Posted by Contemporary industry
Posted on 22:16
ฮอนด้าตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำความสนุกครั้งยิ่งใหญ่ เปิดตัวบูธ Honda Road To New Fun เส้นทางสู่ความสนุกใหม่ เสริมแกร่งแบรนด์แมสเสจ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา...อะไรใหม่ๆ” พร้อมเผยโฉม Zoomer X ต้นแบบแห่งสุดยอดรถจักรยานยนต์แนวคิดใหม่เป็นครั้งแรก รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผู้นำตลาดอย่างยิ่งใหญ่ในงาน The Bangkok International Motor Show 2012 เนรมิตพื้นที่มากกว่า 1,200 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในกลุ่มรถจักรยานยนต์ ให้เป็นอาณาจักรแห่งไลฟสไตล์ความสนุกที่ถนนทุกสายคือเส้นทางสู่ความสนุกใหม่ ภายใต้แนวคิด “Honda Road to New Fun” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวคิดหลักของแบรนด์ฮอนด้าในปีนี้ที่เน้นการสร้างทัศนคติให้ทุกคนสนุกกับการค้นหาอะไรใหม่ๆ โดยมีสโลแกนของแบรนด์ในปีนี้คือ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา... อะไรใหม่ๆ” พร้อมเผยโฉมไฮไลท์ “อะไรใหม่ๆ” สำหรับคนรุ่นใหม่ New Generation ด้วย “Zoomer X” รถต้นแบบความสนุกแนวใหม่ครั้งแรกของประเทศไทย ด้วยดีไซน์นอกกรอบความเป็นรถจักรยานยนต์ทั่วๆไป เพราะรถจักรยานยนต์จะเป็นมากกว่ายานพาหนะแต่จะเป็น Lifestyle Gadget ที่จะมาเปลี่ยนทุกเทรนด์แฟชั่น และฉีกทุกกฎความสนุกอย่างมีชั้นเชิง นอกจากนั้นยังเอาใจคนรักรถรุ่นใหญ่ด้วย Honda Big Bike รุ่นใหม่ล่าสุด และรุ่นยอดนิยมมากมายถึง 6 รุ่นให้เลือกชมและจับจองเป็นเจ้าของ ที่บู๊ธฮอนด้าในงานครั้งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศจำลองของ Honda BigWing โชว์รูมและศูนย์บริการบิ๊กไบค์ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนเมษายนนี้ และเผยชื่อแบรนด์ใหม่ของสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ตกแต่ง Accessories ต่างๆภายใต้ชื่อ H2C ซึ่งจะวางตลาดตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้เป็นต้นไป นอกจากนั้น ฮอนด้ายังเตรียมความสนุกไว้อีกมากมาย ทั้งการประกวดแต่งรถจักรยานยนต์ Honda Mo’cyle Idea Challenge ครั้งที่ 8 ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท การประกวดถ่ายรูป “ฮอนด้าถ่ายโชว์ Photo Contest” ชิงเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท รวมถึงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินมากมายที่จะผลัดเปลี่ยนกันมาให้ความสนุกสนานกับผู้เข้าชมบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้าตลอดงาน มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ในงานมอเตอร์โชว์ปีที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ประกาศแบรนด์แคมเปญซึ่งเป็นแผนสามปีภายใต้ชื่อ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา” (Discover Your Fun) โดยถือเป็นคำมั่นสัญญากับทุกท่านว่าเราจะเสริมความแข็งแกร่งจากการเป็น “ผู้นำหัวฉีด” (FI Leader) ให้มีพัฒนาการสูงขึ้นอีกขั้นสู่การเป็น “ผู้นำความสนุก” (Fun Leader) ควบคู่กัน จนมาถึงในปี 2012 ซึ่งเป็นปีที่สองของแบรนด์แคมเปญนี้ เราได้เพิ่มความเข้มข้นในการส่งมอบความสนุกสู่มหาชนชาวไทย พร้อมปรับแบรนด์แมสเสจเป็น “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา อะไรใหม่ๆ” (Discover Your Fun – Find Something New) “เราได้เนรมิตพื้นที่มากกว่า 1,200 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในโซนรถจักรยานยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ให้เป็นอาณาจักรแห่งไลฟสไตล์ความสนุก ที่ถนนทุกสายคือเส้นทางสู่ความสนุกใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Road to New Fun” โดยมีไฮไลท์ความสนุกใหม่ที่สำคัญ คือ Zoomer X Fun Concept Bike หรือรถต้นแบบความสนุกใหม่อย่าง “Zoomer X” ที่มีดีไซน์ฉีกแนว ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น ซึ่งเราวางแผนที่จะส่งมอบความสนุกแบบใหม่นี้ให้ทุกคนได้สัมผัสกันบนท้องถนนเร็วๆนี้ รับรองว่าไม่นานเกินรอ” “ขณะเดียวกัน เรายังได้นำเสนอความสนุกจากการรวมทุกเทคโนโลยีการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ของฮอนด้าไว้ในหนึ่งเดียว กับขุมพลัง eSP ผ่านโมเดลที่มีสไตล์เฉพาะตัวอย่าง Honda PCX150 และ Honda Click125i นอกจากนี้เรายังได้จำลองบรรยากาศของ Honda BigWing ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ มาไว้ในบูธของเราเพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้มีโอกาสสัมผัสและเป็นเจ้าของฮอนด้าบิ๊กไบค์ทั้ง 6 รุ่นก่อนใคร ถือเป็นความสนุกแบบบิ๊กไซค์ให้กับทุกคน และนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความสนุกจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในปีนี้” สำหรับบูธของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าภายใต้คอนเซปต์ “Road to New Fun” ในงาน Bangkok International Motor Show 2012 ครั้งนี้ได้รับการออกแบบมีการแบ่งพื้นที่ในการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วนหลักดังนี้ Teen Lifestyle Area จัดแสดงอยู่บนพื้นที่ 70% จากพื้นที่ทั้งหมดของบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ประกอบไปด้วยโซนแห่งความสนุกใหม่มากมาย อาทิ New Fun นิยามใหม่ของความสนุก ครั้งแรกของการเผยโฉม “Zoomer X” รถต้นแบบแห่งความสนุกใหม่หรือ Fun Concept Bike ที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ไร้กรอบของวัยรุ่น, Power Up Fun สนุกล้ำไปกับ Honda Click125i ที่มาพร้อมความแรงจากขุมพลัง eSP (Enhanced Smart Power) ที่รวมทุกเทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนของฮอนด้าไว้ในหนึ่งเดียว, No.1 Fun Leader ออกลายซ่าส์ไปกับ Honda Scoopy i รถเอ.ที.ยอดนิยมอันดับ 1 ของเมืองไทย และพบกับความสนุกใหม่อีกๆหลายรูปแบบได้ที่โซนนี้ Honda Big Wing Showroom ฮอนด้าได้จัดสรรพื้นที่ 30% จำลองบรรยากาศของ Honda BigWing โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรสำหรับฮอนด้าบิ๊กไบค์มาไว้ภายในงาน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวสถานที่จริงอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 เมษายน 2555 นำทัพโดย Honda Gold Wing บิ๊กไบค์ทัวรริ่งที่เป็นที่สุดแห่งความหรูหรา, Honda CBR1000RR สปอร์ตพันธ์แรงเทคโนโลยีสูง, Honda NC700X ครอสโอเวอร์โมเดลใหม่ล่าสุดของโลก, Honda VFR1200F สปอร์ตทัวร์ริ่งทรงพลัง, Honda Integra บิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่ให้ลุคสปอร์ตเต็มขั้น และ Honda CRF250R เอ็นดูโร่สุดแกร่งสำหรับคนรักการแข่งขันบนทางวิบากมร.จิอากิ คาโต กล่าวเพิ่มเติมว่า “และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เริ่มจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อรถจักรยานยนต์จากยานพาหนะเพื่อการดำรงชีพ สู่การเป็น Lifestyle Gadget ที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ฮอนด้าได้ให้กำเนิด “H2C” แบรนด์อุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ที่พัฒนาโดย เอ.พี.ฮอนด้า ภายใต้คอนเซปต์ “Spice Your Ride” สำหรับผู้ที่อยากเปลี่ยนจากความธรรมดาไปสู่สิ่งที่เหนือกว่า โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป” นอกจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ๆแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้พบกับกิจกรรมอีกมายภายในบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นการประกวดแต่งรถจักรยานยนต์ Honda Mo’cye Idea Challenge ครั้งที่ 8 รอบชิงชนะเลิศ ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 2,000,000 บาท ณ ลานกิจกรรมหลังชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ในวันที่ 31 มีนาคมนี้ หรือจะเป็นการประกวดถ่ายภาพ “ฮอนด้าถ่ายโชว์ Photo Contest” ชิงเงินรางวัลทุกวัน มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 8 เมษายนนี้ ร่วมสนุกมันส์ไปกับมินิคอนเสิร์ตจากบรรดาศิลปินชื่อดังมากมายนำทีมโดย ไทเทเนียม ศิลปินฮิพฮอพเบอร์หนึ่งของไทย, หนูนา-หนึ่งธิดา นางเอกร้อยล้านและนักร้องเสียงใสมาดกวน กับอัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิต, สิงโต นำโชค กับดนตรีชิลล์ๆ สไตล์ Surf Music, และ25Hours วงดนตรีแนวอินดี้ขวัญใจวัยรุ่นทั่วประเทศ พร้อมลุ้นรับของรางวัลกับเกมส์มันส์ๆอีกเพียบ พบกับเส้นทางสู่ความสนุกใหม่ Honda Road to New Fun ได้ที่บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในงาน The Bangkok International Motor Show 2012 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายน 2555 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมกับอัพเดทข่าวสารการประกวดต่างๆ, มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง และกิจกรรมความสนุกประจำวันแบบ Live Update ได้ทีเว็บไซต์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า www.aphonda.co.th และที่เฟซบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
Posted by Contemporary industry
Posted on 22:15
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.โทโยชิม่า โคจิ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำ “โตโยต้า พริอุส ใหม่” พร้อมชูเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับรถยนต์เป็นครั้งแรกในโลก ร่วมด้วยแขกผู้มีเกียรติมากมาย อาทิ จรัสพงศ์ ล่ำซำ, ธนิกา ปันยารชุน, ภารไดย ธีระธาดา, ม.ร.ว.นิภานพดารา ยุคล, ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี ฯลฯ ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้า พริอุส ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า เช่นเดียวกับลูกค้าทั่วโลกที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 3,300,000 คัน ซึ่งสามารถยืนยันความสำเร็จของ พริอุส ได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้เปิดตัว "โตโยต้า พริอุส ใหม่" ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจริยะ นั่นคือ ระบบระบายอากาศอัตโนมัติด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Ventilation System) เป็นแผงโซลาร์บนหลังคารถจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในการทำงานของพัดลมสำหรับระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารขณะจอดกลางแดด เพื่อลดอุณหภูมิห้องโดยสาร ช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ ทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โตโยต้า นำมาใช้กับรถยนต์ พร้อมระบบปรับอากาศที่เปิด-ปิดด้วยกุญแจระบบรีโมท และระบบนำทางบนกระจก รวมทั้งดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในสุดก้าวล้ำตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ทุกจินตนาการ
ในงานยังมีเหล่าเซเลปคนดังที่รักการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาร่วมพิสูจน์นวัตกรรมอัจฉริยะในครั้งนี้ด้วย
จรัสพงศ์ ล่ำซำ กล่าวว่า รถยนต์ประหยัดพลังงานทางเลือกในปัจจุบัน นับว่าน่าสนใจมากในยุคนี้ เนื่องด้วยราคาน้ำมันก็ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะจากปัญหาภาวะโลกร้อนที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่หากถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดมลภาวะหรือปัจจัยที่ทำร้ายโลกใบนี้ของเราได้ก็จะเป็นการดี เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว อย่างเช่นรถยนต์ยานพาหนะที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างพริอุสรุ่นใหม่ก็มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์เพื่อลดความร้อนในรถทำให้ไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน
"เทคนิคการขับรถแบบประหยัดพลังงานของผมคือก่อนเดินทางจะตรวจดูเส้นทางก่อนออกเดินทาง เช่นรถติดมั้ย ถ้าเส้นทางที่เราจะไปเกิดมีรถคับคั่งก็หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่รถวิ่งได้ดีกว่าครับ"
ธนิกา ปันยารชุน กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบรถยนต์ที่ดูดี มีสไตล์ ขนาดกะทัดรัด สามารถขับซิกแซก หลบสิ่งกีดขวางได้ ไม่เล็กจนเกินไป เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะต้องเป็นรถยนต์ประหยัดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบัน เพราะช่วงนี้เราต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อมนุษย์อย่างมาก เราจึงควรช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อบรรเทาภาวะดังกล่าว ในพริอุส มีรีโมท เปิด-ปิด ระบบปรับอากาศทำให้เราสามารถปรับอุณหภูมิได้ก่อนใช้รถช่วยประหยัดพลังงาน
"เทคนิคการขับรถแบบประหยัดพลังงานของปุ๊ก คือ จะดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนานๆ เวลาออกรถจะไม่ออกรถกระชาก หรือเบิ้ลเครื่อง และหมั่นตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์และตรวจลมยางเสมอ ไม่บรรทุกของเยอะ ๆ ใช้รถเท่าที่จำเป็น"
สำหรับ พริอุส ใหม่นั้น เป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว และมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายที่ช่วยลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดเชื้อเพลิง อาทิ ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่สามารถขับเคลื่อนรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวหรือขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยสนับสนุน กระบวนการผลิตที่มีการนำวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่มาเป็นวัตถุดิบ ตลอดจนมีการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้มากขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งความสนุกสนานในการขับขี่ พบกับ โตโยต้า พริอุส ใหม่... นวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบทุกจินตนาการ ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายน 2555 และที่โชว์รูมโตโยต้า 334 แห่งทั่วประเทศ
Posted by Contemporary industry
Posted on 22:13
ซูซูกิอวดโฉม “All New Suzuki Swift” คอมแพ็คคาร์รุ่นใหม่ล่าสุด ชูความเป็นผู้นำด้านวิศกรรมการออกแบบ รูปโฉมใหม่โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผสานเทคโนโลยีขั้นสูง เติมเต็มสมรรถนะการขับเคลื่อน เครื่องยนต์ 1.25 ลิตรใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว 91 แรงม้า พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย เทคโนโลยีและวิศวกรรมล่าสุดจากซูซูกิ ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ โครงสร้างและตัวถังใหม่ เน้นความปลอดภัย ประหยัดน้ำมันกว่า 20 กม./ลิตร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สุดแห่งการสร้างสรรค์คอมแพ็คคาร์ของโลกยุคนี้ พร้อมพิสูจน์สายตาและเร้าทุกประสาทสัมผัสในงานมอเตอร์โชว์ 2012 มร. ทาคายูคิ ซูกิยามา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ซูซูกิได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการตอบความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยการจัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยไฮไลท์ในปีนี้คือ “All New Suzuki Swift เร้าทุกประสาทสัมผัส” รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งถือเป็นรถกลยุทธ์ ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ แฮชแบค (World Strategic Compact Hatchback Model) นวัตกรรมระดับโลก ที่ตอบความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ซูซูกิต้องการตอบรับกระแสความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ ที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีดีไซน์ที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โฉบเฉี่ยวทันสมัย ตอบบุคลิกของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าแต่ก่อนมากและที่สำคัญ ผู้บริโภคต้องการรถยนต์ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะการขับขี่และการควบคุม มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เหมาะสมกับการใช้งานจริง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และประหยัดน้ำมันได้มาก เข้ากับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการบริโภคจับจ่ายของคนยุคนี้ นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “All New Suzuki Swift เร้าทุกประสาทสัมผัส” ได้รับการพัฒนาให้เป็นสุดยอดคอมแพ็คคาร์สำหรับยุคนี้ โดยวิศวกรได้ผสานการออกแบบสุดโฉบเฉี่ยวทันสมัยเข้ากับสมรรถนะการขับขี่และความปลอดภัยได้อย่างลงตัว เครื่องยนต์ใหม่ 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 91 แรงม้า พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ เทคโนโลยีและวิศวกรรมล่าสุดจากซูซูกิที่ผสานประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่เข้ากับประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างลงตัว ให้ความสนุกตื่นเต้นคล่องตัวเต็มสมรรถนะ ฐานล้อกว้างทรงตัวดีเยี่ยม ช่วงล่างเกาะถนนดีเยี่ยม โครงสร้างและตัวถังใหม่ออกแบบพิเศษให้มีความแข็งแกร่ง ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมถุงลมนิรภัย SRS Airbag คู่หน้า ระบบเบรก ABS, EBD และระบบช่วยเบรก เสริมด้วย Keyless Start & Keyless Push Entry แอร์ดิจิตอล พวงมาลัยปรับได้ถึง 4 ทิศทางพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่อง USB เบาะหลังแบบ 60:40 ปรับพับได้หลากหลาย ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว มีให้เลือก 3 รุ่น คือ รุ่น GLX ราคา 559,000, รุ่น GL 507,000 บาท และรุ่น GA 469,000 บาท (อุปกรณ์มาตรฐานต่างกันในแต่ละรุ่น) มีให้เลือก 7 สี คือ สีขาว (Snow White Pearl), สีแดง (Ablaze Red Pearl), สีฟ้า (Boost Blue Pearl Metallic), สีส้ม (Sunlight Copper Pearl Metallic), สีดำ (Super Black Pearl), สีเทา (Mineral Gray Metallic) และ สีเงิน (Star Silver Metallic) นอกจากนี้ All New Suzuki Swift ยังผ่านคุณสมบัติตามมาตรฐานอีโคคาร์ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการประหยัดพลังงาน มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยน้อยกว่า 5 ลิตร/100 กม. (หรือประหยัดน้ำมันเฉลี่ยมากกว่า 20 กม./ลิตร) ตามมาตรฐานทางเทคนิค UNECE Reg. 101, Rev.1 Combine Mode, ด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับยูโร 4 ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 83, Rev.2 (2005), และมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัม/กม. ตามมาตรฐานทางเทคนิค UNECE Reg. 101, Rev.1, ด้านมาตรฐานความปลอดภัยการชนด้านหน้า มีคุณสมบัติตามมาตรฐานการทดสอบแรงกระแทกด้านหน้า ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 94, Rev.0 และมีคุณสมบัติตามมาตรฐานการทดสอบแรงกระแทกด้านข้าง ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 95, Rev.0 ซูซูกิได้ลงทุนรวมทั้งสิ้น 20,000 ล้านเยน (หรือ 8 พันล้านบาท) สร้างโรงงานใหม่เพื่อผลิตรถยนต์ที่จังหวัดระยอง และได้เริ่มการผลิตในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยผลิต All New Suzuki Swift เพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย และยังคงจำหน่ายรถยนต์รุ่นอื่นๆ อาทิ Suzuki SX4 Crossover นวัตกรรมข้ามสายพันธุ์แห่งการขับเคลื่อน เพื่อทุกด้านของชีวิตที่เป็นไปได้, Suzuki Grand Vitara รถSUV ลุยทุกสถานการณ์ ทะยานได้ทุกที่, Suzuki APV รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ขับเคลื่อน ทุกไลฟ์สไตล์อย่างมีชั้นเชิง, และ Suzuki Carry รถบรรทุกอเนกประสงค์ เพื่อนแท้คู่ธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย โดยในปีนี้ ซูซูกิวางเป้าหมายที่จะจำหน่าย All New Suzuki Swift ให้ได้จำนวน 10,000 คัน และรถยนต์ซูซูกิรุ่นอื่นๆ อีก 10,000 คัน คาดการณ์ยอดจำหน่ายรวมที่ 20,000 คัน และวันนี้ซูซูกิได้เพิ่มจำนวนโชว์รูมเป็น 50 แห่งทั่วประเทศแล้ว และยังคงเดินหน้าขยายศูนย์บริการให้เพิ่มขึ้นเป็น 70 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อขยายระบบการให้บริการแก่ลูกค้าทั่วประเทศกว่า 100 ปีที่ซูซูกิสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบสนองทุกๆ Way of Life! ของผู้บริโภคทั่วโลกด้วยวิศวกรรมและเทคโนโลยีเหนือชั้นของซูซูกิ ที่ผ่านมา ซูซูกิพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ด้วยรถยนต์คุณภาพจากซูซูกิ และซูซูกิให้คำมั่นว่าจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพเพื่อลูกค้าทั่วโลก และลูกค้าชาวไทยตลอดไป นายซูกิยามาสรุปท้าย เชิญทดลองขับ...เร้าทุกประสาทสัมผัสกับ All New Suzuki Swift และรถยนต์คุณภาพของซูซูกิ ทุกรุ่น พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ได้ที่งานมอเตอร์โชว์ และโชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทรศัพท์พื้นฐาน โทรฟรี 1800-600-900 โทรศัพท์เคลื่อนที่ โทร 1401-600-900 www.suzuki.co.th และ www.facebook.com/NewSuzukiSwift โปรโมชั่นพิเศษ ช่วงมอเตอร์โชว์ 2012 - All New Suzuki Swift ซื้อประกันภัยชั้นหนึ่งเพียง 50% - Suzuki SX4 Crossover ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ระยะเวลา 1 ปี, พร้อมฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดระยะเวลา 3 ปี - Suzuki APV ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ระยะเวลา 1 ปี
Posted by Contemporary industry
Posted on 22:06
มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ให้การต้อนรับคุณแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ในโอกาสเยี่ยมชมบูธอีซูซุ ตระการตากับสุดยอดยนตรกรรม “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” วีครอส 4x4 Big Foot กับชุดยกช่วงล่างครั้งแรกในประเทศไทย สไตล์ออฟโรดตัวจริง สุดเท่กับ “อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ รุ่นใหม่หมด!” ตกแต่งพิเศษแบบ City Racing เอาใจคนรุ่นใหม่ และ “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์” รุ่น Premium Sound by Kenwood รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัดเพียง 300 คัน พร้อมทัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้รถทั่วโลก ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
อีซูซุตอกย้ำนิยามรถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลก นำทัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” จัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 พร้อมเปิดตัว “All-New ISUZU D-Max” Application แอพสุดจี๊ด...โดนใจ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ระดมสุดยอดรถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลก โชว์ศักยภาพเต็มพื้นที่มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 ในคอนเซ็ปต์ “PICKUP FOR THE WHOLE WORLD” ตอกย้ำความทันสมัยแบบใหม่หมดในทุกมุมมอง นำธงโดย “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” วี-ครอส 4x4 แบบ Big Foot ครั้งแรกในประเทศไทยกับชุดยกช่วงล่างขนาด 9 นิ้ว เติมเต็มทุกนิยามออฟโรดตัวจริง และขยับทุกจังหวะแห่งการขับขี่อย่างเหนือชั้นในสไตล์คนทันสมัยกับ “อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ รุ่นใหม่หมด!” ตกแต่งพิเศษสไตล์ City Racing พร้อมด้วยที่สุดแห่งยนตรกรรมอเนกประสงค์ “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์” รุ่นพิเศษ Premium Sound by Kenwood ดีไซน์พิเศษเพื่อสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ด้วยชุดเครื่องเสียงระดับ Hi-end พร้อมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของแอพพลิเคชั่นสมบูรณ์แบบของ “All-New ISUZU D-Max” ให้ร่วมโหลดหรือแชร์ความประทับใจผ่าน Facebook ได้แบบ Real Time พร้อมคัดสรรศิลปินดาราและกองทัพสาว Allure Girl มาผลัดเปลี่ยนกันสร้างความสุขให้กับประชาคมอีซูซุและผู้เข้าร่วมงานอย่างเต็มอิ่ม ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม จนถึง 8 เมษายน ศกนี้ มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุพร้อมต้อนรับคลื่นมหาชนกับกระแสความนิยมของ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” อย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการนำรถปิกอัพสำหรับคนทั้งโลกมาจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 โดยยังคงคอนเซ็ปต์ PICKUP FOR THE WHOLE WORLD ในโทนสีฟ้าอันโดดเด่น สะท้อนถึงความอิสระ สดใส ล้ำสมัยด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีอันเหนือชั้น ไฮไลท์สำคัญได้แก่ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” วี-ครอส 4x4 แบบ Big Foot ครั้งแรกในประเทศไทยกับชุดยกช่วงล่างขนาด 9 นิ้ว พร้อมเติมเต็มด้วยชุดแต่งพิเศษในสไตล์ออฟโรดตัวจริง และ “อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ รุ่นใหม่หมด!” ในสไตล์ City Racing ผสานความทันสมัย ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้ง “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์” รุ่น Premium Sound by Kenwood ดีไซน์พิเศษเพื่อสุนทรียภาพแห่งการขับขี่เหนือระดับ พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีสำหรับคนทั้งโลก ด้วยแอพพลิเคชั่นของ “All-New ISUZU D-Max” เพื่อประสบการณ์แห่งการขับขี่เหนือระดับ ที่รวบรวมทุกเรื่องราวสำคัญของรถปิกอัพ “อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” พร้อมสรรพสำหรับการค้นหาข้อมูลให้เป็นเรื่องง่าย สะดวก และสมบูรณ์แบบ” เทคโนโลยีใหม่...โดนใจ สำหรับผู้ใช้รถอีซูซุ... กับแอพพลิเคชั่นสมบูรณ์แบบล่าสุด “All-New ISUZU D-Max” Application อีกหนึ่งช่องทางในการเปิดประสบการณ์แห่งการขับขี่ ยานยนต์เหนือระดับ ซึ่งรวบรวมทุกเรื่องราวสำคัญของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” อาทิ ระบบการเตือนเพื่อเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพรถตามระยะทาง (i-Service), ระบบบันทึกอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (i-Fuel), รายละเอียดตัวรถรุ่นต่างๆ ที่คุณชื่นชอบด้วยมุมมองแบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมนำทางชั้นเยี่ยม Google Map เคียงคู่กับระบบนำทางอัจฉริยะจากอีซูซุที่ช่วยระบุทุกพิกัดอย่างแม่นยำ เพิ่มความมั่นใจในทุกเส้นทางแห่งการขับขี่ พร้อมให้คุณโหลดและอัพเดทใน iPhone และ iPad แล้ววันนี้ เพื่อให้การค้นหาข้อมูลเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย และสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เต็มอิ่มกับยนตรกรรมคุณภาพเยี่ยมที่คนทั้งโลกจับตามอง... กับสุดยอดยนตรกรรมอันโดดเด่น “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ที่อีซูซุนำมาจัดแสดง โดยมี Isuzu i-Girl พร้อมให้คำแนะนำตลอดงาน ไฮไลท์สำคัญได้แก่ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” และ “อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์” รุ่นตกแต่งพิเศษ สำหรับงานบางกอกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 โดยเฉพาะ ประกอบด้วย - อีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส 4x4 รุ่นใหม่หมด! ปิกอัพออฟโรดตัวจริง ตกแต่งพิเศษ ครั้งแรกในเมืองไทยกับชุดยกช่วงล่างความสูง 9 นิ้วจาก Unicorn โช๊กอัพแบบสตรัทปรับเกลียว (Coil Over Shock) พร้อม Sub-tank จาก Hot Bits และยางขนาดใหญ่ 37 นิ้ว ส่องสว่างเหนือใครกับสปอตไลท์จาก Light Force พร้อมด้วย Winch, Snorkel และ Mud Guard สวยงาม ดุดัน - อีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ รุ่นใหม่หมด! ยานยนต์เหนือระดับที่เกิดจากผลลัพธ์แห่งความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ท้าทายทุกสายตาที่จับจ้องกับดีไซน์พิเศษเจาะใจวัยรุ่น ด้วย Car Wrapping สีฟ้าคาดดำ สุดเท่ พร้อมชุดโหลดช่วงล่างด้านหน้าแบบสตรัทปรับเกลียว (Coil Over Shock) จาก Hot Bits และชุดปรับช่วงล่างด้านหลัง เพิ่มความสปอร์ตด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางขนาด 305/45 R22 ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ของไลฟ์สไตล์คนทันสมัย ให้ความเท่สะใจ และความปลอดภัยสูงสุด - อีซูซุมิว-เซเว่น ช้อยส์” รุ่นพิเศษ Premium Sound by Kenwood จำนวนจำกัดเพียง 300 คัน ที่สุดแห่งยนตรกรรมอัจฉริยะแห่งยุค ครบครันด้วยสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ ให้มิติเสียงระดับ Hi-end ด้วยชุดลำโพงคู่หน้าแบบแยกชิ้นพร้อมซับวูฟเฟอร์ เพลิดเพลินกับทีวีจอกลางขนาดใหญ่สุด 10.2 นิ้ว และเพิ่มความ อุ่นใจด้วยชุดอัพเกรดกุญแจรีโมทให้เป็นสัญญาณกันขโมยอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ... ภายในบูธยังบรรจุความล้ำสมัยเอาใจคนรุ่นใหม่ ด้วยโซน Synergic Social Network เพื่อแชร์ความสนุกและอัพเดทตัวคุณกับเพื่อนในโลกออนไลน์ด้วย Facebook พร้อมศิลปินดาราและคนบันเทิงที่ผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมพบปะและเล่นเกมสร้างความสุขกันทุกวันตลอดงาน ชมโชว์สุดตระการตาของ Cover Dance ระดับแชมป์ที่เต็มไปด้วยความน่ารัก เซ็กซี่ และพลาดไม่ได้กับแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษ “I WANNA DRIVE . . . TO THE MAX!” โดยเหล่าสาว Isuzu Allure Girl พร้อมเชิญชวนผู้เข้าชมงานมอเตอร์โชว์ร่วมสนุกกับ Isuzu Photo Contest ถ่ายภาพรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” ประชันคู่กับสาวสวย (Isuzu Lady หรือ Isuzu Allure Girl) หรือภาพความทรงจำดีๆ ในบริเวณบูธอีซูซุภายในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 เพื่อลุ้นรับรางวัลกล้องถ่ายรูป FUJI รุ่น X100, กล้องถ่ายรูป Nikon 1 รุ่น J1 และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและประกาศผลได้ที่ Facebook : All-New ISUZU D-Max หรือ www.allnewisuzud-max.com ร่วมสัมผัสและท่องไปในโลกแห่งยานยนต์คุณภาพกับ “อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด!” และตื่นตาไปกับทุกอรรถรสแห่งความล้ำสมัยได้ที่บูธอีซูซุ ในงานบางกอกอินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน ศกนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:49
*ชักธงเป็นผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคชูจุดเด่นดีไซน์โฉบเฉี่ยวมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
*สมรรถนะการขับขี่และความปลอดภัยเหนือชั้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
(กรุงเทพฯ 21 มีนาคม 2555) บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความพร้อม ชู “All New Suzuki Swift” เติมเต็มสมรรถนะและความปลอดภัยเหนือชั้น ที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย วันที่ 21 มีนาคม พร้อมจับมือดีลเลอร์ทุกแห่งทั่วประเทศ ได้ฤกษ์เปิดขาย 22 มีนาคม นี้
มร. ทาคายูคิ ซูกิยามา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิได้พัฒนา ซูซูกิ สวิฟท์ ให้เป็นรถกลยุทธ ในกลุ่มคอมแพคคาร์แฮชแบค (World Strategic Compact Hatchback Model) นวัตกรรมระดับโลก ที่มียอดจำหน่ายกว่า 2 ล้านคัน ในกว่า 120 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป อินเดีย และจีน นับตั้งแต่ซูซูกิเปิดตัวรถรุ่นนี้ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547
ซูซูกิได้เริ่มเปิดตัวทำตลาด ซูซูกิ สวิฟท์ ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 ซึ่ง ซูซูกิ สวิฟท์ ได้สร้างชื่อและเรียกเสียงตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ด้วยสมรรถนะที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก รวมไปถึงการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูสปอร์ต ขนาดกะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานจริง และความสะดวกสบายที่ผู้ขับขี่จะได้รับตลอดการเดินทางมร. นาโอยูกิ ทาเคอุจิ ผู้ดูแลสายการผลิต และหัวหน้า วิศวกร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “All New Suzuki Swift” ที่เปิดตัวใหม่ในครั้งนี้ ยังคงไว้ซึ่งรูปโฉมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนยังคงจดจำได้เสมอ และได้รับการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยว ผสานกับเส้นสายการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร และยังให้ความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่อีกด้วย นอกจากนี้ ซูซูกิยังได้พัฒนาให้รถมีน้ำหนักที่เบาลง แต่มีตัวถังและโครงสร้างใหม่ที่แข็งแรงขึ้น เครื่องยนต์ใหม่มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย ระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบ Sub-transmission ตอกย้ำความเป็น Suzuki Swift ที่ให้ความรื่นรมณ์ทุกครั้งที่ได้เห็นและขับขี่
นอกจากนี้ All New Suzuki Swift ยังผ่านคุณสมบัติตามมาตรฐานอีโคคาร์ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการประหยัดพลังงาน มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยน้อยกว่า 5 ลิตร/100 กม. (หรือประหยัดน้ำมันเฉลี่ยมากกว่า 20 กม./ลิตร) ตามมาตรฐานทางเทคนิค UNECE Reg. 101, Rev.1 Combine Mode, ด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับยูโร 4 ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 83, Rev.2 (2005), และมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัม/กม. ตามมาตรฐานทางเทคนิค UNECE Reg. 101, Rev.1, ด้านมาตรฐานความปลอดภัยการชนด้านหน้า มีคุณสมบัติตามมาตรฐานการทดสอบแรงกระแทกด้านหน้า ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 94, Rev.0 และมีคุณสมบัติตามมาตรฐานการทดสอบแรงกระแทกด้านข้าง ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 95, Rev.0
มร. ซูกิยามา กล่าวเสริมว่า ซูซูกิ ได้เริ่มเดินหน้าผลิตรถรุ่นนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ณ โรงงานผลิตแห่งใหม่ล่าสุดในจังหวัดระยอง โดยวางเป้ายอดจำหน่ายที่ 10,000 คัน ภายในปี 2555
ราคาขาย: อ้างอิงใบราคา
คุณสมบัติเด่นของ All New Suzuki Swift
ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสวยงาม
การออกแบบภายนอก: เพิ่มความคล่องตัวปราดเปรียว ดึงดูดความรู้สึก ดูโฉบเฉี่ยว
การออกแบบด้านหน้า มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้มีความโค้ง แบบ U-shape บ่งบอกถึงปราดเปรียวคล่องตัว
กระจกรถดีไซน์อย่างกลมกลืนจากด้านหน้าไปถึงด้านข้าง
ไฟหน้าแนวตั้งขนาดใหญ่ และไฟท้าย เชื่อมรับกับ Shoulder Line ที่สวยงามมีบุคลิก
ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ มาพร้อมกับชุดไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบฮาโลเจน (เฉพาะรุ่น GLX)
ซุ้มล้อขนาดใหญ่ด้านหน้าและด้านหลังตอกย้ำความคล่องแคล่วปราดเปรียว ล้อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกโดดเด่น (ล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบดีไซน์พิเศษ ใน รุ่น GA และ GL, ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สวยสง่างาม ในรุ่น GLX)
มีให้เลือก 7 สี คือ สีขาว (Snow White Pearl), สีแดง (Ablaze Red Pearl), สีฟ้า (Boost Blue Pearl Metallic), สีส้ม (Sunlight Copper Pearl Metallic), สีดำ (Super Black Pearl), สีเทา (Mineral Gray Metallic) และ สีเงิน (Star Silver Metallic)
การออกแบบภายใน: เพิ่มดีกรีความสปอร์ต ใหม่ทุกมุมมองและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ภายในสไตล์สปอร์ต โดดเด่นแตกต่าง ด้วยคอนโซลโทนสีดำตัดกับสีเงิน
จอแสดงผลบริเวณมาตรวัด ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ขับขี่ คันเกียร์และสวิทช์ต่างๆ ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่
พวงมาลัยหุ้มหนัง มาพร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย (เฉพาะรุ่น GLX)
ผสานระบบขับเคลื่อนเต็มประสิทธิภาพ และการประหยัดน้ำมัน
ใช้เหล็กที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ช่วยให้โครงสร้างตัวถังรถมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและมีน้ำหนักเบา
ฐานล้อขยายกว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร และ ระยะห่างระหว่างล้อกว้างขึ้น ช่วยเพิ่มสมรรถนะและเสถียรภาพในการขับขี่ทั้งขณะขับขี่ทางตรงและเลี้ยวโค้ง
น้ำหนักของตัวรถที่เบาลง และมีความทนทานต่อแรงบิด ส่งให้รถมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ควบคู่ไปกับความประหยัด
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง และ ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ผ่านการทดสอบบนถนนที่มีสภาพพื้นผิวหลากหลายในยุโรป
ระบบบังคับพวงมาลัยใหม่ ทำงานสัมพันธ์กับอัตราทดเกียร์ ออกแบบมาเพื่อควบคุมองศายางตามการทำงานของพวงมาลัย
ระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการการประหยัดน้ำมันในช่วงความเร็วต่ำและกลาง และให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีในทุกช่วงความเร็ว
เกียร์ CVT ใหม่ พร้อมกลไก Sub-transmission ทั้งเกียร์สูงและเกียร์ต่ำ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจากช่วงความเร็วที่ศูนย์ถึงช่วงความเร็วสูง
ควบคุมการขับขี่ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย ครบครันด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัย
ระบบ Keyless Push Start ช่วยให้สตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ (เฉพาะรุ่น GL และรุ่น GLX)
พวงมาลัยแบบ Tile-steering ปรับระดับขึ้น-ลงได้ ในระยะ 40 มิลลิเมตร (ทุกรุ่น) และเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษแบบ Telescopic ปรับระยะหน้า-หลังได้ ในระยะ 36 มิลลิเมตร (เฉพาะรุ่น GL และ GLX)
เบาะนั่งใหม่ ปรับระยะขึ้นลงได้ 32 มิลลิเมตร และปรับสไลด์ได้ 24 ระดับ ช่วยปรับตำแหน่งในการขับขี่ให้เหมาะสมและสะดวกสบายที่สุดแก่ผู้ขับขี่
เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้ 60:40 แยกอิสระ ปรับพับได้หลายแบบ สะดวกสบายเมื่อต้องบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวหรือมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.8 เมตร (ล้อขนาด 15 นิ้ว รุ่น GA, GL) และ รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร (ล้อขนาด 16 นิ้ว รุ่น GLX)
ถุงลมนิรภัย SRS ด้านคนขับเพิ่มความปลอดภัย มีในรถทุกรุ่น เพิ่มความปลอดภัยอีกระดับในรุ่น GLX ด้วยถุงลมนิรภัย SRS ทั้งด้านคนขับและด้านผู้โดยสาร (เฉพาะรุ่น GLX)
ฟังก์ชั่น ABS พร้อม EBD ป้องกันล้อล็อค เมื่อเบรคกะทันหัน และช่วยในการหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวาง เสริมด้วยฟังก์ชั่นช่วยเบรคช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรค มี EBD ช่วยกระจายแรงเบรคอย่างเหมาะสมไปยังล้อหน้าและล้อหลัง
เสาอากาศบนหลังคา ออกแบบมาอย่างสวยงามลงตัว
กระจกมองข้าง ออกแบบสไตล์สปอร์ต พร้อมไฟเลี้ยว (เฉพาะรุ่น GLX)
ที่ปัดน้ำฝนด้านหลังและหัวฉีดน้ำล้างกระจก เพิ่มทัศนวิสัยในการมอง ในภาวะฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติช่วยควบคุมอุณหภูมิ แรงลม และ การหมุนเวียนอากาศ เพื่อรักษาอุณหภูมิในห้องโดยสาร ให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตลอดระยะเวลาการเดินทาง (เฉพาะรุ่น GLX) และ ระบบปรับอากาศแบบ Manual ใช้งานง่าย (ในรุ่น GA, GL)
ชุดเครื่องเสียง พร้อมช่อง USB สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเสียงดิจิตอล (เฉพาะรุ่น GL, GLX)
โครงสร้างตัวรถใหม่ ช่วยลดการสั่นสะเทือน พร้อมวัสดุกันขอบประตูสองชั้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณเตือนภัยราคา The all new Suzuki Swift
รุ่น | ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค | เกรด | ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
SWIFT | 1242 ซีซี ระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT | GA | 469,000 |
GL | 507,000 |
GLX | 559,000 |
เพิ่ม 5,000 บาท สำหรับสีขาว Snow White Pearl
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:47
กรุงเทพฯ – ปัจจุบันการให้บริการซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ในประเทศไทยยังคงเป็นรูปแบบเดิมที่ใช้ระยะเวลาในการซ่อมนานกว่า 3-4 วัน ซึ่งถือว่ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ได้อย่างเต็มที่SBRAND จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าในการให้บริการซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
SBRAND ศูนย์ซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ ก่อตั้งและบริหารงานโดยนายประณัย พรประภา กรรมการผู้จัดการบริษัท สยาม เอสแบรนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ SBRAND JAPAN Co., Ltd. ให้บริการเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ โดยใช้นวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานในประเทศญี่ปุ่น โดยนายประณัยได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการยกระดับมาตรฐานการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ในประเทศไทยให้มีมาตรฐานระดับสากลและยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการซ่อมโดยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงภายในระยะเวลาการซ่อมที่รวดเร็ว อีกทั้งยังมั่นใจว่า ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ SBRAND จะได้รับความพึงพอใจและประสบการณ์การซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ที่แตกต่างจากเดิมอย่างแน่นอน
นายประณัย กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ SBRAND ต่างจากศูนย์บริการอื่นๆ นั่นคือ ความสามารถในการซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ที่เร็วกว่าถึง 20 เท่า โดยใช้เวลาในการซ่อมเร็วสุด 60 นาที ด้วยการซ่อมแบบ microREPAIRซึ่งเป็นการซ่อมเฉพาะบริเวณที่เกิดความเสียหายโดยไม่ต้องถอดแยกชิ้นส่วนในระหว่างการซ่อม ทำให้หมดปัญหาเรื่องการประกอบชิ้นส่วนที่อาจกลับมาไม่เหมือนเดิม และระบบ UV Flash system คือการฉายแสง UV Flashไปยังบริเวณที่ซ่อมเพื่อย่นระยะเวลาการซ่อมให้เร็วขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ SBRAND ไม่เคยมองข้าม คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ DuPont ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพอันดับ 1 ของโลกที่ใช้กับรถยนต์ชั้นนำเท่านั้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ SBRAND สามารถรองรับการบริการได้ถึงกว่า 500 คันต่อเดือน ถือเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว
นอกจากประสิทธิภาพของเทคโนโลยีแล้ว ศักยภาพของช่างก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้คุณภาพการซ่อม ดีที่สุดทุกขั้นตอน การซ่อมและการควบคุมคุณภาพจึงดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น และช่างชาวไทยที่ผ่านการรับรองการฝึกทักษะจาก SBRAND ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้งานซ่อมรถทุกคันมีคุณภาพสูงสุดก่อนส่งถึงมือลูกค้า นอกจากนี้การรับประกันคุณภาพงานซ่อมและรับงานเคลมประกันของทุกบริษัท ยังเป็นอีกหนึ่งความสะดวกที่ SBRAND ตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกท่าน เพื่อการเป็นผู้นำด้านการให้บริการซ่อมบำรุงสีและตัวถัง รถยนต์ในประเทศไทย
นายประณัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “SBRAND ใช้งบลงทุนไปประมาณ 40-50 ล้านบาท ส่วนงบประมาณการตลาดสำหรับปี 2012 นี้ เราตั้งไว้ที่ 5 ล้านบาท โดยแผนการตลาดจะเน้นเรื่องการสร้างการรับรู้เป็นหลัก จึงมุ่งไปที่การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และสื่อออนไลน์ ผ่านจุดขายหลัก 3 ประเด็นคือ สะดวกรวดเร็ว (Quick) คุณภาพสูง (High Quality) และราคาที่เหมาะสม (Affordable Price)ส่วนกลยุทธ์อื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้การประชาสัมพันธ์นั้นคือ Word of Mouth หรือการบอกต่อจากลูกค้าที่เคยมาใช้บริการ การเข้าร่วมกับองค์กรต่างๆ (partnership) อาทิ บริษัทประกันภัยชั้นนำ ศูนย์ซ่อมรถชั้นนำ และการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ต่างๆ ทางด้านกลุ่มเป้าหมายของ SBRAND นั้นคือ กลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถยนต์และผู้ที่สนใจในเรื่องรถยนต์โดยตรง รวมไปถึงผู้ใช้รถยนต์ที่ซื้อรถมาจาก Grey Market เพราะลูกค้าเหล่านี้ไม่สามารถนำรถเข้าศูนย์รถยนต์ของแต่ละยี่ห้อได้ ส่วนคู่แข่งของเราก็จะเป็นศูนย์บริการรถยนต์ทุกยี่ห้อ และอู่ซ่อมสี/ตัวถังรถยนต์ทั่วไป
ในด้านราคานั้น นอกจากจะถูกกว่า SBRAND ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากค่าแรงของบ้านเราถูกกว่าแล้ว ยังถูกกว่าศูนย์รถยุโรปถึง 30-40% โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 30 ล้านบาทภายในปี 2555 เราคาดว่าจะสามารถคืนทุนภายใน 6 ปี และหลังจากการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆเพิ่มเติมภายใน 2 ปี SBRAND มีแผนจะขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ คิดว่าจะขยายสาขาออกไปอีกกว่า 15 สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล จากเดิมที่มีอยู่แล้ว2 สาขาคือ ที่ถนนศรีนครินทร์และสาขาปทุมวัน (โรงแรม Siam@Siam) รวมไปถึงการเพิ่มรูปแบบการใช้บริการในส่วนของบริการล้างรถ บริการเคลือบสีรถ (Royal Quartz) และการให้บริการแบบ Delivery”
SBRAND เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ที่ บริษัทสยาม เอสแบรนด์ จำกัด โทร. 02 721 3111, 084 713 3077 หรือwww.sbrand.co.th