Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

ฮอนด้าเปิดตัวคลิก125ไอใหม่ เน้นโฉบเฉี่ยวเอาใจโจ๋ ดุดันด้วยสีดำด้านและเทคโนโลยี Idling Stop พร้อมดึงโดม-บี้ ประชันความเท่แบบ Hot & Cool ภายใต้คอนเซปต์ “ตัวจริงมีแค่หนึ่งเดียว”



ค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รีเฟรชไลน์อัพเอาใจวัยรุ่นในเมืองด้วยการเปิดตัวฮอนด้าคลิก125อ ใหม่ ปราดเปรียวด้วยโทนสีโฉบเฉี่ยวและกราฟฟิกสุดเท่ยิ่งกว่าเดิม ภายใต้คอนเซปต์ “The Unbeatable ตัวจริง มีแค่หนึ่งเดียวโชว์ความโดดเด่นเหนือใครด้วยโทนสีดำด้านที่ให้ความดุดันเป็นพิเศษ ขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะด้วยขุมพลัง eSP และเครื่องยนต์ระบบหัวฉีดPGM-FI ขนาด 125cc. ก้าวล้ำไปกับเทคโนโลยีหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติIdling Stop พร้อมดึงโดม-ปกรณ์ ลัม และ บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว สองพรีเซนเตอร์ดังมาประชันความเป็นหนึ่ง เพื่อเสริมภาพลักษณ์ความเป็นรถจักรยานยนต์ของลูกผู้ชายตัวจริง เปิดราคาเริ่มต้นที่48,900 บาท วางจำหน่ายพร้อมกันแล้วทั่วประเทศ

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นได้ส่งผลให้ฮอนด้าคลิก125ไอ กลายเป็นรถเอ.ที.สปอร์ตที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อต้นปี2012 อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยโดยเฉพาะดีไซน์ที่ต้องมีความสดใหม่โดนใจวัยรุ่นอยู่เสมอ โดยในครั้งนี้ ฮอนด้าคลิก125ไอ ใหม่ จะมาพร้อมกับโทนสีที่มีความเข้มแข็งอย่างสีดำด้านที่ให้อารมณ์สปอร์ตแบบซุปเปอร์คาร์ พร้อมด้วยกราฟิกรอบคันที่มีมิติและดูโฉบเฉี่ยวมีพลังยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นรถจักรยานยนต์สำหรับผู้ชายมาดเข้ม เรายังได้ดึงโดม-ปกรณ์ ลัม และ บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว สองซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย มาประชันความเท่ในรูปแบบฮอทแอนด์คูลอีกด้วย โดยโดมจะเป็นตัวแทนของความฮอทในแบบฉบับของรถสีดำด้าน ในขณะที่บี้จะเป็นตัวแทนของความคูลด้วยเทคโนโลยีหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop ทั้งนี้ ทุกคนจะได้พบกับศิลปินทั้งสองคนในภาพยนตร์โฆษณาเปิดตัวฮอนด้าคลิก125ไอใหม่ ซึ่งกำลังจะออนแอร์ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

สำหรับฮอนด้าคลิก125ไอ ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “The Unbeatable ตัวจริง มีแค่หนึ่งเดียว” ด้วยโทนสีแบบทูโทน และกราฟิกที่เน้นความเข้ม เฉียบคม มาพร้อมกับเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง eSP (Enhanced Smart Power) ที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์จังหวะขนาด 125cc. ระบบหัวฉีด PGM-FI,ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Built-in Liquid Cooledและระบบลดแรงเสียดทาน Intelligent Low Friction จึงให้ทั้งสมรรถนะ และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 55.8 กิโลเมตร/ลิตร จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับ และรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์E20

ฮอนด้าคลิก125ไอ ใหม่ แบ่งออกเป็นรุ่นย่อย รุ่น ประกอบด้วยรุ่น Idling Stop, Racing, Street, และ Tune Up มีคู่สีให้เลือกรวมทั้งสิ้น 11 แบบ โดยรุ่นIdling Stop ซึ่งเป็นรุ่นท็อปจะมาพร้อมกับระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อหยุดรถนานเกิน3 วินาที และทำงานต่อทันทีเมื่อบิดคันเร่ง พร้อมคอมบายเบรก และล้อแม็กแบบสปอร์ตก้าน

ฮอนด้าวางแผนการจำหน่ายคลิก125อ ใหม่ ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2556 เป็นต้นไป ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 48,900 บาท ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://www.aphonda.co.th/

ฮอนด้าเปิดตัวแอคคอร์ด ใหม่ เจนเนอเรชั่น 9 ที่สุดแห่งความปรารถนาของยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยม




· ฮอนด้า แอคคอร์ด สานตำนาน 37 ปี สู่ยนตรกรรมเหนือระดับ ด้วยดีไซน์หรูหรา สง่างาม พร้อมความสะดวกสบายในการขับขี่ชั้นยอด
· เปิดตัวเครื่องยนต์อัจฉริยะ “เอิร์ธ ดรีม” รุ่นแรกในไทย ครบครันด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำหน้าสมรรถนะสมบูรณ์แบบ ประหยัดน้ำมัน และรองรับ E85
· มั่นใจรอบด้านด้วยระบบความปลอดภัยล้ำสมัย

กรุงเทพฯ วันที่ 11 มีนาคม 2556  บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ยนตรกรรมสุดหรูเจนเนอเรชั่นที่ 9 ที่มีการออกแบบใหม่ทั้งคัน ด้วยดีไซน์หรูหรา สง่างามเหนือระดับ เพื่อสะท้อนรสนิยมและเติมเต็มความต้องการยนตรกรรมระดับหรูของลูกค้าภายใต้การออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมี่ยม นวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ความปลอดภัยสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  มีจำหน่าย รุ่น ราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาท พร้อมแล้วที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดขายที่  20,000 คันภายในหนึ่งปี

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "นับตั้งแต่ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่หนึ่งได้เปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2519 และสามารถครองใจผู้ขับขี่จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบัน มียอดขายสะสมถึงสิ้นปี 2555 รวมทั้งสิ้นมากกว่า 19 ล้านคันใน 160 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย มียอดขายสะสมตั้งแต่ปี 2527 จนถึงปลายปี 2555 รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 138,229 คัน"

"ตลอดระยะเวลา 37 ปี ฮอนด้า แอคคอร์ด ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรมแห่งโลกยานยนต์อันล้ำสมัยในแต่ละช่วงเวลา จึงทำให้ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นสุดยอดยนตรกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่น และส่งมอบความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าทั่วโลกในทุกยุคทุกสมัย สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9  ที่มีดีไซน์สะท้อนถึงความหรูหรา สง่างามเหนือระดับ และสะดวกสบายมากที่สุดที่เคยมีมา ทั้งยังครบครันด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และความคุ้มค่าสูงสุด"

การเปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่นี้ นับเป็นการพลิกโฉมการออกแบบยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมเหนือระดับของฮอนด้าอีกครั้ง ด้วยองค์ประกอบแห่งความเหนือชั้น ได้แก่

ดีไซน์หรูหรา สง่างามเหนือระดับ ผสานอารมณ์สปอร์ตอย่างลงตัว นอกจากประสิทธิภาพอันโดดเด่นทางด้านหลักอากาศพลศาสตร์แล้ว ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เฉียบคมทุกตารางนิ้ว การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของแอคคอร์ดใหม่ได้รับการพัฒนาให้โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่ล้ำสมัย เคร่งขรึมด้วยเสากลางรถสีดำหรูแบบเปียโนแบล็ค และไฟท้ายแอลอีดี

ความสะดวกสบายเหนือจินตนาการ ด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่เน้นการเพิ่มความสบายสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขึ้นกว่าเดิม และที่นั่งโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังมีพนักพิงที่กว้างขวางสะดวกสบาย ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมี่ยม เช่น เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (Active NoiseControl) และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวาเพื่อสุนทรียภาพในการขับขี่ อีกทั้งยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ที่ใช้งานง่ายสะดวก และรวดเร็ว

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 8 นิ้ว ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ โดดเด่นด้วยระบบสั่งการแบบ Smart Interface ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของระบบเครื่องเสียง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth และข้อมูลรถยนต์ผ่านหน้าจอควบคุมอัจฉริยะระบบสัมผัส (On-demand Touch Panel)

ขุมพลังเหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 2.4 ลิตร DOHC ใช้เทคโนโลยีเอิร์ธ ดรีม(Earth Dreams) เป็นรุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการพัฒนาองค์ประกอบการสันดาปภายในและการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร (23.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที  และเครื่องยนต์ สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร SOHC สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร (19.4 กก.-ม.) ที่ 4,300 รอบต่อนาที กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที  ทั้งนี้ เครื่องยนต์ทั้งสองขนาดยังรองรับการใช้น้ำมัน E85 พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด

เทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือชั้น ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ล่าสุดครอบคลุมรอบคันรถ เปิดมุมมอง 360 องศาให้แก่ผู้ขับขี่ อาทิ ระบบ CMBS ซึ่งเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก เพื่อช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว หรือเบรกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชนหรือลดความรุนแรงจากการชน เทคโนโลยี Honda LaneWatch ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยลดจุดบอดและเพิ่มทัศนวิสัยด้านข้างขณะเปลี่ยนเลน ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติ Active Cornering Light เพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวรถในเวลากลางคืน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ช่วยเติมเต็มทัศนวิสัยด้านหลัง พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบแอลอีดี Daytime Running Lights  ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ Dual i-SRS  ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbag  ม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags  ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA  ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย MA-EPS  ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA  ระบบป้องกันล้อล็อก ABS  และระบบกระจายแรงเบรก EBD  ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer  สัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS  และกระจกหน้าต่างคู่หน้าลดการเกาะตัวของหยดน้ำ Water Dispersing  รวมทั้งกระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ (อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น)

เพื่อตอกย้ำว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม และเป็นที่สุดแห่งความปรารถนาของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง ฮอนด้าได้วางแนวทางการสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด All My Desire โดยได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสะท้อนแนวคิดดังกล่าว ผ่านบทเพลง “เสน่หา” ซึ่งได้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาอังกฤษ และมีการเรียบเรียงดนตรีขึ้นมาใหม่ มีกำหนดออกอากาศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มีจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น ขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ได้แก่ รุ่น 2.0EL และ 2.0EL (Navi) และขนาดเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ได้แก่ 2.4EL,  2.4EL (Navi)  และ 2.4 TECH ในราคาตั้งแต่ 1,299,000 บาท ถึง 1,799,000 บาท มีให้เลือก 5 สี คือ สีขาวออร์คิด (ขาวมุก-เพิ่ม 12,000 บาท)  สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก-เพิ่ม 8,000 บาท) และมี 2 สีใหม่ คือ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีทองแชมเปญฟรอสต์ (มุก-เพิ่ม 8,000 บาท)

“เรามั่นใจว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ จะมาสร้างตำนานบทใหม่ของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่ให้ความหรูหรา สง่างาม และความสะดวกสบายเต็มพิกัด พร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยให้ความคุ้มค่าสูงสุด และจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยเช่นเดียวกับทุกๆ เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา โดยเราตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 20,000 คันภายในหนึ่งปี” นายพิทักษ์ กล่าวปิดท้าย

“กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป”แถลงข่าวจัดงาน“The 34th Bangkok International Motor Show”ภายใต้คอนเซ็ปต์“แฟชั่นแห่งโลกยนตรกรรม” คาดยอดจองไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นคัน ตั้งเป้าผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1.9 ล้านคน


“กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ยานยนต์เมืองไทย จัดงานแถลงข่าวความพร้อมการจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Street of automotive fashion-แฟชั่นแห่งโลกยนตรกรรม” เผยค่ายรถยนต์เตรียมขนขบวนรถใหม่โชว์ตัวในงานหลากหลายรุ่น เชื่อทุบสถิติยอดจองปีที่แล้ว คาดทำตัวเลขทะลุ 60,000 คัน

บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แถลงข่าวจัดการจัดงานแสดงยนตรกรรมระดับโลกอย่าง“บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” อย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ อิมแพค เมืองทองธานี โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “Street of automotive fashion-แฟชั่นแห่งโลกยนตรกรรม” ซึ่งถือเป็นทิศทางของการตลาดรถยนต์ในปี 2556 ที่ฝ่ายจัดงานเชื่อว่าบรรดาค่ายรถยนต์ต่างก็ต้องการนำเสนอยนตรกรรมที่มีความแตกต่างด้านดีไซน์ และเทคโนโลยีที่โดดเด่น เพื่อช่วงชิงพื้นที่ในตลาดรถยนต์

ทางคณะผู้จัดงานฯยังได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในแวดวงยานยนต์และผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานขึ้นร่วมแถลงบนเวที นำโดย ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และประธานจัดงาน“บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34”,คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโสฯและการจัดงานฯ,คุณสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี การท่องเที่ยวและกีฬา ,คุณเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ,คุณอดิศักดิ์ โรหิตะศุน นายกสมาคมวิศวะกรรมยานยนต์ไทย,คุณอัชณา ลิมป์ไพฑูรย์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย,รศ.ดร.ณกร อินทร์พยุง อุปนายกสมาคมระบบขนส่งการจราจรอัจฉริยะ,คุณณรงค์ ไกรสวัสดิ์ เลขาธิการราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.)และคุณพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เมเนจเม้นท์ จำกัด พร้อมด้วย คุณอโณทัย – คุณพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานกรรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ร่วมเป็นเกียรติงานแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เปิดเผยว่า “ ต้องยอมรับว่าปีที่ผ่านมานับเป็นปีทองของวงการยานยนต์ไทย หลังทำยอดขายรถยนต์ในปีพ.ศ.2555ทะลุถึง 1.4 ล้านคัน ถือเป็นอีกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งแห่งวงการรถยนต์เมืองไทย ความสำเร็จดังกล่าวมาจากปัจจัยบวกรอบด้าน อาทิ ภาษีรถคันแรก ที่หลายบริษัทได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้”

“ขณะเดียวกันยังมีผลมาจากหลังเกิดวิกฤติน้ำท่วม ซึ่งทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์สะสมมาจากช่วงปลายปี 2011 คนไทยจำนวนมากต้องเปลี่ยนรถ ขณะเดียวกันบางรายก็ต้องการรถที่สามารถใช้กับสภาพน้ำท่วม อย่างรถปิกอัพ ซึ่งกลายเป็นรถยอดนิยมในปีที่ผ่านมา”

“นอกจากนี้ รวมถึงการที่ค่ายรถยนต์หลายรายทำการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถอีโคคาร์ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือรถกระบะ ที่อยู่ในโครงการของภาครัฐ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของยอดขายรถยนต์โดยรวมของเมืองไทยในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดค้างส่งแบบข้ามปีด้วย” ดร.ปราจิน เผย

อย่างไรก็ดี ดร.ปราจิน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า“แม้กระแสของวงการรถยนต์ในปีนี้จะไม่แรงเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากในค่ายรถยนต์ต่างก็ต้องเร่งทำการตลาดสำหรับช่วงต้นปีนี้ ด้วยการทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ขณะที่การแข่งขันในกลุ่มอีโคคาร์ ก็ยังคงดำเนินต่อ เพราะค่ายรถยนต์อย่างมิตซูบิชิ ก็มีการนำ มิตซูบิชิ คอนเซ็ปต์ จี 4 อีโคคาร์ 4 ประตูรุ่นใหม่ มาโชว์ตัวในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ด้วยด้วย นอกจากนี้กระแสของอีโคคาร์ฝั่ง โตโยต้า ก็ยังคงมีข่าวลือออกมาให้เห็นเป็นระยะด้วย แต่ที่แน่นอนแล้วคือ โตโยต้า วีออส ใหม่ ที่จะมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานเราด้วย”

สำหรับไฮไลต์ของงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 จะอยู่ที่การนำยนตรกรรมจากค่ายรถยนต์ต่างๆ มาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด อาทิ การเปิดตัวของ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 สกายแอคทีฟ, มาสด้า 2 รุ่นลิมิเต็ด, ฟอร์ด เอคโค่ สปอร์ต, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ และ เชฟโรเลต สปิน

นอกจากนี้ จะรวมไปถึง ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่, นิสสัน พัลซาร์ และนิสสัน เออร์แวน รถตู้รุ่นใหม่ ฮุนได เวลอสเตอร์ และ ซูซูกิ เออร์ติก้า รถสไตล์ “MPV” รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย ซูซูกิ ด้วย ขณะเดียวกันในกลุ่มรถหรูก็มีรถไฮไลต์อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 300, เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ สปอร์ตซีดาน คูเป้, บีเอ็มดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด ซีรีส์ 3, ซีรีส์ 5, และซีรีส์ 7 แอล มาร่วมโชว์ตัวด้วย

ส่วน “คอนเซ็ปต์คาร์” หรือ “รถต้นแบบ” ซึ่งถือเป็นตัวที่กำหนดทิศทางเทคโนโลยียานยนต์ของแต่ละแบรนด์ และนับเป็นไฮไลต์ของงานมอเตอร์โชว์ทั่วโลก ก็จะมีมาจัดแสดงใน บางกอก มอเตอร์โชว์ด้วย โดยขณะนี้ได้รับการยืนยันจากหลายค่ายที่น่าจะนำเข้ามา โดยคอนเซ็ปต์คาร์ที่จะมาแสดงใน บางกอก มอเตอร์โชว์แน่นอนแล้วคือ มิตซูบิชิ คอนเซ็ปต์ จี 4 อีโคคาร์ 4 ประตู, เมอต์เซเดส เบนซ์ ซีแอลเอ คอนเซ็ปต์ (Mercedes Benz CLA Concept) และ นิสสัน เอลลัวร์ (Nissan Ellure) ซึ่งเป็นรถต้นแบบสำหรับ นิสสัน ซิลฟี่ ในปัจจุบัน ส่วนค่ายอื่นๆ อาทิ ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า รวมถึงแบรนด์อื่นๆ ก็มีการเตรียมนำรถต้นแบบเข้ามาแสดงในงานอย่างคับคั่ง

“ผมเชื่อว่า มอเตอร์โชว์ปีนี้น่าจะคึกคักไม่แพ้ปีที่ผ่านมา สำหรับยอดจองภายในงาน ปีที่แล้ว 57,000 คัน ปีนี้ผมไม่อยากไปสร้างความกดดันให้กับบริษัท แต่เท่าที่จับกระแสทุกค่ายหวังจะสร้างยอดจองไม่ต่ำกว่าเดิม เมื่อประเมินอย่างนี้ ผมก็คาดการณ์ยอดจองน่าจะไม่ต่ำกว่า 60,000 คัน อย่างแน่นอน” ดร.ปราจิน กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน คุณจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เปิดเผยว่า “รถยนต์เป็นเสมือนแฟชั่นแห่งโลกยนตรกรรม ที่ทุกบริษัทต้องออกแบบเพื่อนำเสนอเป็นทางเลือกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ การออกแบบภายในและภายนอก แม้กระทั่งสีสันและลายเส้น รถยนต์และเทคโนโลยีก้าวล้ำไปเยอะมาก ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในการจัดงานมอเตอร์โชว์ เราก็ต้องมองอนาคตของยานยนต์ ควรจะไปในทิศทางใด ตลาดโลกจะเป็นอย่างไร

“ฉะนั้นทิศทางของ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ในปีนี้ จึงอิงไปทางแฟชั่น เพื่อปลุกกระแสให้ผู้เข้าชมได้เห็นสีสันรวมถึงแนวทางที่ชัดเจน และแตกต่างของค่ายรถยนต์แบรนด์ต่างๆ ในฐานะผู้จัดงานจึงอยากให้ผู้เข้าชม ได้สัมผัสแนวคิดและการเปลี่ยนแปลงของทาง บางกอก มอเตอร์โชว์ และค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่เข้าร่วมแสดงยนตรกรรมในงานของเราด้วย”

คุณจาตุรนต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้มีค่ายผู้ผลิตรถยนต์ตอบรับเข้าร่วมงานแล้วทั้งสิ้น 36 ราย ส่วนค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ตอบรับร่วมงาน 7 ราย ด้านสินค้าอุปกรณ์ตกแต่ง และชิ้นส่วนยานยนต์ตอบรับเข้าร่วมทั้งสิ้น 230 แบรนด์ ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความคึกคักให้กับงานได้อย่างมาก”

“โดยรถไฮไลต์ที่คาดว่าจะมีราคาแพงที่สุดในงานคือ โรลส์-รอยซ์ รุ่นใหม่ราคากว่า 30 ล้านบาท และ ลัมบอร์กินี รุ่นใหม่ซึ่งยังคงเป็นความลับของค่ายดังกล่าว ส่วนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีหลัง ก็นับเป็นออกไฮไลต์หนึ่งของงาน โดยจะมีบิ๊กไบค์รุ่นใหม่อย่างน้อย 3 รุ่น ที่จะมาเปิดตัวภายใน บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ด้วย” นายจาตุรนต์ เผย

ทั้งนี้ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ นับเป็น งานมอเตอร์โชว์ที่ได้รับการรับรองจาก OICA ให้บรรจุเข้าไปอยู่ในปฏิทินมอเตอร์โชว์โลก โดย “กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป” ในฐานะฝ่ายจัดงาน ได้พยายามพัฒนามุมมอง และการนำเสนอที่แปลกใหม่ในทุกๆ ปี นอกจากไฮไลต์ด้านการแสดงยนตรกรรมของค่ายรถยนต์ รถจักยานยนต์ต่างๆ รวมถึงค่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว บางกอก มอเตอร์โชว์ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ กิจกรรมภายในงานที่มีให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสอย่างต่อเนื่องในทุกวันของการจัดงาน นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำหรับการทดสอบรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 33,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นสนามที่ได้ มาตรฐานสำหรับการทดสอบรถยนต์โดยเฉพาะ ขณะเดียวกันการประกวดมิสมอเตอร์โชว์ที่เว้นวรรคไป 1 ปีก็จะกลับมาประกวดอีกครั้งในปีนี้ 

สำหรับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34” จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - วันที่ 7 เมษายน 2556 ที่จะถึงนี้ ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี โดยเปิดให้เข้าชม ในวันธรรมดา ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น.และในวันหยุด ตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น. บัตรเข้าชมงานยังคงจำหน่ายที่ 100 บาท และหางบัตรยังสามารถใช้ชิงโชครับของรางวัลต่างๆอาทิ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ รวมถึงของรางวัลอีกมากมายเช่นเดิม

“ทีเอสแอล” ส่ง Porsche Carera S by LUMMA Design ลงสนามสู้ศึกตลาดรถแต่งเมืองไทย หวังครองใจสาวกปอร์เช่


“LUMMA Design” ชุดแต่งสัญชาติเยอรมันพันธุ์แท้ จับมือ “ทีเอสแอล” พันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เดินหน้ารุกตลาดชุดแต่งรถหรูในประเทศไทยเน้นเอาใจคนรักปอร์เช่โดยเฉพาะ เผยโฉมพระเอกหน้าใหม่Porsche Carrera S by LUMMA Design มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวสะท้อนความเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์ได้อย่างแท้จริง

นางสาวสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยนตรกรรมชั้นนำจากต่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า “ในปีนี้ ทีเอสแอลยังคงเดินหน้าทำตลาดรถหรูควบคู่ไปกับการนำเสนอชุดแต่งรถสปอร์ต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาทีเอสแอลได้ร่วมกับสำนักแต่ง “LUMMA Design” ผู้นำด้านการผลิตและออกแบบชุดแต่งสัญชาติเยอรมัน เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการทำตลาดชุดแต่งรถยนต์ในเมืองไทย โดยเฉพาะรถยนต์ปอร์เช่ อาทิ Panamera, Carrera และ Cayenne เป็นต้น”

“ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ LUMMA Design เชื่อว่าลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจสูงสุดในการเลือกรถที่สะท้อนความเป็นตัวตนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น สีของรถยนต์ที่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของลูกค้า ขณะที่การตกแต่งภายในก็เต็มไปด้วยออปชั่นเสริมมากมาย เช่น บริเวณแผงประตู พวงมาลัย และคอนโซลหน้า ซึ่งได้รับการออกแบบและตกแต่งให้ลงตัว หรูหรา โฉบเฉี่ยวมากขึ้นตามแบบฉบับของลูกค้าทุกคน” คุณสุรีย์ภรณ์กล่าวเสริม

คุณสุรีย์ภรณ์ กล่าวต่อว่า “ปัจจัยหลักที่ตัดสินใจเลือก LUMMA Design เป็นพันธมิตรธุรกิจที่ใกล้ชิดต่อกัน เพราะนอกจากเป็นบริษัทชุดแต่งระดับโลกแล้วยังสามารถผลิตรถที่มีการปรับแต่งทั้งคัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการดีไซน์ที่ดุดันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะสร้างแบรนด์ LUMMA Design ภายใต้การจำหน่ายโดยทีเอสแอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะเดียวกันกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณามอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ LUMMA Design ซึ่งสิทธิประโยชน์จะนอกเหนือจากบัตรมิราเคิล การ์ด ที่ลูกค้าได้รับอยู่แล้วเพิ่มขึ้นอีกด้วย”

สำหรับขั้นตอนและระยะเวลาการส่งมอบ กรณีลูกค้าสนใจซื้อรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน ลูกค้าสามารถเลือกแบบและลงรายละเอียดชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตได้ตรงตามความต้องการทั้งหมดโดย LUMMA Design ประเทศเยอรมนี จะใช้ระยะเวลาในการปรับแต่งประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน หลังจากนั้นจะจัดส่งมอบรถให้กับลูกค้าตามขั้นตอน นอกจากนั้นบริการหลังการขายจากทีเอสแอลจะยังคงความโดดเด่นด้วยศูนย์บริการ SMRT ที่ได้มาตรฐานพร้อมช่างผู้ชำนาญการโดยเฉพาะและพร้อมที่จะให้บริการแก่ลูกค้าตลอด 24 ชม.

สำหรับรถยนต์ที่เป็นชุดแต่งรุ่นล่าสุดของ LUMMA Design คือ Porsche Carrera S by LUMMA Design CLR 9 S ถูกดีไซน์ภายนอกให้มีความโค้งมนสวยงาม พร้อมชุดแต่งสปอยเลอร์ที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวด้วยความหลากหลายทั้งในเรื่องของสีและวัสดุสุดเนียบรอบคันที่คัดสรรมาเพื่อลูกค้าของทีเอสแอลไม่ว่าจะเป็นล้อขนาด 20 นิ้ว รวมถึงความปราณีตในการปรับแต่งภายในให้หรูหราลงตัวทุกสัดส่วนโดดเด่นด้วยโลโก้ LUMMA Design ที่บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ขับขี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นต้น

ด้าน มร.ซาช่า คาสโพรเวียค ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเซีย LUMMA Design เปิดเผยว่า “LUMMA Design มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ ทีเอสแอล พันธมิตรธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งมากด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เพื่อเปิดตลาดชุดแต่งและนำเข้ารถภายใต้แบรนด์ LUMMA Design ในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยที่หลงใหลในความแรงของรถสัญชาติเยอรมัน โดยหวังว่าลูกค้าในประเทศไทยจะเข้ามาสัมผัสจับจองเป็นเจ้าของพร้อมกับสร้างจินตนาการในการออกแบบรถตามสไตล์ที่ชื่นชอบร่วมกัน และการที่ทีเอสแอลมีแผนธุรกิจที่จะขยายไปประเทศพม่า นับเป็นโอกาสที่ดียิ่งของ LUMMA Design ซึ่งจะได้ขยายธุรกิจไปในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมๆ กับทีเอสแอล”

นอกจากนี้ “ทีเอสแอลตั้งเป้ายอดขายรถ LUMMA Design แบบสำเร็จรูปหรือ Complete Car ไว้เพียง 6 คันเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์นั้นทางทีเอสแอลยังคงตอบรับตามความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะทีเอสแอลมีความตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์ LUMMA Design จากประเทศเยอรมนีให้เป็นที่รู้จักและกลายเป็นชุดแต่งที่ชื่นชอบสำหรับลูกค้าในประเทศไทยที่หลงใหลในการตกแต่งรถยนต์ทั้งสมรรถนะและรูปลักษณ์ โดยลูกค้าสามารถชมและเลือกสรรชุดแต่งรถแบรนด์ LUMMA Design ได้ที่โชว์รูมทีเอสแอลที่เดียวเท่านั้น” คุณสุรีย์ภรณ์ กล่าวปิดท้าย

มาสด้าแนะนำมาสด้า2 รุ่นพิเศษ “ลิมิเต็ด เอดิชั่น” รับมอเตอร์โชว์ แถมโปรโมชั่นเด็ดดาวน์ 2 หมื่น ดอกเบี้ย 33 สตางค์

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 8 มีนาคม 2556 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ที่พุ่งทะลุเกิน 35% เดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์เมืองไทยต่อทันที ด้วยการการงัดกลยุทธ์เด็ดออกแคมเปญต้อนรับมอเตอร์โชว์ "Mazda Hot Deal" ให้ลูกค้าไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของสายพันธุ์สปอร์ตเร้าใจจากมาสด้าให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์และรถปิกอัพมาสด้าทุกรุ่นได้ง่าย ออกรถวันนี้รับโปรโมชั่นเดียวกันกับงานมอเตอร์โชว์ ด้วยเงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 22,000บาท ดอกเบี้ยต่ำสุดๆ เริ่มต้นถูกกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเพียง 33 สตางค์เท่านั้น แถมใจดีให้ฟรีประกันชั้นหนึ่งทุกรุ่น เริ่มแล้ววันนี้ไม่ต้องรอถึงงานมอเตอร์โชว์ หมดเขตถึง 7 เมษายนนี้เท่านั้น
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์ในช่วงเดือนสองเดือนแรกที่ผ่านมานั้น เริ่มส่งสัญญาณถึงสถานการณ์และทิศทางที่เปลี่ยนไป แม้ว่าหลายๆ ค่ายจะกำยอดจองสะสมอยู่ในมือจำนวนมากก็ตามที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กำหนดการรับรถของลูกค้าที่ยังไม่ระบุชัดเจน รวมถึงการชะลอการออกรถของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรก ยังไม่ได้รีบเร่งออกรถใหม่ เนื่องจากเหตุผลที่หลากหลายทางด้านความพร้อม ทำให้ความคึกคักของตลาดในช่วงแรกไม่เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ในขณะที่มาสด้ามียอดจองสะสมอยู่ตั้งแต่ปีที่แล้วประมาณ 20,000 คัน ยอดจองสูงสุดคือรถมาสด้า2 ตามมาด้วยมาสด้า บีที-50 โปร ตั้งแต่ต้นปีได้ทยอยส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้ารวมทุกรุ่นเฉลี่ยเดือนละ 6,000 คัน และนับแต่เปิดปีศักราชใหม่มานี้ มาสด้าได้ออกกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจออกรถของลูกค้าให้เร็วขึ้น และเพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อรถในปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ยังคงแรงทะลุเป้าเกิน 6,000 คัน
ยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำเดือนกุมภาพันธ์พุ่งโตสูงสุดถึง 35% จากยอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 6,024 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ได้รับความนิยมสูงสุดสามารถทำลายสถิติสูงสุดอีกครั้งด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 3,219 คัน รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 411 คัน มีอัตราการเติมโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 53% รถปิกอัพสไตล์เก๋งมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 2,392 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 181% นอกจากนี้รถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ รถสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 และรถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู มาสด้า ซีเอ็กซ์-9 มียอดขายรวมกันอีก 2 คัน
นอกจากแคมเปญรับมอเตอร์โชว์แล้ว มาสด้ายังมุ่งไปที่การสร้างความต้องการเป็นเจ้าของรถมาสด้าจากแนวทางของตัวสินค้าเป็นหลัก ด้วยการส่งมาสด้า2 รุ่นพิเศษ ลิมิเต็ด เอดิชั่น สปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ กับไฟหน้า LED ออพชั่นหนึ่งเดียวในคลาส เสริมความสปอร์ตแบบพรีเมี่ยมขึ้นอีกระดับ และยังมีสีพิเศษ สีแดง ซีลเรด ไมก้า (Zeal Red Mica) ที่มีความเข้มและความเงาของสีพิเศษกว่าสีอื่นทั่วไป รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น นี้ลงตลาดพร้อมชุดแต่งสปอร์ตแพ็กเก็จ ซึ่งจะเปิดตัวสู่ตลาดคนรักรถสปอร์ตในอีก 2 สัปดาห์นี้ ทั้งนี้ กลยุทธ์ออกรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นพิเศษ นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์รุกตลาดที่สำคัญของมาสด้าที่ช่วยสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด และทำให้แบรนด์มาสด้ามีความสดใหม่อยู่เสมอ
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากการเปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่มาพร้อมชุดแต่งและอุปกรณ์ความเป็นสปอร์ตรอบคัน ในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มาสด้าได้ออกแคมเปญพิเศษ Mazda Hot Deal ถือเป็นโปรโมชั่นที่คุ้มค่าที่สุดในรอบ 2 ปี โดยมาสด้าได้รับการสนับสนุนทางด้านการปล่อยสินเชื่อรายใหม่เป็นอย่างดีจากมาสด้าลิสซิ่งของเรา เนื่องที่ผ่านมาลูกค้าของมาสด้าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีโปรไฟล์ที่ดีและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงนอกจากเงินดาวน์ที่ต่ำแล้ว ดอกเบี้ยยังต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการให้ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรี 1 ปี
มาสด้าอออกโปรโมชั่นสุดพิเศษรับข้อเสนอสุดฮ็อต "Mazda Hot Deal" เตรียมสตาร์ทความสปอร์ตเร้าใจ...กับข้อเสนอสุดเช่นเดียวกันกับงานมอเตอร์โชว์ ลูกค้าสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกสี ทุกคัน ด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ ที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันงานจริง โดยเฉพาะลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์นั่งสปอร์ตที่ขับสนุก ด้วยเงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 22,000 บาทเท่านั้น หรือเลือกรับดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 1.79% รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 เครื่องยนต์ 1.6L และเครื่องยนต์ 2.0L เงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 33,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 0.33% เท่านั้น และสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถปิคอัพสไตล์เก๋งเสริมความภูมิฐาน มาสด้า บีที-50 โปร ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.99% พร้อมรับฟรีแพ็กเกจค่าบำรุงรักษา 1 ปีเต็ม รถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ รถสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 และรถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู มาสด้า ซีเอ็กซ์-9 อัตราดอกเบี้ยเพียง 2.45% และแถมฟรีแพ็กเกจค่าบำรุงรักษาฟรีนาน 3 ปี พร้อมกันนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังแถมฟรีประกันชั้นหนึ่ง
ยอดขายรถยนต์มาสด้า เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2556

Model
กุมภาพันธ์ 56
กุมภาพันธ์ 55
เปลี่ยนแปลง%
Mazda2
3,219
3,327
- 3
Mazda3
411
269
+ 53
Mazda BT-50 PRO
2,392
851
+ 181
Premium Car
2
4
- 50
ยอดรวม
6,024
4,451
+ 35

นิสสันรุกตลาดแฮทช์แบคเปิดตัว นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ - รถยนต์แฮทช์แบค 5 ประตูระดับพรีเมี่ยมเพื่อทุกการขับขี่ในเมืองที่คล่องตัว




กรุงเทพมหานคร (7 มีนาคม 2556) – บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ รถยนต์แฮทช์แบค 5 ประตู สำหรับผู้มีสไตล์ โดยรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อเป็นรถยนต์แฮทช์แบค ระดับพรีเมี่ยมที่ให้ความรื่นรมย์ทุกการขับขี่ และได้รับการออกแบบที่ดูมีระดับ ปราดเปรียวทุกมุมมอง ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสมรรถนะและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้น  พร้อมมอบพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวางสะดวกสบาย
 ด้วยการออกแบบที่เน้นอารมณ์สปอร์ตในทุกมุมมอง นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ จึงถูกสรรสร้างให้มีเส้นสายที่ปราดเปรียวพลิ้วไหว โดยเฉพาะเส้น Waistline ที่ได้รับแรงบรรดาลใจจากมาจากรถสปอร์ตหรู อย่างนิสสัน 370Z นอกจากนี้ยังโดดเด่นอีกระดับด้วย ไฟหน้าแบบไบซีนอนโปรเจ็คเตอร์ และล้ออัลลอยลายดุดันขนาด 17 นิ้ว

ส่วนจุดขายหลักของนิสสัน พัลซาร์ คือ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ที่มาพร้อมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน และระบบนำทางแบบหน้าจอสัมผัส ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ และห้องโดยสารที่กว้างขวางที่เหนือกว่าใคร

นิสสัน พัลซาร์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.8 ลิตร และเครื่องยนต์พัฒนาใหม่ขนาด 1.6 ลิตร ระบบส่งกำลัง   XTRONIC CVT (Continuous Variable Transmission) ช่วยให้นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ ขับขี่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

เรารู้สึกตื่นเต้นกับการแนะนำนิสสัน พัลซาร์ ใหม่สู่ตลาดเมืองไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ารถยนต์รุ่นนี้ จะช่วยเติมเต็มไลน์ผลิตภัณฑ์ของนิสสัน และจะช่วยเพิ่มจำนวนยอดขายให้กับตลาดเมืองไทยอีกด้วย สำหรับเป้าขายของรถยนต์รุ่นนี้อยู่ที่ 7,500 คันต่อปี นายทาคายูกิ คิมูระ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวพร้อมเสริมว่า นิสสัน พัลซาร์ คือ รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดและนับเป็นรุ่นที่ ที่นิสสันได้แนะนำสู่ตลาดภายใต้แผนธุรกิจ  NMT Power Up 2016

นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ เปิดตัวหลังจากการแนะนำนิสสัน ซิลฟี รถยนต์คอมแพคแบบ 4 ประตูอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน เมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายเฉลี่ย 1,500 คันต่อเดือน  และเมื่อรวมกับ
นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ นิสสันตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถยนต์คอมแพคในประเทศไทยที่  20%”  

นิสสัน พัลซาร์ ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ใช้รถยนต์ของกลุ่มหนุ่ม-สาว ยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายหรือ Urbanistas สะท้อนคล่องตัว และช่วยผลักดันให้แบรนด์นิสสันเข้าไปใกล้กลุ่มลูกค้าเหล่านี้มากขึ้น คุณประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส การตลาดและขาย กล่าว พร้อมเสริมว่า เราได้เลือกการสื่อสารไปยังกลุ่มนี้ด้วยคำนิยาม  กล้าที่จะเติมสไตล์ให้ชีวิต ผ่านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ และช่องทางการสื่อสารหลากหลายรูปแบบรวมทั้งด้านออนไลน์ และการจัดแสดงนิสสัน พัลซาร์ ในแหล่งฮอทฮิตกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ

ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสพร้อมทดลองขับรถนิสสัน พัลซาร์ ใหม่ได้แล้ววันนี้ที่บริเวณจัดงาน ณ ศูนย์การค้าสยาม เซ็นเตอร์ ระหว่างวันที่ 8-10 มีนาคม 2556 และที่ผู้จำหน่ายนิสสันทั่วประเทศ หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก  www.nissan.co.th    หรือwww.facebook.com/NissanThailand

MOTORWAY ฉลองเปิดโชว์รูมรถหรูมือสองเอาใจลูกค้าระดับพรีเมี่ยม


 21 กุมภาพันธ์ 2556: มอเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) ถือฤกษ์ดีจัดเลี้ยงขอบคุณลูกค้า พร้อมฉลองเปิดโชว์รูม MOTORWAY โชว์รูมรถยนต์พรีเมี่ยมมือสองคุณภาพดี และศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพแห่งใหม่ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เอกมัย-รามอินทราอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรองรับลูกค้าระดับพรีเมี่ยม
นายสันติ  อภิสิทธิ์ภูวกุล ผู้บริหารมอเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “มอเตอร์เวย์ เป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจรถยนต์กว่า 30 ปี ด้วยการคัดสรรรถยนต์พรีเมี่ยมมือสองคุณภาพดี โดยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการรถ จึงมั่นใจได้ว่ารถยนต์ที่คัดสรรมาจะตรงใจลูกค้า อีกทั้งเรายังสร้างความมั่นใจในคุณภาพรถด้วยศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพพร้อมใช้งาน มาตรฐาน ISO โดยทีมช่างที่พร้อมช่วยเหลือและให้คำแนะนำทั้งก่อนและหลังการขาย ตลอดระยะเวลาการทำงาน เราได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ลูกค้าที่ต้องการความดูดีมีระดับ โดยโชว์รูมใหม่ของ MOTORWAY เปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายปี 2555 ที่ผ่านมาด้วยงบประมาณสำหรับการจัดตั้งโชว์รูมและศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพกว่า 500 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ทำให้เรามีความพร้อมทั้งด้านพื้นที่โชว์รูมและศูนย์บริการที่กว้างขวาง ส่งผลให้ในอนาคต MOTORWAY สามารถขยายธุรกิจให้ครอบคลุมได้มากขึ้น รองรับปริมาณรถที่จะนำเข้ามาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกรถยนต์คุณภาพที่มีความหลากหลาย
 ด้วยความสวยงามทันสมัยของโชว์รูม MOTORWAY บวกกับประสบการณ์อันยาวนานของเรา ทำให้หลังจากย้ายมาเปิดบริการที่นี่ เราได้รับผลตอบรับที่ดีมาก มีลูกค้ามากกว่าเดิมถึง 50% ขณะนี้โชว์รูมของเรามีรถยนต์มือสองระดับพรีเมี่ยม เกรด AAA หลายยี่ห้อให้ลูกค้าเลือกกว่า 200 คัน อาทิ JAGUAR, MERCEDES-BENZ, BMW , VOLVO, AUDI, MINI COOPER, LEXUS, TOYOTA, HONDA, NISSAN เป็นต้น สำหรับราคารถยนต์เริ่มต้นตั้งแต่ 8 แสนบาท ถึง 8 ล้านบาท นอกจากนี้หากลูกค้าท่านไหนที่มีแบบรถในใจอยู่แล้ว เราก็สามารถหารถตามความต้องการของลูกค้ามาให้ได้เช่นกัน ปีนี้เราตั้งเป้าหมายยอดขายตลอดปีนี้ไว้ที่ 800 คัน และในอนาคต คาดว่าจะขยายสาขาออกไปยังปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีก 25% ต่อปี
ภายในงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของโชว์รูม MOTORWAY ยังมี 5 ดาราสาวสุดเซ็กซี่ระดับแนวหน้าของเมืองไทยไม่ว่าจะเป็น เมย์-พิชญ์นาฎ , อุ้ม-ลักขณา , ต่าย-ชัชฎาภรณ์ , หยก-ธัญยกันต์ , โอ๋-รุ่งระวี ร่วมเล่นเกมส์ ถ่ายภาพ และสร้างสีสันกับแขกผู้มีเกียรติภายในงานอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง

“คอมแพ็ค” ทุ่มกว่า 135 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตผ้าเบรก-ลุยจัดโรดโชว์ครั้งยิ่งใหญ่ มั่นใจความต้องการตลาดมีสูง ตั้งเป้าจบปี 2556 กวาดยอดขายได้ถึง 1,000 ล้านบาท


“คอมแพ็ค” ผู้นำผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกเมืองไทย เผยนโยบายและแผนงานทางธุรกิจประจำปี 2556 หลังจากปีที่ผ่านมาทำยอดขายได้ 820 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2554 พร้อมทั้งทุ่มงบกว่า 135 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตจาก 4 ล้านชุดเป็น 5.5 ล้านชุด ในไตรมาสสองนี้ เพื่อรองรับความต้องการตลาดที่มีอยู่สูง ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาเป็นที่ปรึกษาในด้านการวิจัยและพัฒนา และเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ภายใต้เทคโนโลยี NAO (Non Asbestos Organics) ด้วยฝีมือของไทยคุณภาพระดับโลก จัดกิจกรรมโรดโชว์ Pause For Safety “หยุดอย่างปลอดภัย มั่นใจในผ้าเบรก” ขึ้นทั่วภูมิภาคของไทย ประเดิมที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นแห่งแรก กลางเดือนมีนาคมนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2556 ไว้ที่ 1,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 20%  

       
นายพัฒนะ อิสระพิทักษ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและภาพลักษณ์บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกคุณภาพสูงระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ COMPACT, DIAMOND และ MUSASHI เปิดเผยถึงความสำเร็จทางยอดจำหน่ายผ้าเบรกแบรนด์ต่าง ๆ ปีที่ผ่านมาว่า มียอดจำหน่ายที่ 820 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2554 แบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ (ตลาดทดแทน) 70% ตลาด OES 10% (ป้อนศูนย์บริการรถยนต์แบรนด์ต่างๆ) และตลาดต่างประเทศประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดเซีย ออสเตรเลีย และภูมิภาคตะวันออกกลางอีก 20% ขณะที่แผนการขยายตลาดต่างประเทศใหม่ๆ ทั้งที่รัสเซียและบราซิลยังเป็นไปตามแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้ รวมถึงการตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเมืองทวาย ประเทศพม่า เพื่อรองรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ภายในปี 2558    
          
จากการเติบโตทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพันธกิจของ “คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994)” ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกไร้ใยหิน ภายใต้เทคโนโลยี NAO (Non Asbestos Organics) จึงมีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถทั้งเชิงรุกและเชิงรับในกระบวนการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ในทุกภาคส่วน ด้วยการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัท ประกอบด้วย Mr.Takagi Teiji ผู้ชำนาญการด้านสูตรเคมีผ้าเบรก ที่มีชื่อเสียงจากประเทศญี่ปุ่น, Mr.Mike Hibbert ผู้ชำนาญการด้านสูตรเคมีผ้าเบรกที่มีชื่อเสียงจากยุโรป เคยร่วมพัฒนาสูตรผ้าเบรกรถบรรทุกในยุโรปมากว่า 20 ปี และ Mr.Marvin Weintraub ผู้ชำนาญการด้านสูตรเคมีผ้าเบรกที่มีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา อดีตประธานสมาพันธ์ความปลอดภัยโลก ประสบการณ์ทำงานจาก ฟอร์ด มอเตอร์ และประธานจัดงาน SAE หรืองานวิชาการเกี่ยวกับเบรกโดยตรง รวมถึงการนำเข้าเครื่องทดสอบประสิทธิภาพการเบรกจากอเมริกาที่จะทำให้เรามั่นใจในประสิทธิภาพของสินค้าที่ผลิตออกสู่ตลาด ทั้งนี้ เพื่อมุ่งให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสถึงประสิทธิภาพของผ้าเบรกไร้ใยหินของบริษัทได้อย่างชัดเจน และเป็นการต่อยอดการทำตลาดในอนาคต เพื่อรับมือกับการเปิดเขตการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ (AEC) ในปี 2558 และการทำตลาดต่างประเทศโดยรวม   

“จากนี้ไปผู้บริโภคชาวไทยจะมีสิทธิ์ในการเลือกใช้ผ้าเบรกที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสมต่อรถยนต์ที่ใช้อยู่ สะท้อนถึงขีดความสามารถในการผลิตผ้าเบรกไร้ใยหินของบริษัทที่มีคุณภาพทัดเทียมแบรนด์ดังๆ ระดับโลกที่สามารถให้ความคุ้มค่าคุ้มราคา อีกทั้งปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ความต้องการผ้าเบรกของบริษัทมีสูงกว่ากำลังผลิตกว่า 1-1.5 ล้านชุดในทุกกลุ่ม ทำให้กำลังผลิตทั้งที่โรงงานจังหวัดเพชรบุรีและมหาชัยที่มีรวมกัน 4 ล้านชุดต่อปีไม่เพียงพอ บริษัทจึงเร่งขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สองนี้ ณ โรงงานจังหวัดเพชรบุรี โดยใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 30% หรือราว 1.5 ล้านชุด และสามารถเพิ่มได้ถึง 1.5 ล้านชุดหรือ 50% ของกำลังผลิตในปัจจุบัน ซึ่งในปี 2556 บริษัทตั้งเป้าขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นราว 20% จากปีที่ผ่านมา มั่นใจว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดเมืองไทยปี 2555 ที่มีจำนวนร่วม 1.6 ล้านคัน บวกกับรถยนต์เก่าที่ยังใช้งานอยู่นับ 10 ล้านคัน จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จตามที่คาดไว้อย่างแน่นอน”
 
นายพัฒนะ อิสระพิทักษ์กุล กล่าวต่อว่า เพื่อให้ยอดขายบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งเป้าไว้ จึงทุ่มงบประมาณเบื้องต้นอีกไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท เพื่อใช้สื่อสารทางการตลาดผ่านการประชาสัมพันธ์สื่อต่างๆ รวมทั้งจัดโปรโมชั่นกับร้านค้าผู้แทนจำหน่ายและผู้บริโภค โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมโรดโชว์ขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์บริษัท ตราสินค้า และผลิตภัณฑ์ ภายใต้เทคโนโลยี NAO (Non Asbestos Organics) ด้วยฝีมือของไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค นอกจากนี้ยังจัดทำป้ายตราสัญลักษณ์ “COMPACT” ขนาดต่างๆ นำไปติดตั้งที่ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมดูแลการเสียภาษีป้ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยตั้งเป้าติดตั้งให้ครบ 5,000 ร้านค้าฯ ที่เป็นตัวแทน และภายใน 2 ปีจากนี้ก่อนเปิด (AEC) จะติดให้ครบ 20,000 ป้าย
       
“กิจกรรมโรดโชว์ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท โดยโรดโชว์นี้ใช้ชื่อว่า Pause For Safety (ติดเบรกหื้อคนเมือง) จัดขึ้นระหว่าง 15-17 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก ต่อจากนั้นจะเดินทางไปจัดที่ขอนแก่น ภูเก็ต และชลบุรี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Pause For Safety คือ “หยุดอย่างปลอดภัย มั่นใจในผ้าเบรก” เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและขยายฐานลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้ร้านค้าผู้แทนจำหน่าย พร้อมทั้งทำกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการมอบผ้าเบรก “COMPACT” ให้เทศบาลนครเชียงใหม่ นำไปใช้ในการปฏิบัติราชการ จำนวน 100 คัน”

สำหรับแนวคิดการจัดโรดโชว์นั้น นายพัฒนะ อิสระพิทักษ์กุล กล่าวสรุปว่า “Pause” จะเป็นการดึงจุดเด่นแต่ละด้านของ “COMPACT” มานำเสนอให้กลุ่มลูกค้าเข้าใจและเกิดการเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ โดยจะใช้เซเลบฯ ชื่อดังที่เกี่ยวข้องในแต่ละด้านของผลิตภัณฑ์มาสร้างการรับรู้และทำให้เกิดความน่าเชื่อถือต่อผลิตภัณฑ์ “COMPACT” มากยิ่งขึ้น ขณะที่ “Pause for life : หยุด...อย่างปลอดภัย” หรือการคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหัวใจหลักนั้น จะมีดารานักขับรถยนต์ทางเรียบชื่อดัง “พีท ทองเจือ” มาร่วมสะท้อนคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ส่วน “Pause for proud : หยุด...อย่างภาคภูมิ” จะสะท้อนความเป็นผ้าเบรกสายเลือดไทยแท้ ที่มีความพร้อมทุกด้านเพื่อก้าวสู่ (AEC)  โดยมีกูรูนักการตลาดชื่อดัง “อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย” จาก “SME ตีแตก” มาร่วมพูดคุย และสุดท้ายกับ “Pause for world : หยุด...เพื่อโลกใบนี้” จะสะท้อนการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจากการผลิตผ้าเบรกไร้ใยหิน โดยมีดาราหนุ่มชื่อดัง “ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” มาร่วมพูดคุย

ฮอนด้าเปิดตัว ซีวิค ไฮบริด ใหม่ เดินหน้านำเทรนด์ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม




กรุงเทพฯ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยนายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานอาวุโส และ มร.อิซาโอะ อิโตะ (ที่ 3 จากขวา) รองประธานอาวุโส พร้อมด้วย มร. มิตซูรุ โฮริโกชิ(ที่ 2 จากขวา) หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนาซีวิค ไฮบริด ใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เปิดตัวฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการรถยนต์ไฮบริดในกลุ่มคอมแพคท์ซีดาน ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด พร้อมนำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมาใช้กับรถยนต์ไฮบริดที่ผลิตในไทยเป็นรายแรก

ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ใหม่ มี 2 รุ่น  ได้แก่ รุ่น Hybrid ราคา 1,035,000 บาท และรุ่น Hybrid Navi ราคา 1,095,000 บาท พร้อมรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และขยายเวลารับประกันแบตเตอรี่เพิ่มอีก 5 ปี เป็น 10 ปี ลูกค้าที่สนใจสามารถชมรถได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved