Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

ฮอนด้าตอกย้ำความผูกพันกับสังคมไทยในงานบีโอไอแฟร์ พร้อมสร้างสรรค์ความสุขและอิสระในการเคลื่อนที่ควบคู่ไปกับสังคมที่ยั่งยืน

4 มกราคม 2555 – กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ จัดแสดงนวัตกรรมเคลื่อนที่เพื่อโลกและอนาคตที่ยั่งยืนในงานบีโอไอแฟร์ 2011 ณ ฮอนด้า พาวิลเลียน บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 5 - 20 มกราคม 2555 พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลดการปล่อย Co2 จากทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าทั่วโลกลงอีก 30% ภายในปี 2563 ตามสโลแกนใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมของฮอนด้า คือ “Blue Skies for Our Children” หรือ “ท้องฟ้าที่สดใสเพื่ออนาคตที่สดสวยของคนรุ่นใหม่”

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวว่า ฮอนด้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการบีโอไอแฟร์ 2011 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ฮอนด้าได้น้อมนำแนวพระราชดำริด้านเศรษฐกิจพอเพียง และการจัดการสิ่งแวดล้อมมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ และกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อพัฒนาให้ฮอนด้าและสังคมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆกัน


ฮอนด้าได้แรงบันดาลใจจากน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เปรียบดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจประชาชนไทยทั่วประเทศ มาออกแบบพาวิลเลียนโดยดีไซน์เป็นม่านน้ำตกขนาดใหญ่แห่งแรกและแห่งเดียวของไทย ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านดีไซน์แบบ eco ที่ใช้ม่านน้ำแทนผนังโครงสร้าง คำนึงถึงคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยน้ำจะช่วยกรองความร้อนที่เข้ามาในพาวิลเลียน ขณะเดียวกันก็มีความโปร่ง ทำให้แสงสว่างส่องเข้ามาถึงภายใน จึงช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในพาวิลเลียนได้ถึง 40%

จากทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม หรือ “ Dreams for a Better Living ” ฮอนด้าพาวิลเลียนนำเสนอภายใต้แนวคิด “ Enjoy Honda” ถ่ายทอดออกมาเป็นเมืองที่มีความทันสมัย แต่มีความเรียบง่าย บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. โดยจะจัดแสดงนิทรรศการ ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

• นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยแนวพระราชดำริด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ฮอนด้าได้น้อมนำมาปฏิบัติจริงในการดำเนินธุรกิจ และสนับสนุนให้โรงเรียนและเยาวชนไทยได้นำไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาด้าน น้ำ ขยะ พลังงาน ภายใต้โครงการ “โรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติ” ที่ฮอนด้าได้ดำเนินโครงการอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2542

• เทคโนโลยียานยนต์สีเขียว ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ที่จะขับเคลื่อนโลกอนาคตให้เต็มไปด้วยสีเขียวและอากาศบริสุทธิ์ อาทิ ฮอนด้า บริโอ้ (Brio) ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด ฮอนด้า ซีอาร์-ซี ไฮบริด รถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดรุ่นต่างๆ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า โกลด์วิง และฮอนด้า อีวี-นีโอ

• คอนเซ็ปต์ระบบบ้านที่สามารถผลิตพลังงานสะอาดใช้ได้เองอย่างอิสระ (Honda Smart Home System) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการใช้พลังงานภายในครัวเรือนแบบองค์รวม สามารถผลิตและจัดสรรการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานภายในที่อยู่อาศัยและการใช้ยานพาหนะ นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตพลังงานได้จากประเภทเชื้อเพลิงที่หลากหลาย ช่วยให้มีพลังงานสำรองใช้ในยามฉุกเฉินหรือเกิดภัยพิบัติ

“จากวิสัยทัศน์ของฮอนด้าซึ่งต้องการเป็นบริษัทที่สังคมอยากให้ดำรงอยู่ ฮอนด้าได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อย Co2 จากผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าทั่วโลกลงอีก 30% ภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2543 เราจะเดินหน้าวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสนุกสนานและอิสระในการเคลื่อนที่ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนเพื่อให้ทุกๆ คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป” นายพิทักษ์กล่าว

“ฮอนด้าได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 47 ปี เรารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และซาบซึ้งในการสนับสนุนของคนไทย ทำให้ธุรกิจของฮอนด้าเติบโตมาจนทุกวันนี้ เราขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเดินเคียงข้างและเติบโตไปพร้อมๆ กับสังคมไทย ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากขนาดไหน เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นที่คนไทยมีให้กับฮอนด้า และผลิตภัณฑ์ของเราด้วยดีเสมอมา” นายพิทักษ์ กล่าวในตอนท้าย

ขอเชิญสัมผัสยนตรกรรม และเทคโนโลยีเพื่อโลกและชีวิตที่ยั่งยืนจากฮอนด้าที่ “ฮอนด้าพาวิลเลียน” ในงานบีโอไอแฟร์ 2011 ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 5 – 20 มกราคม 2555 พร้อมชมโชว์พิเศษ “Dreams for a Better Living” โดยมีกำหนดการแสดงทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.30 – 20.25 น. (รอบละ 25 นาที) หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hondaboi2011.com

นิสสันจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ไร้มลพิษ Zero Emission ในงานบีโอไอ แฟร์ เชิญผู้สนใจร่วมชมนิสสัน พาวิลเลียน ฟรี และเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนขับนิสสัน ลีฟ

4 มกราคม พ.ศ 2555 -  บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดนิสสัน พาวิลเลียนในงานบีโอไอ แฟร์ 2011 อย่างเป็นทางการ จัดแสดงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบ และที่จำหน่ายแล้วในเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม นิสสัน เพียวไดรฟ์ เพื่อคุณ เพื่อโลก แนวคิดเมืองอัจฉริยะและภาพยนตร์ 4 มิติเล่าเรื่องราวพลังงานสะอาดของชุมชนฉลาดที่ให้ความรู้และความบันเทิงเหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย พร้อมรับลงทะเบียนทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ณ นิสสัน พาวิลเลียน เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 6-20 มกราคมนี้

คุณประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นิสสัน พาวิลเลียน ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอน โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ “e” ที่หมายถึง Zero Emission ภายในเล่าเรื่องราวของวิวัฒนาการยานยนต์ในประเทศไทย ที่นิสสัน ในฐานะรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกที่เข้ามาบุกเบิก จนมาถึงปัจจุบันที่นิสสัน ได้ก้าวมาเป็นผู้นำรถยนต์ประหยัดพลังงานในประเทศไทย และผู้นำยานยนต์ไร้มลพิษ” และเสริมว่า “รูปแบบการจัดแสดงในนิสสัน พาวิลเลียน มีความหลากหลาย ทั้งการจัดนิทรรศการที่ใช้เทคโนโลยีแบบอินเตอร์แอคทีฟ เพื่อให้น่าสนใจโดยเฉพาะกับเยาวชน การจัดแสดงรถยนต์หลากหลายรุ่น โดยเฉพาะรถยนต์แนวคิดพลังงานไฟฟ้า นิสสัน ทาวน์พอด และภาพยนตร์แบบ 4 มิติ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวพลังงานสะอาดในอนาคต โดยใช้เวลาการชมทั้งพาวิลเลียนเพียง 20 นาที ผู้ชมจะได้รับสาระความรู้ความเข้าใจและความเพลิดเพลินไปพร้อม ๆ กัน”

การจัดแสดงใน นิสสัน พาวิลเลียน มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจด้านวิวัฒนาการของยานยนต์ จากอดีตสู่ปัจจุบัน ที่นิสสันได้พัฒนายานยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานทุกรูปแบบ จนมาถึงปัจจุบันที่นิสสันในฐานะผู้นำการพัฒนายานยนต์ไร้มลพิษ และแนวคิดพลังงานสะอาด นิสสัน เพียวไดรฟ์ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของพลังงานและอุตสาหกรรมยานยนต์

ภายในนิสสัน พาวิลเลียน มีไฮไลท์ที่สำคัญ ๆ ดังนี้

· การจัดแสดง เทคโนโลยียานยนต์ไร้มลพิษ หรือ Zero Emission นำเสนอเรื่องราวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ออกจำหน่ายในตลาดเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในโลก นิสสัน ลีฟ ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดขาย (จำนวน 20,000 คันทั่วโลกในปีที่ผ่านมา) และได้รับการยอมรับในด้านยนตรกรรมที่ล้ำหน้าด้วย

รางวัลเกียรติยศสูงสุด Car of the Year จากสถาบันและงานแสดงยนตรกรรมชั้นนำ ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น และจากทวีปอื่น ๆ ทั่วโลก ในส่วนนี้ นิสสันได้สร้างภาพยนตร์รูปแบบ 4 มิติ ถ่ายทอดเรื่องราวของผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน แนวทางการแก้ไขด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และแนวคิดการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดของเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City ในปี ค.ศ 2030

· นอกจากนี้นิสสัน ยังได้นำรถยนต์แนวคิดพลังงานไฟฟ้า นิสสัน พิโว และนิสสัน ทาวน์พอด เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เข้าใจวิสัยทัศน์และเห็นการพัฒนารถยนต์ที่ไม่เพียงแต่ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ แต่ยังนำเสนอรูปแบบในการเลือกใช้งานของรถยนต์ที่ตอบสนองการใช้งานของผู้ขับขี่ให้ได้มากที่สุด

· การจัดแสดงรถยนต์ประหยัดพลังงานและเทคโนโลยี เพียวไดรฟ์ พลังงานสะอาด เพื่อคุณ เพื่อโลก จากการที่นิสสัน ได้พัฒนายานยนต์คุณภาพ โดยปัจจุบัน บริษัทนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรือ อีโค คาร์ ในประเทศไทย เป็นค่ายรถยนต์ผู้บุกเบิกตลาดเป็นค่ายแรกในประเทศ และปัจจุบันยังเป็นค่ายเดียวที่เสนอทางเลือกรถยนต์อีโค คาร์ ทั้งในรุ่นแฮทช์แบค นิสสัน มาร์ช และในรุ่น 4 ประตู นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมด้วยกระแสยอดจองและยอดขายที่ดีเกินคาดและอย่างต่อเนื่อง

· เปิดประสบการณ์การเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนด้วยการนำเสนอเรื่องราวผ่านตัวละครลักษณะการ์ตูนและด้วยรูปแบบการสัมผัสตอบสนองอัตโนมัติหรือ Shadow Interactive ที่ไม่เพียงแต่ให้ความเพลิดเพลิน แต่ยังได้รับสาระและเกิดการซึมซับความรู้ในรูปแบบเอ็ดดูเทนเม็นท์ (Edutainment)

· บ้านอัจฉริยะ หรือ Smart House ที่ตั้งอยู่บริเวณนอกนิสสัน พาวิลเลี่ยน แสดงการแบ่งปันการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า นิสสัน ลีฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ หรือเครื่องปรับอากาศ ฯลฯ

· การจัดแสดงวิวัฒนาการยานยนต์ โดยนิสสันในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกที่เข้ามาบุกเบิกและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เริ่มต้นในปี พ.ศ 2496 ภายใต้ชื่อ ดัทสัน นิสสันจึงได้นำรถกระบะรุ่นแรก ดัทสัน L620 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถกระบะรุ่นช้างเหยียบ เนื่องจากมีความทนทานสูงมากมาจัดแสดง รวมทั้งรถยนต์รุ่นประวัติศาสตร์อื่นๆ อาทิ นิสสัน บิ๊กเอ็ม ที่สร้างชื่อเสียงด้านความทนทานและบรรทุกหนักมาก รวมทั้งภาพยนตร์โฆษณาในอดีต เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้รับชมประวัติศาสตร์อันมีคุณค่าและเรื่องราวที่หาดูได้ยากมาก

· และสุดท้าย นิสสันได้เปิดโอกาศให้ผู้สนใจได้ลงทะเบียน ณ พาวิลเลียน เพื่อรับสิทธิ์ในการเป็นหนึ่งในผู้โชคดี 100 ท่านแรกร่วมกิจกรรมการทดสอบขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยสามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ภายในงาน

นิสสัน พาวิลเลียน ขนาด 4,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณลานเลคไซค์ อิมแพค เมืองทองธานี เปิดให้ผู้ชมเข้าชมได้ฟรีตั้งแต่เวลา 10:00-22:00 น. ตั้งแต่วันที่ 6-20 มกราคม 2555 ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.nissan.co.th/

"นาตาลี" ฟองท่วมตัว จัดเต็มบทบาท "ไบค์ วอช เกิร์ล" ในงานแถลงข่าว "แบ็งค์คอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2012"

แบ็งค์คอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2012 (Bangkok Motorbike Festival 2012) งานเพื่อคนรักรถมอเตอร์ไซค์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยในปี 2012 นี้มีคอนเซ็ปต์: Seek your Ride. Seek your Life. การค้นหาสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองที่สุดผ่านวิถีของชาวไบเกอร์ โดยงานแถลงข่าว "แบ็งค์คอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2012" (Bangkok Motorbike Festival 2012) จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ณ ห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด

งาน "แบ็งค์คอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2012" นั้นได้จัดเตรียมขึ้นในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยแต่ละครั้งที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับจากทั้งผู้เข้าร่วมจัดแสดงรถจักรยานยนต์ค่ายต่างๆ และผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยอดขายในงานที่ถล่มทลายกว่าที่คาด ทำให้มีจำนวนค่ายรถและผู้ที่สนใจเพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกๆปี

ปีนี้งานแถลงข่าวจัดขึ้นที่ ลานอีเดน ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด มีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น คุณประภัสร จงสงวน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานในพิธี, ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูนสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจากเครือเซ็นทรัล และสองผู้บริหารหนุ่ม "ณัฐบูร" และ "ณัฐพล ไตรณัฐี" ผู้จัดงานรวมทั้งดารานักแสดงที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป

และไฮไลท์ทุกปีที่เรียกเสียงฮือฮาจากหนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่ได้ทั้งงาน กับการแสดงของ "ไบค์ วอช เกิร์ล" สาวสวยกับลีลาล้างมอเตอร์ไซค์แบบสุดเซ็กส์ซี่ ซึ่งปีนี้สาวสวย "นาตาลี เดวิส" รับบทบาทสาวล้างรถบิ๊กไบค์ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต เธอมาพร้อมกับชุดเสื้อเอวลอย กางเกงขาสั้น เพื่อโชว์ลีลาเด็ดกับการล้างรถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์รุ่น "ซีโร่ เอ็นจิเนียร์" รถที่เหล่าคอฮาเลย์ถือว่าเป็นสุดยอดของยานพาหนะ หลังจากเสร็จสิ้นงาน "นาตาลี" ได้เผยถึงความรู้สึกว่า

"ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมาก็ตื่นเต้นมาก เพราะเราเคยเห็นภาพของปีก่อนๆ ที่แต่ละคนไม่ว่าจะเป็นพี่เป้ย พี่เมย์ หรือปู ที่ได้ทำหน้าที่นี้ไว้ได้สุดยอดมาก แล้วแต่ละคนก็มีสไตล์ที่ชัดเจนของตัวเอง อย่างพี่เมย์ก็แบบหมวยไปเลย พี่เป้ยก็แบบหมวยหวานๆ ปูก็แบบสาวเปรี้ยว เราเองก็เลยต้องเตรียมตัวเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุมอาหาร แล้วก็ฝึกซ้อมเต็มที่เลยค่ะ มีความกดดันพอสมควรเลย แบบว่าซ้อมจนตัวบิดเป็นโปเต้เลย (หัวเราะ) ก็พยายามเอาสไตล์ของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด สุดท้ายก็พอใจค่ะ ที่วันนี้เราก็ได้ทำหน้าที่ ไบค์ วอช เกิร์ล ต่อจากรุ่นพี่และเพื่อนได้ดีที่สุดแล้วค่ะ"

โดยงาน แบ็งค์คอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2012 (Bangkok Motorbike Festival 2012) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2555 ทั่วบริเวณห้างเซ็นทรัลเวิร์ลด งานนี้เข้าชมฟรี!!!

นวัตกรรมยางมิชลิน เพื่อสภาพแวดล้อมที่สะอาดและการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น



“A better way forward” คือหัวใจหลักของมิชลิน ที่จะมุ่งมั่นพัฒนายางที่ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมในทุก ๆ ด้านอย่างสมดุล ได้แก่ คุณสมบัติด้านความปลอดภัย อายุการใช้งานยาวนาน และการประหยัดน้ำมัน

นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่สำหรับมิชลิน มิชลิน เป็นผู้ผลิตยางที่มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพยางในทุกๆ ด้าน ซึ่งการพัฒนาประสิทธิภาพทุกด้านให้เป็นจริงได้เช่นนี้ เป็นวิถีนำไปสู่การพัฒนาการสัญจรบนถนนอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยางมิชลินให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เป็นเยี่ยมแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนอื่นๆ ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีกเพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน ยางมิชลินมีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งด้านการประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้ยังสามารถได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมได้ และเป็นสิ่งที่เรายังคงทำต่อไป

นอกจากองค์ประกอบทางเคมีของเนื้อยางและหลักฟิสิกส์ของยางแล้ว ทีมวิจัยและพัฒนาของมิชลินก็ยังสำรวจความเป็นไปได้ในการประกอบยางและล้อใหม่ๆ อีกด้วย




 MICHELIN Active Wheel นวัตกรรมใหม่ของล้อรถ

ในปี 2008 มิชลินเปิดตัวแนวคิดยาง Active Wheel บนรถต้นแบบ ยางรุ่นนี้รวมส่วนประกอบสำคัญๆ ไว้ในตัวล้อ ซึ่งทำให้ไม่ต้องติดเครื่องยนต์ไว้ที่ห้องเครื่องด้านหน้าหรือหลัง ไม่ต้องใช้ระบบกันสะเทือนแบบเดิมๆ ไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่งกำลังรวมถึงการไม่ต้องติดตั้งเกียร์บ็อกซ์

ผลที่ได้ก็คือประโยชน์มากมายสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งล้อ Active Wheel ของมิชลิน ซึ่งเป็นยางอัจฉริยะที่สามารถขับเคลื่อนรถด้วยพลังงานไฟฟ้า ในขณะที่ยังสามารถดูดซับแรงสะเทือนและเบรกได้เพื่อให้การยึดเกาะถนนและความนุ่มสบายอย่างยอดเยี่ยม




ยาง MICHELIN Active Wheel สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการขนส่งทางถนนเพราะสามารถให้ความปลอดภัย การประหยัดพลังงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นผลจากการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนขนาดเล็กและระบบกันสะเทือนไฟฟ้าในตัวล้อ ซึ่งนวัตกรรมที่มิชลินคิดค้นขึ้นเหล่านี้เป็นการเริ่มต้นแห่งการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ในวงการยานยนต์

นี่เป็นครั้งแรกที่ล้อ MICHELIN Active Wheel รวมส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกันดังนี้ 1.จานเบรก 2.มอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า 3.มอเตอร์ระบบกันสะเทือน




การออกแบบล้อ MICHELIN Active Wheel สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ผลิตรถยนต์และลักษณะการใช้งานของรถยนต์ได้ นั่นคือ MICHELIN Active Wheel อาจจะติดมอเตอร์สี่ตัว (ตัวละล้อ) หรือแค่สองตัว (ที่สองล้อหน้า) ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ยังคงสามารถออกแบบรถได้ทั้งรถขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ

ด้วยล้อ MICHELIN Active Wheel แหล่งพลังงานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์จึงเป็นพลังงานไฟฟ้าเสมอ ซึ่งอาจดึงพลังงานมาใช้จากแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนหรือจากแบตเตอรรี่รูปแบบอื่นได้ เช่นเซลล์เชื้อเพลิง และ/หรือ ตัวผลิตกระแสไฟฟ้าสองชั้น (supercapacitor) แหล่งพลังงานเหล่านี้ให้คุณประโยชน์สำคัญ 2 ประการ คือไม่ก่อมลภาวะและให้มีความเงียบ รถที่ติดล้อ MICHELIN Active Wheel จะไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้เครื่องยนต์ไฟฟ้ายังทำงานเงียบ ซึ่งถือว่าเป็นข้อเด่นทั้งสำหรับผู้โดยสารและสิ่งแวดล้อมโดยรอบอีกด้วย กล่าวโดยสรุปคือรถที่ติดตั้งล้อ MICHELIN Active Wheel จะเป็นรถที่ทำให้อากาศสะอาดสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตในเมือง

ความสำเร็จของล้อ MICHELIN Active Wheel คือการให้ประสิทธิภาพในการขับขี่บนถนนที่ยอดเยี่ยมพร้อมกันกับการรักษาสภาพแวดล้อม ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยระบบกันสะเทือนที่เกาะถนนและให้ความนุ่มสบายดีเยี่ยม MICHELIN Active Wheel ไม่เพียงแต่ตัดการใช้เครื่องยนต์ออกไปเท่านั้นแต่เปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งระบบนี้ให้การตอบสนองที่รวดเร็วเพียง 0.003 ต่อวินาที ทำให้ทุกจังหวะแห่งการเคลื่อนไหวของล้อถูกปรับให้สมดุลย์ได้อัตโนมัติ




MICHELIN Active Wheel ทำให้การออกแบบรถยนต์เป็นเรื่องง่ายเพราะสามารถตัดอุปกรณ์เครื่องยนต์ต่างๆ ในรถ ออกไปได้จำนวนมาก เพราะรถที่ใช้ MICHELIN Active Wheel ไม่จำเป็นต้องมีเกียร์บ็อกซ์ คลัช ระบบส่งกำลัง และไม่ต้องมีระบบโช๊ค ทั้งหมดนี้จะทำให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้น และสามารถประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น




MICHELIN Active Wheel เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาการอีกขั้นที่สามารถตอบโจทย์แห่งการสัญจรในอนาคตได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของพลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก สภาพจราจรติดขัดในเมือง และมลภาวะในเมือง

 Michelin Lunar Wheel




มิชลิน ผู้นำนวัตกรรมยางยนต์ระดับโลก ได้ออกแบบล้อพิเศษสำหรับยานสำรวจดวงจันทร์รุ่นใหม่ที่ประกอบจากวัสดุพิเศษเฉพาะ ซึ่งทำให้ยานสำรวจดวงจันทร์ขององค์การนาซ่า สามารถขับเคลื่อนได้อย่างดีภายใต้สภาวะพื้นผิวที่ขรุขระของดวงจันทร์

มิชลินได้พัฒนาล้อใหม่สำหรับยานสำรวจดวงจันทร์รุ่นล่าสุดขององค์การนาซ่า โดยใช้วัสดุผสมผสานที่ได้รับการคุ้มครองทางสิทธิบัตร โครงสร้างรองรับยางและล้อได้รับการพัฒนาโดยศูนย์วิจัยมิชลินในยุโรปและอเมริกาเหนือ และผลจากการพัฒนาเฉพาะกิจในครั้งนี้ มิชลินจะช่วยให้ภารกิจสำรวจดวงจันทร์ในทศวรรษต่อไปสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบที่ต้องใช้ทีมนักบินและไม่ใช้ทีมนักบิน

ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยี MICHELIN TWEEL® มิชลิน ลูนาร์ วีล จึงมีความยืดหยุ่นและแรงกดดันพื้นผิวที่คงที่ ทำให้ยานสามารถเคลื่อนตัวไปบนพื้นผิวที่ยวบยุบและเป็นหลุมเป็นบ่อได้ นอกจากนี้ มิชลิน ลูนาร์ วีล ยังประกอบด้วยมวลสารที่มีอนุภาคต่ำและสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าล้อที่ประกอบยาน Apollo ถึง 3.3 เท่า ทั้งนี้ ลายดอกยางยังได้พัฒนาร่วมกับ Clemson University และ Milliken & Company จึงทำให้ มิชลิน ลูนาร์ วีล สามารถเคลื่อนตัวอยู่ที่อุณหภูมิต่ำมากๆ ได้

มิชลิน ลูนาร์ วีล ได้รับการทดสอบเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 13 พฤศจิกายน 2551 ที่ฮาวาย การทดสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวัดและประเมินผลขององค์การนาซา ทั้งนี้ สภาพพื้นผิวของเกาะฮาวายที่ประกอบด้วยหินและดินนั้น มีความคล้ายคลึงกับพื้นผิวบนดวงจันทร์เป็นอย่างมาก

มิชลิน ลูนาร์ วีล ถูกนำมาแสดงครั้งแรกในงานเฉลิมฉลอง ประธานาธิบดีคนที่ 56 ของสหรัฐอเมริกา โดยนักบินอวกาศขององค์การนาซาได้ขับเคลื่อนยานต้นแบบที่ติดตั้งด้วยยางเทคโนโลยีที่ไม่ต้องสูบลมจากมิชลินนี้ไปในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีบารัก โอบามา

ในฐานะผู้ร่วมลงทุนที่ยาวนาน มิชลินได้ผลิตยางสำหรับยานอวกาศให้กับองค์การนาซามากว่า 20 ปี



ข้อมูลจำเพาะ
มิชลิน ลูนาร์ วีล

คุณสมบัติทางเทคนิค
1. น้ำหนักของยาง : 33 ปอนด์ (15 กิโลกรัม)
2. เส้นผ่าศูนย์กลาง : 28 นิ้ว (710 มิลลิเมตร)
3. ความกว้าง : 9 นิ้ว (230 มิลลิเมตร)
4. ค่าภาระน้ำหนักสูงสุดเมื่ออยู่กับที่ 1,000 ปอนด์ (450 กิโลกรัม)
5. ค่าภาระน้ำหนักสูงสุดขณะเคลื่อนที่ 510 ปอนด์ (230 กิโลกรัม)
6. ความทนทานของรูปทรง 3,120 ไมล์ ที่น้ำหนัก 510 ปอนด์ (5,000 กิโลเมตร ที่ 230 กิโลกรัม)
7. ช่วงอุณหภูมิที่ทำงานได้ -380 ถึง 280 องศาฟาเรนไฮต์ (–230 องศาเซลเซียส -140 องศาเซลเซียส)
8. การรองรับแรงกระแทกจากสิ่งกีดขวางที่ความสูง 4 นิ้ว (10 ซ.ม.) ด้วยความเร็ว 6 ไมล์ต่อชั่วโมง (10 กิโลเมตร/ชั่วโมง ) ภายใต้น้ำหนัก 510 ปอนด์ (230 กิโลกรัม)
9. ความดันที่กดลงบนพื้น : 11 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (0.75 บาร์)
10. คุณสมบัติทางกลที่ดีขึ้นภายใต้อุณหภูมิเย็นจัด อาทิ การบิดล้า ความเหนียวภายใต้แรงดึงหรือแรงบีบ

รายละเอียดเชิงเทคนิคของวัสดุผสมของมิชลิน
ตารางด้านล่างแสดงให้เห็นค่าความยืดหยุ่นจำเพาะของวัสดุผสมของมิชลิน มีค่าสูงกว่าของอลูมิเนียมและเหล็ก 4.7 เท่า และ 7.2 เท่า ตามลำดับ
การเปรียบเทียบอ้างอิงกับอลูมิเนียมระดับที่ใช้กับอากาศยานและเหล็กกล้าโครเมียม

วัสดุ ความยืดหยุ่น ความหนาแน่น ความยืดหยุ่นจำเพาะ * ระยะยืดหยุ่น
ความเหนียวของเหล็กกล้า 850 MPa 7.8 109 0.4 %
อลูมิเนียมระดับที่ใช้กับอากาศยาน 470 MPa 2.8 167 0.6 %
วัสดุผสมของมิชลิน 1500 MPa 1.9 790 5 %

* ค่าความยืดหยุ่นจำเพาะคำนวณได้จากสัดส่วนระหว่างความยืดหยุ่นและความหนาแน่น เป็นค่าที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถพื้นฐานของวัสดุนั้นๆ

เชฟโรเลต โชว์เทคโนโลยีรถพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต




• พบกับ เชฟโรเลต โวลต์ และเชฟโรเลต อีเอ็น-วี ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งความประหยัด ลดมลพิษ
• ต้อนรับผู้เข้าชมโดยคุณลุงหลุยส์ เชฟโรเลต ผู้ก่อตั้งแบรนด์เชฟโรเลต
• ตื่นตาตื่นใจกับจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ แสง สี เสียง 3 มิติ เต็มรูปแบบ ครั้งแรกในเมืองไทย

กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต ตอกย้ำผู้นำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต นำเชฟโรเลต โวลต์ และอีเอ็น-วี สองยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต จัดแสดงภายในเชฟโรเลต พาวิลเลียน ด้วยแนวคิด ‘พลิกโลกอนาคตสู่การขับเคลื่อนรักษ์สิ่งแวดล้อม: Re-Inventing The Future For Green Mobility’ เต็มรูปแบบกับ แสง สี เสียง 3 มิติ ครั้งแรกในเมืองไทย พร้อมรับชมข้อมูลผ่านเออาร์ โค้ด (AR Code - Augmented Reality) สุดพิเศษกับการปรากฎตัวของคุณลุงหลุยส์ เชฟโรเลต ผู้ก่อตั้งแบรนด์เชฟโรเลต และน้องเชฟวี่ ที่คอยให้การต้อนรับผู้เข้าชมทุกคนที่งานบีโอไอแฟร์ 2011 ระหว่างวันที่ 5 – 20 มกราคมนี้

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอเชฟโรเลต พาวิลเลียน อาคารจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคตบนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “พลิกโลกอนาคตสู่การขับเคลื่อนรักษ์สิ่งแวดล้อม: Re-Inventing The Future For Green Mobility” พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจของการขับขี่ยานยนต์ที่มีความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน ลดการพึ่งพาน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในปีพ.ศ.2574 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า





มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งานบีโอไอแฟร์ เป็นงานแสดงเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทย เชฟโรเลต รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ และเราพร้อมนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่จะมอบความประทับใจ ความรู้ และความสนุกสนานให้แก่ผู้เข้าชมทุกคน”










สำหรับอาคารจัดแสดง เชฟโรเลต พาวิลเลียน ในงานบีโอไอแฟร์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ สถาปัตยกรรมภายนอกและการจัดแสดงเทคโนโลยีภายในพาวิลเลียน สำหรับสถาปัตยกรรมภายนอกได้รับแรงบันดาลใจจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานอันยั่งยืน ใช้วัสดุแผ่นอะครีลิคที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่เรียกว่า ‘รีเฟลกชั่น มิลเรอร์’ (reflection mirror) จำนวนกว่า 25,000 ชิ้น ซึ่งในยามค่ำคืน รีเฟลกชั่น มิลเรอร์ จะบอกเล่าเทคโนโลยีของเชฟโรเลต ดึงดูดผู้เข้าชมงานด้วยความสว่าง คมชัดสมจริง





ส่วนภายในเชฟโรเลต พาวิลเลียน แบ่งออกเป็น 4 ส่วนเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสวิสัยทัศน์ของเชฟโรเลตได้อย่างใกล้ชิด เริ่มต้นจาก





การเดินทางของเชฟโรเลต
เชฟโรเลต พาวิลเลียน จะพาผู้เข้าชมเดินทางย้อนอดีตตำนาน 100 ปีของเชฟโรเลต ไม่เพียงแต่จะได้เห็นถึงวิวัฒนาการความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และความภาคภูมิใจของเชฟโรเลตที่ผ่านมาตลอดหนึ่งศตวรรษ แต่ยังจะได้สัมผัสและใกล้ชิดกับยนตรกรรมคลาสสิกก้องโลก ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเลต คลาสสิก ซิกซ์ รถคันแรกในประวัติศาสตร์ของเชฟโรเลต พบกับรถสปอร์ตมัสเซิลคาร์อย่างเชฟโรเลต คอร์เวทท์ และรถกระบะอเมริกันพันธ์แกร่งอีกหลายรุ่น ที่จะนำเสนอผ่านเออาร์ โค้ด (AR Code – Augmented Reality) รูปแบบใหม่อันทันสมัยและสนุกสนาน





การพบกันครั้งแรกของคุณลุงหลุยส์ เชฟโรเลต และน้องเชฟวี่
ผู้เข้าชมเชฟโรเลต พาวิลเลียน จะได้รับการต้อนรับโดยคุณลุง “หลุยส์ เชฟโรเลต” จ้าวแห่งความเร็วที่ทั่วโลกรู้จักในฐานะสุดยอดแห่งตำนานนักแข่งรถ ผู้ก่อตั้งแบรนด์เชฟโรเลต กับการเดินทางย้อนอดีตไปสู่ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปีของเชฟโรเลต พร้อมก้าวทะลุไปยังโลกแห่งอนาคต เพื่อสัมผัสเทคโนโลยียานยนต์สุดล้ำกับน้อง “เชฟวี่” เด็กชายวัย 12 ขวบจากปี พ.ศ.2574 ที่จะแนะนำเชฟโรเลต โวลต์ รถพลังงานไฟฟ้า และเชฟโรเลต อีเอ็น-วี ยานยนต์สองล้อพลังงานไฟฟ้าผ่านภาพยนตร์จอยักษ์ ตระการตาไปกับเทคโนโลยีโฮโลแกรม แสง สี เสียง 3 มิติ เต็มรูปแบบ (Full Scale 3D Hologram Technology) ครั้งแรกในเมืองไทย


โลกยานยนต์อัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม






สำหรับส่วนจัดแสดงจุดนี้ เชฟโรเลต นำเสนอ เชฟโรเลต โวลต์ สุดยอดยานยนต์เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 570 กิโลเมตร ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.4 ลิตรที่ทำหน้าที่ป้อนกำลังไฟ ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องวิตกกังวลต่อระยะทางขับเคลื่อนที่มักเป็นข้อจำกัดในรถพลังงานไฟฟ้าอีกต่อไป นอกจากดีไซน์ภายนอกที่สุดสปอร์ตแล้ว โวลต์ ยังมีสมรรถนะการขับขี่อันน่าประทับใจด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 370 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 9 วินาที ปัจจุบัน โวลต์ ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา และจะออกจำหน่ายในประเทศจีน ในช่วงต้นปีหน้า











นอกจากนี้ เชฟโรเลต ยังจัดแสดงอีเอ็น-วี ยานยนต์สองล้อพลังงานไฟฟ้าที่มีการติดตั้งระบบขับขี่แบบอัจฉริยะ เป็นการพัฒนาขึ้นจากการผสมผสานร่วมกันระหว่างระบบโครงข่าย ระบบพลังงานไฟฟ้า และระบบการสื่อสารที่รถยนต์แต่ละคันจะสามารถติดต่อระหว่างกันได้หากวิ่งอยู่บนถนนสายเดียวกัน โดยลักษณะการขับขี่นี้จะส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ ความสนุกสนาน และความเป็นอิสระตลอดการเดินทางเพื่อลดปัญหาการจราจรที่คับคั่ง ปัญหาที่จอดรถ ปัญหาคุณภาพอากาศและลดอุบัติเหตุ

เชฟโรเลตกับประเทศไทย
ส่วนจัดแสดงจุดสุดท้าย จะได้พบกับกิจกรรมเพื่อสังคมของ เชฟโรเลต ที่มุ่งมั่นทำมาตลอดกว่า 10 ปีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อันเป็นการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานภายในองค์กร คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ครอบคลุมไปถึงชุมชนไทย ให้ดีขึ้นในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม การศึกษา หรือแม้กระทั่งการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูจากภัยพิบัติต่างๆ และปิดท้ายด้วยการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกเพื่อเก็บความประทับใจจากการเดินทางสู่โลกอนาคตในครั้งนี้อีกด้วย





ก้าวสู่ศตวรรษใหม่ไปกับเชฟโรเลต พาวิลเลียน ในงานบีโอไอแฟร์ 2011 โซนริมทะเลสาบ ใกล้ประตูทางเข้าออก หมายเลข 4 เมืองทองธานี ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 มกราคม 2555


“กลุ่มบริษัทตะวันออกโปลิเมอร์ฯ” เปิดตัว “AeroKlas@EPI” ยิ่งใหญ่แสดงศักยภาพอุตสาหกรรมกรีนโปรดักซ์ในงาน “บีโอไอ แฟร์ 2011”



กลุ่มบริษัทตะวันออกโปลิเมอร์ฯ บริษัทแอร์โรคลาส จำกัด พร้อมโชว์ศักยภาพนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเต็มพิกัด นำสุดยอดเทคโนยีอนาคต “wind Turbine” กังหันลมสร้างพลังงานบริสุทธิ์ ภายใต้แนวคิด “Green Clean & Energy Innovation”





นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ตะวันออกโปลิเมอร์ จำกัด เปิดเผยว่า งานบีโอไอ แฟร์ 2011 จะเป็นการแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีครั้งสำคัญ ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท ตะวันออกโปลิเมอร์ฯ ได้คำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยดีตลอดมา
“การได้เข้าร่วมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของบริษัทฯ ในงาน “บีโอไอแฟร์ 2011” ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างภาพพจน์ที่ดีของกลุ่มบริษัทตะวันออกโปลิเมอร์ฯ และบริษัทแอร์โรคลาส ฯ ที่คำนึงถึงการผลิตสินค้านวัตกรรมเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ตามคอนเซ็ปต์ “Green Clean & Energy Innovation” เรายังคาดหวังให้ผู้บริโภคได้จดจำแบรนด์ในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในแบรนด์ Aeroklas ในการเป็นผู้นำในการผลิต พัฒนา และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ประดับยนต์ที่ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง และมีมาตรฐานสินค้าที่ดี”




“AeroKlas@EPI” จะนำเสนอโลกของอนาคตที่ต้องอยู่คู่กับผลิตภัณฑ์ที่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ประกอบไปด้วย โครงสร้างภายนอกจะถูกติดตั้งด้วยบล็อกพลาสติกขึ้นรูปโปร่งแสงจำนวน 800 ชิ้น ในส่วนโครงสร้างเหล็กที่รองรับจะสามารถถอดและนำไปใช้ใหม่ได้ในอนาคตเช่นเดียวกับบล็อกพลาสติกขึ้นรูปโปร่งแสงก็จะสามารถนำไปรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมดได้เช่นกัน ในส่วนหลังคาผลิตมาจากวัสดุโพลีคาร์บอเนตซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษโปร่งแสงให้แสงสว่างได้มากถึง 100% จะทำให้ภายในพาวิลเลี่ยนมีแสงสว่างตลอดทั้งวัน
“ภายในแอร์โรคลาสพาวิลเลียน จะแบ่งโซนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วนคือ Green-Energy-Innovation โดยจะเน้นกระบวนการผลิตที่เป็นสีเขียวและประหยัดพลังงาน โดยในส่วนของโซน Green ในอาคารจะประกอบด้วยบริษัทในกลุ่ม อีสเทิร์นโพลีแพ็ค (EPP) ซึ่งเราถือเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยผลิตภัณฑ์พลาสติกที่นำมานั้นสามารถรีไซเคิลได้ 100% ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีพลาสติกในกลุ่มที่สามารถย่อยสลายได้ ซึ่งพลาสติกของกลุ่มบริษัทฯ ได้รับการยอมรับนำไปใช้ในสายการบินต่างๆ มากมาย อาทิ สิงคโปร์แอร์ไลน์ อินโดนีเซียแอรไลน์ ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ รวมทั้งสายการบินในยุโรปด้วย”
สำหรับโซน Energy เริ่มตั้งแต่ผนังด้านนอกทั้ง 4 ด้าน จะถูกติดตั้งด้วยหลอด LED กว่า 800 ดวง ที่ดีไซน์เป็นพิเศษสำหรับใช้ในงานบีโอไอแฟร์ซึ่งจะเน้นการประหยัดพลังงานในทุกรูปแบบ ไฮไลท์สำคัญของเทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน คือ การแสดง แสง สี จากหลอด LED ที่ติดตั้งทั้งพาวิลเลียน ประกอบเสียงเพลงที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถเปลี่ยนสีได้มากกว่า 1 ล้านเฉดสี โดยทุกวันในช่วง 18.00 น. จะมีการเคารพธงชาติผ่าน แสง สี เสียง ประกอบเพลงชาติไทย โดยแสงจากหลอด LED จะเป็นเกิดเป็นรูปธงชาติไทยปกคลุม แอร์โรคลาส พาวิลเลียน
ในโซน Innovation เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “แอร์โรคลาส” หลังจากที่ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตพื้นปูกระบะอันดับ 1 ของโลก แอร์โรคลาสได้มีการพัฒนาและค้นคว้าเทคโนโลยีในการผลิตหลังคา ABS และฝาครอบกระบะ แอร์โรคลาส Deck Cover ที่มีน้ำหนักเบาและทน ทำให้รถยนต์สามารถลดการใช้พลังงานได้

งานในครั้งนี้เรายังได้นำไฮไลท์ของงานและเป็นอนาคตของโลก คือ การเปิดตัว Aeroklas Wind Turbine กังหันลมแนวตั้ง 3 ใบพัด ที่จะทำการแปลงพลังงานลมให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เป็นพลังงานบริสุทธิ์ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ สามารถแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าได้ตั้งแต่ต้นละ 3.5-10 กิโลวัตต์ นอกจากไฮไลท์ที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีของกลุ่มบริษัทในเครือแล้วยังมีการนำ “แอร์โรคลาส แอนดรอยด์” หุ่นยนต์จำลองรูปแบบของมนุษย์ในอนาคต ซึ่งจะสามารถพูดโต้ตอบ และหันด้านซ้าย-ขวาได้ มาแสดงเพื่อช่วยสร้างสีสันให้กับพาวิลเลียน

“การจะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ นอกจากจะทำให้เกิดสินค้าใหม่แล้วยังจะสามารถช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการตลาดของผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งมีทิศทางและแนวโน้มที่ดีมากขึ้น ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องทั้งภาครัฐบาลและเอกชนรณรงค์ต้องช่วยเหลือกันเพื่อให้โลกน่าอยู่มากขึ้น ในอนาคตประชาชนก็จะหันเลือกใช้สินค้าและบริการที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยเช่นกัน” นายภวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

งานบีโอไอแฟร์ 2011 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 เป็นงานแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมไทย ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ และการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5–20 มกราคม 2555

Theme of Pavilion
Technology, Innovation and Environment in Harmony
เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อโลกที่สดใสและยั่งยืน




รูปแบบ
• ภายนอกอาคารติดด้วยพลาสติกขึ้นรูปโปร่งแสง กว่า 800 ชิ้น
• โครงสร้างของอาคารสามารถนำไปประกอบติดตั้งได้ใหม่
• ผนังด้านนอก 4 ด้านติดตั้งด้วยไฟ LED กว่า 800 ดวง
• อาคารจะสร้างสีสันสวยงามในเวลากลางคืน ตั้งค่าการเปลี่ยน แสงสีได้มากกว่า 100 เฉดสี

*** การจัดแสดง แสง สี เสียง ภายนอก แอร์โรคลาสพาวิลเลี่ยน จำลองมาจากอาคาร Cubic Stone แบบอาคารโอลิมปิคในประเทศจีน ที่สามารถเปลี่ยนสีและลวดลายตามจังหวะเพลงในแต่ละเทศกาล อาทิ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เทศกาลวันเด็ก และตรุษจีน





แนวคิดการออกแบบ
โครงสร้างโดยรวมจะเป็นเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมและการลดมลภาวะทั้งหมดในทุกๆ ด้าน โครงสร้างทั้งหมดจึงถูกออกแบบมาเพื่อคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก คือ โครงสร้างของแอร์โรคลาสพาวิลเลี่ยน จะเป็นระบบน็อกดาวน์ทั้งหลัง เพื่อจะสามารถนำมารีไซเคิลกลับไปใช้ใหม่ได้ ส่วนที่สองจะเป็นเรื่องของฟินิชชิ่งเป็นพลาสติกปั้นนูน วิธีการใช้พลาสติกมาขึ้นรูปเป็นบล็อกๆ ขนาดแตกต่างกันไป ซึ่งใช้เม็ดพลาสติก ที่มีอยู่ในท้องตลาดมาแปรรูปและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และส่วนที่สาม คือ เรื่องของระบบไฟฟ้า แอร์โรคลาส พาวิลเลี่ยน จะใช้พลังงานทั้งจากระบบไฟแอลอีดี พลังงานจากกระแสไฟฟ้า และพลังงานจากกังหันลมแนวตั้ง “Wind Turbine Innovation” ซึ่งจะทำให้สามารถลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี

การแบ่งโซนต่างๆ
ส่วนภายในพาวิลเลี่ยนจะแบ่งโซนจัดแสดงออกเป็น Green-Clean-Energy-Innovation โดยจะเน้นกระบวนการผลิตที่เป็นสีเขียวและประหยัดพลังงานทั้งระบบ

Green
Eastern Polypack - EPP
• ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใหญ่สุดในกลุ่มอาเชียน
• พลาสติกที่นำผลิตสามารถนำไปรีไซเคิลได้
• สามารถผลิตถ้วยน้ำที่สามารถย่อยสลายได้เอง Biology Degrable

Energy
Eastern Polymer Industry - EPI
• ผู้ผลิตยางฉนวนกันความร้อนที่ใช้ในระบบปรับอากาศและหุ้มท่อน้ำร้อน ที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ท่อแอร์ ท่อน้ำร้อน
• ผู้ผลิตหลังคาโพลีคาบอเนต เพื่อลดพลังงานไฟฟ้าและความร้อน ทดแทนหลังคาโลหะ Saving Energy for Modern Living

Eastern Syntech - ESCO
• ผู้ผลิตโคมไฟ LED ชนิดต่างๆ ที่มีประสิทธิ์ภาพสูง ประหยัดพลังงานได้สูงสุดในโลกปัจจุบันผู้นำในการผลิตและติดตั้งท่อส่งลมในระบบปรับอากาศที่ประหยัดพลังงาน
*** ภายในพาวิลเลี่ยนมีการใช้ท่อที่ทำมาจากฉนวนกันความร้อนและอุณหภูมิ “แอร์โรเฟล็กซ์” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของ EPI ซึ่งฉนวนดังกล่าวจะช่วยลดการใช้กระแสไฟฟ้าของเครื่องเจเนอเรชั่นที่ใช้กับเครื่องปรับ อากาศ EPI ESCO นอกจากทำฉนวนยางของระบบปรับอากาศแล้ว EPI ESCO ยังผลิตในเรื่องของระบบไฟฟ้าที่ใช้ภายในสำนักงานต่างๆ ด้วย

Innovation
Aeroklas
• ผู้นำด้านนวัตกรรมจากพลาสติกมาผลิตแปรรูปเป็นอุปกรณ์ประดับยนต์
• ผู้ผลิตหลังคาพลาสติก ABS สองชั้นรายแรกและรายเดียวในโลก
• ผู้พัฒนาเรือพลาสติก ผลิตและบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา
• ผู้ผลิตและพัฒนากังหันลมแนวตั้ง เพื่อเปลี่ยนพลังงานลมเป็นพลังงานไฟฟ้ารายแรกของไทยที่มีประสิทธิภาพสูง
*** แอร์โรคลาส ได้นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแปรรูปเม็ดพลาสติกจากเดิมที่อยู่เฉพาะในอุตสาหกรรมประดับยนต์เท่านั้น แต่ปัจจุบันแอร์โรคลาสได้นำเม็ดพลาสติกมาขึ้นรูปเป็นอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เรือ ชิ้นส่วนเครื่องบิน หลังคารถยนต์ รวมไปถึงนำมาผลิตกังหันลม “Wind Turbine Innovation” อีกด้วย

บริดจสโตนจัดแสดงนวัตกรรมใน Pavilion “The Future Seeds” ในงาน บีโอไอ แฟร์



(กรุงเทพ) (4 มกราคม 2555) – มร.โนบุยูกิ ทะมุระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการของ บริดจสโตนพาวิเลียน ภายใต้ชื่อ “The Future Seeds” ณ งานบีโอไอ แฟร์ 2011 ที่อิมแพค เมืองทองธานี
ในฐานะผู้ครองตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางระดับโลก บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย กลุ่มบริษัท บริดจสโตนในประเทศไทย พร้อมแสดงศักยภาพผ่านผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย รวมทั้งเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สอดคล้องกับสโลแกนขององค์กรที่ว่า “Your Journey, Our Passion”
พาวิเลียนของบริดจสโตน “The Future Seeds” ได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ โดยรังสรรค์ขึ้นจากรูปทรงกลมของเมล็ดยางพารา ซึ่งเมล็ดยางพาราเมล็ดเล็กๆนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจาก บริดจสโตน ในขณะเดียวกันก็ยังสะท้อนถึง เมล็ดพันธุ์แห่งความรู้และภูมิปัญญา ที่เจริญเติบโตผ่านกาลเวลา แตกหน่อ ออกใบ มาเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมอันเหนือชั้นเพื่อตอบสนองต่อสังคมโลก
บริดจสโตนขอเชิญทุกท่าน พบกับสุดยอดนวัตกรรมและความล้ำสมัย ที่บริดจสโตน พาวิเลียน “The Future Seeds” ณ งาน บีโอไอ แฟร์ 2011 อิมแพค เมืองทองธานี ในระหว่างวันที่ 5 ถึง 20 มกราคม 2555 นี้



บริดจสโตนพาวิเลียน “The Future Seeds”

จุดเด่นของพาวิลเลียน
บริดจสโตนได้พิถีพิถันในการคัดสรรวัสดุชั้นเลิศของบริดจสโตนมาก่อสร้างพาวิเลียน เพื่อให้ได้มาซึ่งการประหยัดพลังงาน และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ “Bridgestone Cool Roof Polymer” บริเวณหลังคา เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของหลังคาพาวิเลียน มีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร ได้จัดทำเป็นช่องแสงควบคู่กับ แผ่นฟิล์มบริดจสโตนในแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งแสงแดดสามารถส่องผ่านได้ ดังนั้นในพาวิเลียนจึงมีแสงสว่างที่เพียงพอ อีกทั้งยังสร้างพลังงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้งานจริงในพาวิเลียนอีกด้วย

นอกจากนี้ การใช้กระจกประกอบในส่วนของประตูและผนังของพาวิเลียน มีข้อเด่นคือเป็นวัสดุที่สามารถนำมาแปรรูปใหม่ได้ทั้งหมด และด้วยเทคโนโลยีอันเป็นลิขสิทธิ์ของบริดจสโตน ฟิลม์กระจกสมรรถภาพสูง Bridgestone COOLSAFE ที่ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารเย็นสบาย พร้อมทั้งลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การเลือกวัสดุ เพื่อปูพื้นทางเข้าอาคาร บริดจสโตนใช้วัสดุจากธรรมชาติ คือ ไม้ยางพารา ที่นอกจากจะให้ความสวยงามด้วยโทนสีน้ำตาลนวลดสบายตาแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนอย่างยั่งยืนด้วยการนำเอาไม้ยางที่หมดอายุแล้วมาใช้ประโยชน์อีกทางหนึ่ง


เทคโนโลยีอันโดดเด่น
บริดจสโตนพาวิเลียน “The Future Seeds” ประกอบด้วยส่วนจัดแสดงหลัก อาทิ Welcome Zone, Speed Tunnel, Technology Zone, and A Better Life Zone.
ห้องจัดแสดง 1 (Welcome Zone ) พบกับการกล่าวต้อนรับจาก มร.โชชิ อารากาว่า ประธานคณะกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานบริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น พร้อมทั้งกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการสร้าง บริดจสโตนพาวิเลียน
ห้องจัดแสดง 2 (Speed Tunnel ) นำเสนอเส้นทางอันยาวนานของ 80 ปี ของการก่อตั้งบริษัท และกว่า 40 ปีในการอยู่คู่สังคมไทยของบริดจสโตน การทำงานบนปรัชญาผู้ก่อตั้งบริษัทที่บริดจสโตนยึดมั่น และคติประจำใจในการทำงาน 4 ประการอันเป็นข้อคิดและข้อเตือนใจในการทำงานในทุกๆวันเพื่อคุณภาพที่เหนือกว่าของบริดจสโตน
ห้องจัดแสดง 3 (Technology Zone)นำเสนอนวัตกรรมกลุ่มยางบริดจสโตนและนวัตกรรมจาก Technology Polymer เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตที่หลากหลายแต่คงไว้ซึ่งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยด้วยมาตรฐานสูงสุด
ห้องจัดแสดง the Better Life Zone บริดจสโตนนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทาทา"เคาะราคา"ซีนอน"5.19แสน

"ทาทา"เปิดศึกลุยตลาดปิกอัพ ส่ง "ซีนอน" รถยกสูงลงชิงแชร์ เคาะราคาช่วงแนะนำแค่5.19 แสนบาท ชูความแข็งแกร่งและทนทาน เผยใช้เหล็กหนาที่สุดในตลาดเตรียมใช้ชิ้นส่วนในประเทศเพิ่ม หวังให้ลูกค้าหาซื้ออะไหล่ได้ง่าย

นายราทัน ทาทา ประธานบริษัท ทาทา มอเตอร์ประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเมืองไทย ได้เปิดตัวรถซีนอนปิกอัพฉีกกฎในประเทศอย่างเป็นทางการโดยเตรียมความพร้อมในด้านบริการหลังการขายด้วยการเปิดเครือข่ายผู้จำหน่ายของทาทากว่า 20 แห่งทั่วประเทศและกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง



สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาและประกอบขึ้นในประเทศไทยโดยคำนึงความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยเป็นหลักซึ่งบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นตลาดหลักของทาทาในอนาคตอันใกล้


ทาทา ซีนอนได้รับการออกแบบจากประเทศอังกฤษ และใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนีซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีที่ ทันสมัยที่สุดของโลก วางเครื่องยนต์ DICORเทคโนโลยีดีเซลคอมมอนเรลไดเร็กต์อินเจ็กชั่นรุ่นล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตรพร้อมเทอร์โบแปรผันอัจฉริยะ VTT (variable turbine technology) และอินเตอร์คูลเลอร์ ที่รับประกันความทนทาน บำรุงรักษาง่าย ราคาอะไหล่ต่ำเทคโนโลยี DICOR นี้นับเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของระบบคอมมอนเรลทำให้เครื่องยนต์แรงเต็มพลัง และยังประหยัดน้ำมันสูงสุด


นอกจากนี้ซีนอนยังได้รับการออกแบบให้เป็นปิกอัพยกสูงตั้งแต่แรกเริ่มพร้อมโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งทนทาน ด้วยแผ่นเหล็กหนาถึง 0.8-1.5 ม.ม.หนากว่ารถปิกอัพทั่วไป สามารถใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันและยังให้ความปลอดภัยสูงกว่า หากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน


ทั้งนี้ก่อนจะเข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในประเทศไทยทาทาได้ศึกษาวิจัยและสำรวจตลาดทั้งภูมิภาคอาเซียนก่อนจะตัดสินใจเลือกลงทุนในประเทศไทย ด้วยเม็ดเงิน 1.3 พันล้านบาทเพื่อขึ้นไลน์ประกอบรถปิกอัพซีนอน เนื่องจากเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกว่าประเทศไทยคือผู้ผลิตรถปิกอัพขนาด 1 ตันที่ดีที่สุดในโลกเมื่อรวมเข้ากับความแข็งแกร่งของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยและมีคุณภาพดีจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทาทาตัดสินใจลงทุน


นอกจากนั้นยังมีแผนในการเพิ่มปริมาณชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศให้มากที่สุดซึ่งในระยะแรกนี้ทาทาใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศประมาณ 50% ลูกค้าจึงอุ่นใจได้ว่า อะไหล่ของทาทา ซีนอน จะมีราคาไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย


"ทาทา ซีนอนใช้โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์เป็นฐานในการผลิตซึ่งถือว่ามีประสบการณ์ที่ยาวนาน และชื่อเสียงของโรงงานแห่งนี้ในเรื่องความประณีตในการประกอบรถยนต์ถือเป็นจุดแข็งที่จะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพของสินค้า"


ทาทา ซีนอน มีตัวถังให้เลือก 2รูปแบบ คือ เอ็กซ์เทนด์แค็บ ราคาเริ่มต้น 539,000 บาท และดับเบิลแค็บปิกอัพ 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 629,000 บาท นอกจากนั้นบริษัทยังได้ทำราคาพิเศษในช่วงแนะนำถึงวันที่ 30 เมษายนโดยเอ็กซ์เทนด์แค็บ ราคาเริ่มต้นที่ 519,000 บาท และดับเบิลแค็บ ปิกอัพ 4ประตู ราคาเริ่มต้น 599,000 บาท


อนึ่ง ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย)เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดียซึ่งเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอินเดีย ในปี2549-2550 มีรายรับถึง 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.4 แสนล้านบาทปัจจุบันมีรถทาทากว่า 4 ล้านคันวิ่งอยู่บนถนนในอินเดียโดยเป็นผู้นำในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ และเป็นอันดับ 2 ในตลาดรถยนต์นั่งส่วนในตลาดโลก ทาทาครองอันดับ 5 ในตลาดรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่เป็นผู้ผลิตรถโดยสารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สินค้ารถยนต์ รถบรรทุกและรถโดยสาร
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved