Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

“ไทยยานยนตร์” สนับสนุน “โฟล์คสาวาเกน คาราเวล” ในโครงการ “สานสัมพันธ์สู่สันติวัฒนธรรม ครั้งที่ 5”



เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen บริษัทในเครือ “กลุ่มไทยยานยนตร์” ได้รับการไว้วางใจจาก “มูลนิธิสันติภาพนานาชาติ” (The International Peace Foundation) ในการเลือกรถยนต์  โฟล์คสวาเกน รุ่นเดอะ นิว คาราเวล เพื่อใช้เป็นยานพาหนะสำหรับ “ศาสตร์จารย์ เอ-อิชิ เนกิชิ” ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี ประจำปี ค.ศ.2010  ซึ่งจะแสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “พลังแห่งปฏิกิริยาที่ใช้โลหะทรานสิชั่นเป็นตัวเร่ง เพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืนและรุ่งเรือง ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการ ““สานสัมพันธ์สู่สันติวัฒนธรรม ครั้งที่ 5 ประจำภูมิภาคอาเซียน” (The 5th ASEAN event series “Bridges - Dialogues Towards a Culture of Peace”)  

“MOTOR EXPO” เผยโฉมผู้โชคดี คว้ารางวัลชิงรถมูลค่ารวมกว่า 2.6 ล้านบาท!


“สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรมยานยนต์” หรือ Thailand International Motor Expo มอบรางวัลใหญ่ รถยนต์ 3 คัน และจักรยานยนต์ 1 คัน รวมมูลค่า 2,626,000 บาท แก่ผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมชิงรางวัลภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31” โดยมีรายละเอียดดังนี้
"ซื้อรถ ชิงรถ" คุณกรกนก ใจฉลาด รับมอบรถยนต์ MG6 FASTBACK 1.8X TURBO SUNROOF มูลค่า 1,128,000 บาท
"ซื้อบัตร ชิงรถ" คุณฐิติกร โอภาสนิพัทธ์ รับมอบรถยนต์ FORD ALL-NEW ECOSPORT รุ่น TREND มูลค่า 759,000 บาท
“SMS ชิงรถ" คุณสุนทร บุญมีมีชัย รับมอบรถยนต์ SUZUKI CELERIO มูลค่า 439,000 บาท
“ซื้อมอเตอร์ไซค์ ชิงบิกไบค์" คุณสุนทร เพิ่มเพียรสิน รับมอบจักรยานยนต์ HONDA CBR 650F มูลค่า 300,000 บาท

ติดตามรายชื่อผู้โชคดีทุกรายการ ได้ในนิตยสาร "ฟอร์มูลา", คาร์ สเตริโอ, 4 WHEELS ฉบับ ประจำเดือนเมษายน 2558 หรือที่ http://www.motorexpo.co.th

เปิดตำนานอมตะรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural (อูรัล)


เรื่องราวของ “Ural” หรือ อูรัล” เริ่มต้นขึ้นในปี 1939 ระหว่างยุคปฏิบัติการสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics หรือ USSR) ดินแดนหลังม่านเหล็ก ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้จะมีสนธิสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างเยอรมนีกับสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Molotov Ribbentrop)แต่โซเวียตก็ทราบดีว่าอีกไม่นานจะต้องรับมือกับจอมเผด็จการ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ (Adolf Hitler) ทำให้ โจเซฟ สตาลิน’ (Joseph Stalin) ขุนศึกแห่งโซเวียต ต้องเตรียมกำลังไพร่พลทหารภาคพื้นดินเพื่อต่อกรกับกองทัพแพนเซอร์ของเยอรมัน รวมถึงหน่วยกองรบพิเศษในการป้องกันกองทัพจากโปแลนด์ด้วย

          จากปฏิบัติการนี้ กระทรวงกลาโหมของโซเวียตได้มีการหารือกันในที่ประชุมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ที่จะใช้ในกองทัพ ซึ่งกองทัพต้องการรถที่ทันสมัยและมีอะไหล่-อุปกรณ์เสริมที่มีคุณภาพกว่าเดิม สืบเนื่องจากรถรุ่นเก่าที่ใช้ในปฏิบัติการจัดการความขัดแย้งกับฟินแลนด์นั้นล้าสมัย ด้อยคุณภาพ และไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าใดนัก

หลังจากการหารืออย่างยาวนาน ในที่สุด ‘BMW R71’ ก็ถูกเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์คันใหม่ที่จะใช้ในกองทัพ โดยรัสเซียได้มีการซื้อรถ BMW จำนวน 5 คัน และนำเข้ามาอย่างลับๆ จากสวีเดน จากนั้นจึงให้วิศวกรในกรุงมอสโกถอดแบบทั้งรูปทรงและตัวเครื่อง โคลนนิงใหม่ให้กลายเป็น ‘M-72’ รถต้นแบบคันแรกที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงต้นปี 1941 ซึ่ง สตาลิน ก็ได้อนุมัติให้มีการผลิตรถพ่วงข้างดังกล่าวเพื่อใช้ในกองทัพโดยทันที

          โรงงานในกรุงมอสโกได้เริ่มต้นทำการผลิต “M-72” รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง จำนวนหลายร้อยคัน แต่ด้วยยุทธวิธีการบุกโจมตีอย่างเฉียบพลันของนาซี ตลอดจนการทิ้งระเบิด ทำให้โซเวียตกังวลว่า ระเบิดอาจตกในรัศมีของโรงงาน จึงตัดสินใจย้ายที่ตั้งไปทางตะวันออก ท่ามกลางทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการผลิต และห่างไกลจากรัศมีของเครื่องบินทิ้งระเบิด ในเมืองIrbit เขตเทือกเขาอูรัล หรือ อูราล” ที่คนไทยส่วนใหญ่ออกสำเนียงเพี้ยนจากภาษารัสเซีย  เมืองที่ได้ชื่อว่า ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของรัสเซียก่อนการปฏิวัติเมื่อปี 1917

          อาคารขนาดใหญ่ในเมืองนี้มีเพียงโรงเบียร์ ซึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นอาคารหลักสำหรับวิจัยและพัฒนาวิธีการผลิตขนาดใหญ่ของรถพ่วงข้าง “M-72” จนกระทั่งในวันที่ 25 ตุลาคม 1942 รถจักรยานยนต์ “M-72” ที่ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานแห่งนี้ ได้ถูกส่งไปสมรภูมิรบเป็นครั้งแรก ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รถมอเตอร์ไซค์รุ่น “M-72” ได้ถูกผลิตออกมาถึง 9,799 คัน เพื่อใช้ในหน่วยลาดตระเวน และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ในแนวหน้าของการรบ

“Ural” ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กองทัพรัสเซียได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรปราบ จอมเผด็จการ ฮิตเลอร์ในสมรภูมิภาคพื้นยุโรป หลังจากสงครามสิ้นสุดลง โรงงานแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงใหม่ และในปี 1950 โรงงานแห่งนี้ก็ได้ทำการผลิต Ural ครบ 30,000 คัน ซึ่งช่วงปลายของทศวรรษที่ 50 ได้มีการแบ่งหน้าที่การผลิตรถ Uralสำหรับใช้งานในกองทัพให้กับโรงงานใน Ukraine และโรงงานใน Irbit ได้เริ่มต้นผลิตรถสำหรับตลาดภายในประเทศและรถในการพาณิชย์มากขึ้น ความนิยมในรถ Ural ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นจนมาถึงช่วงทศวรรษที่ 60 โรงงานแห่งนี้ก็เปลี่ยนมาผลิตรถเพื่อการพาณิชย์อย่างเต็มตัว

ประวัติศาสตร์การส่งออกของ Ural (อูรัล)
“Ural” ได้ถูกส่งออกจากโซเวียตเป็นครั้งแรกในปี 1953 โดยในช่วงแรกถูกส่งออกไปยังประเทศที่กำลังพัฒนา แต่พอมาถึงช่วงปี 1960 Ural ก็ถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วทุกมุมโลก ด้วยจุดเด่นอันผสมผสานกันได้อย่างลงตัวทั้งสไตล์การออกแบบที่เป็นอมตะ คุณสมบัติในการบรรทุกของรถพ่วงข้าง รวมไปถึงราคาที่สมเหตุสมผล
  
ในเดือนพฤศจิกายนปี 1992 โรงงานที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมาตลอดแห่งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหุ้นของบริษัท โดย 40% ของหุ้นได้ถูกแบ่งให้กับฝ่ายบริหารและพนักงาน อีก 38% ได้มีการประมูลให้กับผู้ที่สนใจซึ่งส่วนใหญ่ก็ตกไปเป็นของคนภายในบริษัท และ 22% ที่เหลือยังเป็นของรัฐบาล

จนกระทั่งต้นปี 1998 Ural ได้ถูกซื้อโดยนักลงทุนชาวรัสเซีย และได้กลายมาเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว โดยการเข้ามาของเจ้าของรายใหม่ ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานใหม่ทั้งหมด พร้อมกับไอเดียและเทคโนโลยีในการผลิตแบบใหม่ รวมไปถึงคำมั่นสัญญาที่ให้กับลูกค้าทุกรายถึงการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน ทำให้ Ural กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Ural ในสมัยเก่า แต่ถูกพัฒนาโดยเทคโนโลยีการผลิตและวัตถุดิบในยุคปัจจุบัน ระบบการพ่นสีที่ถูกปรับปรุงใหม่ รวมไปถึงชิ้นส่วนโครเมี่ยม ทำให้ Ural ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

Ural ที่ถูกผลิตขึ้นในปัจจุบัน ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานของความสมบุกสมบันบนถนนอันขรุขระของประเทศรัสเซีย ยังมีสถานที่อีกมากมายในประเทศแห่งนี้ที่มีเพียงม้าและ Ural เท่านั้นที่จะพาคุณและสัมภาระเข้าไปได้ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural ยังคงใช้เครื่องยนต์ในแบบ Flat Twin 2 สูบวางนอน 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบเกียร์เดินหน้า 4 สปีด และเกียร์ถอยหลัง ขับเครื่องด้วยเพลา จานคลัชท์คู่แบบแห้ง โช๊คอัพสปริง และดิสท์เบรก ซึ่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ทั้งแบบ Solo และSidecar ได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เหมาะสำหรับตลาดแถบยุโรปและอเมริกามากยิ่งขึ้น
                   
“Ural” เป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่แบรนด์เดียวในรัสเซีย รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รูปแบบ Sidecarเพียงไม่กี่แบรนด์ของโลก ซึ่งนอกจากจะมีการจำหน่ายภายในประเทศรัสเซียแล้ว ยังมีการส่งออกไปอีกหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สเปน กรีซ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน เยอรมัน อียิปต์ อิหร่าน แอฟริกาใต้ บราซิล อุรุกวัย ปารากวัย และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย จนถึงวันนนี้ “Ural” กว่า 3.2 ล้านคัน ถูกผลิตขึ้น ภายหลังจาก “M-72” รถต้นแบบได้ถือกำเนิดขึ้นในอดีต

           จากรัสเซียสู่แดนสยามกับนิยามใหม่ภายใต้แนวคิด “Camping-Adventure”
          ล่าสุด บริษัท อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์ จำกัด ร่วมสานต่อตำนานอมตะรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง Ural “อูรัล” จากดินแดนหมีขาว รัสเซีย” ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการรถจักรยานยนต์เมืองไทยเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินไทย ในงานเทศกาลคนรักมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบงค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2015” เมื่อตนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายและทำตลาด แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

ด้วยแนวคิด แคมปิ้งแอดแวนเจอร์” ทีทาง อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิลส์ ไทยแลนด์ กำหนดทิศทางในการบุกเบิกตลาด Ural (อูรัล) สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์เฉพาะตัวของ รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่มีความโดดเด่นทั้งด้านความแข็งแกร่ง ทนทาน สามารถขับขี่ได้ดีเยี่ยงรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป และยังสามารถขับขี่ใช้งานได้ทุกสภาพถนน แม้แต่เส้นทางทุรกันดาร โดยยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์คลาสสิคที่สืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้รักการท่องเที่ยวและชื่นชอบความท้าทายในการขับขี่แบบผจญภัย

สัมผัสและทดลองขับขี่ Ural (อูรัล) รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อ และล้อเดียวได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน อูรัล มอเตอร์ไซค์เคิล ประเทศไทย” ซอยพัฒนาการ 76 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร.02-722-0990 สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.uralthailand.com


สถาบันยานยนต์ เปิดศูนย์ทดสอบยางล้อ นำร่องพัฒนาอุตสาหกรรมยางไทยสู่มาตรฐานโลก


กระทรวงอุตสาหกรรม และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้สถาบันยานยนต์ เป็นองค์กรในการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบันมาเป็นเวลา 17 ปี ซึ่งในปี พ.ศ. 2556 ได้อนุมัติแผนให้สถาบันยานยนต์ขยายการดำเนินการสร้างศูนย์ทดสอบยางล้อขึ้น ด้วยงบประมาณ 85 ล้านบาท สำหรับตรวจมาตรฐานตาม UN/ECE และตามข้อตกลงอาเซียน เพื่อขยายการแข่งขันให้มาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้รับความเชื่อถือจากในอาเซียน และระดับโลก จึงได้ดำเนินการพัฒนามาตรฐานให้เข้าสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง
นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ยางยานพาหนะหรือยางล้อเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมยางที่ใช้ยางธรรมชาติมากเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางทั้งหมด มีมูลค่าการส่งออกในปีที่ผ่านมาประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งทิศทางของอุตสาหกรรมยางล้อที่ศึกษาโดยกลุ่มศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ หรือ IRSG ได้คาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี พ.ศ. 2563 ความต้องการยางของโลกจะอยู่ที่ถึง 31.7 ล้านตัน เป็นมูลค่าประมาณ 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
การคาดการณ์ดังกล่าวมาจากทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจีนที่ก้าวกระโดดกลายเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ทำให้ความต้องการยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ปริมาณความต้องการใช้ยางธรรมชาติทั้งในประเทศจีนและของโลกจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ศักยภาพการผลิตยางล้อของไทย ต้องพร้อมรับกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับยางล้อที่เป็นมาตรฐาน UN/ECE และมาตรฐานสากลอื่น ๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปลายปี พ.ศ. 2558 ที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตล้อยางของเอเชีย
ศูนย์ทดสอบยางล้อ สถาบันยานยนต์ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรมยางยานพาหนะไปสู่ระดับสากล และช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายการทดสอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงโครงการจัดตั้งสนามทดสอบ ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทราในเร็วๆนี้ เพื่อรองรับมาตรฐานต่างๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตด้วยจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและพัฒนาการผลิตยางล้อใหม่ๆ ของผู้ประกอบการไทยให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกให้แก่ผู้ประกอบการไทย รวมถึงยกระดับคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมของคนในประเทศให้ดีขึ้นด้วยการพัฒนาสู่ศูนย์ทดสอบรถยนต์ทั้งคัน อย่างครบวงจร
นายหทัย อู่ไทย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้กล่าวเสริมว่า “มาตรฐานยางล้อในปัจจุบันจะคำนึงถึงความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงานเป็นหลัก ให้ได้มาตรฐาน ตามค่าที่กำหนด โดยการทดสอบเพื่อขอ มอก.สินค้า ตามประเภทของยาง ประกอบไปด้วย 1. มอก.367-2532 ECE Regulation no.R54 การทดสอบยางรถบรรทุก 2. มอก.367-2532 ECE Regulation no.R30 การทดสอบยางรถยนต์ 3. มอก.682-2540 ECE Regulation no.R75 การทดสอบยางรถจักรยานยนต์ และ 4. มอก.367-2552 ECE Regulation no.R117 Rolling Resistance


ปัจจุบันขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมยางล้อของไทยยังมีข้อจำกัด ส่งผลให้การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวเนื่องจากสินค้าไทยไม่ได้การรับรองมาตรฐานที่จะเข้าสู่ตลาดสากล ซึ่งปัญหาหลักที่สำคัญประการหนึ่งเนื่องจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และไม่เป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้า ซึ่งบังคับใช้คือ มาตรฐาน UNECE Regulation ซึ่งไทยยังไม่มีการบังคับใช้มาตรฐานดังกล่าว รวมทั้งศูนย์ทดสอบและการให้การรับรอง ต้องส่งไปทดสอบและรับรองที่ต่างประเทศ ทำให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ถึงปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

    การจัดตั้งศูนย์ทดสอบกลางฯ เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางล้อของไทย ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น มีรายได้จากการส่งออกยางล้อเพิ่มขึ้น โดยการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางล้อ รวมถึงกระบวนการทดสอบและรับรองมาตรฐานดังกล่าว เป็นการสร้างการยอมรับจากลูกค้าเพื่อลดอุปสรรคและขยายโอกาสทางการค้าไปยังตลาดโลก

นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวเสริมว่า สถาบันฯ ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งได้สนับสนุนเครื่องมือทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN-ECE ที่มีศักยภาพในการให้บริการตรวจสอบความทนทานของยางล้อสำหรับรถยนต์ประเภทต่างๆ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รวมไปถึง รถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ ตามมาตรฐาน UN-R30 UN-R54 และ UN-R75 นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบความต้านทานการหมุนของยางล้อ หรือ Rolling Resistance หนึ่งในรายการตรวจสอบ เพื่อบ่งบอกระดับการประหยัดพลังงานตามมาตรฐานของยางล้อตามมาตรฐาน UN-R117 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน จึงนับได้ว่า ศูนย์ทดสอบยางล้อ สถาบันยานยนต์ มีศักยภาพ และความพร้อมในการให้บริการในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรมด้านการตรวจสอบและรับรอง ยางล้อที่ทันสมัย ให้กับภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการผลิตยางล้อที่มีคุณภาพภายในประเทศเป็นที่ยอมรับ และต้องการในตลาดสากล นอกจากนี้ยังสามารถสนับสนุนการวิจัยออกแบบ พัฒนา และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางล้อ และผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการตรวจสอบ และรับรองผลิตภัณฑ์ยางล้อตามมาตรฐาน UN-ECE ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนดังกล่าวในขั้นตอนของการผลิต จากการต้องส่งยางล้อไปทดสอบที่ต่างประเทศอีกด้วย
นายวิชัย กล่าวทิ้งทายว่า หากโครงการการสร้างสนามทดสอบยางล้อสำเร็จ จะเป็นการดีสำหรับอุตสาหกรรมยางตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพราะประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางที่ครบวงจร ทั้งวัตถุดิบยางพารา และ การเป็นฐานการผลิตในอนาคต ซึ่งคาดว่าโครงการต่อขยายทั้งหมดจะใช้งบประมาณ 2,850 ล้านบาท เพื่อเร่งสร้างความได้เปรียบก่อนอินโดนีเซียที่มีแผนจะพัฒนาด้านนี้เช่นกัน

วันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมยางยานพาหนะไปสู่ระดับสากล ทั้งนี้ ศูนย์ทดสอบยางล้อ สถาบันยานยนต์ นิคมอุตสาหกรรมบางปู จะเป็นห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากลที่สามารถรองรับการให้บริการแก่ภาคอุตสาหกรรมไทย ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกให้แก่ผู้ประกอบการไทย รวมถึง ยกระดับคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมของคนในประเทศให้ดีขึ้นอีกด้วย

เปิดตัว “แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท” สุดยอดยนตกรรมในดวงใจคนดัง หรูหราราวกับเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว



ค่ายรถหรูคาร์แมกซ์ พระราม 9 ผู้นำในตลาดรถยนต์หรูนำเข้าและซูเปอร์คาร์ สร้างปรากฏการณ์ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ จัดงาน “JET ON GROUND” เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์สุดหรู แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท (Airstream Interstate) ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย โดยถือเป็นยนตรกรรมที่มีดีไซน์ เหนือชั้นประหนึ่งวิมานเคลื่อนที่ เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์แบบ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ซึ่งถือเป็นสุดยอดรถยนต์ในดวงใจของคนดังและบุคคลสำคัญทั่วโลก โดยได้รับเกียรติจากเจ้าพ่อแวดวงรถหรู ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน พร้อมกับคนดังที่ชื่นชอบรถยนต์หรู ร่วมงานคับคั่ง ณ โชว์รูมคาร์แมกซ์ พระราม 9 เมื่อค่ำคืน  วันจันทร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
            งาน “JET ON GROUND” เถ้าแก่ชัช-ชัชชัย สิทธิเดชชาญชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท        แอร์สตรีม บาย คาร์แมกซ์ พระราม 9 (ไทยแลนด์) จำกัด จัดขึ้นอย่างสุดยิ่งใหญ่อลังการ เขย่าวงการรถยนต์หรู   สมกับความโดดเด่นอันเลื่องชื่อของรถยนต์ “แอร์สตรีม อินเตอร์สเตทที่สนนราคาเริ่มต้นคันละ 12 ล้านบาท ทำให้ได้รับความสนใจจากเซเลบริตี้ คนดัง นักธุรกิจ นักการเมือง และบุคคลระดับวีไอพีพากันเดินทาง       มาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ จรินทร์ สุมานนท์, วิไลวรรณ ลายถมยา, มาริน ประภากมล, ร.อ.ขจิต         หัพนานนท์, วี มาร์, ดร.ฐานิสร์ วัชโรทัย, นฤเทพ สิทธิชาญคุณะ, ดวงกมล เวปุลละ, รุ่งยศ-ภัณฑิรา จันทภาษา ฯลฯให้เกียรติมาร่วมสัมผัสวินาทีการเปิดตัวแบบสุดอลังการ ให้ความรู้สึกราวกับเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวกำลังร่อนลงมากลางงาน พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจากตัวแทนแอร์สตรีม สหรัฐอเมริกา มร.จัสติน       ฮัมฟรี่ย์ Vice President of Sales เดินทางมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง
  
เถ้าแก่ชัช-ชัชชัย สิทธิเดชชาญชัย เปิดเผยว่า “แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท เป็นรถยนต์อเนกประสงค์    สุดหรู ยนตรกรรมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างค่ายรถยนต์ระดับโลก 2 ค่ายได้แก่ Airstream และ Mecedes-Benz จึงมีความโดดเด่นและสมบูรณ์แบบ แสดงถึงความสง่า องอาจ สวยหรู อย่างมีระดับ ให้ประสบการณ์การเดินทางอย่างหรูหราและวีไอพีอย่างแท้จริง เหมาะกับคนเมืองหรือนักธุรกิจที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย   ในทุกที่ทุกเวลา ทำให้ทุกช่วงเวลาของการเดินทางไม่น่าเบื่อและคุ้มค่า ภายในห้องโดยสารได้รับการรังสรรค์ให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกราวกับอยู่บ้าน อาทิ ชุดห้องน้ำ ชุดครัว เตาอบ ตู้เย็น เครื่องชงกาแฟ เตียงนอน โซฟาพักผ่อน ระบบความบันเทิงโทรทัศน์จอแบนขนาน 22 นิ้ว เครื่องเล่นบลูเรย์ สายต่อจานดาวเทียม ระบบเชื่อมต่อ มัลติมีเดีย รวมถึงระบบพลังงาน และระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เหนือความคาดหมาย รวมทั้งสามารถดัดแปลงให้เป็นห้องทำงานเคลื่อนที่สุดโมเดิร์นได้อีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจและครอบครัวที่ชื่นชอบการเดินทาง”
“นอกจากนี้ แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท ยังได้รับการจัดให้เป็นรถเก๋ง ได้รับการรับประกัน แบบ “ยกกำลังสอง” จากค่ายแอร์สตรีมและเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในระยะเวลา 2 ปี หรือ 200,000 กม. แถม ศูนย์บริการค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ทุกแห่งยังพร้อมให้บริการในส่วนของการซ่อมบำรุงตัวรถ และพิเศษสุดทางคาร์แมกซ์ พระราม 9  ยังถือเป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราได้นำเข้ารถรุ่นนี้มาเพียง 100 คันเท่านั้น สำหรับวีไอพีชาวไทยที่จะได้สัมผัสความหฤหรรษ์จากการเดินทางไปกับรถยนต์สุดหรูคันนี้"
สำหรับความพิเศษในงาน JET ON GROUND ในครั้งนี้ ได้เชิญ 5 สาวแซบ “ปู-ไปรยา, ปุ๊กลุก-     ฝนทิพย์, แซมมี่-ปัณฑิตา, ฐิสา-วริฏฐิสา และโบว์-เมลดา” ร่วมเปิดตัว “แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท” (Airstream Interstate) สุดยอดรถยนต์อเนกประสงค์สุดหรู พร้อมมินิคอนเสิร์ตจาก 2 สาว “นิว-จิ๋ว” แห่ง          เดอะสตาร์ สนใจเป็นเจ้าของ “แอร์สตรีม อินเตอร์สเตท” (Airstream Interstate) ติดต่อได้ที่ 02-319-1111 หรือรายละเอียดทาง www.airstream.co.th

ที่สุดของคลาสรถนี้: ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4)





สตุ้ดการ์ท. เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) สมาชิกใหม่ของครอบครัวปอร์เช่ GT เผยโฉมแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ได้แนะนำรถสปอร์ต GT ในรุ่น เคย์แมน (Cayman) โดยได้รับส่วนประกอบต่างๆ มาจากรุ่น 911 จีที3 (911 GT3) ซึ่งเคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) สามารถทำเวลารอบสนามแข่ง Nürburgring ฝั่ง North Loop ได้อย่างเหนือชั้น นั่นคือ 7 นาที 40 วินาทีเท่านั้น ส่งผลให้เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) กลายมาเป็นรถรุ่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในกลุ่มตลาดเดียวกัน และเป็นเสมือนคำสัญญาและการยืนยันว่าปอร์เช่จะยังคงเดินหน้าพัฒนารถสปอร์ต 2 ประตูสำหรับอนาคตจากแผนกมอเตอร์สปอร์ต ณ เมือง Weissach ต่อไป

เครื่องยนต์ ตัวถัง เบรก และการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของ เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) เน้นในเรื่องของการขับขี่เพื่อความคล่องตัวมากที่สุด และยังคงสมรรถนะที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ตามแบบฉบับของรถสปอร์ตปอร์เช่ 2 ประตู เครื่องยนต์มีขนาด 3.8 ลิตร 6 สูบ พละกำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 385 แรงม้า (283 กิโลวัตต์) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่นำมาจากรุ่น 911 คาเรร์ร่าเอส (911 Carrera S) นั่นเอง ระบบส่งกำลังมาในรูปแบบระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชั่วโมง อยู่ที่ 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำแค่เพียง 10.3 ลิตร/100 กิโลเมตร (9.70 กิโลเมตร/ลิตร) ตัวถังสามารถลดระดับให้ต่ำลงได้อีก 30 มิลลิเมตร ส่วนระบบเบรกนำมาจากรุ่น 911 จีที3 (911 GT3) นั่นเอง

ติดตั้งมาเพื่อการขับขี่เสมือนในสนามแข่ง: ปอร์เช่ เคย์แมน (Porsche Cayman) คันแรกที่มาพร้อมกับแรงกดบนเพลาทั้ง 2 ด้าน

สำหรับภายนอกของ เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) จะมีความแตกต่างกับรุ่นคูเป้เครื่องยนต์วางกลางรุ่นอื่นอย่างชัดเจน ชิ้นส่วนต่างๆ ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ไม่ว่าจะเป็น ช่องดักอากาศทางด้านหน้า และปีกด้านหลังที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ในแพ็คเกจ aerodynamic package และได้รับการออกแบบมาเป็นระบบเพื่อเพิ่มแรงกดให้กับรถมากขึ้น เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) ยังสามารถติดตั้งชิ้นส่วนอื่นๆ ตามต้องการเพื่อการใช้งานแบบสปอร์ตได้ ระบบเบรกเซรามิก PCCB สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ อีกทั้งยังมีเบาะแบบคาร์บอนไฟเบอร์ carbon fibre reinforced plastic (CFRP) รวมถึงแพ็คเกจ Sport Chrono ที่มาพร้อมกับ Track Precision app และแพ็คเกจ Club Sport ที่สามารถเลือกติดตั้งได้เช่นกัน
ภายในห้องโดยสารของเคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารโดยเฉพาะ และพร้อมจะทำให้พวกเขาได้รับความสุนทรีย์ในการขับขี่อย่างเต็มที่ เมื่อพวกเขาได้นั่งที่เบาะ ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงความเป็นสปอร์ตทันทีผ่านหนังแท้และหนัง Alcantara ที่ได้รับการผสมผสานไว้ได้อย่างลงตัว พวงมาลัยแบบสปอร์ตของเคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) จะรองรับการควบคุมและการตอบสนองที่แม่นยำในทุกสถานการณ์

เทคนิคหลากหลายด้านของรถสปอร์ต GT คันใหม่นี้ได้รับมาจาก 911 จีที3 (911 GT3) ซึ่งเป็นรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางและเป็นตัวแทนที่ดีเยี่ยมของการขับขี่ที่คล่องตัว อีกทั้งยังเป็นสร้างสรรรค์ตามแบบฉบับของรถรุ่นต่างๆ อย่าง 904 จีทีเอส (904 GTS) , 911 จีที1 (911 GT1) , คาร์เรร่า จีที (Carrera GT) และ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder)

รถสปอร์ต GT จากปอร์เช่คันนี้คือการเชื่อมต่อระหว่างความน่าหลงใหลและเสน่ห์ระหว่างการใช้งานจริงทั้งในชีวิตประจำวันและในสนามแข่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหลักสำคัญของความเป็นรถสปอร์ตของแบรนด์นั่นคือ Intelligent Performance ซึ่งผู้ขับขี่ 4 คนจาก 5 คนของรถสปอร์ตปอร์เช่ จะใช้รถรุ่นนี้ในสนามแข่งเช่นกัน

เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานมหกรรมยานยนต์ Geneva International Motor Show ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบในเมืองอยู่ที่ 14.8 ลิตร/100 กิโลเมตร; (6.75 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมืองอยู่ที่ 7.8 ลิตร/100 กิโลเมตร; (12.82 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 10.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; (9.70 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาบอนไดออกไซด์ (CO2 ) อยู่ที่ 238 กรัม/กิโลเมตร


ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า  เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณหรือ AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานมหกรรมยานยนต์ Geneva International Motor Show ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

เคย์แมน จีที4 (Cayman GT4): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบในเมืองอยู่ที่ 14.8 ลิตร/100 กิโลเมตร; (6.75 กิโลเมตร/ลิตร) นอกเมืองอยู่ที่ 7.8 ลิตร/100 กิโลเมตร; (12.82 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 10.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; (9.70 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาบอนไดออกไซด์ (CO2 ) อยู่ที่ 238 กรัม/กิโลเมตร

KIA รุกตลาดรถไทย เปิดตัวรถรุ่นใหม่ 2 รุ่นล่าสุด




All-New GRAND CARNIVAL และ All-New SOUL 2.0 เน้นตลาด MPV พร้อมเปิดตัว Segment ใหม่รถ Crossover สำหรับไลฟ์สไตล์คนเมือง
·       All-New GRAND CARNIVAL รถ  Premium MPV รุ่นล่าสุด 11 ที่นั่ง มาพร้อมกับเทคโนโลยี่ในรุ่น Generation 3 เครื่องยนต์ 2200 ซีซี ดีเซลเทอร์โบล่าสุด มีอัตราเร่งที่แรงเร้าใจแต่ประหยัดน้ำมัน ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และขับขี่ด้วยตัวเองหรือมีคนขับ
·       All-New SOUL รถ Urban Crossover มีคุณลักษณะรวมกันของ ซีดาน 5 ที่นั่ง ผสมกับ คุณลักษณะของประโยชน์ใช้สอย สะดวกสบาย แบบ MPV และผสมผสานคุณลักษณะของ SUV ให้ดูแข็งแกร่ง โฉบเฉี่ยวมากขึ้น
·       KIA ให้ความมั่นใจในการรับประกันคุณภาพ (Warranty)ถึง 5 ปี หรือ 150,000 กม
Mr.Kyoo Wan Jo - Advisor to CEO  ได้กล่าวถึงการเปิดตัวรถยน์ Kia รุ่นล่าสุดทั้ง 2 รุ่นที่ KIA Center ว่า “ รถ All-New GRAND CARNIVAL และ All-New SOUL 2.0ทั้ง 2 รุ่น เป็นรถที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Kia โดยเฉพาะในตลาดทั่วโลกทั้งในยุโรป และ อเมริกา

ซึ่งทางบริษัท ยนตรกิจเกีย มอเตอร์ จำกัด ได้เล็งเห็นว่ารถทั้ง 2 รุ่นนี้ เหมาะสำหรับผู้มีรสนิยมในการใช้งานในประเทศไทยมาก โดยเฉพาะ All-New GRAND CARNIVAL เป็นรถใน Segment MPV ที่เหมาะกับครอบครัวชาวไทย ที่เน้นความสะดวกสบายสามารถปรับเปลี่ยนที่นั่งได้หลายรูปแบบ รองรับครอบครัวใหญ่ได้ถึง 11 ที่นั่ง ที่สำคัญเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ให้ความสะดวกสบายมากมาย เหมาะทั้งสำหรับในเมืองและเดินทางไกล จะขับด้วยตัวเองหรือมีคนขับรถก็ได้

 

สำหรับ All-New SOUL 2.0 เป็นรถที่มีสไตล์แนวสมัยใหม่ หรือ Trendy Car ซึ่งต้นกำเนิดจากประเทศอเมริกา  และประสบความสำเร็จไปทั่วโลก สำหรับกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ที่มีความชอบความแตกต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นความคล่องแคล่วในการขับขี่


นายกัณฑ์พงษ์ สุวิกะปกรณ์กุล ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย กล่าวถึง รายละเอียดของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ว่า All-NewGRAND CARNIVAL เป็น Generation ที่ 3 ซึ่งเป็นรถที่มีการพัฒนาใหม่หมดทั้งรูปทรง และเครืองยนต์ที่ให้การขับขี่เป็นไปด้วยความสนุก รถ All-New GRAND CARNIVAL มากับขุมพลัง 2,199 ซีซี ดีเซลเทอร์โบ ทำแรงม้าได้ถึง 197 /3800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 45 กก-ม/440 นิวตัน-ม 1,750-2,750 รอบต่ำและปานกลาง วงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.6 ม

ให้อัตราเร่งที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมทันใจภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ในแบบ 11 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย เบาะนั่งแถวหลังสามารถปรับเรียบไปกับพื้น

ห้องโดยสารเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางสัมภาระให้มากขึ้น คอนโซลกลางด้านหน้าใหม่ ซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บใช้สอยได้สะดวก ในส่วนที่นั่งด้านหน้า มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ปุ่ม Start/ Stop ประตูเลื่อนไฟฟ้า และฝากระโปรท้ายเปิดปิดไฟฟ้า เบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้า ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ในรุ่น EX เป็นต้น

 All-New SOUL 2.0 มากับรูปโฉมและเครื่องยนต์ใหม่ เป็น Generation ที่ 3 ซึ่งเป็นรถที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร และเป็นรถที่รวมทั้ง Crossover , MPV และ SUV อยู่ในคันเดียวกัน ด้วยเครืองยนต์ เบนซิน 1,999 ซีซี 154 แรงม้าที่ 6,200 รอบ แรงบิด 19.5 กก-ม ที่ 4700 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ เสื้อสูบเป็นแบบ อลูมิเนียมมีน้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี มาพร้อมการปรับรูปร่างโฉมใหม่ให้มีความปราดเปรียวมากขึ้น และระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบประหยัด หรือ ขับขี่แบบสปอรต์ หรือเปลี่ยนเกียร์แบบ ธรรมดา มีอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถครบครัน ปุ่ม Start /Stop พวงมาลัยแบบมัลติฟังชั่นระบบ Flex Steer ปรับได้ 3 แบบ และล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว เป็นต้น เหมะสำหรับการใช้งานได้ทั้งในเมืองและการเดินทางไกล


ราคาจำหน่ายทั้ง 2 รุ่น
                   All-New Grand Carnival         รุ่น      LX1,595,000   บาท
                                                          รุ่น      EX1,928,000   บาท
                       All-New SOUL 2.0                          1,397,000      บาท 
                  
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved