Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในเรื่องของสมรรถนะที่เหนือชั้น ควบคู่ไปกับความหรูหราอย่างมีระดับ


  • ได้รับแรงบันดาลใจจากคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) รถยนต์ GT ที่เหนือชั้น: 2 ที่นั่งผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้สูงถึง 572 แรงม้า, 700 นิวตันเมตร และน้ำหนักเบากว่าจีที V8 เอส (GT V8 S) ถึง 100 กิโลกรัม  
  • ผลิตจำนวนจำกัดแค่เพียง 300 คันเท่านั้น เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
  • การกระจายแรงบิดที่ผสมผสานเข้ากับการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่เคยมีมา   
  • สร้างขึ้นจากงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยม ณ เมือง Crewe และเสร็จสิ้นการผลิตที่แผนกมอเตอร์สปอร์ตของเบนท์ลี่ย์
(Crewe). เบนท์ลี่ย์เผยโฉมรถแข่งคันใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวคอนติเนนทัล (Continental) แกรน ทัวริสโม่ นั่นคือ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ใหม่ล่าสุด ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งคอนติเนนทัล     จีที3 (Continental GT3) ซึ่งคว้าอันดับ 2 มาครองได้สำเร็จในการแข่งขันรายการ Blancpain Endurance Series ที่สนามแข่ง Silverstone และเป็นการกลับมาร่วมการแข่งขันอีกครั้งในรายการแข่งขันของประเทศอังกฤษ สำหรับเบนท์ลี่ย์หลังจากห่างหาย ไปนานถึง 84 ปี คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ได้รับการพัฒนาและทดสอบอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซี่งความเหนือชั้นทั้งบนสนามแข่งและพื้นผิวถนนธรรมดา เป็นการผสมผสานกันระหว่างสมรรถนะของรถที่ยอดเยี่ยมและความหรูหรา อีกทั้งมีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 300 คันเท่านั้น

คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ทั้ง 300 คันนี้ จะสร้างขึ้นจากงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยม ณ เมือง Crewe และเก็บรายละเอียดไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการผลิตที่แผนกมอเตอร์สปอร์ตของเบนท์ลี่ย์

วิศวกรจากเบนท์ลี่ย์พัฒนาคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพสูงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร twin-turbo V8 ซึ่งสามารถผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 572 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 700 นิวตันเมตร น้ำหนักรถลดลงถึง 100 กิโลกรัม อีกทั้งยังสามารถลดระยะเวลาการทดเกียร์ลงได้อีกด้วย อัตราเร่งของคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ถือได้ว่าเร็วที่สุดสำหรับเบนท์ลี่ย์เลยทีเดียว และอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในระยะเวลา 3.8 วินาที

ระบบขับเคลื่อนได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดโดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ติดตั้งระบบการกระจายแรงบิดมาด้วยเป็นครั้งแรก ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Stability Control (ESC)

และตัวถังที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและแข็งแกร่ง คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คือรถที่คล่องตัวที่สุด ตอบสนองได้ดีที่สุด และสอดคล้องกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่ใช้วิ่งบนท้องถนนอีกด้วย

Wolfgang Dürheimer ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารของเบนท์ลี่ย์ได้กล่าวไว้ว่า:
“ประสบการณ์จากการขับขี่คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ และทำให้สมรรถนะความคล่องตัวของรถแกรนด์ ทัวเร่อ ของเราก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ พวกเราได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บางสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับรถที่ใช้บนท้องถนนครบครันด้วยประสิทธิภาพดั่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ของเรา ถือได้ว่าเป็นการสรรสร้างขึ้นมาจากความหลงใหลใน เบนท์ลี่ย์และความต้องการสร้างรถที่เหนือชั้นให้กับผู้ขับขี่ได้ใช้งานตามความเป็นเบนท์ลี่ย์อย่างแท้จริง ดังนั้นคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คันนี้จึงเป็นรถแกรน ทัวเร่อ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่งและความหรูหราอย่างที่สุด ส่งผลให้รถรุ่นนี้สร้างเครื่องหมายการค้า (Trademark) ให้กับพวกเราในเรื่องของการผสมผสานกันระหว่างความหรูหราและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของรถได้อย่างลงตัว



ปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนใหม่เพื่อพัฒนาอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
เบนท์ลี่ย์ทำการพัฒนาและผสมผสานประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน รวมถึงระบบไอเสียให้มีประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับ GT3-R โดยเครื่องยนต์มีขนาด 4.0 ลิตร Twin-Turbo V8 ซึ่งได้รับการพิสูจน์ถึงความเหนือชั้นมาแล้วบนสนามแข่ง โดยคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) มาพร้อมด้วย Turbo chargers ที่มีกำลังสูงและแม่นยำ อีกทั้งยังพัฒนาซอฟแวร์ในการควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ได้พละกำลังเครื่องยนต์ที่เหนือชั้นถึง 572 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตันเมตร จากรอบเครื่องยนต์ 1,700 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว

ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์หรือระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ของคอนติเนนทัล ยังช่วยเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ให้มากขึ้น ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงเพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับอัตราเร่งของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด และเสริมระบบการกระจายแรงบิดเข้าไปเพื่อช่วยในการควบคุมแรงบิดบนล้อหลังแต่ละล้อเพื่อการขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกในรถคันนี้อีกด้วย ซอฟแวร์ที่ใช้ในการควบคุมระบบได้รับการตั้งค่าใหม่หมดซึ่งนั่นหมายถึงโหมดขับขี่แบบ Drive และ Sport ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ละโหมดมีคุณลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป สำหรับโหมด Sport จะให้สัมผัสถึงการขับขี่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นรถสปอร์ต ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ผ่านฟังก์ชั่นบนก้านเกียร์

ระบบไอเสียแบบไทเทเนี่ยมใหม่ล่าสุดทำให้รถมีเสียงของเครื่องยนต์ที่ไพเราะและเหมาะกับระดับของสมรรถนะเครื่องยนต์ ไม่ใช่แค่เพียงช่วยลดน้ำหนักของรถลง 7 กิโลกรัม เท่านั้น ยังช่วยให้ได้มาซึ่งเสียงของเครื่องยนต์ที่ดุดันและไพเราะอีกด้วย

ระบบตัวถังเพื่อการขับขี่ที่เหนือชั้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะการขับเคลื่อนที่มีความคล่องตัวสูงเหมาะกับกลุ่มตลาดแกรนด์ ทัวริ่ง (Grand Touring) คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) จึงได้พัฒนาระบบตัวถังใหม่โดยเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพเป็นหลัก ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ สปริงแบบ Air Springs และโช้คช่วงล่างได้รับการพัฒนาใหม่ โดยการตั้งค่าให้เน้นความเป็นสปอร์ตเป็นสำคัญ เหมือนกับที่ใช้กับรถรุ่นคอนติเนนทัล V8 เอส (Continental V8 S) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถที่มีศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพได้ดีที่สุดจากเบนท์ลี่ย์ ล้อมีขนาด 21 นิ้ว น้ำหนักเบา ติดตั้งยาง Pirelli เพื่อทำการส่งผ่านพละกำลังของเครื่องยนต์
ระบบเหล่านี้จะทำงานร่วมกับระบบ Electronic Stability Control programme ที่เน้นความเป็นสปอร์ต ส่งผลให้รถมีเสถียรภาพในการทรงตัวในระดับที่ดีเยี่ยม เกาะถนนได้เป็นอย่างดี ตัวถังและระบบขับเคลื่อนจะตอบสนองต่อคันเร่งได้โดยทันที

การลดอัตราเร่งของเครื่องยนต์ด้วยระบบเบรก Carbon Silicon Carbide (CSiC) braking system โดยจานเบรกทางด้านหน้ามีขนาด 420 มิลลิเมตร มาพร้อมกับ      คาลิปเปอร์เบรกแบบ 8 สูบ และพ่นสีเขียวสร้างความโดดเด่น ทางด้านหลังมีขนาด 356 มิลลิเมตร ระบบเบรก CSiC นี้คือผลงานชิ้นโบว์แดงของวิศวกรจากเบนท์ลี่ย์

Rolf Frech สมาชิกบอร์ดบริหารฝ่ายวิศวกรของเบนท์ลี่ย์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ไว้ว่า:

“พวกเราต้องการพัฒนาระบบขับเคลื่อนและระบบตัวถังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อนสำหรับโปรเจคคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) นี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) คันนี้มีความคล่องตัวที่มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และมาพร้อมกับระบบการกระจายแรงบิด torque vectoring system เพื่อลดอาการปัด ตัวถังได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีการตอบสนองโดยตรงมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้เรายังสร้างความแตกต่างให้กับโหมด Drive และโหมด Sport มากขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่มีตัวเลือกในการใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น แบบสะดวกสบายผ่อน

คลายหรือต้องการการตอบสนองแบบกระชับทันทีอย่างแกรนด์ ทัวเร่อ (Grand Tourer) และการตอบสนองแบบซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริง เครื่องยนต์ V8 ได้รับการพัฒนาให้มาพร้อมกับ Turbo chargers ใหม่ล่าสุดเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกำลังจากเทอร์โบ เบนท์ลี่ย์คือรถที่มีความคล่องตัวสูง เรียกได้ว่าเป็นรางวัลสำหรับผู้ขับขี่นั่นเอง”

มอบความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

เบนท์ลี่ย์คือการผสมผสานความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น          คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) เช่นเดียวกัน ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่งเต็มไปด้วยงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมจากคาร์บอน ไฟเบอร์และหนัง Alcantara® ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้เหมาะกับประสิทธิภาพการขับขี่ที่คล่องตัว

เบาะ 2 ที่นั่งออกมาในรูปแบบเบาะสปอร์ต bespoke sporting seats ใหม่ล่าสุด ซึ่งมีหมอนเบาะด้านข้างที่ลึกมากยิ่งขึ้นรวมถึงการออกแบบชั้นโฟมใหม่เพื่อความสะดวก สบายมาก หนังเป็นสี Beluga black ควบคู่กับหนัง Alcantara® ที่มีรอยตะเข็บแบบ diamond-quilted คอนโซลกลางและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ประตูได้รับการเติมแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยเช่นกัน และเสริมด้วยหนัง Alcantara® ลาย diamond-quilted ห้องโดยสารด้านหลังได้รับการออกแบบ และตกแต่งลายขอบใหม่หมด มาพร้อมกับชิ้นส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์โดยรอบและปิดท้ายด้วยหนัง Alcantara®
เส้นขอบตกแต่งบริเวณที่นั่งด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่ให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับคาร์บอน ไฟเบอร์ และหนังโดยรอบ โดยหนังจะเป็นสี Beluga ผสมผสานกับสีของมอเตอร์สปอร์ตนั่นคือ Vivid accent Green ที่ตัดกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด แผงประตู และเบาะนั่ง โลโก้ GT3-R ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง และสลักด้วยสีเขียวบนที่พักศรีษะด้วยเช่นกัน
รูปลักษณ์ภายนอกที่แสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ภายในของรถได้อย่างชัดเจน
ภายนอกของ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ทีมออกแบบได้เน้นการออกแบบให้เห็นถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ ด้านหน้ารถมีความดุดันเหมาะกับปีกหลังที่ติดตั้งมากับฝากระโปรงหลังรถด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 2 ชิ้นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ฝากระโปรงของเครื่องยนต์มาพร้อมกับที่ระบายอากาศ 2 ตัวเพื่อทำการดักอากาศให้เข้ามาระบายความร้อนของระบบขับเคลื่อนสำหรับการเร่งเครื่องซ้ำ ดังนั้นที่รูปลักษณ์และสัดส่วนของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3

(Continental GT3) คันนี้เน้นในเรื่องของการออกแบบตามฟังก์ชั่นการทำงานนั่นเอง (Form follows function)

การใช้คาร์บอนไฟเบอร์แบบเงาจะตัดกับสีขาว Glacier White ของรถทั้ง 300 คันได้เป็นอย่างดี ความโดดเด่นของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) เพิ่มเติมโดยการใช้เส้นสายของสีเขียวทูโทนให้เป็นลายของรถทางด้านข้างเริ่มจากด้านหลังของล้อหน้าเรื่อยไปจนถึงด้านหลังอีกด้วย

เพื่อให้คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) สะท้อนและให้สัมผัสถึงความโดดเด่นมากขึ้น แผงโครงไฟหน้า ตะแกรงเมทริกซ์ ขอบกระจกและเส้นของกันชนออกมาในรูปแบบสีดำเงา

รูปลักษณ์ของคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ถูกเสริมด้วยล้อน้ำหนักเบาขนาด 21 นิ้วใหม่ล่าสุด ทำจากล้ออัลลอยด์คุณภาพสูงเพื่อความแข็งแกร่งและพ่นสีดำเงาเพื่อความดุดัน

คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) พร้อมให้ท่านจับจองได้แล้ววันนี้และพร้อมส่งมอบในช่วงปลายปี 2014


เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Bentley Continental GT3-R)
เครื่องยนต์

ชนิด
4.0 ลิตร twin-turbo V8
พละกำลังของเครื่องยนต์สูงสุด
572 แรงม้า / 426 กิโลวัตต์ @ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด
700 นิวตันเมตร / 1,700 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังเครื่องยนต์



ชนิด
เกียร์อัตโนมัติ ZF 8-speed มาพร้อมกับระบบ  Quickshift, Block Shifting และ separate Drive, โหมด Sport และโหมด Tiptronic ,  พวงมาลัยแบบก้านเกียร์ paddle shift
ระบบขับเคลื่อน
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบต่อเนื่อง Continuous all-wheel drive (40:60 เน้นไปทางด้านหลัง) มาพร้อมกับระบบการกระจายแรงบิด
อัตราการทดเกียร์
1st : 4.71; 2nd: 3.14; 3rd: 2.1; 4th: 1.67; 5th: 1.29; 6th: 1.00; 7th: 0.839; 8th: 0.667


Final Drive
3.50
เบรก

หน้า
420 มิลลิเมตร Carbon Silicon Carbide, cross-drilled
หลัง
356 มิลลเมตร Carbon Silicon Carbide, cross-drilled
ล้อและยาง

ล้อ
9.5J x 21”
ยาง
275/35 ZR21
พวงมาลัย

ชนิด
Rack & pinion, power assisted,         speed-sensitive ZF Servotronic
Turns lock-to-lock
2.6 รอบ
Turning circle
11.3 เมตร / 37.1 ฟุต
ระบบช่วงล่าง


ด้านหน้า
ช่วงล่างแบบ Four link double wishbones, ระบบช่วงล่างแบบถุงลมลดระดับอัตโนมัติโดยการควบคุมของคอมพิวเตอร์, มาพร้อมกับ anti-roll bar
ด้านหลัง
ช่วงล่างแบบ Trapezoidal multi-link, ระบบช่วงล่างแบบถุงลมลดระดับอัตโนมัติโดยการควบคุมของคอมพิวเตอร์, มาพร้อมกับ anti-roll bar
Damping
Continuous Damping Control และได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะความคล่องตัวมากที่สุด
ขนาด

ระยะห่างของฐานล้อ
2,746 มิลลิเมตร / 108.1 นิ้ว
ความยาวโดยรวม
4,806 มิลลิเมตร / 189.2  นิ้ว
ความกว้าง (รอบรถ)
1,944 มิลลิเมตร / 76.5  นิ้ว
ความกว้าง (รวมกระจกข้าง)
2,227 มิลลิเมตร / 87.7  นิ้ว
ความสูงโดยรวม
1,394 มิลลิเมตร / 54.9 นิ้ว

ความจุของถังน้ำมัน
90 ลิตร
ความจุของช่องเก็บสัมภาระ
358 ลิตร
น้ำหนักรถเปล่า (EU)
2,195 กิโลกรัม
น้ำหนักรวมของรถ
2,750 กิโลกรัม
สมรรถนะ

ความเร็วสูงสุด
273 กิโลเมตร/ชั่วโมง
0-60 ไมล์/ชั่วโมง
3.6 วินาที
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
3.8 วินาที


อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (EU cycle)*

ในเมือง
18.5 ลิตร/100 กิโลเมตร (5.4 กิโลเมตร/ลิตร)
นอกเมือง
9.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.87 กิโลเมตร/ลิตร)
เฉลี่ย
12.7 ลิตร/100 กิโลเมตร (7.87 กิโลเมตร/ลิตร)
อัตราการปล่อย CO2
295 กรัม/กิโลเมตร
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง  (EPA cycle)**

ในเมือง (US mpg)
13
ทางหลวง (US mpg)
20
เฉลี่ย (US mpg)
15
การควบคุมมลพิษ
EU 6 และ US LEV II
   
* ตัวเลขเกี่ยวกับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่ได้รับการรับรอง
** อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับการรับรองจาก EPA
  • เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ คือแบรนด์รถหรูหนึ่งแบรนด์ของโลก ในปี 2013 ที่ผ่านมาเบนท์ลี่ย์ถือเป็น 1 ใน 4 ของรถหรูที่ส่งมอบให้ลูกค้าทั่วโลกได้มากที่สุด และถือได้ว่าเป็นปีที่ดีที่สุดของเบนท์ลี่ย์ในรอบ 95 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดส่งมอบรถให้ลูกค้าทั่วโลกที่เติบโตขึ้น 19% จากปี 2012 นั่นคือ 10,120 คันเลยทีเดียว ตลาดที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดของเบนท์ลี่ย์คือตลาดในอเมริกา โดยส่งมอบรถไปแล้วถึง 3,140 คัน ส่วนประเทศจีนยังคงเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และมียอดส่งมอบถึง 2,191 คัน ในขณะที่ทวีปยุโรปนั้นส่งมอบไปถึง 1,480 คัน สำหรับประเทศอังกฤษซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเบนท์ลี่ย์ส่งมอบถึง 1,381 คันและในตลาดตะวันออกกลางส่งมอบไป 1,185 คัน ซึ่งในปี 2013 เบนท์ลี่ย์มีตัวแทนจำหน่ายถึง 200 แห่งใน 54 ประเทศ

  • สำนักงานใหญ่ของเบนท์ลี่ย์ตั้งอยู่ ณ เมือง Crewe โดยเป็นสถานที่รวมตัวของทีมออกแบบ ทีม R&D ทีมวิศวกรและเป็นที่ที่ใช้ในการผลิตรถทั้ง 3 รุ่นของเบนท์ลี่ย์ นั่นคือ คอนติเนนทัล (Continental) ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying spur) และมูซาน (Mulsanne) การใช้งานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมเข้ามาผสมผสานนั้นได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่างเบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษ ที่มีพนักงานถึง 3,700 คน ณ เมือง Crewe เลยทีเดียว

อินเดียน-วิคตอรี่ อวดโฉม “2014 INDIAN CHIEF” สุดยอดบิ๊กไบค์ระดับตำนาน พร้อมระดมรถหลากหลายรุ่นจัดโปรโมชั่นเด็ดหนเดียวในรอบปีที่งาน “BMF 2014”



          บริษัท อินเดียน วิคตอรี่ มอเตอร์ไซเคิล จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถจักรยานยนต์สัญชาติอเมริกัน INDIAN MOTORCYCLE และ VICTORY MOTORCYCLES อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการเติบโตของตลาดรถบิ๊กไบค์ของเมืองไทยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีความชื่นชอบและรักในการขับขี่รถบิ๊กไบค์เป็นการส่วนตัว บริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดรถบิ๊กไบค์ทั้ง 2 แบรนด์อย่างจริงจัง

          ล่าสุดปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกา บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ถนนพัฒนาการ (ซอยพัฒนาการ 76) ครอบคลุมการบริการต่างๆ อาทิ คาเฟ่-ร้านอาหาร การสต็อกรถ อะไหล่-อุปกรณ์ตกแต่ง คอลเลคชั่นเครื่องแต่งกายและกิจกรรมการขับขี่ทุกรูปแบบ เพื่อรองรับและตอบสนองทุกความต้องการของผู้มีรสนิยมในการขับขี่แบบเดียวกัน รวมทั้งนำเข้ารถบิ๊กไบค์ “2014 INDIAN CHIEF” จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรถบิ๊กไบค์ที่มีความเก่าแก่ระดับตำนาน เป็นที่รู้จักและนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้หลงใหลสองล้อทั่วโลก นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค..1901

          ซึ่งวันนี้ บริษัท อินเดียน วิคตอรี่ มอเตอร์ไซเคิล จำกัด จะใช้เวทีของงาน “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัลหรือ BMF 2014” เทศกาลเพื่อคนที่หลงใหลรถจักรยานยนต์ จัดในรูปแบบ “Mid Year Sale เทศกาลลดราคาพิเศษแห่งปี” ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2557 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์  (ราชประสงค์) เพื่อสานต่อความยิ่งใหญ่ของสุดยอดรถบิ๊กไบค์คลาสสิกระดับตำนาน ด้วยการเปิดตัว 2014 INDIAN CHIEF” ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 3 รุ่น อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทยต่อหน้าสาธารณชน ภายในบูธ A3 และ A4 โซน Eden
         
          รถบิ๊กไบค์คลาสสิกระดับตำนาน 2014 INDIAN CHIEF” ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด Thunder Stroke 111 ขนาด 1,811 ซี.ซี. ผลิตแรงบิดสูงสุดที่ 102.4 ฟุต-ปอนด์ ส่งถ่ายกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังดีแม้จะขับขี่ในรอบความเร็วเครื่องต่ำ เพียงแค่บิดสามารถกระชากความเร็วได้ดังใจ และให้ความมั่นใจได้ในประสิทธิภาพความทนทานแข็งแกร่ง โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการทดสอบเพื่อพิสูจน์สมรรถนะผ่านการวิ่งระยะทางกว่า 2 ล้านไมล์ ทั้งบนถนนจริงและในห้องทดสอบ พร้อมทั้งรับประกันตัวรถนานถึง 2 ปี หรือระยะทาง 20,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับระยะใดถึงกำหนดก่อน) เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้ขับขี่ “2014 INDIAN CHIEF” ทั้ง 3 รุ่น ประกอบด้วย

          INDIAN CHIEF CLASSIC สุดยอดครุยเซอร์ทรงพลัง เกิดจากการผสมผสานอย่างลงตัวของเทคโนโลยีแห่งการขับขี่สมัยใหม่ ผนวกเข้ากับจิตวิญญาณอันเป็นตำนานของ INDIAN ก่อให้เป็นรูปลักษณ์สวยงาม โดดเด่นด้วยบังโคลนแบบคลุมล้อ เบาะหนังแท้ แผงคอนโซลขนาดใหญ่ติดตั้งเข้ากับถังน้ำมันทรงหยดน้ำ (Tear-Drop) และอัตลักษณ์อันทรงคุณค่าเครื่องหมายการค้าหัวหน้าชนเผ่าอินเดียนแดง (War Bonnet) บนบังโคลนหน้าของตัวรถ และยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานคุณภาพสูงครบครัน เพื่อสุนทรียภาพและความมั่นใจในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบสตาร์ทเครื่องแบบไม่ใช้กุญแจ ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Cruise Control คันเร่งไฟฟ้า ท่อไอเสีย True Dual ฝาครอบคาลิปเปอร์ และอีกหลายรายการ มีราคาจำหน่าย 1,475,000 บาท
          INDIAN CHIEF VINTAGE  รถสไตล์ Soft Bagger เกิดจากพัฒนาดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ INDIAN มารวมเป็นหนึ่งเดียวกับอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนังและกระเป๋าหนังด้านข้างสำหรับใส่สัมภาระ และสามารถถอดประกอบได้อย่างง่ายดายในเวลาไม่กี่วินาที ปลายบังโคลนตกแต่งโครเมียม นอกจากนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานเช่นเดียวกับ INDIAN CHIEF CLASSIC อาทิ บังโคลนแบบคลุมล้อ ล้อซี่ลวด ยางขอบขาว แผงคอนโซลสีโครเมียมที่ติดตั้งเข้ากับตัวถังน้ำมัน โดย  INDIAN CHIEF VINTAGE มีราคาจำหน่าย 1,585,000 บาท

          INDIAN CHIEFTAIN รถสไตล์ ฮาร์ด แบ็กเกอร์รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของอินเดียน มาพร้อมความทันสมัย และสามารถมอบความสะดวกสบายเพื่อการขับขี่ที่เหนือระดับไปอีกขั้น โดยติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานสำคัญคือ กระเป๋าสัมภาระแบบสามารถเปิด-ปิดได้ด้วยรีโมทคอนโทรล ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง พร้อมระบบบลูทูธไว้รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ราคาจำหน่าย 1,695,000 บาท

          ขณะที่รถบิ๊กไบค์ Victory Motorcycles ที่นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาเช่นกันจำนวน 12 รุ่น โดยราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่ 1.015-1.995 ล้านบาท นับเป็นรถที่เกิดจากการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและดีไซน์สวยหรูสุดคลาสสิก ระดับเวิลด์คลาส แบ่งเป็น 3 ตระกูล ประกอบด้วยตระกูล Cruisers, ตระกูล Baggers, และตระกูล Touring

          พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการขานรับในการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ของ “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล” หรือ “BMF 2014” เทศกาลเพื่อคนที่หลงใหลรถจักรยานยนต์ ในรูปแบบ “Mid Year Sale เทศกาลลดราคาพิเศษแห่งปี” บริษัท อินเดียน วิคตอรี่ ประเทศไทย จำกัด มอบข้อเสนอพิเศษให้กับคนรักมอเตอร์ไซค์ทุกท่านด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ต้องการจะเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ที่มีความเก่าแก่ระดับตำนาน INDIAN MOTORCYCLEและรถบิ๊กไบค์ดีไซน์คลาสสิก VICTORY MOTORCYCLE มากมาย ดังต่อไปนี้
         
          INDIAN MOTORCYCLE มอบโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้ที่จองหรือซื้อรถ (ภายในงานนี้เท่านั้น)
- ซื้อรถบิ๊กไบค์ INDIAN MOTORCYCLE ทุกรุ่น วางเงินจองเพียง 50,000บาท
  รับทันที GIFT VOUCHER 20,000 บาท เพื่อนำไปแลกซื้อสินค้าในเครือและ
  รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อสินค้าเป็นเวลา 1 ปี
          VICTORY MOTORCYCLE จัดโปรโมชั่นร้อนแรง  HOT4 เพื่อคนรักมอเตอร์ไซค์ (ภายในงานนี้เท่านั้น)
                   HOT 1ราคาลดพิเศษสุด!!! (เฉพาะในงานเท่านั้น)
“Victory Motorcycles” ตระกูล Cruisers ประกอบด้วย
                   - Vegas 8-Ball           ราคา    899,000 บาท
                   - High Ball                ราคา 1,029,000 บาท
                   - Hammer 8-Ball        ราคา 1,039,000 บาท
                   - Hammer S             ราคา 1,169,000 บาท
                   - Judge                   ราคา 1,099,000 บาท
                   - Jackpot                 ราคา 1,149,000 บาท
          “Victory Motorcycles” ตระกูล Baggers ประกอบด้วย
                   - Cross Country        ราคา 1,299,000 บาท
          “Victory Motorcycles” ตระกูล Touring ประกอบด้วย
                   - Vision Tour            ราคา 1,489,000 บาท
         
                   HOT 2 - ซื้อเงินสดลดอีก 5% ทันที!
                   HOT 3 - ดาวน์เริ่มต้นที่ 15%
                   HOT 4 - รับสิทธิ์ผ่อน  0%  หรือนาน  2 ปี  หรือดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.99%
                                นาน 3 ปี หรือดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% นาน 4 ปี
          สัมผัสประสบการณ์อันยิ่งใหญ่และจับจองเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ระดับตำนานทั้ง 3 รุ่นของ  INDIAN MOTORCYCLE โมเดล “2014 INDIAN CHIEF” และรถบิ๊กไบค์ Victory Motorcycles ที่เกิดจากผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและดีไซน์สวยหรูสุดคลาสิก ระดับเวิลด์คลาสหลากรุ่น และเลือกช็อปสินค้าเสื้อผ้าของแต่งรถทั้ง 2 แบรนด์ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษครั้งแรกในรอบรอบปี (เฉพาะในงานเท่านั้น) ณ บริเวณ ชั้น 1 โซน Eden บูธ INDIAN MOTORCYCLE (A3) และบูธ VICTORY MOTORCYCLE  (A4) ภายในงาน “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล หรือ “BMF 2014” จัดระหว่าง 2-6 กรกฎาคม 2557 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ราชประสงค์

ฮอนด้าบิ๊กไบค์มอบประสบการณ์ระดับโลกแบบ Excites the World เปิดตัว 4 โมเดลใหม่ให้จองในงานบางกอกไบค์เฟส 2014 นำโดย Gold Wing F6C, CB1100EX, NM4 และ New CBR1000RR



            เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถบิ๊กไบค์นำเข้ารุ่นใหม่พร้อมกัน 4 รุ่น เพื่อส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกภายใต้คอนเซปต์ Honda BigBike Excites The World สู่แฟนบิ๊กไบค์ชาวไทยภายในงานบางกอกมอเตอร์ไบค์เฟสติวัลครั้งที่ 6 ผ่านบูธขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็น 4 ไฮไลท์สำคัญ นำโดย World Best Touring สำหรับ Gold Wing F6C รถแอกเกรสซีฟทัวริ่งระดับท็อปคลาส ดุดันด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 6 สูบขนาด 1,800 cc. แต่ให้ความนุ่มนวลด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Arm® Pro-Link®, World’s Classic Legendary of All Time สำหรับ CB1100EX รถคลาสสิคสปอร์ตเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาด 1,140cc., World’s Futuristic Technology สำหรับ NM4 บิ๊กไบค์ดีไซน์ล้ำอนาคต ชุดไฟ LED รอบคัน มาพร้อมเทคโนโลยี DCT 6 สปีด ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ  750cc., และ World’s Champion Inspiration สำหรับ New CBR1000RR ปี 2014 ที่ได้รับการพัฒนาให้มีกำลังแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยทั้ง 4 รุ่นพร้อมเปิดรับจองเป็นครั้งแรกด้วยข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับแฟนบิ๊กไบค์ชาวไทยตั้งแต่วันที่ 2 กรกฏาคมนี้เป็นต้นไปภายในงานและที่ศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
            มร.โนบุฮิเดะ นางาตะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้คอนเซปต์ Honda BigBike Excites The World ฮอนด้าบิ๊กไบค์พร้อมส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกอันน่าตื่นตาตื่นใจให้กับคนไทยด้วยรถบิ๊กไบค์ที่มีดีไซน์และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ล่าสุดนี้ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ได้นำเข้ารถรุ่นใหม่พร้อมกันรวดเดียวถึง 4 รุ่นเพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ตลาดกลุ่มไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสูง และชอบขับขี่รถบิ๊กไบค์ระดับท็อปคลาสที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยจะมีโมเดลใหม่ที่นำเข้ามาเปิดตัวในเมืองไทยเป็นครั้งแรก 2 รุ่น ได้แก่รถทัวริ่งขนาดใหญ่ Gold Wing F6C, รถคลาสสิคสปอร์ต CB1100EX และอีก 2 รุ่นไฮไลท์สำคัญที่กำลังได้รับความสนใจจากคนไทยนั่นคือบิ๊กไบค์ขนาดกลาง NM4 และรถซูเปอร์สปอร์ต New CBR1000RR ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนแต่มีดีไซน์ที่โดดเด่นและใช้เทคโนโลยีชั้นสูง การนำรถรุ่นใหม่เหล่านี้เข้ามาจะช่วยเติมเต็มไลน์อัพของเราให้มีความหลากหลายและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก
            สำหรับรถฮอนด้าบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่น จะถูกจัดแสดงพร้อมเปิดรับจองเป็นครั้งแรกในงานบางกอกไบค์เฟสติวัล 2014 ภายในบูธฮอนด้าบิ๊กไบค์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฏาคม 2557 โดยแบ่งรูปแบบการจัดแสดงของรถออกเป็น 4 สไตล์ดังต่อไปนี้
-          World Best Touring จัดแสดง Gold Wing F6C บิ๊กไบค์ระดับท็อปคลาส เข้ม ดุดัน ด้วยดีไซน์เฉพาะตัวจากภายในสู่ภายนอกแบบ Aggressive Touring ที่เผยให้เห็นความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์ทรงพลัง 6 สูบ 1,800cc. โครงสร้างอะลูมิเนียมเพรียวลมแบบ Twin-Spare Frame น้ำหนักเบาจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ขับขี่และควบคุมง่าย  พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Arm®Pro-Link® ที่สามารถปรับระดับได้ตามความต้องการ ปลอดภัยด้วยระบบเบรกแบบ ABS ราคา 900,000 บาท
-          World Classic Legendary of All Time จัดแสดงCB1100EX รถบิ๊กไบค์ดีไซน์คลาสสิคเหนือกาลเวลา โดดเด่นด้วยไฟหน้าโครเมียมทรงกลมแบบย้อนยุค ให้เอกลักษณ์ที่ไม่มีวันตายของรถสไตล์เรโทร แข็งแกร่งด้วยเฟรมและโครงสร้างเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่ออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย แรงเต็มสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 1,140cc. ปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS ราคา 605,000 บาท
-          World’s Futuristic Technology จัดแสดงNM4 รถบิ๊กไบค์แนวใหม่ดีไซน์ล้ำอนาคต โฉบเฉี่ยวเหนือทุกจินตนาการในทุกมิติของตัวรถ ออกแบบให้ผู้ขับขี่รู้สึกเหมือนอยู่ในห้อง Cockpit ของเครื่องบิน มาพร้อมชุดไฟรอบคันแบบ LED และเรือนไมล์แบบ LED ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 25 สี ขับเคลื่อนไปกับเครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 750cc. เลือกขับขี่ได้ทั้งโหมดเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) ที่ให้ความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์อย่างสูงพร้อมระบบเบรก ABS สนนราคา 529,000 บาท
-          World’s Champion Inspiration จัดแสดง New CBR1000RR ปี 2014 ซูเปอร์สปอร์ตสายพันธุ์แรงตระกูลเดียวกับรถแข่ง MotoGP ได้รับการพัฒนาระบบการดูดอัดอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น ตัวรถมีน้ำหนักเบาลง ทั้งยังมีการปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้ควบคุมรถง่ายยิ่งขึ้นไปอีก

            ทั้งนี้ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ยังได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษฟรีประกันภัยชั้น 1, ฟรีทะเบียนและพรบ.สำหรับลูกค้าที่จองรุ่น Gold Wing F6C, CB1100EX, NM4 ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฏาคม 2557 ทั้งภายในงานบางกอกมอเตอร์ไบค์เฟสติวัลแล้ว และที่ศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
           
            ติดตามข่าวสารของฮอนด้าบิ๊กไบค์ ได้ที่เว็บไซต์ www.hondabigbike.com พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆได้ที่แฟนเพจของฮอนด้าบิ๊กไบค์ www.facebook.com/HondaBigBike

13 ค่ายรถบิ๊กไบค์-อุปกรณ์ตกแต่ง ร่วมใจกระหึ่ม! งาน “BMF 2014” ยกระดับ “เทศกาลลดราคาแห่งปี” หวังตอบโจทย์คนรักมอเตอร์ไซค์





13 ค่ายรถบิ๊กไบค์ชั้นนำ ร้านค้าอุปกรณ์เสื้อผ้าและของตกแต่ง ร่วมใจกระหึ่ม! “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2014 หรือ BMF 2014” ตั้งเป้ายกระดับให้ป็น “เทศกาลลดราคาพิเศษแห่งปี” ระดมรถเด่นพร้อมเปิดรถรุ่นใหม่ จัดโปรโมชั่นแรงขานรับกระแสตลาดรถบิ๊กไบค์บูม เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ทั้งลดแลกแจกแถม-ปลอดดอกไร้ดาวน์ หวังคืนความสุขให้คนรักมอเตอร์ไซค์คาด 5 วันที่จัดงาน มีผู้เข้าชมกว่า 1.3 ล้านคน ยอดเงินสะพัดราว 300 ล้านบาท ชมฟรี! ช้อปสินค้าคุณภาพอย่างคุ้มค่า ระหว่าง 2-6 กรกฎาคมนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์)

นายณัฐพล ไตรณัฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซเคิล คัลเจอร์โชว์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงานเทศกาลเพื่อคนที่หลงใหลรถจักรยานยนต์ แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล2014” (Bangkok Motorbike Festival 2014) หรือ “BMF 2014” จัดระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2557 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) จัดภายใต้คอนเซ็ปต์ "Ride & Freedom" หรืออิสระแห่งการขับขี่ถือเป็นเทศกาลรถมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน โดยปีนี้มี 13 ค่ายรถจักยานยนต์ชั้นนำทั้งจากฝั่งยุโรปและเอเชียที่มีอยู่เกือบทุกแบรนด์ในเมืองไทยมาร่วมงาน และเปิดจำหน่าย อาทิ HONDA BIGWING, INDIAN, KAWASAKI, KTM, LIFAN, LML, MV Agusta, RYUKA, STALLIONS, SUZUKI, YAMAHA, VICTORY, ZERO ENGINEERING ร่วมทั้งผู้ประกอบการอุปกรณ์เสื้อผ้าและของตกแต่งกว่า 30 บู๊ธ เข้าร่วมงาน พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการมอเตอร์ไซค์ที่มีงาน Mid Year Sale

การจัดงานช่วงการปีในครั้งนี้ เราใช้คอนเซ็ปต์ Mid Year Meeting ซึ่งปีที่แล้วได้นำร่องการจัดมาแล้วเพียงแค่ 1 วัน แต่ในครั้งนี้เราจัดอย่างแบบเต็มรูปแบบ ตั้งใจจะทำให้ตัวงานมีความยิ่งใหญ่เท่ากับงานแบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ ที่จัดในช่วงต้นปีของทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยใช้พื้นที่จัดงานกว่า 10,000 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งภายในและด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) และในช่วงกลางปีซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ทุกคนที่มาร่วมงานตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ ทำให้เป็นมหกรรมแห่งการซื้อ-ขายแห่งปี ที่ผู้ประกอบการจะมาล้างสต็อกสินค้า จำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษ บางค่ายรถจัดแคมเปญแรง เช่น ปลอดดอก-ไร้ดาว์น-ผ่อนนาน มอบส่วนลดพิเศษและของแถมพรีเมียม ถือเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่จะได้ซื้อสินค้าคุณภาพในราคาพิเศษกว่าปกติ เป็นการคืนความสุขให้กับคนรักมอเตอร์ไซค์ หลังจากรอคอยมานาน เพราะพลาดจากงานที่จัดในช่วงต้นปีที่ต้องระงับไปเพราะมีการชุมนุมทางการเมือง คาดว่าช่วง 5 วันที่จัดงาน มียอดจองรถประมาณ 1,200คัน มีเงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรถกว่า 200 ล้านบาท ที่เหลือเป็นยอดขายอุปกรณ์ของแต่งและเสื้อผ้า มีผู้เข้าชมงานราว 1.3 ล้านคน

นายณัฐพล ไตรณัฐี กล่าวต่อว่า ความน่าสนใจของงาน “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2014 (Bangkok Motorbike Festival 2014)” นอกจากจะได้พบกับรถบิ๊กไบค์หลากหลายแบรนด์และอุปกรณ์เสื้อผ้าของตกแต่งรถมากมายแล้ว ยังมีรถไฮไลท์มาร่วมสร้างสีสันในกับงานอีกด้วย อาทิ Yamaha-SR400 265,000 บาท KTM-1290 Super Duke R 1.38 ล้านบาท MV Agusta-F4RR  1.899 ล้านบาท Indian Chieftain 1.695 ล้าน เป็นต้น  

“แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2014 (Bangkok Motorbike Festival 2014)” เปิดให้ชมฟรีและช้อปสินค้าคุณภาพอย่างคุ้มค่า ทั้งเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของตกแต่งรถ รวมถึงสัมผัสและจองรถบิ๊กไบค์รุ่นพิเศษ-รุ่นยอดนิยมหลากหลายแบรนด์ ระหว่าง 2-6 กรกฎาคมนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์)

จากัวร์ เปิดตัว ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ สุดยอดรถสปอร์ตสมรรถนะเหนือชั้นและสมบูรณ์แบบที่สุดจากจากัวร์ครั้งแรกของเมืองไทยกับมิติใหม่แห่งความแรงสุดขีดของรถสปอร์ตสายพันธุ์แกร่งจากสหราชอาณาจักร



กรุงเทพฯ 26 มิถุนายน 2557 – ซิตี้ ออโต้โมบิล ผู้แทนจัดจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย เปิดตัว ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์แห่งความเร็วและสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบที่สุดจากจากัวร์ ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรถสปอร์ตคูเป้รุ่น เอฟ-ไทป์ คอนเวอร์ทิเบิล ที่เคยคว้ารางวัลงานออกแบบรถยนต์โลก(World Car Design of the Year) ประจำปี 2013 โดย จากัวร์ ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ ถูกออกแบบด้วยกระบวนการผลิตทางวิศวกรรมขั้นสูงเพื่อมอบความสมบูรณ์แบบทั้งด้านพลังในการพุ่งทะยาน ความคล่องตัวในการขับขี่ และมนต์เสน่ห์ที่จะสะกดทุกสายตา เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ระบบซูเปอร์ชาร์จ ตัวถังอะลูมิเนียมน้ำหนักเบารุ่นใหม่ และเทคโนโลยีอันทันสมัยเพื่อมอบประสบการณ์แห่งการขับขี่ระดับโลกที่จะกระตุ้นอะดรีนาลินของผู้ขับขี่ให้สูบฉีดสุดแรงด้วยประสบการณ์แห่งความเร็วที่แท้จริง โดยเฉพาะยานยนต์รุ่นท้อปอย่าง  เอฟ-ไทป์ อาร์ คูเป้ ที่ล้ำหน้าด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 680 นิวตันเมตร และความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม./ชม. ผสานโครงสร้างและตัวถังอะลูมิเนียมน้ำหนักเบารุ่นใหม่ของจากัวร์ในเครื่องยนต์ระบบซูเปอร์ชาร์จ V6 ทำให้ เอฟ-ไทป์ อาร์ คูเป้ เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 4.2 วินาที ปลุกทุกประสาทสัมผัสของผู้ขับขี่ให้โลดแล่นไปอย่างไร้ขีดจำกัดด้วยความแรง แกร่ง และเฉียบคมเหนือใคร

ภาพลักษณ์อันสง่างามของ จากัวร์ เอฟ-ไทป์ คูเป้ เกิดจากการออกแบบต่อยอดจากงานดีไซน์ของรุ่น จากัวร์ ซี-เอ็กซ์ 16 (C-X16) ซึ่งเป็นต้นแบบรถสปอร์ตคูเป้ที่กวาดรางวัลระดับโลกจากงาน 2011 Frankfurt Motor Show ผ่านการใช้เส้นดีไซน์หลัก 3 เส้นในการสร้างสรรค์ โดยเส้นดีไซน์แรกซึ่งถอดแบบมาจากรุ่น เอฟ-ไทป์ คอนเวอร์ทิเบิล ถูกใช้ในการออกแบบช่องลมให้แลดูน่าเกรงขามด้วยรูปทรง เหงือกฉลามที่เปิดอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นตัวสร้างรูปทรงที่เพรียวสวยของโครงรถ จากนั้นพาดผ่านโค้งล้อหน้าและกรอบประตู ก่อนจะโค้งลงอย่างนุ่มนวลสู่ช่วงท้ายที่แลดูแข็งแกร่งแบบชายหนุ่ม ส่วนเส้นดีไซน์ที่สองซึ่งยังคงนำมาจากรุ่นคอนเวอร์ทิเบิล เริ่มต้นจากขอบหลังของประตูรถ โดยดึงแนวสายตาให้แผ่ออกด้านข้างและเฉียงขึ้นด้านบน เพื่อเน้นส่วนโค้งของกรอบล้อหลังให้แลดูใหญ่และทรงพลังในการขับขี่ ก่อนเคลื่อนต่ำผ่านไฟท้ายลงในแนวดิ่ง และเส้นดีไซน์ที่สามถือเป็นเส้นสำคัญที่สร้างความอัศจรรย์แห่งงานดีไซน์ให้แก่ ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ ใช้ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลังและโครงหลังคารถเพื่อเน้นรูปทรงลู่ลม ทำให้ห้องโดยสารเสมือนได้รับการปกป้องจากช่วงท้ายที่ให้ความรู้สึกทรงพลัง
โครงสร้างภายนอกของ จากัวร์ ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ ผลิตจากอะลูมิเนียมชิ้นเดียวด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดขั้นสูง เป็นโครงสร้างอะลูมิเนียมภายนอกที่ใช้ระบบการขึ้นรูปเย็นที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมรถยนต์เกรดพรีเมี่ยมทั้งยังทำให้ตัวถังของ จากัวร์ ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ มีค่าความแข็งตึงต่อการรับแรงบิสูงถึง 33,000 นิวตันเมตร/ดีกรี ซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จากัวร์เคยผลิตมา

จากัวร์ ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ ยังติดตั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำเพื่อการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ ระบบทดแทนแรงบิด (Electronic Active Differential) รุ่นพัฒนาใหม่ และระบบวัดเวคเตอร์แรงบิด (Torque Vectoring) ซึ่งตอบสนองการควบคุมอย่างฉับไวเต็มประสิทธิภาพ, ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกเมตริกซ์ (Carbon Ceramic Matrix:CCM) ที่มาพร้อมจานเบรกหน้า 398 มม. และจานเบรกหลัง 380 มม. มอบพลังการเบรกที่เฉียบคมสำหรับพื้นผิวแบบระลอกคลื่น ทั้งยังเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมและแรงต้านการดื้อเบรกได้อย่างดีเยี่ยม โดยช่วยลดน้ำหนักนอกสปริงรวมได้ถึง 21 กก. อีกทั้งระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบไดนามิกหรือ Adaptive Dynamics Damping และ Configurable Dynamic Mode ยังเพิ่มความฉับไวในการตอบสนอง ให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์ และสัมผัสถึงประสบการณ์แห่งความเร็วระดับพรีเมี่ยมได้แบบเต็มอารมณ์

จากัวร์ เอฟ-ไทป์ อาร์ คูเป้ นำเสนอสุดยอดยนตกรรมจากตระกูล เอฟ-ไทป์ ด้วยเครื่องยนต์ระบบซูเปอร์ชาร์V8 ขนาด 5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า/แรงบิด 680 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-97 กิโลเมตร/ชม. ในเวลาเพียง 4 วินาที และพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงสุดที่ 300 กิโลเมตร/ชม. โดยใช้เวลาเร่งที่ระดับความเร็ว 80-120 กิโลเมตร/ชม.ในเวลาเพียง 2.4 วินาที สำหรับรุ่นจากัวร์ เอฟ-ไทป์ เอส คูเป้ ใช้เครื่องยนต์เบนซินระบบซูเปอร์ชาร์จ V6 ขนาด 3 ลิตร ที่ให้กำลัง 380 แรงม้า/แรงบิด 460 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-97 กิโลเมตร/ชม. ในเวลา 4.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 275 กิโลเมตร/ชม. และมาพร้อมหลังคากระจกพานอรามิกเพื่อเปิดมุมมองเต็มตาแบบ 360 องศา ประสานกับระบบวัดเวคเตอร์แรงบิดด้วยแรงเบรก จึงช่วยเพิ่มการตอบสนองที่ฉับไวและการควบคุมอย่างเต็มประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในตระกูลเอฟ-ไทป์ การตกแต่งห้องโดยสารของ ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อถ่ายทอดถึงเอกลักษณ์ของสายพันธุ์แห่งรถสปอร์ตตัวจริงผ่านการสร้างสรรค์รูปแบบทั้งในเชิงเทคนิค การออกแบบอินเตอร์เฟซให้เป็นหนึ่งเดียวกับผู้ใช้งาน และการเลือกใช้องค์ประกอบและวัสดุบุรองเกรดพรีเมี่ยมเท่านั้น อาทิ เบาะนั่งของ เอฟ-ไทป์ อาร์ คูเป้ เป็นแบบ Performance seats โดยมีปีกเบาะด้านข้างที่ขยายได้เพื่อให้โอบอุ้มสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง บุด้วยหนังเนื้อดีเกรดพรีเมี่ยมพร้อมประทับตราสัญลักษณ์ “R” อย่างเด่นชัดบนเบาะรองศีรษะ พร้อมมอบความหรูหราด้วยงานบุระดับพรีเมี่ยมทั้งบริเวณแผงควบคุมและกล่องใส่ของ ที่พักแขน แผงครอบมือจับด้านในประตู และคอนโซลกลาง นอกจากนี้ ยังมีออพชั่นการตกแต่งภายในสไตล์ใหม่ที่เลือกได้ทั้งวัสดุหนังหรือผ้าหนังกลับ ส่วนที่นั่งคนขับเน้นสัมผัสแห่งความเร็วแบบรถสปอร์ตด้วยพวงมาลัยแบบวงเล็กและแบนด้านล่าง พร้อมหุ้มหนังสไตล์เครื่องบินเจ็ทและประทับตราสัญลักษณ์ “R” โดยสามารถเลือกติดตั้งออพชั่นพวงมาลัยกลมแบบมาตรฐานได้ฟรี   นอกจากนี้ เอฟ-ไทป์ ทุกรุ่นยังมีออพชั่นการตกแต่งภายในสไตล์ใหม่ที่ใช้หนังและผ้าหนังกลับเต็มรูปแบบ โดยใช้ด้ายเย็บสีซีทรัสให้มีโทนสีตัดกันอย่างสวยงาม

พร้อมกับการเปิดตัว ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ อาร์ คูเป้ ซึ่งสมบูรณ์แบบด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและจิตวิญญาณแห่งความแกร่งตามแบบฉบับจากัวร์ ซิตี้ ออโต้โมบิล ยังได้เปิดตัว แบรนด์เฟรนด์ ชาวไทย 3 ท่าน ซึ่งเป็นตัวแทนของเอกลักษณ์อันโดดเด่นทั้ง 3 ด้านของจากัวร์ ซึ่งได้แก่ งานดีไซน์ที่โดดเด่นโดยมีตัวแทนคือ อาทิตย์ อัสสรัตน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ไฟแรง, นวัตกรรมอันล้ำสมัยโดย ชฟเอียน กิตติชัย เชฟแถวหน้าของเมืองไทย และ พิเชษฐ กลั่นชื่นศิลปินโขนร่วมสมัย เป็นตัวแทนแห่งสมรรถนะที่เหนือชั้น โดยแบรนด์แอมบาสเดอร์ทั้งสามถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ทุ่มเทในการทำงานและยังเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นในการก้าวตามความฝันของตนเองได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะการเข้าถึงสุนทรีศาสตร์ระดับสูงซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่แท้จริง สิ่งนี้ยังถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ยานยนต์สปอร์ตของจากัวร์         

ริชาร์ด เฮก ผู้จัดการทั่วไป จากัวร์แลนด์โรเวอร์ กล่าวว่า “จากัวร์แลนด์โรเวอร์ ทุ่มเทเพื่อการขยายธุรกิจและฐานลูกค้าระดับสูงในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งยังมีแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดเมืองไทยทุกปี โดยปี 2557 ถือเป็นปีของ ดิ ออล-นิวเอฟ-ไทป์ คูเป้ ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นสำคัญของจากัวร์ เนื่องจากเป็นการนำเสนอสุดยอดสมรรถนะแห่งความแรงขั้นสุดยอดของรถสปอร์ตจากัวร์และเป็นนวัตกรรมอันล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่ต้องการความเป็นเลิศทั้งด้านสไตล์ที่เหนือล้ำ งานประกอบระดับพรีเมี่ยม พร้อมด้วยสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นเหนือใคร โดยเฉพาะเหล่าผู้ขับขี่ตัวจริงที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูง หลงใหลในการขับขี่และแสวงหาประสบการณ์แห่งการพุ่งทะยานขั้นสุดยอด ย่อมทราบดีว่า ดิ ออล-นิว เอฟ-ไทป์ คูเป้ คือยานยนต์ที่เหนือชั้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์อันหรูหรา ประสิทธิภาพการขับขี่ และการควบคุมที่เฉียบคม ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของไลฟ์สไตล์ระดับสูงได้อย่างครอบคลุม

“นอกจากนี้ ซิตี้ ออโต้โมบิล ยังได้แต่งตั้งบริษัทตัวแทนผู้ให้บริการรถยนต์จากัวร์อย่างเป็นทางการเพิ่มอีก 3 ราย เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถเข้าถึงศูนย์จำหน่ายและบริการซ่อมบำรุงระดับเวิลด์คลาสของจากัวร์ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น”   

ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานยนต์และข้อมูลเชิงเทคนิคได้ที่เว็บไซต์ www.jaguarthailand.com 


F-Type Coupe = 7,999,000 บาท
F-Type S Coupe = 8,899,000 บาท
F-Type V8 SC R Coupe = 11,250,000 บาท
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved