พร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้
ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป เพิ่มศักยภาพการบริหารครบวงจรพร้อมชูคอนเซ็ปต์ “ยูม่า เน็กซ์” ก้าวสู่ความเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า...สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
Posted by Contemporary industry
Posted on 23:12
ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายยนตกรรมหรูแบรนด์ บราบัส วิสแมน และไนท์เอฟเอฟ และนำเข้ายนตกรรมหรูระดับซุ ปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ พร้อมเปิดกลยุทธ์กลางปี 2555 เพิ่มศักยภาพการบริหารผ่ านคอนเซ็ปต์ “ยูม่า เน็กซ์”(YUMA NEXT) หรือ“ก้าวใหม่ของยูม่า” ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคย้ ำจุดยืนหลัก “ที่หนึ่งในใจลูกค้า...สู่ การเติบโตอย่างยั่งยืน” พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพการบริ หารการขาย และการวางแผนธุรกิจการนำเข้าผลิ ตภัณฑ์ รวมถึงการบริการหลังการขาย และศูนย์บริการครบวงจรโดยช่างผู ้เชี่ยวชาญพร้อมเทคโนโลยีเต็มรู ปแบบ ทุ่มงบลงทุนผลักดันความสำเร็จปี 2555 มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
o ภาพรวมตลาดรถยนต์ประเภทพรีเมียม คาร์ และซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์
o การบริหารกลยุทธ์การตลาด การวางแผนพัฒนาธุรกิจ
o การบริการหลังการขาย และศูนย์บริการเต็มรูปแบบ
o การบริหารกลยุทธ์การนำเข้าผลิ ตภัณฑ์
o การบริหารการจัดจำหน่าย
นายยศวัจน์ ถิรพรสวัสดิ์ – ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และบริการ บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายยนตกรรมหรูแบรนด์ บราบัส วิสแมน และไนท์ เอฟเอฟ และนำเข้ายนตกรรมหรูระดับซุ ปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ กล่าวว่า “หลังจากบริษัท ยูมา มอเตอร์ส จำกัด ดำเนินธุรกิจมากว่า 3 ปี บริษัทฯ เห็นว่าตลาดรถเฉพาะกลุ่ มประเภทรถซุปเปอร์ คาร์ และลักชัวร์รี่ คาร์ มีการเติบโต และได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่ องจากกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอ็น ด์ โดย 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้ นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการก้าวเข้าสู่ความแข็ งแกร่งด้านการบริหารจัดการที่ ครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้ น บริษัท จึงทำการเปลี่ยนชื่อจาก บริษัท ยูมา มอเตอร์ส จำกัด (เดิม)เป็น บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด (ใหม่)
พร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้ างการบริหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารทั ้งด้านกลยุทธ์การตลาด และการขาย รวมถึงกลยุทธ์การนำเข้ ายนตกรรมที่จะตอบโจทย์ความต้ องการของลูกค้าสูงสุด และเพื่อเสริมประสิทธิภาพของศู นย์บริการ และบริการหลังการขายให้มีความทั นสมัยก้าวนำเทคโนโลยีของรถยนต์ ระดับซุปเปอร์ลักชัวร์รี่ คาร์ ทุกประเภทให้สอดคล้องกั บสถานการณ์ และความต้องการของตลาดในปัจจุบั น ในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้างบ ริหารใหม่ และการเปลี่ยนชื่อของบริษัทฯ เป็นการดำเนินงานตามแนวคิด “ยูม่า เน็กซ์” (YUMA NEXT) เพื่อให้แบรนด์ยูม่าก้าวสู่ ความเป็น ที่หนึ่งในใจลูกค้า...สู่การเติ บโตอย่างยั่งยืน “เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยการปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาสู่การเปลี่ ยนแปลงในทิศทางที่ดี ลูกค้าสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ ยนแปลงทั้งด้านสินค้า บริการ ภายใต้แบรนด์ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป รวมถึงเพื่อให้มีความชัดเจนด้ านการบริหาร มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือซึ่งจะสามารถสร้ างความมั่นใจ และดึงดูดให้ลูกค้าเลือกใช้สิ นค้า และบริการมากขึ้น”
พร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้
ยูม่า เน็กซ์ (YUMA NEXT)
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิ จของ ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป ภายใต้แนวคิด “ยูม่า เน็กซ์” (YUMA NEXT) จะมุ่งเน้นไปที่การบริหารธุรกิ จให้เติบโตอย่างยั่งยืนรวมถึงกา รสร้างความน่าเชื่อถือผ่ านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่ สุดอันดับหนึ่งสำหรับยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป คือ การบริการ และความน่าเชื่อถือซึ่งเรามุ่ งมั่นเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุ ดสำหรับลูกค้า ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการสนั บสนุนเป็นอย่างดีทำให้ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป คงความเป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์ชั้นนำที่อยู่ในใจของผู้บริโภค ตลอดจนสามารถสร้างธุรกิจให้เติ บโตได้อย่างยั่งยืน และยังมุ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายร ถยนต์ระดับซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ในตลาดไฮเอ็นด์อย่างต่อเนื่ องเพื่อให้ธุรกิจเป็นตามเป้ าหมายที่วางไว้
ด้านภาพรวมของตลาดรถยนต์ประเภทซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ซึ่งถือเป็นตลาดไฮเอ็นด์ที่ยั งคงมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่ างต่อเนื่องจากปัจจัยบวกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในรอบปี ที่ผ่านมาโดยอัตราแลกเปลี่ยนเงิ นยูโรในภาคพื้นยุโรปอ่อนค่าลงส่ งผลดีต่อราคาต้นทุนรวมของรถยนต์ จากยุโรปทำให้รถมีระดับราคาที่ สมเหตุสมผลมากกว่าอดีต และเนื่องจากรถยนต์โมเดลใหม่ ของรถซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ ยนโมเดลใหม่ทดแทนรุ่นเก่ารวมถึ งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และระหว่างช่วงของการเปลี่ ยนแปลงโมเดลเป็นธรรมชาติของผู้ ใช้รถที่จะต้องการเปลี่ยนรถเพื่ อนำไปใช้งาน หรือเลือกซื้อเพื่อสะสม ดังนั้นตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ นำเข้าที่สามารถตอบสนองความต้ องการของลูกค้าได้ทันที มีความเชี่ยวชาญในการสั่งซื้ อและนำเข้า และสามารถส่งมอบรถใหม่ได้อย่ างรวดเร็วจะถือเป็ นโอกาสในการสร้างความโดดเด่น และเนื่องจากยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านการนำเข้ า และการส่งมอบรถยนต์รุ่นใหม่ให้ กับลูกค้าได้ตามความต้ องการทำให้ปีที่ผ่านมาบริษั ทสามารถทำยอดขายได้ 120 คัน หรือมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นรถระดับพรีเมียม คาร์ และรถซุปเปอร์ คาร์ ที่มีราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป และในปี 2555 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท
การบริหารการตลาด และการวางแผนพัฒนาธุรกิจ
สำหรับกลยุทธ์การตลาดปี 2555 หลังจากการปรับโครงสร้างการบริ หารจัดการบริษัทฯ มุ่งให้ทุกกลยุทธ์มีความสอดคล้ องกับ คอนเซ็ปต์ "ยูม่า เน็กซ์" หรือ ”ก้าวใหม่ของยูม่า” ทั้งด้านการขยายโชว์รูมและศูนย์ บริการเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเตรียมวางแผนเปิดโชว์รู มและศูนย์บริการเพิ่มอีก 1 แห่งในกรุงเทพมหานคร คือย่านบางนา และในอนาคตวางแผนขยายเพิ่มในต่ างจังหวัดอีก 2แห่ง โดยเลือกจังหวัดที่เป็นหัวเมื องใหญ่ เช่น จังหวัดภูเก็ต และอุดรธานี เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของเราส่ วนใหญ่มีบ้าน หรือที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดั งกล่าว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึ งโชว์รูมได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นบริเวณที่มี การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่ อเนื่อง
นอกจากการขยายโชว์รูมและศูนย์ บริการ ในปีนี้บริษัทฯ เน้นกิจกรรมส่งเสริ มการขายโดยการเพิ่มกิ จกรรมโรดโชว์ให้มีความถี่ยิ่งขึ้นเพื่อโปรโมททั้งสินค้า บริการ และภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้ างความสัมพันธ์อันดีแก่ลูกค้า (Customer Relation Management-CRM) ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าร่วมได้ ตลอดทั้งปี ซึ่งจะแยกเป็นกิจกรรมตามกลุ่ มเป้าหมาย อาทิ กิจกรรมสำหรับลูกค้า เช่น Yuma Motors Supra Driving Experience, Caravan Yuma Club และ Once Upon A Time with Yuma The Concert ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนอกจากจะเป็ นการเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างบริ ษัทฯ กับลูกค้าแล้วยังจะเป็นการเพิ่ มความสนิทสนมระหว่างลูกค้าต่อลู กค้าด้วย โดยบริษัทฯ จัดสรรงบประมาณการพัฒนาธุรกิจ และงบการตลาดรวม 40 ล้านบาท ในปี 2555 นี้
กลยุทธ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์
นายพชร ลิ้มปัญญากุล - ผู้อำนวยการฝ่ายนำเข้าผลิตภัณฑ์ และการเงิน บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ถือเป็นตัวแทนจำหน่ายยนตรกรรมรา ยใหญ่เพียงรายเดียวในตลาดที่ จำหน่ายยนตรกรรมระดับซุปเปอร์ลักชัวร์รี่ คาร์ หรือรถยนต์กลุ่มไฮเอ็นด์ครบวงจร และมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ครองใจลูกค้าด้วยคุณภาพของสินค้ าที่ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุ ด โดยสามารถนำรถที่เพิ่งเปิดตั วเข้ามาจำหน่ายในเวลาอันรวดเร็ว เช่น รุ่น 991 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเลต ที่นำเข้าและส่งมอบเป็ นรายแรกของประเทศ ซึ่งระยะเวลาการสั่งซื้ อและการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้ าถือเป็นจุดเด่นด้ านการตลาดของบริษัท
การเลือกนำเข้ารถยนต์แต่ ละประเภทบริษัทฯ จะวิเคราะห์ความต้องการของผู้ บริโภคผ่านเทรนด์การเลือกซื้ อรถของลูกค้าเก่าที่เคยซื้ อรถจากยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป และวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่ กำลังตัดสินใจซื้อให้มี ความสอดคล้องกับรถในโมเดลต่างๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในแต่ละช่ วงของปี มีการวิเคราะห์ด้านดีไซน์ สมรรถนะของเครื่องยนต์ เทคโนโลยีต่างๆ รวมทั้งการเลือกสีทั้งภายใน และภายนอกตัวรถตามรสนิยมของลู กค้าในประเทศที่มีความแตกต่างกั น และในปี 2555 นี้ ตลาดรถยนต์ซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่ องโดยในไตรมาสแรกมีการเปิดตัว 991 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเลต ในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ ซึ่งยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ปได้นำเข้า และส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้วถึง 11คัน และหลังจากนี้จะมียนตกรรมอาทิ Porsche New Boxster, Brabus SL และBrabus ML เริ่มทยอยเปิดตัวไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งบริษัทฯ สามารถเจรจากับเจ้าของแบรนด์เพื ่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้ เป็นรายแรกๆ และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลู กค้าอย่างแน่นอน
การบริหารการจัดจำหน่าย
นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า” เนื่องจากรถยนต์ที่บริษัทฯ นำเข้ามาจำหน่ายส่วนใหญ่มี ความแตกต่าง ซึ่งบางรุ่นเป็นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่ผลิตเพียงไม่กี่คั นทั่วโลก ดังนั้นลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ หรือนักสะสมมักทราบกันดีว่าจะมี การผลิตหรือนำเข้ามาในช่ วงเวลาใด ส่วนรถพรีเมี่ยม คาร์ หรือซุปเปอร์ ลักชัวร์รี่ คาร์ประเภทอื่น บริษัทเน้นความรวดเร็ วของการนำเข้า และการส่งมอบ ดังนั้นในส่วนของการขายเรามั่ นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้ องการด้านผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้ าได้ทันท่วงที ซึ่งโดยทั่วไปสำหรับลูกค้าที่สั ่งจองรถ บริษัทจะทำการขนส่งโดยเครื่องบิ น (Air freight) ซึ่งจะสามารถส่งมอบรถให้กับลู กค้าได้ในระยะเวลาเพียง 3 วัน นับจากวันที่ลูกค้าสั่งจอง
การบริการหลังการขาย และศูนย์บริการ
ยูม่า มอเตอร์ส กรุ๊ป มีการให้บริการหลั งการขายแบบครบวงจรด้วยเครื่องมื อเฉพาะของรถยนต์แต่ละประเภท ผนวกกับความเชี่ยวชาญของพันธมิ ตรจากประเทศผู้ผลิตที่ถ่ ายทอดเทคนิค และฝึกอบรมช่างอย่างต่อเนื่อง เช่น บราบัสได้มีการทำงานร่วมกับยูม่ า มอเตอร์ส กรุ๊ป อย่างใกล้ชิดโดยมีเจ้าหน้าที่ผู ้เชี่ยวชาญบินตรงมาให้ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีในทุกๆ ไตรมาส ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเรามีการพั ฒนาด้านการบริการหลังการขายและก ารซ่อมบำรุงตามมาตรฐานสูงสุดที่ กำหนดไว้ “บริการหลังการขายเป็นหัวใจสำคั ญสำหรับธุรกิจรถยนต์ทุกประเภท เทคโนโลยีของเครื่องมือ และความเชี่ยวชาญของช่างผู้ ชำนาญการเป็นปัจจัยหลั กของการสร้างความไว้วางใจ และเกิดการซื้อซ้ำ-ใช้ซ้ำ อย่างต่อเนื่อง” นายยศวัจน์ กล่าวเสริม
“กลุ่มสิทธิผล วีแคร์” ชวนเยาวชนรักษ์ทะเลไทย ติวเข้มดำน้ำแบบสกูบ้า เรียนรู้ธรรมชาติฝั่งอันดามัน
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:28
เป็นปีที่ 3 แล้วสำหรับ “กลุ่มสิทธิผล วีแคร์” ที่เข้ามาสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อเยาวชนไทยกับโครงการเยาวชน สัมผัสชีวิตใต้ท้องทะเลไทยรุ่ นที่ 10 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2555 โดยคุณวิชัย กิ่งชา ผู้อำนวยการโครงการ “กลุ่มสิทธิผล วีแคร์” เผยว่า “ปีนี้เรายังคงผนึกกับพันธมิ ตรที่เหนียวแน่นจากมูลนิธิเพื่ อทะเล และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้ างเสริมสุขภาพ (สสส.)โดยทีมงานต่างทุ่ มเทแรงกายแรงใจเพื่อหวังว่ากิ จกรรมดังกล่าวจะเกิดประโยชน์สู งสุดแก่เยาวชนในช่วงปิดภาคเรี ยนฤดูร้อน พร้อมปลูกจิตสำนึกคนรุ่นใหม่ให้ ใส่ใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น”
วันแรกของการเดินทางเยาวชนทั้ง 33 คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากผลงานเรี ยงความหัวข้อ “ช่วยโลก ช่วยเรา” แล้วผ่านทดสอบว่ายน้ำได้ โดยสารรถไฟจากสถานีหัวลำโพงมุ่ งหน้าสู่จังหวัดตรังถึงแม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนอบอ้ าวและต้องใช้ระยะเวลาเดินทางกว่ า 10 ชั่วโมง แต่เด็กๆ กลับเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่ ได้เจอเพื่อนใหม่รวมถึงตื่นเต้ นกับประสบการณ์เรียนดำน้ำแบบสกู บ้า (Scuba) ครั้งแรกในชีวิต
เมื่อเดินทางถึงจุดหมายสิ่ งแรกที่เยาวชนได้เรียนรู้ คือ การฝึกอยู่ร่วมกับผู้อื่นตลอดระ ยะเวลา 7 วันในค่ายแห่งนี้นอกเหนือจากหลักสูตรเรียนดำน้ำภ าคทฤษฏีและภาคปฏิบัติอย่างเข้ มข้นแล้ว ครูพี่เลี้ยงต่ างสอดแทรกสาระความรู้เกี่ยวกั บปลาทะเลและปะการังประเภทต่างๆ
รวมถึงได้รับเกียรติจากคุณสาทิ ตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรั ฐมนตรี ซึ่งพื้นเพเป็นคนจังหวัดตรังที่ ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรั พยากรธรรมชาติมาโดยตลอดร่วมเป็ นวิทยากรพิเศษบรรยายเกี่ยวกั บระบบนิเวศน์ตลอดจนความสมบูรณ์ ของหญ้าทะเลและการดำรงชีวิตของพ ะยูนฝั่งทะเลอันดามัน
เพื่อให้เข้าใจปัญหาทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในวันสุ ดท้ายก่อนเดินทางกลับกลุ่ มเยาวชนได้ร่วมลงเรือฝึกปฏิบัติ ภาคทะเลที่เกาะรอกเพื่อดำน้ำสำร วจดูปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวอั นเกิดจากน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ ้นผิดปกติ ซึ่งสภาพปัญหาดังกล่าวจัดว่าอยู่ในระดับที่รุนแรงของทะเลไทย
“กลุ่มสิทธิผล วีแคร์” หวังว่าโครงการดีๆ แบบนี้ จะช่วยสร้างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ ที่มีหัวใจรักและหวงแหนท้ องทะเลไทย ก่อเกิดมิตรภาพใหม่ที่จะร่วมเป็ นอีกหนึ่งพลังฟื้นฟู โลกของเราให้สดใสอีกครั้ง.
ฮอนด้าเปิดตัว ซีวิค โฉมใหม่ ชูเทคโนโลยีล้ำยุค พร้อมตั้งเป้าขาย 35,000 คัน
Posted by Contemporary industry
Posted on 05:10
• ล้ำยุคด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ i-MID, Eco Assist และปุ่ม ECON พร้อมด้วยห้องโดยสารดีไซน์ ล้ำสมัยแบบ Futuristic Cockpit
• ซีวิค โฉมใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอล E85 ได้
• ราคาเริ่มต้นเพียง 773,000 บาท เปิดจองแล้ววันนี้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
10 พฤษภาคม 2555 - บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการปรับโฉมตลอดทั้งคันเน้นทุกรายละเอียดสู่ความสมบูรณ์แบบ รวบรวมความโดดเด่นของซีวิคแต่ละเจนเนอเรชั่นที่ลูกค้าทั่วโลกชื่นชอบมาไว้ในซีวิครุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งดีไซน์ เฉียบคมล้ำยุค ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นรุ่นแรกของฮอนด้าที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอล E85 มีจำหน่าย 5 รุ่น ราคาตั้งแต่ 773,000 ถึง 1,124,000 บาท ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,000 คันในหนึ่งปี
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เคียงคู่กับธุรกิจฮอนด้าทั่วโลก มายาวนานกว่า 40 ปี และเป็นนวัตกรรมยานยนต์รุ่นแรกๆ ที่ฮอนด้านำสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 1972 จนถึงปี 2011 โดยยอดจำหน่ายรวมทั่วโลกของฮอนด้า ซีวิค สูงกว่า 20,700,000 คัน”
ผลจากความมุ่งมั่นพัฒนาของทีมวิศวกรของซีวิคแต่ละรุ่น ที่ยึดถือความต้องการของผู้ใช้รถเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการคิดค้น ส่งผลให้ซีวิคเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่คุ้มค่า ทั้งในเรื่องของสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มีนวัตกรรมที่นำกระแสโลก ทั้งในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ซีวิคกลายเป็น รถยอดนิยมของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกมาโดยตลอด
“ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่นี้เป็นซีวิคเจนเนอเรชั่นที่ 9 ซึ่งได้รวบรวมความโดดเด่นของทุกเจนเนอเรชั่น มาต่อยอด การพัฒนาให้ล้ำสไตล์ด้านดีไซน์ ทั้งภายในและภายนอก ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ให้ความสนุกในการ ขับขี่ จนถึงประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากจุดเด่นในหลายๆ มิตินี้ ทำให้ ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ สามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นรถคอมแพ็คซีดานที่ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งในทุกตลาดที่มีการเปิดตัวไปแล้ว” นายพิทักษ์ กล่าว
ด้าน มร. มิตซูรุ โฮริโกชิ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนาซีวิคใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เปิดเผยว่า การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคใหม่ใช้แนวคิด “เรียบ มีพลัง” ในขณะที่ การออกแบบภายในอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด “ฉลาด ล้ำยุค” เพื่อให้ผู้ขับขี่ซีวิคโฉมใหม่ได้ความรู้สึกเรียบ หรู ทรงพลัง และมีความสนุกในการขับขี่
การออกแบบซีวิคใหม่ในระดับ Top-Class ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
• รูปลักษณ์เฉียบ: การออกแบบภายนอกมีโครงสร้างแบบ Mono form ผสานดีไซน์เฉียบคมทุกเส้นสาย ส่วนดีไซน์ภายในห้องโดยสารมีความล้ำสมัยแบบ Futuristic cockpit
• เทคโนโลยีอัจฉริยะ: ครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่ล้ำหน้า อาทิ หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ หรือ i-MID (Intelligent Multi-Information Display) เป็น smart interface ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบตามความต้องการของผู้ขับขี่ รวมไปถึงระบบ Eco Assist ซึ่งช่วยแนะนำการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน
• ระบบความปลอดภัย: ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ G-Force Control (G-CON) ที่เหนือชั้นของฮอนด้า ซึ่งลดระดับความเสียหายอันเป็นผลมาจากการชน นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานมากมาย เช่น ถุงลมคู่หน้าDual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Assist™ (VSA®) และระบบบังคับเลี้ยวพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงแบบใหม่ (Motion Adaptive Electric Power Steering) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมทิศทางของตัวรถ ได้อย่างแม่นยำ และช่วยลดการเกิดอาการหน้าดื้อโค้งหรือท้ายปัดได้
• เครื่องยนต์: มี 2 รุ่น คือ เครื่องยนต์ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 1.8 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของการลดแรงเสียดทานของชิ้นส่วน มีมลพิษในไอเสียต่ำลง และเพิ่มความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้ ทั้งยังมีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำตามมาตรฐาน EURO4
ฮอนด้า ซีวิค ทุกเจนเนอเรชั่นเป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นล้ำหน้ากว่าผู้อื่น ด้วยดีไซน์ที่เฉียบคม แนวสปอร์ตผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัย สะท้อนบุคลิกของผู้นำเทรนด์ของกลุ่มผู้ใช้ซีวิคมาโดยตลอด และสำหรับฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ ซึ่งมีความล้ำสมัยในทุกองค์ประกอบ สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้นำเทรนด์ในยุคนี้ ที่ให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์หรือเราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Gen-C (Generation of Content)
สำหรับการเผยโฉมอย่างไม่เป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมานั้น ซีวิค โฉมใหม่ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมากจากผู้ชมงานทำให้มียอดจองจากทั่วประเทศก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสูงกว่า 5,000 คัน
สำหรับแคมเปญการตลาด ฮอนด้าได้วางกิจกรรมไว้ครบทุกมิติทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Progressive Soul ทุกรายละเอียดสู่ความสมบูรณ์แบบ” เพื่อสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นถึงการผสานเทคโนโลยีทางยานยนต์อันล้ำสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ ทั้งยังสามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นกว่าใคร โดยภาพยนตร์โฆษณาจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป
ฮอนด้า ซีวิคโฉมใหม่ มีให้เลือก 5 รุ่น ในระดับราคาที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น
• รุ่น 1.8S MT ราคา 773,000 บาท และ 1.8S AT ราคา 828,000 บาท มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ปุ่ม ECON มาตรวัดระบบ MultiplexMeter พร้อมระบบเรืองแสง หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่มีสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง ช่องเชื่อมต่อ USB ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง กุญแจรีโมทมัลติฟังก์ชั่น พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะที่นั่งเป็นเบาะผ้า ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และล้ออัลลอย 15 นิ้ว
• สำหรับรุ่น 1.8E AT ราคา 909,000 บาท และ 1.8 E AT Navi ราคา 964,000 บาท ไฟตัดหมอกคู่หน้า วัสดุหุ้มเบาะเป็นเบาะหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบ มัลติฟังก์ชั่นพร้อมสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ วิทยุ-ซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบนำทางเนวิเกเตอร์พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และกล้องส่องภาพด้านหลัง (เฉพาะรุ่น 1.8 E AT Navi) และล้ออัลลอย 16 นิ้ว
• รุ่น 2.0EL AT Navi ราคา 1,124,000 บาท มีอุปกรณ์โดดเด่นเพิ่มเติมจากรุ่นอื่นๆ อาทิ ไฟหน้าแบบ HIDพร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่นดีวีดีและกล้องส่องภาพด้านหลัง ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ที่มาพร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว
ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาวฟรอสตี้ (เมทัลลิก) และสีน้ำตาลเออร์เบินไทเทเนียม (เมทัลลิก) ซึ่งเป็น 2 สีใหม่ นอกจากนี้ ยังมีสีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโพลิชเมทัล (เมทัลลิก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และ สีขาวทาฟเฟต้า สำหรับสีภายในห้องโดยสาร รุ่น 1.8L จะเป็นสีเบจ และรุ่น 2.0L เป็นสีดำ ลูกค้าที่สนใจสามารถชมรถได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
สำหรับความคาดหวังจากตลาด นายพิทักษ์ กล่าวว่า “ด้วยความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากตลาด และก้าวขึ้นเป็นรถคอมแพคซีดานยอดนิยมในไม่ช้า ดังเช่นที่ผ่านมา โดยเราคาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 35,000 คันภายในหนึ่งปี”
“จากความผูกพันกับสังคมไทยที่มีมายาวนานถึง 48 ปี และน้ำใจที่คนไทยมอบให้กับฮอนด้าในทุกช่วงวิกฤติ ล้วนเป็นพลังที่ผลักดันให้ฮอนด้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และพร้อมที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่มีคุณภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบแทนทุกความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีให้กับฮอนด้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง และคงความเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุด ฮอนด้าขอย้ำพันธสัญญาที่จะอยู่เคียงข้างสังคมไทยตลอดไป ซึ่งนับจากนี้ จากการจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทุกๆ หนึ่งคัน บริษัทจะสมทบ 1,000 บาท เข้ากองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินในยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในอนาคตต่อไป” นายพิทักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด มีโรงงานผลิตตั้งอยู่บนเนื้อที่ 530 ไร่ ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโรงงานฮอนด้าทั่วโลก รองจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดาและสหราชอาณาจักร และเป็นหนึ่งในโรงงานที่ก้าวหน้าที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลกของฮอนด้าทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิต มาตรฐานสิ่งแวดล้อม และการออกแบบสายการผลิตที่เหมาะสมกับการทำงานของพนักงาน ปัจจุบัน มีการจ้างงานพนักงานรวมกว่า 6,400 คน และมีกำลังผลิต 240,000 คันต่อปี ผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ บริโอ้ แจ๊ซ ซิตี้ ซีวิค แอคคอร์ด และซีอาร์-วี สำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 56 ประเทศทั่วโลก
• ซีวิค โฉมใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอล E85 ได้
• ราคาเริ่มต้นเพียง 773,000 บาท เปิดจองแล้ววันนี้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
10 พฤษภาคม 2555 - บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการปรับโฉมตลอดทั้งคันเน้นทุกรายละเอียดสู่ความสมบูรณ์แบบ รวบรวมความโดดเด่นของซีวิคแต่ละเจนเนอเรชั่นที่ลูกค้าทั่วโลกชื่นชอบมาไว้ในซีวิครุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งดีไซน์ เฉียบคมล้ำยุค ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นรุ่นแรกของฮอนด้าที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเอธานอล E85 มีจำหน่าย 5 รุ่น ราคาตั้งแต่ 773,000 ถึง 1,124,000 บาท ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,000 คันในหนึ่งปี
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เคียงคู่กับธุรกิจฮอนด้าทั่วโลก มายาวนานกว่า 40 ปี และเป็นนวัตกรรมยานยนต์รุ่นแรกๆ ที่ฮอนด้านำสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 1972 จนถึงปี 2011 โดยยอดจำหน่ายรวมทั่วโลกของฮอนด้า ซีวิค สูงกว่า 20,700,000 คัน”
ผลจากความมุ่งมั่นพัฒนาของทีมวิศวกรของซีวิคแต่ละรุ่น ที่ยึดถือความต้องการของผู้ใช้รถเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการคิดค้น ส่งผลให้ซีวิคเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่คุ้มค่า ทั้งในเรื่องของสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มีนวัตกรรมที่นำกระแสโลก ทั้งในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ซีวิคกลายเป็น รถยอดนิยมของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกมาโดยตลอด
“ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่นี้เป็นซีวิคเจนเนอเรชั่นที่ 9 ซึ่งได้รวบรวมความโดดเด่นของทุกเจนเนอเรชั่น มาต่อยอด การพัฒนาให้ล้ำสไตล์ด้านดีไซน์ ทั้งภายในและภายนอก ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ให้ความสนุกในการ ขับขี่ จนถึงประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากจุดเด่นในหลายๆ มิตินี้ ทำให้ ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ สามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นรถคอมแพ็คซีดานที่ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งในทุกตลาดที่มีการเปิดตัวไปแล้ว” นายพิทักษ์ กล่าว
ด้าน มร. มิตซูรุ โฮริโกชิ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนาซีวิคใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เปิดเผยว่า การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคใหม่ใช้แนวคิด “เรียบ มีพลัง” ในขณะที่ การออกแบบภายในอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด “ฉลาด ล้ำยุค” เพื่อให้ผู้ขับขี่ซีวิคโฉมใหม่ได้ความรู้สึกเรียบ หรู ทรงพลัง และมีความสนุกในการขับขี่
การออกแบบซีวิคใหม่ในระดับ Top-Class ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
• รูปลักษณ์เฉียบ: การออกแบบภายนอกมีโครงสร้างแบบ Mono form ผสานดีไซน์เฉียบคมทุกเส้นสาย ส่วนดีไซน์ภายในห้องโดยสารมีความล้ำสมัยแบบ Futuristic cockpit
• เทคโนโลยีอัจฉริยะ: ครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่ล้ำหน้า อาทิ หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ หรือ i-MID (Intelligent Multi-Information Display) เป็น smart interface ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบตามความต้องการของผู้ขับขี่ รวมไปถึงระบบ Eco Assist ซึ่งช่วยแนะนำการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน
• เครื่องยนต์: มี 2 รุ่น คือ เครื่องยนต์ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 1.8 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของการลดแรงเสียดทานของชิ้นส่วน มีมลพิษในไอเสียต่ำลง และเพิ่มความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้ ทั้งยังมีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำตามมาตรฐาน EURO4
ฮอนด้า ซีวิค ทุกเจนเนอเรชั่นเป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นล้ำหน้ากว่าผู้อื่น ด้วยดีไซน์ที่เฉียบคม แนวสปอร์ตผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัย สะท้อนบุคลิกของผู้นำเทรนด์ของกลุ่มผู้ใช้ซีวิคมาโดยตลอด และสำหรับฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ ซึ่งมีความล้ำสมัยในทุกองค์ประกอบ สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้นำเทรนด์ในยุคนี้ ที่ให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์หรือเราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Gen-C (Generation of Content)
สำหรับการเผยโฉมอย่างไม่เป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมานั้น ซีวิค โฉมใหม่ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมากจากผู้ชมงานทำให้มียอดจองจากทั่วประเทศก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสูงกว่า 5,000 คัน
สำหรับแคมเปญการตลาด ฮอนด้าได้วางกิจกรรมไว้ครบทุกมิติทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Progressive Soul ทุกรายละเอียดสู่ความสมบูรณ์แบบ” เพื่อสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นถึงการผสานเทคโนโลยีทางยานยนต์อันล้ำสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ ทั้งยังสามารถให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นกว่าใคร โดยภาพยนตร์โฆษณาจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป
• รุ่น 1.8S MT ราคา 773,000 บาท และ 1.8S AT ราคา 828,000 บาท มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ปุ่ม ECON มาตรวัดระบบ MultiplexMeter พร้อมระบบเรืองแสง หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่มีสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง ช่องเชื่อมต่อ USB ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง กุญแจรีโมทมัลติฟังก์ชั่น พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะที่นั่งเป็นเบาะผ้า ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และล้ออัลลอย 15 นิ้ว
• สำหรับรุ่น 1.8E AT ราคา 909,000 บาท และ 1.8 E AT Navi ราคา 964,000 บาท ไฟตัดหมอกคู่หน้า วัสดุหุ้มเบาะเป็นเบาะหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบ มัลติฟังก์ชั่นพร้อมสวิตช์ควบคุมระบบ i-MID และเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ วิทยุ-ซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบนำทางเนวิเกเตอร์พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และกล้องส่องภาพด้านหลัง (เฉพาะรุ่น 1.8 E AT Navi) และล้ออัลลอย 16 นิ้ว
• รุ่น 2.0EL AT Navi ราคา 1,124,000 บาท มีอุปกรณ์โดดเด่นเพิ่มเติมจากรุ่นอื่นๆ อาทิ ไฟหน้าแบบ HIDพร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่นดีวีดีและกล้องส่องภาพด้านหลัง ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ที่มาพร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว
ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาวฟรอสตี้ (เมทัลลิก) และสีน้ำตาลเออร์เบินไทเทเนียม (เมทัลลิก) ซึ่งเป็น 2 สีใหม่ นอกจากนี้ ยังมีสีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโพลิชเมทัล (เมทัลลิก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และ สีขาวทาฟเฟต้า สำหรับสีภายในห้องโดยสาร รุ่น 1.8L จะเป็นสีเบจ และรุ่น 2.0L เป็นสีดำ ลูกค้าที่สนใจสามารถชมรถได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
“จากความผูกพันกับสังคมไทยที่มีมายาวนานถึง 48 ปี และน้ำใจที่คนไทยมอบให้กับฮอนด้าในทุกช่วงวิกฤติ ล้วนเป็นพลังที่ผลักดันให้ฮอนด้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และพร้อมที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่มีคุณภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบแทนทุกความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีให้กับฮอนด้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง และคงความเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุด ฮอนด้าขอย้ำพันธสัญญาที่จะอยู่เคียงข้างสังคมไทยตลอดไป ซึ่งนับจากนี้ จากการจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทุกๆ หนึ่งคัน บริษัทจะสมทบ 1,000 บาท เข้ากองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินในยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในอนาคตต่อไป” นายพิทักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด มีโรงงานผลิตตั้งอยู่บนเนื้อที่ 530 ไร่ ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโรงงานฮอนด้าทั่วโลก รองจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดาและสหราชอาณาจักร และเป็นหนึ่งในโรงงานที่ก้าวหน้าที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลกของฮอนด้าทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิต มาตรฐานสิ่งแวดล้อม และการออกแบบสายการผลิตที่เหมาะสมกับการทำงานของพนักงาน ปัจจุบัน มีการจ้างงานพนักงานรวมกว่า 6,400 คน และมีกำลังผลิต 240,000 คันต่อปี ผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ บริโอ้ แจ๊ซ ซิตี้ ซีวิค แอคคอร์ด และซีอาร์-วี สำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 56 ประเทศทั่วโลก
มาสด้าส่งฮีโร่ตัวจริงของไทย มาสด้า บีที-50 กระทบไหล่เหล่าฮีโร่ จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Avengers
Posted by Contemporary industry
Posted on 01:55
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 7 พฤษภาคม 2555 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าท้าชนเหล่าบรรดาฮีโร่ทั ่วประเทศ ด้วยกระแสต้อนรับฮีโร่ ในดวงใจของเด็กๆ กับโปรโมชั่นสุดเก๋"คุณหรือใคร...ก็เป็นฮีโร่ได้” เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทดสอบความ เป็นฮีโร่ในตัวเองแล้ววันนี้ ด้วยการร่วมสนุก ง่ายๆ เพียงทดลองขับรถปิกอัพสไตล์เก๋ง มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศหลังทดลองขับรับทันทีเสื้อ ที-เชิร์ต The Avengers สุดเท่ รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น สินค้าพรีเมี่ยมจากภาพยนตร์ที่ ทั้งโลกรอคอย ดิ อเวนเจอร์ส ที่รวมเอาบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ที่ จะปกป้องชาวโลก และที่กำลังเข้าฉายอยู่ในขณะนี้ และกวาดรายได้ทะลุ 200 ล้านบาทไปแล้วเพียงเจ็ดวั นแรกของการฉาย
แม่ทัพทางการตลาด นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า หลังจากที่เปิดตัวปิกอัพสไตล์ เก๋งมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่มาพร้อมกับฮีโร่ขวัญใจชาวไทย ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี ส่งผลให้เกิดกระแสฮีโร่ฟีเวอร์ อย่างรวดเร็ว ประกอบกับยอดจองที่เพิ่งสูงขึ้ นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้มาสด้าได้เดินหน้าส่ งเสริมความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ต่ อเนื่องทันทีด้วยการเป็นผ้สนั บสนุนหลักอย่างเป็นทางการในภาพย นตร์ที่รวมบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ที่ ทั้งโลกรอคอย ดิ อเวนเจอร์ส ที่กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ อยู่ในขณะนี้ ซึ่งผ่านมาเพียง 1 สัปดาห์ สามารถกวาดรายได้ทะลุ 200 ล้านบาทไปแล้ว นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ สูงและประสบความสำเร็จมากทีเดี ยว
ที่สำคัญทางมาสด้ายังเอาใจแฟนวั ยจิ๋วและแฟนพันธุ์แท้ของเหล่าซู เปอร์ฮีโร่ด้วยการจูงมือคุณพ่อ- คุณแม่ไปร่วม โปรแกรม "ฮีโร่...ทดลองขับปิกอัพฮีโร่" ร่วมกิจกรรมและเช็คความเป็นฮี โร่ในตัวได้ง่ายๆ เพียงทดลองขับรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ที่โชว์รูมแห่งใดก็ได้ทั่ วประเทศ รับฟรีทันที เสื้อ ที-เชิร์ตฮีโร่ The Avengers รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น จากภาพยนตร์เรื่องนี้ มาสด้าร่วมกับค่ายยักษ์ใหญ่เจ้ าพ่อวงการภาพยนตร์ของโลก วอลท์ ดิสนีย์ จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะลูกค้ ามาสด้าเท่านั้น นอกจากนั้นเพื่อเติมเต็มความบั นเทิงให้สมบูรณ์แบบ มาสด้ายังจับมือกับพันธมิ ตรโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ทั้ งหมด จัดแคมเปญพิเศษ "ชมภาพยนตร์ฮีโร่...ลุ้นรับปิ กอัพฮีโร่" ชมภาพยนตร์ฮีโร่แล้วได้ลุ้นขั บปิกอัพฮีโร่กลับบ้าน สำหรับลูกค้าที่ซื้อบัตรเข้ าชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์กรุ๊ ปทั้งหมด ทุก 2 ที่นั่งจะได้สิทธิลุ้นรั บพระเอกฮีโร่ตัวจริงนั่นคือ ปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ รุ่น FSC 2.2L Hi-Racer มูลค่า715,000 บาท โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมและหมดเขตวันที่ 31 พฤษภาคมศกนี้เท่านั้น
ที่สำคัญทางมาสด้ายังเอาใจแฟนวั
สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินหน้าจัดกิ จกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่ องส่งผลให้รถยนต์มาสด้าสามารถสื่อสารและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้ าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแนวทางการตลาดด้ านความบันเทิง หรือ เอนเตอร์เทนเม้นต์มาร์เก็ตติ้ง ที่มาสด้าสามารถนำเอาโปรดักซ์ เข้าสู่กลุ่มลูกค้าและสร้ างการรับรู้จนประสบความสำเร็ จอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในการ tie-in ในละครหลายๆ เรื่อง รวมถึงในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่ผ่านมา อาทิ "กวน มึน โฮ" "30+ โสด ออน เซลส์" หรือแม้กระทั้งภาพยนตร์จากต่ างประเทศ อาทิ "the twilight" และล่าสุด ดิ แอดเวนเจอร์ส ซึ่งภาพยนตร์ทุกเรื่องต่ างประสบความสำเร็จทั้งจำนวนผู้ เข้าชม รวมถึงรายได้ที่ทำลายสถิติใหม่ อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าเป็นที่ จดจำของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
อีซูซุเปิดตัว All-new Isuzu D-Max เคาะราคาต่ำสุด 4.65 แสน
Posted by Contemporary industry
Posted on 06:57
Isuzu 2012 หรือ All new Isuzu D-Max
เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์จำกัด ได้เปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ "อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด" (the All-new Isuzu D-Max) ที่เป็นการพลิกโฉมหน้าปิกอัพรุ่นใหม่ ด้วยการผสานเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์และเทคโนโลยียานล้ำสมัย ความเร็วประหนึ่งรถไฟหัวกระสุน กำหนดมาตรฐานใหม่ อีกทั้งคิดค้นและสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถปิกอัพทั่ว โลกอย่างแท้จริง
โดย คนไทยจะได้สัมผัสรถรุ่นใหม่นี้ก่อนประเทศใดในโลก ที่ซึ่งมีการเปิดตัว The All New Isuzu D-MAX ในรอบสื่อมวลชนไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ (29 กันยายน) ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี และจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 14 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป สนนราคาเริ่มต้น รุ่นสปาร์ค ตอนเดียว ราคา 465,000 บาท ส่วนรุ่นท็อป วี-ครอส 4 ประตู ราคา 994,000บาท
คุณสมบัติพิเศษของอีซูซุดีแมคซ์ใหม่
รูปลักษณ์ภายนอก
สำหรับอีซูซุ ดีแมคซ์ โฉมใหม่นั้น มาพร้อมกับรูปลักษณ์แนวสปอร์ต มีการดีไซน์ด้านหน้าให้เป็นแบบสามมิติ เพิ่มความชัดในการมองเห็น มีไฟหน้าขนาดใหญ่ และไฟท้ายแบบ LED ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการรถกระบะที่มีการนำเอาไฟแบบ LED มาใช้ และตัวถังแค็ปเปิดได้
ห้องโดยสาร
เป็นการดีไซน์แบบ "DELUXE CAPSULE" ผสานกับ "UNIVERSAL DESIGN" ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ สะดวกสบายเหมาะสมกับทุกสรีระ ส่วนเบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
แผงหน้าปัด
ดีไซน์แผงหน้าปัดขนาดใหญ่แบบ Super Vision ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ แถมยังมีโหมดภาษาไทยให้เลือกด้วย ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว และปรับความสว่างได้อัตโนมัติ
ระบบเสียง
ติดตั้งระบบเสียงเป็นแบบ "SURROUND SOUND" สูงสุดถึง 8 ลำโพง มีลำโพงคู่หน้าขนาดใหญ่พิเศษ FULL-SIZE 6x9 นิ้ว และลำโพง EXCITER ติดตั้งบนเพดาน ช่วยให้เสียงสมจริงทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชั่นปรับระดับเสียงโดยอัตโนมัติตามความเร็วของรถ
เครื่องยนต์
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่ 2500 Ddi VGS TURBO หรือเทอร์โบแปรผัน สามารถรีดกำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ส่วนเครื่องยนต์ 2500 Ddi TURBO รีดกำลังสูงสุดได้ 116 แรงม้าเท่าเดิม และหากเป็นเครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS TURBO จะให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที
เกียร์
ปรับเกียร์ใหม่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม "REV-TRONIC" ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจ และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แบบ "SPORT-SHIFT" ช่วยให้เข้าเกียร์ง่ายจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่น
ล้อและช่วงล่าง
ขยายฐานและความกว้างของล้อให้ใหญ่ขึ้น กระจายน้ำหนักได้สมดุลขึ้น ด้วยการจัดตำแหน่งเครื่องยนต์ใหม่ให้อยู่เยื้องหลังล้อคู่หน้า พร้อมแชสซีส์ขนาดใหญ่ในรถระดับเดียวกัน ส่วนช่วงล่างได้รับการออกแบบมาให้เป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยส์สปริง และแหนบขนาดยาวพิเศษในช่วงล่างหลัง เพื่อให้ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น
ระบบความปลอดภัย
มั่นใจได้ด้วยระบบความปลอดภัยแบบป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ด้วยเบรก ABS พร้อม EBD และ BA นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว ประกอบกับหม้อลมเบรกขนาดใหญ่พิเศษ 10.5 นิ้ว พร้อม TIED-BAR ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 300 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลูกสูบคู่
ที่สำคัญ อีซูซุดีแมคซ์โฉมใหม่ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบป้องกันขณะเกิด อุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบเหล็กกล้า ที่ผลิตจากเหล็กหนาพิเศษ และตัวถังแบบซูเปอร์ สเปซแค็บ (SUPER SPACECAB) บานแค็บเปิดได้ (ตู้กับข้าว)
อื่น ๆ
- แกนพวงมาลัย และแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
- เข็มขัดนิรภัยมีกลไกดึงกลับอัตโนมัติ
- มีระบบล็อกประตูอัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานทันที เมื่อรถวิ่งได้ความเร็วประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ระบบป้องกันกระจกหนีบ (WINDOW JAM PROTECTION) ด้านคนขับ
- เทคโนโลยี "ISUZU INSIGHT" ช่วยประมวลผลและวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่แบบเฉพาะตัว ทำให้การขับขี่ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น
อีซูซุเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ "อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด" เริ่มวางจำหน่าย 14 ตุลาคมนี้
เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์จำกัด ได้เปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ "อีซูซุดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด" (the All-new Isuzu D-Max) ที่เป็นการพลิกโฉมหน้าปิกอัพรุ่นใหม่ ด้วยการผสานเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์และเทคโนโลยียานล้ำสมัย ความเร็วประหนึ่งรถไฟหัวกระสุน กำหนดมาตรฐานใหม่ อีกทั้งคิดค้นและสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถปิกอัพทั่ว โลกอย่างแท้จริง
โดย คนไทยจะได้สัมผัสรถรุ่นใหม่นี้ก่อนประเทศใดในโลก ที่ซึ่งมีการเปิดตัว The All New Isuzu D-MAX ในรอบสื่อมวลชนไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ (29 กันยายน) ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี และจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 14 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป สนนราคาเริ่มต้น รุ่นสปาร์ค ตอนเดียว ราคา 465,000 บาท ส่วนรุ่นท็อป วี-ครอส 4 ประตู ราคา 994,000บาท
รูปลักษณ์ภายนอก
สำหรับอีซูซุ ดีแมคซ์ โฉมใหม่นั้น มาพร้อมกับรูปลักษณ์แนวสปอร์ต มีการดีไซน์ด้านหน้าให้เป็นแบบสามมิติ เพิ่มความชัดในการมองเห็น มีไฟหน้าขนาดใหญ่ และไฟท้ายแบบ LED ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการรถกระบะที่มีการนำเอาไฟแบบ LED มาใช้ และตัวถังแค็ปเปิดได้
ห้องโดยสาร
เป็นการดีไซน์แบบ "DELUXE CAPSULE" ผสานกับ "UNIVERSAL DESIGN" ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ สะดวกสบายเหมาะสมกับทุกสรีระ ส่วนเบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
แผงหน้าปัด
ดีไซน์แผงหน้าปัดขนาดใหญ่แบบ Super Vision ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ แถมยังมีโหมดภาษาไทยให้เลือกด้วย ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว และปรับความสว่างได้อัตโนมัติ
ระบบเสียง
ติดตั้งระบบเสียงเป็นแบบ "SURROUND SOUND" สูงสุดถึง 8 ลำโพง มีลำโพงคู่หน้าขนาดใหญ่พิเศษ FULL-SIZE 6x9 นิ้ว และลำโพง EXCITER ติดตั้งบนเพดาน ช่วยให้เสียงสมจริงทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชั่นปรับระดับเสียงโดยอัตโนมัติตามความเร็วของรถ
เครื่องยนต์
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่ 2500 Ddi VGS TURBO หรือเทอร์โบแปรผัน สามารถรีดกำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ส่วนเครื่องยนต์ 2500 Ddi TURBO รีดกำลังสูงสุดได้ 116 แรงม้าเท่าเดิม และหากเป็นเครื่องยนต์ 3000 Ddi VGS TURBO จะให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที
เกียร์
ปรับเกียร์ใหม่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม "REV-TRONIC" ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจ และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แบบ "SPORT-SHIFT" ช่วยให้เข้าเกียร์ง่ายจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่น
ล้อและช่วงล่าง
ขยายฐานและความกว้างของล้อให้ใหญ่ขึ้น กระจายน้ำหนักได้สมดุลขึ้น ด้วยการจัดตำแหน่งเครื่องยนต์ใหม่ให้อยู่เยื้องหลังล้อคู่หน้า พร้อมแชสซีส์ขนาดใหญ่ในรถระดับเดียวกัน ส่วนช่วงล่างได้รับการออกแบบมาให้เป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยส์สปริง และแหนบขนาดยาวพิเศษในช่วงล่างหลัง เพื่อให้ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น
ระบบความปลอดภัย
มั่นใจได้ด้วยระบบความปลอดภัยแบบป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ด้วยเบรก ABS พร้อม EBD และ BA นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว ประกอบกับหม้อลมเบรกขนาดใหญ่พิเศษ 10.5 นิ้ว พร้อม TIED-BAR ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 300 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลูกสูบคู่
ที่สำคัญ อีซูซุดีแมคซ์โฉมใหม่ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบป้องกันขณะเกิด อุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบเหล็กกล้า ที่ผลิตจากเหล็กหนาพิเศษ และตัวถังแบบซูเปอร์ สเปซแค็บ (SUPER SPACECAB) บานแค็บเปิดได้ (ตู้กับข้าว)
อื่น ๆ
- แกนพวงมาลัย และแป้นเบรกแบบยุบตัวได้
- เข็มขัดนิรภัยมีกลไกดึงกลับอัตโนมัติ
- มีระบบล็อกประตูอัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานทันที เมื่อรถวิ่งได้ความเร็วประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ระบบป้องกันกระจกหนีบ (WINDOW JAM PROTECTION) ด้านคนขับ
- เทคโนโลยี "ISUZU INSIGHT" ช่วยประมวลผลและวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่แบบเฉพาะตัว ทำให้การขับขี่ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น
ป้ายกำกับ:
Cars
พรม (พื้น) ของรถยนต์
Posted by Contemporary industry
Posted on 06:41
คำว่า “พรม” ที่อยู่ในรถยนต์ ซึ่งทุกคนรู้จักกันดี แต่ในที่นี้มิได้หมายถึง พรมปูพื้นหรือพรมหน้าปัดแต่อย่างใด แต่ที่จะกล่าวถึงหรือพูดถึงก็คือ พรมพื้นรถยนต์ เชื่อเหลือเกินว่า น้อยคนนักที่จะนึกถึง ต่อให้รักรถขนาดไหนก็ตาม สิ่งต่างๆ ของรถที่พอทำความสะอาดได้ ก็ปฏิบัติกันไป แต่เคยมองหรือเคยคิดไหมว่า พรมพื้นรถยนต์ไม่เคยทำความสะอาดโดยการถอดซักเลย ไม่ว่าอายุของรถท่านจะ 1 ปี, 2 ปี,3 ปี หรือมากกว่า 10 ปี เคยถอดซักกันบ้างไหม ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพยิ่งขึ้น เช่น การสวมเครื่องนุ่งห่มมาทำงานไปเช้าเย็นกลับ เราทุกๆคนยังต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำการถอดซัก เมื่อเป็นดังนี้ คงไม่มีใครใส่เสื้อผ้าตัวเดิมนะครับ อีกตัวอย่างหนึ่ง ผ้ายางปูพื้นหรือพรมปูพื้น ท่านเจ้าของรถทุกท่าน ยังมีการนำออกมาซักมาล้างกัน จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก แต่สำหรับพรมปูพื้นรถยนต์เป็นเรื่องที่ยาก ค่าใช้จ่ายในการถอดซักก็สูงและใช้เวลาที่นานพร้อมกับความยุ่งยากก็มี
สำหรับเจ้าของรถแค่ดี ก็แค่ดูดฝุ่นหรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก พรมก็เหมือนพรมทั่วไป จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความสะอาด มิฉะนั้นจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรค เนื่องจากสิ่งสกปรกนั่นเอง อย่าลืมนะครับว่าอากาศภายในห้องโดยสาร หมุนเวียนอยู่ในรถ ดังนั้น ผู้โดยสารจะได้รับสิ่งเหล่านั้นเต็มๆ ต่อให้มีเครื่องฟอกอากาศก็ตาม
การที่เจ้าของรถจะทำการถอดพรมซัก คงกระทำไม่ได้อย่างแน่นอน การปฏิบัติถือว่ายากมากๆต้องให้สถานบริการเฉพาะถึงจะทำได้ หรือ ให้ศูนย์บริการรถยนต์รุ่นนั้นๆดำเนินการให้ สำหรับรถยนต์ที่ยังอยู่ในระยะรับประกันด้วยละก็ไม่ควรให้ผู้อื่นทำอย่างเด็ดขาด เพราถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น จะหาผู้รับผิดชอบลำบาก การรับประกันของรถยนต์นั้นๆจะมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าให้ศูนย์บริการรถยนต์นั้นๆทำ ปัญหาคงไม่มีอย่างแน่นอนเช่นกัน
การที่กล่าวอย่างนี้ไม่ใช่ให้ซักพรมเป็นประจำนะครับ เพียงแต่ให้นึกถึงชิ้นส่วนที่เป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์บ้าง เชื่อเหลือเกินว่าในคู่มือการใช้รถยนต์เกือบทุกยี่ห้อก็มิได้ระบุว่าควรปฏิบัติเช่นไรกับพรมพื้นรถยนต์ การที่จะทำการถอดพรมพื้นรถยนต์ออกซักนั้น ขอให้พิจารณาถึงความสกปรกหรือความจำเป็นขณะนั้น เวลาในการซักจนถึงตากแห้งต้องมีอย่างน้อยก็เป็นวัน และก็ต้องเป็นวันที่แดดดีอีกด้วย
หากมีการถอดพรมพื้นรถยนต์ซักเจ้าของรถจะต้องนำทรัพย์สินมีค่าออกจากรถด้วย เพราะเป็นไปได้สูงที่รถยนต์ของท่านที่จะต้องค้างคืน (ไม่ใช่ศูนย์บริการควรระวัง) แต่ถ้าเจ้าของรถยอมรับสภาพของรถที่ไม่มีพรมปูพื้นได้ก็ OK อีกอย่างหนึ่งหากต้องทิ้งกุญแจรถไว้ด้วย แล้วละก็ ยิ่งหวาดเสียวใหญ่เลย ขอให้ระวังเรื่องพวกนี้ไว้บ้าง คงเคยได้ยินข่าวกันนะครับ ว่ารถยนต์หรูยี่ห้อหนึ่ง ไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วเด็กรับรถนำรถเขาไปที่อื่น ทำนองขโมยรถไปนั่นแหล่ะ ขนาดสถานบันเทิงมีชื่อเสียง และผู้นั้นก็ไปบ่อยนะครับ รู้สึกว่าจะอยู่แถวซอยทองหล่อกับอีกหลายข่าวที่บอกว่า จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วหาย ก็อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าหัวขโมยมีกุญแจเหมือนรถยนต์ของเราก็เป็นไปได้ ใครจะรู้ ดังนั้น ควรพิจารณากันให้ดี แล้วจะมีความสุขครับ
ป้ายกำกับ:
Cars
Toyota Corolla Altis ปรับโฉมใหม่ เครื่องยนต์ Dual VVT-i
Posted by Contemporary industry
Posted on 05:48
เครื่องยนต์ใหม่ Dual VVT-i
เครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจฉริยะ Dual VVT-i (Variable Valve Timing-intelligent) ปรับจังหวะเปิด-ปิด วาล์วไอดีและไอเสียแบบแปรผัน สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วยควบคุมปริมาณไอดี ให้เหมาะสมกับ การจุดระเบิดในทุกจังหวะความเร็วรอบเครื่องยนต์ และการปรับจังหวะของวาล์วไอเสียช่วยให้การปล่อยไอเสียมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้สมบูรณ์ อัตราเร่งดี ประหยัดน้ำมัน และช่วยลดมลพิษ (ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 4)
มีเครื่องยนต์ทั้งหมด 4 รุ่น คือ
- เครื่องยนต์ 2000 ซีซี 3ZR-FE ACIS (Acoustic Control Induction System) แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-I พร้อมระบบ ACIS ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด187 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที
- เครื่องยนต์ 1800 ซีซี 2ZR-FE ACIS (Acoustic Control Induction System) แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-I พร้อมระบบ ACIS ให้กำลังสูงสุด140 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด173 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
- เครื่องยนต์ 1600 ซีซี 1ZR-FEแบบ4 สูบแถวเรียง DOHC Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด154 นิวตัน-เมตร / 5,200 รอบต่อนาที
- เครื่องยนต์ 1600 ซีซี CNG 3ZZ-FE แบบ4 สูบแถวเรียง DOHC VVT-i ให้กำลังสูงสุด109 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด145 นิวตัน-เมตร ที่4,400 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์ใหม่
- เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด อีกขั้นแห่งเทคโนโลยีที่ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ต่อเนื่อง ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวล ราบรื่น เร้าใจทุกการเดินทาง พร้อมปรับระดับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ให้คงอยู่ในรอบต่ำ แม้ในขณะเร่งความเร็ว จึงประหยัดน้ำมันได้มากกว่า (เฉพาะรุ่น 2.0 และ 1.8 ทุกรุ่น)
- เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์ ไหลลื่น ต่อเนื่อง ในทุกสภาพถนน และประหยัดน้ำมัน (เฉพาะรุ่น 1.6J M/T)
ภายนอกตกแต่งใหม่
กันชนหน้า-กระจังหน้า และกันชนหลัง ดีไซน์เข้ม ไฟหน้าและไฟหลัง เฉียบคม สะดุดตา พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้วลายใหม่แบบ 5 ก้าน สปอร์ตทุกมุมมอง (เฉพาะรุ่น 2.0 ทุกรุ่น และ 1.8G)
ภายใน
แผงคอนโซลลายใหม่ วิทยุเพิ่มฟังก์ชั่น AUX ตอบสนองทุกความบันเทิงสมัยใหม่ (เฉพาะรุ่น 2.0V 2.0G 1.8ทุกรุ่น 1.6G และ 1.6E) พวงมาลัยสไตล์สปอร์ตพร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยขณะขับขี่ (เฉพาะรุ่น 2.0 ทุกรุ่น) มาตรวัดเรืองแสง ชัดเจน ตลอดการเดินทาง (เฉพาะรุ่น 2.0 ทุกรุ่น และ 1.8G) เบาะหนังชิ้นกลางเจาะรูแบบสปอร์ต เพิ่มความสบายขณะขับขี่ (เฉพาะรุ่น 2.0 ทุกรุ่น 1.8 ทุกรุ่น และ 1.6G)ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
- ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC)
- โครงสร้างนิรภัย GOA พร้อมคานนิรภัย
- โครงสร้างเบาะนั่งแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) สำหรับเบาะนั่งด้านหน้า เพื่อลดการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ เมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชนและลดการ บาดเจ็บจากการรัดดึง ของระบบเข็มขัดนิรภัย
ป้ายกำกับ:
Cars
เปิดตัวยางรถยนต์ NITTO NT830 รุ่นใหม่ล่าสุด!!
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:43
บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด จำกัด (ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ ายยางรถยนต์ นิตโต้) เปิดตัวยางรถยนต์ NITTO NT830 รุ่นใหม่ล่าสุด!! กับที่สุดแห่งวิวัฒนาการแห่ งความนุ่ม, เงียบ ไร้เสียงรบกวนขณะขับขี่ พร้อมยึดเกาะถนนเพื่อความปลอดภั ยสูงสุด ตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถใช้ถนน เตรียมพบกับประสบการณ์ที่สุ ดของแห่งความเงียบ!! ได้ในเดือนมิถุนายนนี้ ณ ตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ชั้นนำทั่วประเทศ
หมวดหมู่ยานยนต์
- 014 Chevrolet Silverado HD (1)
- 10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม (1)
- 2014 Volvo S80 (1)
- 2015 Lincoln MKC crossover (1)
- 2015 Volvo S60 T6 (1)
- 2015 Volvo V40 (1)
- 2016 Chevrolet (1)
- 2016Chevrolet Colorado (1)
- 2016 Toyota Fortuner (1)
- 2018 Mazda CX-5 (1)
- 2018 Toyota Rush (2)
- 2 Stroke Engine (1)
- 5 ประตู (6)
- กระบวนการผลิต (19)
- กระบอกสูบ (1)
- กราฟกำลัง (1)
- กราฟแรงบิด (1)
- ก้านสูบ (1)
- การขับรถอย่างปลอดภัย (1)
- การใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก (1)
- การดูแลรักษารถด้วยตนเอง (2)
- การเติมลม (1)
- การเติมลม กับ ล้อแม็กซ์ (1)
- การถ่วงล้อ (1)
- การบำรุงรักษา (4)
- การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวันรถยนต์คู่ใจ ควรทำอย่างไร (1)
- การปลี่ยนขนาด ยางรถยนต์ (1)
- การเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์ (1)
- การเผาไหม้ (11)
- การเผ่าไหม้ (1)
- การวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ (1)
- การหยุดรถ และการจอดรถ (1)
- การออกแบบ (10)
- แก๊สโซลีน (3)
- ข้อควรปฏิบัติทั่วไป ในการใช้รถยนต์ (1)
- ข้อควรปฏิบัติ เมื่อการขับขี่ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ (1)
- ขับเคลื่อน (13)
- ขับอย่างไรเพื่อยืดอายุยาง (1)
- ข่าวยานยนต์ (4)
- ควรจะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ (1)
- คว้านเสื้อสูบ (2)
- ความรู้ (3)
- คอมมอนเรล (1)
- คอยล์จุดระเบิด (8)
- คำศัพท์น่ารู้ (1)
- เครื่องมือ (1)
- เครื่องยนต์ (64)
- เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์คอมมอนเรล (1)
- เครื่องยนต์ดีเซล (3)
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (1)
- เครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ (1)
- เครื่องยนต์เบนซิน (1)
- เครื่องยนต์แบบโรตารี่ (1)
- เครื่องยนต์ร้อนแล้วดับ สตาร์ทติดยาก เกิดจากสาเหตุใด และแก้ไขอย่างไร (1)
- เครื่องยนต์เล็ก (2)
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากตอนอากาศชื้นเกิดจากอะไร ? (1)
- เครื่องยนต์สันดาปภายใน (3)
- เครื่องยนต์หัวฉีด (1)
- เครื่องยนต์ EFI (2)
- เครื่องยนต์V8 (1)
- เคล็ดลับ (2)
- จอดรถให้ปลอดภัย (1)
- จักรยานยนต์ (1)
- จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ EFI (1)
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (1)
- ชื่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภาษาไทย และอังกฤษพร้อมรูป คลิปวีดีโอ (1)
- เชฟโรเลต (1)
- เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (1)
- โช๊คอัพ (5)
- ซ่อม (21)
- ซ่อมเครื่องยนต์ (7)
- ซ่อมบำรุง (6)
- ซุปเปอร์คาร์ (3)
- ซูซุูกิ (2)
- ซูซูกิ ไฮบริด (1)
- โซลินอย (1)
- ดัดแปลง (3)
- ไดชาร์จ (2)
- ไดร์สตาร์ท (10)
- ไดสตาร์ท (12)
- ตรวจสอบเครื่องยนต์ (1)
- ตลับลูกปืน (2)
- ตัวอักษรบนยาง บอกอะไร? (1)
- ตีปลอก (1)
- โตโยต้า (21)
- โตโยต้า 2015 (1)
- ถุงลมนิรภัย (1)
- ที่นั่งเด็ก (5)
- เทคนิคการขับรถป้องกันเชิงอุบัติเหตุ (1)
- เทคนิคการใช้รถและการดูแลรถอย่างง่ายๆ (1)
- เทคโนโลยียานยนต์ (53)
- เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (8)
- เทอร์โบ (1)
- เทอร์โบแปรผัน (7)
- น้ำมันเชื้อเพลิง (14)
- น้ำมันดีเซล (6)
- น้ำมันเบนซิน (4)
- นิตยสาร (3)
- นิสสัน (11)
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (1)
- บีเอ็มดับเบิ้ลยู (1)
- เบรค (22)
- เบาะรถยนต์ (5)
- เบาะสำหรับเด็ก (5)
- แบตเตอรี่ (3)
- แบรนด์รถยนต์ (1)
- แบริ่ง (1)
- ไบโอดีเซล (2)
- ประกอบเครื่องยนต์ (5)
- ประกอบรถยนต์ (13)
- ประดับยนต์ (5)
- ประเภทรถยนต์ (1)
- ปอร์เช่ (2)
- ปัญหารถยนต์ (1)
- ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ 2015 (1)
- ปิกอัพ (4)
- ปี2017 (3)
- เปลี่ยนอะไหล่ (3)
- ผลิตรถยนต์ (16)
- แผนภาพจังหวะการเปิดของลิ้น (Valve Timing Diagram) เครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ (1)
- แผนภาพต้นกำลังงานของรถยนต์ (1)
- ฝาสูบ (4)
- พจนานุกรมศัพท์ยานยนต์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ (1)
- พูเล่ (1)
- เพลาข้อเหวี่ยง (1)
- เพลาท้าย (2)
- ฟอร์ด (1)
- ฟิล์มกรองแสง ติดดี หรือ ไม่ติดดี มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ทีคำตอบ (1)
- เฟอรารี่ (3)
- เฟืองท้าย (14)
- ไฟฉุกเฉิน ไม่จำเป็นและไร้สาระ (1)
- ไฟฟ้ารถยนต์ (24)
- ภาพโครงสร้างเครื่องยนต์ EFI (1)
- ภาพรวมรถยนต์ (9)
- มาสด้า (3)
- มิตซูบิชิ (6)
- มินิ (2)
- โมเดลรถยนต์ (3)
- ยนตกรรม (1)
- ยานยนต์ อุตสาหกรรม (26)
- ยาริส (15)
- รถกระบะ (9)
- รถกระบะ Revo (1)
- รถเก๋ง (51)
- รถแข่ง (2)
- รถจิ๊บ (1)
- รถเบนซ์ (19)
- รถยก (27)
- รถยก อุตสาหกรรม (26)
- รถยก อุตสาหกรรมม (1)
- รถยนต์ (3)
- รถยนต์ไฟฟ้า (4)
- รถรุ่นเก่า (1)
- รถศูนย์ (16)
- รถสปอร์ต (10)
- รถหรู (1)
- รถใหม่ (41)
- ระบบขับอัตโนมัติ (1)
- ระบบความร้อน (2)
- ระบบจุดระเบิด (10)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel Injection System) (1)
- ระบบช่วงล่าง (27)
- ระบบเบรค (22)
- ระบบไฟฟ้า (14)
- ระบบรองรับ (5)
- ระบบระบายความร้อน (6)
- ระบบลม (3)
- ระบบส่งกำลัง (1)
- ระบบหล่อเย็น (2)
- ระบบหัวฉีด (1)
- ระบบห้ามล้อ (14)
- ระบบ Hybrid (1)
- ราคารถยนต์ (5)
- รางร่วม (1)
- รีเลย์ (6)
- รีวิว (15)
- รีวิวรถยนต์ (11)
- รู้ไว้ก่อน : การเปลี่ยนขนาดยาง (1)
- เรื่อง น้ำมันเครื่อง (1)
- โรงงานผลิตรถยนต์ (13)
- ล้อตุนกำลัง (1)
- ลักษณะดอก ยางรถยนต์ (1)
- ลากรถอย่างไรเมื่อรถเสีย (1)
- ลำดับการจุดระเบิด (1)
- ลูกปืนกลม (1)
- ลูกสูบ (3)
- วงจรไฟฟ้า (7)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECCS Nissan RB20E (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECI-multi Mitsubishi 4G61 (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด EFI เครื่องยนต์ Toyota 4A-GE (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด Honda B16A VTEC DOHC รุ่นแรก (1)
- วิชาช่างยนต์ (10)
- วี8 (1)
- สเปกรถยนต์ (5)
- สร้างเครื่องยนต์ (1)
- สร้างโมเดลรถยนต์ (1)
- สายพานเครื่องยนต์ (2)
- สีรถ (8)
- เสื้อสูบ (5)
- หนังสือรถยนต์ (7)
- หม้อน้ำ (2)
- หลักการทำงาน (2)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ (1)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (1)
- หัวเทียน (24)
- ห้ามล้อ (14)
- แหวนลูกสูบ (1)
- องค์ประกอบการสันดาปของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- ออกแบบรถยนต์ (22)
- อะไหล่เครื่องยนต์ (3)
- อะไหล่ยนต์ (1)
- อัตราค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (1)
- อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- อาการหัวเทียน (12)
- อินเตอร์คูลเลอร์ (6)
- อีโก้คาร์ (5)
- อุตสาหกรรม รถยก (27)
- อุปกรณ์เสริม (6)
- แอร์เริ่มไม่เย็น และส่งกลิ่นอับเวลาเปิดแอร์ใหม่ ควรทำอย่างไร ? (1)
- ไอดี (3)
- ไอเสีย (6)
- ฮอนด้า (6)
- ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด (2)
- Accessories (5)
- All New toyota yaris 2013 2014 (1)
- Alternator (1)
- alternators (1)
- Ativ (7)
- Audi (2)
- Audi A4 (1)
- Automatic drive (1)
- Ball Bearing (1)
- bearing (1)
- biodiesel (2)
- BMW (4)
- Brake (23)
- Brake system (23)
- BT-50 (1)
- Car Family (1)
- Cars (61)
- CAT (Catalytic Converter) เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (1)
- Check Engine (1)
- Chevrolet (1)
- CHEVROLET COLORADO (2)
- Colorado (1)
- commonrail (1)
- Common Rail (1)
- Common Rail Engine (1)
- Concept Car (1)
- Connecting rod (1)
- Crankshaft (1)
- Cylinder head (1)
- Diesel Engine (3)
- Diesel fuel (6)
- differential (12)
- DIY (8)
- DURAMAX ENGINE (1)
- DURAMAX VIN CHART (1)
- ECCS (1)
- EFI (1)
- EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย (1)
- Electric car (4)
- Electric cars (4)
- Electronic Fuel Injection Engine (1)
- Engine (37)
- Engine Block (1)
- Engine Curve (1)
- Ferrari (3)
- Flywheel (1)
- Ford (4)
- Ford Ranger (2)
- Fuel (14)
- gasoline (3)
- Gasoline engine (1)
- General Motors (2)
- GMC Canyon (1)
- Honda (11)
- Honda Accord (1)
- HONDA ACCORD HYBRID ใหม่ (1)
- Honda CR-V 2015 (1)
- Honda HR-V (1)
- Honda HRV 2015 (1)
- Honda Jazz (1)
- Honda Vezel (1)
- Hydrogen cars (1)
- i-DTEC (1)
- Ignition Coil (8)
- Ignition System (1)
- i-MMD (1)
- Intercooler (6)
- internal combustion engine (3)
- Jeeb (1)
- lamborghini (4)
- Lamborghini Revuelto (2)
- Mazda (4)
- Mercedes Benz (21)
- Mini (2)
- MINI Cooper (2)
- Mitsubishi (9)
- Mustang (1)
- Navara (2)
- NGV (1)
- Nissan (11)
- nissan np300 navara (1)
- NP300 (1)
- NP300 NAVARA Single Cab (1)
- pickup (6)
- pickup truck. (5)
- Piston (3)
- Piston Ring (1)
- Porsche (2)
- Port Timing Diagram ของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- Ranger (1)
- Rear axle (1)
- Relay (6)
- Revuelto (1)
- Rotary Engine (1)
- S60 (1)
- S90 (1)
- SEAT (1)
- Self Diagnosis System (1)
- Shock Absorbers (5)
- SKODA (1)
- SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (1)
- solenoid (4)
- Spark Plugs (20)
- Starter (6)
- Supper Car (4)
- Suspension System (3)
- Suzuki (2)
- TCCS (1)
- Tesla Model X (1)
- TOYOTA (29)
- Toyota และ Lexus (1)
- Toyota Hilux Revo (1)
- Triton (1)
- V60 (1)
- Ⅴ8 (1)
- Variable Nozzle Turbo (2)
- VGT (5)
- Volkswagen (1)
- Volvo (4)
- Volvo purchased the Polestar brand (1)
- Volvo S90 (1)
- Wankel Engine (1)
- XC90 (1)
- Yaris (15)