Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

ยานยนต์อุตสาหกรรม | ข้อมูลจำเพาะของส่วนต่างๆ


ภาพวาดแสดงขนาดของยานยนต์อุตสาหกรรม
นอกเหนือไปจากข้อมูลจำเพาะต่างที่ได้แสดงไปแล้ว ยังมีข้อมูลจำเพาะอื่นๆ ที่แสดงในรูปวาดแสดงขนาด ซึ่งรวมถึงภาพแสดงดังต่อไปนี้ด้วย





1.  การแยกของงายก (ต่ำสุดและสูงสุด)
                คือระยะห่างแนวระนาบระหว่างด้านนอกสุดของงายกข้างหนึ่งไปยังด้านนอกสุดของงายกอีกข้าง การแยกของงายกที่กว้างกว่าจะให้ความมั่นคงที่ดีกว่าเมื่อลำเลียงสิ่งของที่มีขนาดกว้าง

2. รัศมีการเลี้ยว (ภายใน)
                คือ วงกลม ในจินตนาการที่ถูกวาดโดยล้อหน้าด้านในเมื่อหมุนยางบังคับเลี้ยว   ด้วยองศาการหมุนสูงสุดด้วยความเร็วขับเคลื่อนต่ำสุด


3. ความกว้างของช่องทางที่ตัดกัน
                คือความกว้างต่ำสุดของทางที่ตัดกันเป็นมุมฉาก ซึ่งยานยนต์อุตสาหกรรมอาจต้องเลี้ยว ไม่ว่าจะมาจากทางใด ข้อมูลจำเพาะนี้อ้างอิงจากยานยนต์อุตสาหกรรมที่ไม่บรรทุกสิ่งของ

4. ความสูงของที่กั้นของตก
                คือความสูงในส่วนที่กั้นของตกซึ่งสิ่งของที่บรรทุกใช้พิงเมื่อเสายกนั้นเอียงไปทางด้านหลัง อาจต้องเลือกเสายกที่มีความสูงที่กั้นของตกมากๆ หากจำเป็นสำหรับการบรรทุก

5. การปรับเบาะที่นั่ง
                เบาะนั่งนี้สามารถเลื่อนไปยังตำแหน่งด้านหน้าหรือด้านหลังได้ ซึ่งทำให้ไม่ว่าผู้ปฏิบัติงานจะมีขนาดตัวเท่าใดก็สามารถทำงานในตำแหน่งที่สบายในห้องปฏิบัติงานของยานยนต์อุตสาหกรรมได้

6. ช่องว่างของศีรษะ
                คือระยะห่างจากส่วนบนของเบาะนั่งในแนวระนาบไปยังส่วนล่างสุดของหลังคาป้องกัน ยานยนต์อุตสาหกรรมได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคนบนโลกนี้

7. ความสูงของน้ำหนักถ่วงดุล
                คือระยะห่างจากพื้นดินไปยังส่วนน้ำหนักถ่วงดุล

8. ความสูงกึ่งกลางของสลักต่อพ่วง
                คือระยะห่างจากพื้นไปยังกึ่งกลางของสลักต่อพ่วงมาตรฐาน ขณะที่การลากจูงไม่ใช่ฟังก์ชั่นพื้นฐานขอบยานยนต์อุตสาหกรรมรูปวาดแสดงขนาดนี้จะให้การบ่งชี้ความสูงของสลักต่อพ่วงรถพ่วงที่สามารถใช้ได้

9. ระยะห่างบนทางลาดชัน (ด้านหน้าและด้านหลัง)
                ช่องว่างบนทางลาดชันทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้นคือการแสดงองศาสูงสุดระหว่างพื้นผิวราบเรียบและทางลาดชั้นที่ยานยนต์อุตสาหกรรมสามารถวิ่งผ่านได้โดยสามารถสัมผัสพื้นผิวได้





เสถียรภาพของยานยนต์อุตสาหกรรม
สามเหลี่ยมความมั่นคง
                สามเหลี่ยมความมั่นคงคือพื้นที่ทางทฤษฎีที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อเส้นด้านข้างที่มีความยาวเท่ากับเส้นหน้ายางด้านหน้าและเส้น
ตรงสองเส้นที่ลากไปทางด้านหลังจากจุดปลายของเส้นระหว่างหน้ายางด้านหน้าซึ่งตัดกันที่จุดกึ่งกลางระหว่างเพลาหลังพอดี





แม้ว่ายานยนต์อุตสาหกรรมแบบเดิมจะมี 4 ล้อ พื้นที่ ที่เกิดจากพื้นที่ต่างๆซึ่งสามารถเลื่อนจุดศูนย์ถ่วงได้อย่างปลอดภัยจะไม่ถูกแสดงด้วยรูปสี่เหลี่ยม แต่แสดงด้วยรูปสามเหลี่ยม โครงและเพลาหลังจะถูกรองรับที่จุดๆ หนึ่งที่อยู่ช่วงกลางของเพลาหลัง





พูดให้ง่ายก็คือ หากศูนย์ถ่วงที่รวมกันนี้เลื่อนออกนอกสามเหลี่ยมความมั่นคงดังกล่าว ยานยนต์อุตสาหกรรมก็สามารถพลิกค่ำได้
 
ข้อควรจำ: เมื่อมองอย่างผิวเผิน ยานยนต์อุตสาหกรรม 3 ล้อดูจะมีความมั่นคงน้อยกว่ายานยนต์อุตสาหกรรม 4 ล้อ อย่างไรก็ตาม ยานยนต์อุตสาหกรรม 3 ล้อมีสามเหลี่ยมความมั่นคงเหมือนกันกับยานยนต์อุตสาหกรรม 4 ล้อและไม่ได้ด้อยกว่ารถยก 4 ล้อเมื่อพูดถึงเรื่องความมีเสถียรภาพเลย


เสถียรภาพในแนวตั้ง
                ทฤษฎีของแรงโมเมนต์แสดงให้เห็นว่าคันโยกจะอยู่นิ่งบนแป้นหากแรงที่ต้องการจะเลื่อนคันโยกตามเข็มนาฬิกานั้นเท่ากับแรงโยกที่ต้องการจะเคลื่อนคันโยกทวนเข็มนาฬิกา
                ซึ่งแสดงได้โดยสูตรดังนี้
                L1 x W1 = L2 x W2
            ซึ่ง
                W1 = น้ำหนักของสิ่งที่บรรทุก
                W2 = การกระจายน้ำหนักของเพลาหลังที่ไม่มีการบรรทุกใดๆ
            L1 = ระยะห่างจากจุดหมุนไปยังกึ่งกลางการบรรทุก
                L2 = ระยะห่างจากจุดหมุนไปยังกึ่งกลางเพลาหลัง






เมื่อมีการบรรทุกที่ด้านหน้างายก อันจะทำให้ชดเชยความสมดุลโดยการทำงานที่เราเรียกว่าโมเมนต์คว่ำไปด้านหน้า (Mf) หากไม่การการต้านทานโมเมนต์นี้ ยานยนต์อุตสาหกรรมจะเอนไปด้านหน้า อย่างไรก็ตาม น้ำหนักถ่วงบนยานยนต์อุตสาหกรรมได้ชดเชยโมเมนต์คว่ำด้วยโมเมนต์เสถียรภาพ (Mr) ตราบใดที่ (Mr)มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า (Mf) ยานยนต์อุตสาหกรรมก็จะไม่เอียงไปด้านหน้า
                สามารถดูการทำงานของแรงโมเมนต์ได้จากรูปภาพประกอบ
                Mf = โมเมนต์คว่ำไปด้านหน้า
                Mr= โมเมนต์เสถียรภาพด้านหลัง
ข้อควรจำ: ต้องทำตามสูตรดังต่อไปนี้เพื่อให้ตรงกับมาตรฐาน JIS
สำหรับเสถียรภาพในแนวตั้ง
                Mr/Mf = (W2 x L2) / (W1 x L1) > 1.25
โปรดจำไว้ว่ายานยนต์อุตสาหกรรมมีเสถียรภาพเกินกว่าข้อกำหนดนั้นไปมาก





ชาร์ตแสดงความสามารถสูงสุดในการบรรทุก
            ชาร์ตแสดงความสามารถสูงสุดในการบรรทุกแสดงให้เห็นว่ายิ่งจุดศูนย์ถ่วงถูกเลื่อนออกไปไกลจากยานยนต์อุตสาหกรรมมากเท่าใดยานยนต์อุตสาหกรรมก็จะสามารถบรรทุกของได้น้อยลงเท่านั้น ชาร์ตแสดงความสามารถสูงสุดในการบรรทุกคือการแสดงผลด้วยเส้นกราฟของความสัมพันธ์นี้และใช้สูตรคำนวณดังต่อไปนี้





(ระยะห่างจากสิ่งบรรทุก+ศูนย์กลางการบรรทุก)X (จำนวนที่สามารถบรรทุกได้) =  ค่าคงที่

ด้านล่างนี้คือวิธีการคำนวณความจุเมื่อศูนย์กลางการบรรทุกเปลี่ยนไปโดยพื้นฐานแล้ว วิธีการคำนวณวิธีนี้ใช้ค่าแน่นอนที่ได้จากกระบวนการดังต่อไปนี้:





ดังที่ได้เห็นในชาร์ตแล้ว เสายกที่มีความสูงมากถึง 4,000 มม.
สามารถบรรทุกได้ 2,000 กิโลกรัมที่ศูนย์กลางการบรรทุก500 มม. ระยะห่าง
จากสิ่งบรรทุก (จากเส้นกึ่งกลางของเพลาหน้าไปยังด้านหน้างา) ที่แสดง
ในข้อมูลจำเพาะข้อที่ 22 คือ 420 มม. ตามลำดับ
2,000 kg x ( 420 mm + 500 mm ) = 1,840,000

            1,840,000 จึงกลายเป็นค่าแน่นอนที่ได้
                หากมีจุดศูนย์กลางการบรรทุกเท่ากับ 1,000 มม ก็จะคำนวณความสามารถสูงสุดของการบรรทุกได้ดังต่อไปนี้

X กิโลกรัม = 1,840,000 ÷ (420 มม. + 1,000 มม.)
X กิโลกรัม = จุได้ 1,295 กิโลกรัม

                ยิ่งไปกว่านั้น หากมีศูนย์กลางการบรรทุกที่ยาวมากประมาณ 1,500 มม. จะสามารถคำนวณได้ดังนี้

X กิโลกรัม = 1,840,000 ÷ (420 มม. + 1,500 มม.)
X กิโลกรัม = จุได้ 958 กิโลกรัม

ข้อควรจำ: โปรดจำไว้ว่าระยะห่างจากสิ่งบรรทุกจะไกลขึ้นเมื่อใช้เสาชนิด FV, FSV และเสาชนิดอื่นๆ
























ยานยนต์อุตสาหกรรม | ข้อมูลจำเพาะของส่วนต่างๆ


ระบบเบรกที่ใช้ (เท้า)
บ่งบอกถึงชนิดของระบบเบรกที่ใช้ในยานยนต์อุตสาหกรรมอันเป็นระบบเบรก (ใช้เท้าบังคับ)หลัก โดยปรกติแล้ว ระบบเบรกที่ใช้นั้นทำงานด้วยไฮดรอลิค

ข้อควรจำ: คันเหยียบของยานยนต์อุตสาหกรรมนั้นได้รับการวางตำแหน่งอย่างระมัดระวังเพื่อการทำงานที่ง่าย ไม่เมื่อยล้าและให้ผลผลิตสูง





เบรกมือ
บ่งบอกถึงชนิดของระบบเบรกที่ใช้สำหรับระบบเบรก (ใช้มือควบคุม)สำรอง โดยปรกติแล้วเบรกชนิดนี้มีการเชื่อมต่อแบบกลไก (สาย)
ที่ให้กำลังเบรกไปยังระบบเบรกหรือเพลาขับในยานยนต์อุตสาหกรรมรุ่นใหญ่ๆ

ข้อควรจำ: โดยหลักๆ แล้วยานยนต์อุตสาหกรรมมีเบรกมือแบบโยกซึ่งง่ายต่อการใช้และสามารถปลดเบรกได้อย่างง่ายดายโดยการกดปุ่มบนหัวของคันโยกเบรกมือ






โวลต์แบตเตอรี่/ความจุ (5 ชั่วโมง)
(รุ่นเครื่องยนต์)
คือโวลต์ (12โวลต์)และความจุตามอัตราโดยใช้การประเมินแบตเตอรี่ 5 ชั่วโมงสำหรับระบบจุดระเบิดของยานยนต์อุตสาหกรรมพลังเครื่องยนต์ มีการใช้การประเมินการใช้แบตเตอรี่ 5 ชั่วโมงในรถยนต์ด้วย

(รุ่นไฟฟ้า)
บ่งบอกถึงโวลต์ของแบตเตอรี่และความจุตามอัตราเมื่อใช้ 5 ชั่วโมง (จำนวนแบตเตอรี่ที่ถูกใช้เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง) มาตรฐาน (STD) หมายถึงขนาดแบตเตอรี่เล็กที่สุดที่ให้น้ำหนักเพียงพอสำหรับการถ่วงดุลน้ำหนักเช่นเดียวกับให้คุณลักษณะประสิทธิภาพในการทำงานดังที่ระบุไว้ในข้อมูลจำเพาะ (สูง) หมายถึงขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถใส่ในกล่องใส่แบตเตอรี่ได้สำหรับยานยนต์อุตสาหกรรม


น้ำหนัก (ชนิดความจุ STD)
(รุ่นไฟฟ้า)
คือน้ำหนักของแบตเตอรี่และกล่องใส่แบตเตอรี่มาตรฐาน เช่นเดียวกัน แบตเตอรี่มาตรฐานก็คือน้ำหนักน้อยที่สุดของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้ถ่วงดุลน้ำหนักได้และให้คุณลักษณะประสิทธิภาพในการทำงานดังที่ระบุไว้ในข้อมูลจำเพาะ


มอเตอร์ไฟฟ้า -- ระบบขับเคลื่อน
(รุ่นไฟฟ้า)
แสดงถึง พลังงานของมอเตอร์ขับเคลื่อน อันแทนด้วย วัตต์ (W)หรือกิโลวัตต์ (kW)

ข้อควรจำ 1: เนื่องจากหนึ่งแรงม้ามีค่าเท่ากับ 736 วัตต์ ดังนั้นมอเตอร์ขนาด 2 กิโลวัตต์จึงมีค่าเท่ากับ 2.7 แรงม้า (2kW/0.736=2.72แรงม้า)
ข้อควรจำ 2: เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ผลิตยานยนต์อุตสาหกรรมที่จะแสดงอัตราสูงสุดในสมุดรายการสินค้า(catalogs)ของบริษัท โปรดแน่ใจว่าได้ตรวจสอบการประเมินระยะเวลาในขณะที่ทำการเปรียบเทียบ





มอเตอร์ไฟฟ้าควบคุมการลำเลียงของบรรทุก/ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์
(รุ่นไฟฟ้า)
แสดง output พลังงานสำหรับมอเตอร์ของระบบไฮดรอลิคและมอเตอร์ของระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ พลังของทั้งสองระบบนี้ถูกแสดงด้วยกิโลวัตต์ (kW) ด้วยเช่นกัน





แรงม้าตามอัตรา/รอบหมุนต่อนาที
(รุ่นเครื่องยนต์)
งานนี้ทำได้โดยการส่งพลังงานไปยังวัตถุเพื่อให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ ดังที่เราเห็นได้จากภาพประกอบ จำนวนงานคือสิ่งที่ได้เมื่อแรง (F) ถูกส่งไปยกน้ำหนัก (W) กก. ตามระยะห่าง (H) ม. อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้ว่าต้อใช้ระยะเวลานานเท่าไรในการทำงานนี้ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุหน่วยที่เกิดขึ้น แรงม้าจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ระบุจำนวนงานที่เกิดขึ้น (หรือที่อาจเกิดขึ้นได้) ดังนั้น แรงม้าจึงเป็นวิธีที่ใช้แสดงว่าได้ทำงานเสร็จสิ้นไปมากเท่าใดในเวลาที่กำหนด

ข้อควรจำ: ที่ยานยนต์อุตสาหกรรม อัตรานี้สร้างขึ้นด้วยส่วนประกอบต่างๆ ที่รองรับซึ่งมีมากับตัวรถ (บ่งบอกด้วยค่าNet) อย่างเช่น พัดลมระบายความร้อน อุปกรณ์ปรับความเร็วและเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ผู้ผลิตบางรายให้ข้อมูลตามการทดสอบแรงม้าที่ทำขึ้นโดยไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้รวมอยู่ด้วย (บ่งบอกด้วยค่า Gross) ซึ่งส่งผลให้ได้อัตราแรงม้าที่สูงกว่า





อัตราแรงบิด
(รุ่นเครื่องยนต์)
เราส่งกำลังเมื่อไรก็ตามที่เราดันหรือดึงบางสิ่งบางอย่าง แรงบิดก็เป็นสิ่งเดียวกันที่ใช้แสดงการเคลื่อนไหวแบบหมุน จำนวนแรงที่ต้องใช้ขันสลักให้แน่นก็ถูกแสดงค่าด้วยแรงบิดในกรณีนี้ แรงบิดนี้ถูกคำนวณโดยการใช้จำนวนแรงที่ส่งไปและระยะทางจากจุดศูนย์กลางของข้อหมุนเมื่อมีการส่งแรงบิดไป อีกนัยหนึ่ง แรงบิด T (กิโลกรัม-เมตร.) ก็คือรัศมีจากจุดศูนย์กลางของข้อหมุนไปยังที่ที่ได้แรง
r (เมตร.) และจำนวนแรงที่ใช้ F (กิโลกรัม)
T = F x r (กิโลกรัม-เมตร)
เห็นได้ง่ายว่าจำนวนแรงบิดสามารถเพิ่มขึ้นได้โดยการเพิ่มความยาวของการบิดเช่นเดียวกันกับโดยการเพิ่มจำนวนแรงที่ส่งไป ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน แรงที่ถูกส่งไปยังการบิดคือแรงที่มาจากลูกสูบในห้องสันดาปและรัศมีคือความยาวขาของข้อเหวี่ยง นี่เป็นวิธีที่แสดงว่ากำลังจากลูกสูบถูกเปลี่ยนไปหมุนเครื่องยนต์เพื่อหมุนล้อขับเคลื่อนได้อย่างไร

ข้อควรจำ: ด้านล่างนี้คือสูตรที่ใช้สำหรับคำนวณ kg-m และ N-m N-m =  แรงบิด (kg-m) x 9.8





จำนวนกระบอกสูบ
(รุ่นเครื่องยนต์)
แสดงจำนวนกระบอกสูบในเครื่องยนต์

ข้อควรจำ: โดยปรกติแล้ว จำนวนกระบอกสูบที่มากกว่าจะหมายถึงการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์น้อยกว่าขณะเครื่องทำงาน





ความจุของถังน้ำมัน
(รุ่นเครื่องยนต์)
แสดงความจุของถังน้ำมัน

ข้อควรจำ: ถังน้ำมันที่ใหญ่กว่าและประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงที่ดีจะทำให้ยานยนต์อุตสาหกรรมทำงานได้นานขึ้นระหว่างรอการเติมเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นจุดสำคัญสำหรับลูกค้าหลายๆ คน


ชนิดการควบคุมระบบขับเคลื่อน/การลำเลียงของบรรทุก/ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์
(รุ่นไฟฟ้า)
ในที่นี้ แสดงชนิดตัวควบคุมต่างๆ ซึ่งใช้สำหรับมอเตอร์ระบบขับเคลื่อน, ระบบลำเลียงของบรรทุก และระบบพวงมาลัยพาวเวอร์

ข้อควรจำ: ปัจจุบันนี้ ชนิดที่เป็นที่นิยมที่สุดคือชนิด transistor chopper ในอดีตมีการใช้ตัวควบคุมชนิดอื่นๆ เช่นชนิดตัวต้านทาน, ชนิดแม่เหล็กไฟฟ้าและชนิด SCR chopper เป็นต้น

ชนิดและช่วงของระบบเกียร์ด้านหน้า/ด้านหลัง
(รุ่นเครื่องยนต์)
คือชนิดของระบบเกียร์ที่ใช้เช่นแมนนวลหรือ powershift ส่วนช่วงระยะเวลาคือจำนวนของความเร็วอย่างเช่นสูงหรือต่ำ ซึ่งจะถูกแสดงในทิศทางการขับเคลื่อนทั้งด้านหน้าหรือด้านหลัง


แรงดันของการทำงานสำหรับอุปกรณ์เสริม
คือจำนวนแรงดันไฮดรอลิคที่ถูกสร้างโดยปั๊มไฮดรอลิคเพื่อทำให้อุปกรณ์เสริมทำงาน

 















 















donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved