
          นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอถือว่าเป็ นรถแฟชั่นเอ.ที.ที่วัยรุ่นให้ การยอมรับมากที่สุด นอกจากขับขี่สนุกปลอดภัย และประหยัดน้ำมันแล้ว ดีไซน์ของรถยังมีความร่วมสมั ยจากไอเดียใหม่ๆที่เรานำเสนออย่ างต่อเนื่อง เพราะแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา ครั้งนี้เราได้นำโดโมะคุงซึ่ งเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิตของญี่ปุ่ นที่โด่งดังไปทั่วโลกมาเป็ นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอรุ่นพิเศษซึ่ งจะถูกผลิตในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิ ชั่น เพื่อให้ผู้ที่ชื่ นชอบคาแรกเตอร์ป่วนซนปนซ่ าของโดโมะคุงหรือผู้ที่ชอบแอนิ เมชั่นจากญี่ปุ่นได้มีโอกาสเป็ นเจ้าของ

          ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอโดโมะคุงลิมิ เต็ดอิดิชั่น (Honda Scoopy i Domo-kun Limited Edition) โดดเด่นด้วยกราฟิกโดโมะคุงที่ กำลังสนุกสนานกับสายฝนและหิมะ ลงตัวกับรูปทรงสไตล์วินเทจสี แดงดำ เท่ด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้ อมวงแหวนบลูริง เรือนไมล์แบบมัลติมิเตอร์ สดใสไม่เหมือนใคร พร้อมกล่องเก็บของใต้ เบาะขนาดใหญ่ถึง 15.4 ลิตร  สนุกกับการขับขี่ด้วยเครื่ องยนต์ จังหวะขนาด110cc ระบบหัวฉีด PGM-FI เวอร์ชันล่าสุดที่ให้แรงบิดเต็ มพลังแต่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 53 กม./ลิตร (วัตตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก) มีค่าไอเสียที่สะอาดถึงระดับ 6และรองรับน้ำมัน E20 อีกด้วย

          สำหรับโดโมะคุงถือเป็นตัวการ์ตู นที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ ปุ่น โดดเด่นจากคาแรกเตอร์สัตว์ ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนก้ อนขนมปังสีน้ำตาล อ้าปากโชว์ซี่ฟันแหลมๆอยู่ ตลอดเวลาแต่กลับมีนิสัยขี้เล่น ใสซื่อเหมือนเด็ก ถือกำเนิดขึ้นในปี 1999 ในรูปแบบแอนิเมชั่นเพื่อเป็ นมาสคอตประจำสถานีโทรทัศน์เอ็ นเอชเคของญี่ปุ่น ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลกในเวลาต่ อมา

เอ.พี. ฮอนด้าจะวางจำหน่ายฮอนด้าสกู๊ ปปี้ไอโดโมะคุงลิมิเต็ดอิดิชั่ นจำนวนจำกัดเพียง 2,000 คันเท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ศูนย์ Honda Wing Center ด้วยราคาแนะนำที่ 48,400 บาท โดยทุกคันจะมาพร้อมกับลิมิเต็ ดไอเท็มเซ็ทประกอบไปด้วยกระเป๋ าแบ็คแพ็คและหมวกกันน็อกดีไซน์ พิเศษลายโดโมะคุงซึ่งไม่เคยมี จำหน่ายที่ไหนมาก่อน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์www.aphonda.co.th และอัพเดทกิจกรรมความสนุกได้ที่www.facebook.com/ hondamotorcyclethailand

The New Porsche Panamera revealed, marks grand appearance in Thailand


The New Porsche Panamera revealed, marks grand appearance in Thailand

Thailand, 30 September 2016. – For the first time in Thailand, AAS Auto Service (AAS), the official importer of Porsche in Thailand showcased its new Porsche Panamera Turbo to a select group of media, bloggers and prospective customers at the spectacular Sneak Preview. The event signals the arrival of the second generation Gran Turismo in the country, following its World Premiere in Berlin and appearance at the Paris Motor Show <only a day before>. Porsche spe-cially flown in the Panamera Turbo to Thailand to allow media and an exclusive group of Porsche enthusiasts to witness the all new Panamera in person. The Panamera Sneak Preview marks the introduction of the Panamera Turbo with 550 hp, Panamera 4S with 440 hp, the Panamera 4 E-Hybrid with 462 hp.

Redeveloped, rethought and realigned, the new Porsche Panamera reconciles two contrasting characteristics more than ever before: it offers both the performance of a genuine sports car and the comfort of a luxury saloon. Systematically improved down to the very last detail, the Panamera is advancing to become a performance icon in the luxury class. Its engines and transmissions have been redesigned, its chassis perfected, and its display and control concept reinterpreted for the future. The design language of the new Panamera creates a link to the Porsche 911 by its even more dynamic fly line and specific design elements of the sports car icon.

“With the first generation of the Panamera, we tapped into the luxury sport saloon segment of the market. Since its launch in 2009 more than 150,000 units of the Panamera have been sold. In the new model, you see a completely redeveloped automobile – with new engines, a new design and new technologies. With design language borrowed from the iconic 911, the Panamera is on its way to becoming an icon in its own right for the sports luxury segment,” Peter Rohwer Managing Director of Porsche Thailand said.

All new V6 and V8 biturbo engines – a unique blend of efficiency and extraordinary
performance

A highly innovative family of new V6 and V8 biturbo engines has been created for the Porsche Panamera. All engines in the range feature more power, but not at the expense of economy and emissions, which have been lowered. When mated to the new eight-speed dual-clutch transmission (PDK II) the engines are up to 16 percent more efficient than previous generations.

Three new biturbo direct injection engines are being introduced at the market launch: in the Panamera Turbo, the Panamera 4S. All of them may be equipped with a permanent all-wheel drive system and a new eight-speed Porsche dual-clutch transmission (PDK). A V8 petrol engine that delivers 404 kW / 550 hp powers the Panamera Turbo and a V6 petrol engine with 324 kW / 440 hp drives the Panamera 4S.

Initially, the Panamera Turbo has the most powerful petrol engine of the model series. Its 4.0-litre biturbo V8 develops 404 kW / 550 hp (at 5,750 rpm) and a maximum torque of 770 Nm (between 1,960 and 4,500 rpm). It has 30 hp more power than the previous model, and its maximum torque has been increased by 70 Nm. The eight-cylinder engine accelerates the Panamera Turbo to 100 km/h in 3.8 seconds; with the Sport Chrono Package the sprint time is just 3.6 seconds. The Porsche can reach a top speed of 306 km/h. These are impressive figures that illustrate just how easily the engine can propel the Panamera with its power-to-weight ratio of just 3.6 kg/hp. These extraordinary performance figures contrast with lower combined fuel consumption figures which, at 9.4 – 9.3 l/100 km, are up to 1.1 l/100 km less than that of the previous model (New European Driving Cycle or NEDC). These figures equate to CO2 emissions of 214 – 212 g/km.

In addition, the fourth model in the new Panamera line will also be launched. The Panamera 4 E-Hybrid with controlled all-wheel drive and an electric range of 50 kilometres generates some 340 kW (462 hp) of system power and delivers fuel consumption figures of 2.5 l/100 km in the New European Driving Cycle (NEDC) for plug-in hybrid models. That corresponds to CO2 emissions of 56 g/km. The new Porsche plug-in hybrid always starts in purely electric mode and continues as a zero-emission vehicle up to a range of 50 kilometres and a maximum speed of 140 km/h. The all-wheel Porsche also achieves a top speed of 278 km/h and delivers a sys-tem torque of 700 Nm from stationary without hesitation. The four-door hybrid sports car breaks the 100 km/h barrier in just 4.6 seconds. The torque is transferred to all four wheels and the standard three-chamber air suspension ensures an optimum balance between comfort and dynamism at all times.


Unique 911 design language and the perfect blend of comfort and sportiness

Visually, the unique concept of this large Porsche is reflected in the new expressive design: un-mistakably a Panamera, unmistakably a sports car – with long, dynamic proportions, pronounced shoulders and athletic flanks. A roofline lowered by 20 mm at the rear creates an extremely ‘fast’ roof line, stylistically reminiscent of Porsche’s design icon, the 911.

For an even larger spread between comfort and sportiness, the Panamera now has features such as a new three-chamber air suspension, rear axle steering and the new electronic 4D Chassis Control chassis management system. Many new assistance systems also enhance ride comfort as well as safety.

Porsche is also introducing a future-oriented display and control concept for the second generation Gran Turismo. The new Porsche Advanced Cockpit with its smartphone-like user interfaces and configurable LED screens impresses with its intuitive functionality. In addition, the new Porsche Communication Management (PCM 4.1)

Price for Panamera 4 E-Hybrid 9.8 MB. (Special price)
Price for Panamera 4S is 13.5 MB.
Price for Panamera Turbo is 21.9 MB.


About AAS Auto Service
AAS Auto Service (AAS), the sole authorized importer and distributor of Porsche cars in Thailand, is an excellent service centre along with experienced engineers trained by Porsche Germany and quality guaranteed by Porsche Service Excellence Award. 10 of our engineers also qualified from ZPT3 Gold Theory Test & Recertification, in which AAS contains the highest number of qualified engineers among 13 countries of Porsche Asia Pacific. Over 30 years, AAS continued to practice the company policy “AAS Looking after You and Your Car”, in order to achieve our mission of “AAS The Name you can Trust”.

ศึกแห่งความเร็ว Porsche Carrera Cup Asia การดวลสุดเข้มข้นกลางเมืองสิงคโปร์ Martin Ragginger จากทีม Porsche Holding คว้าชัยชนะได้ในท้ายที่สุด


ศึกแห่งความเร็ว Porsche Carrera Cup Asia การดวลสุดเข้มข้นกลางเมืองสิงคโปร์
Martin Ragginger จากทีม Porsche Holding คว้าชัยชนะได้ในท้ายที่สุด

สิงคโปร์. สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ Porsche Carrera Cup Asia จัดการแข่งขันบนสนามที่เกิดขึ้นจากการปิดถนนสาธารณะใจกลางเมืองของประเทศสิงคโปร์ และยังเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน Formula 1 Singpore Airline Singapore Grand Prix  ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ทีม Porsche Holding โดย Martin Ragginger นักแข่งประจำทีม คือผู้ที่สามารถนำพารถแข่งวิ่งผ่านเส้นชัยคว้าธงตราหมากรุกไปครองเป็นอันดับแรกได้อย่างงดงามนับ เป็นการปิดฉากสุดสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสุดตื่นเต้นของสนามที่ 9 ด้วยความสมบูรณ์แบบ

การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ Porsche Carrera Cup Asia ได้รับการรับรองให้เป็นรายการแข่งขันกีฬาความเร็วหรือ มอเตอร์สปอร์ตในระดับแนวหน้ารายการหนึ่งของทวีปเอเซีย สำหรับฤดูกาล 2016 ที่กำลังอยู่ในระหว่างการแข่งขันนั้นล้วน
แล้วแต่เต็มไปด้วยทีมแข่งรถยนต์หัวกะทิของโลกมากมายที่ต่างทุ่มเทอุทิศทุกแรงกายแรงใจเพื่อเข้าร่วมการประลองความเร็วสุดยิ่งใหญ่ รวมทั้งเป็นโอกาสอันดีสำหรับการเปิดตัวนักแข่งอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่มีทักษะและความสามารถ เป็นเวทีที่พวกเขา
เหล่านั้นจะได้แสดงฝีมือเพื่อการก้าวขึ้นเป็นนักแข่งรถ GT ระดับโลกต่อไป  ในปัจจุบันนี้การแข่งขันรถยนต์รายการ Porsche Carrera Cup Asia คือช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับการเฟ้นหาและคัดเลือกนักแข่งที่ยอดเยี่ยมในภูมิภาค เปิดประสบการณ์แห่ง
กีฬาความเร็วที่แสนตื่นเต้นท้าทายมายังผู้ชมนับล้านทั้งในทวีปเอเซียและทั่วโลก Porsche Carrera Cup Asia ได้สร้าง
ความประทับใจให้แก่แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตและสื่อมวลชนสายกีฬามาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2003

ชัยชนะของ Ragginger นักแข่งชาวออสเตรียนั้นไม่ใชสิ่งที่ได้มาอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับโอกาสที่ดีในการออก
สตาร์ทด้วยตำแหน่งผู้นำหรือ P1 แต่ Nico Menzel นักขับชาวเยอรมันจาก PICC Team Starchase ที่ออกตัวในตำแหน่ง P2 นั้น สร้างความกดดันให้แก่ Ragginger ทันทีตั้งแต่โค้งแรก ในขณะที่ Maxime Jousse ของทีม KLM Racing เองก็ ตามติดผู้นำทั้ง 2 อยู่ไม่ห่าง ด้วยฝีไม้ลายมือที่สูสีกับ Menzel ในแง่ของการขับขี่อย่างสมดุลย์ด้วยการรุกและรับอย่างดุเดือด
ของผู้ตามทั้งคู่นั้น ทำให้ตลอดระยะเวลาการแข่งขันแทบจะกลายเป็นเกมวัดใจของนักแข่งในแถวหน้า Menzel และ Jousse ต่างรอคอยให้ผู้นำอย่าง Ragginger แสดงความผิดพลาดออกมา แม้จะเป็นการเสียจังหวะสไลด์เพียงน้อยนิดก็อาจเป็นการ
เปิดช่องว่างให้คู่แข่งแซงขึ้นไปนำได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามโอกาสนั้นกลับไม่มาถึง จากการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมไร้ข้อผิดพลาด
ของนักแข่งแถวหน้าทั้ง 3 ส่งผลให้ Ragginger จบการแข่งขันไปด้วยอันดับ 1  Menzel ตามมาเป็นอันดับที่ 2 และ Jousse ปิดท้ายด้วยอันดับที่ 3 ตามลำดับ

“ผมออกตัวจากจุดสตาร์ทได้ดีทีเดียว แต่ Nico เองก็ตามติดไม่ห่างตั้งแต่รอบแรกของการแข่งขัน ดังนั้นผมจึงต้องระมัดระวัง อย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เขาแซงขึ้นไปได้ มันไม่มีโอกาสแก้ตัวให้กับความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ผมต้องควบคุมรถแข่ง
ของตัวเองจนถึงขีดจำกัดสูงสุดอยู่ตลอดเวลาและพยายามที่จะไม่ก่อให้เกิดความผิดพลาดใดๆ เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดมาก
สำหรับนักแข่งทุกคน แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครที่หลุดจากตำแหน่งของตัวเองไปเลย” Martin Ragginger ให้ความเห็นใน
ระหว่างงานแถลงข่าวหลังการแข่งขันจบลง  

ทางด้านสถานการณ์ของกลุ่มนักแข่งที่ตามหลังผู้นำในรายการทั้ง 3 นั้น เริ่มต้นด้วย Mitchell Gilbert นักแข่งจากทีม Absolute Racing ซึ่งทิ้งช่วงไม่ห่างมากนักด้วยความชำนาญในการขับขี่เข้าโค้งแคบๆ หลายต่อหลายโค้งด้วยกัน ซึ่งสนามที่
สิงคโปร์แห่งนี้ดูจะเป็นการแข่งขันที่ปราศจากความกดดันใดๆ สำหรับเขา ทำให้สามารถจบการแข่งขันไปด้วยอันดับที่ 4  ส่วนนักแข่งผู้มีคะแนนสะสมเป็นผู้นำในกลุ่มกลางตารางอย่าง Zhang Da Sheng จาก Fun88 Team Sunfonda และ Andrew Tang จากทีม Porsche China Junior ไม่สามารถฉีกหนีเพื่อตำแหน่งที่ดีกว่าได้ ผลจากการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด
ระหว่าง Tang และ Zhang Da Sheng นับตั้งแต่ออกสตาร์ท

Zhang Da Sheng พยายามขับเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองเอาไว้ ในขณะที่ Tang เองก็หาโอกาสที่จะแซงขึ้นนำอยู่ตลอด
เวลาเช่นเดียวกัน สุดท้าย Zhang ที่ต้องยอมแพ้ให้กับความมุมานะของนักแข่งหนุ่มชาวสิงคโปร์ซึ่งสามารถแซงผ่านไปได้ใน ช่วงกลางของการแข่งขัน และนั่นทำให้ Andrew Tang เข้าเส้นชัยไปด้วยอันดับที่ 5 ส่วน Zhang Da Sheng ตามมาด้วย อันดับที่ 6 ในส่วนของคลาส B  Vutthikorn Inthraphuvasak นักแข่งชาวไทยของทีม est Cola Thailand สามารถเก็บชัยชนะ
ได้อย่างต่อเนื่องอีกหนึ่งสนาม ด้วยการออกสตาร์ทในตำแหน่ง P1 ทำให้  Vutthikorn ตกเป็นเป้าของนักแข่งรายอื่นอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้คู่ต่อสู้ของเขาไม่ว่าจะเป็น  Yuey Tan จากทีม Jebsen และ Francis Tjia จากทีม OpenRoad racing ต่างพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขึ้นไปแทนที่ตำแหน่งของเขาให้ได้ ในขณะเดียวกับที่ Yuan Bo ของทีม Absolute Racing ผู้ซึ่งทำเวลาในรอบจัดอันดับได้ดีที่สุดแต่กลับต้องออกสตาร์ทในลำดับท้ายๆ เนื่องจากโดนปรับโทษต่อเนื่องมาจากสนามที่ 8 ในออสเตรเลีย ต้องทุ่มเททุกสิ่งในสนามนี้เพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองในตารางคะแนนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด Bo ขับขี่ได้อย่างดุเดือดขึ้นนำหน้า  Tan, Tjia รวมทั้ง Bao Jinlong ของทีม Zheng Tong Auto จนกระทั่งตามมาหายใจรดต้นคอ
นักขับชาวไทยในที่สุด  ในส่วนของ Inthraphuvasak นั้นได้แซงขึ้นนำ Cui Yue ของทีม Jebsen ซึ่งนั่นทำให้เขามีช่องว่างพอ
ที่จะลดแรงกดดันจาก Bo ลงไปได้ชั่วคราว ความตึงเครียดเกิดขึ้นจนถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขัน เมื่อเป็นทาง Bo ที่สามารถแซงขึ้นหน้า Inthraphuvasak ไปได้ แต่ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบเบรกจึงทำให้เขาชนเข้ากับแผงกั้นข้างทางใน
ช่วงที่กำลังจะเข้าสู่อุโมงของโค้งที่ 16ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกันชนด้านหน้าขวาและล้อรถของ Bo เปิดโอกาสให้ Inthraphuvasak กลับขึ้นไปคว้าตำแหน่งชนะเลิศของคลาส B ได้เป็นผลสำเร็จ  สำหรับ Bo นั้นยังคงสามารถประคองรถเข้าเส้นชัย
ตามมาในอันดับที่ 2  จากนั้นจึงเป็น Yuey Tan และ Francis Tjia ในอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามเนื่องจาก Bo ถูกทำโทษด้วยการปรับเวลาเพิ่มอีก 3 วินาที จึงทำให้ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการเปลี่ยนแปลงไป โดย Tan ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 แทนที่ Bo ซึ่งตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 3

“ระยะห่างระหว่างผมและ Bo นั้นลดลงอย่างมาก เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของการแข่งขัน จนกระทั่งเขาสามารถขึ้นแซงผมไปได้ใน รอบสุดท้าย แต่ผมยังคงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ Bo ประสบปัญหากับระบบเบรกในโค้งที่ 16 นั่นทำให้เขาชนเข้ากับขอบทาง แต่ก็นับเป็นโชคดีของเราทั้งคู่ที่สามารถพารถแข่งเข้าเส้นชัยไปจนได้” Vutthikorn Inthrphvasak กล่าวในช่วงของงานแถลงข่าวหลังการแข่งขัน

เหลืออีกเพียง 2 สนามเท่านั้นที่เหลืออยู่สำหรับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการนี้  ซึ่งนับได้ว่าเป็นฤดูกาลที่นักแข่ง ทุกคนมีคะแนนสะสมที่สูสีใกล้เคียงกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน Porsche Carrera Cup Asia ทุกครั้งที่ผ่านมา สนามต่อไปจัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซียซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 30 กันยายน รับประกันได้ว่าจะต้องเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วย
ความสนุกสนานตื่นเต้นและน่าจดจำที่สุดสนามหนึ่งของฤดูกาล 2016 นี้อย่างแน่นอน เนื่องจากสนามนี้เปรียบเสมือนการ
เตรียมพร้อมที่สำคัญในการปิดฤดูกาลแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามสุดท้ายในเซี่ยงไฮ้นั่นเองการต่อสู้ขับเคี่ยวกันจนถึงที่สุด ของนักแข่งจะเกิดขึ้นเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีใน Porsche Carrera Cup Asia อีกครั้ง  

Niche Cars Group Hosts Niche Society Member Gala Dinner



Niche Cars Group Hosts Niche Society Member Gala Dinner

​In photo: Niche Cars Group recently held its first Niche Society gala dinner in Thailand together with its partners at Bangkok’s Niche Car showroom. From left: Pruet Boobphakam, Managing Director, Thailand Privilege Card Company Limited; Chaiwat Jongpatanagitruang, Theater House Co., Ltd.;Vittawat Chinabarramee, Niche Cars Group’s Managing Director; Kittipat Chaiyakul, Marketing Director for Remy Cointreau; Alexey Tyutin, Partner, Caviar House; Maxime Fabre, Regional Sales Associate APAC, Textron Aviation.

Bangkok – Niche Cars Group, an authorized dealership in Thailand for supercars, recently held its first Niche Society gala dinner in Thailand at Bangkok’s Niche Car showroom with 250 VIP guests attending from Thailand and AEC countries.

The first red-carpet Niche Society event was sponsored by M-Jet, Caviar House, Thailand Elite, BB&B, Zonic Vision and Laemgate Hub. Proceedings got underway with a magnificent fashion show by Elite Model, followed by the unveiling of the new Pagani Huayra sports car valued at over 200 million Baht. The supercar was driven to the event space by Vittawat Chinabarramee, Niche Cars Group Managing Director along with Business Development Manager (Asia Pacific) at Pagani Automobili, Summer Wang.

Guests were entertained with a second fashion show by Arporn Ngam Dance Theatre, before Niche Society presentations from Vittawat and the event sponsors. An appetizing dinner was served too, whilst an auction raised funds to donate to Poh-Chang Academy of Arts at Rajamangala University of Technology Rattanakosin. The event finale was a special performance by Thai operatic-pop group Fivera.

Niche Society represents the Niche Cars Group as a leading provider of luxury products and services for those who enjoy being part of an exclusive lifestyle. The event, which was the first of its kind, is to be held annually. The completion of the second phase of the Niche Cars showroom development in the last quarter of 2016 will ensure next year’s event is more spectacular. The showroom is set to become the largest in Southeast Asia at 15,000 square meters, utilizing the latest, cutting-edge technology and guaranteeing to impress visitors to the supercar showroom too.

Following the Niche Society gala dinner event, Niche Cars Group is launching its ‘Limited Society’ exclusive lifestyle app and website offering special benefits and services as well as limited edition products to those who value the finer things in life.

To find out more about Niche Cars Group, please call +662 321 1111. Showroom Motorway 1 is open every day from 8.30 – 17.30 hrs.

อีซูซุต่อยอดความสำเร็จ “อีซูซุบลูเพาเวอร์” ส่ง “ใหม่สุด! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max 4x4” ลุยตลาดออฟโรด


อีซูซุต่อยอดความสำเร็จอีซูซุบลูเพาเวอร์” ส่ง ใหม่สุดอีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max 4x4” ลุยตลาดออฟโรด

อีซูซุเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพ พร้อมส่งต่อความสำเร็จ อีซูซุบลูเพาเวอร์” เปิดตัว ใหม่สุดอีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max 4x4” สปอร์ตออฟโรด ที่สุดแห่งปรากฏการณ์รถ 4x4 พลิกโฉมหน้าดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เข้มขึ้นทุกองศา เท่ขึ้นทุกมุมมอง ทรงพลังรอบคัน กับสมรรถนะลุยเหนือชั้น ซึ่งมาพร้อมกับจุดเปลี่ยนใหม่ของดีไซน์ และความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่น เทคโนโลยีการใช้งาน และความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นใน อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ตอบรับความนิยมของผู้ใช้รถเมืองไทยที่ทำให้ยอดขายอีซูซุพุ่งสวนกระแสเศรษฐกิจ
มร.โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า นับตั้งแต่การเปิดตัว อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” นวัตกรรมเปลี่ยนโลก เมื่อปลายปี พ.ศ.2558 ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับวงการรถยนต์เมืองไทย ซึ่งได้รับการขนานนามว่า ปรากฏการณ์ อีซูซุ  บลูเพาเวอร์” จากกระแสตอบรับที่เกินความคาดหมายจากผู้ใช้รถ และได้พลิกประวัติศาสตร์วงการปิกอัพเมืองไทย ด้วยการสร้างยอดขายสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซาและตลาดรถยนต์หดตัว ทำให้อีซูซุมียอดขายสูงสุดในตลาดรถปิกอัพ โดยนวัตกรรมเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ได้รับเสียงชื่นชม และผลตอบรับที่ดีจากทั้งลูกค้าและสื่อมวลชน ดังนั้นเพื่อตอบรับกับความนิยมของผู้ใช้รถในเมืองไทย อีซูซุ ดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์ จึงพร้อมที่จะพัฒนาไปอีกขั้น ก้าวสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อีกครั้งในฐานะผู้กำหนดมาตรฐาน รถปิกอัพแห่งอนาคต” ด้วยการพัฒนาสุดยอดสปอร์ต ออฟโรดแนวคิดใหม่ ใหม่สุดอีซูซุ  ดีแมคซ์ V-Cross Max4x4 รถออฟโรดตัวจริงที่สมบูรณ์แบบด้วยขุมพลังบลูเพาเวอร์  และรูปลักษณ์ที่ปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน สปอร์ตเหนือชั้น เท่ ดุดันมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมความสะดวกสบายหรูหราของห้องโดยสารใหม่ ผสานสุดยอดสมรรถนะของรถออฟโรดที่พร้อมลุย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบชีวิตอิสระ ไร้ขีดจำกัด เพื่อเป็นรถธงของอีซูซุดีแมคซ์ และให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ชื่นชอบการ  ผจญภัย นอกจากนี้ รถปิกอัพ อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ และ อีซูซุดีแมคซ์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ยังได้รับการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยจุดเปลี่ยนใหม่ของดีไซน์ที่หรูหรา ทันสมัยไปอีกขั้น พร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่น เทคโนโลยีการใช้งาน และความปลอดภัยที่มากขึ้น  ตอกย้ำความเป็นรถที่คุ้มค่าเงินสูงสุดตามแบบฉบับของอีซูซุ
ใหม่สุดอีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max4x4 นวัตกรรมเปลี่ยนโลก สปอร์ตออฟโรดที่จะเปลี่ยนทุกนิยามของการลุย 
MAX EXTERIOR  ดีไซน์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกเท่ เข้ม บึกบึนเหนือชั้น  ดุดันขั้นสุด  ทรงพลังรอบคันแบบฉบับออฟโรด  โทนเทาดำเต็มทุกมิติ  ทั้งโลโก้ V-Cross ด้านข้างประตู กระจกมองข้าง กรอบไฟตัดหมอก ราวเหล็กหลังคา บันไดข้าง กันชนท้าย และ Blackout เสาข้างประตู  
·       ใหม่! ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมSILVER RING เท่สะดุดตายิ่งกว่าเดิม 
·       ใหม่! Engine Hood Garnish คิ้วขอบฝากระโปรงหน้า และกระจังหน้าโทนเทาดำ
·       ใหม่! FRONT BUMPER GUARDทูโทน ผลิตจากวัสดุชั้นดี ลุย 4x4 ได้อย่างมั่นใจ
·       ใหม่! ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ!ขนาด 18 นิ้ว 6 ก้าน เต็มอารมณ์ออฟโรด
·       ใหม่! Robust Extender พร้อมBed Liner เสริมความบึกบึนเติมเต็มมิติตัวรถ
·       ใหม่! Fender Lip พร้อม Side Molding เช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรู


MAX INNOVATIVE INTERIOR   ดีไซน์ภายในใหม่ความสะดวกสบายที่เหนือชั้น ระดับเดียวกับ SUV ระดับหรู ความสมบูรณ์แบบในทุกมิติแห่งห้องโดยสาร กว้างขวาง สะดวกสบาย หรูหรายิ่งขึ้น  พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นล้ำสมัย
·       ใหม่! เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สไตล์ทูโทน น้ำตาล-เทา เดินด้ายสีส้มรอบตัวเบาะ พร้อมโลโก้   V-Cross หนึ่งเดียวที่ให้ความหรูหรา ผสานอารมณ์สปอร์ต โอบกระชับ ไม่ว่าจะต้องเผชิญเส้นทางสมบุกสมบันแค่ไหน นั่งสบายทุกการขับขี่ พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 6ทิศทางด้านคนขับ เบาะหลังมีที่วางแขนในตัว และแยกปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมจุดยึดที่นั่งสำหรับเด็ก 
·       ใหม่! พวงมาลัยแบบ Dual Sport Pattern เดินด้ายสีส้ม พร้อมสวิตช์Multifunction
·       ใหม่! ดีไซน์ขอบข้างประตู สีBronze Metallic ต่อเนื่องกับมือจับประตูด้านในสีโครม ให้ความรู้สึกเหนือระดับทุกครั้งที่ขับขี่
·       ใหม่! ชุดตกแต่งคอนโซลกลาง สีPiano Black ความหรูหราที่มาพร้อมความทันสมั  เติมเต็มอารมณ์สุนทรีย์ให้คุณยิ่งขึ้น
·       ใหม่! ที่พักแขนแบบ Soft Pad ที่คอนโซลกลางและข้างประตู  นุ่มสบาย ให้ความรู้สึกเดียวกับรถยนต์นั่งระดับหรู
·       ใหม่! ช่อง USB ชาร์จไฟ ขนาด 5 โวลต์ 1 แอมป์ 2 จุดที่ด้านหน้าและด้านหลังคอนโซลกลาง
·       ใหม่! ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control สะดวกสบายยิ่งกว่า ด้วยระบบช่วยขับขี่บนเส้นทางไกล ช่วยความคุมความเร็วให้คงที่อัตโนมัติ
·       ใหม่ล่าสุด! ชุดความบันเทิงจากKENWOOD พร้อม Built-in Navigator   หน้าจอใหม่ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ทันสมัย ใช้งานสะดวกขึ้น พร้อมระบบสัมผัส ตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และใหม่! Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน (เฉพาะรุ่นที่รองรับ) ผ่าน Wifi Dongle  สามารถเล่นได้ทั้งCD/DVD/MP3/WMA/AAC  จุดเชื่อมต่อUSB รองรับทั้งเครื่องเล่น MP3, Flash Driveและสมาร์ทโฟน (เฉพาะรุ่นที่รองรับ)  กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด Built-inพร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide ระบบBluetooth เชื่อมต่อระบบโทรศัพท์   พร้อมฟังก์ชั่น  ฟังเพลงผ่านบลูทูธ นอกจากนี้ยังเติมเต็มสุนทรียภาพแห่งความบันเทิงเต็มอิ่มยิ่งขึ้น ด้วยมิติเสียงกระหึ่มสมจริงรอบทิศทางด้วยISUZU SURROUND SOUND SYSTEM  สูงสุดถึง 8 ลำโพง และ Roof Speakerลำโพงพิเศษบนเพดาน
MAX POWER  ลุยสะใจด้วยขีดสุดสมรรถนะขุมพลัง และระบบส่งกำลังออกแบบใหม่ลงตัวสูงสุดเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์  ขนาด 3,000 ซีซี 177 แรงม้า  ให้กำลังแรงม้าและแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที  มีให้เลือกทั้งแบบ
·       เกียร์ออโตเมติก 6 สปีด ถ่ายทอดจังหวะการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล ราบรื่น พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronicสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา แม่นยำ และตอบสนองได้รวดเร็ว 
·       เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถ่ายทอดพลังสูงสุด ให้อัตราทดเกียร์ต่อเนื่อง ส่งพลังได้เต็มประสิทธิภาพ ทนทานเหนือชั้นสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
·       พร้อมระบบส่งกำลังแบบ GENIUS SPORT SHIFT ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ และแจ้งเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในรอบและความเร็วที่เหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด  
MAX PERFORMANCE    เรียกพลังออฟโรดเพื่อลุยฝ่าทุกอุปสรรค ทนทาน มั่นใจ ปรับได้ตามใจสั่ง ตามแบบฉบับออฟโรดพันธุ์แท้ด้วย 
·       Terrain Command ผู้นำ...ระบบปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า  สวิตช์ปรับระบบการขับเคลื่อนระหว่าง 2 ล้อ และ 4 ล้อ ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เจ้าแรกแห่งวงการปิกอัพเมืองไทย  ให้ความแม่นยำสูง ปรับเปลี่ยนง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถปรับระบบขับเคลื่อนได้ตามความต้องการทั้ง 4 ล้อ และ 2 ล้อ เลือกใช้งานได้ถึง 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4ตามสภาพถนน 
·       I-GRIP PLATFOAM  (Isuzu Gravity Responsive Intelligent Platform)  ขีดสุดสมรรถนะ...ช่วงล่างระดับโลก ออกแบบพิเศษให้ระยะฐานล้อและช่วงล้อกว้าง ที่ผู้ใช้ทั่วโลกต่างมั่นใจ ไม่ว่าจะบนถนนหรือบนเส้นทางออฟโรด ด้วยประสิทธภาพการเกาะถนนและทรงตัวดีเยี่ยม  นุ่มและหนึบบนถนนที่ใช้ความเร็ว  พร้อมความนุ่มนวลบนเส้นทางวิบากสุดโหด
MAX SAFETY & DURABILITY   อีกขั้นของนวัตกรรมความปลอดภัย ตอบรับทุกการผจญภัย ด้วยระบบความปลอดภัยป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มเติมด้วย ใหม่! HDC (Hill Descent Control) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบความปลอดภัยปกป้องขณะเกิดอุบัติเหตุ พร้อมที่สุดแห่งมาตรฐานความทนทานที่ให้ความแข็งแกร่งกว่า บำรุงรักษาง่าย...คุ้มค่าสุด ตามแบบฉบับอีซูซุ

สำหรับ อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ล่าสุด  ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์หรูหรา ออกแบบภายในใหม่!ต่อยอดความสะดวกสบายและทันสมัยขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟังก์ชั่น เทคโนโลยีการใช้งาน และความปลอดภัยที่มากขึ้น  ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่นแตกต่างกันไป อาทิ
·       ใหม่! ไฟหน้าโปรเจอร์เตอร์ พร้อมSilver Ring เท่สะดุดตายิ่งกว่าเดิม พร้อมไฟซูเปอร์เดย์ไลท์ แบบ Built-in ให้ความสว่างชัดเจนในเวลากลางวัน ใช้เป็นไฟหรี่เวลากลางคืน
·       ใหม่! เร้าใจสุดด้วยพวงมาลัยMultifunction ควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการจากบนพวงมาลัย
·       ใหม่ชุดตกแต่งคอนโซลกลาง และดีไซน์ขอบข้างประตูสี Piano Black พร้อมมือจับด้านในสีโครม
·       ใหม่! สปอร์ตหรูด้วยที่พักแขนแบบSoft Pad ที่คอนโซลกลางและข้างประตู นุ่มสบาย ให้ความรู้สึกเดียวกับรถยนต์นั่งระดับหรู
·       ใหม่! ช่อง USB ชาร์จไฟ ขนาด 5 โวลต์ 1 แอมป์ 1 จุดที่ด้านหน้า และ 2 จุด ที่ด้านหน้า และด้านหลังคอนโซลกลาง
·       ใหม่! ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติCruise Control สะดวกสบายยิ่งกว่า ด้วยระบบช่วยขับขี่บนเส้นทางไกล ช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่อัตโนมัติ  มีให้ครบทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์
·        ใหม่ล่าสุด ชุดความบันเทิงจากKENWOOD พร้อม Built-in Navigator   พร้อมหน้าจอใหม่ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ระบบสัมผัสตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็วใหม่! Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน (เฉพาะรุ่นที่รองรับ) ผ่าน Wifi Dongle และ ใหม่! ระบบนำทางพร้อมแผนที่แบบ Built-in Navigator ให้ทุกการเดินทางง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
·       ใหม่! HDC (Hill Descent Control) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ อีซูซุยังคงยืนหยัดตอกย้ำความเหนือชั้นแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก  ด้วยจุดขายที่แข็งแกร่ง 3 ด้านของ อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์”  ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้รถทั่วประเทศ  ด้วยที่สุดความแรง สูงสุดถึง 150 แรงม้า ตอบรับการใช้งานที่ต้องการพลังสูง  ที่สุดความทนทาน จากบททดสอบสมรรถนะความทนทานอันเหนือชั้น วิ่งผ่าน 3 ประเทศ ไทย-ลาว-จีน รวม 5,755 กิโลเมตร วิ่งต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ดับเครื่องยนต์ ความทนทานที่ใครก็เลียนแบบอีซูซุไม่ได้ และที่สุดความประหยัดน้ำมัน ประหยัดกว่าเดิมถึง 19จากบทพิสูจน์สุดยอดรถประหยัดน้ำมันตัวจริงของอีซูซุ ด้วยกิจกรรมพิเศษ น้ำมันถังเดียว” ที่จัดขึ้นต่อเนื่อง และทำสถิติประหยัดที่ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดในงาน ครั้งแรกอีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ น้ำมันถังเดียว...เที่ยวไกลสุด คุนหมิง-กวางโจว 1,405 กม.” ทุกคันใช้น้ำมันไม่ถึงหนึ่งถัง!”      มร. มาเอคาวะกล่าวทิ้งท้าย
ขอเชิญร่วมสัมผัสและทดลองขับ ใหม่สุดอีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max 4x4”   และอีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์”  ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ในวันที่ 6 ตุลาคม ศกนี้เป็นต้นไป  สำหรับราคา ใหม่สุดอีซูซุดีแมคซ์ V-Cross Max 4x4”  เกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 1,042,000 บาท และเกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,087,000 บาท   ส่วน อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ราคาปรับขึ้นไม่มากนัก

“Thailand International TRUCK SHOW 2017” งานมหกรรมแสดงรถบรรทุกเพื่อการขนส่ง ขานรับการรวมประชาคมอาเซียน


“Thailand International TRUCK SHOW 2017 งานมหกรรมแสดงรถบรรทุกเพื่อการขนส่ง ขานรับการรวมประชาคมอาเซียน
จากความสำเร็จของงาน “Thailand International TRUCK SHOW 2015 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ บริษัท นิชิโอะ เร้นท์ ออล จำกัด และ บริษัท พาราบ๊อกซ์ จำกัด ผู้จัดงาน เดินหน้าเต็มที่กับ Thailand International TRUCK SHOW 2017 (TTS 2017) งานแสดงสินค้าด้านโลจิสติกส์รถบรรทุก  และการขนส่งทางรถบรรทุกของภูมิภาคอาเซียน โดยยึดประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน
TTS 2017 หรือ “งานมหกรรมรถบรรทุกนานาชาติ ประเทศไทย 2560 ”  ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 มิถุนายน 2560 ณ อาคาร – 2 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อิมแพ็ค เมืองทองธานี  ด้วยแนวคิด “Move Forward with ASEAN Truck Logistics” “ก้าวสู่ยุคใหม่ของการขนส่งทางรถบรรทุกของภูมิภาคอาเซียน กระดับโลจิสติกส์ของภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น
เพื่อให้เป็นศูนย์กลางแห่งโลจิสติกส์แห่งอาเซี่ยนอย่างแท้จริง ทางคณะผู้จัดงานยังจัดให้มีกิจกรรม “สัปดาห์โลจิสติกส์ 2560” เกิดขึ้นภายในงาน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในด้านโลจิสติกส์ และการขนส่งทั้งจากในประเทศไทย, ญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ซึ่งจะเป็นแหล่งองค์ความรู้ในเชิงทฤษฎีควบคู่ปฏิบัติในด้านโลจิสติกส์ อาทิ การจัดประชุมสัมมนาเชิงวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ประเด็นที่น่าจับตามองอย่างทิศทางโลจิสติกส์ ตลอดจนการให้ความรู้ความเข้าใจด้านโลจิสติกส์ มาตรฐานความปลอดภัยของการขับขี่รถบรรทุกเป็นต้น
ทั้งนี้บริษัท นิชิโอะ เร้นท์ ออล จำกัด ในฐานะคณะกรรมการจัดงาน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นผู้มีความชำนาญในด้านการจัดการ การวางแผนและติดตั้งงานแสดงสินค้าต่างๆ ด้านบริษัท พาราบ๊อกซ์ จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ มากมาย ส่งผลให้งานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนการจัดงานต่างหน่วยงานต่างๆ มากมาย อาทิ สำนักงานส่งเสริมการประชุมและจัดนิทรรศการ (TCEB), สหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน (ATF), กรมการขนส่งทางบก, สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน, สถาบันยานยนต์, JETRO Bangkok รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ด้วย ความร่วมมือจากทางประเทศญี่ปุ่น อาทิ สถานฑูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย, JETRO, Japan Trucking Association, Japan Packaging Institute, Japan Material Handling Society และ Japan Pallet Associationเป็นต้น
สำหรับงาน TTS 2017 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 มิถุนายน 2560 นับว่าเป็นงานแสดงสินค้าด้านการขนส่งรถบรรทุก ที่ครอบคลุมไปถึงด้านการขนย้ายสินค้า การบรรจุภัณฑ์และการจัดการต่างๆ ด้านโลจิสติกส์ ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านธุรกิต่อทั้งผู้เข้าร่วมจัดแสดงงานและผู้เข้าชมงาน โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจร่วมแสดงสินค้ามากกว่า 100 บริษัท และมีผู้ชมงานตตลอดทั้ง 3 วันประมาณ 10,000 คน ซึ่งทุกองค์ประกอบจะมีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางรถบรรทุกให้ดีขึ้น

มาสด้าผุดโชว์รูมต้นแบบตามคอนเซ็ปต์ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้ลูกค้าได้สัมผัส


มาสด้าผุดโชว์รูมต้นแบบตามคอนเซ็ปต์ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้ลูกค้าได้สัมผัส

กรุงเทพ – ประเทศไทย, 14 กันยายน 2559 – มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมาสด้า เอ็ม.เค. กรุ๊ป ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าแห่งใหม่ บนถนนพระราม 2 “มาสด้า เอ็ม.เค.” ภายใต้ Mazda Corporate Identity (MCI) คอนเซ็ปต์โชว์รูมใหม่ล่าสุดมีสไตล์ที่โดดเด่นทันสมัย บรรยกาศที่อบอุ่น พร้อมให้บริการครบทุกฟังก์ชั่น นับเป็นโชว์รูมแห่งแรกที่ถูกออกแบบและตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุดของมาสด้า ประกาศปรับภาพลักษณ์ทุกโชว์รูมทั่วประเทศทั้ง 147 แห่ง ให้เสร็จทันภายในปี 2561 เพื่อยกระดับแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเมื่อได้สัมผัสความเป็นมาสด้า ถ่ายทอดคุณค่าของแบรนด์และประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน พร้อมสร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับลูกค้าให้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือก

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นโยบายหลักสำคัญนอกเหนือจากการผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า คือ การขยายเครือข่ายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบในย่านชานเมืองที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง และกำลังเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เจริญเติบโต มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น การเปิดโชว์รูมมาสด้า เอ็ม.เค พระราม 2 ในวันนี้ คือสิ่งที่มาสด้ามุ่งมั่น เพื่อก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือก ความพร้อมของโชว์รูมและศูนย์บริการที่มีคุณภาพ รวมทั้งการบริหารงานอย่างมืออาชีพของผู้จำหน่ายมาสด้า เป็นตัวจักรสำคัญที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกๆ ด้าน ที่ลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสได้ รวมถึงเพื่อรองรับการเติบโตจากกระแสความนิยมรถมาสด้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ การดูแลเอาใจใส่ลูกค้า หรือ “Customer Care” เราจะมุ่งเน้นเรื่องการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการครอบครองรถยนต์มาสด้าอย่างดีที่สุด เพื่อสร้างความผูกพันกันในระยะยาว ความพึงพอใจของลูกค้า คือ สิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด

สำหรับมาสด้านั้นในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นบริษัทรถยนต์ที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการสร้างแบรนด์เป็นอย่างยิ่ง จึงส่งผลไปถึงยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มาสด้ายังมีแผนงานที่ชัดเจนในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จำหน่ายและลูกค้า โดยเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้ยั่งยืน โดยมีหัวใจหลักสำคัญคือ

ด้านผลิตภัณฑ์: พัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและแนวทางการออกแบบรถยนต์อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมใส่ใจเป็นพิเศษกับความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า เพื่อความสอดคล้องกับเทรนด์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ด้านการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้งการขายและการบริการ: เดินหน้าขยายเครือข่ายทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ภายใต้รูปลักษณ์และคอนเซ็ปต์ใหม่ของมาสด้า หรือ Mazda Corporate Identity ซึ่งเป็นรูปแบบโชว์รูมที่มาสด้าได้มีการปรับปรุงภาพลักษณ์รูปแบบใหม่หมด เพื่อยกระดับแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเมื่อได้สัมผัสความเป็นมาสด้า โดยเริ่มจากโชว์รูมมาสด้าใหม่ที่พระราม 2 เป็นแห่งแรกซึ่งภายในสิ้นปีนี้มาสด้าจะปรับปรุงทั้งหมด 15 แห่ง โดยแบ่งเป็นในกรุงเทพ 3 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 12 แห่ง และทั้งหมด 147 แห่ง จะถูกปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในอีก 3 หรือ หรือภายในปี 2561

ด้านการผลิต: สนับสนุนการเติบโตของยอดขายด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตตามฐานการผลิตต่างๆ และใช้ศักยภาพของฐานการผลิตแต่ละแห่งอย่างเต็มที่

สำหรับภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่ของมาสด้านั้นสะท้อนถึงความเป็นพรีเมียมแบรนด์และยังให้ความรู้สึกถึงการขับเคลื่อนอันทรงพลังเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงความสนุกสนานในการขับขี่ อันเป็น DNA ของแบรนด์มาสด้า การออกแบบโชว์รูมใหม่ของมาสด้านั้นอยู่บนแนวคิดที่จะสร้างบรรยากาศเหล่านี้ให้ลูกค้าได้สัมผัส คือ

บรรยากาศที่ลุ่มลึก: ตัวอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นั้นต้องแสดงออกถึง “ความลุ่มลึกและคุณภาพ”

แรงดึงดูดทางอารมณ์: ดึงดูดผู้คนเข้าสู่โชว์รูม รถมาสด้าและแบรนด์มาสด้า

ทำให้รถดูสวยงามน่าหลงใหล: จัดแสดงให้ทั้งภายในและภายนอกอาคารนั้นขับเน้นความสวยงามของตัวรถ

บรรยากาศที่อบอุ่น: การผสมผสานของวัสดุและสีสันที่ใช้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบาย

สำหรับมาสด้า เอ็ม.เค. พระราม2 บริหารงานโดย นายพงษ์ศักดิ์ ชาญไพบูลย์รัตน์ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม เอ็ม.เค. กรุ๊ป มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 141/1 ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 นอกจากจะเป็นโชว์รูมที่ตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ใหม่ของมาสด้าแล้ว ก็ยังมีบริการครบวงจร ทั้งการขาย ศูนย์บริการ ศูนย์ซ่อมตัวถังและสี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ามาสด้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ในขณะที่มาสด้ายังคงมุ่งมั่นเพื่อการบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าจะเลือกใช้ตราบนานเท่านาน
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved