Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

DUAL VVT-I ใน COROLLA 2.0 ลิตร


คำว่า DUAL VVT-I ตามหัวข้อเรื่องนั้น ท่านผู้อ่านหลายท่านคงเคยรับทราบกันมาบ้างแล้วว่าเครื่องยนต์บางรุ่นที่บรรจุอยู่ในรถยนต์โตโยต้า เคยมีมาแล้วสำหรับ รถที่จำหน่ายในประเทศ ได้แก่ LAND CRUISER PRADO , CAMRY 3.5 Q เทคโนโลยีดังกล่าว สามารถทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีขึ้นอย่างมาก กำลังของเครื่องยนต์มีมากขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เป็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะ มลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ผ่านมาตนฐาน ยูโย 4 ( EURO 4 ) และบัดนี้เทคโนโลยีที่กล่าวถึงได้บรรจุอยู่ใน COROLLA 2.0 ลิตร แล้ว ครับ
รหัสเครื่องยนต์ 3ZR – FE 4 สูบแถวเรียง DOHC TWIN – CAM 16 วาวล์ DUAL VVT-I ปริมาณกระบอกสูบ 1,987 CC เส้นผ่าศูนย์กลาง X ระยะชัก 80.5 X 97.6 มิลลิเมตร แรงม้าสุทธิ 141 PS ที่ 5600 รอบต่อนาที่ แรงบิด189 NM ที่ 4400 รอบต่อนาที่ ทำให้ COROLLA มีพลังที่จัดจ้านขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจาก DUAL VVT- I นั่นเอง

VVTI เป็นระบบการเปลี่ยนแปลงจังหวะ การปิด – เปิดวาวล์ อย่างอัจฉริยะ เหมาะสมกับสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งการทำงานของระบบ จะมีการทำงานเฉพาะวาวล์ไอดีเท่านั้น แต่ สำหรับ DUAL VVT- I จะมีการทำงานทั้ง 2 ฝัง คือ ฝั่งไอดีและไอเสีย ไม่เพียงเท่านี้ ที่ทำให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ดีขึ้น ยังมีกลไกปรับตั้งวาวล์แบบ ( HYDRAULIC LASH ADJUSTERS และ ROLLER ROCKER ARMS ) หมายความว่าการปรับตั้งวาวล์อย่างอัตโนมัตินั่นเอง นอกจากเครื่องยนต์มีเสียงการทำงานที่เงียบแล้ว ส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศที่ดีเช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน มีการปล่อยมลพิษที่มาจากเครื่องยนต์ จำนวนมาก ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ดังนั้น การที่มลพิษที่ถูกปล่อยจากเครื่องยนต์ COROLLA 2.0 ลิตรนั้น ที่ผ่าน ยูโร 4 ก็เท่ากับว่าช่วยในเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้จำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่า ยังมีรถยนต์อยู่จำวนไม่น้อย ที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับประเทศไทยใช้ ยูโร 3 ขอให้ผู้ที่จะเลือกซื้อรถยนต์พิจารณาตรงส่วนนี้ไว้ด้วยครับ
สำหรับเครื่องยนต์ที่รองรับ น้ำมันเบนซิน E20 หรือ B5 ได้นั้น นอกจากจะช่วยในเรื่องของสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยเศษฐกิจภายในประเทศ พร้อมกับช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วยครับ ถ้าทุกท่าน ช่วยกันคนละนิดในเรื่องภาวะโลกร้อน เหตุการณ์จากภัยธรรมชาติต่างๆคงไม่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ตามที่เป็นข่าวกันนะครับ ส่วนหัวข้อเรื่องว่า DUAL VVT-I ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมครับ

แอ่งน้ำบนถนนมีอันตรายซ่อนอยู่


บนถนนหนทางเส้นทางเป็นปกติ ผิวของถนนแห้งและเรียบ การควบคุมรถยนต์สามารถทำได้แบบไม่ยากเย็นนัก ผิดกับถนนที่มีลักษณะไม่คงที่ ,ขรุขระ, ต่างระดับ, เปียกลื่นฯลฯ ย่อมต้องมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้นไปอีก ก็มีอยู่มาก มากที่ถนนปกติ แต่กลับมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูง ดังที่เป็นข่าวตามหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ แน่นอนเกิดขึ้นจากความประมาทส่วนบุคคล ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ถ้าหากว่าเกิดเหตุแล้วเกิดเฉพาะบุคคลก็จะดีไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงส่วนใหญ่นำพาให้ผู้อื่นเกิดความเสียหายตามไปด้วย ขนาดเส้นทางเป็นปกติดียังมีปัญหาเกิดขึ้น ไฉนเลยมีความเป็นปกติเกิดขึ้นบนถนนย่อมมีอุบัติเหตุเป็นเรื่องธรรมดา

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น หากทุกคนรู้ล่วงหน้า คำว่า “ อุบัติเหตุ ” คงไม่มี เพราะมีการเตรียมการเตรียมตัวก่อนแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต และในการนี้จะกล่าวถึงการขับรถยนต์ผ่านแอ่งน้ำบนถนน

การขับรถผ่านแอ่งน้ำมิใช่หรือเหมือนกับการขับรถผ่านน้ำท่วม การขับรถผ่านน้ำท่วมแน่นอนต้องชะลอความเร็ว คือใช้ความเร็วต่ำ เคลื่อนตัวอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับการขับผ่านแอ่งน้ำ มีความน่ากลัวกว่าน้ำท่วม ไหนจะการควบคุมรถยนต์ ไหนจะเกิดขึ้นกับสิ่งรอบข้างอีก ดังนั้น ในการนี้ ขอเสนอเหตุการณ์สมมุติเพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้น ดังนี้

สมมุติว่า มีแอ่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร อยู่บนถนนทางด้านล้อด้านซ้าย (จะพบบ่อยบนถนนในกรุงเทพมหานคร ) บริเวณป้ายรถเมล์ หรือรถประจำทางมีผู้คนยืนอยู่แล้ว มีรถขับมาด้วยความเร็ว (พอสมควรไม่ต้องถึงขนาดความเร็วสูง ) น้ำที่มีอยู่ในอ่างจะกระเซ็นขึ้นมาโดนสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณนั้นอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่น้ำเท่านั้น ตัวรถยนต์จะมีอาการถูกดึงในบางครั้งเสียการทรงตัว หรือเสียการควบคุมหากรถยนต์มีอาการหมุน ลองนึกภาพดูอะไรจะเกิดขึ้น ยกตัวอย่าง สิ่งที่ใกล้ตัวเช่น เปลือกกล้วยหอมเมื่อคนเราเหยียบย่อมเกิดการลื่น เสียการทรงตัว ขนาดเราแค่เดินก้าวนะครับ แต่รถยนต์มีการเคลื่อนตัวอย่างเร็วตอนวิ่งอยู่ ดังนั้น อาการที่เกิดขึ้นย่อมมีมาก แต่ถ้าขับด้วยความเร็วต่ำรถยนต์คงไม่มีอาการใด ๆ เกิดขึ้นให้เห็น ก็เท่ากับว่า การบังคับ ควบคุมรถยนต์ทำได้ แต่ถ้าเราขับรถด้วยความเร็วที่สูงตัวรถยนต์จะมีอาการดึงอย่างชัดเจน แล้วถ้าขณะนั้นจับพวงมาลัยไม่แน่น บวกกับมีอาการตกใจ อะไรย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน หากพบถนนมีลักษณะเช่นนี้ ผู้ขับขี่จะต้องสังเกตแล้ววิเคราะห์ว่า จะทำอย่างไร อย่างเช่น ถ้าขณะนั้นหักหลบได้ ก็ให้ควบคุมรถไปในอีกทิศทางหนึ่ง แต่ถ้าหลบไม่ได้ ให้ลดความเร็วรถยนต์ลง พร้อมกับการแตะเบรกก่อนที่จะถึงแอ่งน้ำ เพราะถ้าเบรกที่ตรงแอ่งน้ำ รถยนต์ก็จะเกิดอาการหมุนปัด ก็จะเกิดอุบัติเหตุอีก การจับพวงมาลัยต้องแน่นขึ้นถึงกับเกร็งทั้งแขนเลย และนี้ก็เป็นวิธีการที่แนะนำ ที่ได้ผลดี

อนึ่งความไม่ประมาทนำมาซึ่งความปลอดภัย เหตุการณ์ตามหัวเรื่อง บางท่านเคยมีประสบการณ์แล้วก็จะเห็นภาพดียิ่งขึ้น สำหรับมือใหม่ควรกระทำตามคำแนะนำ อย่าลืมนะครับ ปัจจุบันรถติดไฟแดงก็นานพออยู่แล้ว ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะขนาดไหน ดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้นั่นเอง ท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านโชคดี สวัสดีครับ

โตโยต้า ห่วงใย ในสิ่งแวดล้อม 2


ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ใหม่ ๆ มาใช้กับเครื่องยนต์ตลอดเวลา เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการกำเนิดเชื้อเพลิงประเภทใหม่ เช่น พลังงานไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านั้นมีข้อจำกัดของการใช้งานอยู่ไม่น้อย และยังไม่สมบูรณ์ที่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้สุงสุดของการที่รถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทางโตโยได้เปิดโลกทัศน์แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ทำการคิดค้นขุมพลังใหม่ที่เรียกว่าไฮบริด( HIBRID ) เป็นเครื่องยนต์ลูกผสม เป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในกับมอเตอร์ไฟฟ้ามีความยอดเยี่ยมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำ ค่ามลพิษที่เกิดจากไอเสียดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไปสามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริงจากการทดสอบจากภายใต้แนวความคิดที่ว่า “ ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงโดยรวม ” ( WELL – TO- WHEEL ) ซึ่งเป็นการวัดค่าประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงโดยรวม การทดสอบนี้ เป็นดัชนีที่ดีในการระบุให้เห็นถึงต้นทุนทางด้านสิ่งแวดล้อม อันเกิดจากการผลิตเชื้อเพลิงนับตั้งแต่การนำวัตถุดิบมาแปรสภาพ ความสะดวกในการจัดเก็บเชื้อเพลิงจนถึงขบวนการนำเชื้อเพลิงไปใช้ในการขับเคลื่อน ซึ่งจุดนี้ หลายคนมองข้ามกันไปโดยการทสอบพบว่า รถยนต์ไฮบริด ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า กลับมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงโดยรวมดีกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินเพียงอย่างเดียว หรือใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว

จากการทดสอบของรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น เมื่อทำการเปรียบเทียบกับรถยนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินที่มีความจุกระบอกสูบ 1500 CC (1.5 ลิตร) ในระดับเดียวกันแล้ว รถยนต์โตโยต้าPRIUS ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ระบบ ไฮบริด มีความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 28 กิโลเมตรต่อลิตร ทำได้ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในมากกว่า 1 เท่าตัว และมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียต่ำกว่า ถึง 50 % (ยอดเยี่ยมจริง ๆ)
โตโยต้าสามารถบรรลุถึงผลสำเร็จด้วยการเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลก ที่ผลิตรถยนต์นั่งแบบไฮบริดออกสู่ตลาด โดยใช้ชื่อว่า พรีอุส (PRIUS) ในเดือนธันวาคม 2540 และครบ 1 แสนคันในเดือนสิงหาคมในปี 2545 ปัจจุบันรู้สึกว่าผลิตเกิน 1 ล้านคันไปแล้ว

ดังนั้นรถยนต์ระบบไฮบริดจึงเปรียบเสมือนกับสะพาน ที่เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ปัจจุบันกับในอนาคต ไม่เพียงแต่รถยนต์โตโยต้า พรีอุส เท่านั้น โตโยต้ายังได้ติดตั้ง ระบบ ไฮบริดในรถยนต์อีกหลายรุ่นในปัจจุบัน แต่สำหรับในประเทศไทย (มิได้กล่าวถึงผู้นำเข้าอิสระ) ได้แก่ CAMRY HIBRID ครับผม ท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุข และร่างกายแข็งแรงทุกท่านครับ

การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างการเติมน้ำมันที่ปั๊ม


เพื่อประโยชน์กับสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถเป็นประโยชน์กับหน่วยงานปฏิบัติ การที่มีการรับ - จ่ายน้ำมันและก๊าชได้ด้วย จึงขอนำเสนอกกรณีอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างการเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งผลจากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ลูกค้าได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย 3 เหตุการณ์ ดังต่อไปนี้

1.ลูกค้าได้วางโทรศัพท์มือถือไว้ที่ท้ายรถขณะที่กำลังเติมน้ำมันและมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ได้ส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้ รถยนต์และสถานีบริการน้ำมันได้รับความเสียหาย
2.ลูกค้าถูกไฟลวกที่บริเวณใบหน้า ขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถือระหว่างเติมน้ำมัน
3.ลูกค้าถูกไฟลวกที่ต้นขาและขาหนีบ เนื่องจากโทรศัพท์มือถืออยู่ในกระเป๋ากางเกงและมีสัญญาณเรียกเข้าให้เกิดไฟลุกไหม้ น้ำมัน นอกจากนั้นแล้วยังมีรายงานว่าเคยเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือลักษณะเช่นนี้ที่แท่นขุดเจาะในทะเลอีกด้วย
ข้อมูลสำคัญ
โทรศัพท์มือถือสามารถทำให้เกิดประกายไฟและจุดติดไฟกับเชื้อเพลิงได้ (lgnite) โทรศัพท์มือถือยิ่งทันสมัยมากเท่าไร พลังงานที่ถูกปล่อยออกมาก็มากเพียงพอ ที่จะทำให้เกิดประกายไฟและจุดติดไฟได้ทั้ง ในขณะที่ทำการปิด - เปิด หรือกดปุ่มรับโทรศัพท์มือถือมีสัญญาณเรียกเข้ามา

ปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเข้าไปในพื้นที่รับ-จ่ายน้ำมันและก๊าช บริเวณที่มีการขนย้ายและเก็บเชื้อเพลิง/สารเคมีสถานที่ก่อสร้าง (ข้อมูลจาก PTT Risk Alert Vol1/2002 เดือนกุมภาพันธ์ 2545 Safety (Risk ) Aler) ของ Unocal ฉบับวันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 ซึ่งเป็นข้อมูลจากเซลล์ เนเธอร์แลนด์ วารสาร safety&Health ฉบับ เดือนสิงหาคม 2545 และ Mine Safety and Health Administration) ข้อสังเกต สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่เกิดเหตุนี้น่าจะเป็นสถานีบริการฯ ของต่างประเทศที่ลูกค้าเป็นผู้เติมน้ำมันเองหรือเป็นเหตุการณ์ที่คนที่ได้รับอุบัติเหตุกำลังอยู่ด้านนอกรถ

ข้อควรปฏิบัติสำหรับพื้นที่รับ-จ่ายน้ำมันและก๊าซ

1.ประกาศเป็นกฏความปลอดภัย หรือติดป้ายเตือนอันตรายให้ปิดโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดก่อนเข้าพื้นที่รับ -จ่ายน้ำมันและก๊าซ โดยเฉพาะฤดูหนาวอากาศแห้งจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์มาก
2.แจ้งเตือน รปภ.พนักงานขับรถ ผู้ปฏิบัติงาน ลูกค้า ให้ทราบอันตรายอย่างทั่วถึง
3.ต้องเป็นโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารชนิด Explosion Proof เท่านั้น จึงอนุญาตให้นำเข้าไปใช้งานได้ เผยแพร่โดย: ส่วนนโยบายคุณภาพความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ผ่ายคุณภาพความปลอดภัยอาชีวอานามัยและสิ่งแวดล้อม ธันวาคม 45

เรื่องของกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์

รถยนตืทุกคันไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน อย่างไรจะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อให้ต้องตามกฏหมายพร้อมมีการติดตั้งทะเบียน ซึ่งป้ายทะเบียนถือว่าเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ดังนั้น ห้ามทำการใดๆ ในการยึดป้ายทะเบียน จะต้องเป็นไปตามที่ใด้กำหนดไว้เพียงแต่ว่าจะยึดติดอย่างไรเท่านั้น

ส่วนใหญ่ในปัจจุบันตามเส้นทางต่างๆจะพบว่าใช้กรอบป้ายทะเบียนทั้งสิ้น น้อยมากที่จะเห็นว่ามีการเจาะรูพร้อมกับการยึดน๊อตการกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ผิด แต่จะต้องเห็นตัวหนังสือครบทุกตัว และชัดเจนถือว่าใช้ได้ แผ่นป้ายทะเบียนห้ามกระทำการใดๆลงไป เช่น สติกเกอร์ ,ทาสี , เขียนด้วยปากกาและอื่นๆ รวมถึงกรอบป้ายทะเบียนด้วย แต่สำหรับป้ายทะเบียน พิเศษที่เป็นลวดลายที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก ถือว่าไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใดครับ ดังนั้นท่านเจ้าของรถยนต์ควรกระทำตามที่ใด้ระบุไว้ มิฉะนั้นอาจถูกเจ้าหน้าที่เรียกจับ-ปรับได้ครับ

าถึงในเรื่องของกรอบป้ายทะเบียนกันนะครับ กรอบป้ายทะเบียนมีด้วยกันหลายชนิด หลายประเภท หลายวัสดุแต่ในการนี้จะ
กล่าวถึงการคำนึงการที่จะเลือกใช้ชนิดของกรอบป้ายทะเบียน มาดูสิว่าอย่างไหนน่าใช้กว่ากันและจะเหมาะสมกับรถยนตืมากน้อยแค่ไหน

กรอบป้ายทะเบียนที่เป็นโครเมี่ยม

กรอบป้ายทะเบียนประเภทนี้มีความเงางามเห็นแล้วเด่นชัด ดูดีมีราคา หรูหรา ทำให้เกิดความสวยงาม การยึดติดเข้ากับตัวรถจะต้องยึดแผ่นตัวรองของกรอบป้ายทะเบียนก่อนแล้วใส่ป้ายทะเบียนเหมือนกรอบป้ายทะเบียนทั่วไป จากนั้นก็ประกบด้วยกรอบป้ายทะเบียนด้านนอกอีกครั้ง บางรุ่นกรอบป้ายทะเบียนโครเมี่ยมเมื่อยึดติดแล้วจะไม่แน่นพอเวลารถวิ่งอาจเกิดเสียงดังแน่นอน การยึดกรอบป้ายด้านนอกด้วยน๊อตตัวเล็กๆจะมีโอกาศหายได้ง่าย สุดท้ายป้ายทะเบียนก็จะหลุดหายได้อีก สังเกตเห็นได้ตามรถซาเล็งหรือร้านทำป้ายทะเบียนทั่วไปที่เห็นเป็นของแท้อีกด้วย

อันดับต่อมาในเรื่องของความร้อนหากมีการจอดรถตากแดด จะมีความร้อนที่มากหากร่างกายไปโดนอาจเกิดปัญหาได้นอกจากนั้นความเงางามยังสะท้อนเมื่อยามกระทบกับแสงแดดเข้าหาผู้ร่วมใช้เส้นทางอื่น อย่างนี้ก็มีอันตรายแฝงอยู่

ต่อมาวัสดุที่ใช้ทำมีคุณภาพที่ไม่ดีก็จะเกิดสนิมโดยง่ายลักษณะเช่นนี้อาจส่งผลถึงสีรถก็เป็นไปได้อีก อันดับต่อมาอันนี้สำคัญในเรื่องของความปลอดภัย คือ หากมีการล้างรถยนต์ด้วยตนเองมีการฉีดน้ำล้างด้วยโฟมหรือน้ำยาทำความสะอาดอื่นจะต้องมีการลูบเช็ดรอบคันจังหวะนี้แหละครับ บริเวณกรอบป้ายทะเบียนตามขอบจะมีความคมมาก ขนาดผ้าหรือแม้กระทั่งฟองน้ำยังฉีกขาดเลยไฉนเลยเนื้อมนุษย์จะไม่เสียหาย ตรงนี้ขอให้ระวังให้มากๆ ( ว่างๆลองถามพนักงานที่ล้างอัดฉีดดูก็ได้ครับ ) ควรมิควรแล้วแต่เจ้าของรถเลือกใช้กันนะครับ

กรอบป้ายทะเบียนแบบพลาสติก

กรอบป้ายทะเบียนประเภทนี้ มีน้ำหนักที่เบา , ไม่สะท้อนแสง , ไม่เป็นสนิม , บริเวณขอบป้ายแทบจะไม่มีความคมเลย การถอดใส่ป้ายทะเบียนก็ง่าย( รุ่นใหม่จะใช้มือ ) และเป็นที่นิยมอย่างมากขณะนี้เรื่องของสีก็มีให้เลือกมากมายเพื่อให้เข้ากับรถยนต์ของท่านได้เป็นอย่างดี ( ดูแล้วสวย ) หากทำความสะอาดรถ ก็ไม่บาดมือ นั่นก็หมายความว่ามีความปลอดภัยมากขึ้น ทางด้านราคาจำหน่ายก็เหมาะสมซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปเหมือนกับกรอบป้ายทะเบียนทั่วไปครับ

ดังนั้น การเลือกใช้กรอบป้ายทะเบียนไม่ว่าประเภทไหนขอให้ถูกต้องตามกฎหมายกันนะครับหากไม่ใช้ก็ขอให้ติดตั้งอย่างถูกต้องกันด้วยนะครับ เพื่อสังคมไทยทีดีมีความสุขกันครับผม

CAMRY HYBRID 2009


ในรถยนต์โตโยต้า ระบบไฮบริด เป็นการผสานการทำงานของเครื่องและมอเตอร์ขับเคลื่อนเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องชาร์ทไฟจากเหล่งกำเนิดไฟฟ้าภายนอกเหมื่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วไป

จุดเด่นของรถยนต์โตโยต้าไฮบริด
1 เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นผลมาจากเครื่องยนตืมีการทำงานที่น้อยลงก็เท่ากับว่าใช้น้ามันที่เป็นเชื้อเพลิงน้อยลง การเผาไหม้ก็น้อยลงมลพิษหรือมลภาวะก็น้อยลง
2 ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีมอเตอร์แบ่งเบาภาระของเครื่องยนต์ ทำให้มีการตอบสนองทุกอัตราเร่งถึงแม้ว่าเครื่องยนต์มีการทำงานที่เหมื่อนเดิมก็ตาม นอกจากนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าไปควบคุมระบบปรับอากาศ พวงมาลัยไฟฟ้า ระบบเบรก ถือว่าเป็นการลดภาระของเครื่องยนต์ใด้มากเช่นกัน
3 ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว เพราะในการออกตัวทุกครั้งจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ซึ่งมีแรงบิดที่สูงอัตราเร่งและการขับเคลื่อนที่ดีจากเครื่องยนต์รวมกับมอเตอร์ขับเคลื่อนบวกกับระบบ VDIM ที่เป็นระบบการขับขี่แบบอัจฉริยะ ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในรถยนต์เพื่อการทรงตัวและสมรรถนะในการขับขี่ที่ดี
4 ลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร เครื่องยนต์ไม่ทำงานขณะจอดรถรอเวลาเคลื่อนตัวหากมอเตอร์มีการขับเคลื่อนอยู่จะไม่มีเสียงของเคลื่อนยนต์แม้แต่น้อย

องค์ประกอบของระบบไฮบริดโตโยต้า
เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตรซึ่งดูแล้วเหมื่อนเครื่องยนต์ทั่วไปแต่การทำงานไม่เหมื่อนเครื่องยนต์ทั่วไป จะเป็นการทำงานที่เป็นแบบวัฎจักร ATKINSON การทำงานของเครื่องยนต์ที่ให้ประสิทธิภาพสูงเมื่อเปรียบกับเครื่องยนต์ทั่วไป เหมาะสมกับการทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ในระบบไฮบริด

แบตเตอรี่ไฮบริด ชนิดนิเกิล เมทเทิลไฮดราย แรงดันไฟฟ้า 7.2 โวลต์ต่อ 1โมดูล ทังหมด34 โมดูลเท่ากับ 244.8 โวลต์ เป็นเหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนและเก็บประจุไฟฟ้า สมรรถนะสูง สามารถจ่ายไฟไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนและเก็บกระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใด้อย่างเหมาะสม จึงไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่จากแหล่งกำเนิดไฟภายนอก และมี e.c.u. ควบคุมการจ่ายไฟทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีการรับประกัน 5 ปี และไม่จำกัดระยะทาง

แบตเตอรี่เสริมไฮบริด ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับ e.c.u. เพื่อควบคุมอุบกรณ์ไฟฟ้าต่างๆของรถยนต์โดยมีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับอุณหภูมิภายในแบตเตอรี่เป็นการควบคุมการชาร์จไฟเข้าเก็บในแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม ทำให้เพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานกว่าแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไป
ชุดอินเวอรเตอร์ ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าเพื่อประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ไฮบริดและปรับแรงดันไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน

ชุดเกียร์ระบบไฮบริด ประกอบไปด้วยชุด MG 1 ทำหน้าที่หลักเป็นเจนเนอเรเตอร์สร้างกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายให้มอเตอร์ขับเคลื่อนและเก็บไว้ในแบตเตอรี่ไฮบริด อีกหน้าที่ คือ เป็นมอเตอร์สตาร์ทเครื่องยนต์ ชุด MG 2 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถยนต์อีกหน้าที่ คือ สร้างกระแสไฟขณะชลอความเร็วและช่วยชลอความเร็วของรถ ภายในชุดเกียร์ยังมีอุปกรณ์แบ่งแยกกำลัง ทำหน้าที่แบ่งแยกกำลังระหว่างเครืองยนต์และมอเตอร์ขับเคลื่อน และที่กล่าวมานั้นเป็นอุปกรณ์หลักในระบบไฮบริด ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายใน camry hybrid ใหม่นอกจากนั้นศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศได้มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี เตรียมพร้อมสำหรับลูกค้าทุกท่าน ทางด้าน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ก็ได้มีการสนับสนุนการวิเคราะห์ปัญหาทางด้านไฮบริดของผู้แทนจำหน่าย โดยมีการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์ปัญหาด้าน เทคนิคในกรุงและตามภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีทีมงานพร้อมเดินทางมาให้คำปรึกษาแก่ผู้แทนจำหน่ายและลูกค้าในทุกภูมิภาค ได้อย่ารวดเร็วฉับไว

สำหรับรถยนต์โตโยต้าที่เป็นระบบไฮบริด ได้แก่

1.PRIUS รุ่นที่ 1 ปี 1997
2.ESTIMA และ CROWN ปี 2001
3.PRIUS รุ่นที่ 2 และ ALPHARD ปี 2003
4.RX 400 h และ Highlander ปี 2005
5.GS 450 h และ CAMRY HV ปี 2006
6.LS 600 h ปี 2007
7.CAMRY HYBRID ประเทศไทย 2009

ดังนั้น รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า ได้ตอบสนองให้กับลูกค้าทั่วโลกที่ประเทศไทยได้ใช้ CAMRY HYBRID ดังที่รอคอยกันมานาน ท้ายนี้ขอให้ผูอ่านทุกท่านมีความสุขสวัสดีครับ......

เครื่องD4D Commonrail

เครื่องยนต์ 2KD-FTV D-4D 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบ

แรงม้าสูงสุด 75 กิโลวัตต์ / 3800 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร / 1600-2400 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด 158 กม. / ชม.
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 19.07 กม. / ลิตร ( 60 กม./ชม. ขับความเร็วคงที่ )
ประเภทของเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบ
ปริมาตรกระบอกสูบ 2494 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 92.0 x 93.8
อัตราส่วนกำลังอัด 18.5 : 1

1.อัตราเร่งที่ทำให้การขับขี่สนุก ช่วงแรงบิดที่กว้างครอบคลุม รอบใช้งานปกติ ส่งผลให้ขับขี่ง่าย ตอบสนอง ทันที และเร่งกำลังเครื่องได้ดังใจ ช่วยให้ขับ เคลื่อนขณะบรรทุกหนักได้สบาย
2.ไม่กินน้ำมันเครื่อง ประหยัดน้ำมันที่สุดในบรรดารถกระบะ นอกเหนือจากที่ประหยัดน้ำมันได้มากกว่าแล้ว ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้อีกเท่าตัว เมื่อเทียบกับเครื่อง 2L เท่ากับเป็นการประหยัด ค่าใช้จ่ายในการ ซ่อมบำรุง
3.เงียบ และนุ่มเหมือนรถที่ใช้เครื่องเบนซิน เครื่องยนต์ทำงานเงียบ และมีแรงสั่นสะเทือนน้อยขณะหยุดรอ สัญญาณไฟ หรือขณะรอบเครื่องเดินเบา ระดับเสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือนน้อยเทียบได้กับรถที่ใช้ เครื่องยนต์เบนซิน โดย ระดับเสียงที่รอบเดินเบาเพียง 49.0 เดซิเบล เทียบได้กับความเงียบของห้องพักใน โรงแรมระดับ 5 ดาว
4.ไอเสียสะอาด ปราศจากควันดำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควันดำถูกลดลงอย่าง มหาศาลเช่นกัน เพื่อร่วมรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น และเพื่อรองรับกับมาตรการ ทางด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต ผ่านมาตรฐาน Euro Step III ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุด ของการควบคุมมลพิษในสิ่งแวดล้อม แรงบิดของเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 1000 รอบต่อนาที และถึงจุดสูงสุดที่ประมาณ 1600 รอบต่อนาที และ จะมีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1600 ถึง 2400 รอบต่อนาที เพื่อประโยชน์ในการใช้งานซึ่งหาไม่ได้ใน เครื่องยนต์รุ่นอื่น ๆ
เครื่องยนต์แบบ DOHC เทอร์โบ แรง เร็ว เต็มพลัง เครื่องยนต์ 2KD-FTV แบบ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบบเดียวกันกับที่ใช้ใน รถแข่ง และรถสปอร์ตซึ่งมีรอบ เครื่องยนต์ และสมรรถนะสูง ด้วยการติดตั้งท่อ ไอดีแบบคู่ และวาล์วไอเสียในแต่ละกระบอกสูบ ที่ส่งกำลังขับโดย เพลาลูกเบี้ยวคู่ ช่วยเพิ่มปริมาณไอดี ลดปริมาณไอเสียด้วยประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่หมดจด สมบูรณ์แบบ ระบบชาร์จเทอร์โบช่วยเพิ่มปริมาณไอดีเข้าสู่กระบอกสูบ เป็นผลให้ได้แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้น พร้อมหัวฉีด น้ำมันเชื้อเพลิง ติดตั้งแนวตั้งที่จุดศูนย์กลางห้องเผาไหม้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้หมดจด ให้ไอเสีย สะอาดปราศจากมลพิษ

คอมมอนเรล ให้อัตราเร่งเต็มสมรรถนะในรอบต่ำ แรงบิดสูงสุดจาก 1,400 รอบต่อนาทีถึง 3,200 รอบต่อนาทีช่วยเพิ่มความคล่อง ตัวในการขับขี่ พร้อมให้อัตราเร่ง เต็มพลังได้ทุกสภาพการขับขี่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะขับขี่ระยะใกล้ในเมืองหรือบนเส้นทางไกล ให้อัตราเร่ง ตอบสนองทันใจทันทีที่เหยียบคันเร่งด้วยพลังขับเคลื่อนสมรรถนะสูงตั้งแต่ออกตัวหรือขับเคลื่อนตามกันบน หน้าด่านทางด่วน แรงบิดสูงของเครื่องยนต์ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ได้มากข้นด้วย

เครื่องยนต์ใหม่ D-4D แบบคอมมอนเรล ไดเร็ค อินเจ็คชั่น ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด

1.ได้ระยะทางไกลกว่า และมลพิษต่ำกว่า หัวฉีดแบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่นฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ได้สมบูรณ์แบบที่สุด จึงประหยัดน้ำมันได้สูงสุดต่างจากหัวฉีดแบบเก่าที่ผสมน้ำมันกับอากาศในห้องเผาไหม้ที่ทำให้ สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า ระบบอิเล็คทรอนิกส์ควบคุมองศาการเปิดปิดวาล์วและจังหวะการฉีดน้ำมัน พร้อมหัวฉีดสมรรถนะสูงแบบคอมมอนเรลไดเร็คอินเจ็คชั่นที่พร้อมทำงานเต็มประสิทธิภาพทุกสภาพการขับขี่
2.สมรรถนะของไอลักซ์ ไทเกอร์ใหม่ พิสูจน์แล้วว่า เหนือชั้นกว่ายี่ห้อใดในรุ่นเดียวกันหนึ่งในคุณสมบัติ โดดเด่นของไฮลักซ์ ไทเกอร์ใหม่ คือประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันได้สูงสุดซึ่งพิสูจน์แล้วจากหลากหลาย สภาพการขับขี่
3.เครื่องยนต์ใหม่แข็งแกร่ง ทนทานด้วยระบบ คอมมอนเรล เสียงเครื่องเงียบและสั่นสะเทือนน้อย ส่วนประกอบ เครื่องยนต์ 2KD-FTV ของไฮลักซ์ ไทเกอร์ใหม่ ทั้งเสื้อสูบ ข้อเหวี่ยง แข็งแกร่ง ทนทานสูง สายพานไทม์มิ่งและ ฝาครอบเรซินได้รับการออกแบบใหม่ให้ลดแรงสั่นสะเทือน พร้อมด้วยระบบคอมมอนเรลที่ช่วยลดเสียงและแรง สั่นสะเทือนจากการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ผลที่ได้คือเสียงการทำงานของเครื่องยนต์เงียบและสั่นสะ เทือนน้อยที่สุด ซึ่งแตกต่างไปจากเครื่องยนต์ดีเซลแบบ ไดเร็ค อินเจ็คชั่นธรรมดา
4.คอมมอนเรล ทำให้เครื่องยนต์สะอาดปราศจากมลพิษ ไอเสียควันดำมักเกิดกับเครื่องยนต์ดีเซลระหว่าง การสตาร์ทเครื่องหรือไต่ทางชันด้วยความเร็วต่ำ อันเป็นผลเสียต่อรถที่วิ่งตามหลัง และคนเดินถนน ไฮลักซ์ ไทเกอร์ใหม่ ลดปริมาณ ไอเสียควันดำให้เหลือน้อย จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ปริมาณของไนโตรเจน ออกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์จึงลดลงจนทำให้เป็นเครื่องยนต์ที่สะอาด ปราศจากมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
รายละเอียดของระบบคอมมอนเรล
คอมมอนเรลเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล ที่ควบคุมการฉีดน้ำมัน เชื้อเพลิงใหี้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ปั๊มแรงดันสูงเพื่อให้น้ำมันเชื้อเพลิงแตกเป็นฝอยละออง ผลลัพธ์ที่ได้

•เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้สะอาดหมดจดที่สุด
•ให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด ทั้งปราศจากเสียงดังรบกวน และแรงสั่น สะเทือน
•ให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงสุดในรอบต่ำ ระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเครื่องเชื้อเพลิงด้วยอิเล็คทรอนิกส์ในระบบคอมมอนเรล
1. ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง ทำหน้าที่ปั๊มน้ำมันเข้าสู่ห้องเครื่องด้วยแรงดันสูง
=> ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงแตกเป็นฝอยละอองด้วยแรงดันสูง
2.คอมมอนเรล ทำหน้าที่กักเก็บน้ำมันที่มีแรงดันสูงแล้วจ่ายเข้าสู่หัวฉีด
=> การรักษาระดับแรงดันน้ำมันสูง และทำให้น้ำมันแตกเป็นฝอยละอองจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจ่าย น้ำมันเข้าสู่หัวฉีดในปริมาณที่เครื่องยนต์ต้องการ ตามสภาพของการขับขี่
3.ระบบควบคุมหัวฉีดด้วยคอมพิวเตอร์ ECU ทำหน้าที่ควบคุมการฉีดน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะโดยการ วัดจากรอบเครื่อง การปิดเปิดวาล์ว การหมุนเวียนอุณหภูมิของน้ำ และปัจจัยอื่นๆ
=> ให้สมดุลในการควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงตามสภาพรอบเครื่องจากรอบต่ำจนถึงรอบสูง
4.ระบบหัวฉีด ทำหน้าที่ฉีดฝอยละอองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยการอัดแรงดันสูงจากคอมมอนเรลพร้อมส่งคำสั่ง ควบคุมอัตราการฉีดน้ำมันตามสภาพการขับขี่ ให้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณและเวลาที่เหมาะสม ตามสภาพการขับขี่ มีการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงนำร่องก่อนการฉีดจริงในการจุดระเบิด
4.1 การฉีดน้ำมันเป็นฝอยละอองจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้ดี และสะอาดหมดจดที่สุด ทำให้ลดปริมาณควันดำจากท่อไอเสียได้มากที่สุด
4.2 ระบบการฉีดน้ำมันทดสอบ (Pilot Injection ) ที่ป้องกันการจุดระเบิดที่ล่าช้า จะช่วยทำให้
- ลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ได้มากที่สุด
- ลดเสียงดังรบกวน และแรงสั่นสะเทือน
- เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันได้สูงสุด
- ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่าย

น้ำมันหอมระเหยปรับอากาศอโรม่า (Aroma Kit) ภายในรถยนต์

ในปัจจุบันนี้เราใช้ชีวิตบนท้องถนนกันมากขึ้น ซึ่งการที่ต้องอยู่ในรถเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดความเครียด อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า จึงขอนำเสนออุปกรณ์เสริมในรถยนต์ ที่จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วยชุดน้ำหอมอโรม่า (Aroma kit) ชุดน้ำหอมระเหยปรับอากาศภายในรถยนต์แท้จากโตโยต้า เพื่อให้ตลอดระยะเวลาในการเดินทางของคุณ เต็มไปด้วยความหอมสดชื่นสดใส

อุปกรณ์บำบัดที่ใช้น้ำมันหอมระเหยกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน จากแนวคิดนี้เอง ทางโตโยต้าจึงได้ผลิตอุปกรณ์ในรถยนต์ขึ้นในชื่อ “ชุดน้ำหอมอโรม่า หรือ Aroma kit” เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ของคุณ ช่วยบรรเทาความอ่อนล้าจากการทำงาน หรือ จากการขับรถเป็นเวลานานๆ ซึ่งการติดตั้งอุปกรณ์ชนิดนี้ก็ทำได้สะดวกง่ายดายเพียงแค่ต่อเข้ากับที่จุดบุหรี่หรือที่เสียบปลั๊ก 12 โวลต์ ในรถยนต์ หยดน้ำมันหอมระเหยลงบนแผ่นฟิลเตอร์ และเปิดสวิทช์ ให้อุปกรณ์ทำงาน โดยขดลวดความร้อนภายในอุปกรณ์จะส่งความร้อนไประเหยน้ำมันที่แผ่นฟิลเตอร์ให้หอมกระจายไปทั่วห้องโดยสารโดยสามารถปรับเร่งความแรงของน้ำหอมได้ 2 ระดับ คือระดับปานกลางโดยจะขึ้นเป็นไฟสีเขียว และระดับแรงโดยจะขึ้นไฟสีส้ม

น้ำมันหอมระเหยอโรม่า สกัดมาจากธรรมชาติแท้ๆ จึงมีความบริสุทธิ์ 100 % โดยมีกลิ่นให้เลือก 3 กลิ่นด้วยกัน คือ Orange Harmony (กลิ่นส้ม) ให้กลิ่นหอมสดชื่นอันคุ้นเคยของผลไม้อาทิ ส้ม เกรฟฟรุ้ต ช่วยให้รู้สึกสด ชื่น และเพิ่มความตื่นตัวมากขึ้นยามขับขี่ด้วยกลิ่นโรสแมรี่ของ Mint Fresh (กลิ่นมินต์) ซึ่งเป็นกลิ่นที่ช่วยปลุกให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง กระตุ้นความคิดเหมาะมากสำหรับวันทำงาน และสุดท้าย Smart Drive (กลิ่น Smart Drive) มีจุดเด่นพิเศษที่ช่วยแก้อาการเมารถ ด้วยกลิ่นหอมของเปปเปอร์มินต์ผสมยูคาลิปตัสและลาเวนเดอร์ที่ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา

นอกจากกลิ่นหอมที่จะช่วยให้อากาศภายในรถของท่านสดชื่นขึ้นแล้ว สำหรับรูปลักษณ์ในการออกแบบก็ดีไซน์ที่มีความสอดคล้องสวยงามเหมาะสำหรับรถยนต์โตโยต้าอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอุปการณ์เสริมที่ทันสมัยในรถยนต์ของคุณ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี คืนความสดชื่น ภายในรถยนต์ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

หากลูกค้าโตโยต้าท่านใดต้องการหรือสนใจอุปกรณ์ “ชุดน้ำหอมอโรม่า (Aroma kit)” นี้สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด (กรุงเทพฯ) ได้ทั้ง 3 สาขา

อุปกรณ์ “ชุดน้ำหอมอโรม่า (Aroma kit)” สามารถติดตั้งได้กับรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น ซึ่งชุดน้ำหอมอโรม่า 1 ชุดจะมีน้ำหอม 1 กลิ่น ราคาประมาณ 800 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ราคาดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (ELECTRIC POWER STEERING)


เป็นการปฏิบัติระบบบังคับเลี้ยวรูปแบบใหม่ ซึ่งทางโตโยต้าพัฒนาไปอีกขั้น ปัจจุบันได้บรรจุอยู่ในรถยนต์โตโยต้าด้วยกันหลายรุ่น สำหรับในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ได้แก่ YARIS, VIOS, COROLLA 2008 ระบบบังคับเลี้ยวแบบนี้ จะมีการทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้า มีการทำงานที่แม่นยำ เบาแรงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ และมีความรู้สึกว่าหนักขึ้น เมื่อความเร็วรถยนต์เพิ่มขึ้น พูดอย่างเข้าใจง่ายๆว่า พวงมาลัยแปรผันตามความเร็วของรถยนต์นั่นเอง

ชิ้นส่วนของระบบบังคับเลี้ยวนี้นั้น ชิ้นส่วนหลักก็คล้ายกับระบบบังคับเลี้ยวทั่วไป เพียงแต่ว่าชุดสร้างแรงดันไฮโดรลิค (ปั้มน้ำมัน) ไม่ว่าจะเป็น ตัวปั้มแรงดัน, ท่อแรงดัน, สายพาน และน้ำมันไฮโดรลิคไม่มี ทำให้ตัดภาระของเครื่องยนต์ หรือ การกินกำลังของเครื่องยนต์ได้อย่างมาก ด้านการทำงานจะมีมอเตอร์เป็นตัวทำงานโดยอาศัยพลังงานไฟฟ้า พร้อมกับเซ็นเซอร์ของการตรวจจับการเลี้ยว เพื่อให้เวลาทำการเลี้ยวนั้น จะได้สมบูรณ์และเที่ยงตรงที่สุด

สิ่งที่ได้จากระบบบังคับเลี้ยวประเภทนี้ คือ การบำรุงรักษาที่ต่ำ ไม่จำเป็นจะต้องบำรุงรักษาตามระยะทาง คือ มีการเปลี่ยนแปลงตามระยะทาง เช่น น้ำมันไฮโดรลิค, สายพาน และอื่นๆถูกตัดไป แต่ชิ้นส่วนหลักก็ยังมีอยู่ เช่น ลูกหมากคันชัก, คันส่ง, ยางกันฝุ่น นอกจากนั้น หากมีหารขัดข้องภายในระบบจะมีการแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีการขัดข้องเกิดขึ้น แต่การที่จะมีการขัดข้องนั้น ถือว่ายากมาก ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของรถประหยัดได้เป็นอย่างมาก

สิ่งที่ได้ตามมาอีก คือ ลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อนและอีกหลายๆด้าน เพราะทางโตโยต้าห่วงใยในสิ่งแวดล้อม ในอนาคตทางโตโยต้า คงจะมีการติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้านี้ ในรถยนต์อีกหลายๆรุ่น อย่างแน่นอน

สำหรับรถยนต์ที่มีระบบบังคับเลี้ยวอย่างอื่น แล้วจะทำการเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้านั้น ไม่สามารถกระทำได้เพราะจะมีระบบอิเล็กทรอนิคส์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับระบบดังกล่าว อาจจะมีคำถามว่า ทำไมไม่บรรจุหรือตืดตั้งกับรถยนต์ทุกรุ่นของโตโยต้า การออกแบบในรถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในหลายๆด้าน ถึงแม้ว่าจะเป็นระบบบังคับเลี้ยวแบบใดในรถยนต์โตโยต้าก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และเต็มประสิทธิภาพ เช่นเดียวกัน

ยางอะไหล่

ผู้ขับขี่หลายท่านอาจมองข้ามชิ้นส่วนอยู่ชิ้นหนึ่ง หรือไม่นึกถึงเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ “ยางอะไหล่” หากเป็นรถเก๋งไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะอยู่ภายในฝากระโปรงและมีวัสดุปิดทับอีก เวลาทำการตรวจสอบยางอะไหล่จะกระทำได้ยากกว่ารถยนต์ประเภทอื่น เลยถูกมองข้ามกันไป จริงอยู่ว่าขับขี่รถยนต์แล้วไม่เคยยางแตกเลย หรือ ทำการเปลี่ยนยางตามระยะที่กำหนดอยู่แล้ว 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ทำให้โอกาส ที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับยางน้อยลง แต่ถึงอย่างไรผู้ขับขี่ต้องเอาใจใส่ยางอะไหล่ไว้บ้าง เผื่อว่าวันใดเกิดยางแตกขึ้นมากะทันหันจะได้หยิบใช้อย่างไร้ปัญหา หมายความว่า ยางอะไหล่ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเนื้อยาง , ดอกยาง รวมถึงความดันลมยาง ( อันนี้สำคัญ ) ขึ้นชื่อว่ายางอะไหล่ จะถูกใช้ยามจำเป็นและชั่วคราวเท่านั้น ยกเว้นยางอะไหล่ที่เป็นลักษณะเช่นเดียวกับยางล้อเส้นอื่น ( กระทะล้อและยางเหมือนกัน )

สมมุติว่า เกิดยางแตกที่ล้อหลัง ก็ให้ทำการถอดเปลี่ยนตามวิธีการที่ระบุอยู่ในคู่มือการใช้รถเสร็จแล้วก็ให้ตรวจความดันลมยางด้วย ถ้าสามารถทำได้ เพราะมิฉะนั้นจะมีอาการอื่นตามมา เช่น อาการกระด้างกรณียางแข็ง หรือ ยวบยาบในกรณีลมยางอ่อน เป็นต้น หลังจากนั้นก็ให้นำล้อที่ชำรุดไปทำการซ่อมอย่างด่วนที่สุด เหตุผลก็คือว่า หากมีการชำรุดของล้ออื่นอีก จะไม่มีล้อเปลี่ยน ดังนั้น ควรรีบทำการซ่อมโดยเร็วที่สุดพร้อมกับใส่ลงไปยังล้อเดิม เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องยางอะไหล่

ในกรณีที่ล้อชำรุดนั้นเป็นล้อหน้า หลังจากทำการซ่อมแล้วจะต้องทำการถ่วงล้อด้วยทุกครั้ง มิฉะนั้นจะควบคุมพวงมาลัยไม่มั่นคง นั่นก็คือ พวงมาลัยจะสั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้หากมีการปะยางแล้ว ล้อจะหมุนอย่าง “สมดุล” ดังนั้นจะต้องทำการถ่วงยางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเป็นล้อหลังจะไม่เกิดปัญหาเท่าใดนัก แต่ถึงอย่างไรก็ควรทำการถ่วงยางเพื่อความสมดุลในการหมุนของล้อ

สำหรับยางอะไหล่ที่เก่ามาก ก็ควรจะเปลี่ยนยางใหม่ ถึงแม้ว่าไม่เคยถูกใช้เลยก็ตาม ขึ้นชื่อว่ายางย่อมมีอายุการใช้งานอยู่แล้ว ตรงนี้ขอให้พิจารณากันไว้ด้วย กรณีซื้อรถใหม่ป้ายแดง ยางอะไหล่ ก็จะมีอายุเหมือนกับรถยนต์อย่างนี้คิดง่ายแต่ถ้าใช้มานานหลายปีแล้ว ต้องตรวจสอบที่ตัวยางถึงจะทราบ ควรมิควรแล้วแต่ท่านเจ้าของรถ

ยางอะไหล่ของรถกระบะหรือรถตู้ยิ่งต้องตรวจสอบ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ล็อคยางอะไหล่ ยิ่งต้องดูบ่อยมิฉะนั้นอาจจะหายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทางที่ดีควรจะมีอุปกรณ์ล็อคยางอะไหล่ นอกจากนั้น หากติดตั้งอุปกรณ์ล็อคยางอะไหล่แล้ว ควรหล่อลื่นอุปกรณ์นั้นด้วย ประเดี๋ยวจะถูกใช้งานแล้วไขไม่ออก

การติดตั้งยางอะไหล่ก็สำคัญ ขอให้สังเกตตำแหน่งจุ๊บเติมลมแล้วหันไปทางทิศทางของการเติมลมได้อย่างสะดวก พร้อมกับ ให้เติมลมยางสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย เพื่อให้ยางนั้นไม่เสียรูป และเมื่อต้องการใช้งานก็เพียงปล่อยลมยางออกง่ายกว่าที่จะเติมลมเข้าไป หากมีที่วัดความดันลมยางก็ให้วัดอยู่ในค่ามาตรฐานหรือเท่ากับล้ออื่นๆ ก็ได้ ท่านผู้ขับขี่ทุกท่านสามารถทำได้อยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่ายางอะไหล่ ใช้ชั่วคราวเท่านั้นครับ
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved